ความคิดเห็นที่ 1 ก่อนอ่าน รายระเอียดทั้งหมด รบกวนอ่านย้อนหลังก่อนนะครับ http://topicstock.pantip.com/ratchada/topicstock/2008/02/V6333680/V6333680.html แก้ไขเมื่อ 26 ธ.ค. 52 10:32:32 จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 10:21:41

ความคิดเห็นที่ 2 สำหรับคนงบน้อย มือ2คุณภาพดีราคาถูกในยุคพอเพียง  เริ่มตั้งแต่มีเงินไม่ถึงแสนบาทก็มีรถขับได้สำหรับมือใหม่ทุกๆท่าน   นานๆมาทีกระทู้นี้ขอใช้พื้นที่ให้คุ้มแล้วกัน  สำหรับคนที่กำลังหาข้อมูลรถมือสองอยู่        ออกตัวไว้ก่อนนะครับ ว่าไม่ใช่มืออาชีพ  แต่พอมีความรู้เรื่องนี้บ้างเล็กน้อย ยิ่งมองไปเห็นหนังสือเก่าๆ ที่มีข้อมูลของรถรุ่นต่างๆ อยู่เสียดาย ว่างๆก็เลยนำมารวบรวมไว้    บางคันก็เกิดจากการใช้งานจริง อาจไม่ครบทุกอย่างแต่ก็อยากแชร์ประสบการณ์เล็กน้อยเผื่อมีประโยชน์บ้างที่ที่เห็นต่างจากนี้ก็มาแชร์กันได้นะครับ       แนะนำให้อ่านกระทู้ก่อนหน้านี้นะครับ สำหรับมือใหม่    จุดประสงค์ของบทความนี้ เพื่อช่วยเป็นข้อเปรียบเทียบสำหรับท่านที่กำลังมองหารถมือ2 ไว้ใช้งานซักคัน แบ่งแยกตามงบประมาณที่พอจะหาได้ เป็นข้อมูลแบบคร่าวๆนะครับ หลักๆก็จะเป็น ข้อมูลทางเทคนิค จุดเด่น จุดด้อย แล้วราคามือ2 ครับ จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 10:23:39

ความคิดเห็นที่ 3      เหมาะสำหรับคนที่กำลังมองรถมือสองดีๆไว้ซักคัน   งบประมาณอาจไม่ถึงรถใหม่ บางท่านก็บอกว่าควรซื้อรถใหม่ไปเลยดีกว่าจะได้ตัดปัญหาการซ่อมบำรุงทิ้งไป   แต่บางคนกว่าจะมีวันนั้นมันก็คงยากซักหน่อย   ความอยากมี และความจำเป็นของแต่ละคนไม่เหมือนกัน  ยิ่งในยุคน้ำมันแพงอย่างนี้   การหารถมือ 2 ซักคันเพื่อนำไปติดแก็ส LPG ก็น่าสนใจไม่น้อยเหมือนกัน  สมมุติมีงบก้อนหนึ่งแล้วกันไว้ซัก 3-4 หมื่นเป็นค่าเก็บงานและติดแก้สดีๆซ่อมถึงๆหน่อย  บางที่คุณอาจจะไม่อยากใช้ป้ายแดงเลยก็ได้ เพราะทุกวันนี้เงิน 5 แสนกว่านี้ได้แค่รุ่นต่ำสุดของแต่ละยี่ห้อเท่านั้น  แต่ถ้าเลือกเป็น ตาถึง อาจจะได้ใช้รถราคาที่แพงกว่าเท่าตัวหรือมากกว่านั้นในสภาพป้ายแดงด้วยซ้ำ   เริ่มตั้งแต่ราคาไม่ถึงแสน จนถึงหลักล้านกันเลย   ดูซิว่าตัวเองพอจะมีกำลังซื้อรถรุ่นไหนได้บ้าง  จะแนะนำตัวที่เด่นๆ ในแต่ละช่วงราคาเท่านั้นครับ เพราะในแต่ละช่วงราคาจะมีหลายรุ่นด้วยกัน เป็นแค่คำชี้แนะนะครับ ความคิดเห็นส่วนตัว                 ตัวผมเองมองรถเป็นวัตถุภายนอก ไม่ใช่ค่านิยม    วัตถุประสงค์ซื้อมาใช้งาน   ความสะดวกสบาย ปลอดภัย และจุดประสงค์ที่สำคัญของผม***  คือรถทุกคันที่ผมซื้อมาเพื่อเป็นพาหนะ  หารายได้ให้ตัวผมเองและครอบครัว  ไม่ใช่ผมต้องหารายได้ให้กับรถ  ***    บางที่ทำงานผมหามาเท่าไหร่  ก็หมดไปกับรถ ค่างวดบ้าง น้ำมันเอย   ค่าตกแต่งบ้าง แทบไม่ได้ให้ความสุขกับครอบครัวเลย   บางเดือนชักหน้าไม่ถึงหลังด้วยซ้ำ   ถ้าแบบนั้นอย่าพึ่งรีบเลยดีกว่า รอให้พร้อมอีกซักนิดหนึ่ง แต่ถ้ามีความจำเป็นจริงๆก็ต้องดูความเหมาะสม   ควรซื้อตามกำลังทรัพย์ที่มี    อย่าซื้อเพราะกระแสนิยมช่วงนี้บางท่านก็นิยมรถยกสูงหรือแบบ ขับเคลื่อน 4 ล้อบ้าง ทั้งๆที่ทั้งปีไม่เคยไปลุยหรือบรรทุกอะไรกับเขาเลย   รถเก่าๆเหมือนที่ผมใช้อยู่ก็ไปมาแล้ว ทั่วไทยเหมือนกัน แก้ไขเมื่อ 29 ม.ค. 53 23:00:05 จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 10:26:27

ความคิดเห็นที่ 4 ผิดรูป ครับ คันนี้ก็ล่องทั่วไทย เกือบ 20 ปีแระยังวิ่งฉิว ขึ้นดอยนี่ถึงไหนถึงกัน รถใหม่ๆยังอาย แก้ไขเมื่อ 29 ม.ค. 53 23:07:25 จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 10:29:04

ความคิดเห็นที่ 5 ไม่พูดมาก ลงอีกครั้งแบบ ย่อๆนะครับ ****ราคาต่ำกว่า 100,000  บาท  *****     บางคนอาจจะเห็นเงินจำนวนเท่านี้คงจะหาซื้อรถรถดีๆ ซักคนมาขับยาก หรือถ้าได้มาก็คงจะอยู่ในอู่มากกว่า แต่บางทีความจำเป็นของแต่ละท่านมันก็ต่างกัน ถ้าอยู่ในเมืองการเดินทางไปไหนมาไหนสะดวก ก็ว่าไปอย่าง แต่คนบ้านนอกอย่างผมนี่ก็ยากเหมือนกัน  เวลามีธุระจำเป็นจริงๆ รถเก่าๆ คันนี้ก็อาจจะช่วยท่านได้เหมือนกัน  ใจเย็นๆ ค่อยเลือก บางคนบอกว่าไม่พร้อมจะซื้อทำไมแต่ความจำเป็นของคนไม่เหมือนกัน  บางทีท่านอาจจะชอบกว่าการใช้รถใหม่แต่มีภาระตามมาอีกมากมายก็ได้ จริงไหม จอดไว้ที่ไหนก็ไม่ต้องทุกข์ใจกลัวหาย รถเก่าๆเทคโนโลยีก็ไม่ได้มากมาย ค่าซ่อมแซมก็แสนจะถูกเมื่อเทียบกับรถรุ่นใหม่ๆ  แต่ท่านก็ต้องยอมรับความจริงว่า ด้วยราคาต่ำขนาดนี้ อายุรถปูนนี้ จะเอามาเทียบกับปัจจุบันไม่ได้ สภาพรถและอุปกรณ์ต่างๆย่อมเสื่อมโทรมไปตามกาลเวลา   กลับกันที่จะต้องดูแลเอาใจใส่เสมือนญาติผู้สูงอายุของเรา เพื่อให้เขาอยู่กับเราไปนานๆต้องเผื่องบประมาณไว้ซ่อมแซมส่วนหนึ่ง   ถ้าสักแต่ใช้เหมือนรถใหม่ ไม่ค่อยใส่ใจดูแลรักษา ต่อให้ให้ได้รถสภาพดีแค่ไหนมันก็คงจะรักอู่มากกว่าตัวเจ้าของอยู่ดี      พร่ำมาซะยาว  จำไว้เสมอว่า **** รถรุ่นนี้ ไม่ได้มีคันเดียวในโลก **** ถ้าไม่ดีอย่าไปเสียดาย แล้วท่านจะเสียใจภายหลัง  ตราบใดที่เงินอยู่กันเรา ตัวท่านคือผู้เลือกครับ จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 10:32:08

ความคิดเห็นที่ 6 1.TOYOTA Corolla EE90/AE92 ( โดเรมอน )        Corolla รถยนต์รุ่นยอดนิยมของโตโยต้า ทำตลาดต่อเนื่องมานานด้วยชื่อเสียงที่สั่งสมมายาวนานทนทาน ขวัญใจแท็กซี่ตลอดกาล และที่สร้างชื่อให้กับโคโรล่า ขับเคลื่อนล้อหน้าได้มาก ทั้งในด้านความทนทาน ไม่จุกจิก อะไหล่ไม่แพง หาง่าย ประหยัดน้ำมัน แถมคบกับแก๊สได้แบบหายห่วง และยังหลงเหลือความน่าใช้อยู่บ้าง แม้จะเก่าเกือบ 20 ปีแล้วก็ตาม  โตโยต้า โคโรล่า อีอี90/เออี92  นับเป็นรถยนต์ขนาดกลาง ที่สบายใจเรื่องอะไหล่ และความทนทานได้              รุ่น 1,300 ซีซี รหัสตัวถัง EE90 แบ่งเป็น 2 รุ่นย่อย คือ XL และ GL ใช้เครื่องยนต์ 2E แบบเบนซิน 4 สูบ 1,300 ซีซี  ซิงเกิล โอเวอร์เฮดแคมชาฟต์  12 วาล์ว คาร์บูเรเตอร์เดี่ยว ความจุกระบอกสูบ 1,295 ซีซี กำลังสูงสุด 72 แรงม้า (PS) ที่ 6,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 10.3 กก.-ม. ที่ 4,200 รอบ/นาที  ทั้ง 2 รุ่น ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา รุ่น XL เป็นแบบ 4 จังหวะน้ำหนักตัวรถ 910 กิโลกรัม รุ่น GL เป็นแบบ 5 จังหวะ น้ำหนักตัวรถ 925 กิโลกรัมใช้ยางขนาด 165 SR13  รุ่น 1,600 ซีซี รหัสตัวถัง AE92 มี 3 รุ่น โดยมี รุ่นที่ทำตลาดหลัก คือ SE LIMITEDและอีก 2 รุ่นรองเป็นรุ่นพิเศษที่มียอดจำหน่ายไม่มากนัก คือ GTI ที่มีจำหน่ายมากพอสมควรและ SPORTY ที่ผลิตออกมาเป็นรุ่นพิเศษน้อยมาก  รุ่นหลักที่มียอดจำหน่ายมากที่สุด SE LIMITED ใช้เครื่องยนต์รหัส 4A-F แบบเบนซิน 4 สูบ ทวินแคม 16 วาล์ว คาร์บูเรเตอร์เดี่ยว ความกว้างกระบอกสูบ 81.0 มิลลิเมตร ระยะช่วงชัก 77.0 มิลลิเมตร ความจุกระบอกสูบ 1,587 ซีซี กำลังสูงสุด 94 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 13.0 กก.-ม. ที่ 4,200 รอบ/นาที แบ่งเป็น 2 รุ่น คือ เกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ  เกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ ใช้ยางขนาด 175/70 SR13      รุ่นพิเศษ GTI มียอดจำหน่ายไม่มาก เพราะราคาแพงกว่ารุ่น SE LIMITED มาก  เป็นรุ่นที่มาแบบครบๆ นับเป็นจุดเริ่มต้นของเครื่องยนต์หัวฉีดของโคโรล่าในไทย และเป็นโคโรล่ารุ่นเดียวในไทยที่ใช้ระบบดิสก์เบรก 4 ล้อโดยใช้เครื่องยนต์รหัส 4A-GE หัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ EFI ควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ TCCS มีอัตราส่วนการอัดเพิ่มเป็น 10.3 : 1มีกำลังสูงสุด 130.5 แรงม้า (PS) ที่ 7,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 14.8 กก.-ม.ที่ 6,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะน้ำหนักตัวรถ 1,023 กิโลกรัม ดิสก์เบรก 4 ล้อ ใช้ยางขนาด 185/60 R14 ทั้งแรงทั้งเกาะถนนและเบรกดีกว่ารุ่น SE LIMITED     ระบบพวงมาลัยเป็นแบบแร็คแอนด์พิเนียนทุกรุ่น และมีเพาเวอร์เฉพาะในรุ่น 1.6 ระบบช่วงล่างทั้งรุ่น 1.3 และ 1.6 เป็นแบบอิสระ แม็คเฟอร์สันสตรัต พร้อมเหล็กกันโคลง 4 ล้อ ระบบเบรกด้านหน้าเป็นแบบดิสก์พร้อมช่องระบายความร้อน ด้านหลังเป็นแบบดรัม ส่วนรุ่น GTI เป็นดิสก์เบรก 4 ล้อ จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 10:35:02

ความคิดเห็นที่ 7 ภายนอก ออกแบบเรียบง่าย ฝากระโปรงหน้าทรงเรียบขนานกับกระจังหน้าซี่นอน มุมกันชนหน้าติดตั้งไฟเลี้ยว ด้านข้างติดตั้งคิ้วยางกันกระแทกตลอดแนว (ยกเว้นรุ่น XL) ไฟท้ายรุ่น 1.3 XL และ GL เป็นแบบสั้น รุ่น SE LIMITED และ GTI เพิ่มทับทิมจรดป้ายทะเบียน ทุกรุ่นใช้กระทะล้อขนาด 13 นิ้ว รุ่น XL ให้ฝาครอบเฉพาะดุมกลาง รุ่น GL และ SE LIMITED ให้ฝาครอบแบบเต็ม ยกเว้นรุ่น GTI ใส่ล้อแม็กซ์ขนาด 14 นิ้ว มิติตัวถัง ยาว 4,235 มิลลิเมตร กว้าง 1,655 มิลลิเมตร สูง 1,365 มิลลิเมตร ระยะห่างฐานล้อ 2,430 มิลลิเมตร ถ้าสนใจรถยนต์รุ่นนี้ ควรเลือกรุ่นสูงสุดเท่าที่มีเงินพอ เพราะจะได้เครื่องยนต์ที่แรงกว่าและมีอุปกรณ์มาตรฐานแบบครบๆ    หากชอบความแรงต้องหาซื้อรุ่น GTI โดยต้องตรวจสอบตัวถัง ช่วงล่าง และเครื่องยนต์เป็นพิเศษ เพราะบางคันอาจช้ำมาก ตามสไตล์ของคนขับรถแรง และถ้าเป็นการใช้งานในเมืองอาจไม่สะดวกเพราะไม่มีเกียร์อัตโนมัติให้เลือกใช้ และหาซื้อยาก เพราะรุ่น GTI มีจำนวนน้อย ผมเองก็ยังอยากได้เลย            จุดเด่น ของรถยนต์รุ่นนี้ คือ อะไหล่ที่มีให้เลือกเพียบ ในสารพัดรูปแบบ แท้ เทียบ เทียม เก่าใหม่ ราคาไม่แพงและไม่เคยต้องควานหา อะไหล่เชียงกงก็เริ่มเหลือมากขึ้น ไร้กังวลเรื่องอะไหล่จะหาไม่ได้หรือแพงไปเลย ความทนทาน ความไม่จุกจิก ก็เป็นอีกจุดเด่นที่สำคัญ เพราะไม่มีระบบอะไรสลับซับซ้อน   รูปลักษณ์ภายนอกที่เรียบง่าย ห้องโดยสารเพียงพอ สำหรับ 5 ที่นั่งแบบเบียดเล็กน้อย ระบบต่างๆ เป็นแบบพื้นฐาน มีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์น้อย จึงดูแลรักษาง่ายและทนทาน  อีกทั้งเวลาอยากเปลี่ยนคันใหม่ ยังสามารถขายได้ราคาแถมปล่อยง่ายซะด้วย           จุดด้อย เนื่องจากเป็นรถยอดนิยม ราคาแพงกว่ารถยนต์ยี่ห้ออื่นในรุ่นปีเดียวกันมาก  แต่ก็นับว่า เป็นการแพงอย่างคุ้มค่า อีกทั้งอายุของรถที่หลายปีอาจจะทำให้อุปกรณ์บางอย่างไม่สมบูรณ์        หากคุณมีงบประมาณ10หมื่นบวกลบนิดหน่อย ที่มองดูรุ่นนี้อยู่ หาคนที่ดูรถเป็น หาสภาพที่ตัวถังดีๆอุปกรณ์ใช้ได้ครบ เงินที่เหลือไปติดแก๊ส แบบดูดก็พอหมื่นกว่าบาท ดูแลง่ายๆไม่ซับซ้อน อะไหล่มือ 2 เชียงกงเพียบ เพียงพอที่จะรองรับการใช้งานได้สบายๆ3-5 ปีอีกแน่นอน หรืออยากแรงก็ ยก 4AG มาวางซะแต่งหรอบคันหน่อยก็ดูดีแระ **ราคามือ2 ประมาณ   50,000 – 100,000 บาทโดยประมาณ จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 10:36:11

ความคิดเห็นที่ 8 ปาดดดดดดดดดดดดดด.ด.ด.ดดดด จากคุณ : ถูกทิ้งที่รังสิต เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 10:37:03

ความคิดเห็นที่ 9 สวัสดีคร้าบ พี่ หายไปนานเลย สวัสดีปีใหม่ สุขภาพแข็งแรงครับ จากคุณ : BOPI เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 10:39:30

ความคิดเห็นที่ 10 2. TOYOTA CORONA 2.0 ST170,ST171        แป๊ะยิ้ม ที่คนทั่วไป เป็นรถครอบครัวขนาดกลางที่ยังคงความน่าใช้อยู่     ภายนอกออกแบบเรียบง่าย ฝากระโปรงหน้าแบบเรียบ ขนานกับกระจังหน้าซี่นอน กันชนหน้าเว้นช่องดักลม 2 ชั้น กันชนหลังแบบเต็ม ป้ายทะเบียนติดตั้งระหว่างไฟท้ายที่แบ่งเป็นช่องย่อยๆ มิติตัวถังยาว 4,480 มิลลิเมตร กว้าง 1,690 มิลลิเมตร สูง 1,370 มิลลิเมตร ระยะห่างฐานล้อ 2,525 มิลลิเมตร    ช่วงแรกแบ่งเป็น 3 รุ่นย่อย คือ 2.0 GL เกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ และ 2.0 GL AUTO เกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ ใช้เครื่องยนต์เหมือนกัน รหัส 3S-F แบบ 4 สูบ ทวินแคม 16 วาล์ว คาร์บูเรเตอร์ ความจุ 1,998 ซีซี กำลังสูงสุด 113 แรงม้า (PS) ที่ 5,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 16.6 กก.-ม. ที่ 4,000 รอบ/นาที รุ่นสูงสุด 2.0 GLi เกียร์ธรรมดา เครื่องยนต์รหัส 3S-FE หัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ กำลังสูงสุด 128 แรงม้า ที่ 5,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 18.3 กก.-ม. ที่ 4,400 รอบ/นาที พร้อมล้อแม็กขอบ 14 นิ้วและยางขนาด 195/60/14  ทุกรุ่นใช้ระบบพวงมาลัยแบบแร็คแอนด์พิเนียน โดยมีเพาเวอร์ในรุ่น 2.0 ระบบช่วงล่างแบบอิสระ แม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง หน้า-หลัง ดิสก์เบรกหน้าพร้อมครีบระบายความร้อน ด้านหลังดรัม ยกเว้นรุ่น 2.0 GLi เป็นดิสก์เบรก 4 ล้อ จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 10:41:01

ความคิดเห็นที่ 11 จุดเด่นของรถยนต์รุ่นนี้ คือ ความไม่จุกจิกในการดูแล ทนทานทั้งเครื่องยนต์และช่วงล่าง อะไหล่มีมาก ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง ยังมีให้เห็นได้ไม่ยากตามท้องถนน  รูปลักษณ์ภายนอกที่เรียบๆ ไม่หวือหวา จึงยังดูไม่ล้าสมัยแม้จะลงตลาดมาเกือบ 20  ปีแล้วก็ตาม อะไหล่เป็นอีกจุดเด่นของรถยนต์รุ่นนี้ เพราะนอกจากในศูนย์บริการแล้ว ยังมีอะไหล่เชียงกง และอะไหล่เทียบและเทียมให้เลือกมีมากในราคาไม่แพง  เครื่องยนต์หมดอายุ ก็สามารถเปลี่ยนได้ด้วยหลายทางเลือก เช่น เปลี่ยนเป็นเครื่องยนต์บล็อกเดิมรหัส 3S-FE 128 แรงม้า (PS) หรือขยับเพิ่มความแรงขึ้นมาอีกนิดด้วยบล็อก 3S-GE 170 แรงม้า (PS) และแรงสุดด้วย 3S-GTE เทอร์โบ 245 แรงม้า (PS) สามารถวางได้โดยดัดแปลงไม่มาก        จากกำลังของเครื่องยนต์ 2,000 ซีซี หัวฉีด 128 แรงม้า กับตัวถังหนักประมาณ 1 ตัน จึงมีความคล่องตัวในทุกช่วงความเร็วพอสมควร ระบบช่วงล่างแบบอิสระ 4 ล้อ หนึบและนุ่มนวลในความเร็ว ต่ำ-ปานกลาง แต่ถ้าใช้ความเร็วสูงจัดๆ อาจรู้สึกว่านิ่มไปเล็กน้อย   ถ้าสนใจรถยนต์รุ่นนี้และมีเงินพอ ควรเลือกรุ่นสูงสุดที่ปรับโฉมแล้ว คือ 2.0 GLi AUTO ปี 1991 ขึ้นมา เพราะจะได้เครื่องยนต์แรงกว่าและอุปกรณ์มาตรฐานแบบครบครัน    โตโยต้าโคโรน่า รุ่นนี้ นับเป็นรถยนต์ที่มีคุณสมบัติในการใช้งานแทบไม่มีจุดด้อยและมีบ้างที่ต้องซ่อมแซมตามอายุของมันแต่ถ้าดูแลรักษาดีๆโอกาสที่จะงอแงมีน้อยมาก  และแม้จะเก่า แต่ก็ไม่จุกจิกในการใช้งาน และสบายใจเรื่องอะไหล่ได้มาก  ทนทานทั้งเครื่องยนต์และช่วงล่าง อะไหล่มีมาก ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง เหมาะสมหรับครอบครัว 3-5 คน นั่งสบายๆ หรือจะจับมาดมแก๊สก็แสนจะง่ายดาย ไม่เชื่อไปถามแท๊กซี่ดูได้เลย ****ราคามือ 2 ประมาณ 50,000 – 100,000 บาท แก้ไขเมื่อ 26 ธ.ค. 52 10:43:26 จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 10:42:50

