ความคิดเห็นที่ 1   แล้วมันเป็น Defect เกี่ยวกันยังไงอะครับ ยังงงอยู่ การเข้าเกียร์ เกี่ยวกับระบบไฟ ด้วยหรอ วานผู้รู้มาช่วยไขหน่อยครับ ผมก็เข้าทั้ง N ทั้ง P เลยไม่รู้ว่ามันเกี่ยวกันหรือป่าว จากคุณ : zoom zoom (ริกกี้ กาก้า) เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 52 17:02:30

ความคิดเห็นที่ 2 แล้วคุณเจ๊โทรไปหาแผนกไหนเหรอครับ จากคุณ : HoneyDarling เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 52 17:07:36

ความคิดเห็นที่ 3   รอฟัง เพราะอยากได้มือ2 จากคุณ : 123 เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 52 17:07:47 A:58.11.7.77 X: TicketID:131763

ความคิดเห็นที่ 4 มันเป็น defect ไงคะ   มาสด้า3 เวลาเข้าเกียร์ว่างจะเป็นไงคะ   เพราะรถดิฉันเข้าเกียร์ว่าง (จอดไม่ใส่เกียร์ P)   จะมีเสียงเตือนตลอดเวลาเลยค่ะ  ตี้ดๆๆๆๆๆๆๆ  แต่ปิดประตูเสียงก็หาย เปิดประตูก็ ตี้ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  รำคาญจังเลย ไปไหน รปภ.ให้จอดซ้อนคัน จะบอกเลยค่ะว่ารถเข้าเกียร์ว่างไม่ได้ต้องจอดในซองเท่านั้น   อันที่จริงเข้าได้แต่ต้องเอากุญแจไปแหย่ช่องตรงแป้นเกียร์  แถมไม่พอรถร้องตลอดเวลา  เลยอ้างไปงั้นแหละ จะได้จอดในซองด้วย แต่ช่วยไขปัญหาข้องใจหนอ่ยค่ะ  เข้า N  ทำไมเกี่ยวกับแบตคะ จากคุณ : Rarin-รริญ เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 52 17:23:33

ความคิดเห็นที่ 5 งงอ่ะ ไม่เคยได้ยินมาก่อน จากคุณ : Bluedoft เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 52 17:34:24

ความคิดเห็นที่ 6 งงด้วยเช่นกัน แต่ปกติผมไม่เคยจอดยาวๆ แล้วใส่ N นะ ต้อง P ตลอด จากคุณ : เล็ก มหึมา (^oio^) เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 52 17:38:44

ความคิดเห็นที่ 7 จับใจความพอเข้าใจครับ การออกแบบให้ N มีสัญญานเตือน ตอนเปิดประตู ก็เท่ากับเราเปิดสวิทช์ให้ ตัวสัญญานเตือน ทำงาน นั่นเอง ที่มันจะมีไฟฟ้าไหลผ่าน มันถึงจะทำงานได้ พูดง่ายๆ ทำงานด้วยไฟฟ้านี่แหละ การออกแบบอย่างนี้ เท่ากับยอมให้มี load ไฟฟ้าตลอดเวลา มันก็กินไฟ จอดนานๆ ไฟก็พร่องไป ผมว่าเข้าใจไม่ยากนะ คนที่ว่างง ลองอ่านให้ดี พยายามทำความเข้าใจสักหน่อย ไม่ตอ้งเรียนไฟฟ้า ก็เข้าใจไม่ยากครับ จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 52 18:06:13

ความคิดเห็นที่ 8 ขอบคุณ คห 4 ที่ช่วยเล่ารายละเอียด จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 52 18:07:44

ความคิดเห็นที่ 9 ยกมือขวา....งงด้วยคน ...-*- จากคุณ : ถูกทิ้งที่รังสิต เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 52 18:12:01

ความคิดเห็นที่ 10   อ่า แล้วทำไม ไม่จอด P ไว้กอ่น แล้วค่อยเสียบกุญแจปลดมา N มันก็ไม่มีสัญญาณเตือนอะไรนะ เขาต้องออกแบบให้เผื่อไว้เข็นได้อยู่แล้วอ่ะ หรือว่ารถเรามันรุ่นแรก ไม่เห็นมันจะดังอะไร ถ้าทำตามที่บอก จากคุณ : bee เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 52 18:14:52 A:115.87.84.235 X: TicketID:135591

