ความคิดเห็นที่ 1 ต้องขออภัยที่รูป MAZDA2 เป็นตัวก่อนไมเนอร์นะครับ                 ทีนี้เราเปิดประตูเข้ามาดูกันในรถบ้าง เริ่มต้นจาก MAZDA2 กันก่อน ความเป็นสปอร์ตพุ่งสวยออกมาทันที สีสันภายในออกมาเป็นโทนสีดำ การจัดวางอุปกรณ์ต่างๆ ดูทันสมัย มาตรวัดรอบเครื่องยนต์และวัดความเร็วเป็นสีขาวมีมาตร วัดปริมาณเชื่อเพลิง อัตราสิ้นเปลือง ตำแหน่งเกียร์ แต่ไม่มีมาตรวัดความร้อน มีแค่ไฟเตือน                 ชุดคอนโซลหน้าออกแบบมาดูล้ำ คันเกียร์อยู่สูง รวมอยู่กับคอนโซล ทำให้คันเกียร์ใกล้มือ ปุ่มควบคุมเครื่องเสียง ที่ออกแบบทันสมัย ปุ่มปรับระบบปรับอากาศเป็นแบบธรรมดา 3 ปุ่มหมุน ที่บนพวงมาลัยมีปุ่มควบคุมเครื่องเสียงและจอแสดงผล                 เบาะนั่งหุ้มผ้าสีดำ รูปทรงสปอร์ต มีปีกโอบด้านข้างลำตัว แต่ออกจะตัวเล็กไปสักหน่อย สำหรับคนตัวใหญ่ๆ คงนั่ง ไม่ค่อยสบาย เบาะนั่งด้านหลังเหลือพื้นที่ไม่มากนัก และด้วยรูปทรงหลังคาด้านหลังลาดลง ทำให้คนตัวสูงๆ หัวจะไปติดหลังคา เรียกว่าภายในของ MAZDA2 ออกจะเป็นสปอร์ตเต็มๆ ซึ่งอาจจะมีความสะดวกสบายน้อยลง จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 53 00:24:23

ความคิดเห็นที่ 2 ทีนี้มาดูทาง SUZUKI SWIFT กันบ้าง สีสันภายในเป็นโทนสีดำเหมือนกัน ดีไซน์เน้นความเรียบร้อย หรูหรา มาตรวัด 3 ช่องที่ให้มาครบครัน วัดรอบเครื่องยนต์ วัดความเร็ว วัดปริมาณน้ำมันเชื่อเพลิง และวัดความร้อน จอแสดงอัตราสิ้นเปลืองไปอยู่รวมกับชุดคอนโซลหน้า มองเห็นชัด แต่ปรับเปลี่ยนโหมดยากสักหน่อย เพราะอยู่ไกลมือ                   คอนโซลหน้าและคอนโซลกลางติดกัน มีช่องเก็บของหลายช่อง เก็บของกระจุกกระจิกได้มาก ซึ่งคุณสาวๆ น่า จะชอบ ชุดเครื่องเสียงจัดวางปุ่มควบคุมอย่างเรียบง่าย ชุดควบคุมเครื่องปรับอากาศเป็นแบบอัตโนมัติ เลือกปรับอุณหภูมิ ตามใจชอบ ที่เหลือเดี๋ยวมันจัดการให้เอง ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์เป็นแบบ Keyless คือไม่ต้องใช้กุญแจ แค่ถือรีโมท เข้าไปวางในรถแล้วบิดปุ่ม เครื่องยนต์ก็จะสตาร์ทให้เอง ซึ่งระบบนี้ใน MAZDA2 จะมีอยู่ในรุ่นสูงสุดหรือตัวท๊อป คือ MAXX Sport AT                   เบาะนั่งคู่หน้าของ SWIFT เป็นเบาะผ้าสีดำ ตัวใหญ่นั่งสบาย พื้นที่ด้านหลังเหลือมากกว่า MAZDA2 ช่วงหลังคาโปร่งกว่า เพราะรูปทรงที่ดูเป็นก้อนเหลี่ยมๆ ทำให้ภายในดูกว้างขวางกว่า MAZDA2 ช่องเก็บสัมภาระท้าย รถ มีลูกเล่นมากกว่า นอกจากจะมีแผ่นปิดด้านบนแล้ว ด้านล่างยังมีช่องเก็บของแบบมีฝาปิดอีกชั้นด้วย                   สรุปภายในส่วนของภายนอกและภายใน MAZDA2 ให้ความเป็นสปอร์ตได้ถึงใจสำหรับคนรักความสปอร์ต เข้าสายเลือด ซึ่งความสบายอาจจะน้อยลงไปบ้าง อันนี้ก็ต้องแลกกัน ส่วน SWIFT จะออกแนวเรียบหรู เน้นประโยชน์ใช้ สอย นั่งสบาย ซึ่งก็อาจจะดูจืดๆ ไปสำหรับขาโจ๋ที่ชอบความหวือหวา PS ผมแนะนำให้หาปุ่มมัลติฟังค์ชั่นก่อนไมเนอร์เชนจ์มาติดนะครับ คุณจะได้ปุ่มเต็มๆ สองด้านแบบในภาพ เป็นปุ่มควบคุมวิทยุทั้งคู่นะครับ ออฟชั่นปุ่มที่เป็นครุยส์แบบรุ่นออสเตรเลีย ก็มีแต่อย่าไปหวังเลยว่ารุ่นบ้านเราจะใช้งานได้ (ตามรูป นั่น พวกเราน่าจะซื้อหาได้จากจีน ไม่ก็ญี่ปุ่นครับ แต่ต้องขอตัวก่อนไมเนอร์เค้านะ) จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 53 00:27:49