ความคิดเห็นที่ 12 3. NISSAN SUNNY FF      ถ้ามองหารถในราคาราว 4-6 หมื่นบวกลบ  ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่มีงบจำกัดแต่อยากมีรถเก๋งขับกันฝนกันแดดตากแอร์เย็นๆซักคันสำหรับการเริ่มต้นในการสร้างครอบครัว  หรือผู้ที่เตรียมและวางแผนสำหรับการถอยคันใหม่คันใหญ่หรือป้ายแดงแต่อยากศึกษาหาความรู้และฝึกความชำนาญ ซันนี่ FF 1.3ลิตรเกียร์ธรรมดา 5 สปีดเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนมากทีเดียวครับ ซ่อมง่ายเหมือนเครื่องสูบน้ำ -อะไหล่ถูกหาง่าย-ดูแลง่าย-ไม่จุกจิก-ไม่สวยแต่อึดถึก   แถมราคาถูก จับมาไม่เกิน50หมื่น เก็บงาน ติดแก๊สไม่เกิน2หมื่น ใช้จนลืมขึ้นชื่อในเรื่องความทนทาน-ดูแลง่าย-ไม่จุกจิกและประหยัดน้ำมัน จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 10:44:45

ความคิดเห็นที่ 13 มิติตัวถังยาว 4,135 มม กว้าง 1,620 มม สูง 1,385 มม ระยะห่างฐานล้อ 2,400 มม น้ำหนักรถ 835 กิโลกรัม ห้องโดยสารแบบนั่ง 4 คนสบายๆ  เครื่องยนต์ รหัส E13S แบบSOHC 4 สูบ แถวเรียง 8วาล์ว คาบูเรเตอร์ ความจุ 1269ซีซี กำลังสูงสุด 74แรงม้าที่ 6000 รอบ แรงบิดสูงสุด 10.7 กก-ม.ที่ 3600รอบ ความเร็วสูงสุด 150 กม/ชม. , อัตราเร่ง 0-100   13-14  วินาที    ระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระ แม็กเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังแบบอิสระเทรลลิ่งอาร์ม พร้อมคอยล์สปริง ระบบเบรก หน้าดิสก์-หลังดรัม ระบบบังคับเลี้ยว แร็คแอนด์พีเนียน ขนาดยาง 175-70 SR13 อัตราบริโภค ในเมือง 9-14 กม/ลิตร นอกเมือง 14-22 กม/ลิตร       จุดเด่นของรถรุ่นนี้ ราคาไม่แพง สมรรถนะปานกลาง แบบพอใช้ในชีวิตประจำวัน จึงไม่เหมาะกับคนเท้าหนัก  ประหยัด  ดูแลรักษาง่าย ซ่อมง่าย อะไหล่สามารถหาได้อย่างไม่ยากเย็น และซ่อมถูก รูปทรงดูจะล้าสมัยไปนิดแต่ความอึดนั้นหายห่วง เครื่องยนต์ทนทานดูแลง่ายไม่จุกจิก  ห้องโดยสารกว้างขวางพอตัวสำหรับครอบครัวขนาดเล็ก  มันถูกออกแบบมาเพื่อการใช้งานที่สมบุกสมบันมาก เพราะมีขนาดเล็กโครงสร้างหลักๆจึงเป็นแค่พื้นๆเพื่อรองรับงานหนักโดยเฉพาะ ทุกส่วนจึงทนทานมากกว่าปกติและไม่มีปัญหาจุกจิกกวนใจเลย   ข้อเสีย  คือรูปทรงมัน ที่ล้าสมัยเพราะเมื่อเทียบกับคู่แข่ง  เนื่องจากมันเป็นรถแบบประหยัดอุปกรณ์หลายๆชิ้นจึงเน้นความแข็งแกร่งเป็นหลักโดยเฉพาะช่วงล่าง การทรงตัวที่ไม่ดีเหมาะที่จะใช้ในเมืองหรือความเร็วที่ต่ำ ไม่เหมาะกับพวกเท้าหนัก   การเลือกซื้อ    ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเรื่องการผุกร่อนของตัวถัง  ส่วนจุดอื่นๆเช่นซุ้มล้อ-ตามตะเข็บต่างๆ-ชายด้านล่างของประตู-ขอบหลังคา   ควรมีงบสำรองไว้นิดหนึ่งเพื่อเปลี่ยนพวก สายพานทั้งหมด-เปลี่ยนสายหัวเทียนและหัวเทียน-เปลี่ยนกรองทุกตัวรวมทั้งของเหลว   และพวกลูกยางต่างๆ  ก็จะสามารถรองรับการใช้งานได้ยาวเลย         **  ราคามือ 2 ประมาณ  40,00 – 60,000 บาท*** จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 10:45:28

ความคิดเห็นที่ 14 4. MAZDA 323 ASTINA 1800       หน้าตา สไตล์ SPORT SEDAN แบบไฟหน้า POP-UP ตัวถังแฮตช์แบก 5 ประตู ทำตลาดในช่วงปี 1990-1994  ถือว่าเป็นรถที่น่าซื้อคันหนึ่ง ความจุ 1.8 ลิตร พลัง 140 PS ให้แช่ได้อย่างมันเท้า เพราะแบกน้ำหนักแค่ตันเดียวเท่านั้น  รูปทรงของ ASTINA นั้น  ขนาดความยาว 4.3 เมตร นั้นมีคล่องตัวมากในเมืองทและยิ่งมีพลังสำรองมากพร้อม กับมีพวงมาลัยเพาเวอร์ช่วย ทำให้เป็นรถที่คล่องตัวมากในเมือง ขณะที่ทางไกลนั้นการเร่งแซงทำได้รวดเร็วมั่นใจ ทรวดทรงเหมาะกับวัยรุ่นที่อยากมีรถเหนือรถในระดับเดียวกัน  ห้องโดยสารขนาดพอดีกับการนั่ง 4 คน ทั้ง ๆ ที่ความลงตัวนั้นค่อนไปทางรถลู่ลมหน้าต่ำท้ายสั้น เครื่องยนต์บล็อค BP เป็นแบบเบนซิน 4 สูบเรียง ทวินแคม 16 วาล์ว จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ ความจุ 1,840 ซีซี พละกำลังสูงสุด 140 แรงม้า ที่ 6,500  รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 16.6 กก . ที่ 4,700 รอบ/นาที ระบบส่งกำลังมีเฉพาะเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ  พลัง 1800 ซีซี. นั้นเป็นความดุเดือดที่ดูแคลนไม่ได้  โดยใช้ผาสูบแบบ DOHC ขับด้วยสายพาน โดยรับเชื้อเพลิงจาก ECU และหัวฉีด ECI ให้การตอบสนองที่ดีและจัดถึง 7,000 รอบ สามารถทำความเร็วจา 0-100 กม./ชม. แค่ 10กว่า วินาที สามารถทะยานได้ใกล้หลัก 200กม./ชม. นับว่าไม่ธรรมดา ในการใช้งานนั้นแม้จะใช้เครื่องยนต์โตถึง 1800 ซีซี. แต่ก็ไม่ซดมากนัก  ในเมือง แต่ปกติจะอยู่แถว ๆ 7-9 กม./ลิตรในเมือง และ 10.-13 กม./ลิตร ทางไกล จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 10:50:08

ความคิดเห็นที่ 15 ระบบช่วงล่างแบบอิสระ 4 ล้อ ด้านหน้าแม็กฟอร์สันสตรัท ปีกนก ด้านหลังปีกนกคู่สัมพันธ์ TTL อันเป็นเอกลักษณ์   ยางขนาด 185/70 x 14 แล้วก็สามารถทรงตัวอย่างมั่นใจในระดับ 110-140 กม./ชม. ได้ดี ในย่านความเร็ว 160 กม./ชม. ขึ้นไปด้านท้ายจะเบานิด ๆ จากการที่มีขนาดสั้น ส่วนแรงกดด้านหน้านั้นหายห่วงเพราะการออกแบบคุณค่าทาง AERODY NAMIC ที่ดี ระบบเบรกจานทั้ง 4 ล้อที่ติดตั้งมาให้มันอย่างมั่นใจว่า ทุกระยะการแตะเบรกสามารถสั่งได้อย่างวางใจ                                    จุดเด่นของรถรุ่นนี้ รูปทรงสวยงาม ราคาถูกเมื่อเทียบกับสมรรถนะ เครื่องยนต์แรงและกินนํ้ามันมากกว่ารถในระดับเดียวกัน ช่วงล่างและเบรกถือว่าดี เป็นรถที่ขับสนุกพอตัว  ด้อยหน่อยตรงที่อะไหล่หายากกว่ารถตลาดทั่วไป ค่าซ่อมค่อนข้างแพง และหาสภาพดีๆได้ยาก  จัดว่าเป็นรถครอบครัวขนาดเล็กที่สามารถใช้ได้ทั้งบ้านก็คงไม่ผิด หรือเป็นรถคันที่สองก็ยิ่งดี ราคามือสองประมาณ  70,000 – 100,000 บาท จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 10:51:29

ความคิดเห็นที่ 16 5. แดวู เอสเปอร์โร่       สำหรับผู้ที่กำลังอยากได้รถครอบครัวขนาดใหญ่ ใช้เดินทางไกล เน้นสมรรถนะและความแข็งแรง คันนี้สามารถตอบสนองความต้องการของคุณได้อย่างดี ด้วยราคาที่ถูกมากเมื่อเทียบกับรถปีเดียวกัน ขึ้นอยู่กับว่าจะรับข้อเสียได้หรือไม่      รูปลักษณ์ภายนอกออกแบบโดยให้ ด้านหน้าเป็นทรงลิ่มไม่มีกระจังหน้า ไฟหน้าทรงเหลี่ยมรับกับฝากระโปรงที่เรียบแบน กันชนตรงปลายทั้งสองข้างมีไฟตัดหมอกให้ ด้านข้างไม่มีเส้นข้างตัวรถทำให้รถดูใหญ่ ไฟท้ายขนาดใหญ่ ไฟถอยหลังอยู่ตรงกันชนพร้อมไฟตัดหมอกหลัง          เครื่องยนต์ขนาด 4สูบเรียง โอเวอร์เฮดแคมชาร์ฟ 1,998 ซีซี กำลังแรงม้าสูงสุด116 แรงม้า/5,200 รอบต่อนาทีแรงบิดสูงสุด182 Nm / 2600 รอบต่อนาที ความเร็วสูงสุด 185 กม/ชม ช่วงล่างหน้าแม็คเฟอร์สันสตรัท, ปีกนก หลัง เป็นคอยล์สปริง, คานอิสระ ระบบเบรก ดิสก์ 4 ล้อ พร้อม ABS มาพร้อม ขนาดยาง195/60R14   ออกแบบมาให้ดูแลรักษาง่าย มีเทคโนโลยีไม่ซับซ้อน  มีอัตราเร่งที่ดีทั้งตีนต้นตีนปลาย   อัตราการการสิ้นเปลือง7-9 กม/ลิตรในเมือง13-14 กม/ลิตร นอกเมืองอยู่ในขั้นประหยัดเมื่อเทียบกับสมรรถนะที่ได้ เครื่องยนต์เดินเรียบ   ภายในห้องโดยสารดูกว้างขวางโอ่โถง ที่วางขาเหลือๆ นั่งสบายๆ  ทัศนะวิสัยการขับขี่ดีเยี่ยม ถือได้ว่าเป็นจุดเด่นอีกจุดของรถคันนี้เลยทีเดียว คอนโซลเรียบง่าย  ชุดควบคุมเครื่องปรับอากาศ วิทยุ ส่วนปุ่มต่างถูกจัดไว้ข้างหน้าปัดทั้งสองข้าง หน้าปัดเป็นวงกลม 3 วง  พร้อมแผงสัญญาณไฟเตือนอยู่ด้านบน เบาะตัวแรกๆจะเป็นกำมะหยี่ หลังๆมาเป็นเบาะหนังแท้ ข้อเสียที่เห็นก็คือการประกอบยังไม่ค่อยเรียบร้อย อะไหล่ส่วนใหญ่หายากแต่ถ้ารู้แหล่งจึงจะง่ายขึ้น อะไหล่เทียมไม่ค่อยมี อะไหล่แท้ก็หายาก      รถซีดานขนาดใหญ่ ประหยัดน้ำมัน สมรรถนะดี กว้างขวาง เกาะถนน แข็งแรง แต่อะไหล่หายาก แพง อู่ซ่อมน้อย การประกอบยังไม่ดีนัก และซื้อมาแล้วต้องใช้ยาว คิดจะขายคงยาก ***ราคารถเก่า ประมาณ       40,000-70,000            บาท **** จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 10:55:28

ความคิดเห็นที่ 17 6.  มิรา    เชื่อว่าหลายคนอาจะมองคันนี้ ด้วยรูปร่างของมัน  ที่ขึ้นชื่อก็ในเรื่องความคล่องตัว-ประหยัดน้ำมัน-เรี่ยวแรงดีเกินตัว-ความทนทาน-ดูแลง่าย-ไม่จุกจิก   ขับง่าย ความคล่องตัวสูง ที่สำคัญคือราคามันไม่แพง โดยทั่วไปเก่าสุดราวปี91 ราคาก็มีเริ่มต้นตั้งแต่ 3หมื่นนิดๆ มาจนถึงราวปี 97ราคามันก็แค่ 6 หมื่นหน่อยๆเท่านั้นมีให้เลือกทั้งสองประตูทั้งกระบะและแบบดัดแปลงเก๋ง และห้าประตูแบบเก๋ง แต่ปีใหม่ๆจะยังสูงอยู่     ด้วยขนาดรถ กว้าง 1.395 เมตร, ยาว 3.300-3.350 เมตร สูง 1.400 เมตร, หนัก 570-590 กิโลกรัม กับ เครื่องยนต์ รหัส ED-10 แบบSOHC 3 สูบ แถวเรียง 6วาล์ว สายพานขับ ระบายความร้อนด้วยน้ำ 847ซีซี 43แรงม้าที่ 5500รอบ แรงบิดสูงสุด 6.8 กก-ม.ที่ 3200รอบ , ความเร็วสูงสุด 138 กม/ชม., อัตราเร่ง 0-100 ราว 15 –15.5 วินาที อัตราบริโภค ในเมือง 12 –16 กม/ล. นอกเมือง18 – 28.5 กม/ล.         จุดเด่นหนีไม่พ้นเรื่องอัตราบริโภคที่ต่ำแทบจะไม่ต่างจากจักยานยนต์ แถมดูแลง่ายไม่จุกจิก มันถูกออกแบบมาเพื่อการใช้งานที่สมบุกสมบัน  การดูดูแลรักษา ซ่อมง่ายและหาช่างซ่อมได้ไม่ยากเพราะมันไม่ ได้ต่างไปจากจักยานยนต์ เท่าไหร่เลย    แถมอะไหล่มือสองมีค่อนข้างมากและจัดว่าหาไม่ยากแถมอุปกรณ์ตกแต่งหาได้ไม่ยากนักเพราะนิยมแต่งกันมากทีเดียว      ส่วนข้อด้อย มันเหมาะกับการใช้งานในเมืองหรือนอกเมืองแบบไปเรื่อยๆซักไม่เกิน 80-90มากกว่า ถ้านำมันไปใช้งานหนักวิ่งยาวๆความเร็วสูงการสึกหรอจะมีมากและรถโทรมเร็ว   แม้ว่าอะไหล่มือสองจะมีมากแต่บางครั้งการซื้อจำต้องซื้อแบบยกชุด ก็เลยดูเหมือนว่าราคาโดยรวมจะค่อนข้างแพง ส่วนอะไหล่ใหม่ๆนั้นราคาเอาเรื่องทีเดียว  ส่วนมากถ้าเสียมาจึงซื้อเครื่องยนต์ทั้งตัวมาเปลี่ยนเลย  และเนื่องจากมิราเป็นรถราคาประหยัดวัสดุที่ใช้ติดรถมาจึงคุณภาพส่วนใหญ่จะไม่ดีนักเช่นพวกท่อน้ำต่างๆที่ควรเทียบหาของยี่ห้ออื่นมาใช้แทนดีกว่า หากจะหารถมือสองรุ่นนี้จริงๆต้องหาที่สภาพดีหน่อยแต่ค่อนข้างยาก ซื้อมาอาจจะไม่คุ้มค่าการบูรณะ หรือเจอประเภท เครื่องยนต์หลวมมากแล้ว **ราคามือ 2 ประมาณ 30,000- 60,000 บาท*** จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 10:56:28

ความคิดเห็นที่ 18 ***** ค่อนข้างจะลำบากที่เดียวในการหารถยนต์ซักคันในราคาต่ำกว่า 10 หมื่นให้ได้ดีๆ แต่ก็ยังพอมีอยู่บ้าง ใจเย็นๆ หาคนที่มีความรู้เรื่องรถยนต์ไปด้วย  ให้เวลาในการเลือกหน่อย และที่สำคัญเผื่องบไว้บำรุงรักษาเขาหน่อย  ซ่อมถึงๆ รับรองใช้ยาว เพราะถ้ามันไม่ดีจริง ไม่หลุดรอดมาถึงป่านนี้หรอก  ไม่น่ากลัวขนาดที่จะซื้อไม่ได้เลย ศึกษาข้อมูลดีๆ จากคนที่ใช้รุ่นนี้มาโดยตรง อย่าไปฟังเซลล์มันเชียร์มาก เพราะรถจอดอยู่ในโชว์รูม เราเหมือนเทวดา พอเราขับออกมาหน้ามันก็กลายเป็นยักษ์แระ ***เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ ***  หากคุณกำลังมองหารถยนต์คันแรกในชีวิต ในงบ 10 หมื่นอยากได้รถที่ยังดูดีหน่อย ซ่อมง่ายอะไหล่ถูกซื้อง่ายขายคล่อง AE92 น่าจะตอบโจทย์ได้ ขอให้ใจเย็นๆเลือกสภาพดีๆหน่อย ยังพอมี ยิ่งถ้าซื้อรถบ้านได้ยิ่งดี   *** แต่ถ้าไม่มีความรู้เรื่องรถเลย แถมงบหย่อนลงมาอีก แต่จำเป็นต้องใช้รถจริงๆ ซันนี่ B11 เป็นคำตอบให้ ถึงจะขับไปซ่อมไป มันก็ไม่ทำให้คุณกระเป๋าฉีกแน่นอน เข้าร้านซ่อมมอไซด์ยังซ่อมได้เลย *** แต่ถ้าเป็นตัวผมเองนะที่ชอบขับรถเร็วพอสมควรพอมีความรู้เรื่องรถยนต์บ้างนิดหน่อย คงมอง   ASTINA 1800 ซึ่งผมพยายามหามาครอบครองอยู่ ***ส่วนแชมป์อยากจะแนะนำ อีกคันก็ ซิวิคท้ายแดงครับ  แต่ไม่ค่อยมีข้อมูลครับ ต้องขออภัยครับ เผื่อมี จะพยายามหามาลงให้ครบครับ จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 11:01:03

ความคิดเห็นที่ 19 ***งบประมาณ100,000 – 200,000 บาท งบประมาณนี้ค่อยยังชั่วหน่อย มีตัวเลือกให้มากมาย แต่จะยกมาเป็นบางรุ่นครับ  เพราะมีตัวเลือกมากมาย จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 11:04:40

