|
ความคิดเห็นที่ 237 |
เล่าสู่กันฟังในมุมของ วิทยุคมนาคม
พระราชบัญญัติ วิทยุคมนาคม (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2535
มาตรา 3 ให้ยกเลิกความในบทนิยามคำว่า "เครื่องวิทยุคมนาคม" ใน มาตรา 4 แห่ง พระราชบัญญัติ วิทยุคมนาคม พ.ศ. 2498 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน "เครื่องวิทยุคมนาคม" หมายความว่า เครื่องส่งวิทยุคมนาคม เครื่องรับวิทยุคมนาคม หรือเครื่องรับและส่งวิทยุคมนาคม แต่ไม่รวมตลอดถึงเครื่องรับวิทยุกระจายเสียง เครื่องรับวิทยุโทรทัศน์ และเครื่องส่ง เครื่องรับหรือเครื่องรับและส่งวิทยุคมนาคมด้วยคลื่นแฮรตเซียน ตามลักษณะหรือประเภทที่กำหนดในกฎกระทรวง เพื่อประโยชน์ในการควบควบการใช้เครื่องวิทยุคมนาคม ให้ถือว่าอุปกรณ์ใด ๆ ของเครื่อง วิทยุคมนาคมตามที่กำหนดในกฎกระทรวงเป็นเครื่องวิทยุคมนาคมด้วย"
มาตรา 6 ห้ามมิให้ผู้ใด ทำ มี ใช้ นำเข้า นำออก หรือค้าซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคม เว้น แต่จะได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต ในกรณีที่เห็นสมควร รัฐมนตรีมีอำนาจออกกฎกระทรวงกำหนดให้เครื่องวิทยุคมนาคมบาง ลักษณะหรือเครื่องวิทยุคมนาคมที่ใช้ในกิจการบางประเภทได้รับยกเว้นไม่ต้องได้รับใบอนุญาตตาม วรรคหนึ่งทั้งหมดหรือเฉพาะแต่บางกรณีได้"
มาตรา 6 ใบอนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้ มีดังนี้ (1) ใบอนุญาตให้ทำ ให้มีอายุหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันออก (2) ใบอนุญาตให้มี ให้มีอายุหนึ่งปีนับแต่วันออก (3) ใบอนุญาตให้ใช้ ให้มีอายุตลอดอายุของเครื่องวิทยุคมนาคม (4) ใบอนุญาตให้นำเข้า ให้มีอายุหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันออก (5) ใบอนุญาตให้นำออก ให้มีอายุสามสิบวันนับแต่วันออก (6) ใบอนุญาตให้ค้า ให้มีอายุหนึ่งปีนับแต่วันออก เว้นแต่ใบอนุญาตที่ออกให้เพื่อการซ่อมแซมโดยเฉพาะ ให้มีอายุห้าปีนับแต่วันออก (7) ใบอนุญาตให้ตั้งสถานีวิทยุคมนาคม ให้มีอายุตลอดระยะเวลาที่ผู้รับใบอนุญาตให้สถานี ตามที่ระบุไว้ในใบอนุญาตเป็นสถานีวิทยุคมนาคม (8) ใบอนุญาตพนักงานวิทยุคมนาคม ให้มีอายุห้าปีนับแต่วันออก (9) ใบอนุญาตให้รับข่าววิทยุคมนาคมต่างประเทศเพื่อการโฆษณา ให้มีอายุหนึ่งปีนับแต่วันออก ผู้ได้รับใบอนุญาตตาม (1) (3) (4) (5) (6) หรือ (7) ให้ถือว่าได้รับอนุญาตให้มี เครื่องวิทยุคมนาคมด้วย"
มาตรา 11 ห้ามมิให้ผู้ใดตั้งสถานีวิทยุคมนาคม เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงาน ผู้ออกใบอนุญาต สถานีวิทยุคมนาคมต้องใช้ความถี่คลื่นให้ถูกต้อง ตามข้อบังคับว่าด้วยวิทยุคมนาคมตามภาค ผนวกต่ออายุอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยโทรคมนาคม เพื่อให้การเป็นไปตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง ให้อธิบดีกรมไปรษณีย์โทรเลข มีอำนาจ กำหนดเงื่อนไขการตั้งสถานีวิทยุคมนาคม และให้อธิบดีกรมไปรษณีย์โทรเลข หรือผู้ที่ได้ รับมอบหมายมีอำนาจควบคุม และกำหนดการใช้ความถี่คลื่นของสถานีวิทยุคมนาคมต่าง ๆ ในกรณีที่เห็นสมควร รัฐมนตรีมีอำนาจออกกฎกระทรวงกำหนดให้สถานีวิทยุคมนาคมที่ใช้ใน กิจการบางประเภทได้รับยกเว้นไม่ต้องได้รับใบอนุญาตตามวรรคหนึ่ง"