ความคิดเห็นที่ 11 งง และ งง เพราะ ถึงจะจอดด้วยเกียร์อะไร ก็มี load เพราะ กันขโมยทำงาน และตอนเปิดประตู ไปติด จะแสดงว่ามี load ด้วยหรือไม่ ถึงจะจอดที่  N   เปิดประตูแล้วเสียงดัง   ก็ไม่ได้เปิดประตูตลอดเวลา  ฉนั้น  Load ตัดออกได้เลย   เพราะน้อยมาก พยายามทำความเข้าใจแล้ว ก็ยังงงอยู่ดี พรุ่งนี้จะลองทำอย่างที่ บอกคือ จอดด้วย N แล้วจะมารายงาน คันแรก 1.6  ปี 2007 คันที่2   1.6 ปี 2009 สี่ประตูทั้งคู่   เอาสัก 8 ชั่วโมง พอนะครับ จากคุณ : 3t3 เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 52 18:52:40

ความคิดเห็นที่ 12 รอฟังผล อิอิ จากคุณ : rinPCB เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 52 18:58:49

ความคิดเห็นที่ 13 งงว่ะครับ แค่ใส่ N ตอนจอดมันไปโหลดอะไรขนาดนั้น สัญญาณกันขโมยมันไม่เยอะกว่าเหรอ มีกันทุกคัน จากคุณ : I n i t i a l - X เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 52 19:51:17

ความคิดเห็นที่ 14 3 ถอดกุญแจเข้า N ร้องด้วยเหรอนี่ แก้ไขเมื่อ 17 พ.ย. 52 20:00:32 จากคุณ : cagiva เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 52 19:58:22

ความคิดเห็นที่ 15 รอฟังด้วยคน จากคุณ : Padon เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 52 20:54:16

ความคิดเห็นที่ 16 เป็นไปได้ครับ ผ่านกันขโมย โหลดมันน้อยเพราะ ผ่านวงจร อิเล็กทรอนิกส์ กินกระแส แค่จิ๊บๆ( จะใช้แยะก็ ตอนที่ไซเรนมันร้อง ) ส่วน กรณีที่ เจ้าของกระทู้เล่ามา มาสด้า อาจลดต้นทุนต่อแบบผ่านตรงๆ มันเลยกิน โหลด แยะ ก็ เหมือนคนจอดรถลืมปิดไฟ แหละ ครับ จากคุณ : Bugs เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 52 21:55:10

ความคิดเห็นที่ 17 ผมก็ใช้มาสดาสาม เข้า N บ่อย ๆ ก็ปกติดีครับผม จากคุณ : thaisound เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 52 23:00:50

ความคิดเห็นที่ 18 ผมว่าน่าจะเป็นกันโขมยหรืออุปกรณ์ที่ติดเพิ่ม ปรกติแล้วรถเก๋งทั่วไปถ้าดับเครื่องและถอดกุญแจ ไม่ควรกินไฟเกิน 1 A ถ้าเกินกว่านี้ ตอนเช้าจะสตาร์ทไม่ติด อยากรู้ว่ากินไฟเท่าไรซื้อมิตเตอร์จากอมร ตัวละ 300 มาลองวัดกระแสดูก็ได้ มีติดรถใว้เอนกประสงค์ดี แก้ไขเมื่อ 18 พ.ย. 52 02:24:41 จากคุณ : สปุ้กนิกปาปิยองกุ๊กๆ เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 52 02:24:07