ความคิดเห็นที่ 20 1.Toyota corolla 1.6  3 ห่วงยอดนิยม          คงเป็นชื่อแรกที่แนะนำ ด้วยคุณสมบัติ พื้นฐานเดิม คือ ทนทานและอะไหล่ไม่แพงไว้ ทน ถึก เอาหัวแท็กซี่เป็นประกันได้เลย   เปิดตัวครั้งแรกในปี 1992 แบ่งเป็น 2 รุ่นหลักตามขนาดเครื่องยนต์ คือ 1,300 ซีซี ซึ่งลงรายระเอียดไว้ในกระทู้ข้างบน ครับ และ 1,600  ซีซี ใช้เครื่องยนต์รหัส 4A-FE แบบเบนซิน 4 สูบ ทวินแคม 16 วาล์ว หัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ ความกว้างกระบอกสูบ 81 มิลลิเมตร ช่วงชัก 77 มิลลิเมตร ความจุ 1,587 ซีซี อัตราส่วนการอัด 9.5 : 1 กำลังสูงสุด 116 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 15.0 กก.-ม. ที่ 5,200 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะให้เลือก ในรุ่น 1.6 GLi 4 AUTO ขับเคลื่อนล้อหน้า  ระบบช่วงล่างแบบอิสระ 4 ล้อ แม็กเฟอร์สันสตรัต คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง ระบบเบรกแบบหน้าดิสก์พร้อมครีบระบายความร้อน หลังดรัม         รูปลักษณ์ภายนอก เน้นความโค้งมนกลมกลืนตลอดคันจนดูอ้วนกลม ไฟหน้าทรงเฉียงรับกับกระจังหน้าทรงซี่นอน มุมกันชนหน้าซ้าย-ขวา ฝังไฟเลี้ยวทรงเรียว ตัวถังด้านข้างเป็นร่องเล็กๆ ยาวตลอดด้านบน พร้อมคาดคิ้วยางกันกระแทกยาวตลอดแนว  แผงกลางระหว่างไฟท้ายเป็นพลาสติกสีเทา  หลังจากทำตลาดได้ประมาณ 2 ปี จึงมีการปรับโฉม-ไมเนอร์เชนจ์ภายนอก ด้านหน้าเปลี่ยนกระจังเป็นแบบชุบโครเมียม เปลี่ยนไฟท้ายใหม่ ย้ายไฟถอยหลังขึ้นไปไว้กับไฟเลี้ยวที่เปลี่ยนเป็นแบบโคมขาว                ด้วยความนิยม ราคาเมื่อเป็นมือสองจึงแพงกว่ารถยนต์ในระดับเดียวกันปีเดียวกัน  รถยนต์รุ่นนี้มีจุดเด่นอยู่ที่ความทนทาน ไม่จุกจิก อะไหล่เพียบ ทั้งแท้ เทียบ เทียม เก่า ใหม่ ในราคาไม่แพง ซึ่งได้รับการพิสูจน์แบบไม่เป็นทางการ จากความนิยมในการนำไปทำแท็กซี่  อีกทั้งยังประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง ส่วนสมรรถนะโดยรวมและความกว้างของห้องโดยสาร ก็จัดอยู่ในระดับปานกลางค่อนไปในทางดีในการซ่อมแซม ถ้าไม่อยากเข้าศูนย์บริการ ก็ซ่อมที่ไหนก็ได้ เพราะไม่มีระบบอะไรซับซ้อน อะไหล่เทียบ-เทียมคุณภาพดีก็มีเพียบ อะไหล่แท้มือสองจากเชียงกง ก็หาที่ไหนก็ได้ จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 11:07:01

ความคิดเห็นที่ 21 หายไปนานเลย  หวัดดีคับพี่ จากคุณ : foduck เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 11:08:02

ความคิดเห็นที่ 22 หากไม่พอใจอยากแรงก็เปลี่ยนเครื่องยนต์ก็ไม่ยาก หลากหลายตัวที่วางได้ มีการดัดแปลงน้อย หรือเลือกเครื่องยนต์พลังแรงรอบจัด ตรงรุ่นตัวถังที่ญี่ปุ่น 4A-GE ทวินแคม 20 วาล์ว 160-165 แรงม้า  ถ้าชอบรถยนต์ตัวถังนี้ แนะนำให้เล่น 1.6 ไปเลย เพราะอุปกรณ์ต่างๆครบครันกว่า โตโยต้า โคโรลล่า 3 ห่วง ราคามือสองไม่ค่อยตก แต่สบายใจสุดๆ ได้ว่า ไม่จุกจิก ทน ซ่อมง่าย อะไหล่เพียบ และการใช้รถยนต์รุ่นเดียวกับความนิยมของแท็กซี่ ไม่ใช่เรื่องเสียศักดิ์ศรี เพราะถือว่าผ่านการพิสูจน์แบบไม่เป็นทางการถึงความทนทาน อะไหล่ และการซ่อมมาแล้ หลายคันผ่านหลักล้าน กม. ยังมี ***ราคามือ2 ประมาณ 130,000 – 180,000 บาท *** จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 11:08:49

ความคิดเห็นที่ 23 2. HONDA CIVIC 3Dr    เปิดตัวปี 1993  ด้วยราคาต่ำเพียง 3.6 แสนบาท จึงประสบความสำเร็จด้านการตลาดแบบถล่มทลาย ผ่านมาเกือบ20 ปี ราคายัง อยู่เกือบแสนกลางๆ ถึง2 แสน ไม่น่าเชื่อ   รูปร่างภายนอกใช้โครงสร้างตัวถังด้านหน้าใช้ร่วม กับรุ่น 4 ประตู   หลังคาช่วงตั้งแต่จากเสากลางไปถึงด้านหลังลาดลงเล็กน้อย กระจกข้างบานหลังตายตัวเปิดไม่ได้  รูปทรงและการจัดวางตำแหน่งไฟคล้ายกับรุ่น 4 ประตู แต่ไฟถอยหลังของรุ่น 3 ประตูมีขนาดใหญ่กว่า  มิติตัวถังยาว 4,070 มิลลิเมตร กว้าง 1,695 มิลลิเมตร สูง 1,345 มิลลิเมตร ระยะห่างฐานล้อหน้า-หลัง 2,570 มิลลิเมตร   อุปกรณ์ภายในมีให้ครบ เช่น กระจกไฟฟ้า, เซ็นทรัลล็อค, พวงมาลัยเพาเวอร์ (เฉพาะรุ่นเกียร์อัตโนมัติ), เข็มขัดนิรภัยด้านหน้าแบบ 3 จุด ด้านหลัง 2 จุด, ประตูด้านหลังและฝาปิดที่เติมน้ำมันเชื้อเพลิงเปิดจากภายใน และวิทยุ/เทป      ใช้เครื่องยนต์บล็อกเดียว เป็นรหัส ดี15บี แบบเบนซิน 4 สูบ แคมชาฟต์เดี่ยว 16 วาล์ว จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยคาร์บูเรเตอร์ ความกว้างกระบอกสูบ 75 มิลลิเมตร ช่วงชัก 84.5 มิลลิเมตร ความจุ 1,493 ซีซี อัตราส่วนการอัด 9.2 : 1 กำลังสูงสุด 91 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 11.6 กก.-ม. ที่ 4,000 รอบ/นาที ระบบส่งกำลังมีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ หรืออัตโนมัติ 4 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อหน้า ระบบบังคับเลี้ยวแบบแร็คแอนพิเนียนพร้อมเพาเวอร์ ระบบกันสะเทือนเหมือนรุ่น 4 ประตู เป็นแบบอิสระปีกนก 2 ชั้นทั้ง 4 ล้อ ด้านหลังมีเหล็กกันโคลง ระบบเบรกแบบหน้าดิสก์พร้อมครีบระบายความร้อน ด้านหลังดรัมเบรก ไม่มีเอบีเอส  จากกำลังของเครื่องยนต์ 1,500 ซีซี คาร์บูเรเตอร์ 91 แรงม้า เมื่อใช้ลากตัวถังหนักแค่ประมาณ 1 ตัน อัตราเร่งจึงอยู่ในระดับน่าพึงพอใจ จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 11:11:11

ความคิดเห็นที่ 24 ฮอนด้า ซีวิค 3 ประตู ขนาดกระทัดรัด ทรงสวย  ขับทางไกลพอได้ ใช้งานในเมืองก็ดี รูปลักษณ์ภายนอกที่น้อยคนจะบอกว่าไม่สวย เครื่องยนต์คาร์บูเรเตอร์ไม่มีระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ซับซ้อน จึงดูแลง่ายและทนทาน อีกทั้งยังประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง ห้องโดยสารด้านหน้ากว้างขวางพอสมควร ส่วนด้านหลังแคบนิด  ถ้าใช้จนเครื่องยนต์หมดอายุก็สามารถเลือกเปลี่ยนได้หลายระดับราคาและความแรง  เช่น บล็อก บี16เอ 1,600 ซีซี ทวินแคม วีเทค 170 แรงม้า (PS) ซึ่งวางในซีวิค 3 ประตูตัวถังนี้ที่จำหน่ายในญี่ปุ่น ก็สามารถวางได้แบบดัดแปลงไม่มาก หรือจะข้ามไปเล่นกับ บี16บี 185 แรงม้า (PS) หรือ บี18ซี 200 แรงม้า (PS จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 11:11:56

ความคิดเห็นที่ 25 จุดด้อยคงเป็น เรื่องราคาและความแพร่หลายของอะไหล่   มือสองเชียงกงก็พอมี แม้จะไม่แพร่หลายและไม่มีให้เลือกมาก  แต่ก็ยังหาได้แบบไม่ต้องกังวลหรือถึงกับควานหา  ฉะนั้นการซื้อควรเลือกคันที่ตัวถังไม่ช้ำ ไม่ชนหนัก และยังไม่ควรทำสีใหม่   ราคามือ2 ประมาณ 150,000 – 180,000 บาท จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 11:13:34

ความคิดเห็นที่ 26 หวัดดีปีใหม่ครับ............... จากคุณ : ลำไผ่ บ้านท่า เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 11:14:17

ความคิดเห็นที่ 27 3.  ฮอนด้าซิวิค 1.6หัวฉีด (เตารีด-ท้ายมน)                   ซิวิคเตารีด 1.6หัวฉีดกลายเป็นรถรุ่นหนึ่งของฮอนด้าที่ได้รับความนิยมและมียอดจำหน่ายสูง เป็นรถขนาดเล็กที่สมรรถนะสูงเกินตัว ประหยัดน้ำมัน แข็งแรง ทนทาน ดูแลง่าย     เครื่องยนต์ เบนซิน 4 สูบแถวเรียง  SOHC 16 Valve  สายพานขับ ขนาด 1590 ซีซี แรงม้าสูงสุด 120 แรงม้า ที่ 6300 รอบ แรงบิดสูงสุด 14.5 กก.-ม. ที่ 5500 รอบ ระบบจ่ายเชื้อเพลิงแบบหัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ PGM-F1 ความจุถังน้ำมันเบนซิน 45 ลิตร ระบบเกียร์ขับเคลื่อนล้อหน้า ส่งผ่านเกียร์ธรรมดา 5จังหวะและ อัตโนมัติ 4 จังหวะ  ระบบกันสะเทือน หน้า-หลัง ดับเบิลวิชโบนอิสระทั้ง 4 ล้อ ระบบเบรก หน้าดิสค์เบรก--หลังดรัมเบรก จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 11:16:41

ความคิดเห็นที่ 28 เป็นรถขนาดเล็กที่สมรรถนะสูงเกินตัวแถมประหยัดน้ำมัน อีกต่างหากเครื่องตัวนี้ มันสามารถพาตัวถังขนาดนี้ทะยานไปได้แบบเกินตัวเลยที่เดียวอัตราเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม. ประมาณ 11 วินาที แถมความเร็วสูงสุด ไปได้ถึง 175 -180ก.ม./ช.ม.แบบสบายๆ ด้วยอัตราสินเปลืองโดยเฉลี่ย ประมาณ  8-15 ก.ม./ลิตร)  ช่วงล่างนุ่มนวลและเกาะถนน เบรก ค่อนข้างดี ด้วยรูปลักษณ์ที่ยังดูดี แต่งขึ้นอีกต่างหาก อัตราการบริโภคที่ไม่สูงมากออกแนวประหยัดด้วยซ้ำไป เครื่องมีแรงบิดที่ดีในเกียร์ต่ำ การออกตัวจึงรวดเร็วทันใจไม่อืดอาด สามารถใช้อะไหล่หลายๆตัวร่วมกับซิตี้  ได้เพราะมีพื้นฐานอันเดียวกันทำให้ลดภาระค่าใช้จ่ายได้ส่วนหนึ่ง  ช่วงล่างนุ่มนวลและเกาะถนนเป็นเยี่ยม แม้จะบรรทุก 2 3 ก็ไม่ลำบากต่อการควบคุมรถในการขับขี่       แม้ว่า อะไหล่จะราคาค่อนข้างสูงและหายากพอสมควร อีกทั้งเป็นรถตลาด ราคายังสูงอยู่แม้อายุจะ10กว่าปีแล้วควร ตรียมงบไว้เพื่อการบูรณะมันบ้าง ถ้าดูแลดีๆมันทนทานมากทีเดียวรุ่นถือว่า คุ้มค่าดีเหมือนกันกับเตารีดท้ายมนตัวนี้หรือเบื่อๆก็หาบล็อก B16A1,600 ซีซี ทวินแคม วีเทค 170 แรงม้า มาวางซะ วิ่งกระจายเลย ***รา คามือ 2 ประมาณ  130,000 - 180,000  บาท จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 11:18:42

ความคิดเห็นที่ 29 4.HONDA ACCORD E-CB  ตาเพชร       ทำตลาดในเมืองไทยช่วงปี 1990-1994 ด้วยรุ่นตัวถังแบบซีดาน   ทำตลาดด้วยเครื่องยนต์บล็อค F20B แบบเบนซิน 4 สูบ 16 วาล์ว ความจุกระบอกสูบ 1,997 ซีซี แบ่งเป็น 2 รุ่น รุ่นคาร์บูเรเตอร์ กำลังสูงสุด 112 แรงม้า ที่ 5,900 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 16.3 กก.-ม. ที่ 3,600 รอบ/นาที   รุ่นหัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ กำลังสูงสุด 135 แรงม้า ที่ 5,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 18.6 กก.-ม. ที่ 5,000 รอบ/นาที   ระบบช่วงล่างแบบอิสระ 4 ล้อ ปีกนก 2 ชั้น พร้อมเหล็กกันโคลง  ระบบเบรคแบบดิสก์ 4ล้อมิติตัวถังยาว 4,680 มิลลิเมตร กว้าง 1,695 มิลลิเมตร สูง 1,390 มิลลิเมตร ระยะห่างช่วงล้อ 2,720 มิลลิเมตร น้ำหนักตัวรถประมาณ 1,250 กิโลกรัม จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 11:21:56

ความคิดเห็นที่ 30 ด้วย รูปลักษณ์ยังดูทันสมัย ห้องโดยสารขว้าง  ประหยัดใช้ได้  ช่วงล่างนิ่มนวลแถมการเกาะถนนและการทรงตัวค่อนข้างดี  สำหรับการบริโภคน้ำมันของตาถ้าเป็นหัวฉีด ในเมืองก็จะประมาณ 8-10 กม/ลิตร  โลลิตร นอกเมืองประมาณ 10-12 กม/ลิตร ส่วนอะไหล่จัดว่าแพงอยู่บ้างในบางชิ้น และอายุขนาดนี้คงหาสภาพสวยๆยาก แต่ก็หาได้ไม่ยาก  ถ้าได้สภาพดีๆจับมาดมแก็สซะคุณจะลืมมันไม่ลงเลย ราคารถเก่าประมาณ 100,000 - 160,000 [km จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 11:23:21

ความคิดเห็นที่ 31 . Toyota Corolla  AE110  ตูดเป็ด  ด้วยราคาที่ตกลงมามาก หาคันสภาพดีๆได้ในงบที่ต่ำ กว่า 20 หมื่น ไม่ใช่ว่ารถไม่ดี แต่ส่วนใหญ่เขาจะมองว่าไม่ค่อยสวย รวมทั้งผมด้วย แต่มันมีหลายอย่างที่น่าใช้ ลองมาดูกัน  โตโยต้า โคโรลล่า รหัสตัวถัง เออี110, 111 และ 112 เปิดตัวครั้งแรกที่ญี่ปุ่นในเดือนมิถุนายน 1995 จากนั้นจึงเปิดตัวทำตลาดในเมืองไทยเดือนกุมภาพันธ์ 1996 เป็นครั้งแรก ๆ ของรถยนต์ขนาดเล็กในเมืองไทย ที่มีการติดตั้งแอร์แบ็กเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน  ช่วงแรกทำตลาดด้วย 2 เครื่องยนต์ เป็นบล็อกเอ ล้วน ๆ คือ 1,500 ซีซี เป็นรุ่นเล็กขยับจากบล็อก 4อี-เอฟอี 1,300 ซีซี 88 แรงม้า ในโคโรลล่ารุ่นที่แล้ว มาเป็นบล็อกเอ 5เอ-เอฟอี 1,500 ซีซี 100 แรงม้า  1,600 ซีซี ใช้เครื่องยนต์บล็อกเดียวกับโคโรลล่ารุ่นก่อนหน้า เออี101 เป็นรหัส 4เอ-เอฟอี ที่ปรับปรุงให้ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้น มีกำลังสูงสุดลดลงเหลือ 110 แรงม้า จากเดิม 116 แรงม้า จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 11:30:45

ความคิดเห็นที่ 32 ชอบ 323 Astina เหมือนกันครับ จากคุณ : Kunzite เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 11:30:48

ความคิดเห็นที่ 33 โฉมแรกนี้แบ่งเป็น 5 รุ่นย่อย คือ 1.5DXI เกียร์ธรรมดา 1.5GXI เกียร์ธรรมดา หรืออัตโนมัติ 1.6GXI เกียร์ธรรมดา และ 1.6SEG เกียร์อัตโนมัติ   รูปลักษณ์ภายนอกของโคโรลล่าโฉมนี้ ในช่วงที่เปิดตัวใหม่ ๆ ได้รับคำวิจารณ์ว่าดูเชย ๆ และดูคันเล็กกว่ารุ่นเดิมที่ตัวถังเป็นทรงอ้วนป่อง ทำให้หลายคนมองว่า เนื้อที่ภายในห้องโดยสารต้องแคบกว่ารุ่นเดิมด้วย แต่ความจริงยังเท่าๆเดิม ทั้ง 2 รุ่นใช้เครื่องยนต์บล็อกเอ เป็นแบบเบนซิน 4 สูบ ทวินแคม 16 วาล์ว หัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ รุ่น 1,500 ซีซี รหัส 5เอ-เอฟอี ความกว้างกระบอกสูบ 78.7 มม. ช่วงชัก 77 มม. ความจุ 1,498 ซีซี กำลังสูงสุด 100 แรงม้า ที่ 5,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 13.96 กก.-ม. ที่ 4,400 รอบ/นาที       รุ่น 1,600 ซีซี รหัส 4เอ-เอฟอี ขยายความกว้างกระบอกสูบขึ้นเป็น 81 มม. ช่วงชักเท่าเดิม 77 มม. ความจุเพิ่มขึ้นเป็น 1,587 ซีซี มีกำลังสูงสุด 110 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 14.77 กก.-ม. ที่ 4,800 รอบ/นาที      ระบบส่งกำลังของทั้ง 2 รุ่น มีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา และเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อหน้า ระบบบังคับเลี้ยวแร็กแอนด์พีเนียนพร้อมเพาเวอร์ ยกเว้นรุ่นพื้นฐาน 1.5 DXI ระบบช่วงล่างแบบอิสระแม็กเฟอร์สันสตรัต 4 ล้อ ด้านหน้าปีกนกล่างรูปตัวแอล ด้านหลังดูอัลลิงก์ ระบบเบรกทุกรุ่นเป็นแบบหน้าดิสก์หลังดรัม รุ่น 1.5 ให้กระทะล้อ 13 นิ้ว ยางขนาด 175/70R13 รุ่น 1.6 ให้ล้อแมกซ์ 14 นิ้ว ยางขนาด 185/65R14 จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 11:33:28

ความคิดเห็นที่ 34 ควรทดลองขับเปรียบเทียบสมรรถนะระหว่างรุ่นเครื่องยนต์ต่างซีซี และกำลังกัน พร้อมดูว่าอุปกรณ์มาตรฐานในรุ่นที่สนใจอยู่นั้น เพียงพอต่อการใช้งานหรือไม่ เพราะบางรุ่น โดยเฉพาะรุ่นพื้นฐาน ก็มีอุปกรณ์มาให้น้อยมาก ถ้าเพิ่มได้อีกนิดหนึ่งซื้อตัวท้อปไปเลย ราคาไม่หนีกัน จุดด้อยของรถยนต์รุ่นนี้ คือ วัสดุของอุปกรณ์ภายในห้องโดยสารที่ดูแล้วไม่สะดุดตา ไม่หรูหรา ดูแล้วราคาถูก โดยเฉพาะในรุ่นล่าง ๆ   โตโยต้า โคโรลล่า เออี110 ซ่อมไม่เหนื่อย อุปกรณ์ภายในพอรับได้ ผ่านการพิสูจน์ความทนทานมาแล้วจากความนิยมของแท็กซี่ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรถยนต์เพื่อใช้งานทั่วไป ที่เบื่อกับการซ่อม และหาอะไหล่ครับ ราคามือ 2ประมาณ 180,000 - 220,000  บาท จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 11:40:47

