ความคิดเห็นที่ 1 ผมหักสุดตลอด แถมยังอยากได้เพิ่มอีกต่างหาก 55555+ คือถ้าหักไม่สุดแล้วจะรู้ได้ยังไงว่ามันสุด จากคุณ : jaminonez เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 13:34:55

ความคิดเห็นที่ 2   แต่ถ้าคุณหักพวงมาลัยขณะจอดอยู่นิ่ง ผลเสียคือ 1. ยางสึก 2. ระบบปั้มน้ำมันพวงมาลัยรับแรงมาก เพราะคุณไม่ได้เคลื่อนที่รถ น้ำหนักรถกดอยู่กับยางที่จุดเดิม ^ ^ เค้าก็เชื่อกันตรงนี้อ่ะครับ แล้วจะเชื่อผิดๆ อย่างไรไม่เข้าใจครับ จากคุณ : สิงโตยนต์ (สิงโตยนต์) เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 13:39:11

ความคิดเห็นที่ 3 #2 คุณต้องเปลี่ยนพฤติกรรมในการขับขี่ นั่นคือ ขณะที่คุณจะหักพวงมาลัย ต้องเคลื่อนที่รถด้วย ไม่ใช่ได้ความสบายจากพวงมาลัยเพาเวอร์ หักยังไงก็ได้ ในขณะที่คนขับรถพวงมาลัยธรรมดาเข้าจะรู้วิธีการเลี้ยวที่ถูกต้อง เพราะไม่มีทางที่จะหมุนพวงมาลัยในขณะที่จอดอยู่กับที่ได้ จากคุณ : Phantom thief เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 13:43:07

ความคิดเห็นที่ 4   มันก็สึกกว่าน้อยกว่าพวก เอี้ยดๆ เยอะแยะ 55 หมุนเ้ข้าไปเตอะ ถนัดคนละอย่าง จากคุณ : peviedot เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 13:46:53

ความคิดเห็นที่ 5 หากรู้วิธีการใช้งานที่ถูกต้อง ขับจนเครื่องพังก็ไม่มีปัญหา จากคุณ : Phantom thief เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 13:48:06

ความคิดเห็นที่ 6   ^ #3 ถูกครับต้องให้รถเคลื่อนที่ก่อนขยับพวงมาลัยเพื่อหักเลี้ยว แต่ "หักพวงมาลัยสุดขณะจอดอยู่นิ่งๆ และติดเครื่อง" ผมเข้าใจว่า ว่า"จอดคอย" ประมาณนั้นอ่ะครับ ปั๊ม คงยังทำงานหนักแน่ๆ ครับ  แล้วก็เป็น ข้อควรระวัง หรือไม่ควรทำ ในคู่มืออยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับ จากคุณ : สิงโตยนต์ เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 13:53:41

ความคิดเห็นที่ 7 #6 ปั้มทำงานโดยอาศัยแรงจากเครื่องยนต์ครับ ไม่ว่าคุณจะหักพวงมาลัยหรือไม่ ปั้มยังคงทำงานตลอดเวลาครับ แต่จะมี pressure-relief valve ทำหน้าที่รักษาแรงดันให้เหมาะสม ดังนั้น ปั้มไม่มีทางทำงานหนักได้เมื่อหักพวงมาลัยสุดครับ แรงดันน้ำมันจะอยู่ในค่าๆหนึ่งที่รอบเดินเบา และค่าสูงสุดที่ความดันหนึ่งๆ ปั้มทำหน้าที่ถ่ายเทน้ำมันพวงมาลัยไปยังลูกสูบครับ จากคุณ : Phantom thief เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 13:59:39

ความคิดเห็นที่ 8 หัวเพลาสึก จากคุณ : HMOM เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 14:02:51

ความคิดเห็นที่ 9 ตอนกลางๆจะมีการทำงานอยู่ครับ จากคุณ : Phantom thief เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 14:03:24

ความคิดเห็นที่ 10 นี่ไง...เขาน่าจะมีหน้าจอบอก ที่เข็มหน้าปัดน่ะ ว่าเราหักไปแค่ไหนแล้ว เวลาจอด จะได้ไม่ต้องหมุนไปหมุนมา จากคุณ : สุนทราภรณ์ เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 14:10:03

