|
ความคิดเห็นที่ 23 |
ถ่ายรูปกับพี่ต๋อมด้วยอีก 1 รูป...
สารวัตรกำนัน ต.แม่วะหลวง อ.ท่าสองยาง ผู้เอื้อเฟื้ออาหารและที่พัก ผมคุยกับพี่เขาก่อนที่จะมุ่งหน้าไปแม่สะเรียงอีก 1 ชม ยาวมาก พี่แกมีอุดมการณ์ในการที่จะทำพื้นที่ส่วนนี้ ให้ปลูกเป็นป่าต้นน้ำ ถวายแด่พ่อหลวงของเรา พี่แกมุ่งมั่นมาก สร้างความเข้าใจกับชาวบ้านแถวนี้เพื่อปลูกจิตสำนึกในการรักษาป่า และป่าแถวนี้ ก็สมบูรณ์มากอย่างที่พี่แกบอกจริงๆครับ...
คุยกันต่อเรื่องหมู่บ้านผู้อพยพลี้ภัยตามแนวตะเข็บชายแดนแถวนี้ต่อ ได้เรื่องว่า เป็นปัญหาการสู้รบระหว่างรัฐบาลทหารพม่ากับชนเผ่าต่างๆ ที่กระเทือนต่อชีวิตความเป็นอยู่ของคนในพื้นที่มาเนิ่นนาน สืบสาวได้ตั้งแต่รัฐบาลทหารพม่าฉีกสัญญาเวียงปางหลวงก็ว่าได้ สัญญานี้ ผู้นำชนเผ่าต่างๆ ในพม่าร่วมกันทำขึ้นมา หลังจากร่วมกันต่อสู้ ให้พม่าได้รับเอกราชจากอังกฤษ เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2490 เนื้อหาระบุว่า เมื่อชนเผ่าในพม่าได้ร่วมกันต่อสู้จนได้รับเอกราชแล้ว ขอให้ร่วมกันพัฒนาชาติอีก 10 ปี หลังจากนั้นให้ทุกชนเผ่ามีเอกราชเป็นของตนเอง
แต่ก่อนถึง 10 ปีแห่งความฝัน ทุกชนเผ่าหัวใจแตกสลาย เมื่อทหารพม่าฉีกสัญญาด้วยการทำรัฐประหาร และนับแต่นั้นมา การต่อสู้ระหว่างรัฐบาลทหารกับชนเผ่าก็ปะทุขึ้น แล้วยืดเยื้อมาจนถึงปัจจุบัน ผู้ได้รับผลกระทบจากการสู้รบ ปี พ.ศ.2551 นี้ ไม่ต่ำกว่า 50,000 คนอยู่ ตำบลแม่หละ อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก ชื่ออย่างเป็นทางการคือ พื้นที่รองรับผู้หนีภัยจากการสู้รบบ้านแม่หละ มีเนื้อที่ประมาณ 1,148 ไร่ จัดเป็นที่รองรับผู้ลี้ภัยสงครามที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
ก่อนหน้านี้ก็ลำบาก ผู้อพยพมีเยอะ ไม่มีที่ทำกิน ก็ออกมาบุกรุกผืนป่าบ้านเรา และมีปัญหากับชาวบ้านอยู่เนื่องนิจ ทำชาวบ้านให้ฝั่งไทยเดือดร้อนกันมาก และนี่เป็นพื้นที่ๆที่อยู่ในการดูแลของ ยู เอ็น ทางเราจึงทำอะไรมากไม่ได้ ใจผมก็อดสงสารไม่ได้ ทั้งฝั่งไทยเรา กับเหล่าผู้อพยพเหล่านี้ ผมดูแล้ว อดนึกถึงหนังเรื่องสาละวินของท่านมุ้ยไม่ได้จริงๆ...
จากคุณ |
:
แมงกุดจี่ (Mangkoodjee)
|
เขียนเมื่อ |
:
30 ธ.ค. 52 08:44:27
|
|
|
|
|