ความคิดเห็นที่ 1 น้องปา ค่ะ  เพราะจะไปรับรถ วันที่ 5 ธ.ค.  เหตุผล  ราคาไม่แรง  รูปทรงก็โอเคค่ะ จากคุณ : ขมิ้นกะปูน เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 52 13:43:21

ความคิดเห็นที่ 2 เลือกจูนคับ ใช้มาแล้วก็โอเค ช่วงล่างกระด้างไปนิด(ไม่นิดเท่าไร ค่อนข้างมาก) นอกนั้นพอใจทุกอย่าง ปาช่วงล่างนุ่มนวลกว่า แต่รูปทรงยังฉีกจากรถปิคอัพใส่หลังคาไม่เท่าไร จากคุณ : แมวตัวอ้วนๆเดินตกท่อ เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 52 13:51:26

ความคิดเห็นที่ 3 ถ้าเลือก 2 ตัว ผมเลือก Pajero Sport เพราะช่วงล่างครับ แต่ถ้าเลือกยี่ห้ออื่นได้ ผมเลือก Everest อิอิ จากคุณ : XenoType เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 52 13:58:21

ความคิดเห็นที่ 4 เลือก PJS ครับ กำลังรอซื้อมือ 2 สภาพดี ราคาไม่แรงอยู่ครับ หาได้เมื่อไหร่จะซื้อเป็นรถคันที่ 3 ของบ้าน จากคุณ : s7014249 เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 52 14:24:47

ความคิดเห็นที่ 5 เป็นคนมีครอบครัวครับเลยเลือก pajero sport น่าจะเหมาะกว่า จากคุณ : cagiva เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 52 15:46:25

ความคิดเห็นที่ 6   ปาครับ เอเวอร์เรส(สีดำ) กะเอสเคป ต่อมาถ้าเลือกได้ จากคุณ : ปรุงใจ (issarin) เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 52 16:37:24

ความคิดเห็นที่ 7 Pajero Sport แน่นอน.. (ไม่ได้เป็นเซลส์นะ.. ต้องบอกก่อน..) 1. ช่วงล่างที่ดีกว่า.. ทั้งความนุ่มนวล.. ความเกาะถนน.. ลองขับเปรียบเทียบกัน.. แล้วจะรู้.. แล้วถ้าเป็นไปได้.. ลองหาโอกาสมุดใต้ท้องรถนะ.. แล้วเปรียบเทียบกัน.. แล้วจะรู้ซึ้งถึงความแตกต่าง.. Pajero Sport มีระบบทรีลิ้งค์ ทอร์คอาร์ม คอยสปริง คอยดูดซับแรงกระแทก แรงสะบัดของรถ.. และป้องกันการโคลงตัวของรถ.. ปีกนกก็อันใหญ่+หนากว่าจูน.. เหอๆ.. ลองมากับตัวเองแล้ว.. เข้าโค้งตัว S โดยไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน.. ถนนไปขอนแก่น โดนมอเตอร์ไซด์ตาลุงคนนึงตัดหน้ากระทันหันจากเกาะกลางถนน.. ตอนนั้นอยู่เลนขวา.. ความเร็ว 120 Km./H. เลยตบเข้าเลนซ้ายเพื่อบอกว่า.. ไม่ให้.. แต่ตาลุงนั่นไม่ได้มองเลย.. ยังตัดตรงข้ามมาอีก.. ทีนี้มันจะชนแล้วน่ะสิ.. เหลือระยะแค่ 2-3 เมตร.. เลยตัดสินใจหักเลี้ยวกระทันหันจากเลนซ้าย.. ตบเข้าเลนขวา.. ที่ 120 Km./H. ในระยะอีก 2-3 เมตรจะชน.. รถไม่มีอาการสะบัดตูดหมุน ไม่เสียการทรงตัวแต่อย่างใด.. มีเพียงอาการโคลงให้เสียวๆเล็กน้อย.. แต่ไม่เป็นไร.. ่ปลอดภัยแค่ไหน.. คนที่นั่งหน้าซ้ายมาด้วย เป็นโรคหัวใจ.. ยังสบายดีอยู่.. (แต่คนนั่งหน้าซ้าย.. มาตกใจสุดขีดตรงที่คนขับเอารถเข้าจอดขอบทาง.. จอดรอ.. และเปิดประตูปีนรถตะโกนเสียงเหมือนฟ้าผ่า.. "ลุง.. อยากตายเหรอ..") 2. ความมั่นใจ และความปลอดภัย เสถียรภาพในการขับขี่.. อันสืบเนื่องจากข้อ 1 และสืบเนื่องจากพลังการขับขี่ที่เหลือเฟือกว่า แม้จะไม่มาก แค่ 3.2 VS 3.0 แต่ก็มีผล (ลองมาแล้ว) ยังไม่ต้องเทียบระหว่าง Pajero Sport กับ Fortuner หรอก.. เอาแค่ Triton กับ Vigo ก็รู้แล้ว.. นี่เลย.. http://www.youtube.com/watch?v=aZF8N9NItHI&feature=related Fortuner มีพื้นฐานมาจาก Vigo ซึ่งเข้าโค้งตัว S อย่างที่เห็นใน Clip แหละ Pajero Sport ตัว 2.5 L ใช้เครื่องยนต์ตัวเดียวกันกับ Triton แต่ระบบช่วงล่างมาจาก Pajero ตัว 3-4 ล้าน Pajero Sport ตัว 3.2 L ใช้เครื่องยนต์คนละตัวกับ Triton และระบบช่วงล่างมาจาก Pajero ตัว 3-4 ล้าน 3. ราคาสมเหตุสมผล.. Pajero Sport 3.2 GT ตัวท๊อป และสีขาวที่ขับอยู่.. ช่วงล่างดีกว่า.. พลังขับเคลื่อนดีกว่า.. รถมีเสถียรภาพกว่า.. แต่ราคายังถูกกว่า Fortuner ตัวท๊อปเลย.. ขนาดเล่นสีขาวตัวท๊อป ต้องเพิ่มเงินนะ.. (ขับ 3.2 GT ตัวท๊อป สีขาวอยู่) (ข้อ 4 นี่ไม่ต้องดูก็ได้.. เอาแค่ 3 ข้อข้างบนก็จบแล้ว..) 4. ยังไม่ต้องมองเรื่องอื่น เช่น Mitsubishi ผลิตรถถัง และอื่นๆ ให้รัฐบาลญี่ปุ่นตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2, เป็นบริษัทที่มีบริษัทในเครือร่วม 30 บริษัท.. สามารถต่อจิ๊กซอว์ทางธุรกิจเพื่อลดต้นทุนแต่ได้คุณภาพ Product ได้ดีกว่าคู่แข่ง.. (นี่แหละ ทำไมขายได้ถูกกว่า แต่รถไม่ด้อยคุณภาพลง) สามารถประสาน ต่อยอด Know-How ระบบอิเลคโทรนิคส์ ระบบไฟฟ้า ระบบส่งกำลัง ระบบยานยนต์ ฯลฯ ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว แก้ไขเมื่อ 13 พ.ย. 52 21:35:54 แก้ไขเมื่อ 13 พ.ย. 52 16:42:06 แก้ไขเมื่อ 13 พ.ย. 52 16:40:45 จากคุณ : disappear.. เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 52 16:38:21

ความคิดเห็นที่ 8 เชียร์ น้องปา ด้วยอีกคน ไปลองขับดูทั้งสองคันแล้วตอบตัวเองได้เลยว่าคันไหนปลอดภัยกว่ากัน จากคุณ : sideroads เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 52 16:48:21

ความคิดเห็นที่ 9 น้องปาตอนนี้โช้ครั่ว โช้คแตกนะคะ เป็นกันเกือบทุกคันคะ ส่วนตัวใช้ปาอยู่นะคะ สองหมื่นโลแล้ว เพิ่งเจอแจ็กพ็อต โช้คแตกมาสดๆๆร้อนๆๆ เพิ่งเอาไปเคลมมา เป็นโช้คหลังค่ะ ใครจาเลือกคันไหนก็หาข้อมูลเยอะๆนะคะ ลองขับดูแล้วเราจะรู้สึกได้เองว่าต้องเอาคันไหน ส่วนตัวตั้งแต่ใช้ปามา พอใจมากๆ ค่ะ ตัดสินใจไม่ผิดจริงๆ ปล. เมื่อไหร่เวปของปาเราจะใช้ได้ปกติซะทีเนี่ย จากคุณ : โช้คแตกแล้วจ้าา (kanom_om) เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 52 17:02:12