ความคิดเห็นที่ 3 เครื่องยนต์ 1.5 แรงม้าพอกัน                  เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร กลายมาเป็นเครื่องยนต์ประจำตัวของรถประเภทนี้ไปแล้ว ทุกค่ายตอนนี้ถ้าออกรถประเภท sub-compact ก็เดาได้เลยว่าเป็นเครื่องยนต์ 1.5 ลิตรแน่นอน และทั้ง 2 คันนี้ก็ไม่มีข้อยกเว้น เครื่องยนต์ ของ MAZDA2 เป็นเครื่องยนต์บล็อก MZR ดับเบิลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ 4 สูบ 16 วาล์ว                  พร้อมกับระบบ S-VT (Sequential Valve Timing) ซึ่งก็คือระบบวาล์วแปรผัน ที่จะคอยปรับการ เปิด-ปิด วาล์วให้สัมพันธ์กับรอบเครื่องยนต์ และระบบวาล์วควบคุมการไหลเวียนของไอดี TSCV (Tumble Swirl Control Value) มีแรงม้าอยู่ 103 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที และ แรงบิด 135 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที                  ส่วน SUZUKI SWIFT เป็นเครื่องยนต์ M15A ความจุกระบอกสูบ 500 cc ดับเบิลโอเวอร์เฮด แคมชาฟท์ 4 สูบ 16 วาล์ว มีระบบ VVT หรือระบบวาล์วแปรผันติดตัวมาด้วยเช่นกัน ให้แรงม้าอยู่ที่ 100 แรงม้า (ตามหนังสือ 99 แรงม้า น่าจะเป็นการคำนวณหาแรงม้าเองจากกิโลวัต) ที่ 6,000 รอบต่อนาที และแรงบิด 133 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 53 00:28:19

ความคิดเห็นที่ 4 CITY TEST                  สำหรับรถที่ใช้งานในเมืองแบบนี้ คนที่คิดจะซื้อก็ต้องนึกถึงความคล่องตัวและการกินน้ำมัน เราก็เลยพาทั้ง 2 คันนี้ เข้าไปฝ่ารถติด เส้นทางเกษตร-วิภาวดี-ดินแดง-พระราม 1-สีลม แล้ววกกลับมา เพชรบุรี-พระราม 9 จบที่เลียบทางด่วน รามอินทรา ระยะทางทั้งหมด 37 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง 25 นาที ความเร็วเฉลี่ยอยู่ที่ 14 กิโลเมตรต่อ ชั่วโมง      MAZDA2 ความคล่องตัวคงไม่ต้องพูดถึงสำหรับรถยนต์ขนาดนี้ อัตราเร่งจากเครื่องยนต์ดี เร่งแซงได้ทันใจ มี แรงตั้งแต่รอบต่ำๆ แตะคันเร่งนิดเดียวก็พุ่งทะยานไปทันใจ ถ้าจะซิ่งในเมืองล่ะก็คันนี้เหมาะเลย ส่วนการกินน้ำมันเมื่อเจอรถติดๆ เข้าไป ระยะทาง 37 กิโลเมตร ใช้น้ำมันไป 4.81 ลิตร อัตราสิ้นเปลืองก็อยู่ราวๆ 7.6 กม/ลิตร ที่ความเร็วคงที่ 120 กม/ชม กินน้อยลงไปเหลือ 13.2 กม/ลิตร จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 53 00:28:58

