ความคิดเห็นที่ 1 ติดแก๊สดีกว่าอยู่แล้ว ไม่ต้องใช้น้ำมันประหยัดเห็นๆ ครึ่งหนึ่ง ไฮโดรเจน พิสูจน์ไม่ได้ว่าประหยัดจริง เอาไฟฟ้ามาแปลงน้ำให้ได้ก๊าซ ไฟฟ้าก็มาจากแบตกับไดนาโม สรุปว่ามันก็ไปฉุดกำลังเครื่องเพิ่มขึ้น ความคิดเห็นส่วนตัวคือแหกตา วิธีนี้เด็กประถมเค้าก็รู้ เคยทดลองแต่เด็ก ก๊าซที่ออกมาน้อยมาก ไม่พอสำหรับการเผ่าไหม้ของเครื่องยนต์หรอก จากคุณ : ตี๋แก้มป่อง เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 52 16:21:28

ความคิดเห็นที่ 2 เข้ามารอดู... จากคุณ : อสูรแดง โดนแมวดำขย้ำ (ลำไผ่ บ้านท่า) เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 52 16:31:49

ความคิดเห็นที่ 3 LPG ประหยัดน้ำมัน 100% ครับ เสียที่ไหน ก็ตามช่างได้แถวนั้น อู่แก้ส เปิดกันทั้งประเทศแล้ว จากคุณ : Moonui เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 52 16:34:41

ความคิดเห็นที่ 4 รถไฮโดรเจน บริษัทผลิตรถยังวิจัยอยู่เลย  และไม่ปลอดภัยสำหรับมาใช้เป็นเชื้อเพลิงยานยนต์ด้วย เค้าเลยออกรถไฮบริท ออกมาก่อน จากคุณ : merida_recon เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 52 16:43:36

ความคิดเห็นที่ 5 มันคือการหลอกลวงขายของนะครับ มันมีแต่เสียกับเสีย เอาพลังงานจากน้ำมัน มาแยกไฮโดรเจน + Loss แล้วเอาไฮโดรเจนมาใส่เครื่องยนต์ คิดง่ายๆ กฏของพลังงานไม่หายไปไหนมีแต่เปลี่ยนรูป แล้วขั้นตอนที่แยกไฮโดรเจน ปล่อยความร้อนสูงมากนั่นคือพลังงานที่เสียไปฟรีๆ สรุปมันมีแต่เสียกับเสีย ไม่มีทางที่จะได้กำไรจากพลังงาน ด้วยการทำแบบนี้เลย จากคุณ : I'm ChE เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 52 16:44:50

ความคิดเห็นที่ 6 แล้วรถที่ใช้ ไฮโดรเจนที่ บริษัทใหญ่ๆทำ (BMW Honda) จะไม่เอาพลังงานจากน้ำมัน มา แยกน้ำ (ไม่แยกในรถ) เพราะบริษัทเขารู้ว่ามันไม่ช่วยให้ประหยัดน้ำมัน เขาจะใช้พลังงานไฟฟ้าตามบ้านมาแยกน้ำ ให้ได้เป็น ไฮโดรเจน แล้วถึงทำ สถานีเติม ไฮโดรเจน เข้าไปในรถอีกที โดยไฟฟ้าที่ใช้แยกไฮโดรเจน อาจมาจากพลังงาน ด้านอื่นๆ เช่น ลม หรือใช้เวลาแยกตอนกลางคืนที่คนใช้ไฟฟ้าน้อย จากคุณ : I'm ChE เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 52 16:49:31

ความคิดเห็นที่ 7   ผมว่า ถ้า จขกทงเงินเหลือ ลองติดดูสิ ผมก็อยากรู้เหมือนกัน แล้วถ้าติดตั้งแล้ว มันไม่ได้ประหยัดจริง ตามคำโฆษณา ก็ขอวิงวอนให้กลับมาแจ้งความคืบหน้าให้เพื่อนสมาชิก ได้รับทราบด้วย นะนะ ขอร้องล่ะ กราบก็ยอม จากคุณ : การกินเป็นสิ่งจำเป็น เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 52 16:58:42

ความคิดเห็นที่ 8 เห็นเขาบอกว่ารถแกสก็ไปติดได้ ช่วยให้อัตราเร่งดีขึ้น และเครื่องยนต์สะอาดขึ้น จากคุณ : อสูรแดงคืนชีพ เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 52 17:09:05

ความคิดเห็นที่ 9   มันแค่ทำให้อากาศที่เข้าไปสันดาปดีขึ้นนิดหน่อยหรือเปล่า ประมาณว่า ทำให้เผาไหม้หมดจด ได้แรงเพิ่มขึ้น เคยอ่านในนี้แหละ แต่ไม่รู้จริงป่าว จากคุณ : ใช้ lpg อยู่ ก็ดีนะ เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 52 17:46:01 A:119.31.111.248 X: TicketID:038237

ความคิดเห็นที่ 10   ผมใช้ LPG ประหยัดเกิน 100 % รถผม น้ำมัน 1ถัง (38 ลิตร) ก็ 1300 วิ่งได้ 600 โล จากคุณ : บอย เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 52 18:10:22 A:112.142.114.88 X: TicketID:117318

ความคิดเห็นที่ 11   ต่อจากข้างบน ครับ แต่แก็ส 600 บาท วิ่งได้ 600 โล จากคุณ : บอย เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 52 18:12:03 A:112.142.114.88 X: TicketID:117318

ความคิดเห็นที่ 12   ช่วยถามคนขายด้วยว่ามีแถม หม้อตุ๋น ด้วยเปล่า จากคุณ : ชาวนาไทย555 เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 52 19:50:56

ความคิดเห็นที่ 13 ผมว่างั้นๆ แหละครับ รถผมมีอยู่คันหนึ่ง ไอ่ใช้น้ำนี่แหละ สับไปใช้น้ำแล้ว รอบเครื่องตกด้วย (ไดชาร์ทมันหนักขึ้น) จากคุณ : สยึมกึ๋ย เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 52 22:11:54

ความคิดเห็นที่ 14   ถ้าเอาคุ้มเห็นหน้าเห็นหลัง ด้วยจำนวนเงินน้อยที่สุดติดแกส ครับ ไอ้ เจ้าตัว HHO นี่ผมว่าช่วยได้เหมือนกัน แต่ราคาที่ว่านี่แพงไป 4-5 พันก็พอแล้วครับ ต้นทุนจริงๆ ไม่กี่ตังค์ แถมยังต้องคอยเปลี่ยน plate ข้างในอีก พลังงานที่ประหยัดได้ ก็ไม่ได้เห็นหน้าเห็นหลังอะไร ปล. ถึงบางความเห็นที่ไม่เปิดใจรับฟังอะไรเลย ค้านตะบี้ตะบันยันเต อย่าคิดเรื่องกฏการทรงพลังงานแบบตื้นๆครับ รถยนต์ขับเคลื่อน ด้วยพลังงานกล ถ้าเอา thermodynamic มาคุยกันดื้อๆ ด้วยเรื่องของพลังงานความร้อนอย่างเดียว ยังไงก็ไม่ตรงประเด็นครับ เพราะระบบเดิมๆของรถนี่พลังงานส่วนมากสูญเสียไปกับระบบหล่อเย็นและการระบายความร้อนทิ้ง ไม่ใช่ถูกใช้ไปในระบบขับเคลื่อนะครับ พลังงานจากเชื้อเพลิงที่ถูกเอามาปั่นให้ล้อวิ่งเนี่ย จริงๆแล้วเป็นส่วนน้อยนิดเท่านั้นเอง 25-30 % เองมั้ง รึรถรุ่นใหม่ๆ อาจจะมากกว่านี้แล้วก็ได้อิอิ ถ้าสามารถทำให้ลูกสูบเคลื่อนตัวลงมาจาก TDC มา BDC ได้ รถมันก็วิ่งไปได้ล่ะครับ ถึงจะไม่มีความร้อนแม้แต่นิดเดียวก็ตาม มันเลยมีระบบรถอัดลมมาให้เห็นกันไงครับ ไม่ต้องจุดระเบิด ไม่ต้องอาศัยน้ำมัน อาศัยลมที่อัดอยู่ในถังปล่อยออกมาดันลูกสูบ ไม่สร้างพลังงานความร้อน ออกมาคายทิ้งในชั้นบรรยากาศ ให้โลกร้อนเพิ่ม แค่แดดทุกวันนี้ก็ร้อนจะตายโหงอยู่แล้ว ดันมาเจอ city heat จากรถเข้าไปอีกคนเมืองเกรียมพอดี ผมมองว่า HHO สามารถ ช่วยตรงส่วนนี้ได้ครับ เพราะถึงค่าพลังงานทั้งหมดที่ได้จากการคำนวน มันจะดูเหมือนว่าน้อยกว่าน้ำมันที่เอามาปั่นไฟไปแยกก๊าซ แต่ HHO สามารถช่วยให้ลูกสูบเคลื่อนที่ จาก TDC ไป BDC ได้ด้วยน้ำมันที่น้อยลงครับ เพราะอะไรล่ะ จากการเล่นซนส่วนตัวของผมเมื่อหลายปีก่อน HHO เวลาติดไฟนี่ ระเบิดดีๆนี่เองครับ เทียบแรงอัด กับน้ำมันที่ฉีดผ่านหัวฉีดแล้ว โดยความรู้สึกผมๆ ว่าแรงกว่าเยอะครับ H2 นี่ผมไม่กล้าจุดระเบิดเล่นเยอะๆ แรงชิบเป๋ง 2-3 cc. ที่ แถวๆ 1 ATM.(ที่มีแถวๆ เพราะมันเป็นแรงดันบรรยากาศ ที่หน้าระเบียงห้องนอนครับ อิอิ) แรงอัดมากจนน่าตกใจ เสียงนี่เล่นเอาใจสั่นเลย ยังคิดอยู่ถ้า octane มันน้อย เครื่องน็อกมาที ก้านพังแน่ๆ ดีไม่ดี มีแตก มีหัก ส่วนแรงระเบิด ของน้ำมันที่ฉีดผ่านหัวฉีดนี่เทียบแล้ว เรียกได้ว่าเป็นการเผาไหม้ทั่วๆไป จะเหมาะกว่าครับ เสียดายไม่มีอุปกรณ์วัดแรงพวกนี้เป้นเรื่องเป็นราว เลยไม่มีอะไรเป็นหลักฐานยืนยัน ได้แต่ใช้ความรู้สึกส่วนตัวล้วนๆ ดังนั้นในความรู้สึกผมๆ มองว่า HHO ช่วยประหยัดน้ำมันได้ครับแต่ต้อง balance ระบบให้ฉลาดกว่านี้หน่อยและ รถที่จะติดก็ต้องออกแบบให้ ระบบแยกก๊าซ กับระบบ ECU ของรถคุยกันรุ้เรื่องด้วย เวลาไหนควร จ่ายกระแสเท่าไหร่ เพื่อให้ได้ HHO ในปริมาณที่พอเหมาะพอดี จ่ายกระแสเยอะ ทั้งๆที่รถวิ่งเอื่อยๆ มันก็ไม่เข้าท่าครับ load ป่าวๆ ปรี้ๆ จะตั้งให้จ่ายกระแสนอยไว้ก่อนเวลารอบสูง มันก็ไม่พอใช้อีก ผลมันก็ไม่เข้าท่าอยู่ดี ไอ้รถน้ำมันจากโรงงานที่ว่าประหยัดน้ำมันมากขึ้น ส่วนมากก็มาเล่นเอาที่ การเพิ่มประสิทธิภาพไอดีนี่ล่ะครับ ไม่ว่าจะระบบฉีดน้ำมัน ออกแบบห้องเผาไหม้ให้คลุกเคล้าน้ำมันดีขึ้น ออกแบบบ่าวาวล์ ฯลฯ เพื่อเพิ่มกำลังในการเผาไหม้ให้สมบูรณ์ และรุนแรงที่สุดครับ ถ้าเผาไหม้สมบูรณ์ และได้เเรงระเบิดที่รุนแรงเท่าไหร่ ก็ประหยัดน้ำมันได้มากเท่านั้นแหละ จริงรึไม่จริงครับ ลอง comment มาหน่อยนะครับ แก้ไขเมื่อ 03 ต.ค. 52 23:39:43 จากคุณ : ephedrine เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 52 23:33:44