ความคิดเห็นที่ 11 #8 มีความเป็นไปได้ครับ แต่การสึกจากการเลี้ยวจนสุดน้อยกว่าการสึกจากยางหุ้มขาดเยอะครับ การรับแรงในสภาพปกติ มีผลเยอะกว่าครับ เราคงไม่เลี้ยวสุดตลอดเวลา นับครั้งได้เลย นอกจากคุณจะเอามาโดนัทเท่านั้น ถึงเวลาเราก็ต้องเปลี่ยนอยู่แล้ว จากคุณ : Phantom thief เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 14:11:08

ความคิดเห็นที่ 12 ผมไม่ได้ห่วงเรื่องระบบบังคับเลี้ยวเลย ห่วงก็แต่ ยางหุ้มเพลามากกว่า  ยืดสุดบ่อยๆ มันขาดเร็วกว่า จากคุณ : EITHER เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 14:16:17

ความคิดเห็นที่ 13 #12 ถ้ายางหุ้มคุณภาพดี ตามมาตรฐาน ไม่มีปัญหาครับ ด้วยมุมยืด-หดแค่นั้น ไม่ทำให้เสื่อมเร็วขึ้นอย่างมีนัยยะครับ อย่างที่เกริ่นนำ การขับรถปกติ สถานะการที่จะหักพวงมาลัยจนสุดมีไม่บ่อย ทั้งนี้เวลาที่หักเลี้ยวสุดย่อมไม่มีใครใช้ความเร็วรอบสูงอยู่แล้ว จากคุณ : Phantom thief เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 14:20:29

ความคิดเห็นที่ 14 หักพวงมาลัยสุด แล้ว ออกตัวแรงๆ ถึงจะทำให้สึกหรอเร็ว ไม่ใช่เหรอครับ ถ้าหักสุด แต่ ค่อยๆ เร่งออกตัว แบบนี้จะสึกหรอตามปกติ.. จากคุณ : คนจ๊นจน เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 14:45:07

ความคิดเห็นที่ 15   จริง ๆ แล้วมันไม่ใช่ความเชื่อผิด ๆ หรอกครับ แต่มันมีผลจริง ๆ เค้าเลยแนะนำว่าถ้าตอนหักพวง มาลัยสุดจนชนกึกแล้วให้ปล่อยกลับนิดหนึ่ง หรือ หักได้สุดไม่ควรเกิน 30 วินาทีเป็นต้น เหตุผลดังนี้นะครับ 1. ในขณะที่รถจอดนิ่ง ๆ โดยที่เราไม่ได้เลี้ยวหรือวิ่งทางตรง น้ำมันในระบบพาวเวอร์จะไหลผ่านโรตารีวาล์วไปแล้วกลับ ๆ อยู่ ตลอดเวลา ช่วงนี้จะไม่มีโหลดคือน้ำมันไม่ต้องไปดันอะไรทั้งสิ้น 2. ระหว่างโรตารีวาล์วกับเฟืองที่ติดกับแกนพวงมาลัยมันจะให้ตัว ได้ ดังนั้นในขณะที่เราเลี้ยวตัวโรตารีวาล์วจะปิดท่อน้ำมันที่ไหล ฟรี ๆ ให้ไปดันลูกสูบที่ดันคันส่งอยู่ จนลูกสูบดันคันส่งให้หมุนเฟือง แกนพวงมาลัยจนหมุนไปทันกับโรตารีวาล์วก็จะเปิดน้ำมันให้ไหลฟรี เหมื อนเดิมครับ ตรงนี้คือการทำงานปกติของมัน 3. คราวนี้ถ้าเราเลี้ยวสุดแล้วยันพวงมาลัยไว้ตลอดสิ่งที่เกิดตามก็คือ ตัวเฟืองไม่สามารถหมุนตามโรตารีวาล์วได้ทัน เนื่องจากล้อมันสุด แล้ว ดังนั้นนั้นมันก็จะดันลูกสูบตลอดเวลา เป็นผลทำให้เครื่องทำงานหนัก น้ำมันร้อน ซีลต่าง ๆ เสื่อมเร็วขึ้น ปั๊มพาวเวอร์ก็ทำงานหนัก จากที่ผมอธิบายมาอาจจะเข้าใจยากนะครับ ลองคิดแบบนี้ก็ได้ครับ สมมติมีกล่องใบหนึ่งผูกไว้ด้วยสายยางเส้นหนึ่ง คนหนึ่งลากสายยาง อีกคนดันกล่อง โดยมีเงื่อนไขว่าคนที่ดันให้ดูสายยางตึงเมื่อไหร่ ให้ดันกล่องไปจนสายยางหย่อน ดังนั้น เมื่อคนดึงหยุด ดึง คนดันก็จะหยุดตาม แต่เมื่อไหร่คนดึง ๆ คนหลังก็จะดันตาม แต่ถ้ากล่องไปติดอะไรสีกอย่าง (เปรียบเหมือนเลี้ยวสุด) คนดึง ก็ดึงจนยางตึง ดังนั้นคนดันเมื่อเห็นสายยางตึงก็จะดันตามให้สาย ยางหย่อนให้ได้ แต่ทำได้แค่ดันเท่านั้น เพราะดันยังไงก็ไม่ไป แล้ว ปรากฏว่าคนดันจะดันไปจนคนดึงเลิกดึง นี่คือการเปรียบเทียบครับ คิดดูว่าคนดันจะเหนื่อยแค่ไหนถ้าคนดึงไม่ยอมหยุดดึง ปล อันนี้เป็นระบบที่เป็นไฮโตรลิคนะครับ พวงมาลัยไฟฟ้าไม่เกี่ยวครับ จากคุณ : dash2537 เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 14:47:46