ความคิดเห็นที่ 35 6. Mitsubishi Lancer E-car Mitsubishi Lancer E-car ทำตลาดในช่วงปี 1993-1996   โดยแบ่งเป็น 5 รุ่นหลัก คือ รุ่น 1.3 EL เครื่องยนต์รหัส 4G13 แบบเบนซิน 4 สูบ SOHC 12 วาล์ว คาร์บูเรเตอร์ 1,298 ซีซี กำลังสูงสุด 80 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที สักพักก็หยุดการผลิตลง ต่อมาเพิ่มรุ่นพิเศษ กำลังสูงสุด 80.2 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ รุ่น 1.5 GLX เครื่องยนต์รหัส 4GA15 แบบเบนซิน 4 สูบ SOHC 12 วาล์ว คาร์บูเรเตอร์ 1,468 ซีซี กำลังสูงสุด 88 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ หรืออัตโนมัติ 3 จังหวะ รุ่น 1.5 GLXi เครื่องยนต์รหัส 4G15 แบบเบนซิน 4 สูบ SOHC 12 วาล์ว หัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ 1,468 ซีซี กำลังสูงสุด 94 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ หรืออัตโนมัติ 3 จังหวะ รุ่น 1.6 GLXi เครื่องยนต์รหัส 4G92 แบบเบนซิน 4 สูบ SOHC 16 วาล์ว หัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ 1,597 ซีซี กำลังสูงสุด 113 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ หรืออัตโนมัติ 4 จังหวะ รุ่น 1.8 GTi เครื่องยนต์รหัส 4G93 แบบเบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว หัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ 1,834 ซีซี กำลังสูงสุด 140 แรงม้า ที่ 6,500 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ ระบบช่วงล่างแบบอิสระ 4 ล้อ ด้านหน้าแม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังมัลติลิงค์ ระบบเบรกหน้าดิสก์ หลังดรัม ยกเว้นรุ่น 1.8 GTi เป็นแบบดิสก์เบรก 4 ล้อ มิติตัวถังยาว 4,270 มิลลิเมตร กว้าง 1,690 มิลลิเมตร สูง 1,400 มิลลิเมตร ระยะห่างฐานล้อ 2,500 มิลลิเมตร ห้องโดยสารกว้างขวางนั่งได้5คนแบบพอดีๆ จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 11:51:45

ความคิดเห็นที่ 36 ทุกรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้า ระบบช่วงล่างแบบอิสระ 4 ล้อ ด้านหน้าแม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังมัลติลิงค์ ระบบเบรกหน้าดิสก์ พร้อมครีบระบายความร้อน ด้านหลังดรัมเบรก ยกเว้นรุ่น 1.8 จีทีไอ เป็นแบบดิสก์เบรก 4 ล้อ  มิติตัวถังยาว 4,270 มิลลิเมตร กว้าง 1,690 มิลลิเมตร สูง 1,400 มิลลิเมตร ระยะห่างฐานล้อ 2,500 มิลลิเมตร รูปลักษณ์ภายนอกเน้นความโค้งมน ไฟหน้าทรงเพรียวพร้อมไฟเลี้ยวขาว รุ่น 1.6 เพิ่มสปอตไลต์มุมกันชน และล้อแม็กขนาด 14 นิ้ว  ช่วงแรกรุ่น 1.6 จีแอลเอ็กซ์ไอ และ 1.8 จีทีไอ เป็นแบบนำเข้าทั้งคัน หลังจากทำตลาดได้ประมาณ 2-3 ปี จึงปรับโฉม-ไมเนอร์เชนจ์ รุ่น 1.5 และ 1.6 โดยเปลี่ยนกันชนหน้า-หลังขนาดใหญ่ขึ้น รุ่น 1.6 จีแอลเอ็กซ์ไอ เปลี่ยนเป็นประกอบในประเทศ และตัดรุ่น 1.3 กับ 1.8 ออกไป จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 11:53:11

ความคิดเห็นที่ 37 จุดเด่นของรถรุ่นนี้ ราคาค่อนข้างถูกเมื่อเทียบกับรถในระดับและปีเดียวกันจากค่ายดัง สมรรถนะของเครื่องยนต์ปานกลางแต่ในรุ่น 1.5GLX เกียร์อัตโนมัติ ค่อนข้างจะอืด แต่ในรุ่นเกียร์ธรรมดาประหยัดนํ้ามันดี ในด้านสมรรถนะของเครื่องยนต์จัดอยู่ในระดับปานกลางไม่หวือหวา เน้นความประหยัดเป็นหลัก ช่วงล่างแบบอิสระ 4 ล้อให้ความนุ่มนวลมากในช่วงความเร็วต่ำ-ปานกลาง แต่มีอาการยวบยาบเล็กน้อยในช่วงความเร็วสูง เด่นหน่อยตรงที่ห้องโดยสารกว้างขวาง เพียงพอสำหรับ 5 คนแบบไม่อึดอัด กังวลนิดตรงที่ราคาอะไหล่ใหม่และมือสองแพงสักนิดในบางชิ้น แต่ก็แพร่หลายและหาไม่ยากเท่าไรนักศูนย์บริการที่ได้มาตรฐานมีหลายแห่ง ถ้าสนใจควรเลือกรุ่น 1.5 จีแอลเอ็กซ์ไอ เพราะอะไหล่หาง่ายกว่าเล็กน้อย รถยนต์มือสองรุ่นนี้ มีความน่าสนใจตรงที่มีราคาถูกกว่ารถยนต์ยอดนิยมในระดับเดียวกันปีเดียวกันอยู่เล็กน้อย คือ ฮอนด้า ซีวิค และโตโยต้า โคโรลล่า สาเหตุที่ราคาต่ำกว่า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะกระแสความนิยม อีกส่วนก็คือ เรื่องของราคาอะไหล่ที่แพงกว่า โตโยต้า โคโรลล่า อยู่พอสมควร ความโดดเด่นด้านราคา เป็นประเด็นสำคัญในการตัดสินใจ เพราะจะได้รถยนต์รุ่นปีใหม่หน่อย จุดอ่อนคือตัวควบคุมรอบเดินเบาที่พอเก่าแล้วมักจะมีปัญหา และหลังคาผุ และระบบแอร์ครับ ***ราคามือ2 ประมาณ 100,000 - 160,000 บาท ** จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 11:54:43

ความคิดเห็นที่ 38 7.มิตซูบิชิ กาแลนท์ อัลติมา        รูปลักษณ์ภายนอก  โค้งมนเต็มตัว กระจังหน้าโครเมียม  กันชนหน้าเว้นช่องดักลมแบบ 2 ชั้น  ด้านหลังสะดุดตาด้วยไฟท้ายทรงมน ล้อมกรอบนอกด้วยคิ้วโครเมียม เชื่อมต่อกันด้วยแผงทับทิมเหนือป้ายทะเบียน ฝากระโปรงหลังเปิดได้จรดแนวกันชน ประกอบด้วยสปอยเลอร์หน้า-หลัง พร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 และสเกิร์ตข้าง เป็นอุปกรณ์มาตรฐานมาครบครัน  มิติตัวถังมีความยาว 4,620 มิลลิเมตร กว้าง 1,730 มิลลิเมตร สูง 1,405 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,635 มิลลิเมตร  มี 2 รุ่น ใช้เครื่องยนต์รหัส 4จี63 แบบเบนซิน 4 สูบ แคมชาฟต์เดี่ยว 16 วาล์ว ความกว้างกระบอกสูบ 85.5 มิลลิเมตร ช่วงชัก 88 มิลลิเมตร ความจุ 1,997 ซีซี อัตราส่วนการอัด 9.5 : 1 กำลังสูงสุด 140 แรงม้า (PS DIN) ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 18 กก.-ม. ที่ 4,750 รอบ/นาที อีกรุ่นเป็น  วี6 เป็นเครื่องยนต์รหัส 6เอ12 แบบเบนซิน วี6 ทวินแคมชาฟต์ 24 วาล์ว ความกว้างกระบอกสูบ 78.4 มิลลิเมตร ช่วงชัก 69 มิลลิเมตร ความจุ 1,999 ซีซี อัตราส่วนการอัด 10.0 : 1 กำลังสูงสุด 155 แรงม้า (PS DIN) ที่ 6,750 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 18.3 กก.-ม. ที่ 4,000 รอบ/นาที  ทั้ง 2 รุ่นขับเคลื่อนล้อหน้า  รุ่น 4 สูบ มีทั้งเกียร์อัตโนมัติ และเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะให้เลือก ระบบบังคับเลี้ยวแบบแร็กแอนด์พิเนียนพร้อมเพาเวอร์ VARIABLE RATIO ระบบช่วงล่างเป็นแบบอิสระมัลติลิงก์ พร้อมเหล็กกันโคลงทั้ง 4 ล้อ ระบบเบรกแบบดิสก์ 4 ล้อ รุ่น 4 สูบ ให้ล้อแม็กขนาด 6 x 14 นิ้ว ยางขนาด 185/70R14 รุ่นวี6 เป็นขนาด 6.5 x 15 นิ้ว ยางขนาด 195/60R15 จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 12:00:25

ความคิดเห็นที่ 39 ภายในห้องโดยสารกว้างขวางเพียงพอสำหรับ 5 ที่นั่ง ด้านหลังนั่งได้ 3 คนแบบ หลวมๆ อุปกรณ์มาตรฐานเพียบพร้อม รูปลักษณ์ภายนอกสวยแบบเรียบๆ ไม่หวือหวา เครื่องยนต์บล็อก 4จี63 เหลือเฟือสำหรับการใช้งานทั่วไป ถ้าเป็นเกียร์ธรรมดาจะสร้างความกระฉับกระเฉงได้มาก ช่วงล่างแบบมัลติลิงก์ 4 ล้อ ให้ทั้งความนุ่มนวลและหนึบในความเร็วต่ำ-สูง ถ้าขับเร็วจัดก็ยังมีอาการโคลงบ้าง รถยนต์รุ่นนี้ มีจุดเด่นในด้านสมรรถนะ แต่คำล่ำลือว่าค่าซ่อมแพง ทำให้ราคาตกมาก แต่ถ้าเทียบใช้อะไหล่ใหม่หรืออะไหล่เชียงกง ก็หาไม่ยากนัก  หาคันที่มีสภาพดีจริงๆ เกียร์อัตโนมัติไม่รวน เพราะค่าซ่อมเกียร์แพง ราคามือ 2 ประมาณ ..160,000 - 180,000 บาท จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 12:02:07

ความคิดเห็นที่ 40 8. MAZDA 323 ASTINA  ตาตี่         แม้ว่าจะผ่านการออกแบบมาเกือบ 10 กว่าปีแล้วก็ตาม แต่ทรวดทรงและลักษณะของรถยังคงความโดดเด่นหาตัวจับได้ยาก   โค้งมน กลมกลืน สอดรับกันตลอดทั้งคันแทบจะเรียกได้ว่าไม่มีชิ้นส่วนใด ๆ เลยที่เป็นเหลี่ยมมุม  ภายใน หรูหรา    นอกจากนั้นเบาะหลังยังสามารถพับแบ่งได้แบบ 60 :  40 เพื่อเพิ่มเนื้อที่ในการบรรทุกให้มาก    จากการควบคุมมาตรฐานไอเสียที่เข้มงวดขึ้น เครื่องตัวนี้จึงเหลือกำลังมาให้ใช้เพียงแค่ 125 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที กับแรงบิด 16.3 กก.-ม. ที่ 4,000 รอบต่อนาที แต่มีระบบ “VICS” (Variable Inertia Charging System) หรือระบบแปรผันความยาวของทางเดินท่อไอดีเข้ามาทดแทน ส่งผลให้การขับขี่แบบปกติทั่วไปในเมืองทำได้คล่องแคล่ว ไม่อืดอาด    ส่วนเรื่องอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงในระดับ8 -10กิโลเมตร ต่อลิตรนั้น ถือว่ายังพอคบหากันได้ เกาะถนนดี เบรคเยี่ยม วางใจได้ ในเรื่องการเกาะถนนจากระบบกันสะเทือนอิสระแบบแม็คเฟอร์สัน สตรัททั้ง 4 ล้อ พร้อมระบบ “TLL” (Twin Trapezoidal Link)  การบังคับควบคุมทิศทางต่าง ๆ สามารถทำได้ง่าย ไม่เกิดอาการ “หวิว” ที่ความเร็วสูงให้พบเห็น    ดิสค์เบรคทั้ง 4 ล้อก็มีประสิทธิภาพในการหยุดได้อย่างดีเยี่ยม จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 12:05:21

ความคิดเห็นที่ 41 ด้วยงบประมาณเริ่มต้นที่ไม่มาก กับรถยนต์ที่ให้ได้มากกว่าความสวยงาม โดดเด่นเรื่องการทรงตัวที่เป็นเยี่ยม เครื่องยนต์มีสมรรถนะพอประมาณ แต่สามารถขยับขยายเพิ่มเติมความแรงได้ในภายหลังด้วยการหยิบยืมเครื่องยนต์จากตัวแรงสายพันธ์เดียวกันมาวางได้สบาย ๆ ในงบประมาณที่ไม่สูงนัก การบำรุงรักษาโดยทั่วไปไม่จุกจิก รถส่วนใหญ่ที่ขายในตลาดรถมือสองจะมีสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ เนื่องจากต้องใช้บริการจากศูนย์บริการซะเป็นส่วนใหญ่ จากการที่รถมีน้อย ชิ้นส่วนอะไหล่จึงไม่ค่อยแพร่หลายนัก แต่ก็มีทางเลือกอื่น ๆ เช่นของเก่าสภาพดีจากเชียงกง หรืออะไหล่แท้ เทียม จากร้านอะไหล่ทั่ว ๆ ไปให้เลือกใช้ในราคาที่ยังพอรับไหว ราคามือ 2 ประมาณ 150,000 - 180,000 บาท จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 12:07:21

ความคิดเห็นที่ 42 เคยใช้บริการ แต่ไม่เคยได้เข้ากระทู้ ถือโอกาสขอบคุณสำหรับข้อมูลที่ผ่าน ๆ มา จากคุณ : เท่ง หงส์แดง เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 12:29:36

ความคิดเห็นที่ 43 9. MAZDA 626 CRONOS     ทำตลาดในช่วงปี 1993-1998 มีทั้งแบบแฮทช์แบ็ค 5 ประตู และซีดาน 4ประตู  ช่วงแรกทำตลาดด้วยเครื่องยนต์รหัส KS-DE แบบเบนซิน 4 สูบเรียง ทวินแคม 16 วาล์ว ความจุ 1,991 ซีซี กำลังสูงสุด 115 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 17.3 กก.-ม. ที่ 4,500 รอบ/นาทีหลังจากนั้นอีก 2 ปี จึงเพิ่มรุ่น V6 2.0 ใช้เครื่องยนต์รหัส KF-ZE เป็นแบบ V6  ทวินแคม 24 วาล์ว ความจุ 1,995 ซีซีกำลังสูงสุด 145 แรงม้า ที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 18.2 กก.-ม. ที่ 4,800 รอบ/นาที ระบบส่งกำลังมีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ หรืออัตโนมัติ 4 จังหวะ ระบบช่วงล่างแบบอิสระ 4 ล้อ ด้านหน้าแม็กเฟอร์สันสตรัต ปีกนกล่างรูปตัว A พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังปีกนกคู่สัมพันธ์ TTL ระบบเบรคแบบดิสก์เบรก 4 ล้อ พร้อม ABS มิติตัวถังรุ่น 4 ประตู ยาว 4,685 มิลลิเมตร กว้าง 1,750 มิลลิเมตร สูง 1,400 มิลลิเมตร ระยะห่างฐานล้อ 2,610 มิลลิเมตร ส่วนรุ่น 5 ประตูเตี้ยกว่า 10 มิลลิเมตร ภายนอกออกแบบใหม่ เพิ่มไฟตัดหมอกให้สองดวง หลังคามีซันรูฟ พื้นที่ห้องโดยสารกว้างพอประมาณ นั่งได้แบบ 5คนพอดีๆภายในไฮแท็คเพียบ  รวมถึงถุงลมนิรภัยคู่ทั้งผู้โดยสารและคนขับรวมไปถึงถุงลมนิรภัยด้านข้างด้วย         จุดเด่นของรถรุ่นนี้ เด่นที่ช่วงล่างและเบรกที่มั่นใจได้ในความหนึบ เครื่องยนต์ทนทาน ไม่ซับซ้อน การประกอบและวัสดุดีตามแบบรถยนต์นำเข้า  การซ่อมหรือการหาอะไหล่จะไม่ค่อยสะดวก แต่ไม่ถึงกับหาไม่ได้และราคาไม่ถูกเหมือนรถยนต์ประกอบในประเทศแต่ก็ไม่ได้แพงจนน่ากลัวนัก ราคามือ 2 ประมาณ  150,000 – 180,000 บาท จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 12:29:42

ความคิดเห็นที่ 44 10. MAZDA LANTIS     ทำตลาดในช่วงปี 1994-1998 แบ่งเป็น 2 รุ่นหลัก คือรุ่น 1,800 ซีซี และ V6 2,000 ซีซี  รูปลักษณ์ภายนอก เน้นความโค้งมนตลอดคัน  ไฟท้ายทรงแปลก ติดตั้งอยู่ที่มุมตัวถังด้านบน แบ่งเป็นไฟเลี้ยว ไฟท้าย และไฟถอยหลัง รวมอยู่ในโคมเดียวกัน มิติตัวถังมีความยาว 4,490 มม กว้าง 1,695 มม สูง 1,355 มม  ระยะฐานล้อ 2,605 มม  น้ำหนักรุ่น 1.8 ประมาณ 1,170 กก  ส่วนรุ่นวี6 หนักประมาณ 1,200 กก  รุ่น 1.8 ใช้เครื่องยนต์บล็อกเดียวกับที่วางในแอสตินา โฉมต่อจากไฟป๊อป-อัพ เป็นรหัส BP1800 แบบเบนซิน 4 สูบเรียง วางตามขวาง ความกว้างกระบอกสูบ 83 มิลลิเมตร ช่วงชัก 85 มิลลิเมตร ความจุ 1,840 ซีซี อัตราส่วนการอัด 9.0 : 1 กำลังสูงสุด 125 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 16.3 กก.-ม. ที่ 4,000 รอบ/นาที แบ่งเป็น 2 รุ่นย่อย คือ เกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ และอัตโนมัติ 4 จังหวะ    รุ่น V6 2.0 ลิตร ใช้เครื่องยนต์บล็อกเดียวกับที่วางในโครโนส วี6 เป็นรหัส KF-ZE ทวินแคม 24 วาล์ว ความจุ 1,995 ซีซี กำลังสูงสุด 147 แรงม้า ที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 18.7 กก.-ม. ที่ 5,000 รอบ/นาที มีทั้งเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ และอัตโนมัติ 4 จังหวะ เช่นกัน ระบบบังคับเลี้ยวแบบแร็กแอนด์พิเนียนพร้อมเพาเวอร์ ระบบช่วงล่างแบบอิสระ 4 ล้อ ด้านหน้าแม็กเฟอร์สันสตรัต เอ-อาร์ม พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังปีกนกคู่สัมพันธ์ TTL (TWIN TRAPEZOIDAL LINK) ระบบเบรกแบบดิสก์ 4 ล้อ ด้านหน้ามีครีบระบายความร้อน รุ่นวี6 มีเอบีเอส ภายในมีอุปกรณ์มาตรฐานที่จำเป็นมาให้ครบ ทุกรุ่นให้พวงมาลัยทรงสปอร์ต 3 ก้าน ยกเว้นรุ่น วี6 รุ่นสูงสุด แอร์แบ็กคู่ เป็นพวงมาลัย 4 ก้าน และเพิ่มรีโมตคอนโทรล จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 12:32:53

ความคิดเห็นที่ 45 จากรูปลักษณ์ภายนอกที่เน้นความปราดเปรียว ส่งผลให้ห้องโดยสารมีพื้นที่ใช้สอยค่อนข้างจำกัด แต่ถ้าส่วนใหญ่ขับคนเดียว หรือมีผู้โดยสารเฉพาะด้านหน้าบ่อยกว่า ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้มากนัก  อะไหล่มีหลายทางเลือก เช่น อะไหล่ใหม่จากศูนย์บริการ ซึ่งเกือบทุกชิ้นมีราคาแพงถึงแพงมาก แต่ก็พอมีของเทียบแถว วรจักร และอะไหล่มือสองเชียงกง ซึ่งถ้าไม่ใช่อะไหล่ตัวถังหรืออะไหล่เฉพาะจุดจริงๆ ก็พอจะเทียบใช้กับแอสตินาและ 626 โครโนสได้ในบางชิ้น โดยเฉพาะเครื่องยนต์และช่วงล่าง   ถ้าไม่ใช่คนเท้าหนักหรือใจร้อนจริงๆ ก็ไม่จำเป็นต้องข้ามไปหารุ่นวี6 ที่แพงกว่าทั้งตัวรถยนต์ ค่าซ่อม และค่าน้ำมันฯ   เด่นที่ช่วงล่างและเบรกที่มั่นใจได้ ระบบต่างๆ ไม่ซับซ้อน วัสดุและคุณภาพในการประกอบดี เพราะเป็นรถยนต์นำเข้า ห้องโดยสารแคบนิด อะไหล่หาไม่ง่าย และอะไหล่ราคาไม่ถูกเหมือนรถยนต์รุ่นยอดนิยม ดังนั้นถ้าสนใจ ควรเลือกซื้อคันที่มีสภาพดีจริงๆ ราคาถูกสักหน่อย จะได้เหลือเงินไว้ซ่อม และผู้ใช้ก็ควรมีแหล่งในการซ่อม และทำใจหน่อยตอนขายต่อ ว่าจะขายยากนิด และราคาตกมากหน่อย ราคามือ 2 ประมาณ   170,000 - 200,000 บาท จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 12:34:34

ความคิดเห็นที่ 46 11 . SUNNY SUPER SALOON       รถครอบครัวขนาดเล็ก  รูปทรงยังดูดีอยู่ การตกแต่งภายในไม่เล็กตาม  มีสมรรถนะดี ซึ่ง. สามารถทำความเร็วได้เกือบ180  กม/ชม. สำหรับใช้เดินทางไกลทำเวลา  หรือใช้แซงที่ 90-130 กม./ชม  กระฉับกระเฉงมาก เพราะจาก 0-100 กม./ชม นั้นเร่งได้ที่ 12.2 วินาที ในรุ่น 4 AUTO และต่ำกว่า 12 วินาที ในรุ่น 5 เกียร์ธรรมดา    ช่วงล่าง SUNNY ถูกสร้างมาให้ใช้ทน ดูแลง่ายค่าซ่อมถูกในแบบแมกเฟอร์สันสตรัท ขับ 4 ล้อ เกาะกับปีกนกทรง A-ARM ทางด้านหน้า และคานแข็งทีล้อหลัง   ภายในนั่งได้ 2+3 ที่นั่งจริง ๆ สบายด้วย จึงอบอุ่นในแบบครอบครัวแท้จริงหากไม่มองรูปทรง ไม่คิดเรื่องขายต่อก่อน 2 ปี คันนี้แหละที่ขับแล้วตั้งตัวได้เชื่อหรือไม่ ราคา มือ 2 ประมาณ 130,000 -160,000 บาท จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 12:40:10