มาตรา 12 ห้ามมิให้สถานีวิทยุคมนาคมดำเนินบริการวิทยุคมนาคม เพื่อประโยชน์อื่นใด นอกเหนือจากที่ระบุไว้ในใบอนุญาตหรือนอกเหนือจาก ราชการของกระทรวง ทบวง กรมหรือกิจการของนิติบุคคลตาม มาตรา 5 มาตรา 13 ห้ามมิให้ยานพาหนะใด ๆ ใช้เครื่องวิทยุคมนาคม นอกจากจะใช้ตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง หรือได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีเป็น พิเศษชั่วครั้งคราว
บทลงโทษ มาตรา 23 ผู้ใดฝ่าฝืน มาตรา 6 มาตรา 11 หรือ มาตรา 16 มีความผิดต้องระวางโทษ ปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือจำคุกไม่เกินห้าปี หรือทั้งปรับทั้งจำ
มาตรา 24 ในกรณีที่มีการฝ่าฝืน มาตรา 12 หรือ มาตรา 13 ผู้ควบคุมสถานีวิทยุคมนาคม หรือผู้ควบคุมเครื่องวิทยุคมนาคม และผู้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดนั้นมีความผิด ต้องระวางโทษ ปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือจำคุกไม่เกินสองปี หรือทั้งปรับทั้งจำ
ในการพิจารณาคดี ส่งฟ้องศาลนั้น การพิจารณาคดีส่วนใหญ่ (โทษจะหนักหรือเบา) จะมองที่องค์ประกอบของเจตนากระทำความผิด เช่น มีเจตนารบกวนคลื่นความถี่ราชการหรือไม่? ดักฟัง ความลับของทางราชการหรือไม่? มีลักษณะเตรียมความพร้อมที่จะใช้เครื่องวิทยุคมนาคม เพื่อช่วยในการกระทำผิดหรือไม่?
เครื่องเถื่อน ก็คือ เครื่องวิทยุคมนาคมที่ไม่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานกำกับ
กฎการเป็นนักวิทยุสมัครเล่น 1) เพื่อใช้ศึกษาหาความรู้ (ตอนนี้นักวิทยุไทยหลายคนติดต่อกับนักบินอวกาศได้แล้ว เมื่อโคจรผ่านปทท) 2) ห้ามพกพาในเชิงโอ้อวด (ต้องพกอย่างมิดชิดเท่านั้น) 3) ห้ามใช้นอกความถี่ที่อนุญาต (144.00-146.00 MHz.) 4) พนง.วิทยุสมัครเล่นทุกคน ต้องผ่านการสอบและตรวจสอบประวัติส่วนบุคคลจาก สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ ถึงจะอนุญาตได้ 5) ต้องหาโอกาสช่วยเหลือราชการ และสังคมตามความเหมาะสม (ลงไปช่วย Tsunimi เป็นข่ายโทรคมนาคมประสานความช่วยเหลือ พังงา-ภูเก็ต) 6) ใบอนุญาต ต้องไม่หมดอายุ (5 ปีต่อ 1 ครั้ง ค่าต่อ 500 บาท+Vat 7%) 7) ห้ามพกวิทยุสื่อสาร ผิดมือ (ต้องเฉพาะเครื่อง รุ่น ทะเบียนที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น) (ราคาเครื่องตั้งแต่หลักพันถึงหลักหมื่น-สมัยก่อนเป็นแสน) 8) ห้ามให้คนอื่นยืมเครื่องเด็ดขาด (เหมือนกับ เงิน รถ อาวุธปืน) 9) ต้องติดต่อสื่อสารด้วยความสุภาพเรียบร้อย (ครับ ค่ะ-มารยาทผู้ดีไทย) 10) ต้องมีการ ขานสัญญาณเรียกขานเป็นระยะ และใช้ Code Q (ทุก 3 Key) 11) ต้องปรับปรุงดูแลสถานี (บ้าน, รถ, เรือ) ให้มีความพร้อมอยู่ตลอดเวลา เพื่อภารกิจฉุกเฉิน (บางคนเสียคชจ.ส่วนตัวหลักแสนบาท-ค่าใบอนุญาต 1,000 บาทต่อ 1 สถานี รถ 5 คัน ก็ 5,000 บาท เสา สายอากาศ สายนำสัญญาณ เครื่องวิทยุโทรคมนาคม XXXX บาท)
ว. แดง (245.00 MHz) ส่วนใหญ่ที่ใช้ตาม Resort หรือ ตึกสำนักงาน ก็ผิดครับ เพราะใช้ผิดมือ ไม่ตรงกับที่ขออนุญาตกับ กทช.
