ความคิดเห็นที่ 1 ในประเด็นใหญ่ที่ถกกัน คือ ทำไมเเท็กซี่ไม่สลบด้วย แต่ที่ผมเห็นว่าเป็นไปได้ก็เพราะว่า 1. ตัวแท็กซี่ อาจหันช่องแอร์ไปทางผู้โดยสารโดยตรง ฝั่งตัวเองก็ปิดแอร์ซะ    เลยได้รับตัวยาน้อย ถึง น้อยมาก   ก็คือ ถ้าจะสลบก็ทีหลังผู้โดยสารมาก ถึงตอนนั้น ก็จอดรถเปิดประตูระบายอากาศออก แบบนี้มีความเป็นไปได้ไหมครับ 2. เลือกลงมือกับเหยื่อผู้หญิง เพราะโดยธรรมชาติ ผู้หญิงร่างกายก็บอบบางกว่าชายอยู่แล้ว ความทนต่อสารเคมีต่างๆ น้อยกว่ากันมาก แบบนี้มีความเป็นไปได้ไหมครับ แก้ไขเมื่อ 14 ก.พ. 53 23:47:36 จากคุณ : ทัพทัน เขียนเมื่อ : 14 ก.พ. 53 23:43:36

ความคิดเห็นที่ 2 ย้ำอีกที ผมไม่ได้ว่าใคร แต่อยากให้มาลองถกกันแบบจริงจังดูสักที เพราะถ้าเป็นเรื่องจริงก็น่ากลัวมาก ผมเห็นใครลงเรื่องนี้ตั้งกระทู้ทีไร โดนด่ายับทุกที ผมไม่เข้าใจทำไมต้องด่ากันขนาดนี้ด้วย ผมก็เข้าใจดี แท็กซี่ส่วนใหญ่เป็นคนดี(พูดง่ายๆ คือ หาแท็กซี่ดีง่ายกว่าหา หัวปิงปองดีอย่างเทียบกันไม่ได้) แต่ระวังตัวไว้ก็ไม่น่าจะเสียหายไม่ใช่หรือครับ ถ้าเป็นเรื่องจริง พวกที่ด่าจะออกมาขอโทษไหมนั่น http://www.pantip.com/cafe/ratchada/topic/V8844042/V8844042.html http://www.pantip.com/cafe/ratchada/topic/V8831378/V8831378.html แต่ผมไม่สน เพราะผมห่วงคนในครอบครัวผมมากกว่า ถ้าใครด่าผมแบบไม่มีเหตุผล ขอให้มีอัน..... แก้ไขเมื่อ 14 ก.พ. 53 23:53:53 จากคุณ : ทัพทัน เขียนเมื่อ : 14 ก.พ. 53 23:47:11

ความคิดเห็นที่ 3 โอ.......น่าติดตาม โหวตครับโหวต จากคุณ : Phoenix911 เขียนเมื่อ : 14 ก.พ. 53 23:56:29

ความคิดเห็นที่ 4 ย้ำอีกทีครับ ผมขออนุญาตเน้นเนื้อข่าวตรงนี้ครับว่า  "...แพทย์ลงความเห็นโดนยาสลบ" จากคุณ : ทัพทัน เขียนเมื่อ : 14 ก.พ. 53 23:56:35

ความคิดเห็นที่ 5 หมอหลายท่าน ก็ออกมายืนยันแล้ว ว่าเป็นไปไม่ได้ จากคุณ : SAR-TEE เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 00:05:02

ความคิดเห็นที่ 6 ก็ต้องดูต่อไปว่า แพทย์ลงความเห็นว่าโดนยาสลบ แต่ ถ้าเอาได้ขวดต้องสงสัยไปตรวจ แล้วไม่เจออะไร  จะว่าอย่างไรกันต่อ ผมสงสัยเรื่องปริมาณมากกว่า  แค่ป้ายมือทิ้งไว้ เนี่ยมันมากพอ และอยู่ได้นานพอ ขนาดให้คนสลบได้เลยเหรอ คนนั่งหลังตด  คนนั่งหน้ายังได้กลิ่นเลย เรื่องนี้ก็ดูกันต่อไป จากคุณ : EITHER เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 00:09:27

ความคิดเห็นที่ 7 ^ ^ ดีครับ มาถกกัน แล้วถ้าแบบที่ผมบอก ใน คห1 มีความเป็นไปได้ไหมครับ จากคุณ : ทัพทัน เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 00:10:02

ความคิดเห็นที่ 8 ขออนุญาตจขกท.ฝากอีกลิงค์แล้วกัน อันนี้เห็นหน้าโชเฟอร์ครับ http://www.komchadluek.net/detail/20100213/48263/%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%9A%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%97%E0%B9%8A%E0%B8%81%E0%B8%8B%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B9%82%E0%B8%8A%E0%B8%84%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%99.html จากคุณ : Phoenix911 เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 00:27:25

ความคิดเห็นที่ 9 ไปหา อ่านใน หว้ากอ เฉลิมไทย โต๊ะเครื่องแป้งดู มีคน อธิบายไว้นาน และเยอะด้วย ว่าไม่มียาสลบที่ทำให้คนสลบได้ง่ายๆแบบนั้น แบบดารา (นาตาลี) ที่บอกว่าโดน Taxi มอมยา ความจริงเจ้แกเล่นกด BB ตลอดทาง แล้วเมารถ พอเจอ Taxi ไปปรับช่องแอร์ก็เลย พูดเป็นตุเป้นตะว่าโดนมอมยา จากคุณ : I'm ChE เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 00:27:43

ความคิดเห็นที่ 10 แปลก แท๊กซี่บอกชื่อที่อยู่หมด แต่ผู้เสียหาย นามสมมุติ พอตอนท้าย คนขับแท๊กซี่ ขับรถแท็กซี่มากว่า 8 ปี ไม่เคยมีประวัติเสียหาย แล้วใครจะรับผิดชอบแทนเค้า จากคุณ : viewer17 เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 01:12:02

ความคิดเห็นที่ 11 หมอดูจากอาการคนไข้ ที่เพิ่งเป็นลมมา แล้วสันนิษฐานว่า "อาจจะ" โดนมอมยา คงดูจากอาการคนไข้มึนๆงงๆ ยังไม่ได้พิสูจน์สารๆต่างในตัวคนไข้ เป็นการสันนิษฐานเบื้องต้น และ ไม่ได้บอกว่าโดนยาสลบ บอกแค่ว่า อาจจะโดนมอมยา ผมว่า รอผลการพิสูจน์ให้แน่ชัดก่อนดีกว่า ครับ โดยส่วนตัว คิดว่า ไม่น่าจะเป็นยาสลบจริง ยาสลบที่ใช้กัน มีไม่กี่ตัว และปล่อยลอยในอากาศ ให้สลบ โดยไม่มียาฉีดอื่นร่วมด้วยนี่ ยากนะ  มันจางมาก เวลาหมอใช้ นี่เราใส่อัดเข้าไปทางท่อหายใจเลย ร่วมกับยาฉีดอื่นๆด้วย ยังไง รอผล พิสูจน์ให้แน่ชัดก่อนดีกว่า จากคุณ : -=Jfk=- เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 01:39:53

ความคิดเห็นที่ 12 ตำรวจอยู่ระหว่างรอผลการตรวจพิสูจน์ของเหลวสีแดงรวมทั้งของกลางอื่นๆ ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีที่เกิดขึ้นหรือไม่ก่อน ยังไม่ทันพิสูจน์ ก็ตัดสินเค้าซะแล้ว จากคุณ : อาซิ่ม เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 01:43:08

ความคิดเห็นที่ 13 ฝากประเด็นนี้ไว้ก็แล้วกัน ก่อนหน้านี้ คุณผู้หญิงคนนี้ไปอุดฟัน จะมีปัจจัยอะไรที่ทำให้เธอวูบได้รึเปล่าคะ ปล. แนะนำเอากระทู้ไปถกที่หว้ากอค่ะ จากคุณ : อาซิ่ม เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 01:46:42

ความคิดเห็นที่ 14 หมอเจมาตอบให้เองแล้ว อิอิ จากคุณ : JoeRazz เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 02:42:15

ความคิดเห็นที่ 15 หมอมาๆ จากคุณ : หนุ่มน้อยหน้าใสวัยสิบแปด เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 04:18:52

ความคิดเห็นที่ 16 โดยส่วนตัว คิดว่า "รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม  เอาไว้ระแวดระวัง  แต่อย่าถึงขั้นหวาดระแวง" รอผลพิสูจน์ค่ะ  จะได้สรุปกันจริงๆ จังๆ ซะที ว่าเรื่องแบบนี้มีจริงรึป่าว จากคุณ : นู๋กุ๊งกิ๊ง เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 07:25:04

ความคิดเห็นที่ 17 แต่ผมไม่สน เพราะผมห่วงคนในครอบครัวผมมากกว่า ถ้าใครด่าผมแบบไม่มีเหตุผล ขอให้มีอัน..... --------------------------------------------------- แท็กซี่ไม่ใช่คน ไม่มีครอบครัว ??? เกิดเป็นแท็กซี่ซวยตลอดชาติ จากคุณ : toy1152 เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 07:41:55

ความคิดเห็นที่ 18 ส่วนตัวไม่เชื่อครับ ----------------------- เนื้อข่าวมาจากหนังสือพิมพ์ ยี่ห้อนี้ บอกตามตรงหลายๆข่าว เชื่อครึ่งเดียวครับ จากคุณ : หนุ่ม ณ เมืองนนท์ เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 08:09:35

ความคิดเห็นที่ 19 อันนี้ ก็ ว่ากันไปครับ หมอปัจจุบันเชื่อในยาปัจจุบัน แต่ ที่แน่ ๆ ยาสมุนไพร หรือ ยาแบบแผนโบราณ ยังมี อีกแยะ รายการดิสคับเวอร์รี่ ยังเคยออกว่า ยา แบบปัจจุบันหรือสมัยใหม่ ยังมีไม่ถึง 10  เปอร์เชนต์ของยาสมุนไพรหรือแบบแผนโบราณเลยครับ ที่หมอพูดก็อาจจะจริงที่ว่า ไม่มียา อะไรที่สูดดมทางอากาศแล้วจะหมดสติ  แต่ ถ้า มองจากหลายๆอย่างเช่นรวม ภาวะจิตใจของเหยื่อไปด้วย กรณีเหยื่อตกใจ ยอมหายใจถี่ เลือดสูบฉีดเร็ว ยอมรับปริมาณยา มากขึ้นกว่าคนปกติได้ ครับ จริงไม่จริงไม่รู้ แต่ ยังไงก็ควรระมัดระวังกันไว้ครับ จากคุณ : Bugs เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 08:17:59

ความคิดเห็นที่ 20   สงสัย ช่องแอร์ถึงแม้จะปรับให้พุ่งไปหาผู้โดยสารก็ตามแต่ถ้ามันมียาจริงตัวยาจะไม่ฟุ้งกระจายก่อนถึงผู้โดยสารเหรอครับ ปล.สำนักข่าวเฮงซวยทีเรื่องบางเรื่องมันดันลงชื่อผู้เสียหาย จากคุณ : จอมโจรจอมกระล่อน เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 08:18:40

ความคิดเห็นที่ 21 รู้แต่ว่า  มีข่าวออกมานับสิบครั้ง    ข่าวแจ้งความและจับ taxi จะใหญ่มาก ขึ้นหน้า 1 เด่นชัด แต่พอเข้ากระบวนการพิสูจน์เสร็จสิ้น   ผลออกมาอย่างไร  ไม่เคยมีข่าว ที่แน่ๆ  ถ้าผลออกมาผิดจริง  นักข่าวต้องเล่นแล้ว แต่ที่ไม่มีข่าว  เพราะมันไม่พบอะไร  นักข่าวก็ไม่คิดจะตีข่าวเพื่อแก้ความเข้าใจผิด จากคุณ : EITHER เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 08:18:56

ความคิดเห็นที่ 22 ยังมีคนเชื่ออยู่อีกหรอเนี่ย จากคุณ : HiGain เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 08:19:33

ความคิดเห็นที่ 23   แพทย์ลงความเห็น นี่มันลงในข่าว เอาที่ออกมาจากปากหมอ ง้างออกมาพูดหรือลงในใบรัรองแพทย์ดีกว่า แม้ ยาสลบที่เป็นสารระเหยนั้นมันฟุ้งอยู่แล้วเพราะเป็นสารโมเลกุลเบา ถ้าสลบต้องสลบทั้งคู่ ง่าวมากๆ ดูรายการผู้(ดำเนินรายการ)หญิง(ปัญญาอ่อน) ถึงผู้หญิง ที่เอา ฟอร์เวิอเมล์มาเล่า จนคนกใจทั่วเมือง อีพวกนี้มีปัญญาแค่จำขี้ปากเขาเล่ามา ไม่มีปัญญาแสวงหาความจริงเลยนะ จบนิเทศมาจริงเปล่าว๊าพวกนี้ จากคุณ : หยาดฝน เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 08:48:52 A:124.121.151.65 X: TicketID:242181