ความคิดเห็นที่ 10   ของถูกไม่ดี ของดีต้องเเพง ครับ ฮิ ฮิ จากคุณ : เด็กอู่ เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 52 17:25:24 A:180.183.212.16 X: TicketID:213619

ความคิดเห็นที่ 11   ไม่ชอบ ppv. แต่ชอบ suv.มากกว่า แต่ไม่มีตังค์ซื้อ ก็ใช้กระบะเจ้าตลาดไปก่อนดีกว่าครับผม จากคุณ : n เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 52 17:33:28 A:118.173.12.50 X: TicketID:239616

ความคิดเห็นที่ 12 คนชอบไม่ได้ซื้อ คนซื้อไม่ได้ชอบ... ผลโหวตตรงกันข้ามกับความจริงอย่างสิ้นเชิงครับ... จากคุณ : w@@n เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 52 17:33:34

ความคิดเห็นที่ 13 มาผลโหวต ....อีกคนมันช่างต่างกับยอดขายจริงๆ 555555555 จากคุณ : ipon2029 เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 52 17:44:37

ความคิดเห็นที่ 14 Pa ตัวรถดีครับ แต่คนซื้อ น่าจะไม่ค่อยมั่นใจยี่ห้อ กับ ศูนย์บริการสักเท่าไหร่ ก็เลยกลับไปหาน้องจูน ที่แย่กว่า ตรงนั้นนิด ตรงนี้หน่อย กับดีกว่าเรื่องความแรง แต่แพงกว่าหลายแสน คนซื้อ เค้าคงไม่ mind มั้ง? ถือว่า รถแพง ก็ถือว่า ซื้อโชว์ ขายต่อ ก็ตกไม่มาก ไปรอได้คืนตอนนั้น จากคุณ : P_Wut เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 52 18:08:12

ความคิดเห็นที่ 15 เชียร์ปา แต่ยังไงก็ซื้อแต่ To กะ Isu เท่านั้น จากคุณ : mighty-x เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 52 18:10:43

ความคิดเห็นที่ 16 หุ หุ หุ จากคุณ : Air_graphic เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 52 18:17:23

ความคิดเห็นที่ 17 เลือก fortuner ครับ   เหตุผลส่วนตัวล้วนๆ  ถึงจะกระด้างไปหน่อย แต่โดยรวมดีครับ  ทั้งศูนย์บริการ และราคาขายต่อ ไม่เสียใจจริงๆ ที่ซื้อ ถึงแม้ออกได้ไม่ถึงปี ตกรุ่นไปแล้ว 2 รุ่น ฮ่าๆ จากคุณ : PaoChelsea เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 52 18:46:48

ความคิดเห็นที่ 18   น้องปาฯ ดีกว่าทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องความสวยงามเท่านั้น แต่ชาตินี้ตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่เหยียบศูนย์มิตซูฯ อีกต่อไป ดังนั้น น้องปาฯ ไม่อยู่ในสายตา จากคุณ : ต้องเจอเองแล้วจะซึ้ง.. เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 52 19:50:33 A:58.64.51.64 X:

ความคิดเห็นที่ 19 ทุกรุ่นก็มีข้อดี ข้อเสียครับ สำหรับผมเลือกปาเจโร่ เรื่องศูนย์บริการก็ไม่ใช่ว่าทุกศูนย์จะเหมือนกันหมดนะครับ ศูนย์มิตซูที่ผมใช้บริการอยู่ก็ดีกว่าที่คิดเอาไว้ตอนแรกมาก (แต่ที่อื่นไม่รู้เป็นไง) จากคุณ : wattana_chay เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 52 20:07:30

ความคิดเห็นที่ 20 ต่างคนต่างความคิด ต่างคนต่างความรู้สึก  ต่างคนต่างชอบ   ส่วนตัวผมเน้นเบรคระบบช่วงล่างที่ดีโดยไม่ต้องปรับ ทำหรือแก้ไข รูปโฉมมาทีหลัง ราคาขายต่อไม่สนเพราะใช้รถอย่างมีความสุขตลอดระยะเวลา   ผมซื้อปาเจโร่สปอตมาครบปี วิ่งมาเกือบ4หมื่นโล ขับแล้วประทับใจมาก มีเพื่อนมานั่งหลายครั้งทุกคนบอกช่วงล่างนิ่มไม่แพ้รถเก๋ง เกาะถนนได้ดี ปัญหาโชครั่วเคลมไปแล้วไม่มีปัญหาอีก นอกนั้นก้ไม่เคยปัญหา  อยากซื้อรถอะไรก็ลอง ลองแล้วชอบก็ซื้อ ถูกใจตัวเองที่สู๊ด จากคุณ : ชื่อนี้ไม่ค่อยมีใครใช้ เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 52 20:28:58

ความคิดเห็นที่ 21 อยากลองขับ ปา มาตั้งนานแล้ว แต่ for เอาไปติด ฟันยางยูเรเทน ก็นุ่มขึ้นบานแล้ว 4พันกว่าบาทเอง จากคุณ : กาแฟสามถ้วย เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 52 20:29:39

ความคิดเห็นที่ 22   คนเชียร์นี่ก็หลับหูหลับตาเชียร์เนอะ ขับอยู่แต่รถของตัวเองก็เอาแต่ชมรถตัวเองว่าเป็นรถเทพ รถรุ่นอื่นก็ฟังเอาเดาเอาดูคลิปเอา แล้วก็บอกว่ามันแย่กว่า คุณภาพรถยนต์เกี่ยวอะไรกับเรือเดินสมุทร์ เครื่องจักรหนัก เครื่องไฟฟ้า แอร์ พัดลม ทีวีตู้เย็นครับ ไปกันใหญ่แล้ว จากคุณ : <SportivO> เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 52 20:33:55