ความคิดเห็นที่ 19 ปรกติแล้วแบตเตอรี่รถยนต์ไม่ได้ออกแบบมาให้ใช้ไฟจนหมด ใช้สตาร์ทแล้วก็ชาร์จให้เต็ม ยิ่งเราใช้ไฟจากแบตไปเยอะ แบตก็ยิ่งเสื่อมเร็ว ถ้ามีไฟรั่ว จึงทำให้แบตใช้ไฟไปมากขึ้น จึงทำให้แบตเสื่อมเร็ว สมมุติ เช่น รถปรกติ จอดเฉย ๆ       กินไฟ  0.1A จอดทิ้งใว้ 1 วัน ไฟจากแบตลดไป 3% รถไปติดกันโขมย(ห่วย)มา กินไฟ 1 A  จอดทิ้งใว้ 1 วัน ไฟจากแบตลดไป 30% ถ้าใช้แบต 30% แบบนี้ทุกวันไม่น่าถึงปีก็เสื่อมจนทิ้งค้างคืนแล้วสตาร์ทไม่ใหว จากคุณ : สปุ้กนิกปาปิยองกุ๊กๆ เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 52 02:37:29

ความคิดเห็นที่ 20 ผมใช้มาไม่เห็นจะเคยมีปัญหา  อ่านๆแล้ว User error มากกว่าครับ ลองศึกษาคู่มือดีๆครับ ส่วนใหญ่ซื้อ่รถมา คู่มือไม่อ่าน เอาไว้รองขนมซะเสียส่วนใหญ่ จากคุณ : zaskar27 เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 52 07:04:48

ความคิดเห็นที่ 21 ไม่เคยเจอ จากคุณ : LAPD21 เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 52 09:08:39

ความคิดเห็นที่ 22   ขอโทษนะครับ 3 เวลาจะเข้า N ต้องมาปลดล๊อคเกียร์ที่แป้นเกียร์ครับ ถ้าจอดเข้าเกียร์ที่ N มันดึงกุญแจไม่ออกนะครับ ต้องเข้า P ก่อนถึงดับเครื่อง ดึงกุญแจได้ครับ เพราะงั้นมันไม่ร้อง, ไม่ Load หรอกครับ และก็งงต่อไป จากคุณ : zoom zoom (ริกกี้ กาก้า) เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 52 09:16:24

ความคิดเห็นที่ 23 อาจจะไดชาร์จก็ได้ ปกติใช้รถในกรุงเทพ รถติด ชาร์จไม่พอ พอไปบ้านญาติ  (เดาว่าไปไกล รถได้วิ่งนาน) ชาร์จพอ นี่เป็นการเดา จากคุณ : อากง เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 52 09:23:08

ความคิดเห็นที่ 24   รถหรือเครื่องใช้ไฟฟ้าวะกินไฟขนาดนั้น????? ระบบเกียร์ำไม่มีปลั๊กนี่ครับจะได้ดูดไฟจากแบตเตอรี่มาหมด รถเพื่อนคุณเอาไปติดตั้งอะไรเพิ่มมาหรือเปล่าล่ะ?? ถ้าช่างที่ศูนย์หาไม่เจอลองไปให้ช่างที่อู่นอกเค้าตรวจสอบดูสิ จากคุณ : ............... เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 52 09:28:44 A:10.216.90.40 X:202.149.29.83 TicketID:157584

ความคิดเห็นที่ 25 ตามอากงไดชาร์ตมีปัญหา จากคุณ : เหล่านั้งเคียวห่วย เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 52 09:38:50

ความคิดเห็นที่ 26 ไม่ค่อยอยากเชื่อเลย จากคุณ : x-philes เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 52 10:36:07

ความคิดเห็นที่ 27 ต้องดูว่าเป็นเรื่องอะไร 1.เรื่องเทคนืคจริงๆ  : มีปัญหาจริงหรือไม่มี? 2.กระบวนการสื่อสาร : คนที่โทรเข้ามาต้องการอะไร  ต้องการพูดๆๆๆๆบล่าๆๆๆ  ( ให้คนรับฟัง ถ้าไม่รับก็ไม่จบ ) จะทำอย่างไร.. ...ครับน่าจะเป็นอย่างที่คุณ, พี่, ท่าน, พูดครับ แล้วเดี่ยวจะแจ้งให้คนรับผิดชอบ ดูแลอีกที่ครับๆๆ   ผลยังไม่ได้ข้อสรุปครับว่าจริงหรือไม่  ผลจากการคุยกัน แค่บอกว่าจะไปตรวจอีกที  แต่สามารถจบการสื้อสารได้ และคนโทรมา ได้ความสบายใจ จากสิ่งที่เค้าต้องการพูด จากคุณ : RoAdSidE เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 52 10:46:48