ความคิดเห็นที่ 24 ด้วยความเคารพ จขกท ผมเองเป็นเภสัช ผมยังนึกไม่ออกเลยครับว่ายานั้นเป็นยาอะไร เพราะเท่าที่ทราบมันไม่มีครับ ในหลักสูตรที่เรียนก็ไม่มีนะครับ ยังยืนยันความเห็นเหมือนหมอ เจ(JFK) ครับ จากคุณ : bombbali เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 08:52:34

ความคิดเห็นที่ 25 แท็กซี่มีเฮ   เตรียมหาทนายไว้ได้เลยน้อง   ได้ตังค์แน่ จากคุณ : แพะภูเขาเจ้าเล่ห์ เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 08:56:34

ความคิดเห็นที่ 26 ถึง คห8 เพราะมันยังไม่ชัดไงครับ ผมแค่อยากให้มาถกกัน ผมถึงไม่ลงหน้าแท็กซี่ คห 9 ขอบคุณครับ ผมจะไปอ่านดู คห 11 ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ แต่อาจมีสารตัวอื่นเป็นไปได้ไหมครับ นอกจากยาสลบที่ใช้กัน และผมเห็นด้วยที่ให้รอผล แต่เราก็ระวังตัวไว้ก่อน ไม่เสียหายไม่ใช่หรือ เพราะถ้าผลการตรวจสอบออกช้า หรือ ไม่เป็นข่าวล่ะ มันยังไม่มีหน่วยงานไหนรับผิดชอบไม่ใช่หรือครับ และอีกอย่าง ผมงงมาก...ผมไม่ได้ว่าแท็กซี่ส่วนใหญ่ไม่ดีนะครับ ที่นี่บอร์ดสาธารณะ เราก็น่าจะนำมาคุยกันได้ ทีเวลาเรื่อง NP Faster และ GT200 เขายังไม่พิสูจน์กันเลย ยังคุยกันได้เลย( จนตอนหลัง นำมาสู่การพิสูจน์ในที่สุด ซึ่งก็เป็นเรื่องดีไม่ใช่หรือครับ) คห 17 ผมไม่ได้ว่าแท็กซี่เป็นคนไม่ดีซะหน่อยนี่ครับ คนรู้จักผมที่ขับแท็กซี่ก็มี โปรดเข้าใจด้วยครับ คห 21 นั่นไงครับ เป็นข่าวหลายครั้ง แต่ไม่เคยมีผลตรวจสอบออกมาเป็นข่าวซะที ถ้าไม่นำมาพูดกัน มันก็ไม่มีใครสนใจ และไม่นำมาสู่การพิสูจน์ ผมว่าเรื่องนี้ น่าจะเป็นผลดีกับ ชาวแท็กซี่โดยรวมนะครับ ปล. ย้ำอีกครั้ง กรุณาอย่าเหมาว่าแท็กซี่เป็นคนเลว แต่ผมอยากให้เรานำเรื่องนี้มาคุยกัน ซึ่งถ้านำไปสู่การพิสูจน์ได้จะดีมากๆ เลย ปล2. ผมว่าที่ผมตั้งข้อสังเกตไว้ใน คห 1 ยังไม่มีท่านใดตอบแบบชัดเจนทีละข้อเลยนะครับ จากคุณ : ทัพทัน เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 09:09:39

ความคิดเห็นที่ 27 ไม่แน่ใจนะ 1. แต่เนื่องจากมันเริ่มมาจาก forward mail ถึงจะจริงครึ่ง ไม่จริงครึ่ง ผมก็ไม่เชื่อไปแล้วล่ะ 2. ถ้ามันเคยเกิดขึ้นจริง มันคงไม่ใช่เกิดขึ้นแค่ครั้งเดียว กับคนเดียว  มันน่าจะเกิดขึ้นหลายครั้งแล้ว แต่ทำไมไม่เคยมีผู้เสียหายไปแจ้งความดำเนินคดีเลยแม้แต่คนเดียว จะบอกว่า เพราะเหยื่อโดนถ่ายคลิป-รูปเพื่อ Blackmail เหยื่อเลยไม่กล้าแจ้งความ แต่ถ้ามีเคสลักษณะนี้ เป็นความจริง ผมว่า เหยื่อคงโดนทั้งรีด ทั้งไถ ทั้งข่มขืนต่อเนื่อง จนทนไม่ไหว มาแจ้งความอยู่ดีครับ แต่...ก็ไม่เคยเห็นมีนะ จากคุณ : P_Wut เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 09:19:50

ความคิดเห็นที่ 28 ขอรบกวนดูตรงนี้ อีกประเด็น ว่ายังไงกันแน่ "ระหว่างนั้น น.ส.แอนเห็นคนขับใช้มืออังแอร์คอนโซลหน้ารถตลอดเวลาจนผิดสังเกต ทำให้ผู้เสียหายเริ่มมีอาการมึนงงเหมือนจะหมดสติ เลยบอกให้จอดรถ แต่คนขับไม่ยอมจอดเลยตัดสินใจเปิดประตูทิ้งตัวลงจากรถ โดยที่คนขับก็ไม่หยุดรถลงมาดู แต่กลับขับรถหนีไปอย่างรวดเร็ว" 1. ทำไมเมื่อผู้โดยสารบอกให้จอดกลับไม่จอด (แต่เสียดายผู้หญิงคนนี้ไม่ได้บอกว่าขับไปไกลแค่ไหน มีแต่แท็กซี่ที่บอกว่า ขับไป 100 เมตร) 2. ถ้าผู้หญิงคนนี้ ถึงขนาดทิ้งตัวลงรถ (ผมไม่รู้ว่าข่าวเวอร์ไปหรือไม่ ทำไมไม่บาดเจ็บ) แต่ผมว่าโดยธรรมชาติ แท็กซี่ก็คงต้องถามว่า "ลงรถทำไม ไม่ไปแล้วหรือครับ" ไม่ใช่ขับออกไปเฉยๆ แบบนี้ จากคุณ : ทัพทัน เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 09:24:47

ความคิดเห็นที่ 29 อย่าลืมว่าในแท็กซี่ มันระบบปิด อยากรู้ว่าละอองยากระจายยังไง  จุดะปอังหน้าแอร์ก็รู้  มันก็โดนทั้งคนขับ คนนั่งนั่นหล่ะ...แต่ต้องใช้ปริมาณเท่าไหร่หล่ะ !!  จริงๆ อยากเตือนสาวๆ เอาเวลานั่งมองมือถือ ไปมองกระจกหน้ารถดีกว่า อย่างน้อยเตรียมพร้อมกับสิ่งอื่นๆ เช่นอุบัติเหตุ ที่สำคัญ  ตาเหล่มา แฟนไม่รักนะเออ !! จากคุณ : อยากขับพรีเซียไปเหยียบคนบล็อค เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 09:27:21

ความคิดเห็นที่ 30 ไม่น่าจะเป็นไปได้  แล้วคนขับไม่สลบเป็นไปได้ไง  ไม่เชื่อคะ จากคุณ : chapa66 เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 09:49:28

ความคิดเห็นที่ 31 ผลตรวจยังไม่ออกเลย จากคุณ : Jump.Jr เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 09:52:22

ความคิดเห็นที่ 32 ไปอุดฟันที่​ ​รพ​.​วิภาวดี​ ​เสร็จ​แล้ว​ได้​เรียกรถแท็กซี่สี​เหลือง​-​เขียว​ ​ทะ​เบียน​ ​มจ​ 5756 ​กรุงเทพมหานคร​  ​ไปส่งบ้านย่านรังสิตคลองสอง​ ​พอขึ้นนั่งที่​เบาะหลังด้านซ้าย​ ​โชเฟอร์​แท็กซี่​แสดงพิรุธตั้งแต่ต้นเมื่อขับรถออกทันที​โดย​ไม่​ถามสักคำ​ว่า​จะ​ไปที่​ไหน​ ​ *********************************************** แท็กซี่ก็ต้องวิ่งไปตามทางที่ควรไปสิครับ ผู้​เสียหายเห็นพฤติกรรมน่าสงสัย​จึง​รีบส่งข้อ​ความ​บอกทะ​เบียนรถแท็กซี่​ให้​แฟนทราบเพื่อป้อง​กัน​เหตุร้าย​ ************************************************ มาอีกละพวกเล่นมือถือบนรถ แต่กลับขับรถหนี​ไปอย่างรวด​เร็ว​ ​น​.​ส​.​แอน​ได้​ขอ​ความ​ช่วย​เหลือ​จาก​พลเมืองดี​ให้​ ​ประคองมาส่งที่​ ​รพ​.​วิภาวดีอีกครั้ง​ ​ก่อน​เป็น​ลมหมดสติ​ไปประมาณ​ 10 ​นาที​ ​แพทย์ตรวจร่างกายเบื้องต้น​แล้ว​ลง​ความ​เห็นว่า​เหยื่อน่า​จะ​ถูกมอมยา​ ******************************************************* แพทย์เก่งจังนะครับ ตรวจปุ๊บรู้เลยว่าโดนมอมยา เก่งจังเนอะแท๊กซี่คันนี้ปล่อยยาแต่ตัวเองไม่สลบ ยากระจายไปถึงคนหลังได้ อยากรู้ว่าโชเฟอร์ป้องกันตัวยังไงครับ มีหน้ากาก ปิดหน้าปิดตาปิดจมูกหรือเปล่า หรือใส่หน้ากากเต็มยศจึงไม่โดนยาที่กระจายมาจากช่องแอร์ จากคุณ : [Radio Edit] เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 10:07:20

ความคิดเห็นที่ 33 เรื่องของเรื่องมันอยู่ที่นักข่าวครับ ผมไม่ชอบเลยการเสนอข่าวที่เกินไปจากความเป็นจริง ทำให้ผู้อื่นเสียหายมานักต่อนักแล้ว สมมุติมี 1-10 เรื่องแค่ 3 แต่นักข่าวร่ายไป 10 แล้ว อยากให้มีความรับผิดชอบต่อชื่อเสียงของเพื่อนมนุษย์บ้าง จากคุณ : ซุปเปอร์เดปอร์ เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 10:32:46

ความคิดเห็นที่ 34 ไม่ค่อยเชื่อเหมือนกันค่ะ ยาที่แรงขนาดคนข้างหลังสูดดมก็มึนแล้วเนี่ย คนที่สัมผัสโดยตรง (มือที่เอายาไปอังแอร์นั่นแหละ) แถมนั่งหน้าเนี่ย ไม่เสี่ยงกว่าเหรอคะ เราว่าที่เล่นมือถือแล้วเมารถ เป็นไปได้มากกว่าค่ะ เหมือนการอ่านหนังสือบนรถนั่นแหละ แล้วมือถือเนี่ยตัวหนังสือทั้งตัวเล็ก หน้าจอเปลี่ยนไปมา ทั้งจ้อง ทั้งสมาธิเยอะ เมาท์มันส์ ดูรูป เมนต์ซะหน่อย อากาศในรถแท๊กซี่ เราว่ามันค่อนข้างจะอุดอู้อยู่แล้ว แถมบางคันก็ขับนิ่งๆซะที่ไหนล่ะคะ แค่นั่งเฉยๆก็มีโอกาสเมารถกว่าปกติอยู่แล้วค่ะ จากคุณ : Mee_Cola เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 10:37:12