ความคิดเห็นที่ 47 12.  NISSAN  NV            ขับรถนุ่มอย่างเก๋ง  แต่สามารถบรรทุกของได้อย่างรถกระบะ  ตลอดจนวัยรุ่นวัยซิ่งที่นำไปแต่งรถสวยงาม  เพราะอย่างน้อย ๆ   การทรงตัวก็ดีกว่ารถปิกอัพดีเซล   สมรรถนะก็เปรี้ยวพอจะกัดกับรถเก๋งขนาด  1600  ได้สบาย   หน้าตาก็สวยงามแต่งขึ้น  เป็นรถรุ่นที่ประสบความสำเร็จไม่แพ้รุ่นพี่อย่าง Sunny FF เนื่องด้วยเป็นรถอเนกประสงค์ที่ไม่จุกจิก ประหยัดน้ำมัน ขนของก็ได้   และยัมี NVแวน มาตัดหลังออกเป็นกระบะตอนเดียวเป็นการพัฒนาขึ้นใหม่จากโครงสร้างหลักของรุ่นเดิม เครื่องยนต์เบนซินวางขวาง ขับเคลื่อนล้อหน้า มีสมรรถนะเหมือนรถยนต์นั่ง แต่มีกระบะสำหรับบรรทุกด้านท้าย  เมื่อเทียบกับขนาดของเครื่องยนต์ ทำให้มีความแรงมาก แถมคล่องแคล่ว ปราดเปรียว ช่วงล่างเก๋ง น้ำหนักตัวก็เบา  คือบล็อก GA 16 DS 1,597 ซีซี DOHC 16V คาร์บูเรเตอร์ 96 แรงม้า ที่ 6000 รอบ/นาที มีเฉพาะเกียร์ธรรมดา 5 สปีด ช่วงล่างหน้าอิสระแมคเฟอร์สันสตรัท คอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง ด้านหลังแบบเทรลิ่งอาร์ม ทอร์ชั่นบีม และคอยล์สปริง ดูจะนิ่มนวลไปนิดถ้าวิ่งด้วยความเร็วสูงๆแต่ก็มีข้อดีคือช่วงล่างทนเพราะมีชิ้นส่วนน้อย ระบบเบรกเป็นแบบหน้าดิสค์ หลังดรัม จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 12:50:57

ความคิดเห็นที่ 48 ปลายปี 1997  เปิดตัวรุ่น QUEEN CAB จุดเปลี่ยนหลักๆเลยคือการยืดห้องโดยสารออกไป มีจุดประสงค์หลักเพื่อเพิ่มให้นั่งได้อีก 2-3 คนบนพื้นที่หลังเบาะหน้า แต่ถ้าเดินทางไกลก็เมื่อยหน่อย แม้จะอึดอัด แต่ก็ยังดีกว่านั่งไม่ได้เลยแบบรุ่นก่อน ถ้าไม่มีคนนั่ง ก็บรรทุกของได้แบบไม่เปียกเหมือนบรรทุกบนตัวกระบะ อเนกประสงค์สุดๆ ภายนอกดูเหมือนเก๋งมากขึ้น กระจังหน้าและกระจกมองข้างสีเดียวกับตัวรถ ฝังไฟตัดหมอก เปลี่ยนล้อแม็กลาย 5 ก้าน ดูโฉบเฉี่ยว เครื่องยนต์ปรับปรุงใหม่ เป็นบล็อก GA 16 DNE ที่ออกแบบโดยคอมพิวเตอร์เพื่อลดชิ้นส่วนที่ไม่จำเป็น ใช้วัสดุคุณภาพสูงผิวเรียบ เพื่อลดแรงเสียดทานในเครื่องยนต์ เครื่องแบบ 4 สูบ DOHC 16V หัวฉีดECCS 110 แรงม้า ที่ 6000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 14 กก.-ม. ที่ 4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์ออโต้ 4 สปีดและเกียร์ธรรมดา 5 สปีด ช่วงล่างและเบรกเป็นของเดิม   รูปลักษณ์หลังจากปรับปรุงแล้วดูทันสมัย      ข้อเสียของรถคันนี้ก็มีคือ เรื่องของความปลอดภัย นอกจากโครงสร้างตัวถัง กับเข็มขัดนิรภัยแล้วก็ไม่มีระบบป้องกันอะไรเลย   NV คันนี้เหมาะสำหรับคนที่มองรถมือหนึ่งเป็นคันแรก ครอบครัวเล็กๆ คนทำงานวันหยุดไปเที่ยวทีนึง แม่บ้านขับไปจ่ายตลาด จุดเด่นที่ความประหยัด ทนทาน ใช้งานได้หลากหลาย ราคาถูก แต่สิ่งอำนวยความสะดวกเอาแค่จำเป็น ความปลอดภัยยังน้อย และไม่หรูหรานัก ราคามือ 100,000 - 180,000 จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 12:52:39

ความคิดเห็นที่ 49 13. Toyota Soluna  ปี1997-2000 (โฉมแรก )                 สำหรับผู้ที่กำลังมองหารถยนต์คันแรก หรือรถครอบครัวขนาดย่อม เน้นขับในเมือง ประหยัดน้ำมัน ซ่อมง่าย ราคาถูก เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจมาก เพราะมีคุณสมบัติรถเมืองหรือซิตี้คาร์ครบถ้วน ในราคาที่น่าสนใจ  รูปลักษณ์ภายนอกก็เรียบๆดูธรรมดา  ไม่หวือหวา กระจังหน้าทรงเรียบๆ   โครงสร้างตัวถังแบบ GOA  ภายใน คอนโซลหน้าคล้ายๆรุ่นสามห่วง   ภายในไม่กว้างขวางนัก นั่งได้ 4 คนพอดีๆ เบาะเป็นเบาะผ้า ช่วงรับแผ่นหลังดูจะตื้นไปนิดจึงนั่งไม่กระชับนัก เดินทางไกลก็เมื่อยหน่อย ช่วงหย่อนขาตื้นไปและช่วงวางขาก็สั้นไป จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 12:59:04

ความคิดเห็นที่ 50 เครื่องยนต์เครื่องยนต์5A-FE 4 สูบ DOHC 16V 1,498 ซีซี 95แรงม้า/5600รอบต่อนาที แรงบิด126Nm/4800รอบต่อนาทีจ่ายน้ำมันด้วยหัวฉีด EFI  ระบบกันสะเทือนอิสระแมกเฟอสันสตรัท/ทอชั่นบีมและเหล็กกันโคลง ระบบเบรก ดิสก์/ดรัม ขนาดยาง 175/65R14   อัตราเร่งเหมาะสำหรับคนเท้าไม่หนัก แต่ก็ไม่ถึงกับอืดอาด ใช้แบบซอกแซกในเมืองได้ดี  ความเร็วสูงสุดประมาณ 160-170 กม/ชม อัตราการกินน้ำมัน ในเมืองอยู่ที่ 9 -14 กม/ล นอกเมืองอยู่ที่ 12-16 กม/ล   ช่วงล่างร่อนที่ความเร็ว 120 เนื่องจากตัวรถเบาเบรกดีพอสมควร ช่วงล่างร่อนที่ความเร็ว สูง เนื่องจากตัวรถเบา ถ้าคนนั่งไปเยอะๆน่าจะลดอาการร่อนไปได้บ้าง               เหมาะสำหรับผู้ที่มีรถคันแรก รถแม่บ้าน รถครอบครัวเล็กๆเอาไว้ขับในเมืองเป็นส่วนใหญ่ ประหยัดน้ำมัน ขับง่าย อะไหล่เยอะ ซ่อมถูก ปีใหม่ แต่ตัวถังไม่ทนทาน ช่วงล่างไม่เหมาะที่จะใช้ความเร็วสูง ด้านอะไหล่ก็ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะมีให้เลือกเต็มไปหมดทุกมุม มีครบทุกชิ้น ราคาไม่แพง  ตอนนี้ราคาไม่สูงจับมาติดแก๊สวิ่งกระจาย ส่วนข้อด้อยก็ตรงตัวถังไม่แข็งแรงนัก  การประกอบไม่ดีเท่าไหร่ ช่วงล่างนุ่มแต่ไม่เกาะถนน ขับเร็วๆไม่ไหว  ช่วงล่างไม่เหมาะที่จะออกต่างจังหวัดบ่อยๆ   เวลาซื้อต้องดูสภาพตัวถัง  พยายามเลี่ยงรถที่ทำสีใหม่ ควรดูรอยช้ำของตัวถัง เครื่องยนต์ต้องดี เกียร์เข้าง่าย ราคาค่าตัวมือสอง ประมาณ     160,000 - 180,000         บาท จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 13:00:36

ความคิดเห็นที่ 51 14.  ฮุนได โซนาต้า     เป็นรุ่นที่ประสบความสำเร็จมากเนื่องจากรถซีดานขนาดกลางราคาย่อม กว้างขวาง สมรรถนะที่ ดี  ออพชั่นมีมาให้แบบครบครัน ช่วงล่างดีทั้งย่านความเร็วต่ำและสูง เบรควางใจได้ แบ่งออกเป็น 2 รุ่นหลักๆคือ GLI และ GLSI ความแตกต่างGLI 8 วาล์ว กับ GLSI 16 วาล์ว แต่ตัว 16 วาล์วจะได้เรื่อง พละกำลัง ชนิด อัตราเร่ง 0-100 ภายใน10 วิ แถมมีแอร์แบคคนขับ เบาะหนัง ไฟตัดหมอก  ส่วนเรื่องรายละเอียดต่างๆ เหมือนกันทั้งหมด  ในปี 95-96 จะมีการปรับโฉม ภายในเป็นเบาะหนัง และปรับไฟฟ้าได้เฉพาะด้านคนขับ  มี airbag  disc brake 4 ล้อพร้อมเอบีเอส ไฟตัดหมอก รูปทรงภายนอกต่างจากรุ่นแรกพอสมควร ด้านหน้าลาดเอียงลงดูสปอร์ต เครื่องยนต์แบบ 4สูบแถวเรียง DOHC 16 V.ความจุกระบอกสูบ  1997 CC   139แรงม้าที่  5,800 แรงบิดสูงสุด 18.4 หัวฉีด ECI-MULTI   เกียร์อัตโนมัติ  4 SPEED ระบบกันสะเทือนหน้า  อิสระแม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง หลัง อิสระมัลติลิ้งค์ พร้อมเหล็กกันโคลง ระบบเบรค 2 วงจรไข้ว พร้อมวาล์วปรับแรงดัน DPV เบรคหน้า/หลัง ดิสก์มีช่องระบายความร้อน / ดรัมเบรก ขนาดยาง 205/60R15        ภายในกว้างขวางดี สมรรถนะจัดว่าดีพอๆกับรถญี่ปุ่น ความเร็วปลายสามารถถึง 180 ได้สบายๆ  พวงมาลัยสร้างความมั่นใจได้ดีกว่ารถญี่ปุ่นคันเล็กๆ ข้อดี ออพชั่นมีมาให้แบบครบครัน ช่วงล่างดีทั้งย่านความเร็วต่ำและสูง เบรควางใจได้ มาตรฐานความปลอดภัย       ส่วนข้อเสียคงเรื่องการกินน้ำมันไปหน่อย ในเมือง 7-9 กิโล นอกเมืองมี 12โล/ลิตร แหล่งอะไหล่มีน้อย แต่ก็พอหาได้ครบ ราคาก็ไม่แพงมาก ถูกกว่า รถญี่ปุ่นบางรุ่นอีกราคาสมกับคุณภาพ ทางที่ดีควรรู้แหล่งอะไหล่ มีอู่ที่วางใจได้ครับ ราคามือ 2 ประมาณ  80,000 - 130,000 บาท จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 13:13:31

ความคิดเห็นที่ 52 15.ISUZU VERTEX เกิดจากความร่วมมือของฮอนด้า  แต่ด้วยราคาขายที่ไล่เลี่ยกันกับซิวิคทำให้มียอดขายที่ไม่ดีนัก    แบ่งออกเป็นสองรุ่นคือรุ่น SและJ โดยSE/JEเป็นเกียร์ออโต้และSL/JLเป็นรุ่นเกียร์ธรรมดา   ทำตลาดถึงปี 2003 ก็เลิกผลิตไป กลายเป็นรถมือสองที่ราคาตก เกรดเดียวกับ ฮอนด้า แต่ราคามือสองถูกกว่า รูปลักษณ์ภายนอกคล้ายกับซีวิค แตกต่างบางจุด ไฟหน้าทรงสี่เหลื่ยมคางหมู    รูปทรงดูเหลี่ยมกว่าซีวิค   ด้านท้ายเหมือนกับซีวิค  ยกเว้นไฟเลี้ยวสีขาว  ภายในแทบไม่แตกต่างจากซีวิคเลย   กว้างขวางดี เบาะเป็นผ้าแซมกำมะหยี่  คอนโซลหน้ายกมาจากซีวิคเลย เครื่องยนต์บล็อกเดียวกับซีวิค   1590 ซีซี 4สูบ SOHC 16V 120แรงม้า/6400รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 146 Nm ที่ 5500 รอบต่อนาที ส่งกำลังผ่านเกียร์ออโต้ 4 สปีดในรุ่นSEหรือธรรมดา 5 สปีด ลงสู่สองล้อหน้า ช่วงล่างอิสระ 4 ล้อ  โชคอัพแก๊สและเหล็กกันโคลง ดิสก์เบรก 4 ล้อพร้อมเอบีเอส(ยกเว้นรุ่นSL)   สมรรถนะการขับขี่ไม่ต่างจากซีวิคมากนัก อัตราการกินน้ำมันประมาณ  9-11  กม./ล. ช่วงล่างและเบรกดีทีเดียว  อะไหล่ก็สามารถใช้ร่วมกับซีวิคได้ทั้ง ยกเว้นบางส่วนเท่านั้น  ฉะนั้น ก่อนซื้อก็ควรดูสภาพตัวถังดีๆหน่อย   Isuzu Vertex เป็นรถที่น่าสนใจคันหนึ่ง สมรรถนะ เหมือนขับซีวิค แต่ราคาถูกกว่า   ราคามือ 2 ประมาณ 180,000 -220,000 บาท จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 13:34:57

ความคิดเห็นที่ 53 กำลังรอคันต่อไปครับ จากคุณ : klinsee (klinsee) เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 13:56:55

ความคิดเห็นที่ 54 ในงบประมาณ แสนกว่าถึง 2 แสน มีตัวเลือกให้เยอะพอสมควร *** ตัวเลือกแรก ที่แนะนำคงไม่พ้น 3 ห่วง ทน ถึก ซ่อมง่าย       จับมาในสภาพดีๆ ได้รถบ้านยิ่งแจ๋ว ผมว่ามันสามารถใช้ได้อีกยาวเลย       ไม่ใช่ดีที่สุด แต่น่าจะลงตัวที่สุด เหลือ งบ ติดแก้ส เก็บงาน ยังไงก็   .      ไม่เกิน 2 แสนครับ ***หรืออีกคันก็ ตาเพชร น่าเล่นมากในงบนี้ ทรงสวย เหมาะกับ         ครอบครัวใหญ่ ติดแก้ส สบาย *** แต่ถ้าผมเลือกผมจะเอาอีคาร์ มาทำอีโว เอาไว้แหย่รถใหม่ๆเล่น แก้ไขเมื่อ 31 ธ.ค. 52 22:19:01 จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 13:57:15

ความคิดเห็นที่ 55 **** งบประมาณ 200,000 -300,000 บาท คิดว่าเป็นงบที่ลงตัวที่ และคงอยู่ในความต้องการใครหลายคน มีตัวเลือกเยอะมาก แต่จะคัดมานะครับ จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 14:02:32

ความคิดเห็นที่ 56 1. TOYOTA SOLUNA โฉมท้ายหยดน้ำ     รถเก๋งขนาดเล็กในสไตล์รถญี่ปุ่นประเภทซื้อง่ายขายคล่อง เป็นรถที่ประหยัดทั้งค่าตัว ค่าซ่อม และเงินในกระเป๋าเวลาเติมน้ำมัน พรั่งพร้อมไปด้วยอุปกรณ์อำนวยความสบายครบครัน สมรรถนะพอตัวด้วยเครื่อง 1.5 ลิตร พร้อมเกียร์ AUTO 4 สปีด เกียร์ธรรรมดา 5 สปีด  น่าสนไม่น้อยสำหรับมือใหม่ กับค่าตัวที่ไม่จัดว่าแพงนัก    รูปลักษณ์โดยรวม ออกแบบให้ดูกะทัดรัด แต่ใช้เส้นสายต่าง ๆ ช่วยให้ดูว่าตัวรถมีขนาดไม่เล็กจนเกินไปนัก เป็นโฉม MINORCHANGE ของ SOLUNA ผลิตจำหน่ายปลายปี 1999จนถึง ปี 2002  ความโดดเด่นของโฉมท้ายหยดน้ำก็คือ ด้านท้ายรถ จะมีไฟถอยแยกเป็นอิสระจากโคมไฟท้าย และโคมไฟหน้า เปลี่ยนไปใช้แบบมัลติรีเฟล็กเตอร์ที่ให้ความใสสว่างมากขึ้น ไฟเลี้ยวด้านหน้าใช้ฝาครอบสีขาวตามสมัยนิยม ในรุ่นท็อป 1.5 รุ่น 1.5 GLi จะเป็นล้อขอบ 14 นิ้ว พร้อมยาง 175/65R14     ห้องโดยสาร แม้จะเป็นรถนั่งขนาดเล็ก แต่ก็มีเนื้อที่ใช้สอยที่ไม่จัดว่าคับแคบจนเกินเหตุเนื้อที่ทั้งตอนหน้าและหลังมีมาให้กำลังเหมาะ นั่งได้แบบสบาย  แผงหน้าปัดและแผงคอนโซลต่าง ๆ ดีไซน์ได้ดี  มาตรวัดขนาดใหญ่อ่านได้อย่างชัดเจน  เบาะนั่งออกแบบได้ดีทั้งด้านหน้าและหลัง วัสดุหุ้มเบาะเป็นประเภทผ้า   ด้านอุปกรณ์อำนวยความสะดวกก็มีมาให้ครบทั้งกระจกไฟฟ้าพร้อมระบบกันหนีบหรือ JAMPROTECTION ที่หน้าต่างด้านคนขับ กระจกมองข้างปรับด้วยไฟฟ้าและกุญแจพร้อมรีโมตควบคุมระบบเซ็นทรัลล็อกระยะไกล ส่วนอุปกรณ์ด้านความปลอดภัยก็มีมาให้ ทั้งถุงลมนิรภัยหรือ AIR BAG  ด้านคนขับ   มีมาให้ในรุ่นท้อป จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 14:06:56

ความคิดเห็นที่ 57 ด้านสมรรถนะโดยรวม นั้นจัดว่าให้พละกำลังสมตัว อัตราเร่งใช้ได้ เหลือเฟือสำหรับการใช้งานในเมือง และเพียงพอสำหรับการเดินทางไกล ในเรื่องความประหยัดถือว่าน่าคบหามากทีเดียว  มีอัตราความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงในราว 9-14 กม./ลิตร สำหรับการวิ่งในเมือง และ 12-16 กม./ลิตร สำหรับการวิ่งทางไกล  ช่วงล่างถึงไม่นุ่มนักแต่ก็ทนพอดู  เบรกใช้ได้  เป็นรถนั่งขนาดเล็กสไตล์ประหยัด ที่เน้นเรื่องการใช้งานในเมือง มากกว่าการใช้งานแบบต้องเดินทางไกล ๆ เป็นประจำ ดังนั้นความประหยัดเชื้อเพลิงจึงถือเป็นจุดขายสำคัญของรถรุ่นนี้ ซึ่งไม่ใช่เฉพาะประหยัดค่าน้ำมันเชื้อเพลิงเพียงอย่างเดียว แต่ค่าซ่อม ค่าอะไหล่ และค่าดูแลรักษาต่าง ๆ ก็ไม่จัดว่าสูงมากนัก จึงถือเป็นรถสำหรับผู้ใช้ "คอประหยัด" อย่างแท้จริง แถมซื้อง่ายขายคล่อง อาจมีข้อเสียอยู่บ่างตรงที่ ตัวถังไม่แข็งแรงนัก ช่วงล่างนุ่มแต่ไม่เกาะถนน ขับเร็วๆจะโคลงเหมือนโฉมแรก และราคาโฉมนี้ก็ยังสูงอยู่รก เพราะเป็นรถตลาด จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 14:07:47