ความคิดเห็นที่ 5 มาดูทาง SUZUKI SWIFT กันบ้าง ขนาดไม่ใช่ปัญหา แต่จะมีทัศนวิสัยดีกว่า MAZDA2 หน่อย ตรง กระจกหน้าตั้งตรงกว่า เสา A จะไม่บังทางเหมือน MAZDA2 อัตราเร่งเมื่อใช้ในเมืองไม่ค่อยจะทันใจเท่าไหร่ หากต้องการ เร่งแซงอย่างทันที ต้องเหยียบคันเร่งจนมิด ทำให้อัตราการกินน้ำมันมากกว่าหน่อย คือ 7.5 กม/ลิตร แต่ถ้าแช่กันยาวๆ ความเร็วคงที่ 120 กม/ชม จะกินน้อยลงมาเหลือ  12.2 กม/ลิตร กินกว่านิดหน่อย ซึ่งน่าจะมาจากเครื่องยนต์ที่แรงน้อย ในรอบต่ำ ทำให้ต้องเหยียบคันเร่งแรงๆ ลึกๆ แต่คันเร่งแบบนี้ก็จะได้ความนุ่มนวล ออกรถไม่กระชาก                    จังหวะการเปลี่ยนเกียร์ถ้าเทียบกันแล้ว ตัว MAZDA2 จะว่องไวกว่า SWIFT เครื่องยนต์ไม่ต่างกัน จะไปกิน กันที่เกียร์ของ MAZDA2 จะตอบสนองเร็วกว่า ข้อดีคือไม่เปลี่ยนเกียร์สูงเร็วเกินไปนัก ทำให้มีกำลังติดเท้าอยู่ จังหวะคิกดาวน์ เปลี่ยนเกียร์ต่ำแบบกระทันหัน ก็ทำได้ว่องไวดีเช่นกัน ทำให้ขับได้อย่างสนุกสนาน ส่วน SWIFT ขอคอมเม้นต์ตรงๆ ว่า ควรจะ แก้ไขอีกหน่อย เพราะพอขับทั่วไป เหมือนเกียร์จะพยายามเปลี่ยนเกียร์เร็วไปหน่อย จังหวะที่เร่งส่งไม่ค่อยมีแรง กดคันเร่งลงไปอีก หน่อยก็ยังเหมือนรอจังหวะ ต้องกดกันลึกเกือบสุด เกียร์ถึงจะยอมเปลี่ยนให้ ทำให้การขับในเมือง ที่ต้องใช้การซอกซอน เดี๋ยวเร่ง เดี๋ยวถอน SWIFT จะค่อนข้างเสียเปรียบ ทั้งๆ ที่มีอัตราทดเกียร์และเฟืองท้ายเท่ากัน จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 53 00:30:19

ความคิดเห็นที่ 6 เฮ้ เฮ้ ลืมเขียนถึงในตอนแรกเลย ว่า  SWIFT ของเราก็เป็นรุ่น Minor Change นะครับ เพราะงั้นบ้านเราไม่ได้ขายช้าไป 5-6 ปีนะ แค่ช้าไป 2 ปีกว่าๆ เอง นับตั้งแต่เวลาที่ต่างประเทศเปิดตัวรุ่นไมเนอร์ อิอิ จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 53 00:32:32

ความคิดเห็นที่ 7 - แก้ไขเมื่อ 02 เม.ย. 53 00:39:00 แก้ไขเมื่อ 02 เม.ย. 53 00:33:21 จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 53 00:33:03

ความคิดเห็นที่ 8 แก้ไรนิดนึง อิอิ แก้ไขเมื่อ 02 เม.ย. 53 00:40:45 แก้ไขเมื่อ 02 เม.ย. 53 00:36:48 จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 53 00:35:02

ความคิดเห็นที่ 9 - แก้ไขเมื่อ 02 เม.ย. 53 00:38:33 จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 53 00:36:16