ความคิดเห็นที่ 28 อ่านยังงัยก็ไม่เข้าใจ !!!! # ผมจอดใช้ N เป็นประจำ จอดนานเป็นวันๆ ก็ไม่เป็นอะไร (ใช้ 2.0 - 4D ปี 05 วิ่งมาแล้ว 181,xxx กม. และ 1.6 - 5D ปี 08 วิ่งมาแล้ว 23,xxx กม.) #ส่วนท่านที่บอกว่าจอดเข้า N เวลาเปิดประตูแล้วร้อง ปิกแล้วหาย อยากถามว่าเสียบกุญแจไว้หรือป่าว??? เพราะที่ใช้ทั้ง 2 คัน ถ้าไม่เสียบกุญแจค้างไว้ก็ไม่ดัง จากคุณ : Amphawa เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 52 11:08:47

ความคิดเห็นที่ 29   เจ้าของมาสด้า 3 มาเพียบ แต่ เจ้าของกระทู้ หายยยยย จากคุณ : bee เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 52 12:20:45 A:124.120.156.222 X: TicketID:135591

ความคิดเห็นที่ 30 เจ๊แกมั่ว เข้าใจผิดเท่านั้นแหละ จากคุณ : 068 เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 52 12:27:25

ความคิดเห็นที่ 31 เข้า N ตอนจอด มีเสียงเตือนด้วยเรอะ คันของผมไม่ยักกะมี จากคุณ : ลาบราดอร์สีดำ เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 52 13:33:54

ความคิดเห็นที่ 32 ที่บ้าน มีคันนึง ก็เห็นปกติดี อย่างอื่นก็ ตาม #22 เลยครับ ชัดเจน จากคุณ : ยังมีหวัง เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 52 15:18:22

ความคิดเห็นที่ 33 มาแล้วครับ งานยุ่งนิดนึง เดี๋ยวขอโทรไปเช็คกะเจ้าตัวโดยตรงก่อนดีกว่าครับ เดี๋ยวมารายงาน จากคุณ : Little Humming Bug เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 52 18:30:56

ความคิดเห็นที่ 34 ต้องขออภัยที่ทำให้แตกตื่นครับ ประเด็นอยู่แค่อยากถามว่า ท่านท่ีมี Mazda 3 ได้สังเกตและพบอาการดังกล่าวบ้างหรือไม่ สำหรับผม ขับมา 10 เดือน นับการจอดเข้าเกียร์ N ได้แค่ 2 ครั้ง เลยไม่พบปัญหาครับ จากคุณ : Little Humming Bug เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 52 20:58:09

ความคิดเห็นที่ 35 ^ ^ ไม่แตกตื่นหร็อกค่ะ ชินแล้ว สารพัดจะต้องคอยเอาใจ ^ ^ ตามคห. 22 น่ะแหล่ะค่ะ ถ้าเกียร์ไม่ P อย่าหวังว่าจะได้ไปไหน เพราะงับกุญแจอยู่งั้นแหล่ะ ต้องมาปลดเป็น N ที่หลัง แต่เรายังไม่เคยจอด N เหมือนกัน ก็ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องจอดเกียร์ N แล้วแบตหมดหร็อกนะ แต่เข้าใจว่า รถคงตั้งใจออกแบบมาให้จอด P มากกว่า  N นานๆ ครั้งเวลาที่จำเป็น จากคุณ : nusarathi เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 52 22:12:29