ความคิดเห็นที่ 58 รายละเอียดทางเทคนิค   TOYOTA SOLUNA แบบรถ ......................... ซีดาน 4 ประตู 5 ที่นั่งเครื่องยนต์วางหน้า ขับเคลื่อนล้อหน้า เครื่องยนต์ ................เบนซิน 4 สูบเรียง DOHC 16 วาล์ว ปริมาตรความจุรวม 1498 ซี.ซี. ความกว้างกระบอกสูบ 75.0 มม. ความยาวช่วงชัก .................. 85.0 มม. ระบบเชื้อเพลิง ............. หัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ EFI กำลังสูงสุด ............. 95 แรงม้า ที่ 5,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด .......... 126 นิวตัน-เมตร ที่ 4,800 รอบ/นาที ระบบส่งกำลัง ...............AUTO 4 สปีด/ธรรมดา 5 สปีด ระบบรองรับ .......... หน้า อิสระ แม็กเฟอร์สันสตรัท และเหล็กกันโคลง หลัง กึ่งอิสระ ทอร์ชั่นบีม โช้กอัพ และเหล็กกันโคลง ระบบเบรก ...............หน้า/หลัง ดิสก์เบรก แบบมีช่องระบายความร้อน/ดรัมเบรก พร้อม ABS ระบบบังคับเลี้ยว ..................แร็คแอนด์พีเนียน พร้อมระบบพาวเวอร์ผ่อนแรง ขนาดยาง ..............175/65R14 มิติตัวรถ ยาวxกว้างxสูง ..............4,245x1,660x1,380 มม. ถังน้ำมันบรรจุ ........ 45 ลิตร ราคามือ 2 ประมาณ  220,000 - 280,000  บาท จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 14:14:40

ความคิดเห็นที่ 59 2. Toyota Corolla Hi-Torq     จัดเป็น Corolla โฉมสุดท้าย ก่อนที่จะเปลี่ยนมาใช้ชื่อ Corolla Altis  ถือว่าเป็นรถนั่งขนาดเล็กมือสอง ที่น่าใช้มากที่สุดคันหนึ่ง เมื่อเทียบกับสนนราคา แลกกับความน่าใช้ในหลาย ๆ ด้าน อย่างเช่น ห้องโดยสารขนาดพอดีสำหรับ 4-5 ที่นั่ง สมรรถนะที่ค่อนข้างพอตัว กับเครื่องเบนซินบล็อก 4A-FE ขนาด 1.6 ลิตร ที่ดูแลได้อย่างง่ายดาย แสนที่จะทนทาน และให้ความประหยัดเข้ากับยุคสมัยระดับ 8-14 กม./ลิตร แถมติดแก้สก็แสนจะง่ายดายมีรูปโฉมภายนอกที่ค่อนข้างคุ้นตา เพราะปัจจุบันยังมีให้เห็นอยู่เพียบเต็มท้องถนน โดยเฉพาะรุ่นนี้ส่วนใหญ่จะถูกนำมาใช้เป็นรถแท็กซี่ ความโดดเด่นของโฉมนี้ก็น่าจะเป็นไฟท้ายขนาดใหญ่แบบ 3 ชั้น ที่ออกแบบได้น่ามอง และสามารถใช้งานได้ดีในยามค่ำคืน เพราะให้ความสว่างชัดเจนครบถ้วน  ห้องโดยสาร ออกแบบได้กว้างขวางพอสมควร เข้ากับขนาดของตัวรถ สามารถจุผู้โดยสารได้สบาย ๆ 4-5 คน แผงหน้าปัดและแผงคอนโซลหน้าอาจจะดูไม่แพรวพราวและล้ำสมัยเหมือนรถจากค่ายเดียวกันในปัจจุบัน และก็สามารถใช้งานได้สะดวก พร้อมจัดวางในตำแหน่งที่ค่อนข้างเหมาะสม เบาะนั่งด้านหน้าและหลังออกแบบได้ดี โอบกระชับตัวผู้นั่งได้ดี เบาะคนขับจะมีตัวปรับดันหลังมาให้ด้วยเพื่อเวลานั่งนาน ๆ ยามเดินทางไกล ก็จะสามารถผ่อนคลายความเมื่อยล้าได้ไม่น้อย เนื้อที่ Leg Room อาจจะมีมาให้น้อยไปหน่อย สำหรับผู้โดยสารที่มีช่วงขายาว ส่วนเนื้อที่ Head Room มีมาให้อย่างเหมาะสม อุปกรณ์ด้านความปลอดภัยก็มีการติดตั้งถุงลมนิรภัยมาให้เพียง 1 จุด ในตำแหน่งคนขับ จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 14:18:33

ความคิดเห็นที่ 60 เครื่อง 1.6 ลิตร กินน้อย ดูแลง่าย เครื่องยนต์บล็อก 4A-FE ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ที่มีชื่อเสียง ในเรื่องดูแลรักษาง่าย ทนทาน เครื่องบล็อกนี้วางอยู่ใน Toyota หลายรุ่น ตั้งแต่ โฉมสามห่วงหรือ Corona 1.6 ลิตร ตั้งแต่โฉมหน้ายักษ์ ปี 1988 จนถึงโฉม Exsior ปี 1998 เลยทีเดียว เครื่องบล็อก 4A-FE นี้เป็นเครื่องเบนซิน บล็อก 4 สูบเรียง มีปริมาตรความจุรวม 1587 ซี.ซี. ฝาสูบแบบ DOHC 16 วาล์ว จ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ EFI ที่ควบคุมด้วยระบบ TCCS ของค่าย Toyota เอง ให้กำลังสูงสุด 110 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 145 นิวตันเมตร ที่ 4,800 รอบ/นาที ระบบส่งกำลังมีทั้งแบบเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และ Auto 4 สปีด พร้อม O/D ด้านสมรรถนะโดยรวมของ Corolla Hi-Torq 1.6 GXi จัดอยู่ในขั้นพึ่งพาได้ ให้อัตราเร่งที่ดีพอสมควร เรียกว่าตีนต้นคบหาได้ ตีนปลายพออาศัย ในขณะเดียวกันก็ให้ความประหยัดพ่วงตามมาด้วย ในอัตรา 8-10 กม./ลิตร สำหรับการใช้งานในเมือง และ 12-14 กม./ลิตร ในช่วงความเร็วเดินทางระดับ 80-120 กม./ชม. การเกาะถนนอยู่ในเกณฑ์ดีใช้ได้ และนั่งได้นุ่มนวล โดยที่ด้านหน้าใช้แบบแม็กเฟอร์สันสตรัทและเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังแบบสปริงสตรัท ปีกนกคู่ และเหล็กกันโคลง ทั้งเพลาขับและช่วงล่างชุดนี้จัดว่าทนทานเอาเรื่อง และสามารถมีอายุการใช้งานได้ยาวไกล หากดูแลรักษาและเปลี่ยนอะไหล่ตามระยะทางที่กำหนด ส่วนระบบเบรกนั้น ใช้แบบหน้าดิสก์เบรก แบบมีช่องระบายความร้อน ส่วนล้อหลังเป็นแบบดรัม มีระบบ ABS มาให้ด้วย เรื่องประสิทธิภาพก็จัดอยู่ในระดับวางใจได้ รถยนต์รุ่นนี้มีจุดเด่นที่อะไหล่ ซึ่งมีทางเลือกหลากหลายในราคาไม่แพง ทั้งของใหม่ของเทียบนอกศูนย์บริการ หรือของมือสองในเชียงกง ซึ่งไม่ต้องแย่งกับอู่แท็กซี่เหมือนก่อน เพราะส่วนใหญ่เริ่มทยอยเปลี่ยนไปใช้อัลติส ลีโม กันแล้ว ส่วนอะไหล่ใหม่ในศูนย์บริการก็มีครบทกชิ้น มั่นใจได้ในคุณภาพและมีการปรับประกัน แต่ก็มีราคาแพงกว่า จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 14:21:29

ความคิดเห็นที่ 61 ข้อมูลสุดยอดจิง ๆ ครับ จากคุณ : skyjuh เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 14:25:36

ความคิดเห็นที่ 62 ระบบต่าง ๆ เป็นแบบพื้นฐานจึงไม่จุกจิกและมีความทนทาน สังเกตได้จากแท็กซี่ที่วิ่งทั้งวันทั้งคืน การดูแลรักษาก็ไม่ค่อยดีนัก แต่ก็มีหลายคันที่วิ่งได้เกิน 300,000 กม. โดยไม่ต้องเปิดฝาสูบ  เครื่องยนต์ทั้งรุ่น 1,600 ซีซี และ 1,800 ซีซี ออกแบบมาเพื่อเน้นความประหยัด และการทำงานที่ราบเรียบ ตามสไตล์รถยนต์ขนาดเล็กที่เน้นการใช้งานในเมืองเป็นหลัก กำลังสูงสุดที่มีอยู่ 110 และ 116 แรงม้า จึงใช้งานได้แบบไปเรื่อย ๆ ไม่หวือหวาแต่ก็ไม่ถึงกับอืด      ระบบช่วงล่างแบบอิสระ 4 ล้อ ให้ความนิ่มนวลในการใช้งานช่วงความเร็วต่ำถึงปานกลาง ถ้าขับเร็วก็มีอาการโคลงบ้าง และเมื่อเริ่มเสื่อสภาพก็ต้องเปลี่ยนอะไหล่หลายชุด แต่ถ้าไม่เข้าศูนย์บริการ ก็ไม่แพง ระบบเบรกหน้าดิสก์หลังดรัมไว้ใจได้ มีเอบีเอสช่วยให้มั่นใจมากขึ้นเมื่อต้องเบรกฉุกเฉิน ถ้าสนใจรถยนต์ตัวถังนี้ ควรทดลองขับเปรียบเทียบสมรรถนะระหว่างรุ่นเครื่องยนต์ต่างซีซี และกำลังกัน พร้อมดูว่าอุปกรณ์มาตรฐานในรุ่นที่สนใจอยู่นั้น เพียงพอต่อการใช้งานหรือไม่ เพราะบางรุ่น โดยเฉพาะรุ่นพื้นฐาน ก็มีอุปกรณ์มาให้น้อยมาก ถ้าพอใจในสมรรถนะและอุปกรณ์ของรุ่น 1.6 ก็ไม่จำเป็นต้องเพิ่มเงินไปซื้อรุ่น 1.8 ซึ่งแม้จะมีค่าใช้จ่ายต่างกันไม่มากทั้งตอนซื้อและการใช้งาน แต่ถ้าซื้อมาแล้วไม่ได้ใช้ก็เปล่าประโยชน์ จุดด้อยของรถยนต์รุ่นนี้ คือ วัสดุของอุปกรณ์ภายในห้องโดยสารที่ดูแล้วไม่สะดุดตา ไม่หรูหรา ดูแล้วราคาถูก โดยเฉพาะในรุ่นล่าง ๆ และเฉพาะในรุ่นไฮ-ทอร์กขึ้นมา อะไหล่ตัวถังและไฟในเชียงกงมีน้อย และราคาแพงกว่าโคโรลล่ารุ่นอื่นที่คุ้นเคย โตโยต้า โคโรลล่า เออี111 ซื้อง่ายขายคล่อง ซ่อมไม่เหนื่อย อุปกรณ์ภายในพอรับได้ ผ่านการพิสูจน์ความทนทานมาแล้วจากความนิยมของแท็กซี่ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรถยนต์เพื่อใช้งานทั่วไป ที่เบื่อกับการซ่อม และหาอะไหล่ แก้ไขเมื่อ 26 ธ.ค. 52 14:38:27 จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 14:28:15

ความคิดเห็นที่ 63 รายละเอียดทางเทคนิค Toyota Corolla Hi-Torq 1.6 GXi   แบบรถ   ซีดาน 4 ประตู 5 ที่นั่ง เครื่องยนต์วางหน้า ขับเคลื่อนล้อหน้า เครื่องยนต์          เบนซิน 4 สูบเรียง DOHC 16 วาล์ว ปริมาตรความจุรวม            1587  ซี.ซี. ความกว้างกระบอกสูบ        81.0 มม. ความยาวช่วงชัก   77.0 มม. ระบบเชื้อเพลิง     หัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์  EFI เชื้อเพลิงที่เหมาะสม          เบนซิน/แก๊สโซฮอล์ 91 กำลังสูงสุด          110 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด        145 นิวตันเมตร ที่ 4,800 รอบ/นาที ระบบส่งกำลัง       เกียร์ธรรมดา 5 สปีด/Auto 4 สปีด พร้อม O/D ระบบรองรับ         หน้า/หลัง            อิสระ แม็กเฟอร์สันสตรัท และเหล็กกันโคลง/อิสระ สปริงสตรัท ปีกนกคู่ และเหล็กกันโคลง ระบบเบรก           หน้า/หลัง            ดิสก์เบรก แบบมีช่องระบายความร้อน/ดรัมเบรก พร้อม ABS ระบบบังคับเลี้ยว   แร็คแอนด์พีเนียน พร้อมพาวเวอร์ผ่อนแรง ขนาดยาง            185/65 R 14 มิติตัวรถ (ยาวxกว้างxสูง)                4,395x1,690x1,385  มม. ถังน้ำมันบรรจุ                              50 ลิตร ราคา มือ 2 ประมาณ  250,000 - 280,000 บาท จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 14:39:39

ความคิดเห็นที่ 64 3. TOYOTA  CORONA         เริ่มทำตลาดในไทยเมื่อต้นปี 1993 มีตัวถังเดียว คือ ซีดาน 4 ประตู เครื่องยนต์ทวินแคม 16 วาล์ว หัวฉีดล้วนๆ แบ่งเป็น 2 รุ่นหลัก 1.6 และ 2.0 ตามบล็อกเครื่องยนต์ที่ใช้ คือ รหัสตัวถัง AT190 ใช้เครื่องยนต์ 4A-FE 1,600 ซีซี และรหัสตัวถัง ST191 ใช้เครื่องยนต์ 3S-FE 2,000 ซีซีลักษณะของ  CORONA   รุ่นนี้ค่อนข้างจะลงตัวด้านสัดส่วนที่เพรียวลมสมส่วนคันหนึ่ง    ดูมีสัดส่วนที่สวยงามและไม่เล็กไม่ใหญ่มากพอจะเป็นรถเมืองขนาดโตที่ยังขับคล่องในเมืองและเดินทางไกลได้ดี  ภายในจุได้  2 3 ที่นั่ง  รูปลักษณ์ภายนอกฉีกแนวจากโฉมเก่าที่เรียกกันว่าหน้ายิ้มอย่างสิ้นเชิง เปลี่ยนจากทรงแบนกว้างมาเน้นความกลมและอ้วนป่องตลอดคัน ด้านหน้าลาดต่ำ ด้านท้ายยกสูง จนเป็นที่มาของชื่อเรียกอย่างไม่เป็นทางการว่า 'โคโรน่า-ท้ายโด่ง'    ด้านหน้าเป็นกระจังโครเมียมติดโลโก้ 3 ห่วงตรงกลาง รับกับไฟหน้าทรงเฉียงและไฟเลี้ยวขาวตามสมัยนิยม มุมกันชนหน้าด้านล่างฝังไฟเลี้ยวสีเหลืองทรงเพรียว รุ่น 2.0 เพิ่มสปอตไลต์ในกันชน ตัวถังด้านข้างช่วงบนมีลอนบุ๋มยาวตลอดแนว ตรงกลางมีคิ้วกันกระแทก รุ่น 1.6 ให้กระทะล้อเหล็กและฝาครอบแบบเต็ม พร้อมยางขนาด 185/65/14 รุ่น 2.0 ให้ล้อแม็กลาย 6 ก้าน พร้อมยางขนาด 195/60/14 ชุดไฟท้ายแบบไฟเลี้ยวขาวซึ่งใช้มาตั้งแต่รุ่นหน้ายิ้ม ตรงกลางเป็นแผงทับทิม แผ่นป้ายทะเบียนติดตั้งในกันชนหลัง รุ่น 2.0 มีสปอยเลอร์พร้อมไฟเบรก จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 14:44:59

ความคิดเห็นที่ 65 แก้ไขเมื่อ 26 ธ.ค. 52 14:48:28 จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 14:47:59

ความคิดเห็นที่ 66 Corona St191/At190 รุ่น 1.6 แบ่งเป็น 2 รุ่นย่อย คือ 1.6 XLi และ 1.6 GLi ใช้เครื่องยนต์ 4A-FE แบบเบนซิน 4 สูบ ทวินแคม 16 วาล์ว  หัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ ความจุ 1,587 ซีซี กำลังสูงสุด 116 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 15 กก.-ม. ที่ 5,200 รอบ/นาที  ทั้ง 2 รุ่นส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อหน้าระบบเบรกแบบหน้าดิสก์/หลังดรัม   รุ่น 2.0 แบ่งเป็น 2 รุ่นย่อย คือ 2.0 GLi เกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ และ 2.0 GLi 4 AUTO เกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ ใช้เครื่องยนต์รหัส 3S-FE แบบเบนซิน 4 สูบ ทวินแคม 16 วาล์ว หัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ ความจุ 1,998 ซีซี กำลังสูงสุด 134 แรงม้าที่ 5,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 18.7 กก.-ม. ที่ 4,600 รอบ/นาที ระบบช่วงล่างแบบอิสระ 4 ล้อ พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหน้าแม็กเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังดูอัลลิงก์ระบบเบรกแบบดิสก์ 4 ล้อ พร้อมเอบีเอสเป็นอุปกรณ์เสริมพิเศษ มิติตัวถังยาว 4,480 มิลลิเมตร กว้าง 1,690 มิลลิเมตร สูง 1,370 มิลลิเมตร จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 14:49:43

ความคิดเห็นที่ 67 หลังทำตลาดได้เกือบ 2 ปี ก็ปรับโฉมเป็นครั้งแรก ด้านหน้าเปลี่ยนกระจังใหม่เป็นแบบพ่นสีเดียวกับตัวรถ เปลี่ยนกันชนหน้าเป็นแบบมีคิ้วกันกระแทก รุ่น 2.0 รวมไฟเลี้ยวเหลือง และสปอตไลต์สีขาวไว้ในกรอบเดียวกันติดตั้งมุมกันชนหน้าด้านล่าง ส่วนรุ่น 1.6 เป็นไฟเลี้ยวสีเหลือง ย้ายแผ่นป้ายทะเบียนหลังมาติดตั้งระหว่างชุดไฟท้าย จากเดิมที่อยู่ในช่องของกันชน กันชนหลังเปลี่ยนใหม่มีคิ้วกันกระแทก และเป็นแบบเต็มเพราะไม่ต้องมีช่องใส่ป้ายทะเบียน บางคนเรียกว่ารุ่น โคโรน่า ท้ายโด่ง ไฟท้ายแยก ทำตลาดระหว่างปลายปี 1994-กลางปี 1996 เครื่องยนต์ไม่มีการเปลี่ยนแปลง แบ่งเป็น 5 รุ่นย่อย คือ 1.6 GLi, 1.6 GLi 4 ECT, 2.0 GLi, 2.0 GLi ABS และ 2.0 GLi ABS 4 ECT (เพิ่มรุ่น 1.6 เกียร์อัตโนมัติ GLi 4 ECT และ 2.0 เกียร์ธรรมดา GLi พร้อมตัดรุ่น 1.6 เกียร์ธรรมดา XLi ออกไป) จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 14:51:52

ความคิดเห็นที่ 68 ปรับโฉมครั้งที่ 2 ครั้งใหญ่ ที่ทำให้ดูแปลกตาไปมาก พร้อมระบุชื่อรุ่นอย่างชัดเจนต่อท้ายว่า เอ็กซ์ซิเออร์ จึงไม่มีชื่อแสลงแบบรุ่นอื่น ถ้าจะพูดถึงโคโรน่าโฉมไมเนอร์เชนจ์ครั้งที่ 2 นี้ก็มักเรียกกันว่า โคโรน่า-เอ็กซ์ซิเออร์ ก็เป็นที่เข้าใจกัน โดยชื่อรุ่นมีการเปลี่ยนใหม่ แบ่งเป็น 5 รุ่น คือ 1.6 GXi, 1.6 GXi 4 ECT, 2.0 GXi, 2.0 SE-G และ 2.0 SE-G 4 ECT ด้านหน้าเปลี่ยนกระจังใหม่เป็นรูปตัว T กรอบนอกพ่นสีเดียวกับตัวรถ ย้ายโลโก้ 3 ห่วงไปติดตั้งบนฝากระโปรง กันชนหน้าเปลี่ยนใหม่กลับไปคล้ายรุ่นแรก เป็นแบบเรียบไม่มีคิ้วกันกระแทก ด้านข้างเพิ่มคิ้วโครเมียมล้อมกรอบกระจก  ด้านหลังเปลี่ยนชุดไฟท้ายใหม่ ย้ายไฟเลี้ยวและไฟถอยหลังมาไว้ด้านล่าง โดยแถบไฟเลี้ยวเปลี่ยนเป็นสีเหลือง กันชนหลังเปลี่ยนใหม่เป็นแบบเรียบไม่มีคิ้วกันกระแทก ภายในเพิ่มความปลอดภัยด้วยถุงลมนิรภัยฝั่งผู้ขับ   จากนั้นในปี 1998 ก็ปรับโฉมอีกครั้ง เปลี่ยนไฟหน้าเป็นแบบตาเพชรใสแวววาว ไฟเลี้ยวที่ติดกับไฟหน้าและไฟเลี้ยวในกันชนเปลี่ยนเป็นสีขาว เพิ่มไฟเลี้ยวสีเหลืองขนาดเล็กด้านข้างตัวถังหลังล้อหน้า รุ่น 1.6 เปลี่ยนฝาครอบล้อเป็นลาย 7 ก้านแบบไม่มีรูนอต รุ่น 2.0    เปลี่ยนล้อแม็กเป็นลาย 7 ก้านเฉียง ภายในรุ่น 2.0 เพิ่มถุงลมนิรภัยฝั่งผู้โดยสารด้านหน้า        จุดเด่นของรถยนต์รุ่นนี้ คือ  ค่าใช้จ่ายในการใช้งานต่ำ เพราะทนทาน ไม่จุกจิก อะไหล่เพียบ กินน้ำมันเชื้อเพลิงน้อย ตามสไตล์รถยนต์รุ่นที่แท็กซี่นิยม  อัตราเร่งปานกลางไม่อืดอาด ช่วงล่างนุ่มนวล และเกาะถนนพอใช้ รูปลักษณ์ภายนอกสวยแบบเรียบๆ ไม่หวือหวา จึงยังดูไม่เชย ห้องโดยสารกว้างขวางเพียงพอสำหรับ 5 ที่นั่งแบบหลวมๆ โดยเฉพาะเบาะหลังนั้นกว้างเหลือเฟือ อุปกรณ์มาตรฐานในรุ่น 2.0 ครบครันดี ส่วนรุ่น 1.6 ก็ไม่ได้น้อยจนน่าเกลียด  ระบบส่วนใหญ่เป็นแบบ ความแพร่หลายของอะไหล่เป็นจุดเด่นสำคัญ เพราะมีอะไหล่ญี่ปุ่นมือสองในเชียงกง อะไหล่ใหม่ทั้งเทียบเทียมให้เลือกเพียบ  หากซื้อมาใช้ยาวๆ จนเครื่องยนต์หมดอายุ หรืออยากแรงขึ้น ก็สามารถเปลี่ยนใหม่ด้วยหลายทางเลือก เช่น เปลี่ยนเป็นเครื่องยนต์มือสองเชียงกง เริ่มจากเครื่องยนต์บล็อกเดิมที่วางอยู่ในรุ่น 2.0 คือ 3S-FE 2,000 ซีซี 134 แรงม้า หรือขยับเพิ่มความแรงขึ้นมาอีกนิดด้วย 3S-GE 2,000 ซีซี 170-180 แรงม้า และแรงสุดด้วย 3S-GTE 2,000 ซีซี เทอร์โบ 245 แรงม้า สามารถวางได้โดยดัดแปลงไม่มาก เพราะเป็นบล็อกหลัก 3S เหมือนกัน จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 14:52:48