ความคิดเห็นที่ 10 HORSE POWER TEST                  สำหรับหัวข้อนี้ เราจะมาพูดกันถึง กำลังม้า ของรถทั้งสองคัน ส่วนสำคัญคือ เราจะพิจารณา นิสัยของเครื่องยนต์ ที่แสดง ออกมาจากกราฟแรงม้า และแรงบิด จะเหมือนกันหรือแตกต่างกัน ก็ว่ากันไปตามความจริง มาดูฝั่ง MAZDA2 กันก่อน ข้อมูล ตัวเลขแรงม้าเคลมกันไว้ที่ 103PS หรือ 76kw ที่ 6000 รอบ แรงบิด 135 นิวตัน-เมตร หรือ 13.7 กิโล-เมตร ที่ 4000 รอบ ส่วน SWIFT เคลมไว้ที่ 99.2 PS หรือ 74kw ที่ 6000 รอบ แรงบิด 133 นิวตัน-เมตร หรือ 13.5 กิโล-เมตร ที่ 4000 รอบ ใกล้เคียงกันมาก ทั้งค่าแรงม้าและแรงบิด รวมถึงรอบเครื่องยนต์ ดังนั้น เราจึงต้อง จับมาขึ้น ไดโนเทสต์กันจริงๆ ว่าผลจะออกมาเช่นไร ผลออกมาเช่นไร กำลังไม่หนีกัน MAZDA2 มาไวกว่า                   กราฟแรงม้าของทั้งสองคัน กราฟแรงม้าของ MAZDA2 จะเริ่มนำมาก่อน ส่วน SWIFT ยังห้อยๆ อยู่ พอถึง ช่วง 4700 รอบ SWIFT จะแซงขึ้นมาอีกหน่อย แล้วก็นำไปจนจบที่ 6000 รอบ เห็นได้ชัดเจนว่า กราฟของ MAZDA2 จะมาตอนต้นเยอะหน่อย แม้ปลายจะแผ่วกว่า SWIFT บ้างแต่ก็นิดหน่อย ต่างกันเพียงแค่ 2-3 แรงม้า ไม่มีผลอะไรมากนัก จนรู้สึกได้เอง ถ้าจะพูดกันจริงๆ ชอบกราฟของ MAZDA2 มากกว่า มันดู smooth และขึ้นอย่างสม่ำเสมอ ส่วน SWIFT รอบต่ำจะหายไปหน่อย จะมีแรงก็ต้องเล่นรอบกันหน่อย หากเป็นช่วงออกรถบ่อยๆ MAZDA2 ได้เปรียบกว่า เปลืองน้ำมันน้อยกว่า เพราะเกียร์อัตโนมัติจะต้องใช้แรงบิด ตั้งแต่รอบเดินเบาออกไปเลย แต่ก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะมีส่วนต่างกันแค่นิดหน่อย ตัวเลขแรงม้า จะเป็นแบบ Wheel horse power หรือแรงม้าลงล้อ MAZDA2 จะอยู่ที่ 80.47 PS ส่วน SWIFT จะอยู่ที่ 83.85 PS ที่ 6000 รอบ เท่ากันพอดี ซึ่งค่าแรงม้าที่ต่างกัน 3.38 PS ถือว่าน้อยมาก สรุปแล้วคือ ไม่ต่าง กัน แต่ถ้าหารแรงม้าต่อน้ำหนักมาแล้ว MAZDA2 จะเสียเปรียบกว่านิดหน่อย จากน้ำหนักรถเปล่า 1052 กก.หารออกมา หนึ่ง แรงม้าต้องแบกน้ำหนัก 13.07 กก. ส่วน SWIFT เบากว่า จากมิติที่เล็กกว่านิดหน่อย เหลือ 1000 กก.ถ้วน หาร ออกมา หนึ่งแรงม้าต้องแบกน้ำหนัก 11.92 กก.ได้เปรียบกว่านิดหน่อย แต่อย่าเพิ่งสรุปว่าคันไหนจะเร่งดีกว่ากันในตอนนี้ จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 53 00:38:09