ความคิดเห็นที่ 23 #12, #13 คุณจะเอาอะไรกับรถที่ออกมาขายก่อนตั้งนานแสนนาน.. เอามาเทียบกับรถที่เพิ่งออกมาประมาณปีเดียวนี่นะ.. ถึงใครจะมาพูดว่า.. เอายอดขายเฉพาะปีนี้มาเทียบกันก็เถอะ.. มันเป็นโมเมนตั้ม(ขออนุญาตใช้ศัพท์พี่หมอเมาคลื่น FM.99 MHz.หน่อยเถอะ.. 555..) มันเป็นโมเมนตั้มที่ต่อเนื่องมาจากปีก่อนๆ.. โมเมนตั้มจากการออกตัวก่อน.. ผู้บริโภครู้จักในวงกว้างมาก่อน.. ซึ่ง.. มากกว่า.. ไม่เชื่อ.. คุณลองวิ่งแข่งกับเพื่อนที่วิ่งช้ากว่าคุณสักนิดนึงนะ.. สักคนนึงเลือกมา.. เอาให้ความเร็วแตกต่างกันไม่มากนะ.. ให้เพื่อนวิ่งมาแต่ไกล ระยะ 200 เมตรนะ.. ส่วนคุณให้อยู่ในท่าหมอบแบบนักกีฬา เตรียมออกวิ่งช่วงเพียง 100 เมตรสุดท้าย.. หลังจากที่เพื่อนคุณวิ่งมาเต็มสูบแล้ว 100 เมตรแรก.. เข้าสู่ 100 เมตรสุดท้าย.. คุณค่อยออกตัวตรงจุดนั้น.. คุณจะพบว่า.. เพื่อนคุณซึ่งวิ่งช้ากว่า.. เข้าเส้นชัยก่อน.. เข้าใจหรือยัง.. ? แล้วไงเหรอ.. ข้อจริงแท้.. (ไม่ใช่ข้อเท็จจริงนะ.. ประเภทจริง 7 เท็จ 3 อย่างนี้ไ่ม่เอา) ข้อจริงแท้ก็คือ.. ผู้บริโภคตลาดรถยนต์ส่วนใหญ่.. ไม่ค่อยรู้เรื่องรถ.. แล้วเค้าตัดสินใจซื้อรถจากอะไร.. เหอๆ.. ไม่ยากเลย.. อันไหนคนใช้เยอะ.. ขอด้วยคน.. ประมาณว่า.. เห็นบ้านนั้นขับ.. บ้านนู้นขับ.. ขอด้วยคน.. หรือจะลองนับกระทู้ในห้องรัชดานี่ก็ได้.. ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา.. นับกระทู้คนมาถามให้ช่วยตัดสินใจซื้อรถ.. พร้อมสารภาพว่าตนเองไม่รู้เรื่องรถเท่าไหร่น่ะ.. คุณลองไปถามคนต่างจังหวัดสิ.. เค้าจะบอกแต่ Fortuner, Vigo.. พอถามว่า.. มันดีอย่างไรเหรอ.. เค้าตอบว่าไงรู้ไหม.. ? "ก็.. ไม่รู้สิ.. เห็นคนขับเยอะ.. น่าจะดี.." ซ้ำร้าย.. บางคนก็พอจะมีความรู้เรื่องรถ.. แต่คงไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองมั๊ง.. หาข้อมูลมา.. รู้ทั้งรู้ว่าอะไรดีกว่าอะไร.. แต่.. พอจะตัดสินใจขั้นสุดท้าย.. กลับเชื่อในสิ่งที่มองไม่เห็น.. เฉยเลย.. (พวกเชื่อไสยศาสตร์มั๊ง.. 555.. ประมาณว่า.. ไม่เชื่ออย่าลบหลู่..) เห็นมาเยอะแล้ว.. ทั้งในบอร์ด ทั้งเพื่อนตัวเป็นๆ.. พอจะตัดสินใจซื้อนะ.. "เอ.. มันคงจะมีอะไรที่เรายังไม่รู้แน่ๆเลย.. ก็ดูราคาขายสิ.. อันนี้แพงกว่า.. แต่คนยังซื้อเยอะเลย.. งั้น.. ยังไงซวยก็ซวยด้วยกัน.. เอาวะ.. มีเพื่อน.." 555.. จบข่าววว.. แก้ไขเมื่อ 13 พ.ย. 52 21:03:45 แก้ไขเมื่อ 13 พ.ย. 52 20:53:32 จากคุณ : disappear.. เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 52 20:43:08

ความคิดเห็นที่ 24   บางคน ไม่ได้ใช้ทั้ง 2ตัวเลือกที่ให้มา แต่พูดมาได้ไงไม่รู้ว่า ปาเจโร่ ดีกว่า พูดเหมือนตัวเองใช้อยู่เลย งงจริงๆ คงเป็นเพราะฟังต่อๆกันมา แล้วมาเล่าสู่กันฟังอีกที... จขกท.ไปลองเองเลยครับ จากคุณ : -*- เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 52 20:55:14 A:124.122.195.33 X:

ความคิดเห็นที่ 25 #22.. "คุณภาพรถยนต์เกี่ยวอะไรกับเรือเดินสมุทร์ เครื่องจักรหนัก เครื่องไฟฟ้า แอร์ พัดลม ทีวีตู้เย็นครับ ไปกันใหญ่แล้ว" (บอกแล้วว่าไม่ต้องอ่านข้อ 4.. เอ๊ะ.. พูดไม่รู้เรื่อง..) ถ้าคุณเ้ข้าใจถึงความสามารถในการเรียนรู้จากสิ่งรอบข้าง สิ่งที่ใกล้เคียง ตลอดจนสิ่งที่เกี่ยวพันกัน.. ถ้าคุณเข้าใจว่า.. มนุษย์สั่งสม.. เรียนรู้.. ต่อยอด.. ดัดแปลง.. พัฒนา.. ได้อย่างไร.. คุณอาจจะไม่ตั้งคำถามแบบนี้นะ.. ถ้างั้น.. ตลอดเส้นทางชีวิตของเอดิสัน.. คงต้องพยายามผลิตแต่หลอดไฟมั๊ง.. ถึงได้ประสบความสำเร็จ.. มีชื่อเสียงทางนี้.. แก้ไขเมื่อ 13 พ.ย. 52 21:33:17 แก้ไขเมื่อ 13 พ.ย. 52 21:13:08 จากคุณ : disappear.. เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 52 21:12:10

ความคิดเห็นที่ 26 #22 รู้จริงนะ ที่บ้านผมมี MU7 vgs turbo  CRV โฉมปัจจุบัน PajeroSport  2.5 ส่วนtoyotaขอความเมตตาขับจากรถเพื่อน แล้ว จากคุณ : ชื่อนี้ไม่ค่อยมีใครใช้ เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 52 21:28:36

ความคิดเห็นที่ 27 For ครับ จากคุณ : KapampaBlue เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 52 21:42:45

ความคิดเห็นที่ 28 สุดท้ายก็มาดูเจ้าของรถเทพทั้งหลายเถียงกันดีกว่า จากคุณ : Response เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 52 23:54:04