ความคิดเห็นที่ 16 ข้อสังเกตุนิดนึงนะครับ หัวข้อกระทู้.... แต่ถ้าคุณหักพวงมาลัยขณะจอดหยุดนิ่ง ผลเสียคือ 1 ยางสึก 2 "ระบบปั๊มน้ำมันพวงมาลัยรับแรงมาก" เพราะคุณไม่ได้เคลื่อนที่รถ น้ำหนักรถกดอยู่กับยางที่จุดเดิม.... กับ คคห 7 ที่ว่า แต่จะมี Presure-relief valve ทำหน้าที่รักษาแรงดันให้เหมาะสม ดังนั้น"ปั๊มไม่มีทางทำงานหนักได้เมื่อหักพวงมาลัยสุด"..... จากคุณ : ฤาษีเมือง เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 14:51:05

ความคิดเห็นที่ 17   ลองดูในนี้ครับ http://auto.howstuffworks.com/steering4.htm จากคุณ : dash2537 เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 14:55:13

ความคิดเห็นที่ 18 #16 เมื่อคุณอยู่กับที่ ระบบจะใช้แรงมากขึ้นเนื่องจากฟริคชั่นของล้อกับพื้น แต่ไม่ได้หมายความว่ามันทำงานหนักครับ จากคุณ : Phantom thief เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 15:21:01

ความคิดเห็นที่ 19 "3. คราวนี้ถ้าเราเลี้ยวสุดแล้วยันพวงมาลัยไว้ตลอดสิ่งที่เกิดตามก็คือ ตัวเฟืองไม่สามารถหมุนตามโรตารีวาล์วได้ทัน เนื่องจากล้อมันสุด แล้ว ดังนั้นนั้นมันก็จะดันลูกสูบตลอดเวลา เป็นผลทำให้เครื่องทำงานหนัก น้ำมัน ร้อน ซีลต่าง ๆ เสื่อมเร็วขึ้น ปั๊มพาวเวอร์ก็ทำงานหนัก" การจำกัดมุมของล้อ ถูกจำกัดที่ลูกสูบของไฮดรอลิคครับ แต่ว่าการวัดขีดจำกัดของลูกสูบ ใช้วิธีการวัดผ่าน pinion gear แก้ไขเมื่อ 08 มี.ค. 53 16:45:41 จากคุณ : Phantom thief เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 15:27:17

ความคิดเห็นที่ 20 ล้อยังสามารถเปลี่ยนมุมเลี้ยวไปได้อีกระยะหนึ่ง การออกแบบ ไม่ได้ออกแบบให้ลูกสูบไฮดรอลิคดันไปจนล้อสุดครับ แต่เราออกแบบให้ล้อทำมุมได้เท่าที่ลูกสูบไฮดรอลิคเคลื่อนที่ได้ครับ จากคุณ : Phantom thief เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 15:29:30

ความคิดเห็นที่ 21 ถ้าการหมุนสุดแล้วทำให้เกิดผลเสียต่อระบบจริงๆนั้น จะต้องมีการวางแผนเผื่อโดยมีการกำหนดจุดที่หมุนพวงมาลัยได้สูงสุด ก่อนที่จะทำให้เกิดความเสียหายครับ นั่นคือยังไงการหมุนสุด  ก็ไม่ได้หมายความว่า สุดแล้วจริงๆ คือ ยังมีระยะที่สามารถขยับได้อีกเล็กน้อย แต่เค้าไม่ให้เราใช้งานส่วนนั้น แก้ไขเมื่อ 08 มี.ค. 53 15:34:51 จากคุณ : Phantom thief เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 15:34:01

