 |
ความคิดเห็นที่ 12 |
แฉเครือข่าย แก๊งดาวน์ แชร์ รถยนต์-มอเตอร์ไซค์ การสวมทะเบียนไม่ได้มีเฉพาะรถยนต์ราคาแพงเท่านั้น ในส่วนของรถจักรยานยนต์เองก็มีการลักลอบสวมทะเบียน หรือบางครั้งก็ปลอมป้ายทะเบียนกันเลย เนื่องจากในแต่ละปีมีรถจักรยานยนต์ออกสู่ท้องถนนกันกว่า 1.4-.15 ล้านคัน และในเมืองไทยน่าจะมีรถจักรยายยนต์ใช้งานอยู่ไม่ต่ำกว่า 10 ล้านคัน อีกทั้งการโจรกรรมรถจักรยานยนต์ทำได้ง่าย และสะดวกกว่า ซึ่งในที่สุดรถจักรยานยนต์ถูกโจรกรรมเหล่านี้ จะถูกส่งไปยัง 3 แหล่ง คือ 1.ประเทศเพื่อนบ้าน 2. แยกชิ้นส่วน และ3.ทำทะเบียนปลอมขาย แม้ราคามอเตอร์ไซค์จะไม่สูงมาก และกำไรจากการจำหน่ายจะไม่เพียบเท่ากับรถยนต์ แต่จากจำนวนที่มากกว่ารถยนต์หลายเท่าตัว ทำให้กลายเป็นอีกหนึ่งแหล่งที่ทำรายได้อย่างงามให้กลุ่มมิจฉาชีพ ในเรื่องนี้ ผู้จัดการ 360 รายวัน ได้เคยทำรายงานไว้ดังนี้ แก๊งดาวน์รถ-แชร์รถ จากข้อมูลพบว่าเครือข่ายการโจรกรรมรถยนต์นั้นมีมักทำกันเป็นขบวนการ โดยมีกลุ่มนายทุนให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ซึ่งการขโมยรถโดยกลุ่มแก๊งต่างๆแล้ว วิธีการหนึ่งที่กำลังแพร่ระบาดอย่างมาก็คือ แก๊งดาวน์รถ และ แชร์รถยนต์ ซึ่ง พ.ต.ท.อรรถพร สุริยเลิศ รองผู้กำกับศูนย์สืบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาลและหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการศูนย์ป้องกันและปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ ได้เปิดเผยถึงวิธีการชองขบวนการดังกล่าว ว่า จริงๆแล้วตัวเลขรถหายที่ทางเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งนั้น เราพบว่ามีรถที่ไม่ได้หายจริงถึง 30% แต่เป็นการทำรถให้หายไปจากระบบโดยฝีมือของแก๊งอาชญากรรมที่เรียกกันว่า แก๊งดาวน์รถ โดยแก๊งพวกนี้จะจ้างชาวบ้านในชุมชนไปดาวน์ โดยจ้างคน 3,000 บาท คนค้ำประกัน 2,000 บาท ที่พบมากคือรถจักรยานยนต์เพราะดาวน์ง่าย ใช้เงินดาวน์น้อย บางร้านให้ดาวน์ 999 บาท หรือบางร้านไม่เรียกเงินดาวน์เลย แค่เอาสำเนาบัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านของผู้ซื้อไว้ เมื่อได้รถมาแล้วแก๊งดาวน์รถก็เอารถส่งไปขายที่กัมพูชา ส่วนร้านขายรถจักรยานยนต์เขามีประกันภัย เขาก็ไปแจ้งหาย ประกันภัยก็ไปจ่ายไฟแนนซ์ ซึ่งแก๊งพวกนี้จะมีนายทุนที่เป็นหัวหน้าแก๊งตัวจริง นายทุนเอารถไปขายได้ 30,000 บาท แต่ลงทุนจ้างชาวบ้านแค่ 5,000 บาท ทำอย่างนี้สัก 10 คัน ก็ได้เงินตั้งหลายแสน มันก็เลยเกิดขบวนการอย่างนี้ขึ้นมา อย่างคดีที่ดังๆ แถวย่านบางปู แก๊งดาวน์รถมันเอาใบปลิวไปติดในสลัมว่าถ้าร้อนเงินให้ติดต่อที่เบอร์นี้ พอชาวบ้านมาติดต่อเขาก็บอกว่าจะให้กู้เงิน 12,000 บาท โดยให้ชาวบ้านไปดาวน์รถจักรยานยนต์มาเพื่อเอามาค้ำประกันเงินกู้ แก๊งพวกนี้ก็ส่งรถไปขายชายแดน แต่ยังให้ชาวบ้านผ่อนชำระเงินกู้อยู่เพื่อหลอกว่าผ่อนชำระครบจะได้รถคืน ก็หลอกไปเรื่อยๆ พ.ต.ท.อรรถพร กล่าวต่อว่า นอกจากนั้นยังมีกรณีที่คล้ายๆ กันคือ แชร์รถยนต์ ซึ่งแพร่ระบาดอย่างหนักในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เมื่อปีที่แล้ว (2551) คดีที่ดังมากคือแชร์รถยนต์ ซึ่งแก๊งนี้สามารถขโมยหรือฉ้อโกงรถไปถึง 1,2000 คัน โดยใช้เวลาแค่ 2 เดือนเท่านั้น เขาใช้วิธีตั้งบริษัทหลอกระดมรถเช่าจากชาวบ้าน คือให้ชาวบ้านเอารถยนต์มาให้เช่าโดยให้ค่าเช่าราคาสูงถึงเดือนละ 30,000 บาท ชาวบ้านที่ไม่มีรถก็จะไปดาวน์รถมาให้เช่า สมมุติดาวน์ 100,000 บาท ผ่อนค่างวดเดือนละ 13,000 บาท แต่ได้ค่าเช่าถึงเดือนละ 30,000 บาท ชาวบ้านก็มองว่าคุ้มเพราะให้เช่าแค่ 3 เดือนก็ได้เงินดาวน์คืนแล้ว หักค่างวดแล้วก็ยังเหลืออีกเดือนละ 17,000 บาท ชาวบ้านบางคนก็ลงทุนดาวน์รถออกมา 2 คัน ไปกู้เงินมาดาวน์รถก็มี เพื่อเอารถมาให้บริษัทดังกล่าวเช่า พวกนี้ก็เอารถไปขายตามแนวชายแดนหรือเอาไปจำนำ มีทั้งจำนำกับเต็นท์รถ จำนำตามบ่อนในกรุงเทพฯ จำนำกับพวกนายทุนใต้ดินซึ่งเป็นพวกที่มีเงินเหลือ ไม่รู้จะเอาไปทำอะไรก็เอาเงินมาปล่อยกู้
จากคุณ |
:
TheRosenberg
|
เขียนเมื่อ |
:
24 ก.ย. 52 10:45:52
|
|
|
|
 |