ความคิดเห็นที่ 29   ข้อคิด 1. ถ้าอยากจะมีรถราคาล้านกว่าๆขับสักคัน คุณอยากได้อะไรมากที่สุด ระหว่าง ... 1.1 ความปลอดภัย 1.2 ความสะดวกสบาย 1.3 ความประหยัดน้ำมัน 1.4 ความสวยงาม 1.4.5 ประสิทธิภาพเครื่องยนต์ 1.5 การบริการหลังการขายที่ดี 1.6 ราคาขายต่อที่ดีกว่า 1.7 ความมีหน้ามีตาและเป็นที่ยอมรับในสังคมมากกว่า เป็นผม ผมเลือกข้อ 1.1 เพราะมันเป็นสิ่งจำเป็นและสำคัญสุดสำหรับชีวิตผมและครอบครัวระหว่างอยู่บนยานพาหนะ ข้อ 1.2 ถึง 1.6 แลกไม่ได้กับข้อ 1.1 ข้อเดียว ผมขอยืนยันด้วยตนเอง หลังจากใช้มาแล้วทั้ง 2 ตัวนี้ ว่า.. - PJS ให้ "เบรค" + "ช่วงล่าง" ที่มั่นคงในขณะเดียวกันก็ุ่นุ่มนวลกว่า Fortuner "มาก" โดยเฉพาะเมื่อความเร็วสูง เมื่อเข้าโค้ง เมื่อต้องหลบหลีกสิ่งกีดขวางกระทันหันที่ความเร็วสูง เมื่อต้องเบรกกระทันหันระยะกระชั้นชิด(หยุดได้ดีพอกันทั้งคู่ แต่ PJS ทำได้แบบให้ความรู้สึกไม่เสียวเท่า For มันเบรคนุ่มๆนิ่งๆ) เมื่อผ่านเส้นทางหลุมบ่อที่ความเร็วสูง ผมพูดได้เลยว่า จุดเ่ด่นที่สุดของ PJS คือช่วงล่าง และเบรค ซึ่งต่อให้ For MC มาแล้วก็ไม่ได้ดีเท่า PJS เลย เรื่องช่วงล่างเดิมๆ ยังห่างกันเยอะครับ ส่วนความปลอดภัยด้านอื่นๆ นั้น ผมว่าใกล้เคียงกัน แม้บางอย่างไม่ได้เคยทดสอบเอง (เช่น ถุงลม ใครเคยทดสอบมาแล้ววานบอกที) แต่ ทั้งคู่มี Dual SRS เข็มขัดนิรภัยดึงกลับอัตโนมัติ คานนิรภัย โครงสร้าง GOA/Rise Body (ระดับความปลอดภัยเมื่อชน NCAP --> ยังหาไม่เจอว่ากี่ดาว) เป็นต้น 2. ถ้าคิดถึงด้านความสะดวกสบาย ผมว่าก็ใกล้เคียงกัน ไม่ต่างกันมาก - แต่คงต้องยอมรับว่า เบาะนั่งของ For นุ่มกว่า นั่งสบายกว่าโดยเฉพาะเบาะแถว 2 ส่วนแถว 3 เล็กพอกัน , ใน PJS แถว 3 เมื่อนั่งในระยะเวลาที่เท่ากันเมื่อยน้อยกว่า แต่เบาะนั่งแคบกว่า For , ตัวใหญ่ๆนั่งไม่พอดี - เบาะนั่ง PJS คนขับปรับ 8 ทิศทาง ส่วน For ไ้ด้ 6 ทิศทาง แต่นั่งจริงปรับจริงก็พอๆกัน อาการเมื่อย ทั้งขาและหลังก็พอๆกัน แต่เบาะ For มั่นคงกว่า คนตัวใหญ่รู้สึกได้เลยว่าเบาะขับ PJS มันคลอนกว่า - ถ้ามีของต้องขนเยอะๆ บอกเลยว่า PJS กินขาด  เพราะปรับเปลี่ยนรูปแบบเบาะ 3 ได้ดีมาก ไม่บดบังทัศวิสัย และเรียบร้อยกว่า พับง่ายกว่ามาก - การเข้าถึงเบาะแถวสามโดยกาปรับแถว 2 PJS ก็กินขาดอีกเช่นกัน เพราะมันง่ายมากกก แค่ดึงตัวปรับทีเดียวเบาะแถว 2 ก็พับแล้วกระเด้งเก็บเรียบร้อย ด้วยแรงเบาๆ ในขณะที่ For ออกแรงเยอะกว่ามาก ประเด็นนี้สาวๆตัวเล็กๆจะชอบ - For มีปรับเครื่องเสียงที่พวงมาลัย แต่ PJS ไม่มี - For มีจอแสดงผลข้อมูลต่างๆระหว่างขับขี่ แต่ PJS ไม่มี - PJS มีระบบฟังก์ชั่น ETAC แต่ For ไม่มี - ระบบเกียร์ แบบสปอร์ตโทรนิก มีใน PJS - เกียร์ขับ 4 ของ PJS ใช้งานได้ดีกว่า For มาก โดยเฉพาะการเลือกได้ว่าจะขับ 2 หรือขับ 4 - ในราคาที่เท่ากัน PJS มี DVD ให้ พร้อมระบบเสียงที่หูผมว่ามันรื่นหูกวา For - For แอร์ สามแถวครบ แ่ต่ PJS มีแค่หน้ากับแถว 3 3. จากที่ลองขับเอง... กินน้ำมันทั้งคู่ สู้ mu7 ไม่ได้เลย คิดจะใช้สองตัวนี้เตรียมเงินค่าน้ำมันไว้เยอะๆหน่อย โดยเฉพาะขับในเมือง บางทีอยู่ที่ 7-8 km/L ทีเดียว ส่วนนอกเมืองถนนโล่ง ได้ถึง 11 นิดๆ 4. ความสวยงาม แล้วแต่บุคคล บางคนบอก For อ้วนอวบ บอก PJS หัวหลิม ก็ว่ากันไป 5. เครื่องยนต์ ต้องยอมรับว่า For ช่วง 0-100 km แรงกว่า แต่ไม่ได้แตกต่างกันมากแบบทำใจลำบาก ไม่เหมือนเทียบกับ G-wagon ตัวแรก แต่หลัง 100 ไปแล้ว PJS เร่งได้ดั่งใจ ไหลมาเทมา จน 160 ก็ไม่รู้สึกว่าเสียว มันยังนิ่งๆอยู่เลย ความรู้สึกนี้หาไม่ได้ใน For ที่ความเร็วเดียวกัน มันเหมือนที่บางท่านเคยพูดว่า ยิ่งขับเร็ว มันยิ่งนิ่ง อันนี้เห็นด้วย แต่ใน For ขับยิ่งเร็ว เหมือนมันยิ่งขาดความมั่นใจ เสียงเครื่องยนต์ผมว่าพอๆกัน แต่ที่ความเร็วต่ำ PJS ดูจะดังกว่า แต่เสียงล้อบดถนน ใน PJS ทำได้เงียบกว่ามาก (ตัว MY10 17') 6. บริการหลังการขาย ก็เป็นที่ทราบอยู่ แต่ไม่ได้แปลว่าไม่มีศูนย์ Mitsu ที่ดีๆเลย อย่างน้อยข้อดีคือ คิวน้อยกว่า แต่ไม่ได้แปลว่าเร็วกว่า อยู่ที่ระบบการจัดการด้วย 7. ราคาขายต่อ ถ้าในปี แรก อาจจะแตกต่างขั้นแสนได้ แต่ถ้าสัก 5-10 ปีไปแล้ว มันก็ไม่ได้แตกต่างกันมาก และแน่นอน หลายคนใช้รถก็ 5 ปีขึ้นไปล่ะครับ ถึงอยากจะขาย เว้นแต่มีปัญหา แต่ถ้ารถใช้ดีจะขายทำไม 8. มีหน้ามีตาในสังคม..! หลายคนบอก For หรูกว่า รถ ส.ส. รถผู้ว่าฯ แ่ต่บางคนบอก รถผู้ใหญ่ รถกำนัน รถนายหัวบ้านนา ก็ว่ากันไป แต่ผมรู้สึกได้อย่างหนึ่งว่า คนขับ PJS ทำไมยังหน้าตาดูเด็กๆอยู่เลยแฮะ อุอุ สรุป ข้อเด่น ที่คุณยอมจ่ายเงินเป็นล้าน เพื่อซื้อ PJS คือ 1. ช่วงล่างขั้นเทพ สมคำร่ำรือ และไม่เคยมีใครบอกช่วงล่าง PJS ห่วย (บางคนบอกนิ่มกว่าเก๋งอีก จะบอกไงดี มันนิ่มจริง แต่นิ่มคนละฟีลลิ่งกับเก๋งครับ แต่นิ่มกว่า Jazz แน่นอน) 2. ระบบเบรกที่มั่นใจได้มากกว่า และไม่เคยมีใครบอกเบรค PJS ห่วย 3. ความเอนกประสงค์และความสะดวกในการจัดการรูปแบบเบาะนั่งภายใน 4. ระบบเกียร์ขับ 4 ที่สมบูรณ์แบบ (บางคนบอก ขอเพิ่ม ข้อ 5 เครื่องยนต์อีกข้อ) สรุป ข้อเด่น ที่คุณยอมจ่ายเงินเป็นล้าน (ที่มากกว่า PJS) เพื่อซื้อ For คือ 1. ชื่อเสียงของยี่ห้อและการบริการ 2. ราคาขายต่อที่ดีกว่า 3. เครื่องยนต์ อัตราเร่งที่ดีกว่า (ในช่วงแรก) (บางคนบอก ขอเพิ่ม ข้อ 4 Function อำนวยความสะดวกบางอย่าง ที่มีมากกว่า เช่น แอร์แถว 2 ) จากคุณ : รู้สึกปวดหัว เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 52 23:55:19

ความคิดเห็นที่ 30   ขอบคุณสำหรับความคิดเห็น ถ้าใครมีความคิดเห็นเพิ่มเติมก็เข้ามาตอบกันเยอาะๆนะครับ จะได้เอาไว้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจครับ จากคุณ : pek_tame เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 52 00:46:23

ความคิดเห็นที่ 31 คุณ ชื่อนี้ไม่ค่อยมีใครใช้ ใช้ Pa 2.5 สีดำอยู่ใช่ไหมครับ เหมือนเคยเห็นภาพในเวบคลับ Pa. ที่จอดเรียงกันสามคัน MU7 > Pajero > CRV ถ้าไม่ใช่ต้องขออภัยด้วยครับ สำหรับ จขกท. ผมแนะนำให้เลือกในสิ่งที่เป็นตัวเองครับ แม้ว่าอนาคตมันจะมีปัญหายังไง หากเรารักมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนี่ครับ ไม่ว่าจะเป็น For หรือ Pa ก็ล้วนแต่มีดี+ปัญหากันทั้งนั้น เพราะฉะนั้นแล้ว ไปลองสัมผัส และตัดสินใจด้วยตัวของตัวเอง ผมรับรองว่าคุณจะไม่มีวันผิดหวังกับสิ่งที่คุณได้เลือกมาแน่นอนครับ จากคุณ : Vantipz Original เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 52 04:58:55