ความคิดเห็นที่ 11 แรงบิดในทำนองเดียวกัน                   ในส่วนของแรงบิด ดูกันชัดๆ เลยครับ MAZDA2 จะโดดนำมาก่อน แล้วก็นอนยาวเป็น flat torque ค่อยๆ โรยลงตรงช่วงปลาย ก็ว่าไม่ได้เพราะรถสไตล์นี้จะใช้รอบเครื่องต่ำและปานกลางเป็นหลัก เซ็ตมาแบบนี้ก็ถูกแล้ว ส่วน SWIFT รอบ ต่ำก็จะหายไป แล้วมาเชิดหัวขึ้นที่ 4000 รอบ ก็เชื่อไว้ก่อนว่า ช่วงออกรถอาจจะดรอปนิดหน่อย แต่จะไปได้ดีกว่านิดหน่อยที่รอบปลาย เดี๋ยวไปดูเรื่องอัตราเร่งก็คงทราบกัน สำหรับรอบที่ได้แรงบิดสูงสุดตามสเป็คเคลมไว้ 4000 รอบทั้งคู่ แต่มีการคลาดเคลื่อนกันนิดหน่อย MAZDA2 จะใกล้เคียงสุด เพราะ torque จะพีคที่ 4200 รอบ ส่วน SWIFT ปาเข้าไป 4700 รอบ ส่วนค่าแรงบิด สูงสุด MAZDA2 ได้ 10.78 กก-เมตร ส่วน  SWIFT ได้ 10.81 กก-เมตร ถือว่าไม่ต่างกัน เรียกว่าเป๊ะเลยก็ว่าได้ ACCELERATION TEST                    ส่วนตรงนี้เราจะวัดอัตราเร่งของรถทั้งสองคัน โดยจับวัดอัตราเร่งจากจุดหยุดนิ่ง 0-100 กม/ชม เงื่อนไขเดียวกันทั้ง สองคัน เพื่อเปรียบเทียบกันว่าใครจะเป็นต่อ โดยใช้ผู้ขับและทีมทดสอบรวมสองคน นั่งไปด้วยกันทั้งสองคัน เพื่อกันการได้เปรียบเสียเปรียบ การวัดอัตราเร่ง เราจะออกตัวด้วย รอบเดินเบาเท่านั้น และใช้เกียร์ D เพียงอย่างเดียว ไม่มีการเร่งรอบแล้วกระชากออก หรือทำการใดๆ ผิดไปจากการขับปกติทั้งสิ้น มาดูฝั่ง MAZDA2 กันก่อน อัตราเร่ง 0-100 กม/ชม ทำไป 15.8 วินาที ส่วน  SWIFT ทำ ได้ 16.1 วินาที เป็นไงครับ ไม่ต่างกันอีกแล้ว ก็ลองดูกราฟอัตราเร่งจัดว่ามาแบบ Side by side ประกบคู่กันตลอด ไม่มี ใครได้เปรียบเสียเปรียบกัน งานนี้ตัดสินยากครับ มวยถูกคู่ ตีเสมอตลอดชาติจริงๆ จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 53 00:40:12

ความคิดเห็นที่ 12 SUSPENSION & HANDLING TEST                     ต้องยอมรับว่า รถยนต์เดี๋ยวนี้พัฒนาขึ้นมาก จากเดิมที่รถระดับซิตี้คาร์นั้น จะมีปัญหาการทรงตัวที่ความเร็วสูง ไม่ต้องมากมาย แค่เกินร้อยไปไม่มาก ก็ต้องตั้งอกตั้งใจจับพวงมาลัยประคองกันแล้ว รวมไปถึงระบบเบรกที่ต้อง ใจ กันนิดนึง แต่เดี๋ยวนี้ซิตี้คาร์พัฒนา จน สามารถรองรับความเร็วสูงได้โดยไม่เครียดนัก รวมถึงระบบเบรกที่ไว้ใจได้ จึงสามารถใช้เป็นเพื่อนเดินทางได้อีกด้วย สำหรับบุคลิกของ MAZDA2 และ SWIFT ก็อาจจะแตกต่างกัน ลองมาดูว่า แต่ละคันจะแสดงอาการอะไรให้เราเห็นบ้าง MAZDA2 แข็งสปอร์ต สบายน้อยหน่อย แต่ได้หนึบและมั่นคง                      ระบบช่วงล่างของ MAZDA2 ด้านหน้าเป็นแบบอิสระ แม็คเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังเป็นแบบกึ่งอิสระ ทอร์ชั่นบีม ที่เป็นแบบ สากล ในรถยนต์นั่งขนาดเล็ก เพราะประหยัดเนื้อที่ ไม่มีชิ้นส่วนมาก การแสดงอาการของ MAZDA2 ต้องบอกก่อนว่า ในรุ่นท๊อปที่เรา มาทดสอบ จะใช้ช่วงล่าง สปอร์ต มาเป็นมาตรฐานฟีลลิ่งของช่วงล่าง จึงแสดงออกมาว่าจะพาไป ซิ่ง อย่างชัดเจน ตามคอนเซ็ปท์ ZOOM- ZOOM ที่เน้นความสนุกสนานในการขับขี่ การดูดซับแรงสั่นสะเทือนเมื่อขับขี่ทั่วไปในเมือง ถนนแย่มากกว่าดี อาการของช่วงล่างจะออก แข็ง อยู่บ้าง แต่เป็นแข็งแบบหนึบ ช่วงความเร็วต่ำๆ อาการเด้งยังมีเป็นปกติบ้าง ตามนิสัยของช่วงล่างสปอร์ต แต่ไม่ถึงกับกระด้างมาก ยังคง มีความนุ่มแฝงอยู่ ถ้าคนทั่วไปที่ไม่ได้ซิ่งอะไรมาก ชอบช่วงล่างนิ่มๆ ไว้ก่อน อาจจะ บ่น บ้าง แต่ถ้า คอสปอร์ต จะชื่นชอบมันอย่างแน่นอน ใช้ความเร็วค่อนข้างสูงในแบบเดินทางนอกเมือง อาการของช่วงล่างสนองได้ดี มีความมั่นคงสูง ยึดเกาะถนนดี ช่วงกดหา Top speed ที่ลอยไปแช่แถวๆ 170 กม/ชม ก็ยังคุมได้ ซึ่งก็น่าพอใจมากแล้วในรถระดับนี้ ส่วนอาการของรถในโค้ง การเลี้ยว คม ดีน่าพอใจ ตอน แรกรถที่ท้ายสั้นๆ เบาๆ แบบนี้ ก็กลัวจะเกิดโอเวอร์สเตียร์เยอะ แต่จากการปรับมุมล้อหลังใหม่ ให้เกาะถนนมากขึ้น ก็ค่อนข้างเป็นกลาง อาการ ท้ายออก ไม่ค่อยมี ทำให้การควบคุมทำได้อย่างสบาย จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 53 00:43:17

ความคิดเห็นที่ 13 SWIFT สบายกว่า ขับง่าย เอาอยู่เหมือนกัน                       สำหรับระบบช่วงล่างของ SWIFT ก็ยังยืนยันรูปแบบเดียวกัน อาการของช่วงล่างที่แสดงในครั้งแรก อยู่ในระดับกลาง ความหนึบไม่มาก ไปได้ในด้านความ สบาย จากความนุ่มนวลที่มีให้เยอะกว่า ออกจะย้วยอยู่นิดๆ ก็เหมาะกับเหล่าผู้ซื้อที่ไม่ได้ต้องการขับ เร็วมาก แต่ก็ใช้ว่าจะเลวร้าย ในช่วงความเร็วสูง ช่วงล่างที่ดูจะย้วยนิดๆ ในตอนแรก (อันนี้อยากให้ไปดูคลิปใน HLM ประกอบจัง เทพมากๆ) กลับรู้สึกว่าเอาอยู่ เหมือนกัน ในการขับที่ความเร็วระดับ Top speed ก็ยังคงไว้ใจได้ ไม่มีอาการมากเกินงาม ช่วงทางโค้งที่ทำความ เร็วสูงได้ ความ คม อาจจะสู้ไม่ได้ แต่เลี้ยวไปแล้วก็เอาอยู่ มีความมั่นคงดีเหมือนกัน อาการในโค้งก็จะออกอันเดอร์สเตียร์เยอะหน่อย ส่วนด้าน ท้ายก็มีออกนิดๆ ตามสไตล์ของรถท้ายเบา แต่รุ่นนี้มีระยะฐานล้อคู่หลังที่กว้างกว่าคู่หน้า แสดงว่าให้ด้านหลังเกาะมากขึ้น ซึ่งฐานล้อหลังของ SWIFT จะกว้างกว่า  MAZDA2 อยู่ 15 มม. ช่วยได้นิดหน่อย โดยรวมก็เป็นรถที่ Handling ใช้ได้อีกคันหนึ่งเหมือนกัน เพียงแต่ขอปรับปรุงให้ คม และ แน่น กว่านี้อีกนิด ก็จะดีมากเลยทีเดียว จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 53 00:44:55

ความคิดเห็นที่ 14 Braking Test                       มาถึงระบบเบรกกันบ้าง ตรงนี้เราจะวัดกันด้วยเครื่องมือทดสอบ เพราะเป็นมาตรฐานที่จะสื่อออกมาได้ ถ้าดูจากกราฟ เราจะ เบรกแบบเต็มที่ความเร็ว 100-0 กม/ชม ทั้งสองคัน ลองดูกราฟแล้วเส้นกราฟแทบไม่มีความแตกต่างกันเลย แสดงว่าระบบเบรกทั้ง สองคันอยู่ในเกณฑ์ที่ดีพอกัน ไม่มีใครกินกันลง MAZDA2 ใช้ระยะทางเบรกไป 42.8 เมตร กับเวลา 3.4 วินาที ส่วน SWIFT ทำได้ดีกว่านิดหน่อย โดยใช้ระยะทางเบรกไป 41.0 เมตรกับเวลา 3.2 วินาที ทั้งคู่ได้ค่าเฉลี่ยอยู่แถวๆ 40 เมตร ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ ที่ดีของรถระดับนี้ครับ ความคุ้มค่า ขึ้นอยู่กับสไตล์                       รถทั้งสองคันนี้ ถึงจะอยู่ในกลุ่มรถขนาดเล็ก เน้นใช้งานในเมือง แต่ให้ความรู้สึกในการขับขี่ที่แตกต่างกัน MAZDA2 ออก สปอร์ต SUZUKI SWIFT ออกในแนวขับสบาย เน้นประโยชน์ใช้สอย ซึ่งสมรรถนะก็ไม่ได้หนีกัน ทีนี้ก็อยู่ที่สไตล์ใครสไตล์มันแล้วหละ ครับ                      จบแล้วครับ ต้องบอกว่าเป็นการทดสอบรถที่ดีมากๆ อันนึงในนิตยสารเมืองไทยเลย ที่สามารถจับเอา รถที่ยอดเยี่ยมในด้าน สมรรถนะ และชื่อเสียงในระดับตำนานทั้งสองคัน ส่วนอีกคอลั่มของ Driven นั้นก็ลงรูปทั้งคู่สวยหยดย้อยเหมือนกัน ผมจะบอกเฉพาะข้อมูล ที่เสริม หรือแตกต่างจากของ XO Autosport หน่อยก็แล้วกันครับ จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 53 00:46:09

