|
ความคิดเห็นที่ 14 |
อืม...เอางี้นะครับ ผมจะอธิบายให้ฟังนะครับ แต่ขอร้องทุกๆคนนะครับ อย่าเพิ่งเอาแต่ว่าศูนย์บริการจะเอาแต่ฟันนะครับ ผมอ่านแล้วขึ้นจริงๆครับ มันเป็นเรื่องของธุรกิจสถานประกอบการ ที่เหน็บๆกันเคยคิดมั้ยครับว่า... ในศูนย์บริการแห่งนึงสมมุติมีพนักงาน20คน เงินเดือนคนละเท่าไหร่ 1เดือนค่าน้ำ+ไฟ+อะไรทั้งหลายแหล่ มันเป็นเงินเท่าไหร่ แล้วจะเอาอะไรมาทำให้มันอยู่ได้ ไม่ต้องพูดถึงกำไร เอาแค่ให้มันอยู่ได้พอครับ อะไหล่ชิ้นนึงกำไรกี่บาทครับต้องขายกี่ชิ้นถึงจะเท่าทุน แล้วใครเค้าจะซื้ออะไหล่ชิ้นนั้นกันได้บ่อยๆ ซึ่งการคิดค่าแรง-ค่าอะไหล่นั้นเป็นราคามาตรฐานมีชั่วโมงงานเป็นตัวกำหนดนะครับไม่ใช่นั่งเทียนเขียนเอามั่วๆครับ...ซึ่งลูกค้าต้องรับได้ครับไม่อย่างนั้นศูนย์อยู่ไม่ได้ครับ ถ้าโดนฟันจริงๆเพียงแค่เอาหลักฐานมาลงในอินเตอร์เนทก็ทำให้เสียชื่อได้แล้วครับ ถ้าเทียบกับอู่ข้างนอกดีๆก็มีครับ ราคาค่าแรงเค้าตั้งเองได้ครับ อยู่ที่ความสนิทก็ว่าได้
ถึงเจ้าของกระทู้ครับผม เข้าเรื่องกันเล๊ย...555 ข้อ1.เรื่องหม้อน้ำ ผมจะอธิบายเป็นระบบน้ำเลยละกันครับ รถยนต์สมัยใหม่หม้อน้ำจะเป็นไฟเบอร์(หรือพลาสติก ผมเองไม่มีความสามารถขนาดแยกโมเลกุลส่วนประกอบของมันออกมาบอกได้เป๊ะๆ555)ที่ฝาบนและล่าง ซึ่งนั่นแปลว่ามันมีอายุการใช้งานสั้นกว่าแบบทองเหลืองแน่นอนครับ เคยสังเกตุสีของมันมั้ยครับ แรกๆเลยมันจะมีสีดำครับ พอใช้งานไปเรื่อยๆมันก็จะเสื่อมสภาพครับและสีจะเริ่มเป็นออกน้ำตาล-เขียวๆ นั่นคืออันตรายแล้วครับ มันจะกรอบและทนแรงดันไม่ได้ แรกๆอาจซึมบริเวณตะเข็บบนก่อน หากฝาหม้อน้ำยางซีลข้างในบวมจนแรงดันไม่สามารถดันน้ำออกมาที่ถังพักได้แล้ว...ถ้าน้ำไม่ออกทางท่อยางหม้อน้ำบน-ล่างแล้ว...ตัวหม้อน้ำมันก็จะต้องแตกครับอาจเป็นคอท่อ(ถ้าจังหวะซวยของช่างจริงๆก็ตอนถอดท่อยางแล้วขาดคามือ จะโดนหาว่าทำของเค้าพังอีก) ไม่ได้เวอร์ครับ เรื่องจริง