ความคิดเห็นที่ 22 จากรูปจะเห็นได้ว่าเมื่อลูกสูบเคลื่อนที่จนสุดแล้ว ก็ไม่ต่างอะไรจากตอนนี้ยังไม่สุด เพียงแค่น้ำมันในกระบอกไฮดรอลิกในอีกข้างนั้น ไม่มีหรือมีอยู่น้อยเท่านั้นเอง จากคุณ : Phantom thief เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 15:50:55

ความคิดเห็นที่ 23   หักสุดแล้ว มันดัง จิ๊ด  ถ้าไม่สุดมันไม่ดัง ใครจะหักสุด ไม่ว่า แต่ผมหักสุดแล้วกลับมานิดนึง จากคุณ : k ta62 เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 16:05:41

ความคิดเห็นที่ 24 ขอโทษที่ผมไม่มีสาระ แต่จะบอกว่า ไม่ว่าจะหัดสุด หรือกดสุด ผมทำเสมอๆ จากคุณ : PaoChelsea เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 16:10:13

ความคิดเห็นที่ 25 cross section of the rotary valve จากคุณ : Phantom thief เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 16:26:13

ความคิดเห็นที่ 26 โดยกลไกลการหมุนพวงมาลัยจนสุดจะอยู่ที่เฟืองในรูปครับ จากคุณ : Phantom thief เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 16:33:44

ความคิดเห็นที่ 27 หรือดูให้ชัดๆ ในตำแหน่ง pinion gear คือตัวที่จำกัดการหมุนของพวงมาลัย ที่มันดังก็มาจากตรงนี้แหละครับ เฟืองมันไปจนสุดแล้ว แก้ไขเมื่อ 08 มี.ค. 53 16:46:47 จากคุณ : Phantom thief เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 16:38:57

ความคิดเห็นที่ 28 ส่วนรูปนี้คือระบบทั้งหมด จากคุณ : Phantom thief เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 16:39:45

ความคิดเห็นที่ 29   ขอบคุณท่านผู้รู้ทุกท่านเป็นอย่างสูงครับ โดยเฉพาะท่านPhantom thief และท่านdash2537 จากคุณ : สิงโตยนต์ เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 16:48:18

ความคิดเห็นที่ 30 ขอบคุณผู้รู้ทุกท่านครับ โดยเฉพาะคุณ Phantom thief ที่อุตส่าห์แตกกระทู้ให้ ^^ จากคุณ : Daybreak's Bell เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 19:10:25

ความคิดเห็นที่ 31 หักสุดแล้วมันมีเสียงจริงๆ แล้วพวงมาลัยสั่นเบาๆ ผมก็หลีกเลี่ยงการหมุนสุดตลอด แล้วไม่ยูเทิร์นแรงๆด้วย เพราะรู้เลยว่าการยูเทิร์นแล้ว กดเร่งส่งแรงๆ เพลาสึกก่อนเวลาอันควร เหล่านี้จากประสบการณ์รถเก่าสั่งสอนผมมา คันใหม่สามปีสามเดือนละ ช่วงล่างยังเงียบไม่มีเสียง จากคุณ : JoeRazz เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 19:57:10

ความคิดเห็นที่ 32 กระทู้มีสาระ  ขออนุญาตโหวตนะครับ จากคุณ : CLK BRABUS เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 20:26:34

ความคิดเห็นที่ 33 เหตุที่ตั้งกระทู้นี้ เนื่องจากกระทู้ที่แตกประเด็นมาครับ หลายๆท่านเข้าใจว่า ปั้มหรือมอเตอร์จะเสีย หรือ สายน้ำมันจะแตกเสียหาย การทำงานของ rack หรือ cylinder ก็ลงไว้ให้ดูข้างบนนะครับ เรื่องเพลาขับสึกก็มีส่วนเครับ เมื่อเร่งแรงๆเวลาหักสุด แก้ไขเมื่อ 08 มี.ค. 53 20:41:49 จากคุณ : Phantom thief เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 20:40:50