ความคิดเห็นที่ 15 สำหรับ Driven ทดสอบอัตราเร่ง MAZDA2 ความเร็ว 0-60 กม/ชม ทำเวลาได้เพียง 5.72 วินาที เหนือกว่า Honda Jazz และ Toyota Yaris (ตามข้อมูลของผู้ทดสอบ) ซึ่ง MAZDA2 จะออกตัวตอนต้นไวพอๆ กับ SUZUKI SWIFT ที่น้ำหนักตัวเบากว่า และพิชิต 100 กม/ชม ในเวลาเพียง13.96 วินาที ความเร็วปลายหยุดที่ 168 กม/ชม      Driven ทดสอบอัตราเร่งของ SUZUKI SWIFT 0-100 กม/ชม ทำเวลาไปที่ 13.13 วินาที ดีกว่า MAZDA2 ที่ทำเวลาไปที่ 13.96 วินาที และดีกว่า Honda Jazz ที่ทำเวลาไป 14.11 วินาที และรั้งท้ายด้วย Toyota Yaris ที่ทำเวลาไปถึง 14.52 วินาที และสรุป verdict ว่า SUZUKI SWIFT ทำเวลาได้ดีที่สุดใน กลุ่มเดียวกัน                   เอาละสิครับผลการทดสอบที่แตกต่างทำให้ผมคิดว่า อาจจะขึ้นอยู่กับรถที่เทสท์ไดรฟของแต่ละรุ่น ที่มีค่ามาตรฐานของตัวเอง + หรือ - ไม่เท่ากันแน่ แต่ก็เอาเถอะ นับว่ายอดเยี่ยมมากๆ กับ MAZDA2 และ SUZUKI SWIFT ทั้งคู่มีสมรรถนะและชื่อเสียง ติดตัว ยอดเยี่ยมทั้งคู่ ไม่น่าเชื่อว่าจะมีวันที่บ้านเรามีรถดีๆ ให้เลือกกันไม่ถูกมากขนาดนี้ สรุปว่าทั้งคู่ได้คะแนนเท่าๆ กัน เพียงแต่ใครจะชอบ สไตล์หลังติดเบาะตอนออกตัว หรือออกตัวแบบนิ่มๆ แต่ขับสนุก ถ้าให้ผมเลือกผมชอบอย่าง SWIFT เพราะขับหลังติดเบาะมากๆ ก็ปวด หัวบ่อยเหมือนกันช่วงนี้ คงเพราะอายุจะเยอะแล้วมั้ง อิอิ ยังไงๆ ซะ  MAZDA2 ก็ติดลมบนอย่างกู่ไม่กลับแล้ว ก็ขอฝากเจ้า SWIFT ไว้ ด้วยแล้วกัน ในอนาคตศูนย์บริการคงต้องเพิ่มมากขึ้นๆ อย่างแน่นอน เพราะต้องรีบขยายรอรองรับโปรเจ็คอีโคคาร์อยู่ด้วย รถดีๆ แบบนี้ต้องสนับ สนุนกันครับ..........ขอบคุณชาวรัชดาครับ จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 53 00:47:44

ความคิดเห็นที่ 16   หลายคนอยากซื้อ ซูซูกิ นะ แต่ การซื้อรถยนต์ใช้สักคน องค์ประกอบมันเยอะกว่าความสวย และ สมรรถนะ ของรถ โตต้า ฮอนด้า ผมฟันธงเลยว่า ต่อให้ออกรถขี้เหร่ออกมา ยังไงก็ขายได้ ขายดีด้วย (รถตลาด ประกอบในนะ) จากคุณ : ค่ายอื่นควรเอาโจทย์นี้ไปตีให้แ เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 53 08:28:33 A:119.31.121.87 X: TicketID:038237

