ความคิดเห็นที่ 1   ขึ้นเขา D อย่างเดียว(มันจะเปลี่ยนเกียร์เองครับ เหยียบคันเร่งหนักๆ) ลงเขา ใช้ L เมื่อลงทางชันมากๆ (ลดการเหยียบเบรกแช่ครับ) จากคุณ : ซ้ายน่องเหล็ก (ซ้ายน่องเหล็ก) เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 53 16:21:51

ความคิดเห็นที่ 2 ตึ่งงงงง โป๊ะ ผมว่าพี่ทำสลับนะ คือเกียร์ 2เเละL เป็นเกียร์สำหรับลงเขาโดยเฉพาะ เกียร์ L คือเกียร์หนึ่ง ส่วน 2 คือ 2 เวลาที่ลงเขาเค้าใช้กันเพราะมันเป็นตัวช่วยรถเบรคโดยการใช้Enginge brake ถ้าใช้เกียร์Dลงเขาตลอด ผ้าเบรถอาจจะไหม้ก็ได้ครับ เพราะเราเบรคตลอด ผ้าเบรคเลยร้อน จึงมีเกียร์ Lและ2 ช่วยเข้ามา สำหรับขึ้นเขาก็ไม่ผิดหรอกที่ใช้เกียร์L(เกียร์1) ถ้าใช้เป็นเกียร์Dก็ได้เหมือนกันแต่แค่เหยียบมิดให้สุด รถมันเปลี่ยนเกียร์เป็นเกียร์ 1 ให้เองอัตโนมัติ จากคุณ : Bluedoft เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 53 16:26:29

ความคิดเห็นที่ 3 ตย.รถที่มี4เกียร์ - ตำแหน่งDและปุ่มOD ON ระบบสามารถเลือกใช้ได้ทั้ง4เกียร์ (1,2,3,4) - ตำแหน่งDและปุ่มOD OFF หรือตำแหน่งD3 ระบบสามารถเลือกใช้ไม่เกินเกียร์3 (1,2,3) - ตำแหน่ง2 ระบบสามารถเลือกใช้ไม่เกินเกียร์2 (1,2) หรือใช้เฉพาะเกียร์2ในรถบางรุ่น - ตำแหน่งL ระบบใช้เฉพาะเกียร์1 - ขึ้นเขา ใช้Dอย่างเดียวให้ระบบเปลี่ยนเกียร์ให้เองก็ได้ หรือจะเลือกโยกลดเกียร์ลง(D3หรือOD off,2,1หรือL)ก่อนขึ้นเขาเพื่อเพิ่มแรงขับสัมพันธ์กับความชันก็ได้ตามความถนัด ถ้าใช้เกียร์ตำแหน่งใดแล้วระบบสลับเกียร์ไปๆมาๆก็ควรโยกลดเกียร์ลง - ลงเขา ให้ใช้เกียร์ต่ำ(D3หรือOD off,2,1หรือL)ให้เครื่องช่วยหน่วง(engine brake)แทนการใช้เบรคอย่างต่อเนื่อง ลดภาระของระบบเบรคป้องกัน/ลดอาการเบรคเฟด(ประสิทธิภาพถดถอย)จากความร้อนสะสม ใช้เกียร์ให้เหมาะสมกับความเร็ว/ความชัน ยิ่งชันมากยิ่งต้องใช้เกียร์ต่ำลงเพิ่มแรงหน่วงจากเครื่องลดความเร็วลง เบรคใช้ควบคุมความเร็วเป็นครั้งคราวตามสภาพจราจรหรือทางโค้ง ถ้าทางชันมากใช้เกียร์ต่ำสุดแล้วยังเร็วไป ควรใช้เบรคแรงหน่อยเพื่อชลอความเร็วลงมากๆเป็นพักๆแทนการเบรคเบาๆแต่ต่อเนื่อง ระบบเบรคจะมีโอกาสระบายความร้อนได้ดีกว่า จากคุณ : akeb เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 53 16:33:30

