|
เห็นสภาพรถแล้วอึ้งเลยครับว่ารอดมาได้ไง
|
|
พอดีได้รับ forward mail มาจากเพื่อนอะครับ เลยก๊อปมาให้อ่านกัน อาจยาวหน่อยแต่ก็เตือนใจ นอกจากเลือกรถที่ความปลอดภัยก่อนแล้วต้องคาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้งด้วยนะครับ
เรียนบริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัดและ General Motors (Thailand) Limited เรื่องที่ผมจะเล่าต่อไปนี้คือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับชีวิตของคนในครอบครัวผม ซึ่งรอดชีวิตมาได้เพราะอุปกรณ์นิรภัย และโครงสร้างของรถที่แข็งแรง เหตุการณ์นี้เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมานี้เอง ผมอยากถ่ายทอดเรื่องราวนี้ให้กับทีมงาน GM และเชฟโรเลต เพื่อแสดงความขอบคุณที่มีส่วนช่วยชีวิตน้องๆผมไว้ ช่วยกันสร้างรถยนต์ที่ดีมีความปลอดภัยมาให้เราใช้ ทำให้ครอบครัวของเราไม่ต้องสูญเสีย2ชีวิต ซึ่งไม่สามารถประเมินค่าเป็นตัวเงินได้เลย หลังจากเพื่อนๆ และญาติพี่น้องได้ดูรูปถ่าย และสภาพรถที่เกิดเหตุแล้ว ทุกคนต่างประทับใจในสมรรถภาพของรถยนต์จนเพื่อนๆหลายคนที่กำลังจะซื้อรถ ต้องเปลี่ยนมุมมอง ความคิดเสียใหม่เปลี่ยนใจจะมาซื้อตามผมกันใหญ่ ผมเองถึงจะเสียรถไปโดยไม่ได้อะไรเลยเพราะไม่มีประกันชั้นหนึ่ง แต่เมื่อคิด ถึงน้องๆที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ เงินเท่าไหร่ก็ไม่พอซื้อชีวิตคน2คนนี้ได้ เมื่อห้าปีก่อนตอนผมตัดสินใจจองรถเก๋ง Optra1.8 Moon&Tune ศท-4941 ในงาน MotorExpo ตอนนั้นเชฟโรเลต เพิ่งเปิดตัวในไทยได้ไม่นาน เพื่อนๆและญาติพี่น้องต่างไม่เห็นด้วย เพราะอยากให้ซื้อโตโยต้า-ฮอนด้า เวลาขายต่อได้ราคาดี และมีชื่อเสียงที่ดีกว่า ผมเองก็หวั่นไหวกับคำติของญาติพี่น้อง แต่เมื่อผมมาพิจารณาในรายละเอียดของรถและจำนวนเงินที่ต้องจ่าย ผมเชื่อมั่นว่าคุณสมบัติของออฟตร้าในตอนนั้น เมื่อเทียบกับรถโตโยต้าอัลติส,ฮอนด้าซีวิค ออฟตร้ามีความคุ้มค่ามากกว่าทุกยี่ห้อในตอนนั้น ทั้งระบบความปลอดภัย, โครงสร้างตัวรถ,การทดสอบการชน,ถุงลมนิรภัย,เข็มขัดนิรภัยของเชฟโรเลต ไม่ได้เป็นรองยี่ห้อใดเลย ตอนนั้นแฟนผมว่าราคามันสูงไปเกือบเก้าแสน น่าจะเอาตัวรองลงมาไม่มีถุงลมนิรภัยมันถูกกว่าหลายหมื่น แต่ผมอยากได้ เพราะไม่รู้ว่าวันไหนเราจะเกิดเรื่อง มันน่าจะมีประโยชน์กับเรายามฉุกเฉิน ไม่เคยคิดเลยว่าการตัดสินใจในวันนั้นจะช่วยเราในวันนี้ สุดท้ายแฟนผมก็ยังติว่าศูนย์บริการมีน้อย แล้วการบริการหลังการขาย จะสู้ยี่ห้ออื่นได้เหรอ จะดูแลเราดีมั้ย ผมบอกแฟนผมว่าผมจบวิศวอุตสาหการมาใช้วิชาวิศวกรรมคุณค่าและเศรษฐศาสตร์วิศวกรรม พิจารณาดูแล้วเชื่อว่าออฟตร้า เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในขณะนั้น ส่วนเรื่องการดูแลหลังการขายต้องมาวัดใจกัน ซึ่งผมเชื่อว่าจีเอ็มเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่มีชื่อเสียงมากในอเมริกา เขาคงไม่ยอมให้ตัวเองมาเสียชื่อในเมืองไทยหรอก สุดท้ายก็ได้ซื้อมาใช้ แล้วผมก็ได้รับบริการเป็นอย่างดีจากศูนย์ศรีนครินทร์ ทุกครั้งที่เอารถเข้าศูนย์จะมีรถบริการไปส่งที่ห้างซีคอน ซื้อของเสร็จก็กลับมารับรถ สะดวกสบายตลอด5ปีที่ผ่านมา จนเมื่อมาถึงวันเสาร์ที่ 27กุมภาพันธ์ 2553 (สามวันก่อน) เวลา 16:00น. น้องสาวผมและแฟนยืมรถผม ขับไปงานบวชเพื่อนที่สัตหีบ กำลังเดินทางกลับเข้ากรุงเทพหน้าโรงแรมแอมบาสเดอร์พัทยา (ไม่ได้ทานเหล้า มีสติดี100%) มีรถเก๋งโตโยต้าคัมรี่สีบอร์น ขับแซงซ้าย แซงปาดหน้ารถ แฟนน้องสาวผมขับหักหลบไปทางขวาเลยชนเข้ากับเสาไฟฟ้าเหล็กอย่างจัง แล้วหมุนตีลังกาสองรอบไปกองอยู่ในร่องคูตรงกลางถนน สภาพหน้ารถพังยับเยิน ยกรถแล้วเครื่องหล่นลงมาเลย โครงหลังคารถบิดเบี้ยว กระจกหลังและกระจกด้านข้างกระเด็นหลุดออกไป ที่น่าทึ่งคือถุงลมนิรภัยและเข็มขัดนิรภัยทำงานได้ดีมากยึดตัวน้องทั้งสองคน ติดแน่นกับเบาะ ทำให้ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย พอถุงลมนิรภัยยุบลงก็สามารถเปิดประตูลงออกจากรถได้ปกติ รอดตายเหมือนปาฏิหาริย์ มีเพียงรอยถลอกเล็กน้อย กับรอยเศษกระจกบาดนิ้วของน้องสาวไม่ลึกมากเย็บที่นิ้วสามเข็มแค่นั้น(ดูตามรูป) ชาวบ้านในระแวกใกล้ๆมาดูเหตุการณ์ต่างพูดกันใหญ่ว่าไม่น่าเชื่อว่าไม่เป็นอะไรมาก เพราะที่จุดนี้สามเดือนก่อนเพิ่งมีคนเกิดเหตุ ลักษณะนี้มาแล้วแต่ตายคาที่เลย ปอเต๊กตึ้งเตรียมมาเก็บศพ แต่พอมาถึงแล้วงงเลยทั้งคนขับและคนนั่งเดินออกจากรถมาคุยโทรศัพท์เฉย แต่ที่นิ้วชี้น้องสาวผมมีเลือดออก เขาเลยพาไปโรงพยาบาลกรุงเทพพัทยาแทน ตอนไปถึงโรงพยาบาล นางพยาบาลนึกว่ารถมอเตอร์ไซค์ล้ม! น้องสาวผมบอกว่ารถคว่ำสองตลบ ที่โรงพยาบาลยังไม่อยากเชื่อ ตอนที่ทราบเรื่องผมรีบออกจากโรงงานไปที่เกิดเหตุทันที เห็นหน้าน้องแล้วสวมกอดไว้แน่น ร้องไห้ดีใจมากที่น้อง ไม่เป็นอะไรมาก สภาพอยู่ครบ32ตรวจ X-Ray ทั้งตัวแล้วไม่มีกระดูกร้าวหรือเลือดคั่งที่ใดเลย เหมือนสวรรค์ทรงโปรด ร้องไห้ดีใจที่ยังได้อยู่ด้วยกันอีกในชาตินี้ นี่ถ้าไม่มีระบบนิรภัยที่ดีน้องสาวผมคงหมดอนาคต กลายเป็นคนพิการ หรือไม่ก็อัมพาตเหมือนคนอื่นๆ จากสาวน้อยโปรแกรมเมอร์จบจากจุฬาฯ ทำงานบริษัทในเครือธนาคารกรุงไทย คงหมดอนาคตแน่ๆ ยิ่งพอผมเห็นสภาพรถแล้ว ใจหายวาบ พังยับจริงๆ ทางเฮียเจ้าของอู่รุ่งเจริญ-คลองด่าน ที่ผมใช้บริการเป็นประจำบอกได้คำเดียวเลยว่าให้ทิ้งขายซากไปเลย ซ่อมยังไงก็ไม่คุ้ม ผมใช้เวลาทำใจกับเรื่องนี้พอสมควรกว่าจะรับได้ว่ามันเกิดขึ้นจริงกับชีวิต เรื่องนี้ถือว่าเป็นอุทาหรณ์สอนใจ ให้กับทุกคนที่ใช้รถว่าอย่าประมาท ถึงแม้เราไม่ขับไปชนใคร ก็อาจจะมีคนขับมาชนเราเมื่อไหร่ก็ได้ สิ่งที่จะช่วยเราได้จริงๆยามฉุกเฉิน คือรถของเรานั่นเอง เราต้องเลือกรถที่แข็งแกร่งมีความปลอดภัยสูง และมีระบบนิรภัยที่ดี นี่ต่างหากที่เป็นของจริงสามารถช่วยชีวิตเราได้จริงๆ ผมภูมิใจนะที่ผ่านมาผมตัดสินใจไม่ผิดที่ซื้อเชฟโรเลตคันนี้ ที่โรงงานผมเพื่อนๆผู้จัดการชาวญี่ปุ่นเห็นรูปแล้ว ยังยกนิ้วให้ว่าแข็งแกร่งสุดยอดจริงๆ หลายๆคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าถ้าเป็นรถค่ายญี่ปุ่นระดับเดียวกัน คงเอาชีวิตไม่รอดแล้ว ผมจึงอยากถ่ายทอดความรู้ภูมิใจนี้ให้กับทีมงานเชฟโรเลตทุกคน เป็นกำลังใจให้ทุกท่านในการทำงาน ลองคิดดูว่าถ้ารถคันนี้ ถูกประกอบมาไม่สมบูรณ์ มีจุดบกพร่อง หรือระบบSafety ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ จะเกิดอะไรขึ้น ผมคงต้องเปลี่ยนไปงานศพแน่ๆ ความโชคดีกับครอบครัวผมในครั้งนี้ มันเหนือกว่าที่จะบรรยายความรู้สึกได้หมด ถึงแม้ว่ารถคันนี้จะพังซ่อมไม่ได้แล้ว ผมและภรรยายืนยันว่าคันต่อไปเราก็จะเลือกใช้เชฟโรเลตเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง เพราะชีวิตของคนเรานั้นมีคุณค่ามากมาย คนหนึ่งคนสามรถทำอะไรดีๆได้มากมายในชีวิต เขายังสามารถมีครอบครัว มีลูกมีหลานสืบต่อวงศ์ตระกูลได้อีกมากมาย การเลือกรถที่ดีก็เหมือนกับมีเทวดาคอยคุ้มครองการเดินทางให้กับเราในทุกๆที่ และทุกๆวัน สุดท้ายนี้ผมขอส่งคำขอบคุณส่งผ่านไปให้ยังพนักงานชาวเชฟโรเลตและจีเอ็มทุกคน ที่ทำรถดีๆมาให้เราใช้กัน ขอให้รักษามาตรฐานที่ดีคุณภาพที่ดีอยู่คู่คนไทยตลอดไป เรื่องราวชีวิตจริงนี้คงเป็นอุทาหรณ์ให้อีกหลายๆคนในการเลือกใช้รถ และหวังว่ากำลังใจเล็กๆกับเรื่องราวของชีวิตผมในครั้งนี้ จะเป็นแรงบันดาลใจให้ทุกคนได้สร้างสรรค์สิ่งดีๆให้ดียิ่งๆขึ้นไป ผมดีใจและภูมิใจเสมอที่ได้ใช้รถเชฟโรเลต ด้วยความเคารพอย่างสูง นายกานต์ศักดิ์ พุ่งมณีสกุล (เจ้าของรถ) Mr.Karnsak Phungmaneesakul Purchasing Manager ENDO Lighting (THAILAND) Public Company Limited. www.let.co.th, www.endo-lighting.com
จากคุณ |
:
NoMuTo
|
เขียนเมื่อ |
:
18 มี.ค. 53 22:29:34
|
|
|
| |