ความคิดเห็นที่ 15 ^ ^ ----------------------------------------------------------------------------- HHO เวลาติดไฟนี่ ระเบิดดีๆนี่เองครับ << HHO น้ำครับ ----------------------------------------------------------------------------- เออ คือผมบอกตรงๆ ผมเป็นไม่ค่อยคอมเม้นยาวๆนะ สั้นๆ วิชาที่ผมเรียนมา วิชา Energy Balance, Mass Balance, Thermodynamics, Fuel cell technology มันบอกได้ว่า เราไม่สามารถสร้างกำไรจากสมการพลังงานเลย ไม่ว่าจะพลังงาน กล ความร้อน เสียง แสง มันเกี่ยวกัน เราสามารถเปลี่ยนได้ครับ และเราสามารถคำนวนได้ คุณ ephedrine คงเข้าใจผิด เค้าเอาไฮโดรเจนที่ผลิตออกมา ฉีดเข้าไปตรงท่อไอดี แล้วเอามาจุดระเบิดครับ ไม่ใช่เอามาเป็นก๊าซดันลูกสูบ เคยไปดูที่ bitec motor show แล้วอีเครื่องนี้เนี่ย ผลิตไฮโดรเจนออกมาน้อยมาก เห็นแล้ว สงสารคนซื้อโดนต้มเห็นๆ จากคุณ : I'm ChE เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 52 00:38:01

ความคิดเห็นที่ 16 อย่าคิดเรื่องกฏการทรงพลังงานแบบตื้นๆครับ รถ ยนต์ขับเคลื่อน ด้วยพลังงานกล ถ้าเอา thermodynamic มาคุยกันดื้อๆ ด้วยเรื่องของพลังงานความร้อนอย่างเดียว ยังไงก็ไม่ตรงประเด็นครับ ---------------------------------------------------------------------- ถ้าคุยลึก เดี๋ยวงงครับ ต้องคุยให้คนทั่วไปเข้าใจ ถ้าเอาแบบอาจารย์มาสอนนิสิต นี่ งงตายเลย จากคุณ : I'm ChE เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 52 00:41:31

ความคิดเห็นที่ 17   อ้าว เข้าไปดูในเว็บเค้ามาเมื่อกี๊ มีการสร้างวงจรควบคุมกระแสตามรอบเครื่องแล้วนี่ อิอิ น่าสนใจนะ แต่ราคาไม่ควรถึงหมื่นครับ สำหรับรุ่นไม่เกิน 2000 cc. ราคา แพงไปยิ่งทำมาขายเป็นล่ำเป็นสันแล้ว ต้นทุนต่อหน่วยน่าจะถูกลงไปเยอะครับ จากคุณ : ephedrine เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 52 01:24:12

ความคิดเห็นที่ 18   ไฮโรเจนใช้ไฟฟ้าแยกน้ำออกไปนะ ปกติเครื่องยนต์มันผลิตพลังงานเกินแบ๊ตจะเก็บอยู่แล้ว เข้าใจผิดกันไปแล้ว มันแค่ไม่ต้องการพลังงานจากพื้นดินก็เท่านั้นแหละ เครื่องมันแพงเลยไม่มีใครเอาขายเอาน้ำที่ตุ่มหลังบ้านเติมเลย แล้ว ปตท เจ้ง คุณต้องร้องไห้ จากคุณ : 1234 เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 52 02:07:28 A:125.26.143.25 X: TicketID:226796

ความคิดเห็นที่ 19 ^ ^ น้ำ (H2O, HHO) ติดไฟได้ด้วยเหรอครับ เห็นเค้าเอาไว้ดับไฟกันนิครับ แล้วคุณคิดว่าต้องใช้แรงดันน้ำมากมายขนาดไหนครับในการเคลื่อนที่ลูกสูบ ซึ่งมันก็จะกลายเป็นรถไฟพลังงานไอน้ำแทนนะครับ แถมเอาเรื่องรถพลังงานลมมามั่วอีก แล้วอีกอย่างนึง Thermodynamics ครอบคลุมส่วนของพลังงานกลด้วยนะครับ กฎการอนุรักษ์พลังงานสามารถอธิบายระบบเครื่องยนต์ได้แน่นอน เพราะลูกสูบที่เคลื่อนที่ได้ก็มาจากการเปลี่ยนแปลงพลังงานภายในของเชื้อเพลิงเป็นพลังงานกล (ความร้อนที่ได้จากปฏิกิริยาเผาไหม้ทำให้ก๊าซในกระบอกสูบมีความร้อนสูงขึ้นและขยายตัวไปดันลูกสูบเคลื่อนที่ไงครับ --> นี่คือที่มาของ WORK ในกฎการอนุรักษ์พลังงานไงครับ) Work (หรือพลังงานกล) ที่ต้องการเพื่อใช้ในการขับเคลื่อนรถยนต์คันนึงคันใดก็มีค่าเท่าเดิมเสมอไม่ว่าคุณจะ้ใช้เชื้อเพลิงแบบไหน ฉะนั้นค่าความร้อนที่ได้จากการเผาไหม้เชื้อเพลิงทางเลือก (ไม่ว่าจะเป็น LPG, NGV, Hydrogen หรือพลังงานน้ำลายที่คุณว่ามา) ต้องมากกว่าหรือใกล้เคียงกับค่าความร้อนของเชื้อเพลิงหลักซึ่งก็คือน้ำมันเบนซินหรือดีเซลครับ ไม่อย่างนั้นรถก็เคลื่อนที่ไม่ได้ เลิกซะทีนะครับที่ เอาน้ำ (H2O) มาเทียบกับไฮโดรเจน (H2) เพราะมันคนละอย่างกัน น้ำเป็น inert ส่วน ไฮโดรเจนเป็นเชื้อเพลิงครับ ยืนยันอีกครั้งว่าต้องใช้พลังงานมหาสารเพื่อเปลี่ยนน้ำให้เป็นไฮโดรเจนครับ (อย่าเพิ่งเบื่อที่เขียนประโยคนี้อีกแล้วนะครับ มันเป็นเรื่องจริงเหมือนที่บอกว่าน้ำไหลจากที่สูงลงที่ต่ำนั่นแหละครับ พูดอีกกี่ครั้งมันก็ยังเป็นเรื่องจริง) ไม่ใช่ว่าผมไม่สนับสนุนคนไทยด้วยกันนะครับ แต่ผมไม่สนับสนุนคนไทยที่หลอกลวงต้มตุ๋นคนไทยด้วยกันเองครับ จากคุณ : Gulffy เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 52 02:11:01

ความคิดเห็นที่ 20 ^ ^ ถูกต้องนะคร้าบบบ จากคุณ : I'm ChE เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 52 02:21:58