ความคิดเห็นที่ 36 เช็คมาแล้วครับ ตามนั้น แถมมีเหตุผลประกอบเล็กน้อย รถเพื่อนผมนั้น เขาเอาเข้าศูนย์แล้ววัดด้วยเลย แบตจะหมดเมื่อจอดโดยการเข้าเกียร์ตัว N ประมาณสามวัน มีกระแสจ่ายออกจากแบต 0.2A (200mA) ตลอดเวลาที่จอด ในขณะที่วัดเทียบกับการเข้าเกียร์ตัว P แล้วจอด วัดกระแสไฟที่ออกจากแบตได้ 0.01 - 0.02A (10 - 20mA) ต่างกันเกือบ 20 เท่า สาเหตุที่กระแสไฟต้องจ่ายออกจากแบตตอนเข้าเกียร์ตัว N ก็เพื่อล็อคกุญแจไม่ให้ผู้ขับเผลอจอดเกียร์อื่นๆ นอกจากตัว P แล้วถอดกุญแจออกไปได้ แปลว่าจะถอดกุญแจออกจากรถได้ต้องเข้า P ก่อน แล้วค่อยเอาอะไรแบนๆ แยงตรงรูข้างเกียร์เพื่อเลื่อนมาเป็น N แต่ด้วยเหตุข้างต้น เมื่อเข้าเกียร์ N ได้ ระบบจะจ่ายไฟเข้า solenoid เพื่อส่งกระเดื่องไปขัดตรงรูกุญแจไว้ตลอดเวลา เป็นสาเหตุให้แบตต้องจ่ายไฟ 0.2A ตลอดเวลาที่จอดรถโดยเข้าเกียร์ตัว N เช่นกัน ความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ การออกแบบเพื่อป้องกันเงื่อนไขแบบนี้ คือ ไม่ให้ดึงกุญแจออกได้นอกจากเข้า P ก่อนเท่านั้น และคนส่วนใหญ่ก็จอดรถตัว P จึงสมควรแล้วที่จะต้องให้ solenoid ทำงานแบบ normally open ที่ตัว P และ close หรือล็อค(ซึ่งกินไฟ) เมื่อเข้าเกียร์อื่นๆ ผมนั่งนึกๆ ว่าจะทำยังไงให้ม้นล็อคแบบไม่กินไฟที่เกียร์อื่นๆ คิดแบบกลับกัน ถ้า normally open ที่เกียร์อื่น มันก็ต้อง close แบบกินไฟที่เกียร์ P ซึ่งเป็นเกียร์ปกติที่ใช้มากที่สุดเวลาจอด ยิ่งกินไฟเข้าไปใหญ่... คิดได้อย่างเดียวคือ ต้อง pure mechanic เท่านั้นอ่ะครับ... เอาเป็นว่า จะให้บอกว่าผิดถูกคงเกินสติปัญญา แต่คิดซะว่าเป็นเรื่องน่ารู้สำหรับ Mazda 3 และกันนะครับ ถ้าจำเป็นต้องจอดรถเข้าเกียร์ตัว N หลายๆ วันก็ต้องระวังกันหน่อยครับ จากคุณ : Little Humming Bug เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 52 14:15:29

ความคิดเห็นที่ 37 กิตติกรรมประกาศเล็กน้อย... เพื่อนทีผมกล่าวถึง ถ้าเกิดมีโอกาสได้มาเห็นทู้นี้ ผมก็ขอขอบคุณที่ได้ให้ข้อมูลนี้แก่ผมนะครับ เจ๊คงรู้ว่าผมเป็นใคร หุหุหุ... ผมก็รู้ว่าเจ๊เป็นใครด้วยเช่นกัน ส่วนเรื่อง communication นั้น story แตกต่างจากที่ผมเล่าไว้เล็กน้อย แต่ผมไม่ขอกล่าวถึง เพราะมันจะกระทบไปถึงเรื่องทำนองว่า ฝ่ายไหนยอมรับข้อผิดพลาด ฝ่ายไหนไม่ยอมรับ บริษัทไหนเป็นยังไง ฯลฯ มันจะเป็นเรื่องใหญ่ ผมจึงขอละไว้ แต่ยังไงซะ เรื่องเหล่านั้นก็ไม่ได้กระทบหรือบิดเบือน fact ทีว่าด้วยเรื่องการจ่ายไฟจากแบตเข้า solenoid ล็อคกุญแจนะครับ จากคุณ : Little Humming Bug เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 52 14:24:18

ความคิดเห็นที่ 38 รถเค้าออกแบบมาให้จอดที่เกียร์ P เพื่อความปลอดภัย แต่ก็ทำเผื่อกรณีฉุกเฉินต้องจอดเกียร์ N ให้สามารถปลดออกมา N ได้ด้วย ทีนี้ถ้าคนใช้เอามาใช้จอด N ตลอด ครั้งละนานๆ เป็นเวลาหลายปี แบตคงอยู่สู้ไม่ไหว จะเรียก Defect คงก้ำกึ่ง เพราะผู้ใช้เอามาใช้งานผิดวัตถุประสงค์การออกแบบเอง จากคุณ : MegaNano เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 52 14:36:33

ความคิดเห็นที่ 39 ขอบคุณ จขกท ที่นำรายละเอียดมาเล่าต่อ ซึ่งมีประโยชน์มาก การออกแบบให้ soleniod = ไม่ถูก energized คือ ไม่กินไฟ เมื่อเข้า P แต่ถ้าเข้าเกียร์ N = จะถูก energized กินกระแสไฟ เพื่อบังคับให้ตัวล็อคทำงาน การออกแบบอย่างนี้ ยังไม่สมบูรณ์ เพราะเข้า N ทิ้งไว้นานๆ (โดยถอดกุญแจออก) มันจะกินไฟไปเรื่อยๆ เหมือนถังน้ำที่มีรูรั่ว ไม่ว่ารั่วน้อย หรือ รั่วมาก น้ำจะต้องรั่วจนหมดถังวันใดก็วันหนึ่ง ดังนั้น การออกแบบ interlock ในกรณีนี้ จะต้องใส่ AND-function เอาไว้ตรวจสอบด้วยว่า "ดึงกุญแจออกแล้วหรือยัง" ถ้า "ดึงกุญแจออกแล้ว" จะต้อง bypass ไม่ปล่อยกระแสไฟฟ้าไป energized solenoid ซึ่งในหลักการออกแบบเป็นการออกแบบที่สมบูรณ์ ดังนั้น กรณีนี้ถือเป็นจุดบกพร่องในการออกแบบ แม้จะไม่มาก แต่วิศวกรที่ดีเขาจะยอมรับการแก้ไขครับ จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 52 15:06:51

ความคิดเห็นที่ 40 จะเรียก Defect คงก้ำกึ่ง เพราะผู้ใช้เอามาใช้งานผิดวัตถุประสงค์การออกแบบเอง                               ********** ทำไมจะก้ำกึ่งละ ผิดก็ต้องผิด ผู้ใช้ไม่ได้เป็นพวกทหาร ที่จะต้องทำตามคำสั่ง (กรณีนี้ - การออกแบบ) แบบว่า สั่งให้ไปตาย ก็ปฏิบัติตาม... ไม่ใช่อะไรอย่างนั้น ครับ เคยได้ยินไหม ที่ว่า "ลูกค้าคือพระเจ้า" นี่อะไร คุณจะมาทำให้ "ลูกค้าคือข้าทาส" เขาออกแบบอะไรมา ก็ต้องทำตามเขาอย่างเคร่งครัด การออกแบบที่สมบูรณ์แบบ ไม่มี defect ต้องเป็นแบบ fool proof คือ พิสูจน์แล้วว่าคนโง่ก็ใช้ได้ไม่มีปัญหาครับ จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 52 15:15:22

ความคิดเห็นที่ 41 เห็นด้วยกับคุณ TinyNu เรื่อง AND ครับ ถ้ากุญแจถูกดึงออกไปแล้ว จะไปล็อค solenoid ให้เปลืองไฟทำไม ดังนั้นควรเพิ่ม logic เข้าไปด้วย จะได้ไม่กินไฟ ซึ่งในทางเทคนิค "ทำได้" แน่ๆ อยู่แค่ว่าจะทำหรือไม่ ทำแล้วคุ้ม (สำหรับใคร?) หรือไม่ คนส่วนใหญ่ใช้หรือไม่ จะส่งผลทางด้านเทคนิคอื่นๆ เป็นลูกโซ่ต่อไปหรือไม่ ฯลฯ จากคุณ : Little Humming Bug เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 52 15:58:28

ความคิดเห็นที่ 42 ลองแล้วตามที่บอกใว้ คันแรก 8.00 - 17.00   คันที่ 2 19.00 - 05.00  และ  18.00 - 05.00     ผลปรากฏ ไม่มีอาการดังว่าใว้ ครับ จากคุณ : 3t3 เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 52 20:42:23

ความคิดเห็นที่ 43 จอดเกียร์ N 3 วันครับ หรือไม่งั้นต้องลองเอามัลติมิเตอร์ต่ออนุกรมกับแบตเตอรี่ดูเลยครับ จากคุณ : Little Humming Bug เขียนเมื่อ : 20 พ.ย. 52 04:32:06

ความคิดเห็นที่ 44 ^ ^ จอดใว้ 3 วัน คงทำอย่างนั้นลำบากล่ะครับ เพราะต้องใช้รถ ไปโน่นมานี่ ถ้าจะวัดกระแส เปรียบเทียบ จอดด้วย P และ N ต้องหา Clip-Amp มาแล้วล่ะครับ  ง่ายกว่า เอา VOM มาวัดกระแส อยากรู้เหมือนกันว่า การจอดด้วย N มันคือ ต้นเหตุของปัญหาจริงหรือไม่ จากคุณ : 3t3 เขียนเมื่อ : 20 พ.ย. 52 09:35:25

ความคิดเห็นที่ 45   ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆ ครับ ได้รู้และเข้าใจการทำงานของมันมากขึ้น แก้ไขง่ายๆ( ประหยัดไม่ต้องไม่ยุ่งอะไรกับมัน ) ก็แค่จอด เกียร์ P ไว้ จะเป็นการยืดอายุแบต จากคุณ : ผ่านมา เขียนเมื่อ : 20 พ.ย. 52 10:59:39 A:61.90.194.6 X:

ความคิดเห็นที่ 46 ขอแจมด้วยนะครับ ไม่ได้ใช้ 3 แต่ใช้อัลติส ก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไร และการถอดกุญแจออกก็ต้องเข้า P เหมือนกัน รู้สึกว่าระบบมันจะเหมือนๆกันแล้วนะครับสำหรับรถญี่ปุ่น  ปัญหาน่าจะเป็นเฉพาะบางคัน อย่าว่าแต่เจ้า3เลย เพื่อนผมใช้ benz c200 ตาถั่ว ยังมีปัญหาไฟรั่วจนแบตหมดเหมือนกัน พอดีว่าเขาเป็นวิศวไฟฟ้า เลยลุยแก้ปัญหาเอง เจอไฟรั่วที่ชุดควบคุมปรับเบาะไฟฟ้าด้านซ้าย เขาเลยทำสวิทตัดรีเลย์ การทำงานของชุดปรับเบาะนี้ เวลาจะปรับเบาะก็ต้องเปิดสวิทนี้ก่อนจึงจะปรับได้ ด้งนั้นถ้ารู้ว่าไฟรั่วจุดไหนก็ลองต่อสวิทตัดมันซะเลย ไฟมันจะได้ไม่มาเลี้ยง เผื่อจะใช้ได้นะครับ จากคุณ : อัลติส เขียนเมื่อ : 20 พ.ย. 52 11:58:20

ความคิดเห็นที่ 47 Honda CRV ของอาผมเคยมีปัญหาจอดไว้ สามวัน แบตฯหมด รถยังอยู่ในประกันศูนย์แก้ไม่ตกเปลี่ยนแบตฯลูกใหม่ให้สองลูกก็ไม่หาย ผมเคยโพสกระทู้ถามที่พันทิพ ได้รับคำแนะนำให้เช็คด้วยแอมป์มิเตอร์จึงพบว่ามันมีกระแสไหลจริง จึงไล่แก้กันตรงจุดก็หมดปัญหา แต่ตอนแรกใครๆก็บอกว่ารถเขาไม่มีปัญหา เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์สอนใจ เราควรจะดูปัญหาพิจารณาจากข้อมูลของเจ้าของกระทู้แล้วช่วยกันคิด จะดีกว่าช่วยกันเถียงว่ารถคันอื่นไม่เป็น ทำอย่างนี้เป็นการโหวตใครเสียงมากกว่า ไม่ใช่การช่วยแก้ปัญหาหาข้อบกพร่องครับ จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 20 พ.ย. 52 21:21:17