ความคิดเห็นที่ 32 ตอบคห.23 ไม่เข้าใจครับ.... คำตอบของผมอ้างอิงจากข้อเท็จจริง คำตอบของคุณออกแนวจับแพะชนแกะครับ... คุณจะบอกว่าถ้าปาออกขายพร้อมจูน แล้วยอดขายจะเป็นไปตามผลโหวตเหรอครับ? ไม่มั้ง... แล้วผมก็ไม่ได้มาเชียร์รถรุ่นที่ผมใช้เสียด้วย โหวตผมยังไม่โหวตด้วยซ้ำ... ผมแค่มาบอก "ข้อเท็จจริง" ครับ... คนอ่านที่กำลังเคลิ้มๆ จะได้ "ตาสว่าง" ไม่หลงคารมโฆษณาในโลกไซเบอร์สเปซมากเกินไป... ย้ำครับ ผมไม่ได้มาบอกว่าจูนดีกว่าปา... แค่มาบอก "ข้อเท็จจริง" จากคุณ : w@@n เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 52 09:20:52

ความคิดเห็นที่ 33 เอ่อ.. ไม่ได้มาทะเลาะกับใครนะ.. #32 อย่ามั่ว.. ขอร้อง.. "คุณจะบอกว่าถ้าปาออกขายพร้อมจูน แล้วยอดขายจะเป็นไปตามผลโหวตเหรอครับ? ไม่มั้ง..." กลับไปอ่านดีๆนะ.. ไม่มีคำไหนบอกเช่นนั้น.. ไม่มีบทสรุปเช่นนั้น.. "คำตอบของคุณออกแนวจับแพะชนแกะครับ..." จะแพะ หรือจะแกะ.. คนที่ตามข่าวมาตลอด และรู้อะไรมากพอสมควร.. เค้ารู้ดี.. "แล้วผมก็ไม่ได้มาเชียร์รถรุ่นที่ผมใช้เสียด้วย" ไม่มีใครห้ามไม่ให้เชียร์นะ.. แต่ก็ต้องลองดูว่า.. มีอะไรให้เชียร์ขึ้นหรือเปล่า..? อ้อ.. ที่มาเสียเวลาพิมพ์เนี่ย.. ก็ไม่ได้เชียร์.. เพียงแต่มีคนถามข้อดีมา.. ก็ตอบไป เอาข้อมูลมาเปรียบเทียบให้ดู.. ก็เท่านั้น.. ทำใจให้กว้างๆไว้.. "อย่าบอกองุ่นเปรี้ยว.. มะนาวหวาน.." "ผมแค่มาบอก "ข้อเท็จจริง" ครับ..." ก็ไม่มีใครว่าอะไรคุณนี่นา.. จะบอกอะไรก็บอกไป.. แต่คำว่า "ข้อเท็จจริง" ที่กล่าวถึง.. ไม่ได้เจตนาว่าอะไรคุณเลย.. อย่าร้อนตัว.. "คนอ่านที่กำลังเคลิ้มๆ จะได้ "ตาสว่าง" ไม่หลงคารมโฆษณาในโลกไซเบอร์สเปซมากเกินไป..." ช้าก่อน.. อย่าดูถูกคนอ่านให้มากเกินไป.. ทุกคนเค้ามีวิจารณญาณทั้งนั้น.. ไม่มีใครเคลิ้ม.. เพราะใครกล่อมหรอก.. คนเล่น net + มีปัญญาตัดสินใจซื้อรถ.. อย่างน้อยเค้าก็มีการศึกษา+เป็นผู้ใหญ่กันแล้วทั้งนั้น(โดยเฉพาะรถระดับนี้) อย่าเสียเวลาคิดเล็กคิดน้อย.. ว่าจะมีใครว่าอะไรคุณเลย.. ไม่มีใครเข้า net มา เพื่อมาหาความทุกข์หรอก เชื่อสิ.. เอาข้อมูลมาบอกเล่ากันดีกว่า.. จะได้เป็นประโยชน์แก่เพื่อนๆทั้งหลาย.. แบบที่คุณ รู้สึกปวดหัว ทำน่ะ.. ยอดเยี่ยมมากๆ.. แล้วก็คิดว่าเพื่อนๆก็รอคนที่จะมาตอบแบบนี้อยู่.. แก้ไขเมื่อ 14 พ.ย. 52 09:52:00 จากคุณ : disappear.. เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 52 09:51:36

ความคิดเห็นที่ 34   ไม่ได้มาทะเลาะกันใครเหมือนกัน แค่มาออกความเห็นเรื่องตรรกะวิธีคิดอีกนิดนึงนึง #25 แบบนี้แสดงว่าผู้ผลิตรถเบนซ์ BMW Porch Ferrari Lambogini Subaru Honda Nissan ฯลฯ ผลิตรถไ้ด้แย่กว่ามิตซูใช่ไหมครับ เพราะไม่เคยผลิตรถถัง เรือเดินสมุทร เครื่องจักรโรงงาน เครื่องไฟฟ้า เครื่องเขียน ฯลฯ ที่เขียนมาเพราะผมรู้สึกว่าข้อเท็จจริงมันขัดแย้งกันแปลกๆ ที่โตโยต้าเป็นบริษัทรถยนต์ที่มียอดขายเป็นอันดับ 1 ของโลกแซง GM ที่ล้มละลายไปแล้ว แล้ว Mitsubishi อยู่ตรงไหนครับ อันนี้ไม่ได้แปลว่า Toyota ผลิตรถได้ดีที่สุด แต่แปลว่าผลิตรถได้ถูกใจลูกค้าส่วนใหญ่ในโลกนี้ และคงไม่เข้ามาตอบอีกแล้วละ่ครับ คำถามคำตอบมันวนไปวนมาเหมือนภายเรือในอ่าง แต่คงแวะเข้ามาดูอีกบ้างเพื่อความบันเทิง แก้ไขเมื่อ 14 พ.ย. 52 12:30:24 แก้ไขเมื่อ 14 พ.ย. 52 12:28:25 แก้ไขเมื่อ 14 พ.ย. 52 12:15:47 จากคุณ : <SportivO> เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 52 12:02:20

ความคิดเห็นที่ 35 ติดตามคุณ disappear.. มาตลอดเพราะประสบการณ์ใกล้เคียงกัน ขอสนับสนุนข้อมูลดังกล่าว ว่าเป็นข้อเท็จจริง ผู้บริโภคต้องถามตัวเองว่าซื้อรถมาเพื่อตอบสนองความต้องการของตัวเองใช่หรือไม่ ไม่ต้องไปสนใจเรื่องราคาขายต่อหรอกครับมีเงินซื้อรถเป็นล้านเเสดงว่าฐานะมั่นคงเเล้ว ราคาตกทุกรุ่นเป็นเรื่องธรรมดา 5-7ปีข้างหน้าตกพอกัน เพราะมันจะมีรถรุ่นใหม่ๆ  ออกมาเรื่อยๆ ขอให้สนใจเรื่อง performance เป็นหลักครับ จากคุณ : ragthai เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 52 12:06:18

ความคิดเห็นที่ 36 เถียงกันมันหยด ! ผมมาเชียร์ PJS ครับ เพราะว่าผมกำลังจะไปจองครับ เลือกแล้ว PJS ลงตัวที่สุดสำหรับผม ส่วนข้อดีที่ทุกคนยกมานั้นมันไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้ผมเลือกเลยสักนิด ไปลองขับทั้ง 2 รุ่นมาแล้ว ขับอย่างที่ใช้ในชีวิตประจำวันนั้นแหละ ความเร็วมากสุดที่ใช้ไม่เกิน 120 ผมไม่เห็นความแตกต่าง ของทั้ง 2 คัน ที่จะเป็นข้อได้เปรียบเสียเปรียบกันเลย แต่ที่ผมตัดสินใจเลือก PJS เพียงเพราะว่ามันคุ้มค่ากับเงินที่ผมจ่าย แค่นั้นเอง จากคุณ : Bpearl เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 52 13:35:40