ความคิดเห็นที่ 35 จริงๆแล้วอยากให้จิตแพทย์เข้ามาอธิบายมากกว่า ผมเป็นเภสัชกร และ ไม่ได้รู้จักกับผู้เสียหาย แต่ขออนุญาตออกความเห็นทางการแพทย์ ซึ่งอาจจะไม่ถูกต้องเสียทีเดียว ผู้อ่านควรพิจารณา และไม่มีเจตนาดูหมิ่นผู้ใด ...โรคแพนิค... เป็นโรคชนิดหนึ่งที่มีคนเป็นกันมากและเป็นกันมานานแล้วแต่ประชาชนทั่วไปมักไม่ค่อย รู้จักและยังไม่มีชื่อโรคอย่างเป็นทางการในภาษาไทย บางคนอาจเรียกโรคนี้ว่า "หัวใจอ่อน" หรือ " ประสาทลงหัวใจ"แต่จริงๆแล้วโรคนี้ไม่มีปัญหาอะไรที่หัวใจและ ไม่มีอันตราย เวลามีอาการผู้ป่วย จะรู้สึกใจสั่นหัวใจเต้นแรง อึดอัด แน่นหน้าอก หายใจไม่ทันหรือหายไม่เต็มอิ่ม ขาสั่น มือสั่น มือเย็น บางคนจะมีอาการวิงเวียนหรือมึนศีรษะท้องไส้ปั่นป่วนขณะมีอาการผู้ป่วยมักจะรู้สึกกลัวด้วยโดยที่ ส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะกลัวว่าตัวเองกำลังจะตายกลัวเป็นโรคหัวใจบางคนกลัวว่าตนกำลังจะเสียสติหรือ เป็นบ้าอาการต่างๆมักเกิดขึ้นทันทีและค่อยๆรุนแรงขึ้นเรื่อยๆจนเต็มที่ในเวลาประมาณ 10 นาที คงอยู่สักระยะหนึ่ง แล้วค่อยๆทุเลาลง อาการมักจะหายหรือเกือบหายในเวลาประมาณครึ่งชั่วโมง หลังจากอาการแพนิคหายผู้ป่วยมักจะเพลียและในช่วงที่ไม่มีอาการผู้ป่วยมักจะกังวลกลัวว่าจะเป็นอีก อาการแพนิคจะเกิดที่ไหนเมื่อไรก็ได้และคาดเดาได้ยากแต่ผู้ป่วยมักพยายามสังเกตุและเชื่อมโยงหาเหตุ ที่กระตุ้นให้เกิดอาการเพื่อที่ตนจะได้หลีกเลี่ยงและรู้สึกว่าสามารถควบคุมมันได้บ้างเช่นผู้ป่วยบางราย ไปเกิดอาการขณะขับรถทำให้ไม่กล้าขับรถบางรายเกิดอาการขณะกำลังเดินข้ามสะพานลอยก็จะไม่กล้า ขึ้นสะพานลอยผู้ป่วยบางรายไม่กล้าไปไหนคนเดียวหรือไม่กล้าอยู่คนเดียวเพราะกลัวว่าถ้าเกิดอาการ ขึ้นมาอีกจะไม่มีใครช่วยในบางรายอาจมีเหตุกระตุ้นจริงๆบางอย่างได้เช่นการออกกำลังหนักๆหรือ เครื่องดื่มที่มีสารคาเฟอีนเช่น กาแฟ ชา น้ำโคล่า ในกรณีแบบนี้ควรหลีกเลี่ยงสิ่งต่างๆเหล่านี้ ขณะเกิดอาการผู้ป่วยมักกลัวและรีบไปโรงพยาบาลซึ่งแพทย์ที่ห้องฉุกเฉินมักตรวจไม่พบความผิดปกติ และมักได้รับการสรุปว่าเป็นอาการเครียดหรือคิดมากซึ่งผู้ป่วยก็มักยอมรับไม่ได้และปฏิเสธว่าไม่ได้เครียด เมื่อเกิดอาการอีกในครั้งต่อมาผู้ป่วยก็จะไปโรงพยาบาลอื่นและมักได้คำตอบแบบเดียวกันผู้ป่วยหลายๆ รายไปปรึกษาแพทย์เพื่อเช็คสุขภาพโดยเฉพาะหัวใจซึ่งก็มักได้รับการตรวจเช็คร่างกายอย่างละเอียดและ ไม่พบความผิดปกติอะไรที่สามารถอธิบายอาการดังกล่าวได้ซึ่งก็ยิ่งทำให้ผู้ป่วยกังวลมากขึ้นไปอีก อาการต่างๆที่เกิดขึ้นเรียกว่าอาการแพนิคซึ่งแปลว่าตื่นตระหนกเราจะสังเกตุได้ว่าอาการต่างๆจะคล้ายกับ อาการของคนที่กำลังตื่นตระหนกในโรคแพนิคผู้ป่วยจะเกิดอาการแพนิคนี้ขึ้นมาเองโดยไม่มีเหตุกระตุ้นและ เกิดแล้วเกิดอีกซ้ำๆการไม่รู้ว่าตนกำลังเป็นอะไรจะยิ่งเพิ่มความตื่นตระหนกให้รุนแรงขึ้นอาการแพนิค ไม่มีอันตราย อาการนี้ทำให้เกิดความไม่สบายเท่านั้นแต่ ไม่มีอันตราย สังเกตุได้จากการที่ผู้ป่วยมักจะ มีอาการมานานบางคนเป็นมาหลายปีเกิดอาการแพนิคมาเป็นร้อยครั้งแต่ก็ไม่เห็นเป็นอะไรสักทีบางคน เป็นทีไรต้องรีบไปโรงพยาบาล"แทบไม่ทัน"ทุกครั้งแต่ไม่ว่ารถจะติดอย่างไรก็ไป"ทัน"ทุกครั้งเพราะอาการ แพนิค ไม่มีอันตราย  เอกสารอ้างอิง คณะจิตเวช รพ.รามาธิบดี โดย นพ.สเปญ  อุ่นอนงค์ จากคุณ : CELEBREX เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 11:10:38

ความคิดเห็นที่ 36   แท็กซี่ คงตด ..แล้วเอามือ ไป อังให้ ลมพัดกลิ่นไปด้านหลัง.. ผุ้โดยสาร หญิง จึงมึนคง.. ส่วนคนขับ ไม่เป็น ไร..เพราะชินกลิ่นตัวเอง..!!! เอาแบบนี้ พอฟังมากกว่าไม๊??? ส่วนตัวไม่เชื่อ เรื่อยาสลบ เพราะถ้าใช้ยาสลบ..แท็กซี่ ก็ไม่น่าจะรอด ก็น่าสลบด้วย.. บางที ไอ่พวก fwd mail ..มัน สะกดจิต..ทำให้เกิดอุปทาน ไปด้วย. อ่านมากๆ ก็เพ้อเจ้อ..คิดมากไปเอง ก็มี.. หลังๆ เนี่ยะประเภท fwd mail ผมไม่เคยเชื่อ เลย.. จากคุณ : ~cupid~ เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 13:48:50 A:112.142.122.230 X: TicketID:230028

ความคิดเห็นที่ 37   ผมว่า หมอ ไม่ได้บอกอะไรหรอก ข่าวมันลงไปเองเรียบร้อย ถ้ารู้จักนักข่าว จะรู้ดีว่า วิธีการเขียนให้คนสนใจ มันต้องหาอะไรต่อเติมเข้าไปให้ดูดุเดือดเอาไว้ จะขายดีครับ โดยเฉพาะข่าวไทย ได้ผลดียิ่งนัก เพราะคนไทยเข้าตำรา "ตื่นข่าว" จากคุณ : นที เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 13:49:17 A:125.24.148.245 X: TicketID:072386

ความคิดเห็นที่ 38 ถ้าหมอลงความเห็นแบบนั้น คิดว่า งานจะเข้าหมอมากกว่าครับ.. จากคุณ : หมอก้อนหิน เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 14:16:21

ความคิดเห็นที่ 39 ห้องหว้่ากอถกเรื่องนี้จนได้ข้อสรุปไปตั้งนานแล้ว แต่อย่างว่าแหละ ก็คนมันจะเชื่อซะอย่าง ให้หมอทั้งประเทศมาตะโกนกรอกหูยังไงก็ไม่สนอยู่แล้วนี่ จากคุณ : ลูกจ้างดีเด่น เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 14:26:45

ความคิดเห็นที่ 40   พนักงานการบินไทย นางนี้ คงได้รับ FW MAIL เรื่องนี้เหมือนกัน เลยเชื่อเป็นตุเป็นตะว่าโดนแบบนั้น จากคุณ : x1000r/min. เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 15:10:49

ความคิดเห็นที่ 41   หากใครสังเกตุ เหมือนกับผม เวลานั่งเบาะนั่งแถวหลัง ผมจะเมารถ เวียนหัวครับ ดังนั้นอาจเป็นการเมารถหรือเปล่า ดังนั้นเวลาขึ้นแทกซี่ ผมจะนั่งคู่กับคนขับครับ เพราะนั่งหลังแล้วมันเมารถครับ จากคุณ : SPORTERO (SPORTERO) เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 15:13:26

ความคิดเห็นที่ 42 ขึ้นไปไม่ถึง 100 เมตร ทิ้งตัวลงจากรถ 555 แท็กซี่บอกว่าจอดให้ลงไม่ใช่รึ คนนี้สงสัยอ่าน FW MAIL มากไปแค่นั้นอ่ะ แถมพึ่งไปอุดฟันมาอีก เมาดีบุกอ่ะเป่า 55 จากคุณ : หงส์โหด เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 15:30:40

ความคิดเห็นที่ 43 เป็นเพราะทำฟันอ่ะเปล่า เพราะเห็นว่ามันมีแก๊สอ่ะไรสักอย่างให้เบลอๆนิไม่รู้ว่าเรียกว่าอะไร และการทำฟันครั้งนี้ได้ใช่แก๊สอันนั้นอ่ะเปล่า อันนี้สันนิฐานเช่นกันนะคะ ส่วนเรื่องกระโดดลงแล้วขับหนี เป็นไปได้ไหมว่าเค้าก็ตกใจ หนีไปตั้งหลักก่อน เพราะว่าแต่ละคนตกใจแสดงออกไม่เหมือนกันนะคะ จากคุณ : ข้าวโพดน้ำแดง เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 15:31:38

ความคิดเห็นที่ 44 เรื่องอุดฟัน ผมก็เคยขับรถพาแม่ผมเองไปทำฟัน แม่ก็ขึ้นรถนั่งข้างผมหรือนั่งหน้า ออกรถไปได้แปปเดียวแม่ก็หลับละ หลับยาวถึงบ้าน ต้องเขย่าตัวถึงจะตื่น สงสัยผมขับรถไปวางยาแม่ตัวเองไปแน่เลย แต่ผมป่าวเอามือไปบังแอร์นะครับ จากคุณ : คนขวางโลก (karinkr) เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 15:45:41

ความคิดเห็นที่ 45 http://www.pantip.com/cafe/wahkor/ ห้องเนี้ย เข้ามาอ่านมั่งนะครับ จากคุณ : แอบอยู่ในเงามืด เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 16:09:20

ความคิดเห็นที่ 46 ใช้ GT200 เลยครับ จากคุณ : SysTemReStore เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 16:14:47

ความคิดเห็นที่ 47 ถ้ายามันหาง่ายขนาดนั้นหรือมีจริง สื่อมันกัดไม่ปล่อยแน่ จากคุณ : qerlic เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 16:23:14

ความคิดเห็นที่ 48 ผมไม่เชื่อนักข่าวมากกว่า... บทพิสูจน์ยังไม่เคยอ่านเลยครับว่าตกลง ทุกเคสจบอย่างไร... แต่ข่าวไปแล้ว...ข่าวฟรีไหม...ไม่ฟรีครับ...เขาได้สตังก์ ... ถ้าพาดหัวดี ๆ คนสนใจ...เห็นหัวข้อข่าวก็ขายได้ล่ะ...และ สังคมพร้อมจะ เชื่อ...ซะด้วยสิครับ... ผมว่าถ้ามันจริงนะ...ไม่แท็กซี่ใช้หรอกครับ... พวกหนุ่ม ๆ ที่จะหลอกสาว ๆ มีกันเยอะออก....ป่านนี้ว่อนขายในเน็ตแล้วครับ... และคดีคงมีเยอะกว่านี้อีกมหาศาล... แท็กซี่จะมีความรู้เรื่องเคมีดีมากกว่าหมอ พยาบาล หรือ คนเรียนเยอะ ๆ เหรอครับ...ผมไม่ได้ดูถูกนะ...แต่มองจากส่วนใหญ่... ส่วนตัวก็เคยขับซะด้วยสิครับ...3 ปี...ในกทม...ในอดีต... แท็กซี่พระรามเก้า ขาวคาดเขียวฟ้า...ทะเบียน 7112 รุ่นแรก ๆ เลยครับ... จะรอหลักฐานทางการแพทย์นะครับ...ว่าบทสรุปเรื่องนี้ จบอย่างไร(อีกครั้ง) จากคุณ : aaa_a...ครับผม เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 16:27:35

ความคิดเห็นที่ 49 บางทีเรามุ่งประเด็นไปที่ช่องแอร์หรือเปล่าครับ  ถ้ายาสลบมันตั้งไปที่เบาะหลังตั้งแต่แรก อาจจะเป็นไปได้มากกว่าใหม่ครับ ส่วนการเอามือบังแอร์เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจหรือเปล่า ปล.สงสัยเราจะดูคินดะอิจิมากไป จากคุณ : Prover เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 16:38:04