ความคิดเห็นที่ 21 เพิ่มเติมครับ ตามที่ คห 18 บอก เครื่องยนต์ผลิตพลังงานเกินแบ็ตเนี่ย เป็นเรื่องจริงครับ แต่ถ้าคุณจะเอาพลังงานส่วนนั้นมาใช้แยกน้ำด้วยไฟฟ้า คุณก็ควรมีไดนาโมอีกอันมาเพื่อรองรับการนี้โดยเฉพาะ หรือไม่ก็ต้องเปลี่ยนไดนาโมตัวเดิมให้ใหญ่ขึ้น ไม่งั้นจะเปลี่ยนพลังงานส่วนเกินนั้นเป็นไฟฟ้าได้ไง ไม่ทราบว่าทางผู้ผลิตทำส่วนที่กล่าวมาไว้ด้วยรึเป่า ถ้าไม่มีก็แสดงว่าโกหกทั้งเพนะครับ จากคุณ : Gulffy เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 52 02:30:03

ความคิดเห็นที่ 22   #15 อ่านไม่เคลียนี่ครับ รอบนี้อ่านใหม่ อ่านให้เคลีย นะครับ ตั้งสตินิดนึงก็ดี มันก็ความรู้พื้นฐานเลยน่ะครับ ผมเรียนจบไม่สูงหรอก โดนไล่ออกด้วย อิอิ ผมไม่ได้บอกว่าเค้าเอา HHO มาดันลูกสูบโดยตรงจากเครื่องแยกก๊าซอันเท่านั้น ดันลูกสูบเครื่องบินเล็กยังไม่ไปเลยมั้งครั้บ (คิดว่าไม่ไปหรอก 700-1200 cc. / min แหวนสูบหลวมๆหน่อยลมรั่วออกหมด.. ) แค่ยกตัวอย่างว่า ไม่ต้องจุดระเบิดไม่ต้องมีค่าพลังงานความร้อนในต้นกำเนิดพลังงานก็สามารถสร้างงานในเชิงฟิสิกส์ได้ (รถเคลื่อนที่ได้) พอจะยกตัวอย่างตรงนี้ เลยพูดไปถึงรถอัดลมน่ะครับ แหม.... ผมคงเขียนไม่รู้เรื่องล่ะมั้งครับ จัดเรื่องเนื้อหาไม่ดีเอง กระโดดข้ามไปข้ามมาจนคุณตามไม่ทัน 555 แต่ผมไม่อยากคิดอย่างนั้นนา ผมว่าคุณอ่านข้ามๆมากกว่า เพราะถ้าแค่นี้ตามไม่ทันก็แย่ล่ะครับ แต่จริงๆเรื่องแบบนี้มันก็ไม่รู้จะจัดเรียงอะไรนักหนาอ่ะครับ คิดไปพิมพ์ไป คิดว่าไม่น่าจะยากในการอ่านเอาความ เพราะถือว่าคนมีความรู้ไม่น้อยกันมาทั้งนั้น ขอ quotes ข้อความบางส่วนมานะครับ =  HHO เวลาติดไฟนี่ ระเบิดดีๆนี่เองครับ << HHO น้ำครับ   ( แต่ในวงการนี้เค้า เรียก H2 - O2 ที่ได้จากไอ้เครื่องนี่ว่า HHO เลยครับ เป็นศัพท์เฉพาะของวงการนี้เลยครับไม่ใช่ เทอมทางสมการเคมี คิดว่าเคยศึกษาหลักการของเค้ามาบ้างเลยคิดว่าน่าจะรู้น่ะครับ ไม่คิดว่าคุณจะไม่รุ้เพราะคนที่เคยศึกษาเรื่องระบบนี้ ส่วนมากรุ้ทุกคนครับ.  ) ----------------------------------------------------------------------------- ส่วนวิชาที่คุณเรียนมา วิชา Energy Balance, Mass Balance, Thermodynamics, Fuel cell technology มันบอกได้ว่า เราไม่สามารถสร้างกำไรจากสมการพลังงานเลย ไม่ว่าจะพลังงาน กล ความร้อน เสียง แสง มันเกี่ยวกัน เราสามารถเปลี่ยนได้ครับ และเราสามารถคำนวนได้ ใช่ครับ มันเปลี่ยนได้ นี่ล่ะสำคัญ จากไอ้ที่เถียงๆกันมาทั้งหลายกระทู้ทั้งจากในหว้ากอและที่ไหนๆ เกี่ยวกับ HHO แม่มก็ดันไปจมอยู่กับค่าพลังงานความร้อนที่ได้จาก HHO (หวังว่าคงเข้าใจนะครับ ห้องนี้ทำตัวห้อยไม่ได้ เขียนแบบนี้ดีกว่า) แล้วก็เอาไปเถียงกันว่า ใช้พลังงานเท่านี้ ได้ HHO ออกมาเท่านี้ ขาดทุนๆๆๆ อ่ะโด่ อย่าลืมครับพลังงาน เปลี่ยนรูปได้นั่นแหละ key        และนี่คือเหตุผลที่ผมยกตัวอย่างรถอัดลมขึ้นมา ลมในถังอัดความดันไม่มีค่าพลังงานความร้อนสำหรับการเผาไหม้เลยแต่เปี่ยมอัดด้วยพลังงานกล จากแรงดันมหาศาล มันก็สามารถดันลูกสูบให้รถเคลื่อนที่ไปได้ เหมือนกัน เกิดงานในความหมายทางฟิสิกส์เหมือนกัน คราวนี้มาลองดูในเคสรถใช้น้ำมัน + HHO       ถ้าน้ำมัน 1หน่วย + อากาศปรกติ  จุดระเบิดในห้องเผาไหม้ได้แรงดันค่านึง สมมุติเป็น 100 % นะครับ   แล้วถ้าผมบอกว่า ในรถคันเดียวกันเครื่องตัวเดียวกัน สภาวะแวดล้อมก็เหมือนกัน พอเปลี่ยนเป็น           น้ำมัน 1หน่วย + อากาศปรกติ ที่มี HHO ปนมาด้วย สามารถจุดระเบิดแล้วได้แรงดันในห้องเผาไหม้เป็น 110% ล่ะครับ จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ลูกสูบก็ต้องเคลื่อนที่เร็วขึ้นใช่มั้ยครับ พอใกล้ๆถึง BDC วาวล์ไอเสียก็จะเริ่มเปิด น้ำมันที่เผาไหม้ช้ากว่ายังเผาไหม้ไม่หมด ก็จะถูกปล่อยออกไปทางท่อไอเสีย ผ่าน O2 sensor แล้วก็จะมีสัญญาณ rich ส่งมาที่ ECU ลดการจ่ายน้ำมันต่อ cycle การจุดระเบิดลง ถ้าเป็นไปตามสมมุติฐานนี้ พอเป็นไปได้มั้ยครับระบบ HHO เนี่ย ว่ามันช่วยประหยัดน้ำมันได้ มันเสียดายว่าไอ้ตอนที่ผมทดลองเล่นๆ มันไม่ได้มีเครื่องมือวัดเป็นจริง เป็นจัง ไม่งั้นคงมีหลักฐานอ้างอิงให้มาคุยกันหน่อย ( แล้วตอนนั้นผมก็ไม่ได้ยัดลงเครื่องรถด้วย เพราะตอนนั้นผมแค่ทดลองหาวิธีทำให้ generator cell มันแยกได้เร็วขึ้นก็เท่านั้นเอง แต่รุ้สึก สมมุติฐานมันไม่ค่อยจะตรงก็เลยเลิก... แต่ถึงจะช้าแต่มันก็ได้ ก๊าซมามากพอที่ผมจะทำอะไรเล่นได้เยอะพอสมควรเลย ) คนทั่วไป ที่เรียน เคมี และ ฟิสิกส์ มาบ้าง ก็รู้ๆกันดีนี่ครับ ว่า H2 เผาไหม้ได้รวดเร็วและรุนแรงแค่ไหน ยิ่งถ้าเพิ่ม % ของ O2 เข้าไปในอากาศเป็นอาหารเสริมด้วย ยิ่งแรง....  จากที่ปรกติก็แรงตายหอง ตายห่าน อยู่แล้ว.. คิดดูง่ยๆ แบ็ตเตอรี่รถยังระเบิดซะเละที่ความดันบรรยากาศนะครับ โดนยัดเข้า chamber ที่ compress ratio เกิน 9:1( อาจจะถึง 25:1 ในเครื่องยนต์ดีเซล อันนี้ผมไม่แน่ใจ ) ในเครื่องยนต์ มันจะเป็นยังไง แล้วระบบพัฒนาการของเครื่องยนต์น้ำมัน ที่ผ่านๆมา ไม่ว่าจะเจ้าไหนก็มาพยายามรีดเค้นเอาความประหยัดจาก การจุดระเบิดนี่มาตลอด เพิ่งมีหลังๆนี่มาเสริมด้วย ระบบวาวล์แปรผันต่างๆ ก็เพื่อให้สามารถ จุดระเบิดได้กำลังสูงๆ ในรอบสูงๆ เพิ่มขึ้น ซึ่งก็ไม่พ้นเรื่องของอากาศร้อน ดันหัวลูกสูบอยู่ดี จริงมั้ยครับ แก้ไขเมื่อ 04 ต.ค. 52 02:34:27 จากคุณ : ephedrine เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 52 02:33:53

ความคิดเห็นที่ 23   โทษทีเพิ่งกลับมาดู เพิ่งเห็นว่ามีคนมาตอบก่อน ผมโพส #17 ผมเลยขอมาต่อข้างล่างนี่ละกัน อิอิ แก้ไขเมื่อ 04 ต.ค. 52 02:35:49 จากคุณ : ephedrine เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 52 02:35:17

ความคิดเห็นที่ 24 ู^ ^ ทราบครับว่า H2 ให้พลังงานจากการเผาไหม้สูง (สูงกว่า Gasoline หรือเบนซิน 3 เท่า) แต่น้ำ 1 ลิตร (1 kg) แยกเป็น H2 ได้แค่ 0.111 kg หรือ 111 กรัมเท่านั้นครับ ไม่ได้มองถึงว่าจะเอาำำพลังงานมากมายมาจากไหนเพื่อแยกน้ำ 1 ลิตรนี่นะครับ ถ้าคนขายบอกว่าประหยัดน้ำมันได้ 30-40% แสดงว่าต้องเอาพลังงานจากไฮโดรเจนเนี่ยมาชดเชยนะครับ สมมุติรถวิ่ง 480 โล ปกติกินน้ำมัน 12 โล/ลิตร ปกติจะใช้น้ำมัน 40 ลิตร น้ำมัน 1 ลิตรเผาไหม้ได้พลังงาน 34.2 MJ น้ำมัน 40 ลิตรเผาไหม้ได้พลังงาน 1368 MJ ุถ้าใช้เครื่องน้ำลายประหยัดได้ 30% (เอา worst case ตามที่คนขายเึ้ค้าโม้ไว้นะครับ) แสดงว่า ใช้น้ำมัน 28 ลิตร ได้พลังงาน 957.6 MJ พลังงานส่วนที่ขาดไปต้องมาจากไฮโดรเจน 410.4 MJ ค่าพลังงานไฮโดรเจน 143 MJ/kg ฉะนั้นต้องใช้ไฮโดรเจน 2.87 kg ดังนั้นต้องใช้น้ำทั้งสิ้น 25.9 ลิตร แล้วส่วนไหนที่ติดตั้งครับที่สามารถบรรจุน้ำได้ 25 ลิตร โกหกอีกแล้ว หรือว่าใช้ถัง 2.5 ลิตรแต่วิ่งได้แค่ 40 กิโลเมตร จากคุณ : Gulffy เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 52 02:55:49

ความคิดเห็นที่ 25   แหม... #19 ก็อีกคนแล้ว ขอโทษทีครับ ผมคิดว่าพวกคุณมาวิจารณ์ ระบบเค้าได้ขนาดนี้ คงศึกษาข้อมูลมาเป้นอย่างดีแล้ว เลยเล่นศัพท์ ในวงการเค้าเลย กราบขออภัยมานะที่นี้ ประเมิณเกินจริงไป http://www.arip.co.th/news.php?id=406439   <<  นี่คือรถอัดลมครับ.. ลมธรรมดานี่แหละครับ ไม่ได้มีค่าพลังงานความร้อนอะไรเลย...   จริงมั้ยครับ แต่จะว่าไปก็หลักการของรถไอน้ำนั่นแหละครับ 555+ แต่ใช้ลมอัดเอา สำเร็จจากภายนอก ต่อไปนี้ อันไหนของผม ผมจะใส่ [[ ไว้ข้างหน้า และปิดท้ายด้วย ]] ประกาศ syntax ก่อนเดี๋ยวคนงง Thermodynamics ครอบคลุมส่วนของพลังงานกลด้วยนะครับ               [[ ใช่แล้วครับ ]] กฎการอนุรักษ์พลังงานสามารถอธิบายระบบเครื่องยนต์ได้แน่นอน เพราะลูกสูบที่เคลื่อนที่ได้ก็มาจากการเปลี่ยนแปลงพลังงานภายในของเชื้อเพลิงเป็นพลังงานกล (ความร้อนที่ได้จากปฏิกิริยาเผาไหม้ทำให้ก๊าซในกระบอกสูบมีความร้อนสูงขึ้นและขยายตัวไปดันลูกสูบเคลื่อนที่ไงครับ --> นี่คือที่มาของ WORK ในกฎการอนุรักษ์พลังงานไงครับ) Work (หรือพลังงานกล) ที่ต้องการเพื่อใช้ในการขับเคลื่อนรถยนต์คันนึงคันใดก็มีค่าเท่าเดิมเสมอไม่ว่าคุณจะ้ใช้เชื้อเพลิงแบบไหน  [[ ถ้าผมเอาน้ำมันปริมาณเท่ากัน ใส่ลงไปในลูกสูบโดยฉีดเป็นหยดโตๆ หยดเดียว ล่ะครับ น้ำมันเท่ากันก็มีพลังงานเท่ากันนี่ครับ ขอถามกลับด้วยคำถามสิ้นสตินี่แหละครับ ]] ฉะนั้นค่าความร้อนที่ได้จากการเผาไหม้เชื้อเพลิงทางเลือก (ไม่ว่าจะเป็น LPG, NGV, Hydrogen หรือพลังงานน้ำลายที่คุณว่ามา) ต้องมากกว่าหรือใกล้เคียงกับค่าความร้อนของเชื้อเพลิงหลักซึ่งก็คือน้ำมันเบนซินหรือดีเซลครับ ไม่อย่างนั้นรถก็เคลื่อนที่ไม่ได้ [[ ถ้าทำให้ข้อข้างบนออกมาว่าผลมันเท่ากันได้ผมก็ไม่มีอะไรจะพูดตรงนี้ละครับ ถ้าทำให้มันออกมาเหมือนกันไม่ได้ ก้เท่ากับว่าตรงนี้ไม่มีอะไร ให้ผมต้องถามกลับเหมือนกัน ]] เอวังโหตุ จากคุณ : ephedrine เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 52 03:02:23

ความคิดเห็นที่ 26   ว้า มาตอบก่อนผมอีกและ เอ้า ต่อๆ syntax เดิมรู้กันนะครับ ทราบครับว่า H2 ให้พลังงานจากการเผาไหม้สูง (สูงกว่า Gasoline หรือเบนซิน 3 เท่า) แต่น้ำ 1 ลิตร (1 kg) แยกเป็น H2 ได้แค่ 0.111 kg หรือ 111 กรัมเท่านั้นครับ ไม่ได้มองถึงว่าจะเอาำำพลังงานมากมายมาจากไหนเพื่อแยกน้ำ 1 ลิตรนี่นะครับ [[111 g เนี่ย กี่โมลครับ ผมก็จำไม่ได้อ่า ปฏิกิริยาจากการเผาไหม้แบบนี้ มันน่าจะต้องดูด้วยว่า ปริมาณส่วนประกอบอื่นๆ มีกี่โมล จับคู่ ทำปฏิกิริยาได้มากน้อยแค่ไหน ส่วนต่างกี่% มั้งครับ แล้วตกลงมันกี่โมลหว่า ผมเรียนน้อย หาข้อมูลให้ทีนะครับ H2 มวลโมเลกุล = 2 ใช่ป่ะ แล้วไอ้น้ำมันนั่นมันเท่ากับเท่าไหร่ หว่า....  ]] ถ้าคนขายบอกว่าประหยัดน้ำมันได้ 30-40% แสดงว่าต้องเอาพลังงานจากไฮโดรเจนเนี่ยมาชดเชยนะครับ  [[ โหย สาม-สี่สิบ % นี่ผมก็ว่ามันอาจจะ" :-) " ครับ ต้องลองๆ ของแบบนี้ต้องลอง npfaster ไม่น่าลอง ยังจะลองเลย ไอ้นี่น่าลองกว่าอีก ลองแล้วมีลุ้น.. ส่วนไอ้ดุ้นปริศนานั่นค่อนข้างแบเบอร์ว่าแหกตาครับ ]] สมมุติรถวิ่ง 480 โล ปกติกินน้ำมัน 12 โล/ลิตร ปกติจะใช้น้ำมัน 40 ลิตร น้ำมัน 1 ลิตรเผาไหม้ได้พลังงาน 34.2 MJ น้ำมัน 40 ลิตรเผาไหม้ได้พลังงาน 1368 MJ ุถ้าใช้เครื่องน้ำลายประหยัดได้ 30% (เอา worst case ตามที่คนขายเึ้ค้าโม้ไว้นะครับ) แสดงว่า ใช้น้ำมัน 28 ลิตร ได้พลังงาน 957.6 MJ พลังงานส่วนที่ขาดไปต้องมาจากไฮโดรเจน 410.4 MJ ค่าพลังงานไฮโดรเจน 143 MJ/kg ฉะนั้นต้องใช้ไฮโดรเจน 2.87 kg ดังนั้นต้องใช้น้ำทั้งสิ้น 25.9 ลิตร แล้วส่วนไหนที่ติดตั้งครับที่สามารถบรรจุน้ำได้ 25 ลิตร โกหกอีกแล้ว หรือว่าใช้ถัง 2.5 ลิตรแต่วิ่งได้แค่ 40 กิโลเมตร   [[ ตรงนี้ยังไม่มีอะไรครับ รอคำตอบจาก # ที่แล้ว อิอิ ]] [[ อ่อมีแล้ว.. รถมันก็วิ่งไปเติมไปมั้งครับ ผมเองขับรถปรกติถ้าในกรุงเทพก็ระยะอยู่ที่ 40-50 โลต่อวันนะ แบบเช้ามาก็เปิดเติมน้ำอะไรแบบเนี้ย มันมีตัวเตือนน้ำหมดด้วยนี่ เอรึว่าระบบตัดไฟเมื่อน้ำหมดหว่า จำไม่ได้ ตะกี๊เห็นในเว็บเค้าขี้เกียจเปิดไปดูแล้วอ่า ]] แก้ไขเมื่อ 04 ต.ค. 52 03:17:45 แก้ไขเมื่อ 04 ต.ค. 52 03:12:57 จากคุณ : ephedrine เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 52 03:10:48

ความคิดเห็นที่ 27 ที่ผมไม่ได้ศึกษา เพราะไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องจริงไงครับ และก็ยังยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องจริง แต่ที่ตอบเพราะ ไม่อยากให้คนลงเชื่อกับอุปกรณ์ราคาแพงที่ไม่ได้ผลจริงๆครับ ุถ้าคุณเผาน้ำมันเบนซิน 1 กรัมจดหมด (ย้ำว่าจนหมดหรือ 100% conversion) ไม่ว่ีาจะแยกเป็นหยดเล็กๆสิบล้านหยด หรือแค่หนึ่งหยดใหญ่ ค่าพลังงานที่ได้ต้องเท่ากันครับ แต่เวลาที่ใช้เผามันอาจไม่เท่ากัน เพราะว่า Heat Transfer และ Mass Transfer มันต่างกัน แต่ขนาดของหยดน้ำมันเป็น factor ที่คุณสามารถตัดทิ้งได้ครับ ถ้าคุณทดสอบการประัหยัดน้ำมันในรถคันเดิม หัวฉีดก็อันเดิม สมมุติเครื่อง 88 แรงม้า แทนที่คุณจะเอาม้าลาก คุณก็เผาน้ำมันเนี่ยแหละให้พลังงานเทียบเท่ากับ ม้าลาก 88 ตัวแทนไงครับ ส่วนน้ำมันจะใช้มากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับชนิดเชื้อเพลิงที่คุณใช้ไงครับ ว่าจะให้พลังงานมากน้อยแค่ไหน จากคุณ : Gulffy เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 52 03:21:11

ความคิดเห็นที่ 28 ตอบ คห 26 ครับ คนขาย claim ว่าใช้น้ำแค่ 2-4 ลิตรต่อ 400 โลไงครับ ผมถึงบอกว่าเครื่องนี้มันโกหก เดี๋ยวจะลองคำนวณพลังงานที่ใช้แยกน้ำ 25.9 ลิตรให้ดูครับ ว่าเทียบเท่ากับเปิดแอร์บ้านกี่วัน จากคุณ : Gulffy เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 52 03:24:30

ความคิดเห็นที่ 29   แต่ผมก็บอกไปแล้วครับ ระบบที่คุ้มค่าต่อเงินที่จ่ายและมีผลต่อเงินในกระเป๋าตังค์ที่สุด คือติดแก๊สธรรมดาครับ ใน#14  ผมไม่ได้บอกว่าไอ้ HHO นี่ดีที่สุด.. สงสัยผมคงลืมขยายความ รึป่าวหว่า เลยทำให้เข้าใจว่าผมหนุน HHO เต็มตัว ผมแค่มองเห็นความเป็นไปได้ของมันครับ.. แล้วก็ไม่ชอบการตะบี้ตะบันค้านโดยไม่รับฟัง เหตผลของอีกฝ่ายและไม่เปิดช่องให้ความน่าจะเป็นไปได้ เพราะผมมองว่าเป็นการทำแท้ง ทางความคิดเพราะถ้าไม่มีคนที่ดื้อด้าน อย่าง Thomas Edison เราก็คงยังไม่มีหลอดไฟฟ้านะครับ ((ขอแทรก ไอ้ตอนหาชื่อ Thomas Edison ผมกลัวสะกดผิด ใส่ Edison ลงใน google ภาคภาษาอังกฤษ ก็เจอคนนี้แหละครับ พอกดภาษาไทยเท่านั้นแหละ เจอแต่บัก Edison Chen ซะงั้น :-b )) เพราะเค้ามองเห็นโอกาสของความเป็นไปได้ และไม่เลิกที่จะทำมัน และทำมันไปบนสมมุติฐานที่มีเหต มีผล จากคุณ : ephedrine เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 52 03:29:27

ความคิดเห็นที่ 30 อันนี้เปรียบกับ Edison ไม่ได้ครับ ผมคิดว่าคนส่วนใหญ่ไม่ได้ตั้งหน้าตั้งตาค้านกันแบบไร้เหตุผล แต่มันมีหลายอย่างให้คนส่วนใหญ่รวมทั้งผมคิดแบบนั้น เพราะข้อความที่เค้าเขียนโฆษณามันสไตล์เดียวกับพวกอุปกรณ์ประหยัดน้ำมันอื่นๆที่เค้าหลอกพวกเรามาตลอดไงครับ เค้าไม่มีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์รองรับเลย บอกลอยๆประหยัดได้ 30-40% ไม่มีผลทดสอบใดๆที่เป็นที่ยอมรับเลยแม้แต่น้อย แค่นี้เจตนาก็ไม่บริสุทธิ์แล้วครับ คนที่ตั้งใจจะพัฒนาองค์ความรู้ให้กับชาวโลก เค้าไม่ทำแบบนี้หรอกครับ อ้อเรื่องคำนวณไฟฟ้าในการแยกน้ำ ขอติดไว้ก่อนครับ ง่วงสุดๆตอนนี้ อาจจะไม่ถึงกับเปิดแอร์เป็นวัน แต่น่าจะกินกระแสไฟ 12V มากอยู่ครับ จากคุณ : Gulffy เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 52 03:49:45

ความคิดเห็นที่ 31   ความคิดเห็นที่ 27     ที่ผมไม่ได้ศึกษา เพราะไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องจริงไงครับ และก็ยังยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องจริง  [[ ก็จะได้ด่าได้เต็มปากไงครับ เรียกได้ว่าด่าได้อย่างมั่นใจน่ะครับ ]] แต่ที่ตอบเพราะ ไม่อยากให้คนลงเชื่อกับอุปกรณ์ราคาแพงที่ไม่ได้ผลจริงๆครับ  [[ แพงครับ แพงเกินความเป็นจริงไปเยอะเลย ]] ุถ้าคุณเผาน้ำมันเบนซิน 1 กรัมจดหมด (ย้ำว่าจนหมดหรือ 100% conversion) ไม่ว่ีาจะแยกเป็นหยดเล็กๆสิบล้านหยด หรือแค่หนึ่งหยดใหญ่ ค่าพลังงานที่ได้ต้องเท่ากันครับ แต่เวลาที่ใช้เผามันอาจไม่เท่ากัน เพราะว่า Heat Transfer และ Mass Transfer มันต่างกัน แต่ขนาดของหยดน้ำมันเป็น factor ที่คุณสามารถตัดทิ้งได้ครับ ถ้าคุณทดสอบการประัหยัดน้ำมันในรถคันเดิม หัวฉีดก็อันเดิม [[ แค่สมมุติน่ะครับ เค้าใจคำว่าเปรียบเทียบ เปรียบเปรยมั้ยครับ ผมจะตอบให้ครับถ้าทำแบบที่ผมบอกเครื่องจะดับครับแถมน้ำมันท่วมด้วย 555+ มันจุดไม่ติดหรอก.. มี่ยกตัวอย่างแบบนั้นก็เพราะอีกปัจจัยนึงเรื่อง Heat Transfer ระหว่างตัวเครื่องยนต์ กับกระบวนการเผาไหม้นี่ล่ะครับ พลังงานที่ถูกทิ้ง ออกไปจากระบบระบายความร้อนนี่ lost เป็นกี่ % ของพลังงานทั้งหมดที่ได้จากการเผาไหม้เชื้อเพลิงครับ จากที่ตั้งตัวอย่างมาว่า รถวิ่ง 480 Km. ใช้น้ำมัน 40 lite เป็นพลังงาน 1368 MJ พลังงานที่เอาไปดันลูกสูบเท่าไหร่ครับ พลังงานที่เอาไปถ่ายทิ้งกับน้ำเท่าไหร่ พลังงานความร้อนที่ทิ้งไปกับไอเสียเท่าไหร่ ในมุมกลับถ้ากระบวนการเผาไหม้มันชักช้า เนื่องจากน้ำมันไม่เป็นฝอยเต็มที่ heat exchange ระหว่างก๊าซร้อนๆ กับเสื้อสูบก็มีเวลามากขึ้นนะครับ lost ตรงนี้ก็มากขึ้นด้วย แถมพกด้วยกำลังที่ได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยอยู่แล้ว lost ตรึมครับ มันคำนวนได้ครับ อย่างที่คุณว่า แต่ต้องคิดให้รอบคอบ คิดให้ละเอียด ไม่มีอะไรที่คำนวนไม่ได้หรอกครับ แต่ต้องเก็บตัวแปรให้หมด และมีสมการที่ถูกต้อง เท่านั้นรับรองคำนวนได้ทุกอย่างแม้แต่หวย รึพายุ รึแม้แต่ น้ำแค่โมเลกุลเดียวจากเยี่ยวของลิงในอีกซีกโลกเมื่อพันปีที่แล้ว คุณก็สามารถคำนวนได้ครับ ว่าตอนนี้มันอยู่ไหน ถ้ามีข้อมูลครบถ้วนทั้งหมดและมีสมการที่ถูกต้อง จริงมั้ยครับ ]] สมมุติเครื่อง 88 แรงม้า แทนที่คุณจะเอาม้าลาก คุณก็เผาน้ำมันเนี่ยแหละให้พลังงานเทียบเท่ากับ ม้าลาก 88 ตัวแทนไงครับ [[ขำขันก่อนนอน ม้า 88 ตัวลากรถผมว่ารถเป็นชิ้นๆครับ ม้ามันดึงไปคนละทิศ คนละทาง ฮา..............     แรงม้าเป็นหน่วยวัดกำลังเครื่องยนต์ 1 แรงม้า = 745.699872วัตต์ (ตามมาตรฐานgoogle หุหุ ) จาก http://en.wikipedia.org/wiki/Horsepower One mechanical horsepower of 550 foot-pounds per second is equivalent to 745.7 watts. A metric horsepower of 75 kgf-m per second is equivalent to 735.499 watts. A boiler horsepower is used for rating steam boilers and is equivalent to 34.5 pounds of water evaporated per hour at 212 degrees Fahrenheit, or 9,809.5 watts. One horsepower for rating electric motors is equal to 746 watts. ]] ส่วนน้ำมันจะใช้มากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับชนิดเชื้อเพลิงที่คุณใช้ไงครับ ว่าจะให้พลังงานมากน้อยแค่ไหน [[ และประสิทธิภาพในการเผาไหม้ด้วยครับ สำคัญไม่หยอกนะ ]] ******************************************************** ตอบ #30 อันนี้เปรียบกับ Edison ไม่ได้ครับ [[ ไอ้บัก สันนี่ก็ทำเอาตังค์เหมือนกันนั่นแหละครับ ไม่ได้ทำเอาโล่เอาถ้วยรางวัล ขายเป็นล่ำเป็นสันเหมือนกัน ]] ผมคิดว่าคนส่วนใหญ่ไม่ได้ตั้งหน้าตั้งตาค้านกันแบบไร้เหตุผล แต่มันมีหลายอย่างให้คนส่วนใหญ่รวมทั้งผมคิดแบบนั้น   [[เห็นใครบอกประหยัดน้ำมันได้โดยอธิบายให้เข้าใจไม่ได้ก็ตั้งแง่ว่าแหลไว้ก่อนมั้งนั้นล่ะครับ พอโดนบ่อยๆ ยังไม่ฟังเหตผลก็ว่าแหลเลย 555  อย่าลืมนะครับนักดนตรีในโลกนี้ที่เล่นดนตรีได้ดีโดยที่อ่านโน้ตไม่เป็นมีเยอะแยะครับ เค้าอาจจะทำไดแต่อธิบายไม่เป็นก็เป็นได้ครับ]] เพราะข้อความที่เค้าเขียนโฆษณามันสไตล์เดียวกับพวกอุปกรณ์ประหยัดน้ำมันอื่นๆที่เค้าหลอกพวกเรามาตลอดไงครับ [[ แน่ะ !!  ตั้งแง่... แต่เห็นด้วยนะ อ้างว่าประหยัดได้เยอะจัง ]] เค้าไม่มีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์รองรับเลย บอกลอยๆประหยัดได้ 30-40% ไม่มีผลทดสอบใดๆที่เป็นที่ยอมรับเลยแม้แต่น้อย แค่นี้เจตนาก็ไม่บริสุทธิ์แล้วครับ   คนที่ตั้งใจจะพัฒนาองค์ความรู้ให้กับชาวโลก เค้าไม่ทำแบบนี้หรอกครับ [[ ปัทโธ่คุณ ก็อย่าไปมองแค่คนที่ลอก Idea เค้ามาหาแดร๊กซี่ครับ มันไม่มีจิตใจสุงขนาดจะ "พัฒนาองค์ความรู้ให้กับชาวโลก"หรอกครับ ไปดูเว็บต้นแบบทางเมืองนอกซี่ครับหลายๆเจ้าดั้งเดิมที่พัฒนาระบบมาตั้งแต่ต้นก็ยังมีองค์ความรุ้แจกฟรีอยุ่จนถึงตอนนี้ มีข้อมุลการพัฒนาตั้งแต่ยุคปี 70 เลยด้วยมั้ง ส่วนไอ้เว็บในเมืองไทยเนี่ยเมื่อ สี่ห้าปีก่อนตอนเค้าเริ่มสนใจระบบ HHO ยังลองผิดองถูกอยู่เลย ยังลอกแบบจากเว็บนอกมาทั้งดุ้น มาตั้งกระทุ้ถามในหว้ากอ ยังมีเปิดให้ download มีอะไรหลายๆอย่าง คอยแปลเอกสารบทความต่างๆมาดพสให้อ่าน เป็นแหล่งความรู้อีกอันนึงเลยเหมือนกัน แถมมีคู่มือทำเป็นภาษาไทยขายด้วยพร้อม CD ในราคาไม่แพงมาก ( ก็ต้นทุนการผลิตแผ่นซีดีตอนนั้นมันถูกแล้วนี่ที่ไหนก็มี cd-writer ทั่วบ้านทั่วเมือง ผมก็เดาตั้งแต่ตอนนั้นแล้วล่ะว่าต้องมาเล่นอีหรอบนี้จนได้ เงินนี่ครับไม่ใช่งู ใครก็อยากได้ ) คาดว่าหลังๆ เริ่มเห็นว่าขายเป็นอุปกรณ์เลยมันทำเงินได้มากกว่าเดิม แถมความอยากเข้าครอบงำ ส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวกับองค์ความรู้มันเลยหายหัวไปหมด เหลือแต่ขายอย่างเดียวเท่านั้น แถมซีดี ก็ไม่ขายแล้วกำไรน้อยรู้มากเดี๋ยวมันทำแข่ง แถมขายแพงก็ไม่ได้เดี๋ยวคนรู้ว่ากูอยากได้เงิน 555+ ขายเป็นชุดสำเร็จดีกว่า ฟันได้เหนาะๆ ]] อ้อเรื่องคำนวณไฟฟ้าในการแยกน้ำ ขอติดไว้ก่อนครับ ง่วงสุดๆตอนนี้ อาจจะไม่ถึงกับเปิดแอร์เป็นวัน แต่น่าจะกินกระแสไฟ 12V มากอยู่ครับ [[อย่าลืมคำนวน ด้วยตัวแปรของพื้นที่ผิวของ electrode ด้วยนะครับ แล้วก็ เปลี่ยนค่าการนำไฟฟ้าของน้ำลงไปด้วยเพราะเค้า ผสมโซดาไฟลงไปในน้ำอ่ะ ตามสูตรผสมของเค้าน่ะ(ผมชอบKOH มากกว่า แต่ NaOH มันทั้งถูกทั้งหาง่ายนี่ )ดังนั้นพลังงานที่ใช้จะลดลงจากการ แยกPure H2O ด้วยไฟฟ้า ตามสมการปรกติอยู่มากพอสมควรนะครับ อย่าลืมตรงนี้ด้วย อิอิ ทุกอย่างคำนวนได้ครับ แต่ต้องมีข้อมุลที่ครบถ้วน และ สมการที่ถูกต้อง ]] ปล.  ข้อโทษที่ใช้เวลา ตอบนานมากในแต่ละอัน เพราะต้องใช้เวลาเรียบเรียง และตรวจแก้หลายรอบมากกลัวเข้าใจไม่ตรงกับข้อความที่ผมจะสื่ออีก แก้ไขเมื่อ 04 ต.ค. 52 04:47:02 จากคุณ : ephedrine เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 52 04:32:33

ความคิดเห็นที่ 32   เรื่องนี้เป้นเรื่องที่เปิดเจอะหว่างหาข้อมู เป็นเรื่องที่เปรียบเปรยเข้ากับเนื้อหาของกระทู้ได้ตรงใจความดี ในความรุ้สึกของผม ที่มา  http://www.andrewbiggs.com/smf/index.php?topic=1992.0 มีคนเปิดดิกชันนารีพบว่า คำว่า effective และ efficient ต่างก็ให้ความหมายว่า "ที่มีประสิทธิภาพ" เหมือนๆ กัน แล้วมันใช้ต่างกันตรงไหน? effective นั้นเป็นเรื่องของ ประสิทธิภาพที่งานนั้นๆ ดำเนินจนเสร็จสิ้น โดยไม่สนว่าใช้วิธีการใด (ประมาณ เพื่อเป้าหมายแล้วไม่คำนึงถึงวิธีการ) มาดูกรณีศึกษานะครับ ถ้าเราต้องการเดินทางจากบ้านที่ถนนตก ไปยังศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (ไปงานคอมฯ แล้วกัน) ไม่ว่าเราจะไปด้วยรถเมล์ หรือนั่งรถแท็กซี่ หรือ นั่งรถไฟฟ้า BTS ไปต่อ MRT (รถไฟฟ้าใต้ดิน) ต่างก็เป็นวิธีการที่ effective ทั้งนั้น คือ ช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายได้ แต่ถ้าเป็น efficient นั้นจะเป็นเรื่องของ ประสิทธิภาพที่งานนั้นๆ ดำเนินจนเสร็จสิ้น โดยที่ต้องให้เกิดการสูญเสียน้อยที่สุดด้วย เอากรณีศึกษาการเดินทางจากถนนตก ไปศูนย์ประชุมแห่งชาติฯ เมื่อครู่อีกที ถ้าไปรถเมล์ เราจะเสียค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด แต่ใช้เวลานานที่สุด ถ้าเราไปรถแท็กซี่ เราจะเสียค่าใช้จ่ายมากที่สุด แต่ใช้เวลาน้อยกว่าไปรถเมล์ และหากเราไปกันหลายๆ คน หารค่ารถแล้วก็อาจจะถูกกว่านั่งรถไฟฟ้า ถ้าเราไปรถไฟฟ้า เราจะเสียค่าใช้จ่าย (สำหรับคนคนเดียว) น้อยกว่ารถแท็กซี่และได้ความรวดเร็วพอๆ กับนั่งแท็กซี่ (หรืออาจเร็วกว่า) แต่หากไปกันหลายๆ คน (4-5 คน) ค่ารถไฟฟ้ารวมกันอาจแพงกว่านั่งแท็กซี่ไป ทีนี้วิธีไหนจะ efficient นั้น เราต้องพิจารณาว่า เรามองเรื่องเวลา หรือเงิน เป็นเรื่องสำคัญ หากเรามองเรื่องเวลาสำคัญเราอาจมองว่ารถไฟฟ้าคือ the most efficient way แต่หากมองเรื่องเงินสำคัญสุดๆ เราก็อาจมองรถเมล์เป็น the most efficient way ครับผม แต่ทั้งหมดทั้งสิ้นก็อย่างที่บอก ต่างก็เป็นวิธีที่ effective ด้วยกันทั้งนั้นครับ *********************************************** คำว่า "ประสิทธิผล" นั้น ความหมายตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 ประสิทธิผล    [ปฺระสิดทิผน] น. ผลสําเร็จ, ผลที่เกิดขึ้น ส่วนคำว่า "ประสิทธิภาพ" นั้น มีความหมายว่า ประสิทธิภาพ    [ปฺระสิดทิพาบ] น. ความสามารถที่ทําให้เกิดผลในการงาน หากว่ากันตามความหมายของ effective และ efficiency ตามหมายความในภาษาอังกฤษแล้ว effective จะแปลได้ว่า อย่างมีประสิทธิผล ครับ ส่วน efficient จะแปลได้ว่า อย่างมีประสิทธิภาพ เวลาเราพูดถึงประสิทธิภาพการผลิต (ในแวดวงอุตสาหกรรม) เราเลยเรียกประสิทธิภาพการผลิตว่า Production efficiency นั่นเองครับ edit เพื่อใส่ url อ้างอิงครับ  จริงๆแล้วการเปรียบเทียบความหมายของคำในต่างภาษานี่บางครั้งก็ให้แง่คิดดีๆนะครับ แก้ไขเมื่อ 04 ต.ค. 52 04:45:03 จากคุณ : ephedrine เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 52 04:38:04

ความคิดเห็นที่ 33 อ่านแล้วกลุ้ม ไม่รู้เอาอะไรมาพูด ----------------------------------------------------------------------- ถ้าน้ำมัน 1หน่วย + อากาศปรกติ  จุดระเบิดในห้องเผาไหม้ได้แรงดันค่านึง สมมุติเป็น 100 % นะครับ   แล้วถ้าผมบอกว่า ในรถคันเดียวกันเครื่องตัวเดียวกัน สภาวะแวดล้อมก็เหมือนกัน พอเปลี่ยนเป็น          น้ำมัน 1หน่วย + อากาศปรกติ ที่มี HHO ปนมาด้วย สามารถจุดระเบิดแล้วได้แรงดันในห้องเผาไหม้เป็น 110% ล่ะครับ จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ลูกสูบก็ต้องเคลื่อนที่เร็วขึ้นใช่มั้ยครับ พอใกล้ๆถึง BDC วาวล์ไอเสียก็จะเริ่มเปิด น้ำมันที่เผาไหม้ช้ากว่ายังเผาไหม้ไม่หมด ก็จะถูกปล่อยออกไปทางท่อไอเสีย ผ่าน O2 sensor แล้วก็จะมีสัญญาณ rich ส่งมาที่ ECU ลดการจ่ายน้ำมันต่อ cycle การจุดระเบิดลง ----------------------------------------------------------------------- แล้วเอาพลังงานจากไหนมาแยกก๊าซไฮโดรเจน ออกมาจากน้ำล่ะ พลังงานก็เอามาจาก battery แล้วพลังงานจาก battery  ก็เอามาจาก ไดชาร์ต อีกที แล้วไดชาร์ตก็ดึงกำลังของเครื่องยนต์ แล้วเครื่องยนต์ก็มี Load เพิ่มขึ้น เมื้อมีโหลดเพิ่มขึ้น เครื่องยนต์ก็กินน้ำมันมากขึ้น เมื่อกินน้ำมันมากขึ้น มันก็ วนๆๆๆ ไปเรื่อยๆ ไม่มีอะไรดีเลย จากคุณ : I'm ChE เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 52 05:38:21

ความคิดเห็นที่ 34 ถ้ากฏอนุรักษ์พลังงานใช้ไม่ได้ ผมแนะนำ วิจัยครับ บอกให้ได้ว่า เราสามารถเอาชนะ กฏอนุรักษ์พลังงานได้ แล้วคุณจะรวย ๆๆๆ ได้รับรางวัลโนเบล และโลกตะลึง !!! ทุกอย่างเปลี่ยนไป อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ กลับมาตะลึง จากคุณ : I'm ChE เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 52 06:13:53

ความคิดเห็นที่ 35   เวรกรรม มันก็ไม่ได้ข้ามรึแหกกฏอนุรักษ์พลังงานตรงไหน เพียงแต่สมการที่พวกคุณเอามาคำนวน มันไม่ครบถ้วนต่างหากเล่า... ในเมื่อวิธีคิดมันเพี้ยน มันเลยได้ค่าต่างไปจากความเป็นจริง..        กฏอนุรักษ์พลังงานยังอยู่ครับ ไม่ได้ไปบังอาจ ติหนิติเตียนรึบอกว่ามันไม่ถูกเลย แต่พลังงานมันแปรรูปได้ อย่าลืมซี่ครับ ถ้าปรับให้ lost น้อยลง ประสิทธิภาพมันก็เพิ่มขึ้น ประสิทธิผลก็เพิ่มตาม แต่กฏยังอยู่ ถึงผมจะไม่ได้นับถือขนาดเอามันมาเป็นพระเจ้าของผม แต่มันยังทำงานได้อยู่ในกรณีนี้ครับ คิดให้รอบคอบให้ครบถ้วนถึงทุกๆ J ของพลังงานว่าไปไหนบ้างหาความแตกต่างของทั้งสองแบบว่าในห้องเผาไหม้เวลานั้นมีอะไรบ้างที่แตกต่างกัน แล้วมันเกิดอะไรขึ้นบ้างจากความแตกต่างนั้น นี่จะเล่นเอาแต่พลังงานความมร้อนๆๆๆๆ  เอารถไปตากแดดเช้ายันเย็นไม่เห็นรถมันวิ่งเลยฟะ ร้อนจนไข่สุกรถก็ไม่วิ่ง รึว่าเพราะผมไม่ได้เปิดฝากระโปรงให้เครื่องยนต์รับแดด ฮึ.. มันเลยได้พลังงานความร้อนไม่เพียงพอ....     สมการที่พวกคุณคิดๆกันมามันไม่ครบถ้วนเฟ้ย...... แก้ไขเมื่อ 04 ต.ค. 52 10:14:17 จากคุณ : ephedrine เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 52 10:13:43

ความคิดเห็นที่ 36 ^ ^ พยายามต่อไปนะครับ จะมาบอกว่าข้อความทุกอันที่ผมเขียน ไม่เคยกลับเข้ามาแก้สักครั้งนะครับ คุณสองเอาสมการที่คุณคิดว่าครบถ้วนเป็นไปไำด้มาโชว์ละกันครับ หน้าที่ผมคือหาเหตุผลว่ามันไม่จริง เพราะสมมุติฐานผมตั้งว่ามันเป็นเรื่องโกหกทั้งเพไงครับ คุณคิดว่าเป็นไปได้ ก็หาเหตุผลมาโต้แย้งสมการของคนทั่วไปสิครับ แล้วไม่จำเป็นต้องพูดถึงประสิทธิภาพ ประสิทธิผล เพราะถ้าคุณลด lost ในระบบได้ คุณก็ใช้น้ำมันน้อยลงอยู่ดี ไม่ได้เกี่ยวกับการใช้น้ำลายครับ ห้องเผาไหม้มันไม่แตกต่างจากเดิมมากหรอกครับเมื่อคุณเปลี่ยนมาใช้พลังงานน้ำลาย พลังงานความร้อนที่ผมหรือคนทั่วไปหมายถึงในกรณีนี้ พลังงานที่ได้จากการเผาไหม้เชื้อเพลิงหรือที่เรียกว่าปฏิกิริยาออกซิเดชั่นนะครับ หรือไม่ก็คุณลองซื้อเครื่องมาใช้เลย จะได้รู้ว่าจริงหรือหลอก อีกอย่าง ถ้าเครื่องมันแน่จริงอย่างที่ว่า บริษัทผู้ผลิตคงยกให้พวกผู้ทดสอบรถได้ลองใช้กันฟรีแล้วได้ผลเห็นๆ สุดท้ายก็คงขายดีเป็นเทน้ำเทท่าอย่างแน่นอนครับ คุณคิดต่อไปเรื่อยๆนะครับ แต่ผมว่าที่ผมเขียนมาทั้งหมดแค่นี้ ผู้อ่านทั่วไปคงตัดสินใจได้เองแล้วว่ามันเป็นอย่างไรครับ สุดท้ายจะบอกว่าสัญชาติญาณของมนุษย์ส่วนใหญ่เชื่อถือได้เสมอครับ แถมของผม มาพร้อมกับเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ด้วย หน้าที่ผมไม่ได้ทำให้คุณเชื่อครับ แต่เจตนาเขียนให้ผู้อ่านทั่วไปได้ตัดสินเอาเองครับ จากคุณ : Gulffy เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 52 11:30:33

ความคิดเห็นที่ 37   ที่เข้ามาแก้เข้ามาแก้ตัวสะกดครับ..  ดูเวลาจากส่วนล่างสุดก็ได้ครับ ว่าโพสตอนกี่โมง ที่เข้ามาแก้ไขนั่นเป้นเวลากี่ดมงไม่ได้เข้าไปแก้เพื่อ เปลี่ยนแปลงแก้ไข ข้อโต้แย้ง ข้อความอะไรหรอกครับ   หลักฐานมันก็มีอยู่นะครับ ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลหน่อย ก่อนที่จะตำหนิอะไร แค่ความเห็นเราไม่ตรงกันครับ ผมมองว่ามันเป็นไปได้ ส่วนคุณมองว่ามันเป็นไปไม่ได้เท่านั้นเอง ไม่ได้เกลียดกันเป็นการส่วนตัวจริงมั้ยครับ ส่วนของสมการที่ขาดไปก็คือส่วนของกำลังอัดที่ได้จากการจุดระเบิดที่แตกต่างกันนี่แหละ ซึ่งต้องมีเครื่องวัด ที่ถูกต้องเชื่อถือได้ครับ ถึงจะเอามาคุยกันได้ เพราะถ้าเอาแต่ค่าพลังงานความร้อนของเชื้อเพลิงอย่างเดียว มาคิด ผมก็จะบอกว่าผมเอารถไปตากแดดก็ไม่เห็นรถมันวิ่งเลยทำไมล่ะครับ พลังงานความร้อนมันก็ได้นะ รึผมจุดเทียนในลูดสูบทิ้งไว้ทำไมเครื่องยนต์ไม่หมุนล่ะครับ เทียนมีค่าพลังงานความร้อนมากกว่าน้ำมันที่ใช้จุดระเบิดตั้งเยอะ แล้วผมก็เน้นตรงจุดนี้แทบทุก rep. ที่โพสมา แล้วยังมีส่วนของการดูดกลื่นความร้อนของโลหะ อีกล่ะที่ดูดซับพลังงานออกมาได้ไม่เท่ากันอีกล่ะ ตรงนี้ไม่ต้องคิดรึไงครับ ผมบอกแล้วไงครับ ทุกอย่างมันคำนวนได้ทั้งนั้นแหละ แม้แต่ เรื่องที่โคตรเหลือเชื่อ อย่างเช่น โมเลกุลของน้ำในเยี่ยวลิงเมื่อพันปีก่อนไงครับ ถ้าข้อมูลคุณถูกต้องครบถ้วน แล้วสมการในการคำนวนของคุณถูกต้องคุณก็น่าจะสามารถรุ้ได้ว่า น้ำโมเลกุลนั้นอยู่ไหนในเวลานี้ รึแยกออกไปเป็นอะไรอยู่ที่ไหน ความคิดของคุณมันเหมือนระบบ digital ครับ ส่วนผมมันพวก analog อิอิ บนโลกที่มันเป็น analog ผมขอใช้ชีวิตแบบ analog คิดแบบ analog ดีกว่าครับ จากคุณ : ephedrine เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 52 12:11:18

ความคิดเห็นที่ 38   สุดท้ายจะบอกว่าสัญชาติญาณของมนุษย์ส่วนใหญ่เชื่อถือได้เสมอครับ แถมของผม มาพร้อมกับเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ด้วย [[ ไม่จริงนะครับดูจากตลาดหุ้นตลาดทุนทั่วไปก็ได้ สัญชาติญารของแมงเม่าทั้งหลายนั่นก็คนส่วนมากครับ แล้วก็ไม่ได้เป็นความเห็นที่ถูกต้องถูกต้องด้วย กลุ่มคนที่ชนะคือคนกลุ่มน้อย ที่เข้าใจความเป็นไปของระบบทุนครับ ]] หน้าที่ผมไม่ได้ทำให้คุณเชื่อครับ แต่เจตนาเขียนให้ผู้อ่านทั่วไปได้ตัดสินเอาเองครับ [[ ครับผมก็ไม่ได้ขายไอ้เครื่องนี่ครับ แล้วก็ไม่ได้มันบอกว่ามันประหยัดได้ขนาด 30 - 40 % ขนาดนั้น แค่ออกมาบอกว่ามันเป็นไปได้ครับ... และที่บ.ผลิตรถยนต์ ไม่ทำติดมาก็เพราะ มันมีอุปกรณ์ที่ต้องเปลี่ยนนะครับ ไอ้พวก electrode ข้างใน cell พวกนั้นใช้ไปไม่นานก็ผุหมดนะครับ ไหนยังจะมีละอองของพวก สารประกอบต่างๆ จากสารเคมีที่เติมลงไปอีก พวกนี้ก็มีผลต่ออายุการใช้งานของเครื่องยนต์นะครับ แล้วยังพวกชอบโม ชอบแปลงอีก รถเค้าขายเค้าต้องรับประกัน อันไหนที่เพิ่มความเสี่ยงในการประกันสินค้าของเค้า แล้วเค้าดูแล้วไม่คุ้มเค้าก็ไม่ยุ่งกับมันหรอกครับ ]] แก้ที่พิมพ์ตกผิดมั้ยครับ.. ช่องพิมพ์ข้อความของ pantip มันเล็กๆ บางทีพิมพ์ตกพิมพ์หล่นไปบ้างก็ต้องขออภัย ถ้าไม่แก้แจกแจงให้ละเอียดกลัวอ่านไม่รุ้เรื่องอีก แก้ไขเมื่อ 04 ต.ค. 52 12:20:07 แก้ไขเมื่อ 04 ต.ค. 52 12:18:23 จากคุณ : ephedrine เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 52 12:17:40

ความคิดเห็นที่ 39   พิมพ์บนโน้ตบุคน่ะครับ ยังไม่ค่อยคุ้นเลยเพิ่งซื้อมา บางทีก็พิมพ์ผิด พิมพ์ตก เลยยต้องแก้ ก้ไม่รู้จะจับผิดอะไรกันนักหนา เวลาที่แก้เวลาที่โพสมันก็มี แล้วไอ้เรื่องพวกนี้ผมก็ชอบมาเป้นปีแล้วด้วยไม่ได้เพิ่งคิดมาสดๆร้อนๆ เพียงแต่ผมไม่ได้ทำงานด้านนี้ดดยตรงเลยไม่ได้ต้องการความถูกต้องของคาต่างๆ ขนาดที่ลงทุนซื้ออุปกรณ์ เครื่องวัดทั้งหลายแหล่มาใช้ส่วนตัว   ของพวกนั้นฝรั่งมันซื้อเล่นกันมันพอไหวนะครับ สิวๆสำหรับมัน แต่สำหรับผมคนหากินเมืองไทย เก็บเงินไว้ทำอย่างอื่นดีกว่า ไอ้พวกนี้มันแค่ hobby จากคุณ : ephedrine เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 52 12:23:06

ความคิดเห็นที่ 40 http://www.weekendhobby.com/offroad/newenergy/question.asp?page=2&id=1349 อ่านแล้วจะกระจ่าง จากคุณ : teddybear29 เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 52 12:28:47

ความคิดเห็นที่ 41 ว่างๆ ไปอ่านไปดูอะไรกันเล่นๆ ครับ http://www.weekendhobby.com/offroad/newenergy/question.asp?page=1&id=1039 http://www.weekendhobby.com/offroad/newenergy/question.asp?page=1&id=1349 http://www.youtube.com/watch?v=al9i2Mn46b4 http://www.metacafe.com/watch/1044705/diy_hydrogen_generator_101/ http://www.metacafe.com/watch/2427934/how_to_builld_an_hho_dry_cell_make_hydrogen_fuel_generator_plans/ http://www.youtube.com/watch?v=Kv9vMzXJbho http://www.youtube.com/watch?v=XK5UVpWpq0w http://www.youtube.com/watch?v=m6SB2Nq_NMo จากคุณ : O-BoteJama เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 52 12:34:59

ความคิดเห็นที่ 42 ขอบคุณ ความคิดเห็นที่ 40 ที่ทำให้หลายๆคนกระจ่าง ไม่ไปโดนต้มเป็นเป็ดตุ๋น จากคุณ : I'm ChE เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 52 14:44:23

ความคิดเห็นที่ 43 ถ้าไปหว้ากอนะ มีคนตายแล้ว 1 ศพ! จากคุณ : Neon_Nerv เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 52 18:59:25

ความคิดเห็นที่ 44 คุยกัยมันดี แล้วถ้าเขาไม่ใช้น้ำมันเลยละคอใส่น้ำล้วนๆ แล้ววิ่งได้จะคิดว่าหลอกกันอีกไหม พอดีมีคนบอกว่าตอนนี้ทำได้ขนาดนี้แล้วมาโชว์ที่อู่เลยช่างทั่งอู่ยังงง จากคุณ : นกเดินทาง เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 52 19:05:49

ความคิดเห็นที่ 45   ขอโทษทีไปเที่ยวชะอำมาเดี๋ยวไปเอาของเก่าออกเข้ามาคุยต่อ จากคุณ : ephedrine เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 52 22:26:41

ความคิดเห็นที่ 46   ไม่เห็นจะต้องเถียงกัน ให้มันปวดหัวเลย ง่ายๆ หากใครสงสัยก็ลองเอารถไปติดดูสิ เสร็จแล้วก็ - วัดค่าอัตราการใช้เชื้อเพลิงก่อนและหลังติดตั้ง - วัดความแรงของเครื่องยนต์ก่อนและหลังติดตั้ง เอาราคาค่าติดตั้งมาเทียบ แค่นี้ก็น่าพอจะสรุปได้ว่าติดแล้วดีหรือไม่ดี จากคุณ : ชินจัง เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 52 01:05:19 A:74.63.117.186 X: TicketID:102104

ความคิดเห็นที่ 47 #44 ผมก็อยากเห็นครับ มีที่ไหนขอไปดูหน่อยแบบไม่ใช้น้ำมัน อยากงง ด้วยคน จากคุณ : GustPower เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 16:06:32