ความคิดเห็นที่ 37   ชอบ น้อง ปา เพราะ สามารถ สลับ 2 และ 4 drive น้องจูน ตัดออก เพื่อ เพี่มกำไร จากคุณ : kochmun เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 52 13:36:46 A:124.120.72.159 X: TicketID:234070

ความคิดเห็นที่ 38   Pajero sport ครับ เพิ่งออกมาตอนเกือบเที่ยงนี่เอง ขับดีครับ จากคุณ : เฉลิม เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 52 18:33:06 A:151.183.0.31 X: TicketID:188670

ความคิดเห็นที่ 39 เข้าตัวครับ.... จากคุณ : w@@n เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 52 19:56:18

ความคิดเห็นที่ 40   ของแบบนี้ บางทีมันก็อาศัยการบอกต่อ มากไปกว่าทดลองด้วยตนเอง ปากต่อปากบอกว่าดี ผู้ใช้จริงออกมาบอกว่าดี สักระยะจะมีคนเข้าใจมากขึ้นว่าทำไมรถยี่ห้อนี้ รุ่นนี้ คนรอบข้างเราถึงเลือกมาใช้ได้ยังไง...ทั้งๆที่ไม่เคยแว็บมาในสมองแต่แรกเลย... ทำนองนั้น สำหรับท่านที่ได้ลองเทสไดรฟ์ คงไม่มีปัญหา ไม่กังขา ในสมรรถนะ แต่ท่านเชื่อไหม ครั้งแรกที่ผมเอ่ยขึ้นมาว่า ผมจอง PJS ไปแล้ว... ลุงผม(อายุราว 55 ) บอกว่า...(แปลใ้ห้สุภาพขึ้น) ซื้อทำไมมิตซู มันได้เรื่องที่ไหน ทำไมไม่เอา Fortuner ดีกว่าตั้งเยอะ ยอดขายก็ดีกว่า ปาเจโรคนที่โรงงานบอกกินน้ำมันจะตาย ขายทิ้งไปแล้ว... แว๊บแรก..ผมนึกอยากถามที่ลุงพูดมาน่ะ เคยไปลองขับ PJS รึยัง? เคยไปขับ Fortuner รึยัง? ลุงเป็นคนที่ยึดติดกับภาพการตลาด และการพูดปากต่อปากของคนรู้จัก แน่นอน คนใช้ For มีปริมาณมาก  คนชมก็คงมีมากเช่นกัน ในขณะที่คนใช้ PJS มีน้อย คนชมก็ย่อมมีน้อยด้วย บางทีอาจไม่มีคนรู้จักใช้อยู่ด้วยซ้ำ สิ่งที่ลุงได้ยินมา จึงมีแต่คำชมของ For ไม่ว่าจะเป็น อะไหล่ถูก รถแรง ขายดี วิ่งดี ศูนย์เยอะ  ขายง่าย แต่ไม่เคยรับทราบข้อดีของ PJS เมื่อไม่เคยทราบข้อดีของ PJS จึงคิดว่ามันคงไม่มีข้อดี ยิ่งมาได้เทียบกับ For ที่คนขับ PJS มาบ่นให้ฟังอีกว่า PJS มันกินน้ำมัน ยิ่งทำให้อคติกับตัว PJS มากขึ้น... คือไม่เห็นว่ามีข้อดี แถมยังมีข้อเสีย มันจึงแสดงออกมาในคำพูดเช่นนั้น... ทั้งๆที่ Fortuner ก็กินน้ำมันไม่ต่างกันเลย แต่เพื่อนลุงขับ Vios ตัวเก่าอยู่แล้วเปลี่ยนมาขับ PJS ทำให้บ่นว่ากินน้ำมัน แล้วที่ขายทิ้งเพราะรถกินน้ำมัน หรือเพราะรายได้ไม่เพียงพอ เกิดปัญหาเศรษฐกิจ ชักหน้าไม่ถึงหลัง ต่อการจ่ายค่าน้ำมันแต่ละเดือน หรือเพราะผ่อนไม่ไหว หรือเพราะปัญหาอื่นๆ กันแน่ ที่ขายทิ้งน่ะเพราะปัญหาจากตัวรถจริงๆหรือไม่? อยากให้ทุกท่านรอสักระยะ ถ้า For ไม่ Model Change ใน 2 ปีนี้ ค่อยเอายอดขาย PJS มาพูดกันอีกที อย่าเทียบปริมาณคันที่ขายได้ เพราะรถหนึ่งคัน ไม่ได้ขายได้เพราะคุณภาพรถอย่างเดียว แต่ขายได้เพราะบริการหลังการขายด้วย อยากให้ดูกราฟปริมาณที่ขายได้เทียบกับเดือนก่อนๆมากกว่า เช่น เพิ่มขึ้นกี่ % ในช่วงเดียวกันในยี่ห้อเดียวกัน เป็นต้น เช่น รถ A ขายได้เืดือน เมษา 1200 คัน พฤษภา 1400 คัน มิถุนา 1550 คัน      รถ B ขายได้เดือนเมษา 300 คัน พฤษภา 400 คัน มิถุนา 550 คัน กราฟรถ A เพิ่มจากเมษา 16% เพิ่มจากพฤษภา 10.7% (ลดลงๆ 16 --> 10.7) แต่กราฟรถ B ซึ่งแม้ขายได้น้อยกว่า แต่เพิ่มจากเมษา 33% เพิ่มจากพฤษภา 37.5% (เพิ่มขึ้นๆ) รวมไตรมาศ 3 เดือน ยอดรถ A 4150 คัน แต่ยอดรถ B เพียง 1250 คัน คิดดูให้ดีว่า ถ้าเดือนพฤษภาเดือนเดียว ไม่มีคนซื้อยี่ห้ออื่น มีแค่ 2 ยี่ห้อนี้เท่านั้น หมายความว่าเดือนนั้นมีคนซื้อ PPV ไป 200 (เอา 1400 -1200) + 100 (เอา 400-300) = 300 คันในเดือนนี้ หรือก็คือมีคนตัดสินใจเลือก รถ B ในตลาดกลุ่มนี้ถึง 33% และในเดือนมิถุนา 150+150 = 300 คัน ส่วนแบ่งในตลาดรถประเภทนี้ของรถ B = 50% เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาที่มี 33% (33--->50%ส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้น ) อ่ะ แล้วทีนี้ลองมองใหม่นะครับ.. ว่าแนวโน้มแบบนี้ รถคันไหนประสบความสำเร็จในการขายครับ!! ดังนั้นอย่ามองแค่ยอดขายครับ รถขายได้น้อยกว่า ไม่ได้แปลว่าขายไม่ดีนะครับ !! หรือทำแบบสอบถามอย่างที่ผมเคยเสนอไปแล้ว แล้วเอาผลมาวัด นั่นล่ะเราถึงจะวัด Outcome ได้ ไม่ใช่ Output ี่ที่เราๆพูดกันถึงปริมาณยอดขายน่ะ เรากำลังมองแต่ Output กันครับ ถ้าอยากวัด Outcome ของ Product แบบอื่นๆอีก อาจจะพิจารณาเรื่องของ 1. รางวัลรถยอดเยี่ยมหรือ Car of the Year จากค่ายต่างๆ คะแนนที่ได้ 2. ทำแบบสอบถามจ่ายแจกผู้ต้องการซื้อรถกลุมนี้ไปเลย ว่า ถ้าท่านต้องการรถที่มีประสิทธิภาพในเรื่องของ ก. ข. ค. ท่านจะเลือกรถยี่ห้ออะไร 3. รวบรวมข้อร้องเรียน จากบทความ นิตยสาร เว็บบอร์ด Club สคบ. หรือสื่อต่างๆ ว่ารถสองยี่ห้อนี้ ยี่ห้อไหนที่มีการร้องเรียนด้วยปริมาณและเนื้อหาชนิดมากกว่ากัน ผมพูดมาขนาดนี้ หวังว่าบางท่านคงมองภาพออกแล้วนะครับ จากคุณ : รู้สึกปวดหัว เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 52 20:49:19