ความคิดเห็นที่ 50 อย่าเชื่อเนื้อหาในข่าวมาก บางทีผิดเพี้ยนจากความเป็นจริง ยิ่งนสพ.สีเขียวนี่ ใส่ไข่เยอะ เพราะเจอมากับคนรู้จักเกิดเรื่อง เขียนเป็นตุเป็นตะ ผมว่าหมอเค้าคงลงความเห็น เพราะดูจากสภาพคนไข้มากกว่า ไม่มีหมอที่ไหนกล้าสรุปทันทีหรอกครับ ตรงรอผลพิสูจน์อีกที จริงๆผมว่าเป็นไปไม่ได้เหมือนกัน ที่จะใช้ยาสลบ แต่อยากให้เป็นข้อคิดอย่างหนึ่ง กลิ่นรถในแท๊กซื่หลายคัน ชวนให้เวียนศีรษะจริงๆ แค่นั่งแค่ 5 นาทีก็จะอ้วกแล้ว จากคุณ : big head เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 16:42:34

ความคิดเห็นที่ 51 ผมว่าคงมึนจากการอุดฟัน เพราะก่อนอุดฟันหมอก็ต้องกรอฟันถูกปล่าวครับ คนไข้คงมีอาการมึนจากสาเหตุนี้แหละ พอขึ้นนั่งบนรถก็เลยมึนต่อไปอีก แหะ ๆ เก่งจริง ๆผมเนียะ จากคุณ : alien1200 เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 16:47:19

ความคิดเห็นที่ 52   มอมผู้โดยสารโดยตัวเองไม่มีอาการ มันทำได้มาตั้งนานนานแล้วครับ ตามหนังสือเขาเขียนลงไว้มาหลายสิบปี หลายร้อยเล่ม ไม่เคยอ่านกันเลยหรือครับ ยาขจัดไงครับท่าน ง่ายจะตาย โกวเล้ง กิมย้ง ท่านเคยเขียนบอกมาหมดแล้ว แท็กซี่เค้าต้องกินยาขจัดไว้ก่อนชัวร์ หรืออีกอย่างก็เดินลมปราณสกัดพิษไว้เป็นแน่ 555 จากคุณ : Enceladus เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 16:50:30

ความคิดเห็นที่ 53 การอุดฟันหมอฟันใช้อย่างมากก็ยาชาเฉพาะที่ (Local Anesthesia) ครับ ไม่ได้ใช้ยาที่มีผลต่อสมองส่วนกลาง ส่วนการที่คนไข้ง่วงหลังการทำฟันเป็นไปได้ครับ จากสาเหตุที่เกิดความเครียดระหว่างการทำฟัน เมื่อทำเสร็จก็ผ่อนคลาย เลยง่วงและอ่อนเพลียน่ะครับ ... จากคุณ : weekest เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 17:00:43

ความคิดเห็นที่ 54 เป็นที่น่าแปลใจเป็นอย่างยิ่ง  ที่ไม่เคยมีคดีมอมยาแล้วปลดทรัพย์ หรือกระทำการ ได้สำเร็จสักครั้งเลยหรืออย่างไร แล้วทำไมยังจะมีคนพยายามทำกันอีกหรือ เปลี่ยนเป็นจี้ ดีกว่ามั๊ยครับ  อิอิ จากคุณ : ขอชื่อที่รักจ๋า ณ พันทิป เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 17:10:46

ความคิดเห็นที่ 55 ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ ผมคนนึงที่เชื่อ จากคุณ : ผมรู้คุณก็ใช้ เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 17:25:50

ความคิดเห็นที่ 56 อยากให้ช่วยวิเคราะห์หน่อยนะครับ อันนี้เป็นรุ่นน้อง(ญ)เจอมากับตัวเค้าเองเค้าเล่าให้ฟังว่า "เค้าเดินทางกลับจากที่ทำงาน ย่านเอกมัย เวลาประมาณ 22.00 น. ก็มีแท๊กซี่สีชมพูผ่านมา แต่กระจกไม่ได้ปิดเลย เปิดหมดทั้งสี่บาน แต่น้องเค้าก็ไม่ได้เอะใจเพราะคิดว่า Taxi ไม่มีคนคงจะเปิดกระจกไม่เปิดแอร์เพื่อจะได้ประหยัดน้ำมัน เค้าก็เรียกให้ไปส่งเค้าที่บ้าน Taxi ก็ขับไป แล้วก็ปิดกระจกทั้งสี่บานเปิดแอร์ตามปรกติที่ Taxi เค้าทำๆกัน แต่เปิดแอร์แรงมาก เปิดแรงสุด (พัดลมแรง ซึ่งน้องเค้าก็คิดว่าคงเปิดให้เย็นเร็วๆมั้ง) สักพักไม่เกินครึ่งนาทีน้องเค้าได้กลิ่นเหม็นนิดๆ มาจากแอร์ ก็เริ่มมึนๆ เหมือนจะอ้วก เลยบอกให้คนขับปิดแอร์หน่อย เค้าหนาว แต่คนขับบอกว่า ปิดไม่ได้หรอกน้อง เดี๋ยวไม่มีอากาศ (ตอนนี้น้องเริ่มมึน และแรงไม่ค่อยมีแล้ว เค้าบอกว่าเหมือนเมา แต่หนักกว่าเพราะหมดแรงด้วย) เลยสังเกตไปที่คนขับรถ เห็นว่าอยู่ดีๆกลายเป็นคนขับรถใส่หน้ากากปิดซะงั้น (น้องเค้าบอกว่าพอขึ้น Taxi เค้าเป็นคนชอบมองวิวข้างนอกอยู่แล้ว เลยไม่ได้สังเกตคนขับรถ) เค้าเลยบอกให้จอด มันก็ไม่ยอมจอด แถมเงียบแล้วขับต่อด้วยความเร็วสูง ตอนนั้นน้องบอกว่าคิดอะไรไม่ออกก็กดโทรศัพท์ไป 191 ก่อน อ่อ น้องบอกว่าพยายามมองหาป้ายที่บอกทะเบียนในรถก็มองไม่เห็น (สงสัยกำลังมึนหรือมันถอดออกอันนี้ไม่ทราบครับ) โทรติดไม่ติดไม่รู้แต่แกล้งพูดว่า คุณตำรวจคะ... มันเลยรีบจอด น้องเลยรีบลงมา (ตอนนั้นยังมึนๆ เค้าบอกว่าเหมือนตอนเมา) พอลงมามันรีบขับออกไปเลย (ตังก็ยังไม่จ่าย ถ้าเป็นคนปรกติน่าจะมาเก็บตังใช่ไหมอ่ะครับ) แล้วก็แถวนั้นพอดีมีคน (ห่างป้ายรถเมล์ประมาณ 10 กว่าเมตร) เลยมีคนมาถามว่าเป็นอะไร เพราะน้องเค้านั่งบนฟุตบาทเลย เค้าเลยโทรแจ้งตำรวจให้ เพราะตอนนั้นน้องเค้าบอกว่าเค้าพูดไม่รู้เรื่องแล้ว สักพักตำรวจก็มาตรึม (มาช้าไปแล้ว แป่ว -_-'' ) อยากให้ช่วยวิเคราะห์อ่ะครับว่า ถ้าในกรณีที่ไม่ใช่คนในข่าว (ที่ Taxi ปรกติไม่ได้ใส่หน้ากากอะไร) แต่เป็นแบบรุ่นน้องผม คือคนขับใส่หน้ากากป้องกันตัวเอง ซึ่งอาจจะมีสารอะไรสักอย่างที่อาจจะป้องกันสารนั้นได้ แล้วใช้สารที่มีผลให้มึนๆ กับน้องผม จะเป็นไปได้ไหมครับ ปล.แก้คำผิดครับ ปล.2. แก้อีกรอบ ให้อ่านเข้าใจง่ายขึ้นครับ แก้ไขเมื่อ 15 ก.พ. 53 17:48:52 แก้ไขเมื่อ 15 ก.พ. 53 17:45:14 จากคุณ : Ethan_Hunt เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 17:43:45

ความคิดเห็นที่ 57 สาวบินไทย "เมายาชา" (แพ้ยาชา?) ส่วนดาราสาว "เมา BB" (วิงเวียนศีรษะ?) จากคุณ : ใต้ร่มเงาขาว-กรมท่า เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 17:46:24

ความคิดเห็นที่ 58 การมอมยาผู้โดยสาร เป็นเทคนิคมิจฉาชีพที่ห่วยแตก ไร้ประสิทธิภาพมากที่สุด ออกข่าวมา fwd mail มา หรือบอกต่อๆ กันมา ไม่เคยมีใครรูดทรัพย์ได้สำเร็จ ไม่เคยมีข่าว ไม่เคยมีการไปแจ้งความว่าโดนรูด หรือข่มขืนสำเร็จไปแล้วด้วยวิธีนี้ มีแต่ "เกือบไป" "รอดหวุดหวิด" ทั้งนั้น แท็กซี่ท่านใดจะใช้วิธีนี้ โปรดอย่าใช้เลยครับ เป็นวิธีที่ไม่ได้ผลเลย รอดทุกราย หวุดหวิดเกือบไปทุกราย จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 18:28:19

ความคิดเห็นที่ 59 เออ.....ว่าแต่รถ taxi เดี๋ยวนี้มันเปิดกระจกหน้าต่างจากประตูด้านที่เรานั่งไม่ได้แล้วเหรอ สงสัยว่าทำไมเกือบทุกคนที่เริ่มรู้สึกว่ากำลังโดนรมยาสลบ จึงไม่เคยเห็นใครพยายามจะเปิดหน้าต่างเลย มันน่าจะง่ายกว่ากระโดดลงรถตอนรถกำลังวิ่งอยู่นะ แล้วถ้าเปิดหน้าต่างให้ลมโกรกเข้ามาขนาดนั้นแล้วคนนั่งยังจะสลบอีก ผมว่าไม่ใช่แค่คนขับจะสลบไปด้วยหรอก อุ้มช้างขึ้นไปบนรถมันก็ไม่น่าจะรอดล่ะ จากคุณ : Vans เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 18:54:45

ความคิดเห็นที่ 60 รอผลพิสูจน์ก่อนแล้วค่อยมาอภิปราย คงไม่สายไป จากคุณ : แสงเรืองรองของฟ้าหลังฝน เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 19:14:32

ความคิดเห็นที่ 61 เฮ้ออออ เรื่องนี้อีกแล้วเหรอครับ ??? สงสัยมั๊ย ว่าทำไม ... ยาพวกนี้ ถึงมีแต่ Taxi ใช้ ??? ทำไม คนปกติ ที่ไม่ได้ขับ Taxi แต่อยากปล้ำสาวที่ตัวเองชอบ ไม่เอาไปใช้บ้าง ??? (ประหยัดกว่า เสียตังค์ กินข้าว , ดูหนัง , ดูคอนเสิร์ต , พาไปเที่ยว ... เยอะแยะ !!!!) คนขับ Taxi มีสิทธิ์พิเศษซื้อยานี้ได้เพียงอาชีพเดียวเหรอ ??? เด๋วหาซื้อมั่ง เอาไปรับ ... น้องริโย่ !!! แก้ไขเมื่อ 15 ก.พ. 53 19:43:30 จากคุณ : *PIPPO* เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 19:15:18

ความคิดเห็นที่ 62 แท็กซี่ผิดไม่ผิดไม่รู้แต่ลงหน้า 1 เต็มๆ กลายเป็นคนเลวของสังคมไปแล้ว ถ้าพิสูจน์ออกมาว่าไม่ผิด ก็ไม่มีใครลงข่าวแก้ต่างให้เค้า เศร้าจัง.... จากคุณ : Disorder เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 19:20:30

ความคิดเห็นที่ 63   จริง หว่ะ เอีย ปิ๊ปป.. ประกาศ ประกาศ!!! ถ้า แท็กซี่ ท่านไหน...มี..ยาชนิดนี้...มิต้อง ไป วางยา รูด ทรัพย์ ผุ้โดยสารให้เสียภาพพจน์ แท็กซี่ นะครับ... รูดทรัพย์ ผุ้โดยสาร หญิง..ได้ไม่กี่ตังหรอก...ส่วนมาก สาวๆ สวยๆ รวยๆ..เนี่ยะ..หนุ่มๆ เข้าแถว รอรับ กลับบ้าน..กันเป็นแถบๆ ไม่ต้อง เกาะแท็กซี่ หรอก ถ้า แท็กซี่ ท่านใด...มียา ชนิดนี้...กรุณาติดต่อ..~cupid~ และคณะ..ยินดีให้ราคา อย่าง งาม...แล้วแต่ท่านเรียก... อั๊วะ หว่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ((แหงนหน้า อ้าปาก แบบดาวร้าย ยุค 70'sX)) ส่วนถ้า ท่านมีจิต ประสงค์ ต่อ ร่างกาย หญิงสาว บนแท็กซี่ ข้าพเจ้า ~cupid~ และคณะ..มีความยินดี จะบอกพวกท่านว่า ท่านแท็กซี่ มิต้องไป เสี่ยง คุก เสี่ยงตาราง..มอมยา หญิงสาว..เหล่านั้น..มาหา ~cupid~ พร้อมนำยา มาด้วย..(รับรอง ด้วยจรรยาบรรณของบัตรผ่าน หื่นกาม อันดับ 1 ของพันทิป แปดปีซ้อน) เป็นประกัน ว่าจะไม่มีการแจ้งตำรวจ ให้ใครรู้เด็ดขาด ~cupid~ จะพาท่าน ไปสู่ สายธาราวดี..อันสดใส ซาบซ่าส์..น้องๆ เหล่านั้น..จะบริการ พี่แท็กซี่ อย่างดี...~cupid~ ใจดี มอบ..สิทธิ์พิเศษ ให้ท่าน รับทาน แซนวิส..พร้อม วิสกี้..แบบ เต็มที่..เต็มเวลา หรือจะต่อ เวลา ก็ไม่มีการ ขัดข้องแต่ประการใด...และแน่นอน ทั้งหมด...ฟรี!!!! ด่วน แท็กซี่ ท่านใด สนใจ...ตัดสินใจติดต่อมา ภายใน ยี่สิบนาทีนี้..รับไปเลยทันที..ไวอากร้า..สองเม็ด..เพื่อเพิ่มความทนทานแข็งแกร่งให้แก่ท่านแท็กซี่..ที่มียานี้ไว้ในครอบครอง.. ยัง ยัง เท่านั้นยังไม่พอ...เพียงท่านแท็กซี่ติดต่อมาตอนนี้..รับเพิ่ม..ห้องสูท อ่างจากุซซี่ .+ ซาวน่า ..ด้วย..พร้อมกัน น้องๆ เบิ้ลไป อีกสองคน..เป็น สี่คน ถ้าตกลงแล้ว...ติดต่อมาทางกระทู้นี้ นะครับ...เราต้องการ ยา ตัวนี้ จริงๆ ..เราจะนำไปใช้ประโยชน์ทางการแพร่ด ครับ อั๊วะ หว่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า...ทีนี้สาวไหน ขึ้นรถตรู...อ่ะแฮ่มๆ... จากคุณ : ~cupid~ เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 19:32:23 A:112.142.122.230 X: TicketID:230028

ความคิดเห็นที่ 64 นักหนังสือพิมพ์ ใส่ไข่เติมสีแน่นอนครับ รายงานชัณสูตรไม่มีทางเขียนอะไรผูกมัดตัวเองแบบนั้นแน่นอน จากคุณ : หมอน้อย เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 19:36:15

ความคิดเห็นที่ 65 #55 เรื่องนี้มันเป็น วิทยาศาสตร์ นะครับ ถ้าเชื่อ รบกวนเอาข้อมูล ที่เป็น "วิทยาศาสตร์" ที่เชื่อถือได้ มาบอกหน่อยสิครับ หวังว่ามันคงไม่เกี่ยวกะไสยศาสตร์นะ ผมอยากเป็นข่าว เรื่องนี้มั่งจัง แต่เสียอย่างเดียว ...... ผู้โดยสารขึ้นรถผม แล้วไม่ค่อยอยากจะลง เพราะ รถสวย ของเล่นเยอะ อิอิอิ จากคุณ : *PIPPO* เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 19:41:48

ความคิดเห็นที่ 66 เฮ้ย อย่างงี้ผมตั้งกระทู้ให้ถกกันเรื่องกระสือก็ได้สินะ ถ้าผมเชื่อว่ากระสือมีจริง ใครห้ามด่าผมด้วยนะ ใครด่าขอให้มีอัน..... ถ้าผมจะใช้ตรรกะเดียวกันกับกระทู้นี้ ผมแถเรื่องกระสือได้นะ ว่า 1.ถึงนักวิทย์ฯจะบอกว่าการถอดไส้ออกมาลอยนั้นเป็นไปไม่ได้ แต่"อาจจะ"มีวิธีของพวกกระสือทำให้ถอดไส้ออกมาลอยได้นะครับ เราอาจจะยังไม่ค้นพบเท่านั้นเอง 2.ระวังไว้ไม่เสียหายนี่ครับ เวลาค่ำมืดอย่ามัวนั่งเล่นพันทิพย์กันโต้รุ่ง กระสือมากัดเอาไม่รู้ด้วย ระวังเอาไว้ไม่เสียหายครับ 3.ใครดูถูกเรื่องกระสือ เออ เออ .....ไม่เจอกับญาติพี่น้องบ้างก็แล้วไป 4.ถ้ามันไม่จริงแล้วมันจะมีฟอร์เวิร์ดเมลล์ได้ไงล่ะ ใครจะบ้ามานั่งกุเรื่อง 5.แพทย์วิญญาณ(หมอผี)ออกมายืนยันแล้วนะครับว่ากระสือมีจริง พวกคุณที่ด่าๆว่างมงายน่ะออกมาขอโทษกันด้วยนะครับ 6.ย้ำอีกทีว่าผมไม่ได้งมงาย แต่อยากให้มาถกกันเรื่องกระสือ อยากให้พิสูจน์กันไปเลยครับ แต่ระหว่างที่ยังพิสูจน์ไม่ได้ ขอให้ทุกคนระวังยามค่ำคืนเอาไว้ก่อน กันไว้ดีกว่าแก้ 7.ใครด่าผมขอให้มีอัน..... ------------------------------------------------------------------------------------------- เห็นไหมครับ ตรรกะแบบนี้มันสุดจะวิบัติจริงๆครับ ต่อไปใครเชื่อเรื่องไหนโดยไม่อยากรับข้อเท็จจริง ลองมาหยิบตรรกะที่ผมทำไปใช้ก็ได้ ผมสงสัยอยู่ข้อเดียวครับ แท๊กซี่เมืองไทยนี่มันเก่งกว่าหมอผ่าตัดอีกเหรอครับ แหม ทำให้คนสลบได้โดยง่ายเลยนะครับ ต่อไปเวลาผมไส้ติ่งอักเสบ ไม่ต้องไป รพ. แล้วสินะครับ โทรเข้าศูนย์แท๊กซี่เลย ขอคันที่รมยาเก่งๆ ช่วยผ่าไส้ติ่งให้ผมที แก้ไขเมื่อ 15 ก.พ. 53 19:58:12 จากคุณ : คนกราบเมีย เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 19:56:41

ความคิดเห็นที่ 67 GT 200 (ที่เดียวในโลก ที่เวทย์มนตร์มีจริง) น้ำหมักป้าเช็ง ยาสั่งแบบป้าย(มุ่งป้ายแต่ชาวบ้าน ร้านเพชรร้านทอง รวยกว่าโคตรๆแต่ไม่ยอมไปป้ายแฮะ มักน้อยดี) ยาสลบผ่านช่องแอร์(นำวิถี สามารถเลือกเหยื่อเองได้) เหรียญพลังจักรวาล หมอดูฟันธง คอนเฟิร์ม(ผิดเยอะ แต่ก็ยังมีคนเสียสติเสียเงินให้พวกมัน) ทั้งหมดนี้ เป็นไปได้ที่เดียวในกาแล็กซี่ทางช้างเผือก ที่ประเทศไทยเรานี่เอง   เย้ๆ จากคุณ : Ashley เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 20:29:56

ความคิดเห็นที่ 68 ความคิดเห็นที่ 66 1.ถึงนักวิทย์ฯจะบอกว่าการถอดไส้ออกมาลอยนั้นเป็นไปไม่ได้ แต่"อาจจะ"มีวิธีของพวกกระสือทำให้ถอดไส้ออกมาลอยได้นะครับ เราอาจจะยังไม่ค้นพบเท่านั้นเอง (อือ.. แล้วไง ข้อนี้ มันผิด หรือ มันเสียหายตรงไหนอ่ะครับ) 2.ระวังไว้ไม่เสียหายนี่ครับ เวลาค่ำมืดอย่ามัวนั่งเล่นพันทิพย์กันโต้รุ่ง กระสือมากัดเอาไม่รู้ด้วย ระวังเอาไว้ไม่เสียหายครับ (อือ.. นั่นสิ แล้วระวังตัวยามค่ำคืน มันผิด หรือเสียหายตรงไหนอีกแล้ว) 3.ใครดูถูกเรื่องกระสือ เออ เออ .....ไม่เจอกับญาติพี่น้องบ้างก็แล้วไป (อือ.. ก็นั่นสิครับ ใครไม่เชื่อก็เฉยๆ ไป ก็เท่านั้น คุณมีสิทธิ์ไปด่าอะไร คนที่เชื่อล่ะ) 4.ถ้ามันไม่จริงแล้วมันจะมีฟอร์เวิร์ดเมลล์ได้ไงล่ะ ใครจะบ้ามานั่งกุเรื่อง (อันนี้ ผมไม่ได้เอามาจากฟอร์เวิร์ดเมลล์ ผมขอผ่าน) 5.แพทย์วิญญาณ(หมอผี)ออกมายืนยันแล้วนะครับว่ากระสือมีจริง พวกคุณที่ด่าๆว่างมงายน่ะออกมาขอโทษกันด้วยนะครับ (ก็พิสูจน์มาสิครับ แล้วไงเหรอ งง...คือถ้ายืนยัน ก็พิสูจน์มาด้วย ก็แค่นั้น) 6.ย้ำอีกทีว่าผมไม่ได้งมงาย แต่อยากให้มาถกกันเรื่องกระสือ อยากให้พิสูจน์กันไปเลยครับ แต่ระหว่างที่ยังพิสูจน์ไม่ได้ ขอให้ทุกคนระวังยามค่ำคืนเอาไว้ก่อน กันไว้ดีกว่าแก้ (ย้อนกลับไปข้อ 2) 7.ใครด่าผมขอให้มีอัน..... (นั่นสิ.. แล้วคุณมีสิทธิ์ไปด่าอะไร คนที่เขาเชื่อล่ะ) สรุปคือ กระทู้นี้ ผมตั้งให้มาถกกัน แล้วถ้า อยู่ๆ คุณจะมาด่าผมได้ไงครับ ก็แค่นั้นเอง กระทู้นี้มันเลวร้ายตรงไหนหรือครับ สรุปคือ กระทู้นี้ ผมตั้งให้มาถกกัน แล้วถ้า อยู่ๆ คุณจะมาด่าผมได้ไงครับ ก็แค่นั้นเอง กระทู้นี้มันเลวร้ายตรงไหนหรือครับ สรุปคือ กระทู้นี้ ผมตั้งให้มาถกกัน แล้วถ้า อยู่ๆ คุณจะมาด่าผมได้ไงครับ ก็แค่นั้นเอง กระทู้นี้มันเลวร้ายตรงไหนหรือครับ จากคุณ : ทัพทัน เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 21:07:48

ความคิดเห็นที่ 69 ยังไม่ปักใจเชื่อค่ะ รอผลตรวจก่อน จากคุณ : -->+:+โชยุ&วาซาบิจัง+:+<-- เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 21:08:25

ความคิดเห็นที่ 70 ^ ^ แบบ คห 69 นี้ไงครับ ดีมาก ใครมีความเห็นแบบไหนก็ว่ากันไป ทำไมต้องด่ากันด้วย (ไม่ใช่หมายถึงเฉพาะกระทู้ผมนะครับ) ผมเชื่อว่า คนส่วนใหญ่เข้าใจดีว่าทุกอาชีพ มีทั้งคนดี และไม่ดี และ ผมเชื่อว่า แท็กซี่ส่วนใหญ่ 99.99% เป็นคนดี เพราะผมก็เจอมามาก ถ้า(บางคน)เล่นจ้อง แต่จะด่ากันลูกเดียว ต่อไปก็คงไม่มีใครตั้งกระทู้เตือนกันแน่นอน  โปรดเข้าใจด้วยนะครับ ส่วนเรื่องชื่อ แท็กซี่ ผมเห็นด้วยว่าไม่ควรลง ตรงนี้ขออภัยพี่แท็กซี่ด้วย ลบออกให้แล้วครับ จากคุณ : ทัพทัน เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 21:17:17

ความคิดเห็นที่ 71 ตกลงต้องการอะไรครับ บอกว่าต้องการตั้งกระทู้เพื่อให้ถก เค้าก็ถกแล้วไงครับ อย่าเข้าใจว่าคนที่เห็นต่างเค้ากำลัง"ด่า"คุณอยู่สิครับ หรือว่าต้องการแค่ คคห.ที่ตรงกับใจ เห็นนั่งจิ้ม"คคห.นี้ดีมาก","ต้องแบบคคห.นี้สิ" ก็บอกว่าอยากให้ถกกันมิใช่รึครับ แล้วจะให้คนอื่นเค้ามานั่งเห็นด้วยอย่างเดียวรึไง ไปอยู่ที่ไหนมาครับ ถามจริงๆ เรื่องแท๊กซี่มอมยานี่พันทิพย์เค้าถกกันจบไปแปดแสนรอบแล้วกระมัง ซึ่่งทุกรอบก็จะจบลงด้วยตรรกะแบบที่ผมยกไปนั่นแหละ คือเมื่อเถียงด้วยเหตุผลไม่ได้ ก็เถียงด้วยอารมณ์ดื้อๆ ความเชื่อเนี่ยมันเรื่องของใครของมันครับ แต่ไอ้การไปกล่าวหาแท๊กซี่แบบนั้นเนี่ย มันควรแล้วหรือ แท๊กซี่ก็คนนะครับ จากคุณ : คนกราบเมีย เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 21:35:15

ความคิดเห็นที่ 72 ผมเป็นวิสัญญีแพทย์ หรือหมอที่เชี่ยวชาญในการทำให้คนสลบ ขอตอบในประเด็นว่ามีทางที่สามารถให้ยาสลบทางการหายใจ ผ่านช่องแอร์ taxi ได้หรือไม่ 1 ยาสลบแบบที่ใช้สูดดมมีจริง แต่ต้องใช้ปริมาณมากๆ เช่นโปะบนจมูกเลย หรือผ่านหน้ากากหายใจ และยาที่มีอยู่ทุกตัวมีกลิ่นแรง ยังไงก็ต้องได้กลิ่นแน่นอน ดังนั้นการใช้โดยการผ่านช่องแอร์เป็นการให้โดยฟุ้งกระจาย ความเข้มข้นต่ำ ยังไงก็ไม่สลบ ไม่เคลิ้ม ไม่มึน และไม่มีตัวไหนเลยที่เป็นน้ำสีแดง 2 ยาสลบแบบสูดดม ถ้าในสภาพปิดในรถ ต้องการให้คนข้างหลังสลบ คนขับหรือคนอื่นในรถต้องสลบไปด้วย 3 ยาสลบแบบสูดดมไม่มียาแก้ฤทธิ์ ไม่ต้องอ้างว่าคนขับกินยาแก้มาก่อน เป็นไปไม่ได้ 4 มีข้อสันนิฐานว่าน่าจะเกิดจาก 4.1 เมารถ ทั้งจากการอ่านหนังสือในรถ เล่น BB ส่ง sms 4.2 จาก คาร์บอนมอน๊อกไซนด์ที่มาจากท่อไอเสีย ทำให้ง่วง อธิบายว่าทำไมคนขับไม่เป็น เพราะชินเลือดมีการปรับตัวแล้ว 4.3 ประกอบกับ FW mail ทำให้วิตกจริตไป เกิด panic 5 เพิ่งนึกออกตอนมีการจับตัวประกันที่โรงละครของรัชเซีย ตำรวจใช้ยาแบบใหม่เป็นกลุ่ม ยาแก้ปวดในรูปแก๊ส ทำให้โจรสลบในโรงละคร แต่.....ตัวประกันก็สลบด้วย แต่มีเสียชีวิตเยอะเพราะให้ปริมาณมาก (แสดงให้เห็นว่ามันเลือกไม่ได้หรอกว่าเป่าไปทางใครให้สลบ) 6 ผมไม่ได้แก้ตัวให้ใคร แต่ตอนขับรถผมชอบเอามือมาอังแอร์นะครับ เพราะเหงื่อออกมือเยอะ สรุป มอมยาในรถ โดยการพ่นผ่านแอร์เป็นไปไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง  ถ้าจะมอมต้องเอายาสลบใส่ผ้าแล้วโปะจมูกปากเลย ลองตรองดูจากข้อมูลครับ ถ้าถามตัวผม ผมไม่เชื่อครับว่าจะมอมได้จริง แก้ไขเมื่อ 15 ก.พ. 53 21:37:34 จากคุณ : Oogenesis เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 21:37:10

ความคิดเห็นที่ 73 คุณหมอ คคห.72 ครับ แจ่มแจ้งเลยครับ ชัดเลยที่เขียนมา แต่.... จะถูกลบล้างด้วยตรรกะนี้ "อาจจะมียาที่พวกแท๊กซี่รู้แต่หมอไม่รู้","เชื่อไว้ระวังไว้ไม่เสียหายน่า...." ง่ายๆเลยครับ แบบไม่ต้องเหตุผลใดๆทั้งสิ้น เอวัง.... จากคุณ : คนกราบเมีย เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 21:43:29

ความคิดเห็นที่ 74 วิสัญญีแพทย์มาเอง ยังจะมีใครแถอีกไหมเนี่ย จากคุณ : ICBM เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 22:01:18

ความคิดเห็นที่ 75   แต่ก่อน ผมก้ไม่เชือหรอกเพราะอ่านมาจากห้องหว้าก้อ จนเมือปีก่อนแฟนผมโดนเองถึ่งเชือว่ามันมีครับ มากัน 2 คนกับเพือน อาการจะเหมือนกับทีคนเล่าๆๆเลยครับ เร่งแอร์เร่งเครื่องแรงๆๆ มีผ้าอะไรอยู่ฝั่งคนขับ 2-3 ผืน ต้องรีบหนีลง ก่อน แท็กซี มีพิรุจน์ มาก ลงมาอ้วกแตกกันทั่ง 2คนเลย มึ้นอีกเป็นชัวโมงกว่าจะหาย จดทะเบียนแจ้ง จส100  ก็ไม่สนใจกัน จากคุณ : Arthurthegreat เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 22:12:51

ความคิดเห็นที่ 76 ^^^ แต่ก่อนผมก็ไม่เชื่อเรื่องกระสือครับ จนแฟนผมเจอเองถึงเชื่อครับ ผมแจ้ง จส.100 ไป เค้าก็ไม่ยอมมาตามจับกระสือกัน จากคุณ : คนกราบเมีย เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 22:21:37

ความคิดเห็นที่ 77 ไม่เชื่อครับว่าจะมียานี้ในโลก จากคุณ : NAN_KUNG เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 22:51:30

ความคิดเห็นที่ 78 ผมเดาว่าคนๆ ที่เจอๆ กัน มีสองสามสาเหตุหลักๆ (ตามความเห็นส่วนตัว) สาเหตุแรก คือ เมารถ จะด้วยการอ่านหนังสือ พิมพ์ SMS BB หรืออะไรก็ตามที่ต้องมีการเพ่งสายตา หรือการขับรถมหาห่วยของคนขับที่ปาดซ้ายปาดขวา สาเหตุที่สอง คือ เมาคาร์บอนมอนนอกไซด์ ที่มีเล็ดลอดเข้ามาในรถได้บ้าง สาเหตุที่สาม คือ เหม็นในรถ รถบางคัน ภายในมันมีกลิ่นที่ชวนให้อาเจียนมากๆ อ้อ สุดท้ายอยากบอกว่า ผมก็ชอบเอามือไปอังแอร์ครับ เพราะเป็นคนเหงื่อออกมือเยอะเช่นกัน จากคุณ : JoeKraB เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 23:11:43

ความคิดเห็นที่ 79 ถ้าเราเป็นคนขับแท็กซี่ที่ไม่ประสงค์ดี เราจะไม่เก็บหลักฐานไว้กับตัว คงจะทิ้งไป เมื่อคาดว่าจะถูกตรวจค้น แต่ก็นั่นล่ะ เราไม่รู้ว่าจะถูกตรวจค้นเมื่อไหร่ แต่คนทำผิด มักจะขี้ระแวงเสมอ (จริงเท็จอย่างไรก็รอผลพิสูจน์ก่อนจะดีกว่าค่ะ) จากคุณ : หมี่เหมียว เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 23:18:28

ความคิดเห็นที่ 80 คห.75 ดีแล้วครับที่รีบลงมาจากรถคันนั้น ไม่งั่นจะสลบด้วยแก๊ส(เชื้อเพลิง)ที่มันลอดเข้ามาที่ห้องโดยสาร จากคุณ : นันมันกลิ่นแก๊ส (bvy) เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 23:25:17

ความคิดเห็นที่ 81 คนขับแท็กซี่พวกนี้ก็โง๊..โง่นะผมว่า ยาก็สุดแสนจะแพง หาก็ยาก ใช้ก็ยาก แถมไม่เคยใช้กับใครได้สำเร็จสักราย มันยังอุตสาห์พยายามใช้กันอีก เห็นใช้กันมาเป็นปีๆ แล้ว ไม่รู้ว่าหมดค่ายาไปกี่หมื่นแล้ว ไม่เห็นว่าจะสำเร็จสักราย ก็ยังไม่วายพยายามทำกันต่อไป สู้กันต่อไปนะครับคุณคนขับแท็กซี่สักวันหนึ่งคุณอาจจะทำสำเร็จสักรายก็ได้ ไหนๆก็เสียค่ายาเป็นหมื่นๆแล้ว อีกสักนิดถึงแสนจะเป็นไรไป จากคุณ : Shutter_M เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 23:48:55

ความคิดเห็นที่ 82   ***** รบกวน คห72 ช่วยไปตั้งกระทู้ในห้องเฉลิมไทยด้วยครับ 666 ***** นี่ถ้ารู้จักแท็กซี่เยอะๆ ละก็ จะยุให้ ฟ้องกลับ บรรดาผู้โดยสารวิตกจริตทั้งหลาย ฐานทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง เพราะ เล่นเอารูปมาลงประจานเหมือนทำความผิดเรียบร้อยแล้ว ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ถ้าคิดว่าโดนวางยาจริงก็ไปต่อสู้ในชั้นศาลซะเลย แล้วมาดูซิว่า น้ำหนัก "ความน่าเืชื่อถือ" ของฝ่ายไหนจะมากกว่ากัน จะได้เลิกอ้างลอยๆ กันซักที 666 จากคุณ : monsungja เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 00:43:30

ความคิดเห็นที่ 83   ************************************************************************************************ ขอขอบคุณความเห็นที่ 35 มาก มากๆ ^ ^ ตั้งแต่เกิดมาจนถึงอายุไม่เกิน 25 นี้ เคยเป็นอาการดังว่า แค่ 1 ครั้ง และเป็นขณะขับรถเมื่อ 2 ปีก่อน รู้สึกเขียนตรงกับอาการของผมมากๆ ขณะนั้น คิดแต่ว่า "เฮ้ย เราเป็นไรวะเนี่ย ... อยู่ดีๆ เส้นเลือดในสมองแตกเหรอ !?!?! รู้สึกหัวมันว่างๆ ตื้อๆ มึนๆ วิ้งๆ + รู้สึกใจหายสุดๆ เหมือนควบคุมตัวเองไม่ได้ หายใจก็ไม่สดชื่น ....ยังไวรุ่นเนี่ยนะจะมาม่องแล้วเหรอ.... แล้วก็รีบเลี้ยวรถมุ่งไปที่ ร.พ. ที่พอจะนึกออกเลย (มันไม่ใช่อุปทานแน่นอน) ประมาณ 10 นาทีพอถึง ร.พ. ก็โทรบอกแม่ แม่บอกว่า พักผ่อนน้อยรึเปล่า ประกอบกับอาการดีขึ้น ก็เลย นั่งอยู่ข้างนอก ร.พ. นั่งพักซัก ครึ่ง ชม. ไม่อยากลุกไปไหนเลย กลัว !! คิดว่าถ้าเป็นอีกจะได้เดินเข้า ร.พ.ไปเลย แต่ทีนี้ดีขึ้น แล้วหลังจากนั้นก็ไม่เคยเป็นอีกเลย ************************************************************************************************ มาเห็นความเห็น 35 เรื่องผ่านมาแล้วเกือบ 2ปี แต่ทำให้ผมฉุกคิด และ หาคำตอบได้ในวันนี้ นี่เอง อิอิ ^ ^ จากคุณ : FGH เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 01:04:19 A:58.8.171.51 X: TicketID:172591

ความคิดเห็นที่ 84   ใครไม่เคยโดนไม่รู้หรอก  เราคนนึงเคยโดนกะตัว จำได้ว่าสิบปีที่แล้ว เพราะฉะนั้นไม่ใช่อุปทานหมู่แน่นอน เรา แม่และน้อง ขึ้นรถจากแถวพญาไทจะไปสายใต้ สะพายกระเป๋าเสื้อผ้าสำหรับไปตจว.ขึ้นรถแล้วเรากับแม่และน้องก็คุยกันด้วยภาษาใต้ ไปเรื่อยๆ แล้วแท็กซี่ก็พยายามถามว่าจะไปไหนกัน เราก็บอกว่ากลับตจว แต่จริงๆแล้วแม่จะไปส่งเราที่ร.ร.ที่นครปฐม แล้วขึ้นรถไฟกลับตอนดึกๆ หลังจากนั่งไปซักพัก คนขับก็ขับอ้อม คือตรงไปได้ก็ไม่ตรง อ้อมไป บอกทางนั้นรถติด เราก็ไม่ได้ คิดอะไร เด็กอยู่ ซักพักเค้าปรับช่องแอร์มาทางด้านหลัง หันออกจากตัวคนขับ เร่งแอร์แรงสุด แต่เปิดกระจกฝั่งตัวเองลง ซักพักเรารู้สึกง่วงมากก แบบอยู่ดีดีก็ง่วง หันไปจะคุยกับแม่ต่อ แม่กับน้องหลับ สะกิดก็งัวเงียเลย แต่ไม่ตื่นหันมาพูดแล้วก็หลับต่อ น้องก็เช่นกัน ส่วนตัวเราไม่ได้ง่วงเลย แต่ตามันจะปิดให้ได้ เราเริ่มรู้สึกว่ามีอะไรไม่ดีแล้ว แต่ก็ฝืนทำเป็นไม่ง่วง หยิกตัวเองให้เจ็บ แล้วมองกระจกส่องหลัง ปรากฏว่าคนขับมองเราอยู่ตลอดเวลา แบบมองกระจกหลังมากกว่ากระจกหน้าอีก เราเลยบอกว่าเปิดกระจกหน่อย เค้าบอกเปิดไม่ได้กระจกเสีย เราก็โง่นึกว่าเสียจริง เลยนั่งทนไปเรื่อย จนถึงปิ่นเกล้าพี่เค้าจะอ้อมไปทางจรัญอีก ไม่ตรงไปทางเซ็นปิ่น เราเลยบอกว่าพี่จะอ้อมทำไมสายใต้อยู่ข้างหน้าตรงไป คนขับทำฟึดฟัด และแล้วก็ถึงสายใต้ เราปลุกแม่เราตั้งนาน กว่าจะตื่น แล้วเค้ายังบ่นอีกว่าไม่รู้จะง่วงไรนักหนาเนี่ยหัวหนักไปหมดเลย พอจะจ่ายตังค์ คนขับยังจะถามอีกว่า ไปนครปฐมกับเค้าเลยไม๊เค้าคิดห้าร้อย คะยัั้้นคะยอจะให้ไปให้ได้ แต่ด้วยความงก แม่เราบอกว่าไม่ไปหรอก รถทัวร์แค่คนละ30กว่าบาทเอง แล้วก็ลง ตอนนั่งรอรถทัวร์ออกเราเลยคุยกับแม่ว่า สงสัยโดนแท็กซี่มอมยาแล้ว เมื่อกี้เกือบหลับเลย แม่เรากับน้องเราก็เพิ่งนึกได้ว่าโดน เพราะเค้าบอกว่า มิน่าล่ะอยู่ดีๆ คุยๆอยู่ก็หลับไปเลย ไม่มีปี่ีมีขลุ่ย ทั้งๆที่แม่เราเป็นคนชอบดูทาง ขนาดนั่งรถทัวร์ไปนครปฐมยังไม่หลับเลย แค่นั่งแท็กซี่จะหลับทำไม เพิ่งจะตื่นอาบน้ำแต่งตัวออกมาแท้ๆไม่ได้เหนือยเพลียมาจากไหน เรามาโพสให้เพื่อจะไ้ด้เป็นอีกคนนึงที่ยืนยันว่ามันมีจริงๆ หมอหรือเภสัชบอกว่าทฤษฏีมันเป็นไปไม่ได้ แต่ทางปฏิบัติ มันมีจริง เกิดจริง บางทีมันอาจจะมียาอย่างอื่นที่ ทำขึ้นมาเพื่อการณ์นี้ก็ได้มั้ง เกิดจากยาอะไรไม่รู้ แบบไหนไม่รู้ แต่รู้ว่ามีจริง คอนเฟิร์ม!!! ปล.เตือนสำหรับคนที่นั่งแท็กซี่ ควรแต่งตัวมิดชิดปิดถึงคอ จะไปเที่ยวก็ห่อไปก่อนเดี๋ยวไปถึงค่อยไปเกิดที่ร้านก็ได้ คนที่ชอบใส่เครือ่งประัดับ โดยเฉพาะรุ่นพ่อ รุ่นแม่ เตือนไว้หน่อยก็ดี มันล่อใจ วันที่เกิดเหตุกับเรา เรา แม่ และน้อง ใส่ทองทุกคน แต่เรากับน้องจะเส้นเล็กหน่อย แต่แม่สิ ตามประสาคนตจว. อารมณ์แบบเมียกำนันประมาณนั้น สร้อย ต่างหู แหวนพร้อม อันนี้ก็อาจจะเป็นสาเหตุให้เกิดเหตุการณ์วันนั้นก็ได้ แต่เชื่อไม๊หลังจากวันนั้นแม่เรามากทม. แต่งตัวโทรมพอๆกับแม่บ้านที่คอนโดเลยอ่ะ เค้ากลัวมาก บอกว่าอยู่กทม.ไม่มีใครรู้จัก ค่อยไปสวยตจว.ดีกว่า แก้ไขเมื่อ 16 ก.พ. 53 01:12:19 จากคุณ : sweet_samurai เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 01:07:23

ความคิดเห็นที่ 85   ^ ^ ^ ^ ^ <------- คนขับแท๊กซี่ ทำไมเค้าไม่พยายามทำให้คุณหลับตามแม่คุณละครับ จากคุณ : อือ เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 01:36:25 A:110.164.71.63 X: TicketID:246774

ความคิดเห็นที่ 86 ซักพักคงได้มีข่าวคนขึ้นรถทัวร์แล้วโดนมอมยา กันมั่งล่ะ ประมาณว่า"คาดว่ายาจะใส่มากับผ้าเย็น เพราะกระปี๋รถทัวร์ไม่ยอมให้หนูแกะห่อเอง กระปี๋มันจับถุงผ้าเย็นตีศอกดังโพล๊ะ แล้วก็รีบยื่นให้หนู พอหนูยกขึ้นโปะหน้า ก็วูบไปเลย สงสัยมันจะแอบแต้มยาไว้ที่ปลายข้อศอกก่อนแล้ว"ทำนองนี้ แก้ไขเมื่อ 16 ก.พ. 53 01:57:26 จากคุณ : zerxxai เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 01:56:51

ความคิดเห็นที่ 87 คนขับแท๊กซี่น่าจะเมายาบ้ามากกว่าเลยแสดงพฤติกรรมแบบนั้นส่วนผู้โดยสายก็ตีตนไปก่อนไข่จิตตกมากเกินไป จากคุณ : bovonc1 เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 02:14:38

ความคิดเห็นที่ 88 thailand only จากคุณ : |M|onstermink เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 02:21:01

ความคิดเห็นที่ 89 ถ้าผมเป็นคนขับ แล้วอยู่ดีๆ ลูกค้า เปิดประตูแล้วโดดลงไป ผมคนนึงล่ะที่จะไม่จอดดู รีบขับหนีด้วย -ขับรถแล้วเหงื่ออกที่มือ ผมก็เอามือไปอังช่องแอร์ประจำ -มีรถของเพื่อนพี่สาวคนนึง ผมขึ้นปุ๊บปวดและมึนหัวทันทีและเป็นทุกครั้ง สงสัยจะเป็นที่กลิ่นน้ำหอม จากคุณ : Tread'em all เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 02:45:36

ความคิดเห็นที่ 90 ยาพ่น ยาป้ายมีจริงๆค่ะ เภสัชกรยืนยันแล้วนะคะ . . . . . . . . . . . . . . . . จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 03:05:21

ความคิดเห็นที่ 91 แพทย์ต่างๆ มาแล้ว เภสัชกรมาแล้ว นักวิทยาศาสตร์มาแล้ว ต่างยืนยันว่าไม่มี ตอนนี้ผมรอ "ตำรวจ" ครับ ตำรวจช่วยมาบอกหน่อย ว่ามีคดีไหนที่ ทำสำเร็จ หรือ ตรวจพบยาในเลือดเหยื่อ บ้าง เห็นมีแต่บอกว่า รอด กับ เกือบไป ถ้าจะมอมกันแบบนี้ ใช้มีดดีกว่ามั้งครับ ราคาถูก ประสิทธิภาพสูงกว่าอีก จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 03:46:05

ความคิดเห็นที่ 92 ทฤษฏีเอาจ่อช่องแอร์แล้วเป่าออกมาเป็นไปไม่ได้เลยที่แท๊กซี่จะไม่ดมไปด้วย ตัวอย่างใกล้ตัวจริง ๆ ลองซื้อน้ำหอมปรับอากาศที่ใช้หนีบกับช่องแอร์แล้วเป่าไปทางคนนั่งดูสิครับ ยังไงกลิ่นมันก็ต้องฟุ้งทั้งรถอยู่ดีนั่นแหละ ยกเว้นแท๊กซี่จะใส่หน้ากากครอบเหมือน Avatar  (เกี่ยวมั้ยเนี่ย) จากคุณ : จอจ้อน เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 08:34:18

ความคิดเห็นที่ 93 ยังไม่เชื่อว่าเป็นเรื่องจริง จนกว่าจะมีการพิสูจน์ ...ขนาดขับรถเอง ยังมึนเมาเองเลย... น้ำในหูไม่เท่ากัน แล้วเหงื่อชอบออกมือ ต้องเอามืออังแอร์บ่อยๆ ประเด็นแท็กซี่ ...ส่วนตัว 70 เจอที่ดีๆ ส่วนอีก 30 เจอดี ส่วนยาสลบ...นึกออกแต่ เรื่องโคนัน  ที่ใช้คอล์โรฟอร์ม (สะกดไงหว่า) ไม่รู้ว่ามันมีกลิ่นหรือเปล่า ปล่อยโชยเรื่อยๆ (แต่คนขับก็น่าจะหัวทิ่มก่อน) จากคุณ : ละอ่อนชายแดน เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 09:14:57

ความคิดเห็นที่ 94 เชื่อกันฝังหัวว่ามันมีจริงๆ พอโดน ใจมันก็คิดไปเองว่าโดนน  ประมาณนั้นมากกว่า จากคุณ : vn, man เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 09:32:12

ความคิดเห็นที่ 95 ผมว่านะครับ ไม่ใช่ยาสลบ แต่เป็นกลิ่นสาปพี่ๆเค้ารึเปล่า (หรือกลิ่นเต่า เอามืออังช่องแอร์ ลมพัดเข้ารักแร้ โอ้ หอมชื่นใจ) เคยไหมนั่งวินมอไซค์ โห กลิ่นแรงสุดๆ กลิ่นเหงื่อเอย เสื้อวินเอย กี่วันมาแล้วไม่ได้ซัก เราไม่ชินกลิ่น พอได้กลิ่นฉุนๆเลยเกิดอาการไปต่างๆนาๆ จากคุณ : double@pantip เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 09:44:27

ความคิดเห็นที่ 96 #93 Chloroform เป็น สารจำพวก Organic solvent หรือตัวทำละลายอินทรีย์ครับ มีกลิ่นที่รุนแรงมาก ขึ้นชื่อว่า organic solvent แล้ว ดมทีนี่มึน แล้วปวดหัว กลิ่นติดจมูกฮะ อีกอย่างพวกตัวทำละลายอินทรีย์มันเป็นสารก่อมะเร็งด้วยฮะ จากคุณ : เราหล่อมาก (เราหล่อมาก) เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 09:57:10

ความคิดเห็นที่ 97 #93 ดูเพิ่มเติมที่นี่นะครับ http://msds.pcd.go.th/searchName.asp?vID=26 จากคุณ : เราหล่อมาก เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 09:57:58

ความคิดเห็นที่ 98 จริงๆ ประเด็นเรื่องยาสลบหรือยาป้ายแบบนี้ เรามี 1 เรื่องที่สงสัยเหมือนกันค่ะ จากข่าวที่เคยดูเมื่อประมาณปลายปีที่แล้ว ที่พนักงานแคชเชียร์ของธนาคารหนึ่ง โดนแขกสองคนป้ายยาอะไรบางอย่าง แล้วพนักงานคนนั้น ก็หยิบเงินให้เค้าไปโดยไม่รู้ตัวเลย ... มันเป็นไปได้ยังไงคะ ? (เรื่องนี้เราก็คิดได้อีกแง่คือ พนักงานมีส่วนรู้เห็น แต่ทำเป็นว่าตัวเองโดนป้ายยา เลยไม่รู้สึกตัวว่าทำอะไรลงไป) จากคุณ : the_pretty_kate เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 10:09:29

ความคิดเห็นที่ 99 ไม่ต้องเถียงกัน มันอาจจะ มีจริงหรือไม่จริง แต่เราควรระวังไว้ ดีกว่า เท่านั้นแหละที่อยากบอก ข่าวเชื่อไม่ได้ 100 เปอเซนต์ก้รู้ๆอยู่ ยาอาจจะมีจริง แต่เค้าอาจจะปิดข่าว เลยบอกว่าเปนไปไม่ได้ หรือยาอาจจะไม่มีจริง แต่เปนอุปปาทาน ของ คนที่เคยคิดว่าตัวเองโดนยา แต่ มันจะเปนไง ก้ช่าง เราก้ ควรรับฟังไว้ แล้ว ระแวดระวังตัว อยู่เสมอ ไม่ใช่ว่า คิดว่ามันไม่มีจริง ก้เลยไม่ใส่ใจ ไม่สนใจ  ป้องกันไว้ดีกว่า วัวหาย ล้อมคอก แค่นั้นละ จะเถียงกันทำไมว้า  โตๆกันแล้ว ยังจะมาเถียงเอาโล่ เอาชนะ ยังจะมายัดเยียดความเชื่อส่วนตัว ให้คนอื่นเชื่อตามกันอีก เฮ้อ จากคุณ : neo1982 เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 10:20:35

ความคิดเห็นที่ 100   อ่านกระทู้นี้แล้วค่อนข้างสงสัยว่าทำไมคิดกันว่าเหตุการณ์นี้เหมือนผู้เสียหายยกเมฆขึ้นมาเอง ส่วนตัวผมก็ไม่ได้เชื่อซะทีเดียว แต่ดูแล้วเป็นไปได้ เหลือแค่ข้อสงสัยบางประการ แยกประเด็นในกระทู้นี้ออกได้เป็นดังนี้ - ปริมาณยาผ่านทางช่องแอร์น้อยไปไม่สามารถทำให้สลบได้  ปกติหมอจะใช้ยาเวลาดมยาไม่เกิน 1 นาที ถ้ากรณีปริมาณน้อยก็นานกว่านี้ - ถ้าใช้ยาจริงคนขับแท๊กซี่ก็น่าจะได้รับยานี้ไปด้วย  การเปิดแอร์ที่แรงจะช่วยให้ผู้ขับได้รับปริมาณยาที่น้อยลงได้หรือไม่  การเปิดหน้าต่างก็จะช่วยลดปริมาณยาลง  ยาจะมีผลช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล - ยาที่ใช้ส่วนใหญ่จะมีกลิ่นแรงไม่เหมาะนำมาใช้กรณีนี้  ถ้าถูกผสมกับน้ำหอมภายรถกลิ่นจะจางลงไหม - แท๊กซี่ที่ใช้วิธีนี้ไม่เคยประสบความสำเร็จ  เป็นไปได้ไหมว่าผู้เสียหายไม่ได้แจ้งความหรืออาจไม่เป็นข่าว ทั้งหมดนี้เป็นข้อสมมุติฐานส่วนตัว ไม่มีจุดประสงค์ร้ายกับใคร และข้อให้มีผลการพิสูจน์ปรากฎออกมาโดยเร็ว จากคุณ : RedHat (tanachai12) เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 10:47:30

ความคิดเห็นที่ 101 กรณีถ้าโดนยาสลบจริง ๆ ส่วนตัวคิดว่า แกน่าจะโดนมาจากที่อื่นก่อนจะโบกแท็กซี่รึปล่าว? 1. ตัวแท็กซี่ อาจหันช่องแอร์ไปทางผู้โดยสารโดยตรง ฝั่งตัวเองก็ปิดแอร์ซะ   เลยได้รับตัวยาน้อย ถึง น้อยมาก - ประเด็นนี้คิดว่าคงไม่น่าจะใช่ครับ เพราะอากาศในรถมันน่าจะหมุนเวียน ถึงคนขับจะได้รับตัวยาน้อย แต่ก็มีโอกาสได้รับตัวยาเช่นกัน ถ้ามันมียาที่รุนแรงขนาดแตะมือเอาไปอังที่ช่องแอร์แล้วคนด้านหลังสลบได้จริง 2. เลือกลงมือกับเหยื่อผู้หญิง เพราะโดยธรรมชาติ ผู้หญิงร่างกายก็บอบบางกว่าชายอยู่แล้ว ความทนต่อสารเคมีต่างๆ น้อยกว่ากันมาก - อันนี้แน่นอนครับ กับเหยื่อผู้หญิงมีโอกาสเกิดเหตุร้ายได้มากกว่า  แต่เรื่องทนต่อสารเคมีนี่ คงแล้วแต่คน อย่างผู้หญิงบางคนยังสามารถดื่มแอลกอฮอล์ได้มากกว่าผู้ชาย ก็มีนะครับ จากคุณ : oat_jazz เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 10:59:39

ความคิดเห็นที่ 102 ถ้าเป็นจริง แท๊กซี่ควรเอายานั่นจดสิทธิบัตรแล้วขาย น่าจะรวยกว่าเอาไปมอมคน พอรวยแล้ว จะหาซักกี่คนก็ได้ จากคุณ : Ganja เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 11:02:09

ความคิดเห็นที่ 103 คาดว่าหนังสือพิมพ์คงไม่ออกข่าวผลการตรวจสอบหรอกครับ เราประชาชนธรรมดามีิสิทธิ์ไปตามผลไหมครับ ทำอย่างไรบ้าง ? จากคุณ : Zkizzik เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 11:17:40

ความคิดเห็นที่ 104 ผมว่ามันเป็นธรรมาชาติของ Taxi เขาอยู่แล้ว เวลามีผู้โดยสารขึ้นมา เขาต้องเร่งแอร์และปรับแอร์ำไปทางข้างหลัง เพราะเขากลัวคนนั่งจะร้อน จากคุณ : ton99 เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 12:36:31

ความคิดเห็นที่ 105   เอ่อ ผมก็อยากรู้นะว่ามีหรือไม่มี ... แล้วทียาsexยังมีเลยละ คิดไปว่าพวกคุณปิดข่าวอะไรอยู่กลัวความลับเรื่องยาลับไหลออกมาหรอ... ที่แท็กซี่ไม่โดนเพราะอาจเอาสำลีอุดจมูกแล้วหายใจทางปากก็ได้นะ ?!!??!! จากคุณ : 123 เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 12:49:09 A:58.8.171.51 X: TicketID:229143

ความคิดเห็นที่ 106 วิเคราะห์ด้วยหลักเกณท์ทางด้านวิทยาศาสตร์แล้ว... ผมไม่เชื่อครับ...เอาแค่เรื่อง ยา พอ... เรื่อง คน ขอผ่านครับ... 1.หมอ และเภสัช ก็ออกมายืนยันใน คคห. ก่อนๆแล้วนี่ครับ... 2.เป็นไปได้หรือในโลกนี้จะมียาสลบที่ หมอ และเภสัช ไม่รู้จักสักคน... 3.ถ้ามีจริงมันก็คง แพงโครตๆ ล่ะครับ คนขับแท็กซี่จะกล้าลงทุนขนาดนั้นหรือครับ แล้วทำไมผู้ก่อการร้ายระดับโลกไม่ใช้ล่ะครับ... 4.แล้วมีขายที่ไหน ทำไมคนอาชีพอื่นถึงไม่รู้จัก คนขายมันต้องอยากขายให้ได้มากๆอยู่แล้ว เพราะมันอยากรวย... พอเหอะ.... จากคุณ : Bashful Guy. เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 13:27:02

ความคิดเห็นที่ 107 ใครที่ยังเชื่อเรื่องแท็กซี่มอมยาอยู่ กรุณาอ่านลิงค์อันนี้ซะ ถ้าอ่านแล้ว ยังจะเชื่ออยู่อีก ผมก็ไม่รู้จะว่ายังไงละ http://topicstock.pantip.com/wahkor/topicstock/2009/08/X8207669/X8207669.html จากคุณ : ลูกจ้างดีเด่น เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 13:31:22

ความคิดเห็นที่ 108 เคยมีประสบการณ์นั่งTaxi แล้ววิงเวียนง่วงคลื่นไส้ เหมือนกัน แต่ ผมไม่เชื่อว่ามียาพ่นอยู่ีดี เพราะ 1. เท่่าที่อ่านมาใน Pantip นี่ล่ะ อาการง่วงที่เกิดจากการนั่งTAXI น่าจะเกิดจากพิษคาร์บอนมอนน็อกไซด์ ที่ปริมาณเท่าๆกัน คนที่ชินจะไม่มีอาการ คนไม่ชินก็มีสิทธิ์เป็นลมได้เลย 2. เวลาผมขับรถผมก็ชอบเอามือไปอังช่องแอร์เหมือนกัน อังทั้งมือซ้ายมือขวาเลย เวลาขับเลยเหมือนจับพวกมาลัยแบบกางปีก ^^ จากคุณ : Lambert K. เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 13:37:21

ความคิดเห็นที่ 109 เค้าถกกัน จนได้ข้อสรุปไปตั้งนานแล้วนะครับ จขกท ไปอยู่ไหนมา เพิ่งได้ login หรอครับ... ไปอ่านก่อนครับ link บนๆ ที่เค้าให้มาอ่ะ จากคุณ : หัวใจในลังกระดาษ เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 14:16:50

ความคิดเห็นที่ 110 เรียนจบอะไรกันมานะ แหม.. ฉลาดกว่าหมออีก คนบางคน.. จากคุณ : ณัฐกร เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 14:25:43

ความคิดเห็นที่ 111 ถึงคคห 84 คุณเองก็เป็นอีกคนที่รอดมา ยินดีด้วยนะคะ แต่เราสงสัยว่าไหนๆก็ลงทุนอังยาจนเหยื่ออ่อนแรงแล้ว ทำไมไม่ใช้กำลังตามไปเลยล่ะ เห็นก็รอดมาได้ทุกราย จากคุณ : Mee_Cola เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 15:02:54

ความคิดเห็นที่ 112 ประเด็นก็คือ ในเมื่อจขกท. ปักใจเชื่อในด้านไสยศาสตร์ฉันใดแล้ว เอาวิทยาศาสตร์ไปให้เท่าไรก็ไม่รับฟังฉันนั้น จากคุณ : mootomoosun เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 15:08:27

ความคิดเห็นที่ 114 เราเหมือนโดนแท็กซี่มอมยาตลอดเลย - กลิ่นยาสลบฉุนมาก ลมที่ออกจากแอร์เหม็นตุ่ยๆ - ขึ้นทีไรปวดหัวจี๊ดเลย ย้ำเบรกกันอยู่นั่นแหละ คนนั่งหลังเวียนหัวนะเฟ้ย - นั่งนานๆ หลับทุกที แต่จะว่าไป เราขึ้นรถเพื่อนรถพี่รถแฟน ก็หลับตลอดอ้ะ แบบว่าอยู่ในที่แคบๆ แล้วรู้สึกออกซิเจนน้อย อ้อ ขึ้นรถเมล์แอร์ก็เป็นนะ จากคุณ : Guga เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 16:06:40

ความคิดเห็นที่ 115   ความคิดเห็นที่ 105 เอ่อ ผมก็อยากรู้นะว่ามีหรือไม่มี ... แล้วทียาsexยังมีเลยละ คิดไปว่าพวกคุณปิดข่าวอะไรอยู่กลัวความลับเรื่องยาลับไหลออกมาหรอ... ที่แท็กซี่ไม่โดนเพราะอาจเอาสำลีอุดจมูกแล้วหายใจทางปากก็ได้นะ ?!!??!! .................................................................................... หายใจทางปาก................................. แล้วมันไม่เข้าปอดหรือครับ จากคุณ : thaninrath (THANINRATH_KCTV) เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 17:34:45