ความคิดเห็นที่ 34 ขอถามด้วยคนครับ รถผมพวงมาลัยธรรมดาครับ(ที่เค้าเรียกกันขำๆว่าเพาเย่อ555) เนื่องจากที่บ้านผมที่จอดรถแคบระยะเลี้ยวไม่เยอะ จึงต้องหักสุดโดยรถอยู่กับที่บ่อยๆนั้น ผิด หรือ มีผลเสียอะไรบ้างมั้ยครับ แต่ผมก็ทำอย่างนี้ตลอดนะครับ เวลาเจอที่แคบมันต้องสาวๆๆๆๆแล้วก็เลื่อนรถน่ะครับ ถ้าเลื่อนรถไปสาวไปมันจะไม่หนืดเท่าสาวอยู่กับที่ แต่ด้วยระยะทางมันบังคับจริงๆครับ ขอบคุณล่วงหน้านะครับ จากคุณ : ddlife เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 20:48:59

ความคิดเห็นที่ 35 #34 เฟืองตัวหนอนรับแรงมากขึ้น ยางเสียดทานกับพื้น และปวดแขน จากคุณ : Phantom thief เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 20:51:37

ความคิดเห็นที่ 36 แต่พวงมาลัยธรรมดาระบบไม่ซับซ้อน ซ่อมง่าย ราคาไม่แพง จากคุณ : Phantom thief เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 20:54:20

ความคิดเห็นที่ 37 โอ้ว ตอบไวมากเลยครับ แรกๆก็ปวดแขนจริงครับ วิดพื้นบ่อยๆเข้าก็ชินแล้วครับ แต่ที่กลัวคือมันจะมีชิ้นส่วนสึกหรอถึงขั้นพังหรือป่าวน่ะครับ แหะๆ จากคุณ : ddlife เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 21:11:28

ความคิดเห็นที่ 38 #37 ลูกปืนจะสึกเร็ว ร่องของเฟืองตัวหนอนจะลึกและบาง เรื่องสึกก็มากกว่าปกติเป็นธรรมดาครับ ถ้าเมื่อไหร่จอดนิ่ง ขยับพวงมาลัย แล้วรู้สึกว่ามันฟรีๆ ล้อไม่ค่อยไปนั่นคืออาการบอกเหตุเสียเงินครับ จากคุณ : Phantom thief เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 21:18:50

ความคิดเห็นที่ 39 ลองถอดกระบอกแร็คมาดู  แล้วถึงจะรู้ว่าทำไมเขาถึงบอกว่าไม่ควรหมุนสุด ต่อให้เป็นรถพวงมาลัยธรรมดา การหมุนพวงมาลัยให้หันล้อมากขึ้น  ภาระที่ลูกหมากปีกนก ลูกหมากคันชัก  มันก็จะมากขึ้นตามไปด้วย ที่ความเร็วเดียวกัน  หันมากสึกมากเป็นธรรมดาอยู่แล้ว   ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร จากคุณ : ton99 เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 21:49:29

ความคิดเห็นที่ 40 ในกรณีขับปกติมันก็ไม่จำเป็นต้องหักจนสุดอยู่แล้ว แต่ถ้าเมื่อต้องหักจนสุด มันก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไร ไม่ใช่ว่าไม่สามารถทำได้เลย load ของ ball joint มันไม่เกินความสามารถในการรับแรงหรอก เรื่อง rack ไม่ต้องถอดหรอกครับ ผมมีแบบที่ยังไม่ประกอบเลย แล้วเมื่อหักสุดหรือไม่สุด กระบอกแร็คไม่ได้ทำงานต่างจากการเลี้ยวปกติแต่อย่างใด ตัวที่บอกว่าสุดหรือไม่มันอยู่ที่ pinion ครับ แก้ไขเมื่อ 08 มี.ค. 53 22:38:48 จากคุณ : Phantom thief เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 22:18:56

ความคิดเห็นที่ 41 ในกรอบของความเร็วไม่มาก การหักมากหักน้อยแทบไม่แตกต่างกัน ส่วนเมื่อขับเร็ว แล้วหักเลี้ยวแรงๆนั้น มีผลแน่ครับ จากคุณ : Phantom thief เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 53 22:24:42

ความคิดเห็นที่ 42 /// เรื่อง rack ไม่ต้องถอดหรอกครับ ผมมีแบบที่ยังไม่ประกอบเลย /// งั้นไปประกอบดูก่อน แล้วลองหมุนสุดดูว่าอะไรมันเกิดขึ้น จากคุณ : ton99 เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 00:43:59