ความคิดเห็นที่ 41   ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นครับ แต่เนื่องจากจุดประสงค์ขอการตั้งกระทู้นี้ เพียงเพราะอยากทราบว่าพี่ๆและเพื่อนๆ ชอบรถ2รุ่นนี้ที่ตรงไหนเท่านั้น ส่วนเรื่องเบื่องหลังของแต่ละค่ายมันก็สำคัญ แต่สำหรับกระทู้นี้ ผมขอรบกวนอย่าเขียนครับ เพราะจะทำให้ทะเลาะกัน แล้วคนที่มาอ่านก็จะไม่มีอารมณ์อ่าน แถมอาจจะไม่ได้ข้อมูลเพื่อใช้ในการตัดสินใจก็ได้ ผมขอแค่ สาเหตุที่เลือก,ความรู้สึกหลังจากที่ใช้จริง และ comment ของรถ fortuner กับ pajero sportที่พี่ๆและเพื่อนใช้ จากคุณ : pek_tame เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 52 22:17:43

ความคิดเห็นที่ 42 ลืมตอบคำถาม จขกท. -*- ผมตัดสินใจจอง Pajero Sport ไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้วครับรุ่น Top สุด เหตุผลที่เลือกมีดังนี้ครับ (เรียงตามความสำคัญมากไปหาน้อย) 1. รูปลักษณ์ทั้งภายนอกและภายใน มันบอกว่าถ้าผมไม่ได้ขับคันนี้ "ผมจะเสียใจ" 2. รถรุ่นใหม่ เพิ่งออกขายได้ไม่นาน โอกาสตกรุ่นเปลี่ยนโมเดลทั้งคันอีกยาวนาน 3. ได้ออฟชั่นที่ต้องการมาในราคาที่ถูกกว่า (4WD)   4. มีเงินเหลือเพิ่มเติมไว้ตกแต่งรถตามที่ต้องการ (ล้อแมกซ์+ยางและช่วงล่างใหม่(สปริง+โช๊ค)) 5. พ่อ-แม่ + แฟนผมชอบ 6. เซลล์น่ารักสุดๆ *-* ไม่ใช่ Fortuner ไม่ดีนะครับ เป็นคันแรกเลยที่ผมตัดสินใจจะซื้อโดยไม่เคยมองค่ายอื่นเลย แต่มาเปลี่ยนใจเอาง่ายๆเมื่อได้มาสัมผัส Pajero Sport ตัวเป็นๆ ตอนแรกพ่อกับแม่ก็ห้ามอย่าไปออกมิตซู พอถามว่าทำไมก็ตอบได้แค่ว่าเพราะมันเป็นมิตซู ไม่มีคำตอบอื่นเลย พอได้พาไปเจอคันจริงก็ชอบ ทั้งศูนย์พูดจาดีกับสินค้าที่พอใจ เลยตกลงที่คันนี้ครับ (ปล.ผมใช้ Vigo อยู่ครับ กว่าจะหาศูนย์ Toyota ที่ถูกใจได้ก็เปลี่ยนมาหลายที่เหมือนกัน เลยไม่อยากเอาเรื่องศูนย์บริการมาเปรียบเทียบครับ) จากคุณ : Vantipz Original เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 52 01:01:13

ความคิดเห็นที่ 43 กราบขออภัยเจ้าของกระทู้ด้วยนะ ที่พิมพ์ตอบมาส่วนใหญ่เลยก็คือเหตุผลด้านประสิทธิภาพและความพอใจในการใช้งาน หากแต่กล่าวเสริมตรงเรื่องอดีตนิดหน่อย.. แต่กลับกลายเป็นว่า.. มีคนมาเอาไปเป็นจุดในการโจมตีซะงั้น (เพราะอะไรคนอ่านคงเข้าใจดี.. 555..) ทั้งๆที่บอกแล้วว่า.. ไม่ต้องอ่านก็ได้นะ.. หมายความว่า.. "ตรงนี้ไม่ได้เป็นนัยสำคัญนะ แต่ถ้าจะอ่าน ก็อ่านประกอบโดยไม่ต้องเอามาเป็นประเด็นหลัก" ความจริงที่พิมพ์ตอบมาทั้งหมด.. เน้นเนื้อหาเกี่ยวกับข้อดี-ข้อเสียของรถ ที่มาจากประสบการณ์การใช้งานจริงทั้งสิ้น.. รวมทั้งประสบการณ์พบปะพูดคุยกับผู้คนมากมาย ทั้งคนมีหน้ามีตาในสังคม และชาวบ้านธรรมดาสามัญ หากแต่ว่า.. ถ้าคำตอบของข้าพเจ้า.. ไปเหยียบหัวแม่โป้งเท้าใครเข้า.. ก็ขออภัยด้วยเถิด.. จบนะ.. ----------------------------------------------------------------------------- มาเข้าเรื่องต่อดีกว่า.. ขอ Confirm ว่า.. Pajero Sport 3.2 GT ที่ขับอยู่.. ขับมันส์มาก..เป็นรถที่ขับดีทั้งเกียร์ 2W และ 4W กล้าพูดเพราะลองมาหมดแล้วทุกสถานการณ์การขับขี่ ส่วนอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันดีเซลของ Pajero Sport 3.2 GT (คันนี้เติมแต่ดีเซล ปตท. และ V-Power ของเชลล์ เท่านั้น ไม่เติม B5 และอื่นๆเลย.. ทำใจลำบาก..) จากการใช้งานจริงในชีวิตประจำวันที่มีทั้งขับหวานเย็น และขับโหด 150 Km./H. เท่าที่เคยจับมา อยู่ที่ 2.39 บาท ต่อ 1 กิโลเมตร ล่าสุด วันพฤหัสนี้เอง.. ขับจากบ้านแฟน หนองบัวลำภู กลับกรุงเทพ เส้นทางจาก.. ศรีบุญเรือง-ภูเวียง-ขอนแก่น-นครราชสีมา-สระบุรี-อยุธยา-ถึงบ้านที่กรุงเทพ.. 568 กิโลเมตร จ่ายค่าน้ำมันไป.. 1300 บาท เฉลี่ย = 2.2887 บาท ต่อ 1 กิโลเมตร รายละเอียดการขับขี่ของรอบนี้ คือ.. ออกจาก อ.ศรีบุญเรือง บ่าย 1 ไม่แวะพักที่ไหนเลย ถึงปั๊ม ปตท.นครราชสีมา (อีก 10 กิโลเมตรถึงอำเภอเมือง แต่เลี่ยงเมือง) ในช่วงนี้ วิ่งอยู่ที่ 100 - 125 Km./H. (ลูกเสือเยอะ) พักครึ่งชั่วโมงกินข้าวกล่องร้านเซเว่นเสร็จไปต่อ.. ถึงกรุงเทพ 19.30 น. ใช้เวลารวม 6 ชั่วโมงครึ่ง ในช่วงนี้ วิ่งอยู่ที่ 130 - 150 Km./H. (ลืมบอกไปว่า.. ก่อนออกจากศรีบุญเรือง.. ไปเปลี่ยนน้ำมันเครื่องมาสดๆ..) (เข้ามาแก้ทศนิยม จาก 2.28 เป็น 2.887 ให้เห็นละเอียดขึ้น) แก้ไขเมื่อ 15 พ.ย. 52 11:08:32 แก้ไขเมื่อ 15 พ.ย. 52 11:06:53 แก้ไขเมื่อ 15 พ.ย. 52 11:05:08 แก้ไขเมื่อ 15 พ.ย. 52 11:02:54 จากคุณ : disappear.. เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 52 11:01:45

