|
ความคิดเห็นที่ 5 |
|
AM General ออกแบบเรือนเกียร์ในชุดขับ ให้รองรับแรงบิดได้สองเท่า ในแต่ละล้อ การออกแบบชุดขับเคลื่อนแบบนี้ ทำให้ใต้ท้องรถมีความสูงถึง 16 นิ้ว สูงมากที่สุดในรถระดับเดียวกัน ใช้ช่วงล่างเป็นแบบ A-arm คู่ ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง รองรับด้วยคอล์ยสปริง และโชคอัพน้ำมันแบบ double-acting การออกแบบแยกเป็นส่วนๆ (modular design )ทำให้ฮัมวี่ง่ายต่อการดัดแปลงไปใช้งาน ในภารกิจต่างๆ ในรุ่นทั่วไป มีความปลอดภัยในการขับขี่สูงกว่ารถจี๊บหลายเท่า ฮัมวี่ เป็นยุทโธปกรณ์ ชนิดหนึ่งซึ่งทางกลาโหมสหรัฐฯ ออกแบบไว้เพื่อสนับสนุนสงครามในเมือง (urban warfare) มันมิใช่รถหุ้มเกราะทั้งคัน มิได้ออกแบบไว้เพื่อเผชิญหน้ากับข้าศึกในการปะทะแบบเผชิญหน้า แต่มีความทนทานต่อการโจมตีจากปืนค. หรือปืนกลมือระยะไกลได้ สงครามอิรัคครั้งที่สอง ในปี 2003 เป็นสงครามกลางเมือง ที่ไม่มีกรอบยุทธบริเวณชัดเจน รถฮัมวี่และทหารจำนวนมากต้องสูญเสีย ทบ.สหรัฐฯแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการ ติดเกราะเสริมเข้าไป แต่นั่นทำให้ ระบบทางเทคนิคเปลี่ยนไป รถยนต์มีน้ำหนักเพิ่มขึ้น สึกหรอเร็วขึ้น คว่ำง่ายขึ้น เกิดอุบัติเหตุบ่อยขึ้น เป็นปัญหา ให้หน่วยเหนือตามแก้ไขอีก การประสบความสูญเสียของทหารอเมริกันในอิรัค เป็นผลมาจาก กลุ่มต่อต้านใช้อุปกรณ์พิเศษ Vehicle Borne Improvised Explosive Devices (VBIEDs) เพื่อการโจมตีมันโดยเฉพาะ ในระยะประชิด ทำให้เกิดความสูญเสีย หลายต่อหลายครั้ง ความรุนแรงของสงครามกลางเมืองในอิรัค ยังคงทวีความรุนแรงขึ้น ทหารเสียชีวิตจากการลอบวางระเบิดรถยนต์มีมากขึ้น ทบ.สหรัฐฯ ได้พยายามมองหายานยนต์ชนิดใหม่ ซึ่งได้รับการออกแบบเพื่อเผชิญกับการลอบวางระเบิดรถ โดยเฉพาะ ได้แก่ Stryker, Bradley, Abrams tank และ MRAP (Mine Resistant Ambush Protected) แต่นั่น ทั้งราคา และค่าใช้จ่ายอื่นๆ สูงกว่าฮัมวี่มากมายนัก ลำพังรถ Stryker ล้อยาง 8 ล้อ แม้จะเคลื่อนย้ายด้วยเครื่องบิน C-130 ได้ก็จริง แต่ก็เป็นไปอย่างทุลักทุเล ลักษณะภายนอก ไม่มีใครเลยที่มองเห็นรถฮัมวี่ แล้วอุทานถึงความน่ารัก ทหารอเมริกันส่วนใหญ่เมื่อแรกเห็นมันในตอนกลางทศวรรษ 1980 ต่างกล่าวว่ามันคือ รถจี๊บที่มีมัดกล้าม "Jeep on steroids." เพราะมันถูกออกแบบให้เป็นยานยนต์ที่ทนทานที่สุดในโลก รูปร่างอันบึกบึนของมันเป็นผลมาจากความต้องการทางยุทธวิธี ถึงกระนั้นมันยังถูกจัดให้เป็นยานรบขนาดเบา ที่มีความคล่องตัวสูง ขับเคลื่อนสี่ล้อ บนโครงสร้างหลักชิ้นเดียวกัน สามารถนำไปติดตั้งอาวุธแรงสูงได้ หลายชนิด machine guns to tube-launched, optically tracked, wire command-guided (TOW) anti-tank ทั้งยังต้องลุยได้ทุกสภาพภูมิประเทศ เช่นในป่า ในทะเลทราย อย่างเป็นเวลานาน โดยต้องการการซ่อมบำรุงเพียงเล็กน้อย ที่สำคัญที่สุดในการออกแบบ คือมันต้องลำเลียงทหารและยุทโธปกรณ์ ฝ่าดงกระสุน และสนามทุ่นระเบิด ไปได้อย่างปลอดภัย ทั้งๆที่มันมิใช่ยานเกราะ บนโครงสร้างหลัก เครื่องยนต์ และระบบเกียร์ชิ้นเดียวกัน มันได้รับการดัดแปลงและพัฒนา ออกไปในหลายรูปแบบ ลำเลียงทหารและยุทโธปกรณ์ การส่งกลับสายการแพทย์ ชิ้นส่วนอะไหล่จำนวนถึง 44 รายการสามารถนำมาใช้งานร่วมกันได้ นั่นหมายถึง การซ่อมบำรุง การจัดหาอะไหล่ และการฝึกช่างเทคนิค ที่ลดลง รถฮัมวี่ ต้องบำรุงรักษาง่าย มีความเชื่อถือ และความอยู่รอดสูง เมื่อเผชิญกับภารกิจในสนามรบ ภายใต้หลักการ (RAM-D) Reliability, Availability, Maintainability and Durability ซึ่งใช้ในการประเมินค่า ยานยนต์รบ และในครั้งแรก รถฮัมวี่ได้ผ่านการทดสอบ โดยมีความทนทานสูงเป็นสองเท่า ของมาตรฐานที่ ทบ.สหรัฐฯ กำหนดไว้ ระยะความสูงจากพื้นรถ ที่สูงถึง 16 นิ้วหรือ 40 เซนติเมตร ทำให้มันมีความสุดยอด ในการขับผ่านสิ่งกีดขวาง ซึ่งเป็นผลมาจากการออกแบบทางวิศวกรรม รถฮัมวี่ เป็นรถที่ขับเคลื่อนสี่ล้อตลอดเวลา ช่วงล่างอิสระ สามารถไต่เขา หรือลงเนิน ที่มีความชันมากได้ 60% ขับขนานไปกับความลาดเอียงทางด้านข้าง องศาได้อย่างปลอดภัย ทั้งยังลุยน้ำลึก 60-นิ้วได้อย่างสบาย
รุ่นที่เห็นคุ้นตากันบ่อยๆ คือแบบสี่ประตู ท้ายตัด ( M1025) มีส่วนด้านหน้า ที่เป็นเอกลักษณ์เหมือนกัน ไฟหน้าดวงกลมหนึ่งคู่ อยู่ระหว่างช่องรับอากาศ ซึ่งจัดแบ่งเป็นช่องลมแนวตั้ง 7 ช่อง อันถือเป็นลิขสิทธิ์ ห้ามใครลอกเลียนแบบ รถฮัมวี่ไม่มีกันชนด้านหน้า มองจากด้านเห็นจะเห็นลายดอกยางล้อเปิดกว้าง เพื่อให้รถสามารถไต่มุมชันได้ ฝากระโปรงหน้าผลิตขึ้นจากวัสดุผสมคอมโพสิต fiberglass และ plastic ถูกทำเป็นช่องรับลมแนวขวาง เพื่อระบายอากาศ กระจกหน้าแบ่งเป็นสองส่วน ซ้าย-ขวา ใบปัดน้ำฝนติดตั้งไว้ด้านบนของกระจก แต่ในรุ่นพลเรือน HUMMMER H2 และ H3 เป็นกระจกบานเดียว
ประตู หลังคาผลิตจากเหล็กกล้า พื้นรถ กันชนหลัง และส่วนท้ายผลิตขึ้นด้วยอลูมิเนียมชนิด 6061T6 มาตรฐานเดียวกับที่นำไปสร้างเครื่องบิน
จากคุณ |
:
จ๋า...ขอ
|
เขียนเมื่อ |
:
9 พ.ย. 52 12:00:49
|
|
|
|
|