ความคิดเห็นที่ 69 แม้จะผ่านไปหลายปีแต่ โตโยต้า โคโรน่า ก็ยังเป็นตัวเลือกที่แนะนำอันดับต้นๆ ด้วยคุณสมบัติที่เพรียบพร้อมห้องโดยสารกว้างขวาง อุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบ ระบบต่างๆ ไม่ซับซ้อน อะไหล่หาง่ายด้วยหลากหลายทางเลือกและไม่แพง แต่บางคนบอกว่าดูแล้วไม่ค่อยหรู เพราะใช้เป็นแท็กซี่กันเกลื่อน ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วไม่ใช่เรื่องน่าอายเลย รถยนต์รุ่นที่นิยมนำไปทำแท็กซี่ ต้องมีคุณสมบัติที่ดีหลายด้าน เช่น ความทนทาน ไม่จุกจิก อะไหล่แพร่หลาย และความประหยัด หากซื้อมาใช้ยาวๆ จนเครื่องยนต์หมดอายุ หรืออยากแรงขึ้น ก็สามารถเปลี่ยนใหม่ด้วยหลายทางเลือก เช่น เปลี่ยนเป็นเครื่องยนต์มือสองเชียงกง เริ่มจากเครื่องยนต์บล็อกเดิมที่วางอยู่ในรุ่น 2.0 คือ 3S-FE 2,000 ซีซี 134 แรงม้า หรือขยับเพิ่มความแรงขึ้นมาอีกนิดด้วย 3S-GE 2,000 ซีซี 170-180 แรงม้า และแรงสุดด้วย 3S-GTE 2,000 ซีซี เทอร์โบ 245 แรงม้า สามารถวางได้โดยดัดแปลงไม่มาก เพราะเป็นบล็อกหลัก 3S เหมือนกัน จากกำลัง 134 แรงม้า ของรุ่น 2.0 เกียร์อัตโนมัติ กับตัวถังหนักประมาณ 1 ตันต้นๆ อัตราเร่งถือว่าไม่อืดอาด ระบบช่วงล่างแบบอิสระ 4 ล้อ นุ่มนวลดีในความเร็วต่ำ-ปานกลาง ถ้าใช้ความเร็วสูงจะรู้สึกว่านิ่มไปเล็กน้อย แต่ก็ปรับปรุงได้ไม่ยาก และซ่อมไม่แพง โตโยต้า โคโรน่า ห้องโดยสารกว้างขวาง อุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบ ระบบต่างๆ ไม่ซับซ้อน อะไหล่หาง่ายด้วยหลากหลายทางเลือกและไม่แพง แต่บางคนบอกว่าดูแล้วไม่ค่อยหรู เพราะใช้เป็นแท็กซี่กันเกลื่อน ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วไม่ใช่เรื่องน่าอายเลย รถยนต์รุ่นที่นิยมนำไปทำแท็กซี่ ต้องมีคุณสมบัติที่ดีหลายด้าน เช่น ความทนทาน ไม่จุกจิก อะไหล่แพร่หลาย และความประหยัด ราคามือ 2 ประมาณ 200,000 - 300,000  บาท จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 14:57:21

ความคิดเห็นที่ 70 4. TOYOTA CAMRY  ไฟท้ายหงส์ Toyota Camry รุ่นแรกในไทย ทำตลาดในช่วงปี 1993 จนถึงปี1997   เครื่องยนต์ แบ่งเป็น 2รุ่นหลัก คือรุ่น 2.2ลิตร และ V6 3.0ลิตร รุ่น 2.2 บล็อค 5S-FE แบบเบนซิน 4 สูบเรียง ทวินแคม 16 วาล์ว ความจุ 2,164 ซีซี มีกำลังสูงสุด 129 แรงม้า ที่ 5,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 18.9 กก.-ม. ที่ 4,400 รอบ/นาที ส่งกำลัง ด้วยเกียร์ธรรมดา 5จังหวะ และเกียร์อัตโนมัติ 4จังหวะ รุ่น V6 บล็อค 3VZ-FE แบบเบนซิน V6 ควอดแคม 24 วาล์ว ความจุ 2,958 ซีซี มีกำลังสูงสุด 188 แรงม้า ที่ 5,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 26.9 กก.-ม. ที่ 4,400 รอบ/นาที ส่งกำลัง ด้วยเกียร์อัตโนมัติ 4จังหวะ ระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบแม็กเฟอร์สันสตรัต ปีกนก ด้านหลังแบบดูอัลลิงก์ ระบบเบรกแบบดิสก์ 4 ล้อพร้อมเอบีเอส มิติตัวถังยาว 4,725 มิลลิเมตร กว้าง 1,771 มิลลิเมตร สูง 1,400 มิลลิเมตร  ห้องโดยสารกว้างขวาง ปี 1995 จึงมีการปรับโฉม สังเกตุง่ายๆก็คือไฟท้ายที่ดูทันสมัยขึ้น โดยแถบกลางของไฟท้ายจะแยกออกเป็นสองชั้นรูปตัวยู เรียกโฉมนี้ว่า ไฟท้ายหงส์ จุดเด่นของรถรุ่นนี้ ราคามือ2 ไม่แพงนัก ห้องโดยสารกว้างขวาง อุปกรณ์ต่างๆมีพร้อม ทนทานไม่จุกจิก อัตราเร่งค่อนข้างอืดสักนิดสำหรับรุ่น2.2 ส่วนรุ่นวี6 ก็หายากเพราะขายได้น้อย ช่วงล่างเน้นความนิ่มนวล การทรงตัวในความเร็วสูงจึงไม่ค่อยดีเท่าไหร่ อะไหล่ตัวถังหลายชิ้นต้องพึ่งของใหม่ เพราะเป็นรถนำเข้าจากออสเตรเรีย ซึ่งเป็นคนละโฉมกัน ***ราคามือ 2 ประมาณ  230,000 - 260,000  บาท จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 15:02:06

ความคิดเห็นที่ 71 5. ฮอนด้า ซิตี้        เปิดตัวในไทยช่วงกลางปี 1996 เข้าสู่ตลาดด้วยพิกัดเครื่องยนต์ 1.3 ลิตร ต้องการสื่อถึงความประหยัดทั้งน้ำมัน และราคา กระชากใจด้วยรุ่นต่ำสุด Li เกียร์ธรรมดา ไม่มีกระจกไฟฟ้า ไม่มีพวงมาลัยเพาเวอร์ ธรรมดาสุดๆ ราคาไม่ถึง 4 แสนบาท สูงขึ้นมาเป็นรุ่น LXi และ EXi มีอุปกรณ์ครบทั้งกระจกไฟฟ้า เซ็นทรัลล็อค และพวงมาลัยเพาเวอร์ ต่างกันที่รุ่น LXi เป็นเกียร์ธรรมดา ส่วนEXi เป็นเกียร์อัตโนมัติ  เครื่องยนต์บล็อค D13 แบบเบนซิน 4สูบ แคมชาฟต์เดี่ยว 16 วาล์ว  ความจุ 1,343 ซีซี กำลังสูงสุด 95 แรงม้า (PS) ที่ 6,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 12.1 กก.-ม. ที่ 4,700 รอบ/นาทีส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะและเกียร์ธรรมดา 5จังหวะระบบเบรคแบบหน้าดิสก์หลังดรัม          หลังจากทำตลาดได้ประมาณ 1 ปี ก็เอาใจตลาดเพิ่มรุ่น 1,500 ซีซี เพราะในช่วงนั้น คนไทยชอบรถยนต์ที่มีสมรรถนะจัดจ้าน  ใช้เครื่องยนต์บล็อก D15 เสื้อสูบบล็อก D เหมือนรุ่น 1,300 ซีซี เพิ่มความจุด้วยข้อเหวี่ยงที่มีช่วงชักยาวขึ้นเป็น 84.5 มม. ทำให้มีความจุเพิ่มขึ้นเป็น1,493 ซีซี อัตราส่วนกำลังอัด 9.4 : 1 มีกำลังสูงสุด 105 แรงม้า (PS) ที่ 6,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 13.4 กก.-ม. ที่ 4,600 รอบ/นาที ซิตี้ 1,500 ซีซี แบ่งเป็น 5 รุ่นย่อย คือ Li, LXi, EXi, LXi-S และEXi-S  ภายนอกมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย โดยเปลี่ยนที่เปิดประตู กระจกมองข้าง และกรอบป้ายทะเบียนหลังเป็นสีเดียวกับตัวรถ เพิ่มคิ้วโครเมียมขอบหน้าต่าง และปลายท่อไอเสียโครเมียม ภายในของทุกรุ่นเพิ่มความหรูด้วยเบาะผ้าสักหลาด รุ่นLXi-S และEXi-S มีเอบีเอสเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน และเพิ่มล้อแมกซ์ขนาด 5x14 นิ้ว ยางขนาด 175/65R14 รุ่นLXi และEXi เป็นล้อเหล็กขนาด 5x13 นิ้ว ยางขนาด 175/70R13 ส่วนรุ่นLi ยางขนาด 165/SR13 จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 15:06:54

ความคิดเห็นที่ 72 รูปลักษณ์ภายนอก    ดูสวยแบบเรียบ ๆ ไฟหน้าทรงเหลี่ยมเฉียงรับกับกระจังหน้าทรงตัว D คว่ำ ประกบข้างด้วยไฟเลี้ยวขวาตามสมัยนิยม กันชนหน้าด้านล่างเว้นช่องดักลม  ด้านข้างบริเวณหลังล้อหน้าติดตั้งไฟเลี้ยวแบบโคมเหลืองชุดไฟท้ายแบบชิ้นเดียวติดอยู่มุมตัวถัง ฝากระโปรงหลังเปิดได้จรดแนวกันชน ตรงกลางเว้นช่องติดป้ายทะเบียน มิติตัวถังยาว 4,225 มม. กว้าง 1,690 มม. สูง 1,395 มม. ระยะฐานล้อ 2,500 มม .  ห้องโดยสารค่อนข้างแคบสักนิด แต่ก็พออาศัยไปวัดไปวากับเขาได้ ไม่ค่อยเหมาะสำหรับคนตัวโตๆซักเท่าไหร่ อุปกรณ์มีให้เท่าที่จำเป็น สมกับเป็นรถที่ต้องการความประหยัดอย่างแท้จริง ราคามือสองประมาณ 180,000-230,000 บาท จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 15:09:29

ความคิดเห็นที่ 73 6.  CITY Type Z     ภายนอกปรับโฉมส่วนหน้า และหลังจนแทบไม่เหลือเค้าเดิม ไฟหน้าและไฟเลี้ยวเปลี่ยนเป็นแบบตาเพชร โคมทรงใหม่เฉียง และดูเพรียวมากขึ้น เปลี่ยนกระจังหน้าทรงใหม่ดูสปอร์ตขึ้น กันชนหน้าเปลี่ยนทรงใหม่เป็นช่องดักลมแบบ 2 ชั้นขนาดใหญ่ขึ้น ประกบข้างด้วยช่องทึบทรงเฉียงด้านหลังดูสวยและลงตัวยิ่งขึ้น เปลี่ยนหมดจดด้วยการเปลี่ยนฝากระโปรงใหม่ ยกสันเล็กน้อยคล้ายเป็นสปอยเลอร์ในตัว ไฟท้ายแบบมัลติรีเฟล็กเตอร์ทรงทันสมัยขนาดใหญ่ขึ้น และเปลือกไฟเลี้ยวเป็นสีขาวภายในใช้แผงหน้าปัดทรงเดิม แต่จัดวางอุปกรณ์บริเวณคอนโซลกลางใหม่ เพื่อให้ใช้งานสะดวกยิ่งขึ้นมิติตัวถังมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย โดยมีความยาว 4,270 มม. เพิ่มขึ้น 45 มม. สูง 1,375 มม. ต่ำลง 20 มม. ส่วนความกว้างและระยะฐานล้อคงเดิม        ซิตี้ ไทพ์ ซีร์ แบ่งเป็น 6 รุ่นย่อย คือ Li, LXi, EXi, ใช้เครื่องยนต์เดิม 105 แรงม้า และรุ่นวีเทคแบ่งเป็นVTi เกียร์ธรรมดา, VTi เกียร์อัตโนมัติ และรุ่นสูงสุดVTi (AS) เกียร์อัตโนมัติพร้อมเอบีเอสรุ่นวีเทค ใช้เครื่องยนต์ B15C2 เป็นแบบ 4 สูบเรียง แคมชาฟต์เดี่ยว 16 วาล์ว พร้อมระบบ VTEC LEV แปรผันจังหวะและระยะยกของวาล์วไอดี มีกำลังสูงสุด 115 แรงม้า (PS) ที่ 6,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 14.2 กก.-ม. ที่ 4,600 รอบ/นาที จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 15:12:50

ความคิดเห็นที่ 74 ระบบเบรกของรุ่นเครื่องยนต์ธรรมดาทุกรุ่น กลับมาใช้ดรัมเบรกหลัง เฉพาะรุ่นวีเทคเท่านั้นที่เป็นดิสก์ 4 ล้อ รุ่น Li และLXi ให้กระทะล้อเหล็กขนาด 5x13 นิ้ว ยางขนาด 165/80R13 ส่วนรุ่นEXi และVTi ให้ล้อแมกซ์ขนาด 5.5x14 นิ้ว ยางขนาด 185/60R14 ช่วงล่างของรุ่นVTi เกียร์อัตโนมัติ เพิ่มเหล็กกันโคลงหลังช่วงปลายอายุตลาดก็มีการปรับโฉมย่อย ๆ อีกหลายครั้ง เป็นการเพิ่มอุปกรณ์ตกแต่งทั้งภายนอกและภายใน ไม่มีการเปลี่ยนชิ้นส่วนหลักใด ๆ จนถึงช่วงปลายปี 2002 ซิตี้โฉมใหม่-โมเดลเชนจ์ก็เปิดตัว รถยนต์รุ่นนี้มีจุดเด่นตรงรูปลักษณ์ภายนอก ที่ดูสวย และลงตัวกว่าคู่แข่งอย่างโซลูน่าแบบทิ้งขาด รวมทั้งมีภาพลักษณ์ทางสังคมที่ดีกว่า อุปกรณ์มาตรฐานที่จำเป็นก็มีให้ครบ เครื่องยนต์แรงพอตัวทั้งในรุ่นธรรมดา 95-105 แรงม้า และรุ่นวีเทค 115 แรงม้า แม้เป็นเกียร์อัตโนมัติ อัตราเร่งก็ไม่อืดอาดระหว่างรุ่นเครื่องยนต์ธรรมดาหรือวีเทค ไม่ได้ต่างกันแค่เครื่องยนต์เท่านั้น แต่มีหลายอุปกรณ์ที่เพิ่มเข้ามา ราคาตอนเป็นป้ายแดงต่างกันเกือบแสนบาท แต่เมื่อเป็นมือสองแล้ว ต่างกันแค่ไม่กี่หมื่นบาท ดังนั้น ถ้ามีโอกาสก็ควรเลือกรุ่นวีเทค ซึ่งหายากกว่ามาก จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 15:16:20

ความคิดเห็นที่ 75 ส่วนจุดที่น่ากังวล คือ ในเชียงกงไม่มีอะไหล่ของรถยนต์รุ่นนี้ เพราะในญี่ปุ่นไม่มีรถยนต์ตัวถังนี้ขาย การซื้ออะไหล่จึงมี 2 ทางเลือกหลัก คือ อะไหล่ใหม่ในศูนย์บริการ ที่น่าจะมีครบทุกชิ้นพร้อมการรับประกัน แต่ก็มีราคาวสูง หรืออะไหล่ใหม่นอกศูนย์บริการ ซึ่งเริ่มมีอะไหล่ทดแทนของฮอนด้า กระจายออกมาบ้างแล้วตามร้านอะไหล่ใหญ่ ๆ หรือในวรจักรก็มีประปราย 2-3 ร้านโดยอะไหล่ตามร้านเหล่านี้ มีหลายแบบให้เลือก เช่น อะไหล่ทดแทนผลิตจากรายย่อยทั่วไปหรือรายย่อยที่ผลิตส่งให้ฮอนด้า จึงมีหลายระดับราคา และคุณภาพ กับอะไหล่สั่งจากศูนย์บริการ โดยมีส่วนลดเปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ตาม ก็คงไม่ต้องกังวลกับอะไหล่เชียงกงนัก เพราะอายุรถยนต์ยังน้อย ยังไม่ต้องซ่อมหนัก และอะไหล่ใหม่ก็ไม่ได้แพงจนกระเป๋าฉีก ราคามือ2 ประมาณ 230,000 -280,000 [km จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 15:20:34

ความคิดเห็นที่ 76 7. HONDA CIVIC  ตาโต           ซีดาน 4 ประตู กับรหัสตัวถังEK หรือที่เรียกติดปากกันว่า ซีวิค ตาโต ด้วยรูปลักษณ์แบบ 4 ประตูล้วนๆ ช่วงแรกใช้เครื่องยนต์หัวฉีด 1,600 ซีซี แต่มี 2 ระดับความแรงและราคา คือ ธรรมดาและมีวีเทค เครื่องยนต์บล็อค D16A  เป็นแบบเบนซิน 4 สูบเรียง แคมชาฟต์เดี่ยว 16 วาล์ว ความจุ 1,590 ซีซี รุ่นธรรมดา กำลังสูงสุด 120 แรงม้า ที่ 6,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 14.6 กก.-ม. ที่ 5,500 รอบ/นาที รุ่นวีเทค กำลังสูงสุด 127 แรงม้า ที่ 6,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดเพิ่มขึ้นเป็น 14.8 กก.-ม. ที่ 5,500 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะหรืออัตโนมัติ 4 จังหวะ  ระบบช่วงล่างแบบอิสระ 4 ล้อ ปีกนก 2 ชั้น ด้านหน้ามีเหล็กกันโคลง ระบบเบรคแบบหน้าดิสก์ หลังดรัม รุ่นวีเทคเป็นแบบดิสก์ 4 ล้อ และรุ่นสูงสุดมี ABS  ช่วงต้นปี 1999 มีการปรับโฉมรุ่นซีดานพร้อมเพิ่มรุ่นเครื่องยนต์วีเทค เลฟ ลดปริมาณมลพิษในไอเสีย กลางปี 1999 เพิ่มรุ่น 1.8 ใช้เครื่องยนต์บล็อก B18B แบบเบนซิน 4 สูบ ทวินแคม 16 วาล์ว ความจุ 1,834 ซีซี กำลังสูงสุด 145 แรงม้า ที่ 6,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 17.5 กก.-ม. ที่ 5,300 รอบ/นาที ระบบส่งกำลังมีเฉพาะเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ ช่วงล่างหลังเพิ่มเหล็กกันโคลง ระบบเบรกแบบดิสก์ 4 ล้อ พร้อมเอบีเอส จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 15:25:53

ความคิดเห็นที่ 77 รูปลักษณ์ภายนอกดูดีแบบเรียบๆ ไม่หวือหวา คิ้วโครเมียมบริเวณกรอบหน้าต่าง ทำให้ดูหรูขึ้น  ด้านหน้าลาดต่ำด้านหลังยกสูง เปลี่ยนจากความโค้งมนในรุ่นเดิมเป็นการเน้นเหลี่ยมสันมากขึ้น  ฝากระโปรงหน้ายกสัน  กันชนหน้า-หลังมีคิ้วยางเป็นแถบกันกระแทกที่มุมซ้าย-ขวา ฝากระโปรงหลังยกสันเล็กน้อย สามารถเปิดได้จรดแนวกันชน ตรงกลางเป็นหลุมสำหรับติดแผ่นป้ายทะเบียน  มิติตัวถังยาว 4,450 มิลลิเมตร กว้าง 1,695 มิลลิเมตร สูง 1,390 มิลลิเมตร    ภายในห้องโดยสารมีพื้นที่กว้างพอสมควร นั่งได้5คนแบบกำลังดี  ภายในมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่จำเป็นครบครัน จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 15:27:17