ความคิดเห็นที่ 44 เพิ่มเติมรายละเอียดการขับขี่นิดนึง.. ส่วนใหญ่เลยคือ ไม่เหยียบเบรค.. หรือ เหยียบเบรคน้อยมากๆ.. มาจากนิสัยส่วนตัวที่พอจะมีประสบการณ์การขับขี่อยู่บ้างแค่ 14 ปี อาจยังไม่มากนัก แต่ลักษณะการแซง.. จะกะระยะห่างระหว่างรถคันหน้าของคันที่จะแซง ว่าห่างพอประมาณ แล้วเร่งให้ได้ความเร็วที่มากกว่าคันที่ต้องการแซง.. แต่ความเร็วนี้จะพอเพียงที่จะไม่ชนคันหน้า.. โดยอาจเป็นความเร็วที่น้อยกว่าคันหน้า.. หรือ เป็นความเร็วที่มากกว่าคันหน้า.. แต่กะแล้วว่า.. เมื่อแซงคันที่ต้องการได้แล้ว.. ถอนคันเร่งออก.. แรงเฉื่อยจะทำให้ไม่ชนคันหน้า.. และทิ้งระยะเวลาพักนึงก็สามารถเหยียบคันเร่งต่อได้เลย.. ดังนั้นจึงเหยียบเบรคน้อยมากๆ.. เคยนับดูบางที.. คันข้างหน้าเหยียบเบรคไปแล้ว 5 ครั้ง แต่คันนี้ยังไม่ได้เหยียบเลยสักครั้ง.. ก็คือ สภาพการขับขี่ค่อนข้างปล่อยไหล ใช้น้ำมันคุ้มค่า.. เบรคไม่สึกเร็ว.. แก้ไขเมื่อ 15 พ.ย. 52 11:37:04 จากคุณ : disappear.. เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 52 11:36:30

ความคิดเห็นที่ 45 ผมซื้อปาเจโร สปอร์ต รุ่นท็อป 4 WD ใช้มาประมาณ 6 เดือนแล้วครับ ผมอยากจะขอพูดถึงการขับขี่ในโหมด 4 LLC โดยได้มีโอกาสใช้เมื่อช่วงวันหยุด 23 ต.ค.ที่ผ่านมาเป็นการขับขึ้นดอยแม่ตะมานที่เชียงใหม่ซึ่งสภาพทางเป็นทางอ๊อฟโรดในระดับที่ยากพอสมควรสำหรับรถ 4 WD เดิมๆ ที่ไม่ได้แต่งเพิ่มหรือเปลี่ยนยาง โดยสภาพทางมีร่องลึกและเละเป็นโคลนต้องขับตามร่องรถไปตลอด ผมได้ใช้การขับขี่ในโหมด 4 LLC และปรับเปลี่ยนเกียร์เองซึ่งก็ทำให้ทราบว่าเมื่อรถอยู่ในโหมดนี้จะเข้าเกียร์ได้แค่เกียร์ 1 หรือ 2 เท่านั้น ปัญหาที่ผมสงสัยก็คือความรู้สึกของการขับเคลื่อนในโหมด 4 LLC ของปาฯ มันไม่เหมือนกับเมื่อตอนที่ขับฟอร์ด เอเวอร์เรส หรือ สปอร์ตไรเดอร์ ในโหมด 4 L ตรงที่ว่าในฟอร์ดกับสปอร์ตฯ มันจะรู้สึกรถขับเคลื่อนอย่างหนืดๆ และมีกำลังมากกว่าปกติ แต่ของปาฯ ทำไมมันดูเรียบๆ นุ่มๆ ไปเรื่อยๆ ไม่ได้ต่างจาก 4 H เท่าไหร่เลย และไฟแสดงโหมดการขับขี่ระหว่าง 4 HLC กับ 4 LLC ก็ดูไม่ออกด้วยว่าต่างกันอย่างไร เลยอยากจะรู้ว่ามีท่านใดพอจะมีความเห็นบ้างหรือปล่าวครับ สรุปคือผมติดอยู่เนินนึงซึ่งไปไม่รอดต้องขอให้รถคันอื่นดึงขึ้น ซึ่งก็คงเนื่องจากยางที่ดอกเล็กไปหน่อยถ้าเป็น A/T อย่างน้อยก็ผ่านได้ไม่มีปัญหา (รถเพื่อนที่ไปด้วยกันเป็นจีแวกอนเปลี่ยนยาง A/T ก็สามารถรอดไปได้) ปัญหาที่ผมเจออีกอย่างในการใช้ปาฯ ก็คือเมื่อผมทดลองขับในความเร็วสูงประมาณ 130 ขึ้นไป พวงมาลัยมันจะเริ่มสั่นนิดๆ และทำให้รู้สึกไม่มั่นคง ทั้งๆ ที่ได้เอาไปตั้งศูนย์ถ่วงล้อเมื่อไม่นานมานี้ครับ ก็มีแค่นี้ครับที่อยากคุยให้ฟัง จากคุณ : neverest เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 52 14:01:53

ความคิดเห็นที่ 46 #31 ถูกต้องครับ ทั้งรถและความคิดเห็น มี3รุ่นดีคนละอย่าง อยู่ที่เราต้องการเอาอะไรตอบสนอง ผมขับmu7 200kmมาแล้วแค่ครั้งเดียวนิ่งใช้ได้ ทดสอบเบรคความเร็วสูงที่180kmดีมากๆ crvสวยแบบรถเก๋ง จากคุณ : ชื่อนี้ไม่ค่อยมีใครใช้ เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 52 15:18:51

ความคิดเห็นที่ 47 #45 "ไฟแสดงโหมดการขับขี่ระหว่าง 4 HLC กับ 4 LLC ก็ดูไม่ออกด้วยว่าต่างกันอย่างไร" เกียร์ 4 อื่นๆของ Pajero Sport สามารถเปลี่ยนแบบ Shift on The Fly ได้เลย คือวิ่งๆอยู่จากขับ 2 ก็โยกเกียร์เป็นขับ 4 ได้เลย (ยกเว้น 4LLC) แต่ความเร็วต้องไม่มากกว่า 100 Km./H. ไม่งั้นเฟืองอาจพัง ส่วนถ้า 4LLC ไฟที่หน้าปัดจะขึ้นตามรูป.. ซึ่งจะใช้ Mode นี้.. ต้องหยุดรถให้นิ่งสนิทเสียก่อน.. ไม่งั้น.. เกียร์ก็มีสิทธิ์พังได้.. (กำลังสงสัยอยู่ว่า.. คุณใช้เกียร์อะไรแน่ เพราะ 4LLC ของปา มันหนักจริง พลังเหลือเฟือ) แถม.. ดูกันให้ตาแฉะไปเลย.. http://images.google.co.th/images?hl=th&um=1&q=pajero+sport&sa=N&start=0&ndsp=20 แก้ไขเมื่อ 16 พ.ย. 52 17:36:41 จากคุณ : disappear.. เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 52 17:36:11

ความคิดเห็นที่ 48 No.47 ครับ ผมก็หยุดรถสนิทและผลักจาก 4 HLC ไป 4 LLC โดยกดคันเกียร์ลงตามที่คู่มือบอกนั่นแหละครับและสัญลักษณ์ก็ขึ้นตามนั้น แต่ปัญหาหลักในการขับทางออฟโร๊ดคงจะอยู่ที่ยางซึ่งเราควรจะเปลี่ยนเพื่อให้เข้ากับสภาพทางหรือไม่ก็อย่าเข้าไปเลย จากคุณ : neverest เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 52 13:11:15

ความคิดเห็นที่ 49 พรุ่งนี้ว่าจะไปจองน้องปา 3.2 GT  เจอกระทู้นี้ทำให้มั่นใจได้เลยว่าตัดสินใจเลือกไม่ผิดแน่ๆ นี่ก็ปรึกษากับที่บ้านอยู่ว่าจะเอาสีดำหรือขาวดี จากคุณ : kannesta เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 52 19:14:52

ความคิดเห็นที่ 50   Vote ให้ น้องปาครับ วันนี้ไปจองมาแล้วที่ motor show วันสุดท้าย ตัดสินใจลำบากสุดๆ ระหว่างน้องปา กับ น้องฟอร์ สุดท้าย ก็ได้น้องปา เพราะ ราคาคุ้มกว่ากับเน้นความปลอดภัย ถึงแม้จะไม่ได้ขับรถเร็วนะครับ ;) จากคุณ : Phantom เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 22:13:55 A:124.121.173.196 X: