ความคิดเห็นที่ 1 ทำความเข้าใจเบื้องต้นก่อนนะครับ ไฟ xenon ที่จะพูดถึง นี่ไม่ใช่ หลอดฮาโลเจนมาเคลือบสีฟ้า โดยให้แสงออกมาเป็นแสงสีขาว แล้วบอกว่าเป็น ไฟ xenon หรือ HID   ไม่ใช่ที่เด็กแว๊นส่วนมากหรือพวกเกรียน ๆ ทั้งหลายชอบติดกันน่ะครับ          ไฟซีนอน ได้ถูกนำมาใช้อย่างจริงจังเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว โดยเริ่มจากในรถยนต์ จากรุ่นราคาแพงหลายล้านบาท  ก็เริ่มขยับถูกนำมาในรถราคาถูกลง  แม้กระทั้งรถปิกอัพบางยี่ห้อก็มีใช้  แต่ก็ยังไม่แพร่หลาย ถือว่ามีใช้ในรถบางรุ่นเท่านั้น ถ้าไม่นับรถปิกอัพก็จะมีแต่รถคันละล้านกว่าบาทขึ้นไปที่มีใช้ไฟซีนอน จึงเหมือนเป็นระบบไฟพิเศษราคาแพง ยากที่จะได้ใช้ แต่ก่อนถ้าจะติดตั้งเพิ่มเติมก็ชุดละเป็นหมื่นบาท หลายคนจึงรู้จักไฟซีนอนเพียงผิวเผิน รู้แต่ว่ามีใช้ในรถราคาแพงและสว่างดี ส่วนการทำงานจริงเป็นอย่างไร หรือติดตั้งเพิ่มได้ไหม จะรู้สึกว่าเป็นเรื่องไกลตัว จากคุณ : แป๊ะปากซอย เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 08:35:00

ความคิดเห็นที่ 2       ระบบไฟ HID หรือ xenon ที่พูดถึงนี่ที่เป็นระบบจริง ๆ จะต้องมี ballast ครับ นึกถึงไฟนีออนบ้านเรานั่นแหละครับ จะมี ballast สร้างแรงดันสูงเพื่อให้สารเรืองแสง แล้วต่อมาก็จะมีไฟมาเลี้ยงตัวหลอดตลอดด้วยกระแสคงที่ คราวนี้ไอ้เจ้าระบบไฟ xenon นั่นมันยิ่งกว่า ballast ไฟบ้านมากนัก เพราะมันจะทำสร้างแรงดันให้ผ่าน gas xenon ในขั้วหลอด ซึ่งแรงดันมัน 20000 volt เลยทีเดียว แก้ไขเมื่อ 08 มี.ค. 53 08:36:08 จากคุณ : แป๊ะปากซอย เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 08:35:25

ความคิดเห็นที่ 3 ความแตกต่างระหว่างหลอดซีนอนกับหลอดฮาโลเจน      คนในยุคนี้ คุ้นเคยกับหลอดไฟแบบฮาโลเจน หลอดแบบมีไส้ภายในบรรจุก๊าซฮาโลเจน คนส่วนมากมักจะเรียกกันผิด ๆ ว่า หลอดไฮโดรเจน   ซึ่งแตกต่างแค่รายละเอียดด้านขนาด รูปทรงของฐาน ความสว่าง หรือจำนวนของไส้ โดยมีรหัสเรียก เช่น H1 H2 H3 H4 มีราคาตั้งแต่หลอดละ 50 บาท ไปจนถึงหลอดไฟของแต่ง ราคาหลอดละเป็นพันบาท       เปรียบเทียบการทำงานแบบง่ายๆ ของหลอดฮาโลเจน ก็คือ หลอดไฟแบบมีไส้ จ่ายกระแสไฟฟ้าเข้าไป ทำให้ไส้ร้อนเปล่งแสงผ่านก๊าซที่ชื่อ ฮาโลเจนที่บรรจอยูในหลอดรอบตัวไส้ ถ้าหลอดแตกจนก๊าซรั่วหรือไส้ขาดก็เสีย รับไฟ 12 โวลต์ตรงๆ จากระบบปกติของรถ การเปิดให้สว่างก็แค่จ่ายกระแสไฟเข้าไฟแสงจะสว่างขึ้นอย่างฉับไว แบบเดียวกับที่กะพริบไฟสูงหากยังงงให้นึกถึงหลอดไฟที่ใช้ในบ้าน เป็นหลอดกลม ๆ ทรงคล้ายน้ำเต้า มีไส้ต่อไฟโดยตรงนั่นเอง แสงของไฟมักจะสว่างแบบอมเหลืองดูโปร่งๆ          ส่วนหลอดไฟซีนอน ภายในบรรจุก๊าซชื่อ ซีนอน ไม่มีไส้โดยตรงแบบฮาโลเจน ทำงานคล้ายกับหลอดไฟนีออนที่ใช้ในบ้าน ต้องมีตัวแปลงและควบคุมกระแสไฟ เรียกว่า บัลลาร์ด เป็นกล่องคั่นระหว่างสายไฟปกติ ก่อนต่อเข้าตัวหลอด แสงจะออกมานวล ๆ จากคุณ : แป๊ะปากซอย เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 08:37:47

ความคิดเห็นที่ 4 ในการเปิดให้หลอดซีนอนสว่าง ตัวบัลลาร์ดจะสร้างกระแสไฟฟ้าระดับ 20,000 กว่าโวลต์ ส่งเข้าไปยังตัวหลอดเพื่อจุดในครั้งแรก และในอีกประมาณ 1-2 วินาที ก็จะลดกระแสไฟฟ้าลงเหลือ 12 โวล์ต หรือไม่กี่สิบโวลต์ ต่อเนื่องไป        สรุปง่าย ๆ ว่า ระบบไฟซีนอน มีกระแสไฟเป็นหมื่นโวลต์ถูกสร้างขึ้นด้วยกล่องบัลลาร์ดในช่วงสั้น ๆ เพื่อจุดหลอดให้สว่างเท่านั้น ต่อจากนั้นก็จะลดไฟลงมาเหลือไม่กี่สิบโวล์ตคงความสว่างไว้ตัวหลอดซีนอน จะต้องใช้เวลาประมาณ 1-2 วินาที กว่าจะสว่างเต็มที่หลังจากจุดครั้งแรก จึงทำให้ถูกใช้แต่หลอดไฟต่ำ แต่ไม่ใช้กับไฟสูง เพราะสว่างไม่ทัน ถ้ามีการกะพริบไฟหรือเปิดไฟสูงในทันที ไฟซีนอนที่มีทั้งไฟต่ำและสูง จึงไม่ใช่เป็นการแยก 2 หลอดจุดหลอดใหม่ แต่ใช้หลอดเดียวต่อข้าง สว่างตลอด และใช้การเลื่อนตัวหลอดหรือตัวบัง ให้เปลี่ยนเป็นไฟต่ำหรือสูงได้ในหลอดที่สว่างตลอดอยู่หลอดเดียว        ส่วนหลอด ฮาโลเจน คล้ายกับหลอดไฟกลมที่ใช้ในบ้าน ต่อไฟเข้าไปโดยตรงเลย ส่วนซีนอนคล้ายกับหลอดนีออนที่บ้านซึ่ง ไม่มีไส้ และต้องมีตัวแปลงไฟหรือบัลลาร์ด จากคุณ : แป๊ะปากซอย เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 08:38:28

ความคิดเห็นที่ 5 ส่วนที่พวกเด็กแว๊น หรือพวกเกรียน ๆ ทั้งหลายชอบบอกว่าไฟเป็นซีนอนนั้นด้วยความโดดเด่นของไฟซีนอนว่า สว่างมีแสงขาวดีและมีราคาแพง จึงเป็นเหตุให้มีการใช้ชื่อซีนอน ไปเรียกหลอดฮาโลเจนแบบพิเศษ หรือหลอดของแต่ง ที่มีความสว่างสูงกว่าปกติ  หรือย้อมสีตัวเปลือกหลอดให้มีแสงไม่อมเหลือง เป็นแสงเกือบขาวหรืออมฟ้า แต่ยังไงก็ไม่เหมือนซีนอนแท้ ๆ          โดยเป็นหลอดฮาโลเจน แต่พยามเรียกว่าเป็นซีนอน นับว่าเมื่อไรเป็นหลอดฮาโลเจนของแต่งที่มีแสงสีขาว หรืออมฟ้าอมม่วง บางทีก็ถูกคนขายหลอกเรียกว่าซีนอนเลยซึ่งบางทีคนขายที่ขายยังไม่เข้าใจระบบซีนอนจริง ๆ  ถ้าเป็นของราคาถูกยี่ห้อทั่วไปหรือของไต้หวันก็อาจจะมั่วเรียกว่าซีนอนเลย แต่ถ้าเป็นยี่ห้อดัง ๆ อาจจะ เรียกเลี่ยงๆ ว่าเป็นหลอด XENIN LOOKS หรือสารพัดประโยคที่จะหลอกพวกเด็กเกรียน ๆ ทั้งหลายให้เข้าใจผิดว่าเป็นหลอดซีนอน     หลายคนจึงเข้าใจผิดว่า หลอดฮาโลเจนของแต่งที่สีขาวหรืออมฟ้า หรือสีแปลก ๆ ราคาคู่ละหลายร้อยบาทหรือเป็นพันบาท คือ หลอดซีนอน ทั้งที่ไม่ใช่เลย จากคุณ : แป๊ะปากซอย เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 08:39:38

ความคิดเห็นที่ 6 วิธีดูอย่างไรว่า เป็นซีนอนแท้หรือไม่  เมื่อไรที่เห็นหลอดไฟหรือชุดไฟที่อ้างว่าเป็นซีนอนหรือเปล่า ดูโดยใช้หลักการง่ายๆ คือ 1. ตัวหลอดเป็นทรงที่คุ้นเคยหรือเปล่า มีไส้ให้เห็นชัดเจนหรือเปล่า ถ้าใช่ก็เป็นหลอดฮาโลเจน ถ้าเป็นซีนอนจะซับซ้อนกว่าและมีช่วงหนึ่งเป็นตัวหลอดบรรจุก๊าซโล่งๆ 2. ซีนอนต้องมีกล่องบัลลาร์ดแปลงไฟ ขนาดประมาณเท่าฝ่ามือหนาประมาณครึ่งนิ้ว ถ้าต่อหลอดเข้ากับไฟ 12 โวลต์โดยตรง แสดงว่าเป็นฮาโลเจนโดยรวมแล้วสังเกตุที่ระบบได้ว่ามีกล่องบัลลาร์ดหรือเปล่า ถ้าถ้าหลอดต่อไฟตรงล่ะก็ไม่ใช่ซีนอนแน่ ๆ จากคุณ : แป๊ะปากซอย เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 08:40:09

ความคิดเห็นที่ 7 คราวนี่จะกล่าวถึงระบบไฟ xenon ในมอเตอร์ไซด์บ้างนะครับ - ใส่หลอด xenon แล้วไฟหมด แยกเป็นรถมอไซด์บ้านเรา และรถ bigbike นะครับ    ซึ่งในระบบไฟของรถ bigbike ส่วนมากไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไรเพราะจ่ายไฟให้ได้เพียงพอต่อความต้องการอยู่แล้ว        แต่ในระบบไฟรถเล็กบ้านเรา ส่วนมากไฟที่จ่ายให้ไฟหน้ารถจะเป็นไฟจาก generator หรือจานไฟนั่นเองซึ่งกระแสไฟจะไม่นิ่งขึ้นอยู่กับรอบเครื่อง เพราะฉะนั้นโดยมากรถมอไซด์ที่ติดไฟ xenon ต้องหาแหล่งจากไฟตรงจาก battery หรือจากไฟ switch กุญแจ  ซึ่งต้องมีเทคเนิคการปรับระบบไฟให้จ่ายไฟให้พอ โดยที่ battery จะต้องไม่หมด แต่ไม่ว่าจะแก้ปัญหาโดยวิธีใด ต้องยอมรับผลเสียที่ตามมาคือ battery จะเสื่อมเร็วกว่าปกติเพราะทำงานหนัก เลยทำให้เด็กแว๊นส่วนมากมักชอบปิดไฟหน้าไงครับ ถึงแม้จะไม่ใช่ไฟซีนอนของแท้ แต่มันก็กินไฟพอตัวเลยแหละ จากคุณ : แป๊ะปากซอย เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 08:40:56

ความคิดเห็นที่ 8 -  สาเหตุที่หลอดไฟ xenon ที่แยงตาโดยมากเพราะ   โคมไฟมอไซด์แสงฟุ้งกระจาย เพราะมีหลายคนชอบปรับทำให้ตัวโคมหน้าปรับสูงขึ้นเพื่อที่จะได้มองได้ไกล โดยมองข้ามไปว่าจะไปแยงตาคนอื่นไหมรวมถึงรถที่เปลี่ยนไฟฮาโลเจนที่มีความสว่างสูงๆ สีขาว อมฟ้า อมม่วง ใส่ในจานฉายเดิม โดยอ้างว่าเป็นหลอดซีนอน อีกทั้งยังไม่ปรับตั้งมุมฉายให้กดลง ก็เลยแยงตาคนอื่น   ซีนอนเป็นระบบไฟส่องสว่างที่ต่างจากฮาโลเจน ในกลุ่มของซีนอนเองก็แยกย่อยเป็นหลายระดับความสว่างและออกหลายโทนสี มีไม่ต่ำกว่า 5-10 รุ่นของประสิทธิภาพหลอด มีตั้งแต่สีอมเหลืองๆ ส้มๆ คล้ายฮาโลเจนไปจนถึงอมฟ้าอมม่วง ส่วนการแยงสายตา ส่วนใหญ่มักไม่ได้อยู่ที่ตัวหลอด เพราะตัวกลอดก็มีใช้มีขายหลายค่าคว่างสว่าง ไม่ใช่หลอดติดตั้งอยู่ลอยๆ แสงจะพุ่งออกมาได้ ต้องอาศัยจานสะท้อน ถ้าออกแบบจานสะท้อนมาดี มีการควบคุมการกระจายของแสงได้ดี ตัดขอบแสงไม่ให้กระจาย การรวมแสง  และมีการปรับตั้งมุมกดดี ถึงตัวหลอดจะมีแสงแรง แต่ก็อาจจะไม่แยงสายตาก็เป็นได้ จากคุณ : แป๊ะปากซอย เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 08:42:43

ความคิดเห็นที่ 9 ในหลอด xenon รถมอเตอร์ไซด์ในบ้านเราส่วนมากมีเฉพาะไฟต่ำ ส่วนไฟสูงบางครั้งเป็น halogen ไม่ใช่ xenon  ส่วนรถมอไซด์ bigbike ส่วนมากหลอดจะเหมือนรถยนต์คือ H4 ซึ่งสามารถใช้กับหลอด xenon slide control ได้ คือ ไม่ว่าจะเป็นไฟต่ำหรือสูงก็สามารถใส่ xenon ได้หมดครับ        ในรูปสังเหตุที่หลอดจะมีการบังไฟไม่ให้ฟุ้งกระจาย ซึ่งปกติหลอด xenon ของรถมอไซด์บ้านเราไม่มีตัวบังไฟแบบนี้ทำให้ไม่ว่าจะกดโคมยังไง แสงมีการฟุ้งกระจายที่สูงมากเลยทำให้รถที่ขี่สวนมาด่าพ่อเราได้ครับ จากคุณ : แป๊ะปากซอย เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 08:43:37

ความคิดเห็นที่ 10 ขอบคุณสำหรับเนื้อหาครับ..ท่านกัปตัน จากคุณ : แกงส้มมะละกอ เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 08:43:39

ความคิดเห็นที่ 11 เพราะประเด็นเรื่องไฟสูงต่ำนี้แหละที่ทำให้พัฒนาตัวหลอด slide control ขึ้นมา จากการที่ไฟ xenon จะเปลี่ยนจากไฟต่ำไปสูง หรือสูงไปต่ำ จะต้องรอเวลาการเปิดเป็นวินาทีเลยทีเดียวซึ่งอันตรายมาก ถ้าใช้รถในยามค่ำคืน จึงเกิดระบบ slide ขึ้นหรือการใช้หลอดเดิมนี่แหละแล้ว silde ตัวหลอดเข้า และออกแทนด้วยระบบแม่เหล็ก เพื่อเปลี่ยนมุมไฟจากต่ำไปสูง หรือจากสูงไปต่ำ          หลายคนคิดว่ายิ่งค่า K สูงยิ่งดี ในความเป้นจริงแล้วค่า K ที่สูงเกินไป จะมองแยกวัตถุไม่ได้ ถ้าฝนตก หรือมีฝุ่น เมื่อใส่แล้วจะมองไม่เห็นทางในเวลาฝนตก  เพราะมันจะสะท้อนเม็ดฝน ใส่แล้วมองไม่เห็นฝุ่น หรือหลุมในเวลากลางคืนโดยส่วนมากแสงที่จะใช้งานได้ในการมองวัตถุบนท้องถนนมักจะไม่เกิน 6000k  ถ้าเกินกว่านั้นเช่น 8000-14000 k รับรองใส่แล้วเดินทางเวลาฝนตก หมอก และหลุมไม่ได้เลยเพราะแยกความต่างวัตถุไม่ได้  :7j’สีปกติที่ใช้กันสำหรับไฟ xenon มาตราฐานโดยทั่วไป คือ 4300k จะเป็นสีใกล้เคียงแสงอาทิตย์ครับ จากคุณ : แป๊ะปากซอย เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 08:44:21

ความคิดเห็นที่ 12 ด้วยความยินดีครับคุณแกงส้มมะละกอ  ผมเองไม่ได้เรียนจบมาทางช่าง ผมเองก้ได้ข้อมูลและความรู้จากในอินเตอร์เน็ทนี่แหละครับ อยากรู้เรื่องอะไรก็หาได้จากในเวป ก็เลยได้เอามาแบ่งปันกันไปครับ    ต่อครับ ซึ่งโดยรวมหลัก ๆ แล้ว 1. บริษัทใหญ่ ๆ ไม่มีใครทำไฟ xenon เกิน 6000k 2. ไฟ xenon สว่างมาก ๆ 3 เท่าของไฟเดิม ถ้าไม่มีการปรับดวงโคม และการบังแสงไฟดีๆ  แยงตา 100% 3. ระบบไฟ xenon ในบ้านเราที่ขายกันส่วนมากทำใน จีน และใต้หวัน แม้ว่าจะอ้างว่าทำใน เยอรมัน และ ญี่ปุ่น 4. การติดตั้งไฟ xenon ใช้หลอดแบบรถมอเตอร์ไซด์ของบ้านเราไม่ใช่ bigbike ที่ไม่มีตัวบังไฟ โอกาสแสงแยงตาผู้ขับขี่สวนมา สูงมาก ๆ จากคุณ : แป๊ะปากซอย เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 08:47:40

ความคิดเห็นที่ 13 เข้ามาโหวตให้ครับ จากคุณ : เหนียวหน้าฉีด เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 08:59:58

ความคิดเห็นที่ 14 เข้ามาโหวดครับ ขอบคุณสำหรับความรู้ ครับคุญแป๊ะฯ จากคุณ : ไม่เชื่อง เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 09:24:20

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณครับ สำหรับข้อมูลดีๆ ขอเพิ่มเติมบางส่วนเท่าที่พอทราบดังนี้ครับ - หลอด slide control  จากโรงงานแท้ๆ เดิมๆ นี่ไม่มีนะครับ ไม่ว่าจะเป็นจาก Philips, Osram, G.E. ฯลฯ เท่าที่ทราบหลอด Slide มีมาจากจีน ไต้หวัน ซึ่งไม่มีมาตรฐานของหลอดชนิดนี้รองรับครับ ส่วนใหญ่จะบอกว่าเป็นชนิด  "H4"  ซึ่งจริงๆ แล้ว H4 เป็นหลอดฮาโลเจนแบบ 2 ใส้  ตัว H มาจากชนิดของหลอดฮาโลเจนครับ ไม่ได้ออกแบบสำหรับซีนอนแต่อย่างใด - รหัสสำหรับหลอดไฟหน้า ถ้าเป็น H1, H4, H7, H11 เหล่านี้เป็นมาตรฐานหลอดฮาโลเจน สำหรับโคมฮาโลเจน เท่านั้นครับ (จำได้ว่า เรียกว่า Halogen E Code) ของซีนอน รหัสหลอดต้องเป็น D1S, D1R, D2S, D2R, D4S  ฯลฯ   สำหรับโคมซีนอน ( D  มาจาก Discharge ) - หลอดซีนอน ต้องการตัวจุดหลอด (ignitor) ด้วยเหมือนกับหลอดฟลูออเรสเซนต์ ที่เราใช้กันตามบ้าน บางชนิดติดอยู่ตรงฐานหลอด (D1S)  หรือบางชนิดอยู่ในบัลลาสท์ (D2S) - ในการติดตั้งหลอดซีนอน Conversion kit  ( หรือที่เรียกกันว่า ซีนอนเถื่อน ) ลงไปในโคมสำหรับฮาโลเจน   แสงจะขึ้นบนเหนือแนวตัดแสง ( Cut off) เยอะเกินไปครับ เพราะโคมไม่ได้ออกแบบสำหรับให้รองรับกำลังแสงที่มากกว่าหลอดฮาโลเจนครับ ภาพประกอบ มอเตอร์ไซด์ ติดซีนอนครับ สังเกตแนวแสง และเส้นแนวตัดแสงครับ ** ภาพจาก hidplanet.com ครับ จากคุณ : Pearl เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 09:54:11

ความคิดเห็นที่ 16 ขอบคุณคุณ  Pearl สำหรับความรู้เพิ่มเติมครับ จากคุณ : แป๊ะปากซอย เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 10:05:28

ความคิดเห็นที่ 17   ขอบคุณสำหรับข้มูลดีๆ นะคร๊าบบบบบ จากคุณ : popmc28 เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 10:59:42

ความคิดเห็นที่ 18 กำลังสงสัยอยู่พอดีเลย เรื่องนี้อ่ะครับ ขอบคุณหลายๆ เพราะว่าใจอยากจะเปลี่ยนไฟอยู่พอดี เพราะว่ามันไม่สว่างเลย จากคุณ : เด็กส่งข้าว เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 11:08:55

ความคิดเห็นที่ 19 ขอบคุณมากครับ สำหรับความรู้ .. งวดหน้า รบกวนเรื่องแบตเตอรี่ เรื่องน้ำมันเครื่อง เรื่องถุงมือ แล้วก็ทุกๆ เรื่องเกี่ยวกับมอเตอรไซค์ไปเลยนะครับ อาจารย์ ... จากคุณ : เด็กนรกฯ เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 11:13:58

ความคิดเห็นที่ 20 Vote + เก็บเข้าคลัง :P จากคุณ : จะเลี้ยว เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 11:17:18

ความคิดเห็นที่ 21 ขอบคุณครับ จากคุณ : AFTER DARK เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 12:14:36

ความคิดเห็นที่ 22 ขอบคุณครับ สำหรับความรู้ จากคุณ : Olivier เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 12:20:59

ความคิดเห็นที่ 23 แก้ไขเมื่อ 08 มี.ค. 53 12:29:02 จากคุณ : King_Baboon เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 12:24:30

ความคิดเห็นที่ 24 ขอบคุณความรู้ดีๆ ของท่านกัปตันครับ เสียดายกีบหมดแล้ว โหวตไปแล้วกันครับ จากคุณ : ตัวตลกของคนข้างๆ เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 12:29:26

ความคิดเห็นที่ 25 เข้ามาตามอ่านสาระ ขอบคุณที่แบ่งปันกันครับ จากคุณ : สุกี้แห้งรวมมิตร เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 12:31:53

ความคิดเห็นที่ 26 ยอดเยี่ยมเลยครับคุณแป๊ะ ผมกำลังจะหาข้อมูลเพื่อศึกษาเรื่องนี้อยู่พอดี... จากคุณ : แมงกุดจี่ (Mangkoodjee) เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 12:32:54

ความคิดเห็นที่ 27 อุ๊ย . ..  แสบตา จากคุณ : Mr.Saraman เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 12:35:57

ความคิดเห็นที่ 28 บางครั้งก็ไม่ได้ใช้กับรถนะครับ...อิอิอิ... จากคุณ : อนามัย เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 13:04:18

ความคิดเห็นที่ 29 ความคิดเห็นที่ 28     บางครั้งก็ไม่ได้ใช้กับรถนะครับ...อิอิอิ... จากคุณ : อนามัย ........................... ประมาณนี้.... "ไฟหน้ากลมแน่น แข็งสู้มือ ไส้หลอดซีน่อนแท้" คุ้นๆนะเนี่ย อิอิ . จากคุณ : MemoryFull เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 13:08:27

ความคิดเห็นที่ 30 ขอบคุณครับ ถ้างั้นพวกแวนซ์แถวบ้านผมมันก็ซีนอนปลอมทั้งนั้นเลย ขำขำ จากคุณ : bigside1 เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 13:13:01

ความคิดเห็นที่ 31   ขอบคุญสำหรับความรู้ครับ อยากได้มานานแล้ว แต่ก็เกรงใจสายตาชาวบ้าน เลยติดแค่หลอก H3 เคลือบสีฟ้าเอา บางทีก็มองไม่เห็นหลุมอย่างที่พี่ว่าแหล่ะ ต้องเปิดสปอร์ทไลท์ใต้กันชนช่วย พอไหวอยู่ จากคุณ : otis (digitalotis) เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 14:35:21

ความคิดเห็นที่ 32 ขอเสริมเรื่องแสงไฟสีฟ้าแยงตานะครับ คุณสมบัติของแสง ข้อนึงคือการหักเหเมื่อผ่านตัวกลาง เช่น เลนส์ แสงสี "แดง" จะหักเหน้อยที่สุด หรือเดินทางเกือบตรงที่สุด แสงสี "เหลือง" หักเหมากกว่าแดงเล็กน้อย แสงสี "ม่วง" จะหักเหมากที่สุด หรือเลี้ยวมากที่สุด กรณีโคมไฟรถ ด้านหน้ามักเป็นเลนส์บังคับให้แสงพุ่งไปเป็นลำบนถนน เมื่อใส่หลอดไฟที่มีสีตรงกับที่ออกแบบ (มักเป็นสีเหลือง) ก็จะได้ลำแสงเป็นลำไปบนถนน ไม่รบกวนคนอื่้น แต่เมื่อใส่ไฟสีขาวขึ้น (ม่วง) แสงจะุหักเหเป็นมุมมากขึ้น หรือที่เรียกว่า "ฟุ้ง" จนควบคุมไม่ได้ แม้จะปรับโคมให้ทิ่มลงพื้นมากแค่ใดก็ตาม เพราะเลนส์หน้าโึคมไม่ได้ออกแบบไว้สำหรับหลอดสีนั้นๆ จากรูป เราฉายไฟเข้าไปด้านซ้าย จะเห็นว่าสีแดงพุ่งออกไปเกือบตรง สีเหลืองเอียงนิดหน่อย สีม่วงเอียงมากที่สุด โคมไฟรถก็เช่นกัน ถ้าหลอดไฟให้สีเหลือง แสงก็จะเป็นลำเกือบตรง แต่ถ้าหลอดไฟสีฟ้า จนถึงม่วง แสงจะกระเจิงไปรอบๆ ทำยังไงก็แสบตาเพื่อนร่วมทางครับ จากคุณ : จั๊กกะจี๋ เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 14:35:51

ความคิดเห็นที่ 33 ขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติมของคุณจั๊กกะจี๋ น่ะครับ เดี๋ยวต้องเก็บเข้าคลังข้อมูลสักหน่อย  เอาไว้ถ้าผมมีข้อมูลอะไรดี ๆ จะมาแบ่งปันกันอีกน่ะครับ จากคุณ : แป๊ะปากซอย เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 15:15:07

ความคิดเห็นที่ 34 ผมสงสัยเครื่องหลอด ฮาโลเจนครับ คือผมซื้อมาใช้ สปาร์ค 135 แล้วเวลาเราเปิดไฟต่ำจะเป็นไฟสูง เปิดไฟสูงจะเป็นไฟต่ำ ไม่ทราบเพราะอะไรครับ ปล.ใส่หลอดถูกขั้วแล้วนะครับ เพราะมันล็อคเข้าที่ได้จุดเดียว จากคุณ : tonky96 เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 15:15:58

ความคิดเห็นที่ 35 เยี่ยมครับ จากคุณ : SKPG (SKPG) เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 16:02:48

ความคิดเห็นที่ 36 ที่คนสงสัยคือ เวลาเปลี่ยนหลอดไฟจากศูนย์ เช่น ซื้อรถแล้วเค้าแถมไฟ Xenon ให้ด้วย แต่พอเอาออกมาใช้จริงแล้วโดนตำรวจเรียก คนขับ(ผมคิดว่าส่วนมากจะไม่ทราบว่าไฟของตัวเองมีค่า k เท่าไหร่ ตั้งปรับสูงเกินระยะที่กรมขนส่งระบุไว้หรือไม่) ก็จะเสียเงินให้ตำรวจไปด้วยข้อหาต่างๆ อย่างรถผมเองก็ใช้ไฟ Xenon ที่ทางบริษัทรถยนต์แถมมาให้ตอนซื้อรถ (ไฟสีขาว) แต่ก็โดนตำรวจเรียกบ่อยๆ ยอมรับว่าผมเองไม่เคยไปมองไฟหน้ารถตัวเองเหมือนกันว่ามันแยงตาไหม คือผมยืนมองมันก็ไม่ได้แยงตาแต่ก็ไม่เคยลองมองจากรถคันอื่นเหมือนกัน คิดว่ามุมและองศาน่าจะมีผล อย่างนี้เราควรทำยังไงดีครับ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาวุ่นวายใดๆ เราไม่ควรใช้ Xenon จะดีกว่าไหม ถ้าอย่างนั้นออกกฎหมายห้ามไปเลยน่าจะดีกว่านะ จากคุณ : AppLePie81 เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 16:09:36

ความคิดเห็นที่ 37 เรื่องในตัวกฎหมายของคุณAppLePie81 ที่ถามมาน่ะครับ   พวกไฟซีนอน ไฟท้ายขาว โคมขาว โคมดำ พ่นสีดำ นั้นปัจจุบันไฟหน้าแบบซีนอน ยังไม่มีกฎหมายออกมารองรับครับ จึงอนุญาตให้ติดได้ เพียงแต่ติดตั้งแล้วเมื่อเข้าเครื่องมือทดสอบโคมไฟ ลำแสงต้องมีองศาตกลงจากแนวระนาบ ไม่น้อยกว่า 2 องศาและต้องไม่เบนไปทางขวา ถึงเรียกว่าผ่าน สวนเรื่องสีของ แต่โคมไฟหน้าทางกรมกำหนดไว้เพียง2 สี เท่านั้นคือ สีเหลืองอ่อน และสีขาว       ถ้าเป็นสีอื่น เช่นสีฟ้า สีม่วง สีเหลืองเข้มหรือสีเขียว มีความผิดตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 มาตรา12 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท   ถ้าคุณ AppLePie81 โดนจับคุณก็บอกตำรวจไปเลยครับว่า ตามกฎหมายว่าด้วยราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 มาตรา 12  จะมีความผิดก็ต่อเมื่อโคมไฟหน้าเป็นสีอื่นเท่านั้น แต่คุณต้องมั่นใจก่อนน่ะครับว่าไฟหน้ารถจองคุณต้องมีองศาตกลงจากแนวระนาบ ไม่น้อยกว่า 2 องศาและต้องไม่เบนไปทางขวาหรือซ้าย    ตำรวจส่วนมากชอบคิดว่าประชาชนโง่ครับ อ้างอะไรมาต่าง ๆ นา ๆ ให้เรากลัว แต่ถ้าเราพอรู้เรื่องกฎหมายอยู่บ้างก็เถียงไปเลยครับ แต่ไม่ใช่เถียงแบใส่อารมณ์น่ะครับ เราเถียงแบบมีเหตุผล แต่ก็อีกแหละครับ ถ้าตำรวจเขาหิวจริง ๆ ผมว่ากฎหมายก็คงเอาไม่อยู่หรอกครับ จากคุณ : แป๊ะปากซอย เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 18:51:34

ความคิดเห็นที่ 38 ส่วยของคุณ tonky96 เรื่องระบบไฟนั้นผมเองไม่ค่อยทราบเท่าไร แต่อาจจะเป็นที่ สายไฟสลับกันก็อาจเป้นไปได้น่ะครับ ยังไงรอผู้รู้ตอยอีกทีดีกว่าครับ ^^ จากคุณ : แป๊ะปากซอย เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 18:54:50

ความคิดเห็นที่ 39 ไหน ๆ ก็มีเข้าเรื่องกฎหมายกันแล้ว ขอเสริมอีกนึดหน่อยล่ะกันน่ะครับ เผื่อท่านใดที่รถเราถูกต้องตามกฎหมายแล้ว แต่ถูกพวกเสือหิวเรียกเอา จะได้มีข้อโต้แย้งแบบถูก ๆ หน่อย      เมื่อกี้เราว่ากันไปเร่ืองไฟหน้าไปแล้ว คราวนี้เรามาว่ากันเรื่องไฟเบรก กันบ้างครับ    ไฟเบรคนั้นต้องเป็นสีแดงเท่านั้นครับ ผมเห้นมอไซค์หลายครับเลยที่ชอบทำไฟเบรคเป็นสีขาว ไม่รู้ว่ามันสวยตรงไหนแยงตาคนข้างหลังมาก  ส่วนไฟเลี้ยวก็ต้องเป็นสีเหลืองอำพัน ไฟส่องป้ายทะเบียนก็ต้องเป็นสีขาว สามารถมองเห็นป้ายทะเบียนได้ไกลไม่น้อยกว่า 20 เมตร    ซึ่งในการเปลี่ยนโคมไฟเป็นสีขาวหรือพ่นโคมเป็นสีดำ ต้องพิจารณาขณะเปิดไฟเลี้ยว ไฟเบรก ถ้าไฟที่แสดงออกมาชัดเจนและเป็นสีที่กำหนดก็ถือว่าผ่าน ถ้าผิดสีก็เตรียมเงินไว้อีก 2,000 บาท เป็นค่าปรับได้เลยครับ จากคุณ : แป๊ะปากซอย เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 18:58:42

ความคิดเห็นที่ 40 ไหน ๆ กระทู้นี้ติดกระทู้แนะนำแล้วก็ขอเอากฎหมายของรถยนต์มาด้วยล่ะกันน่ะครับ มอไซค์อย่างเราคงไม่มี   เกี่ยวกับไฟสปอร์ทไลท์และโคมไฟตัดหมอก    พวกโคมไฟสปอร์ทไลท์ แบบที่ไฟแสงพุ่งไกล ๆ แบบกระจายวงกว้าง แบบนี้ห้ามติดโดยเด็จขาดแม้จะมีฝาครอบปิดก็ตาม เพราะมันผิดพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาทครับ     ส่วนไฟตัดหมอกที่มีลักษณะเป็นไฟแสงพุ่งต่ำ ในปี พ.ร.บ. 2536 อนุญาตให้รถยนต์ติดไฟสปอร์ตไลท์หรือ ไฟตัดหมอกเพิ่มได้ ข้างละ 1 ดวง (เท่ากับ 2 ดวง) ในระดับแนวเดียวกัน ความสูงจากพื้นถนนไม่ต่ำกว่า 40 เซนติเมตรและไม่สูงกว่า 135 เซนติเมตร ต้องเป็นแสงสีเหลือง หรือสีขาว กำลังไฟไม่เกิน 55 วัตต์ ไม่เกินกว่าระดับโคมไฟแสงพุ่งไกลและโคมไฟแสงพุ่งต่ำศูนย์รวมแสงต้องต่ำกว่าแนวขนานกับพื้นราบไม่น้อยกว่า 2 องศา หรือ 0.20 เมตร ในระยะ 7.50 เมตร และไม่เฉไปทางขวา  ส่วนการเปิดไฟตัดหมอกนั้นทำได้เมื่อมีอุปสรรค์ในการขับขี่ เช่นมีหมอกควัน หรือฝนตกหนัก มองเห็นสิ่งกีดขวางหรือรถที่สวนทางมาในระยะไม่เกิน 150 เมตร ถ้าติดไม่ถูกต้อง หรือเปิดไฟพร่ำเพื่อมีโทษปรับไม่เกิน 500 บาท รวมถึงการติดไฟนีออนใต้ท้อง หรือกรอบป้ายทะเบียน ก็เป็นสิ่งต้องห้าม ผิดอีกเช่นเดียวกันโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาทครับ    เอาเป็นว่าถ้าเราขับรถถูกต้องตามกฎหมายและแต่งรถอย่างถูกกฎหมายปัญหาก็ไม่ค่อยเกิดหรอกครับ  แต่บางครั้งตำรวจเองก็ผิดเองด้วยที่ชอบจับกันแบบว่า ไม่รู้ว่าไปหิวมาจากไหน ผิดไม่ผิดไม่รู้ ขอจับไว้ก่อนข้อหาเดี๋ยวค่อยเดินวนรถหาเอา ถ้าเจอพวกนี้ก็ต้องทำใจครับ จากคุณ : แป๊ะปากซอย เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 19:03:58

ความคิดเห็นที่ 41 คห.39 ไฟเลี้ยวด้านหลัง สามารถใช้สีเหลืองอำพัน หรือสีแดงก็ได้ ส่วนไฟเบรคต้องเป็นสีแดง และไม่กระพริบครับ จากคุณ : จั๊กกะจี๋ เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 19:12:42

ความคิดเห็นที่ 42 ส่วนไฟเลี้ยวก็ต้องเป็นสีเหลืองอำพัน ... อันนี้กฎหมายไม่ได้กำหนดว่าต้องเหลืองอำพันครับ รถบางรุ่นไฟเลี้ยวก็เป็นสีแดงครับออกจากโรงงานเลย รับรองไม่ผิดกฎหมายแน่นอน จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 19:18:50

ความคิดเห็นที่ 43 เอาบูกัตติ เวย์ร่อนมาขับในไทยไม่ได้ซิเนี่ย ไฟเบรคกระพริบ..อิอิ.. ปล. ไฟท้ายที่แยงตาสุดๆ สำหรับผมคือไฟแตกอ่ะ หุหุ จากคุณ : CK5 เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 21:46:58

ความคิดเห็นที่ 44 งั้นพวกที่ชอบเปิดไฟตัดหมอกอยู่ตลอดเวลาก็ผิดน่ะสิ หึๆ แถวบ้านผมเต็มถนนเลย (สายใหม) ไม่รู้ว่าหมอกมันลงจัดหรือไงไม่ทราบ หรือว่าความเห็นแก่ตัวและมารยาททรามมันบังตาเลยต้องเปิด ส่วนมาก 100เปอร์เซ็นเต็มจะเป็นป้ายแดง แสบตามมาก พวกไม่มีมารยาท น่าเบื่อ จากคุณ : เจ้าชายโตโร่ เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 23:22:26

ความคิดเห็นที่ 45   ขอบคุณมาก ค้าบบบ ผม ก็ตั้งกระทู้ถามไป อิอิได้คำตอบและ จากคุณ : zaax11-boss175tzr150 เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 23:41:21

ความคิดเห็นที่ 46 ผมขอแย้งนิดนึงนะครับ จาก ค.ห.39 ส่วนไฟเลี้ยวก็ต้องเป็นสีเหลืองอำพัน อันนี้ผมเข้าใจว่าเคยเป็นประเด็นในนี้สักพักนึง เรื่องเจ้า Lancer ที่มีไปเลี้ยวสีแดง ว่าผิดกฎหมายรึเปล่า และตามที่ผมเข้าใจ จากครั้งนั้นคือ ไฟเลี้ยวใช้ได้ 2 สี คือ สีเหลืองอำพัน และสีแดงครับ จากคุณ : WinVinC เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 00:00:00

ความคิดเห็นที่ 47 โหวตครับ  ได้ความรู้เพียบ  ขอบคุณจขกท. ถามนิดซิครับ  นอกเรื่อง(มอเตอร์ไซด์) คือรถยนต์จะมีคำว่า Projector  อันนี้ก็เป็น Xenon ใช่มั๊ยครับ และการไปพ่นโคมดำจะทำให้การกระจายแสงเปลี่ยนจากตอนแรกจนแยงตารถคันอื่นหรือไม่ ขอบคุณครับ จากคุณ : mk096 เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 00:35:03

ความคิดเห็นที่ 48 ไอ้เราเห็นชื่อกระทู้   ก็นึกว่าเรื่องของรถ TATA XENON ซ๊ะงั้น! จากคุณ : เสือหวล เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 00:49:46

ความคิดเห็นที่ 49 อยากทราบว่ารถมอเตอร์ไซค์ในความคิดเห็นที่ 11 เป็นรถยี่ห้ออะไรครับ มีขายจริงหรือไม่ครับ อยากทราบรายละเอียดหน่อยครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : นายทิว เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 07:05:52

ความคิดเห็นที่ 50 ^ ^ ^ ^ มันคือเจ้า Daytona Hubless Monster ครับ เป้นรถแนว Custom เรื่องการวางขายจริง ๆ นั้นผมว่าคงไม่น่าจะมีหรอกครับ จากคุณ : แป๊ะปากซอย เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 07:16:38

ความคิดเห็นที่ 51 ผมชอบ คห.39 นะ อันนั้น B-King ใช่ไหมครับ แล้วทำไมถึงต้องทำระบบบังคับเลี้ยวล้อหน้าใหม่ล่ะครับ คุณแป๊ะ มีข้อมูลไหมครับ จากคุณ : NATSKI13 เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 09:10:43

ความคิดเห็นที่ 52 เราเจอไฟซีนอนแยงตา เราจะเปิดไฟตัดหมองแยงตามันมั่ง รู้ไว้ซะว่ารถมันไฟแยงตาเรา รถเรา vios ก็จะแยงตามัน จากคุณ : darkmetter เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 09:17:44

ความคิดเห็นที่ 53 ขอบคุณมากครับสำหรับข้อมูล เอาไว้น่าจะมีใครมาให้ความรู้เรื่องไฟตัดหมอกบ้างน่ะครับ เดี๋ยวนี้เห็นเปิดวิ่งกันเยอะเกิ๊น ....แสบตาอ่ะครับ จากคุณ : tus_sks เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 09:48:56

ความคิดเห็นที่ 54 อ้างถึง คห.39 "ส่วนไฟเลี้ยวก็ต้องเป็นสีเหลืองอำพัน" ผมเห็นรถ  Cedia ไฟเลี้ยวสีแดง ไม่รู้ว่าเป็นมาจากโรงงานเลยรึปล่าวครับ บางทีผมมองนึกว่าเหยียบเบรค ย้ำๆ ทั้งๆที่เป็นไฟเลี้ยว สีเดียวกับไฟ หรี่หลังครับ จากคุณ : keng_anan เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 12:16:02

ความคิดเห็นที่ 55 ไฟเลี้ยวสามารถเป็นสี เหลือง หรือสีแดงได้ครับ บ้านผมรถ cedia ไฟเลี้ยว สีแดงมาจากโรงงานครับ ไม่ผิดกฏหมาย เพียงแต่ว่า หลายคนไม่ชินตาครับ ส่วนเรื่องไฟ xenon สำหรับมอไซด์ ลองเอารถที่ติดไปขี่ในถนนสองเลนส์ ถ้ามีรถสวนคุณมา drift ไฟใส่ ก็แยงตา ถ้าไม่ drift ไฟใส่ ก็แสดงว่าไม่แยงตา แต่ส่วนมากรถมอไซด์ใส่แล้วแยงตาเกือบทุกคัน ต้องปรับ หรือบังให้ดี เพราะไฟมันจ้า และแรงมาก ขนาดรถยนต์ที่ติด xenon โคมโปรเจคเตอร์ ก็แยงตาได้ ถ้าปรับตั้งมุมไฟ ไม่พอดี หรืออาจจะบางทีเผลอตั้งขณะไม่มี โหลด พอมีโหลดเยอะ หน้ามันก็เชิดขึ้น ก็แยงตาอีก ผมมองว่าไฟ xenon มันสว่างมาก ใช้เป็นใช้ถูกที่ก็มีประโยชน์ ใช้ไม่ถูกที่ใช้ไม่เป็น ก็สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นครับ จากคุณ : shotokan เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 13:17:02

ความคิดเห็นที่ 56 ขอบคุณคับ ง่าแต่ อย่าง คหที่11  ล้อมันวิ่งยังไงหว่า ที่ดูจาก ยูตุ๊ด  ตัวหมด มัน ไม่ได้หมุนตาม หมุนแต่ยางอ่ะหรือ ??? จากคุณ : ปลาโลมา_:P เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 13:24:28

ความคิดเห็นที่ 57 ขอบคุณครับคุณแป๊ะปากซอย อยากทราบเหมือนคุณข้างบนน่ะครับว่า ล้อมันหมุนอย่างไรครับ จากคุณ : นายทิว เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 02:34:06

ความคิดเห็นที่ 58 เห็นมีหลายท่านสงสัยว่าเจ้าตัว Daytona Hubless Monster ตาม คห. 11 นั้นวิ่งได้อย่างไร  เอาข้อมูลเท่าที่ผมหาได้ล่ะกันน่ะครับ เท่าที่ค้น ๆ มาได้ ส่วนมากล้อแบบนี้จะใช้โซ่เป็นตัวขับเคลื่อนครับ จะมีบางรุ่นบางตัวใช้สายพาน   เรื่องข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับล้อแนวนี้ผมยังไม่ค่อยมีครับ ต้องขออภัย จากคุณ : แป๊ะปากซอย เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 07:16:06

ความคิดเห็นที่ 59 ความจริงล้อแนวนี้ มีมาตั้งแต่สมัยก่อนแล้วน่ะครับ ยังไงลองชมในรูปล่ะกันครับ จากคุณ : แป๊ะปากซอย เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 07:17:10

ความคิดเห็นที่ 60 ตาม พรบ.ขนส่ง ระบุเรื่องสีของไฟเลี้ยวไว้ดังนี้ครับ... 1.ไฟเลี้ยวหน้า ต้องเป็นสีขาว หรือเหลืองอำพัน กระพริบ... 2.ไฟเลี้ยวหลัง ต้องเป็นสีแดง หรือเหลืองอำพัน กระพริบครับ... จากคุณ : Bashful Guy. เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 53 11:54:01

ความคิดเห็นที่ 61 ตอบ...โต้ง คือว่าหลอดดังกล่าวไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้กับรถเราครับ ลองดูที่แพ็คเกจ จะเห็นข้อความว่า "Offroad only" หรืออะไรเทือกนี้ ซึ่งระบบไฟก็จะต่างจากรถบ้านๆ ที่เราใช้ครับ ผมเอาของ osram มาใส่ มันก็สลับขั้วเหมือนกัน (แต่มันสว่างดี หุๆ) ผมก็เลยจัดการเปลี่ยนช่องสายไฟซะ จะได้ไม่งงเวลากระพริบไฟสูง ก็ใช้ได้ดีครับ จากคุณ : ทัชชี่ เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 53 20:50:31

ความคิดเห็นที่ 62 แหล่มเลยครับ กับปิตัน จากคุณ : เปลวไฟในน้ำแข็ง เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 53 23:28:01

ความคิดเห็นที่ 63 งามมาก จากคุณ : Gazz เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 53 11:49:29

ความคิดเห็นที่ 64 ไฟซีน่อนต้องคู่กับโคมโปรเจคเตอร์ ครับ มันเป็นของคู่กัน แสงไม่แยงตาแน่นอน ซีน่อนแท้ๆมาตรฐานomeมีแต่ขั้ว D1R/D1S D2R/D2S ปัจจุบันก็ D4R/D4S แต่โปรเจคเตอร์ฮาโลเจนก็มีครับ อย่างเช่นA31 จากคุณ : Nuudam เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 53 21:51:15

ความคิดเห็นที่ 65 อันนี้รูปโคมโปรเจคเตอร์ มันจะอยู่ในโคมใหญ่อีกทีนึง จากคุณ : Nuudam เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 53 21:55:22

ความคิดเห็นที่ 66 ลืมเครดิตภาพจากhidplanetดอทคอม จากคุณ : Nuudam เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 53 21:57:48