ความคิดเห็นที่ 78 รถยนต์รุ่นนี้มีจุดเด่นที่เครื่องยนต์ที่มีกำลังสูงกว่าในกลุ่ม สมรรถนะไม่อืดอาด โดยเฉพาะรุ่นเครื่องยนต์วีเทค และระยะห่างช่วงล้อหน้า-หลังที่ยาวกว่า ช่วยทำให้ห้องโดยสารกว้างขวางขึ้น ช่วงล่างแบบอิสระปีกนก 2 ชั้น ช่วยให้มีการทรงตัวที่ดี อัตราเร่งอยู่ในระดับปานกลาง ไม่อืดอาดแน่ ถ้าไม่เท้าหนัก ช่วงล่างแบบอิสระ 4 ล้อ ไว้ใจได้ทั้งความนุ่มนวลและมั่นคงพอสมควร ถ้าไม่ใช้ความเร็วสูงจัด   ด้วยภาพลักษณ์ในสังคมดี เครื่องยนต์แรงพอตัวโดยเฉพาะรุ่นวีเทค ขับช้าก็ประหยัดนํ้ามันดี ขับเร็วก็มีแรงให้เพียงพอช่วงล่างการทรงตัวถือว่าค่อนข้างดี ห้องโดยสารกว้างขวาง อะไหล่ก็ไม่แพงอย่างที่คิด เพราะมีอะไหล่เชียงกงเข้ามามาก ถ้ามีงบประมาณมากพอ ควรข้ามไปซื้อรุ่นเครื่องยนต์วีเทค เพราะมีอุปกรณ์มาตรฐานมากกว่ารุ่นธรรมดาหลายรายการ      แต่ราคามือสองซีวิคยังค่อนข้างสูง  ส่วนหนึ่งเพราะค่านิยมของผู้บริโภค อีกทั้งความแพร่หลายและราคาอะไหล่แพงไปนิด หายากไปหน่อย  ถ้าจะใช้อะไหล่ใหม่จากศูนย์บริการอย่างเดียวคงกระเป๋าฉีก ส่วนอะไหล่มือสองก็พอหาได้ไม่ยาก แต่ก็ไม่ได้มีให้เลือกเยอะ การซื้อควรเลือกคันที่ตัวถังไม่ช้ำ ไม่ชนหนักมา ช่วงล่างไม่โทรม และยังไม่ควรทำสีใหม่ เกียร์ธรรมดาหรืออัตโนมัติยังทำงานได้ดี ราคามือ2 ประมาณ 250,000- 300,000 บาท จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 15:29:46

ความคิดเห็นที่ 79 9. NISSAN CEFIRO A31 รถครอบครัวขนาดกลางที่  ถึงจะผ่านไปกว่า 10ปีแล้วแต่มันยังคงความน่ามองอยู่ไม่เสื่อมคลาย Nissan Cefiro รหัสตัวถัง A31 เปิดตัวในปี 1990  และมีการปรับโฉม 3 ครั้ง จนรุ่นสุดท้ายหมดในปี 1996 เครื่องยนต์แบ่งเป็น 2 รุ่นหลักคือ รุ่น 12 วาล์ว เครื่องยนต์รหัส RB20E แบบเบนซิน 6 สูบเรียง ความจุ 1,998 ซีซี กำลังสูงสุด 121 แรงม้า ที่ 5,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 17.6 กก.-ม. ที่ 4,400 รอบ/นาที ปี 1993 เพิ่มรุ่น 24 วาล์ว เครื่องยนต์รหัส RB20DE ใช้เสื้อสูบเดิม แต่เปลี่ยนฝาสูบเป็นแบบทวินแคม 24 วาล์ว มีกำลังสูงสุด 152 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 18.5 กก.-ม. ที่ 5,200 รอบ/นาที จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 15:34:46

ความคิดเห็นที่ 80 จุดเด่น เป็นหนึ่งในไม่กี่รุ่นในค่ายญี่ปุ่นที่สามารถทัดเทียมกับค่ายยุโรปในระดับเดียวกันอย่างไม่อายใครไม่ว่าจะเป็น 520/ 230Eหรือแม้แต่ 940 โดยทิ้งแอคคอร์ดชนิดไม่เห็นฝุ่น ที่ดูจะเป็นรองก็เฉพาะ 230E กับ940เฉพาะขนาดเท่านั้นเท่านั้น ส่วนอื่นๆจัดว่าสูสีทีเดียวไม่ว่าจะเป็นคุณภาพในการประกอบ ความแข็งแกร่ง ระบบความปลอดภัย การทรงตัวโดยเฉพาะการเทโค้งแรงๆที่ความเร็วจัดเกิน150ทำได้ดีชนิดขับหน้าบางรุ่นชิดซ้ายเลยทีเดียวและยังทำได้ดีกว่า940หรือด้อยกว่า520กับ 230Eก็แค่เล็กน้อย  การออกแบบเน้นไปแนวยุโรปคือความทนทานเป็นหลักถ้าดูแลดีๆมันสามารถทะลุ 4-5 แสนกิโลเมตรได้อย่างไม่ยากเย็นเลยแบบแทบจะไม่ต้องยุ่งกับเครื่องยนต์เลย กับระบบช่วงล่างเพลาลอยขับหลังเป็นที่ขึ้นชื่อในเรื่องความอึดและสมบุกสมบันที่สุดแล้ว การใช้วาล์วไอดี-ไอเสียที่มีขนาดใหญ่ก้านโตจึงหายห่วงเรื่องความทนทาน ประเก็นฝาสูบใช้แบบขอบเหล็กและเพิ่มระยะห่างของร่องระหว่างสูบจึงไม่ค่อยเจอปัญหาเรื่องประเก็นฝาสูบแตก ยิ่งตัวฝาสูบเองก็มีขนาดกว้างพิเศษแทบจะไม่พบเรื่องฝาสูบแตกหรือร้าวเลยอย่างดีก็แค่โก่ง  ตัวกระเดื่องกดวาล์วออกแบบให้มีขนาดใหญ่พิเศษเพื่อความทนทานแต่ทำจากอลูมินัมชั้นดีจึงลดน้ำหนักได้เป็นอย่างดีแถมลดเรื่องความดังของเสียงได้มาก  เครื่องยนต์ที่เป็นเหล็กหล่อถึงจะน้ำหนักมากแต่การสึกหรอจะน้อยและทนทานดีมาก จุดด้อย ที่เห็นชัดก็จะเป็นในเรื่องของขนาดโดยเฉพาะห้องโดยสารที่ออกแบบมาเป็นรถขนาดกลางแบบครอบครัวแต่พกกลิ่นอายของความเป็นสปอร์ตมาด้วย ก็เลยจะอึดอัดพอสมควรสำหรับคนตัวใหญ่ๆเมื่อต้องขับขี่เดินทางไกลยาวๆ รูปทรงที่เตี้ยแถมหน้ายาวทำให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ในเมืองหรือการกะระยะทำได้ไม่ค่อยดี ค่อนข้างกินนํ้ามันมากกว่ารถในระดับเดียวกันอยู่บ้าง และหาคันที่สภาพดีๆได้ยาก จุดอ่อนเรื่องหลังคาผุในบางคัน วิธีแก้ควรไปหาหลังคามือ 2 จากเชียงกงมาตัดต่อ จะเป็นวิธีแก้ที่ดีกว่านำไปปะผุ ราคามือ 2 ประมาณ 150,000 - 230,000 บาท จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 15:35:58

ความคิดเห็นที่ 81 ขุมพลังและข้อมูลทางเทคนิค(บางส่วน)                                                                         Cerfiro 12 valves                    Cerfiro 24 valves ระหัสเครื่องยนต์                                                RB 20 E                                      RB 20 DE แบบเครื่องยนต์                                                 6 สูบแถวเรียง OHC                    6 สูบแถวเรียง DOHC ปริมาณความจุ                                                                                1998 ซีซี ขนาดกระบอกสูบ * ระยะชัก                                                     78 ม.ม. * 69.7 ม.ม. ระบบจ่ายเชื้อเพลิง                                                          ECI ชนิด Multi-Point Injection อัตราส่วนกำลังอัด                                             9.5 ต่อ 1                                     10.2 ต่อ 1 แรงม้าสูงสุด (แรงม้า)                                        121 ที่ 5200 รอบ                       152 ที่ 6000 รอบ แรงบิดสูงสุด (กก.-เมตร)                                   17.6 ที่ 4400 รอบ                      18.5 ที่ 5200 รอบ ระบบขับเคลื่อน                                                                   ล้อหลัง-เครื่องยนต์หน้า อัตราทดเฟืองท้าย (ต่อ 1)                                  4.111                                         4.038 ระบบกันสะเทือนหน้า                                                         แมคเฟอร์สันสตรัท ปีกนก ระบบกันสะเทือนหลัง                                                            มัลติลิงค์ เพลาลอย ความยาวตัวของรถ (ม.ม)                                                                 4690 ความกว้างของตัวรถ (ม.ม)                                                               1695 ความสูงของตัวรถ (ม.ม)                                                                   1375 ความสูงใต้ท้องรถต่ำสุด (ม.ม)                                                          150 ความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิง (ลิตร)                                                         65 น้ำหนักรถโดยประมาณ (ก.ก)                           1290                                          1320 ความเร็วสูงสุด (ก.ม/ช.ม 5-5)                          175                                            185 อัตราเร่ง 0-100 เมตร (วินาที)                             13.2                                           12.4 อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย (ก.ม/ล.)                            6.0-12.5                                     5.0-11.5 จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 15:37:33

ความคิดเห็นที่ 82 10. NISSAN CEFIRO A32 Nissan Cefiro รหัสตัวถัง A32 กับระบบขับเคลื่อนล้อหน้า เปิดตัวในไทยช่วงกลางปี 1996-2001 ทำตลาดด้วยเครื่องยนต์ 2รุ่น คือรุ่น 2.0ลิตร และ 3.0ลิตร รุ่น 2.0ลิตร เป็นบล็อค VQ20DE แบบเบนซิน V6 ทวินแคม 24 วาล์ว ความจุ 1,995 ซีซี กำลังสูงสุด 140 แรงม้า ที่ 6,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 18.1 กก.-ม. ที่ 4,400 รอบ/นาที รุ่นสุงสุด 3.0ลิตร บล็อค VQ30DE แบบเบนซิน V6 ทวินแคม 24 วาล์ว ความจุ 2,998 ซีซี กำลังสูงสุด 193 แรงม้า ที่ 6,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 26.0 กก.-ม. ที่ 4,000 รอบ/นาที ทั้ง 2 รุ่น ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ ระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบแม็กเฟอร์สันสตรัต พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังแบบคานแข็ง มัลติลิงก์บีม พร้อมเหล็กกันโคลง ระบบเบรคแบบดิสก์เบรก 4 ล้อ พร้อม ABS มิติตัวถังยาว 4,770 มิลลิเมตร กว้าง 1,770 มิลลิเมตร สูง 1,415 มิลลิเมตร ความยาวช่วงล้อ 2,700 มิลลิเมตร พื้นที่ห้องโดยสารกว้างขวางนั่งได้ 5คนหลวมๆ ปี 1998 มีการปรับโฉม-ไมเนอร์เชนจ์ครั้งแรก โดยสังเกตุง่ายๆคือไฟหน้า-ไฟท้ายเป็นแบบมัลติรีเฟล็กเตอร์ พร้อมเปลี่ยนไฟเลี้ยวหลังเป็นสีขาว  ปี 1999 ด้านหน้าเพิ่มสัญลักษณ์ใบชูโร จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 15:39:57

ความคิดเห็นที่ 83 จุดเด่นของรถยนต์รุ่นนี้  รุ่น 2.0ลิตร และ 3.0ลิตร มีอัตราเร่งกันต่างกันอย่างชัดเจน ถ้าเท้าหนักรุ่น 3.0ลิตร จะน่าสนใจมาก เพราะอัตรากินนํ้ามันไม่ต่างกันนัก เซฟิโร่ A32 มีความหรูหราพอตัว ภายในกว้างขวาง นั่งก็สบาย ช่วงล่างอาจจะยวบยาบไปบ้างในช่วงความเร็วสูง แต่ในช่วงความเร็วตํ่า-ปานกลางก็นิ่มนวลดี อะไหล่มีหลายทางเลือก อะไหล่แท้-ใหม่จากศูนย์บริการ มีครบ แต่บางชิ้นแพงสักหน่อย อะไหล่เทียบจากวรจักรหรือร้านอะไหล่ทั่วไป มีหลายระดับราคาและคุณภาพ หรืออะไหล่มือสองจากเชียงกง แม้จะไม่แพร่หลายเหมือนรุ่นยอดนิยม แต่ก็ไม่ถึงกับต้องควานหา ราคามือ 2 ประมาณ  230,000 - 280,000  บาท จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 15:42:06

ความคิดเห็นที่ 84 11.MITSUBISHI LANCSE CK2   Mitsubishi Lancer ตัวถังCK2 ทำตลาดต่อเนื่องจากรุ่นE-CAR คือช่วงปี 1996-2001   รูปลักษณ์ภายนอกเน้นเหลี่ยมสันในบางมุมแต่ไม่ทื่อจนเกินไป ไฟหน้าทรงเฉียงพร้อมไฟเลี้ยวขาว รุ่น 1.8 เพิ่มสปอตไลต์มุมกันชน ล้อแม็กขนาด 14 นิ้ว และสปอยเลอร์หลังทรงสูง ช่วงแรกทำตลาดด้วยเครื่องยนต์ 2ขนาด  คือ 1,500 ซีซี และ 1,800 ซีซีรุ่น 1,500 ซีซี ใช้เครื่องยนต์รหัส 4G15 แบบเบนซิน 4 สูบ SOHC 12 วาล์ว หัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ ความจุกระบอกสูบ 1,468 ซีซี กำลังสูงสุด 94 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 12.9 กก.-ม. ที่ 3,000 รอบ/นาที บ่งเป็น 4 รุ่นย่อย คือ 1.5 GLXi เกียร์ธรรมดา,1.5 GLXi เกียร์อัตโนมัติ,1.5 GLXi LIMITED เกียร์ธรรมดา  และ 1.5 GLXi LIMITED เกียร์อัตโนมัติ รุ่น 1,800 ซีซี ใช้เครื่องยนต์รหัส 4G93 แบบเบนซิน 4 สูบ SOHC 16 วาล์ว หัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ 1,834 ซีซี  กำลังสูงสุด 122 แรงม้า ที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 16.4 กก.-ม. ที่ 4,500 รอบ/นาที แบ่งเป็น 3 รุ่นย่อย คือ 1.8 SEi เกียร์ธรรมดา,1.8 SEi เกียร์อัตโนมัติ และรุ่นสูงสุด 1.8 SEi LIMITED เกียร์อัตโนมัติ พร้อมแอร์แบกและเอบีเอส จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 15:58:12

ความคิดเห็นที่ 85 รถยนต์มือสองรุ่นนี้ มีความน่าสนใจตรงที่มีราคาถูกกว่ารถยนต์รุ่นยอดนิยมในระดับเดียวกันปีเดียวกัน ความโดดเด่นด้านราคา เพราะในงบประมาณเท่ากัน จะได้รถยนต์ปีใหม่กว่า และรูปลักษณ์สวยงาม สมรรถนะเครื่องยนต์ 1,500 ซีซี 94 แรงม้า อยู่ในระดับไปได้เรื่อยๆ ไม่หวือหวา เน้นความประหยัดเป็นหลัก ช่วงล่างแบบอิสระ 4 ล้อ ให้ความนุ่มนวลมากในช่วงความเร็วต่ำ-ปานกลาง ถ้าใช้ความเร็วสูงจัดๆ จะมีอาการวูบวาบพอสมควร โดยเฉพาะด้านหลัง อีกจุดเด่นอยู่ที่ห้องโดยสารที่กว้างขวางเพียงพอสำหรับ 5 คนแบบไม่อึดอัด ด้อยอยู่นิดตรงราคาอะไหล่ใหม่และมือสองค่อนข้างแพงในบางชิ้น แต่ก็หาไม่ยากนัก ถ้าสนใจรถยนต์ตัวถังนี้และมีงบประมาณมากพอ ควรเลือกรุ่นสูงสุด 1.8 SEi LIMITED เกียร์อัตโนมัติ แต่ได้อุปกรณ์มาตรฐานมากขึ้นเพียบ เช่น แอร์แบก และเอบีเอส รวมถึงอุปกรณ์ปลีกย่อย แต่อาจหายากหน่อย เพราะในตลาดมือสองส่วนใหญ่เป็นรุ่น 1.5 จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 16:02:16

ความคิดเห็นที่ 86 จุดเด่นของรถรุ่นนี้ ราคาค่อนข้างถูกเมื่อเทียบกับรถในระดับและปีเดียวกันจากค่ายดัง สมรรถนะของเครื่องยนต์ปานกลางแต่ในรุ่น 1.5 ค่อนข้างจะอืดสักนิด การเก็บเสียงไม่ค่อยดีนัก การทรงตัวและเกาะถนนในความเร็วสูงยังไม่ดีเท่าที่ควร  แต่ก็สามารถนำแต่งได้ไม่ยาก เพราะมีของแต่งให้เลือกมากมาย จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 16:04:30

ความคิดเห็นที่ 87 หลังจากทำตลาดได้ประมาณ 3 ปี ก็มีการปรับโฉม-ไมเนอร์เชนจ์รอบคันในช่วงปลายปี 1999 ตัดรุ่น 1,500 ซีซีออกไป กลายเป็นรุ่น 1,600 ซีซี พร้อมเพิ่มระบบเกียร์อัตโนมัติ INVECS II SPORTRONIC ในรุ่น 1.8 SEi LIMITED รุ่น 1,600 ซีซี ใช้เครื่องยนต์รหัส 4G92 แบบเบนซิน 4 สูบ SOHC 16 วาล์ว หัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ 1,597 ซีซี กำลังสูงสุด 113 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 13.97 กก.-ม. ที่ 5,000 รอบ/นาที แบ่งเป็น 3 รุ่นย่อย คือ 1.6 GLXi เกียร์ธรรมดา 1.6 GLXi LIMITED เกียร์ธรรมดา และ 1.6 GLXi LIMITED เกียร์อัตโนมัติ รุ่นปรับโฉมฝากระโปรงด้านหน้าเป็นแนวตรง รับกับไฟหน้าแบบมัลติรีเฟล็กเตอร์ พร้อมกระจังหน้าและกันชนหน้าใหม่ พร้อมสปอตไลต์ในรุ่น 1.8 SEi LIMITED ด้านข้างเปลี่ยนล้อแม็กลายใหม่ขนาด 14 นิ้ว รุ่น 1.6 เป็นลาย 5 ก้าน รุ่น 1.8 เป็นลาย 8 ก้านคู่ พร้อมยางขนาด 185/65 R14 กระจกมองข้างและชุดที่เปิดประตูของรุ่น 1.8 พ่นสีเดียวกับตัวรถ ด้านหลังเปลี่ยนไฟท้ายใหม่แต่ทรงเดิม เพิ่มแผงทับทิมด้านในที่ติดกับฝากระโปรง รุ่น 1.8 ติดตั้งสปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรก ระบบเบรกเปลี่ยนเป็นแบบดิสก์ 4 ล้อทุกรุ่น จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 16:07:18

ความคิดเห็นที่ 88 แก้ไขเมื่อ 26 ธ.ค. 52 16:11:34 จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 16:11:06

ความคิดเห็นที่ 89 ด้วยราคาค่อนข้างถูกเมื่อเทียบกับรถในระดับและปีเดียวกันจากค่ายดัง สมรรถนะลงตัว จะติดแก้สก็ไม่มีปัญหา ทำให้รถรุ่นนี้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากทีเดียว *** ราคามือ2   ประมาณ 220,000 - 280,000 [km จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 16:12:31

ความคิดเห็นที่ 90 คงเอามาคร่าว ครับในงบนี้ มีตัวเลือกมากมาย เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ *** หากเป็นมือใหม่หรือคุณผู้หญิงที่อยากมีรถไว้ใช้ซักคน ในสภาพที่ปีใหม่ ดูแลง่ายไม่จุกจิก แถมประหยัด แนะนำ ไทม์ซี กับหยดน้ำคงให้คำตอบได้ *** คันเดียว จบ งบไม่บานใช่นานใช้ยาว  เอกซิเออร์กับไฮทอค *** วัยรุ่นหน่อย ชอบบ้าพลังหรือแต่งสวยก็ ท้ายเบนซ์  หรือตาโต *** แต่สำหรับผมแล้ว งบ นี้ ต้อง A31กินเจ เท่านั้น จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 16:28:41

ความคิดเห็นที่ 91 ***งบประมาณ 300,000 ขึ้นไป ในงบนี้ทำให้หลายคนลังเล ว่าจะซื้อมือ 2 หรือผ่อนรถใหม่ดี แต่สำหรับคนฉลาดซื้อ คุณจะได้ใช้รถขนาดเล็กตัวท้อปหรือเก๋งกลางในสถาพที่ไม่ต่างจากมือแรกเลย หรือรถที่ที่ตกรุ่น ราคาจะลงเร็ว ยิ่งที่ไม่ใช่รถตลาด คุณก็จะได้ใช้รถราคาเป็นล้านโดยจ่ายเเค่ครึ่งหนึ่ง ในสภาพที่ไมแตกต่างจากรถใหม่เท่าไหร่  ขอเพียงใจเย็นๆเลือกดีๆ ของดีราคาถูกยังพอมี แก้ไขเมื่อ 26 ธ.ค. 52 18:51:26 จากคุณ : บั้งไฟลาว เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 52 16:42:11