ระบบน้ำเป็นเรื่องสำคัญนะครับ แล้วก็มีปั๊มน้ำ+วาล์วน้ำอีก ระยะ100,000ก.ม.ถือว่าต้องเช็คให้ดีและละเอียดครับ(วันนี้ผมเจอแค่ระยะ70,000ก็เปลี่ยนได้แล้วครับเพราะหม้อน้ำเขียวกรอบเลยครับ เปลี่ยนครบเซท เสื่อมจริงเปลี่ยนจริง555) 100,000ก.ม.แล้ว ยังไงปั๊มน้ำซีลมันต้องเสื่อมสภาพแล้วครับ เวลาซีลมันเสื่อมสภาพจะมีน้ำซึมออกมาที่รูที่เค้าออกแบบเอาไว้ (ต้องดูจากใต้รถครับ)ถ้าใส่น้ำยาหม้อน้ำของทางศูนย์ก็จะมีสีเขียวเห็นได้ชัดเจนครับ เรื่องราคาผมไม่แม่นครับ(ไม่เคยจำครับ555) ระบบน้ำนั้นจากระยะการใช้งานมีชิ้นส่วนที่ควรเปลี่ยนดังนี้ครับ หม้อน้ำจะมีแบบเกียร์ออโต้กับเกียร์ธรรมดา(ถูกกว่า)ราคาไม่เท่ากันครับ,ปั๊มน้ำ,วาล์วน้ำ ท่อยางหม้อน้ำบน-ล่าง+เหล็กรัด4อัน,น้ำยาหม้อน้ำ2ขวด,ท่อยางอื่นๆตามสภาพ... ถ้าสงสัยว่าแต่ละอันอันไหนทำไมต้องเปลี่ยน ไม่เปลี่ยนได้มั้ย ถามได้นะครับ ส่วนหม้อน้ำจะทำร้านข้างนอกเป็นแบบฝาทองเหลืองแบบที่ท่านด้านบนๆแนะนำก็ได้ครับใช้กันทนๆไปเลยครับ ถอดล้างได้ด้วยมีลูกค้าทำกันหลายคันมากกกกครับ รถผมเองก็เป็นทองเหลืองแว๊ว
ข้อ2.น้ำมันเบรคควรเปลี่ยนทุกครั้งที่ทำการตรวจเช็คเบรคครับประมาณ20,000-40,000ก.ม.หรือ2ปีครับ เห็นในกระปุกเติมข้างบนมันสีไม่เข้มมากแต่ข้างล่างที่ตัวคาลิปเปอร์และแม่ปั๊มล่างนี่ดำปึ้ดเลยนะครับ เนื่องจากด้านล่างมันต้องเจอกับความร้อนสะสมตลอดเวลาที่รถวิ่งและเบรคครับ เหตุผลตามท่านความเห็นที่6เลยครับ ข้อ3.เรื่องหลอดไฟน่ะครับที่สวิตซ์A/Cน่ะครับ มันจะมาเป็นแผงวงจรเลยครับ มันถึงราคาสูงครับ แต่ถ้าทำเป็นถอดเองได้ ไปซื้อหลอดมาเปลี่ยนเอาก็ได้ครับ คลองถม-บ้านหม้อหลอดละ10บาทก็มีครับ(ไม่มีขั้วนะครับ ต้องถอดเอาหลอดไปเทียบเอา) แต่จะใช้ได้นานมั้ยอีกเรื่องนึงนะครับ ทั้งแผง400กว่าบาทจริงครับ ค่าแรงประมาณ1ชั่วโมงไม่เกิน350บาทแน่นอน
ข้อ4.เบื้องต้นตามคู่มือที่มากับรถน่ะครับ ต้องอ่านครับ... ถ้าใช้น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ก็ เปลี่ยนถ่ายตอนระยะ5,000ก.ม. น่ะครับ และอยู่ที่ว่าเข้าเช็คที่ไหน ที่นั่นจะเช็คอะไรให้บ้างถ้าเข้าศูนย์นะครับก็จะมีประมาณนี้คือ ทุกระยะ5,000ก.ม. เปลี่ยน น.ม.เครื่อง+ไส้กรอง+แหวนรอง,ตรวจเช็คน้ำกลั่น+สภาพแบตเตอรี่+ระบบไฟชาร์จ,ตรวจเช็คระบบไฟส่องสว่างทั้งหมด,ตรวจเช็คช่วงล่าง,ตรวจเช็คลมยาง+สภาพยาง,จูนอัพปรับตั้งค่ามาตรฐาน(ที่ใช้คอนเซาท์เสียบน่ะครับ) คือก็เช็คทั่วไปเกือบทั้งคันน่ะครับ ทุก20,000ก.