ตอนนี้ กรมไปรษณีย์โทรเลข ถูกยุบ กลายเป็น กทช. ครับ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมี พระนามเรียกขาน (HS1A) สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ทรงมี พระนามเรียกขาน (HS1D)
จาก พนง.วิทยุสมัครเล่น (E2XRFU) ********************************* ส่วนเรื่อง ที่ รกก ผบก.น. บอกว่าเป็น "เรื่องเล็ก" ซึ่งอาจขัดต่อความรู้สึก ปชช. ผมมองว่า เขาอาจจะต้องการใช้หลักจิตวิทยากับผู้ต้องหา หรือไม่?? ตามหลักอาชญาวิทยา เพราะ พนง.สบ. ก็แจ้งข้อกล่าวหา แก่ผู้ต้องการไปเกือบทุกประเด็น -หากรื้อสำนวนมา ก็ต้องดูครับว่าข้อกล่าวหาเป็นอย่างไร เช่น 1) พกพาปืนในที่สาธารณะ (ต้องมีรูปถ่ายที่ระบุชัดว่า เป็นปืนจริง หรือ ปืน BB- คดีอาจพลิกได้) มีเครื่องกระสุนอยู่ในรังเพลิง ในลักษณะพร้อมยิงหรือไม่ มีกระสุนกี่ลูก (โทษแตกต่างกัน) มีด กุญแจมือ เครื่องชอร์ตไฟฟ้า ผมมองว่าเป็นปัจจัยในการพิจารณาองค์ประกอบการกระทำความผิด 2) พกพาเครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต (กม. ข้างต้น) 3) ติดสัญญาณไฟวับวาบโดยไม่ได้รับอนุญาต (ก็คงว่าไปตาม กม.) 4) ยานพาหนะ เปลี่ยนสี (ขาวเป็นขาว-ดำ) (ก็น่าจะเข้าข่ายไม่แจ้งต่อกรมขนส่งทางบก) โทษไม่น่าหนัก คงแค่ปรับ 5) ติดสติกเกอร์ตรา สตช. ตราโล่ห์ (อันนี้ไม่มีความรู้ครับ) 6) เมาแล้วขับ ก็คงต้องตรวจวัดแอลกอฮอล์ตอนเกิดเหตุ (เกิน 50 มล%)
ฉะนั้น ในฐานะ ปชช. ที่อาจรู้สึกถึงความไม่เท่าเทียมกันในการใช้ดุลยพินิจของเจ้าพนักงาน ก็คงต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่า จะ "Double Std" หรือไม่
และนายตำรวจจริงๆๆ ส่วนใหญ่ จะไม่ชอบเปิดเผย หรือ โอ้อวด เพราะ ตร.ทุกนาย จะถูกอบรมให้เป็น ผู้มีความสุภาพ เรียบร้อย สมกับเป็น "สุภาพบุรุษสีกากี"
ขอขอบคุณ QRU 73
จากคุณ |
:
rfu
|
เขียนเมื่อ |
:
26 พ.ย. 52 11:25:10
|
|
|
|
|