ความคิดเห็นที่ 43 จริงอยู่ครับที่มันไม่มีผลต่อระบบแร็คพาวเวอร์โดยตรง แต่คิดตามกฎแรงโน้มถ่วงล่ะก็รถจะมีแรงกดมากขึ้นในขณะที่เลี้ยวสุด ทำให้เวลาเลี้ยวแกนแร็คพาวเวอร์จะมีแรงต้านสูงสิ่งทำให้ลูกหมากแร็คที่อยู่ติดกับ แร็คพาวเวอร์นั้นรับโหลดมากขึ้น มันถึงหลวมไงครับแล้วยางหุ้มแร็คก็ขาดได้ง่ายด้วยครับ ดังนั้นในขณะวิ่งรถหรือกลับรถไม่สมควรหักสุดแต่ถ้าเลี้ยวเข้าบ้านเพื่อจอดนี่ สบายครับไม่มีปัญหา ควรมองเป็นกรณีการใช้มากกว่าครับไม่ใช่ว่าเลี้ยวสุดไม่ได้นะครับ แต่เลี้ยวสุดบ่อยๆมันก็ไม่ค่อยดีนะ ผมว่านะครับ จากคุณ : Pom_OnTour เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 09:41:11

ความคิดเห็นที่ 44 หลายปีมาแล้ว สมัยเรียนมหาลัย เพื่อนขับ Audi A6 มันหักพวงมาลัยสุดแค่ครั้งเดียว ดัง "กึ้ก" นั่นแหละครับ เข้าศูนย์ Audi ที โดนไปหลายหมื่น น้ำตาแทบร่วง จากคุณ : LAPD21 เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 10:30:30

ความคิดเห็นที่ 45 จะให้ทน ต้องไม่เลี้ยวเลยครับ หักเลี้ยวเมื่อไหร่ ส่งผลให้ พังเร็วขึ้นเท่านั้นครับ เมื่อหักพวงมาลัยจนสุด (เอาพวงมาลัยธรรมดาเลย) คันชักคันส่ง (พวกลูกหมาก) จะต้องรับภาระมากกว่าปรกติ (ยามไม่เลี้ยว) แน่นอนครับผม ทำให้เสี่ยงต่อการ พังมากขึ้นแน่ๆ ๑ เรื่องครับ หากท่านใช้รถที่มีเพาเวอร์ (แบบน้ำมัน) ปั๊มก็ต้องทำงานครับ ถ้าไม่เชื่อ ลองเอา ตัวควบคุมรอบเดินเบาออกครับ พอหักพวงมาลัย รอบเครื่องจะตกลงทันทีครับ หนัก และ กินแรงเครื่องยนต์ทันทีครับ การใช้งานอะไรก็ตาม มันส่งผลให้สิ่งนั้น มีอายุสั้นลงแน่นอนครับ เหมือนกันทุก อย่างแหละครับท่าน ท่านว่า เครื่องวางอยู่เฉยๆ กับหยิืบเอามาใช้ ท่านว่าอะไร จะพังก่อนกันครับ ช่วงล่าง ระบบ บังคับเลี้ยวก็เช่นเดียวกันครับผม จากคุณ : สยึมกึ๋ย เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 11:45:21

ความคิดเห็นที่ 46 ลืมบอกไปเรื่องหนึ่ง รถทุกคันจะมีมุมแคสเตอร์อยู่ด้วย เพื่อ ดีดให้ พวงมาลัยกลับมาตั้งตรง หากเราเลี้ยว รถก็ต้องรับชะตากรรม ภาระ ที่มากขึ้นด้วย จากมุมบ้านี่แหละครับ จากคุณ : สยึมกึ๋ย เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 12:55:26

ความคิดเห็นที่ 47 ถ้าบอกว่าหมุนสุดยังมีแรงดันเท่าเดิมแล้วทำไมพอหมุนสุดมันถึงกินโหลดมากล่ะครับเพราะรอบเครื่องจะตก ปั๊มเพาเวอร์อาจจะดังอืดดดดๆในบางคัน เพราะฉนั้นประเด็นหลักคือไม่ต้องพูดถึงช่วงล่างหรือยางสึกหรอกเพราะอันนั้นเข้าใจง่ายอยู่แล้ว แต่หมายถึงเพื่อถนอมปั๊มเพาเวอร์มากกว่า จากคุณ : t (chat725) เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 21:15:43