ม.ก็เหมือน5,000แต่มีเพิ่ม ถอดตรวจเบรค4ล้อ(ถ้าเป็นรถผมจะเปลี่ยนน้ำมันเบรคไปเลย)**รายการเบรคบางคนก็ให้ทำตอน40,000เลย** ตรวจกรองอากาศ(ปกติควรเปลี่ยนทุก20,000เพราะมันหมดสภาพแน่นอนเนื่องจากเป็นกรองแบบเปียกห้ามเป่า)ตรวจเช็คหัวเทียนด้วย(4หัวไม่ถึง300บาทครับ) ทุก40,000ก.ม.เหมือน20,000มีเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ออโต้ด้วย(มีแหวนรองอีก1อัน) แล้วก็ น้ำยาหม้อน้ำและตรวจเช็คกรองเบ็นซิน(ควรเปลี่ยนทุก40,000 **แต่บางคนก็ใช้ยัน100,000ก.ม.เพราะมันอยู่ในถังเชื้อเพลิง**)
ข้อ5.นั่นคือราคาประเมินที่ยังไม่ทำได้ทำนะครับ ถ้าทำจริงๆอาจมีเพิ่มได้ครับ แต่เจ้าหน้าที่จะต้องแจ้งลูกค้าก่อนทำเพื่อขออนุมัติงบประมาณครับ
เจ้าของกระทู้ไปเข้าใช้บริการที่ไหนมาครับถึงไม่ประทับใจ(ที่ผมหรือป่าวหว่าแหะๆ) ยังไงหลังไมค์มาปรึกษาข้อมูลเบื้องต้นที่ผมได้นะครับ ตอบช้าหน่อยแต่มาตอบให้ชัวร์ครับ
และก็ลองเข้ากูเกิ้ลหานีโอคลับครับ ในนั้นช่วยคุณได้ทุกอย่างครับ พวกผมก็แย่เหมือนกัน โดนด่าเหมาๆเอาบ่อยๆ ลูกค้ามีหลายแบบครับมีทั้งดีใจหายและจ้องเอาเปรียบครับ แต่งานบริการมันก็ต้องทนให้ถึงที่สุดครับ
ผมคิดว่าถ้าจขกท.อาจเป็นคนใจร้อน แล้วเจอกับจนท.รับรถอธิบายไม่เคลียร์ ก็เลยไม่เข้าใจกันน่ะครับ ลูกค้าสามารถเลือกได้ครับ จะทำหรือไม่ทำรายการไหนอยู่ที่การอธิบายของเจ้าหน้าที่รับรถให้ลูกค้าเข้าใจถึงสภาพรถและปัญหาที่เกิดขึ้นจริง อันไหนปล่อยผ่านได้ อันไหนไม่ควรปล่อยอย่างยิ่ง เพื่อป้องกันการผิดพลาดหลังจากรถออกจากศูนย์แล้วน่ะครับ **ผมชอบความเห็น6มาก ตอบกระชับแต่จริง!!มากๆครับ** ง่วงแล้วครับ(นั่งพิมพ์ตั้งแต่เที่ยงคืน555 ยังไงช่วยอ่านด้วยนะครับ)มีอะไรสอบถามเพิ่มเติมในกระทู้หรือหลังไมค์ได้เลยครับ ขอบคุณที่เลือกใช้บริการศูนย์ครับ(ถึงแม้ว่าอาจจะไม่ได้เข้าศูนย์ผมก็เถอะ555) **ผมไม่เก่ง...แต่ทำงานให้คุณลูกค้าพอใจและคุ้มค่าเงินที่เสียไปได้ครับ**
จากคุณ |
:
ddlife
|
เขียนเมื่อ |
:
12 มี.ค. 53 01:56:57
|
|
|
|
|