ความคิดเห็นที่ 1 ธันวาคม2002 ฮอนด้าออกซิตี้รุ่นใหม่ โฉมแมลงสาป ที่ใหญ่ขึ้นทันสมัยขึ้น  โตโยต้าเกทับทันที ด้วย โตโยต้า โซลูน่า วีออส ที่สวยกว่า วิ่งดีกว่า เกาะถนนกว่า แม้ภายในจะแคบไปหน่อย แต่ก็ค่อยๆแซงและครองอันดับ1มายาวนานจนถึงปัจจุบันนี้ ราคาตัวท๊อป SOLUNA VIOS 1.5 S 659,000 และ CITY 1.5 E  631,00 วีออสขยับราคาสุงขึ้นในขณะที่ซิตี้ลดราคาลงมาหน่อย เพราะใส่เครื่องยนต์ IDSI ที่เน้นประหยัดทำให้ไต่ราคาให้สุงกว่านี้ไม่ได้  แต่ราคาขยับอีกแล้วครับ จากคุณ : yamaha111 เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 53 09:52:22

ความคิดเห็นที่ 2   นะ ..ผมก็ว่ามันคุ้น ๆ..เหมือนละคร ที่ เอามาทำใหม่ แล้วเปลี่ยนพระเอกนางเอก..เจ้าฮ่ะๆ..(ไม่ได้ดูนะ..แต่ก็ได้ยินเสียงบ่อยๆ55) และอาจจะเป็นเพราะคนไทยชินกับเรื่อง..การรีเมค ของหนังไทยบ่อยๆ..เลยชิน กับเรื่องรถ ที่ มามุข แบบนี้ เหมือนกัน.. ไม่สนใจอะไร นอกจากเถียงแทน ผู้จัดว่า..มันคนละคนกั๊นนนนน.. ล้อเล่นๆ....จริงๆ มันก็เป็นแบบนั้นหล่ะครับ..รถมันไต่อันดับ..อวบขึ้น โตขึ้น ทุกวัน อาจจะเพราะได้กินน้ำมันดีดี..น้ำมันเครื่องเป็นอาหารเสริม ที่ดี.. เลยทำให้ ตัวมัน โต ขึ้น พองขึ้น..และค่าตัวก็แพงขึ้น..ค่าดูแลก็มากขึ้นเป็นเงาตามตัว.. แต่ จีดีพี ต่อหัว เรายังเท่าเดิม ฮา จากคุณ : ~cupid~ เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 53 09:55:14 A:112.142.123.5 X: TicketID:230028

ความคิดเห็นที่ 3 ดูแล้วเฉยๆ ไม่ตื่นเต้นตาม จากคุณ : New (utccinter) เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 53 10:00:04

ความคิดเห็นที่ 4 2004 มีการปรับโครงสร้างภาษีรถยนต์ใหม่ ทำให้รถราคาถูกลง ซีิตี้ วีออส ลงไป3-4หมื่นบาท ปลายปี2007มีการปรับลดราคาภาษีรถใช้น้ำมันE20 ซีิตี้ วีออส ก็ลงไปลงไป3-4หมื่นบาท 2007 วีออสเปลี่ยนโฉมใหม่ 2008 ซิตี้ก็เปลี่ยนโฉมใหม่ ตัวรถผมไม่พูดถึงนะครับเพราะรู้ๆกันอยู่ แต่มาดูราคากัน ราคาปัจจุบันรถตัวท๊อป SOLUNA VIOS 1.5 G Limited 714,000 และ CITY 1.5 SV i-VTEC 694,000 ทะลุ7แสนไปแล้วสำหรับวีออส และแตะ7แสนสำหรับซิตี้ รวมไปถึงมาสด้า2ทั้งซีดานและแฮทแบก ที่รุ่นท๊อปก็ห่าง7แสนไม่เท่าไหร่ รอเวลา อัพ อัพ อัพ กันต่อไป  นี่ถ้าไม่ได้ลดภาษีปี04กับลดภาษีรถใช้E20ช่วยไว้ตอนนั้น ผมว่า7.5แสนขึ้นแน่นอน ส่วนตัวล่างสุดเกียร์ออโต้6แสนแน่นอน ปล.  เข้ามาเพิ่มการลดภาษีในปี2004ครับ เพิ่งนึกออก 55555 แก้ไขเมื่อ 13 มี.ค. 53 13:01:55 จากคุณ : yamaha111 เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 53 10:03:32

ความคิดเห็นที่ 5 ผมว่ามันจบที่ต้นทุนที่สูงขึ้น...ในส่วนของค่าแรง...และปัจจุบันค่าโฆษณา ก็เป็นต้นทุนที่ทำให้ของแพงขึ้น...โดยเฉพาะค่าความคิดมันตีเป็นตัวเงินลำบาก....อยู่ที่ผู้ใช้ว่าจะซื้อหรือไม่ซื้อ...ซื้อน้อย..ถ้าอยากขายก็ต้องลดราคา  ซื้อมากก็ขึ้นราคาซะ...ก็ขายได้....5555..เขียนไปเขียนมา  งงตัวเอง...555 จากคุณ : song hey khuan เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 53 10:03:48

ความคิดเห็นที่ 6 ย้อนกลับมาดูนิสสัน มาร์ชกันบ้างครับ อย่างที่รู้ๆกัน 375,000  425,000  459,000  489,000 507,000  537,000 ราคาตัวท๊อปที่537,000 จะเป็น"บรรทัดฐาน"ให้กับผู้ผลิตรถยนต์ทุกยี่ห้อ ในการกำหนดราคาให้ใกล้เคียงนิสสัน แม้ มิตซู ซูซูกิ ทาทา จะเอารถที่ออปชั่นน้อยกว่ามาขายสู้ แต่ราคาตัวท๊อปต้องมี 5xx,xxxแน่นอน แม้ ฮอนด้า โตโยต้า จะเอารถที่ตัวถังเล็กกว่านิสสันนิดหน่อยมาขาย ออปชั่นไม่เท่า แต่ราคาตัวท๊อป เกิน 537,000 แน่นอน  กว่าโตโยต้าจะออกก็อีก2ปีโน่นคงได้ขยับราคากันไปไกลหละครับ Eco Car จึงน่าจะเป็นได้แค่รถอนุรักษ์พลังงาน ที่เข้ามาสร้างปรากฎการณ์หลายๆอย่างในบ้านเรา แต่จะนานแค่ไหนไม่มีใครรู้ เป็น1ทางเลือกสำหรับคนที่จะซื้อรถ ไม่ใช่ทางเลือกที่1แต่อย่างใด จากคุณ : yamaha111 เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 53 10:14:49

ความคิดเห็นที่ 7 โดยส่วนตัวแล้วผมคิดว่าในประเทศเรา ฮอนด้าค่อนข้างหัวทันสมัย นำรถยนต์ที่แตกต่างมาขายอยู่ตลอดเวลา  ซีวิค3ประตู และแจ๊สนั่นคือตัวอย่างที่ประสบความสำเ็ร็จในการขายตลาดรถยนต์ท้ายตัด ที่ทุกคนเคยบอกว่ามันขายไม่ได้เยอะหรอกในไทยต้องรถซีดานเท่านั้น ทั้ง2รุ่นนี้ขายดีมากๆและแจ๊สเองทำให้อีกหลายๆยี่ห้อต้องเอารถท้ายตัดเข้ามาขายสู้ ทำให้ตลาดรถยนต์เมืองไทยมีทางเลือกมากขึ้น ซิตี้ 1.3 ก็เป็นอีก1โครงการณ์ที่ฮอนด้าพยายามนำรถเครื่องยนต์เล็กราคาประหยัดออกมาขาย เน้นว่าวิ่งในเมืองประหยัดกว่า แต่สุดท้ายไปไม่รอดกลับตัว360เอาเครื่อง1.5VTECมาใส่แทน เป็นอะไรที่บอกว่ารถเครื่องยนต์ต่ำๆขายได้ไม่ดีในเมืองไทย นับแต่นั้นมาก็ไม่มีรถ1.3ออกมาขายอีกเลย เอวิโอคืออีก1ตัวอย่างที่ค่อนข้างสยอง เพราะใส่เครื่องยนต์1.4มาแล้วขายในราคาเท่าๆกับเจ้าอื่นที่เครื่องยนต์1.5 แม้จะมีส่วนลด ของแถม เยอะแยะ แต่ขายได้น้อยเหลือเกิน นิสสันเองก็เคยผิดหวังกับ NV VAN และ NV Pickup ที่ทำรถราคาประหยัดออกขายแต่ยอดไม่วิ่งเท่าที่ควร ซึ่งมีปัจจัยหลายอย่างรวมทั้งคุณสมบัติของรถยนต์ด้วย ที่ตอบสนองคนใช้งานได้ไม่ดีพอ(เป็นกระบะเล็กกับแวนตลาดมันไม่กว้าง) นิสสัน มาร์ช 1.2 ปรากฎการณ์ใหม่ล่าสุด ใส่เครื่องยนต์3สูบ1.2กับรถท้ายตัด แต่อัดออปชั่นเพียบสุดๆ ตีตั๋วเด็กด้วยEcocar  ออกขายในตลาดที่ไม่มีคู่แข่งอย่างน้อย1ปีเต็มๆ ฟ้าเปิดกว้างให้นิสสันทำอะไรก็ได้อย่างที่อยากจะทำ ก็ต้องคอยดูนะครับว่าจะทำได้ดีแค่ไหน  ผมเองก้ยังไม่เคยขับรถ3สูบมาก่อน หวังว่าจะนำสิ่งที่เคยผิดพลาดกับNVมาปรับปรุงให้ดีขึ้นนะครับ แต่แหม...    แค่เปิดตัวมาคนก็ร้องว้าาาา.... กันระงมแล้วแฮะ ผมเองก็ผิดหวังนิดหน่อยกับเบาะหลังและราคาที่เน้นขายตัวบนๆไปนิด แก้ไขเมื่อ 13 มี.ค. 53 10:35:14 จากคุณ : yamaha111 เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 53 10:30:33

ความคิดเห็นที่ 8 อย่างน้อย ก็มีทางให้เลือกเพิ่มอีก 1 ทาง ( 6 รุ่นย่อย ) ก็ยังดีกว่า มีให้เลือกแต่ของเดิมๆ แบบเดิมๆครับ อาจมีบางคนรอคอยการมาถึงของ 1.2  s mt ในราคา 3.75 กลุ่มคนแบบป๋าหยึมอาจยังพอมีอยู่อีก  แม้จะไม่มากมาย แต่อย่างน้อย  ก็ยังมีมากให้เลือก นิ.. จากคุณ : listeria เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 53 10:34:51

ความคิดเห็นที่ 9 เดี๋ยวนี้ เค้าไม่ได้เป็นคูแข่งกันอย่างเดียวแล้วครับ เขาเป็นคู่ค้ากันมากกว่าครับ จากคุณ : +หนุ่มพลังช้าง+ เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 53 10:43:40

ความคิดเห็นที่ 10   ชอบรุ่นต่ำสุด มีสีดำมั๊ย แต่ขอแค่ 3.5 แสนได้ป่ะ จากคุณ : จะติดฟิล์มดำ ถอดฝาครอบล้อ เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 53 10:55:43 A:119.31.121.75 X: TicketID:038237

ความคิดเห็นที่ 11 แล้วที วีออส ตัวทอป มัน 7 แสนกว่า แล้วไม่ใช่เหรอ ไม่เห็น ใคร บ่นว่าแพงเลย นี่นา...ผมแปลกใจตรงนี้ ขึ้นทีละนิดทีละหน่อย จากคุณ : คนจ๊นจน เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 53 10:56:50

ความคิดเห็นที่ 12 จริงๆแล้ว คนส่วนใหญ่มักจะคิดว่า รถเล็ก ราคาก็มักจะเล็กตามไปด้วย แต่ในความเป็นจริงแล้ว ยิ่งรถเล็ก ก็ต้องใช้เทคโนโลยีบวกกับพัสดุการประกอบที่มีต้องราคาต้นทุนเทียบเท่ากับรถขนาดทั่วๆไป เพราะมิฉะนั้น คนก็จะไม่ซื้อ เพราะจะถูกมองว่าเป็นรถต้นทุนต่ำ ไม่น่าสนใจ ซื้อรุ่นใหญ่ขึ้นดีกว่า ดังนั้น รถในโครงการ Eco-Car จึงถูกวางให้เป็นรถเพื่อสิ่งแวดล้อม ด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ เน้นประหยัดน้ำมันและลดมลพิษเป็นหลัก ไม่ใช่รถราคาถูกๆ เพื่อที่จะตั้งราคากดให้ต่ำๆลงได้ เพราะการที่ต้องผลิตคิดค้นเทคโนโลยีใหม่ทั้งหมด ประกอบกับวัสดุ อุปกรณ์ ต้องคุ้มค่ากับราคา จึงทำให้การตั้งราคาอาจจะดูผิดหวังไปบ้างสำหรับบางคน แต่ในความเป็นจริงก็อย่างที่รู้ๆกันอยู่ว่า Eco-Car ไม่ใช่รถราคาถูก แต่เป็นรถเพื่อสิ่งแวดล้อม การวางเครื่องต่ำ จึงทำให้หลายคนคิดว่ามันต้องถูก ทั้งที่หากมองไปที่รถเล็กๆที่ขายในยุโรป อย่าง Smart , IQ , Feat มันก็ไม่ได้มีค่าตัวที่ถูกแต่อย่างใด เพราะฉะนั้น เทคโนโลยีที่มีการปรับปรุงให้ทันสมัยอยู่ตลอดเวลา ก็ย่อมต้องมีต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น นั่นก็รวมไปถึงการตั้งราคาที่เพิ่มขึ้น แม้ว่าดูภายนอก อาจจะดูเหมือนว่า ราคาไม่สมเหตุสมก็ตาม อย่าว่าแต่รุ่น Sub Compact เลย รุ่น Comact และ Midsize ก็ปรับราคาขึ้นมาทุกรุ่นแทบทุกค่ายเช่นกัน ผมว่า ในอนาคตรถยนต์ก็ย่อมต้องมีราคาเพิ่มสูงขึ้น ด้วยเทคโนโลยีที่ใหม่ขึ้น และการขยายตลาดรถยนต์ ก็อาจจะมีการซอยแบ่งคลาส ยิบย่อยมากขึ้น ซึ่งเราอาจจะเห็นรถตัวถังขนาดซับคอมแพ็คต์วางเครื่อง1.5-1.6 ลิตร วิ่งเต็มบ้านเต็มเมือง หรือ รถขนาดเล็กจิ๋ว วิ่งด้วยเทคโนโลยี Hybrid , ไฟฟ้า หรือ Fuel Cell ก็ได้ เนื่องจาก การพัฒนารถยนต์ไฮบริดจะพัฒนาจากรถยนต์ขนาดใหญ่ไปหาเล็กเพราะข้อจำกัดของแบตเตอรี่ ส่วนรถไฟฟ้าจะพัฒนาจากเล็กไปหาใหญ่ ดังนั้น ก็ไม่รู้ว่าในอนาคต รถขนาดเล็กๆนี่อาจจะแพงกว่ารถใหญ่หลายเท่าตัวก็เป็นได้ ใครจะรู้.. จากคุณ : Cho_shang เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 53 11:02:03

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณมาก จากคุณ : ayuhi292 เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 53 11:03:19

ความคิดเห็นที่ 14 ผมมักดูเฉพาะราคาตัวล่างสุดไว้ก่อนครับ เพราะ มันเป็นราคาที่ มีแนวโน้มซื้อมาใช้มากที่สุด ผมว่า มันก็ถูกกว่ารถคลาสเดียวกัน พอสมควรนะครับ เสียดาย ยังมีอุปกรณ์เสริมให้เอาออกอีก ถ้าเอาออกไป ราคาคง จะต่ำกว่านี้ จนดึงดูดคนได้มากขึ้นอีก จากคุณ : สยึมกึ๋ย เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 53 11:52:40

ความคิดเห็นที่ 15 ภาษี  ค่าแรง  ค่โฆษณา  ก็ส่วนนึง  แต่ไม่ใช่ทั้งหมด  เพราะประเทศอื่นก็มีเหมือนกัน ราคารถเมืองไทยอยู่ที่ความต้องการของเราด้วยครับ  เพราะเราผลิตเองไม่ได้ พี่ยุ่นเค้าจะกดมาเท่าไหร่  เราก็ต้องซื้อ  demand เยอะ  คนขายก็สบาย  เหลือแค่แข่งกันเอง ดูอย่าง CR-V  ที่อเมริกาตัวท๊อปไม่เกินล้าน  อ๊อพชั่นเพี่ยบ  พี่ไทยโดนกดไปล้านห้า  ต่างกันครึ่งล้าน ที่พูดแค่ CR-V  เพราะใช้อยู่  และก็ซื้อทั้งๆที่รู้ข้อมูลนี้  ทำงัยได้หล่ะ  ชอบ + ไม่มีทางเลือกนี่  ทำใจ จากคุณ : mk096 เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 53 12:04:23

ความคิดเห็นที่ 16 ดูราคาอะไหล่ซิ   แหนวรองน๊อตถ่ายน้ำมันเครื่อง  ตัวละ 35 บาท(ยังไม่รวมแวต)  สงสัยเคลือบด้วยทองคำมั๊ง    ของซีวิค  ราคาร่วมล้าน   ตัวละ 11 บาท ไม่รู้คนตั้งราคาเอาสมองส่วนไหนคิด     รถรุ่นเก่าๆ  ไม่ต้องเปลี่ยนตลอดอายุการใช้งาน   ก็ไม่เห็นรั่วซึมกันมากนัก    อีกชิ้นคือ  กรองเชื้อเพลิง  ไม่ต้องเปลี่ยนเลย  มันติดกับปั๊มติ๊ แล้วมันไม่ตัน หรือ  เมื่อใช้ไปนานๆ      สองชิ้นนี้น่าจะเอามาสลับกันเสีย    แหวนรองฯ  ไม่ต้องเปลี่ยนตลอดฯ  เหมือนรถรุ่นเก่า  เพื่อเสริมภาพลักษณ์เรื่องการประหยัด จากคุณ : dpdome32 เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 53 12:09:29

ความคิดเห็นที่ 17 บางครั้งผมก็สงสัยว่าเค้ากำลังแข่งกันอยู่จริงรึเปล่า   ไม่ใช่แค่บริษัทรถนะครับ  กล้องเอย เครื่องใช้ไฟฟ้าเอย เค้าจะฟาดฟันกันไปทำไมล่ะครับ มีแต่จะบาดเจ็บล้มตาย สู้กอดคอกันไม่ดีกว่าหรือ (แค่สงสัยเท่านั้นจริง ๆ) จากคุณ : SomeoneOnTheNet เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 53 12:12:55

ความคิดเห็นที่ 18 พ่อค้าญี่ปุ่นเขาไม่ฆ่ากัน เื่พื่อให้ลูกค้าต่างชาติยิ้มหรอก จากคุณ : ole (trufa) เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 53 12:25:00

ความคิดเห็นที่ 19 ผมเป็นคนหนึ่งที่ไม่ค่อยสนใจ cc รถเท่าไหร่ ถ้าถามว่า city 1.3 ผมซีเรียสมั้ยที่จะซื้อ ก็คงไม่ซีเรียสครับ แต่ถ้า Soluna 1.5 ขายราคาไล่เลี่ยกับ city 1.3 ตอนนี้ล่ะครับที่ผมจะซีเรียส ถ้าต้องซื้อ city ผมว่าประเด็นมันอยู่ที่ว่ารถ 1.3 ตั้งราคาได้เหมาะสมแค่ไหนถ้าเทียบกับ 1.5 ถ้าตั้งห่างกันพอควรคนก็จะแยกแยะได้เองครับว่าอยากได้รถ 1.3 ราคาถูก หรือ 1.5 ที่ราคาแพงกว่า แต่ไม่ใช่ว่า 1.3 กับ 1.5 ขายราคาเท่าๆกัน จากคุณ : niamo เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 53 12:26:14

ความคิดเห็นที่ 20 1. อัตราเงินเฟ้อ  รู้จักมั้ยครับ ? 2. อัตราแลกเปลี่ยน รู้จักมั้ยครับ ? ปี 2540 ตอนประกาศลอยตัวอัตราแลกเปลี่ยน  จาก 25-27 บาท มันลอย ๆ ๆ ตุ๊บป่อง ๆ ขึ้นไปถึง 50 บาท ในเวลาแค่ครึ่งปี แล้วก็ค่อยๆ ลดลง ๆ เหลือ 44 , 43 , 42 , 40 , 38 , 35 จนมาเหลือ 33 ในปัจจุบัน ช่วงปี 2540 - 2544 บอกตามตรงว่า เวลาเอาราคารถเป็นเงินไทยมาคิด ลองกลับไปหารด้วยอัตราแลกเปลี่ยนดูก่อนครับ 3. 10 กว่าปีผ่านไป  รถ 1.5 ลิตรเจ้าตลาด เริ่มต้นที่ 5 แสนเศษๆ  แล้วกำลังมีรถ 1.2 ลิตร เริ่มต้นที่ 3.75 แสน โดยที่ รุ่นที่คาดว่า จะขายได้เยอะๆ เป็นน้ำเป็นเนื้อ น่าจะเป็น 4.59 - 5.37 แสนบาท 4. แปลกดีนะ  ญี่ปุ่นฮั้วราคาขายกัน WIN WIN กันทุกฝ่าย  แต่ฝรั่งอเมริกัน 2 ค่ายใหญ่ กลับได้แต่มองตาปริบๆ  ปล่อยกำไรเยอะๆ ไปให้ค่ายญี่ปุ่น 4-5 ค่ายแบ่งกันเอง สงสัย ฝรั่งอเมริกันมันคงโง่มากเลยมั้ง  ทุกวันนี้ ที่มันยิ่งใหญ่คุมโลกได้ คงเพราะเก่งแต่ทำอาวุธ แล้วเอาไปข่มเหงรังแกประเทศอื่นๆ ที่มีทรัพยากรธรรมชาติเยอะๆ แต่เรื่องค้าขาย ผลิตของขาย  ยังตามก้นคนญี่ปุ่นอยู่ห่างๆ จากคุณ : P_Wut เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 53 12:36:47

ความคิดเห็นที่ 21 ^ ^ ^ ฝรั่งมันบอกว่า ขาย GT200 ดีกว่า ขายรถพันคันยังมีกำไรน้อยกว่า GT200 10 อัน จากคุณ : Bpearl เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 53 13:03:24

ความคิดเห็นที่ 22 ^ ตื้นไป ผมว่า GT200 น่ะ ฝรั่งขี้นก ถูกจ้างให้มาเป็นนายหน้า คนคิดโครงการ คนดำเนินการ คนกำกับบททั้งหมด เป็นคนไทย 100% ครับ เชื่อผมมะ จากคุณ : P_Wut เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 53 13:32:14

ความคิดเห็นที่ 23   บอกตามตรงนะครับ ถ้า cc น้อยราคาถูก นี่ผมก็รุ่งนะครับ แต่ปัญหาคือ cc 1300 ขายราคา cc 1500 ผมก็ว่าคนก็แห่ไปซื้อ 1500 ครับ แต่ปัญหามันราคามันหนีกันไม่มาก ตลาดเลยกว้าง ใครอยากได้รุ่นไหนก็เลือกเอาว่างั้นเถอะครับ สรุปง่ายๆ ประเทศไทย ถึงจะลดภาษี หรือจะเพิ่มภาษี ราคารถมันก็ไม่ถูกลง จากคุณ : mrter2000@hotmail.com เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 53 15:50:00 A:115.67.236.65 X: TicketID:257086

ความคิดเห็นที่ 24 การตั้งราคา เค้าต้องคิดกันหัวแตก !!  กว่าจะได้ราคาออกมา !! วันก่อนเห็นมีกระทู้ บอกว่านิสสัน ตั้งราคามาโยนหินถามทาง !! ผมล่ะ ขำ !!  เอาอะไรคิด ! จากคุณ : PRUEKPOOm เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 53 16:12:52

ความคิดเห็นที่ 25 พูดถึงการตั้งราคารถค่ายนี้มีปัญหามาตลอด เท่าที่ติดตามมาตั่งแต่ซันนี่ปี๙๕ เป็นต้นมามีการปรับราคาลงเมื่อขายไประยะหนึ่งตลอดเช่นซันนี่ปี๙๕ จากราคา๕ แสนกว่าบาทในตัวล่างสุดลดเหลื่อ ๔.๖ แสน  และตัวที่ขายอยู่ในปีจจุปันก็มีการปรับราคาลดลงเช่นกัน ตัวนี้เช่นกันคาดว่าต้องมีการปรับราคาแน่นอนโดยเฉพาะตัวเกียร์ออร์โต้ตัวล่างสุด แก้ไขเมื่อ 13 มี.ค. 53 17:49:25 จากคุณ : winmail เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 53 17:47:30

ความคิดเห็นที่ 26   จริงๆ คนไทยน่าจะเข้าใจมากกว่านี้ได้แล้วนะคับ กับรถ Ecocar และ รถราคาถูก เพราะคนไทยมักมองแค่เรื่องของราคาและซีซีเครื่องยนต์ จากคุณ : unknownn_smp เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 53 18:58:20

ความคิดเห็นที่ 27 คห.21 อย่างฮาเลย 5555555 เออใช่ GT-200 ตัวละ 1 ล้าน หลอกขายคนไทยง่ายกว่าเยอะ กำไรดีด้วย คริคริ แก้ไขเมื่อ 14 มี.ค. 53 02:14:23 จากคุณ : malldeff เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 53 02:13:38