ความคิดเห็นที่ 4 ตอนขึ้นทำถูกแล้วครับ  ถ้าชันมากมาก... เกียร์ D อาจจะต้องเหยียบให้ลึกหน่อย  แล้วมันอาจจะฮีทได้ ให้ใช้ 2  หรือ L ตามลำดับความชัน ให้รักษารอบเครื่องไว้ ที่ประมาณ 2500 ถึง 3000  (ตรงนี้แล้วแต่รถนะ  ต้องทดลองกับรถตัวเอง)  รถมันจะมีแรงสูงสุดก็ตรงนี้ แต่มันไปเร็วหรือช้า ขึ้นกับอัตราทด หรือว่าการเลือก 2 หรือ L  ... ส่วนการลงเขา  ควรลงด้วย เกียร์ 2 หรือ L เพือเป็นการชะลอความเร็วรถ ด้วยเกียร์ จะได้ไม่ทำให้เบรคร้อน หรือหมดเร็วได้... จากคุณ : oxidation เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 53 16:57:06

ความคิดเห็นที่ 5 ผมก็ไปมาใช้ D ตลอดศก ขาขึ้นใช้แรงส่งขึ้นไป ขาลงก็ปล่อยแล้วเบรกเบา ๆ ยิ่งตรงนี้ช่วงยาวส่งกันสนุกมาก จากคุณ : เท่ง หงส์แดง เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 53 17:09:04

ความคิดเห็นที่ 6 ขับเกียร์อัตโนมัติขึ้นเขา ถึงแม้ไม่ได้กดคันเร่งหนักๆ แต่พอรถเริ่มอืดหรือช้าลง เกียร์มันก็จะเปลี่ยนเป็นเกียร์ต่ำให้อยู่แล้วครับ (เว้นแต่รถรุ่นเก่าๆอาจต้องขยับคันเกียร์เอง) จากคุณ : dum.d เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 53 17:38:36

ความคิดเห็นที่ 7 หง่ะ ขับขึ้นเหนืิอ  ดอยตุงอะไร  เราก็ใช้ D  ตลอด  ขี้เกียจเช้นจ์เกียร์ไปมา   ทำแบบคุณเท่งฯ  แบบนั้นเลย จากคุณ : Rarin-รริญ เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 53 17:42:03

ความคิดเห็นที่ 8 ผมว่าเหมือนกระทู้นี้นะ...ท่าทางจะเข้าใจผิดคล้าย ๆ กัน... http://www.pantip.com/cafe/ratchada/topic/V8722638/V8722638.html แต่ผมว่า...สองกระทู้นี้ได้ความรู้เรื่องการใช้เกียร์ออโต้เยอะนะครับ... จากคุณ : Aui_P11 เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 53 19:48:58

ความคิดเห็นที่ 9   สงสัยว่าทำไม่เกียร์ออโตของออนด้าตำแหน่ง 2 จึงล็อกไว้ที่ 2 และบางรุ่นไม่มีตำแหน่ง L ผู้ใช้รถจะเข้าใจผิดง่ายๆ มีคนขับขึ้นอ่างขางทางไชยปราการ แล้วเปลี่ยนเกียร์ลงมาที่ 2 เพราะหวังว่ารถจะวิ่งเกียร์ 1-2 แต่อนิจจา เกียร์ของออนด้าล็อกไว้ที่ตำแหน่ง 2 เท่านั้น ผลคือรถแทบไม่เคลื่อนที่ ทำให้วิ่งขึ้นเขาไม่ได้ จนต้องเลี้ยวกลับลงมา อีกอย่างเมืองไทยไม่ได้มีหิมะตกจนต้องออกแบบมาให้สามารถออกรถเกียร์ 2 ได้ จากคุณ : Thibault เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 08:30:59

ความคิดเห็นที่ 10 ฮอนด้าตำแหน่ง 1 คือเกียร์ 1 ตำแหน่ง 2 คือเกียร์สอง ตำแหน่งD3  คือเกียร์ 1-2-3 ออกแบบขับแบบแมนนวลครับ ส่วนรุ่นที่มี Dกับ s จะใช้การลดเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยครับ จากคุณ : ปรมาจารย์ เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 53 13:15:44