ความคิดเห็นที่ 17 ไม่ต้องอื่นไกลหรอกครับ ในบอร์ดนี้มีแต่คนเชียร์ brand ลอง suzuki mazda mitsu แต่พอมีกระทู้ถามบ้านคุณใชมีรถอะไร ส่วนใหญ่พอมา ก็เห็นใช้ Toyota Honda กันทั้งนั้น จากคุณ : Bigkub เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 53 08:46:10

ความคิดเห็นที่ 18 ตารางเปรียบเทียบระหว่าง Mazda 2 กับ Suzuki Swift จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 53 09:03:46

ความคิดเห็นที่ 19 เพิ่มเติมอีกนิดว่าไม่ได้ตั้งใจเชียร์รุ่นใดรุ่นหนึ่งเป็นพิเศษครับ และหวังว่าทั้งสองรุ่นจะขายดีขึ้นเรื่อยๆ หลายคนอาจจะลังเลระหว่างรถ ตลาดกับรถที่ตัวเองชอบ แต่ว่า ตอนนี้ต้องถือว่าทั้งสองค่ายมีศักยภาพที่จะ ขยับขยายตัวแบรนด์มากขึ้น อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในยุคก่อน และน่าจับ ตามองอย่างยิ่งในช่วง 3-4 ปีนี้ครับ แก้ไขเมื่อ 02 เม.ย. 53 09:31:59 แก้ไขเมื่อ 02 เม.ย. 53 09:17:44 จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 53 09:16:02

ความคิดเห็นที่ 20 ขอบคุณครับ จากคุณ : เด็กหนอนข้างบ้าน(CND) (blue bike) เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 53 09:35:41

ความคิดเห็นที่ 21 เขียนออกมาได้ดีนะครับ   ตรงกับความรู้สึกที่ใช้อยู่เป๊ะ อ่านแล้วของ XO เป็น Review ที่เชื่อถือได้ เอาไปอ้างอิงได้เลย จากคุณ : EITHER เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 53 10:02:20

ความคิดเห็นที่ 22 ขอบคุณมากๆๆ จากคุณ : ayuhi292 เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 53 10:33:04

ความคิดเห็นที่ 23 ขอบคุณมากๆครับที่นำมาแชร์ กำลังตัดสินใจอยู่แฟนชอบM2 ผมชอบSwiftครับเพราะแต่งซิ่งได้สวยกว่าแถมของแต่งเมืองนอกเยอะมาก โดยอยากเอามาแต่งแบบตัวที่โชว์ในมอเตอร์โชว์+เทอร์โบหรือซุปเปอร์ชาร์ท จากคุณ : ลำไพล47 เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 53 15:11:39

ความคิดเห็นที่ 24 ขอบคุณครับ ดีใจครับ ถ้ามันจะมีประโยชน์ต่อเพื่อนๆ บ้าง ผมว่ายิ่งดูยิ่งคิดก็จะยิ่งได้คำตอบครับว่ารุ่นไหนเหมาะกับการซื้อในครั้งนี้ ดีกันทั้งคู่ แค่ว่าเราจะลงตัวกับตัวไหนเท่านั้นเอง จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 53 15:21:45

ความคิดเห็นที่ 25 จัดไป 2 กิ๊บเลย คันละอันนะ ^^ จากคุณ : nusarathi เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 53 00:02:47

ความคิดเห็นที่ 26 ระบบปรับเสียงอัตโนมัติตามความเร็วรถ Swift ก็มีไม่ใช่เหรอครับ จากคุณ : koa 6/2 เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 53 12:35:44

ความคิดเห็นที่ 27 โอ้ จริงหรือครับ พบจุดผิดซะแล้ว อิอิ รถสมัยนี้ท่าจะมีมี ASL กันเกือบหมดแฮะ จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 53 13:15:46

ความคิดเห็นที่ 28 " ACCELERATION TEST                   ส่วนตรงนี้เราจะวัดอัตราเร่งของรถทั้งสองคัน โดยจับวัดอัตราเร่งจากจุดหยุดนิ่ง 0-100 กม/ชม เงื่อนไขเดียวกันทั้ง สองคัน เพื่อเปรียบเทียบกันว่าใครจะเป็นต่อ โดยใช้ผู้ขับและทีมทดสอบรวมสองคน นั่งไปด้วยกันทั้งสองคัน เพื่อกันการได้เปรียบเสียเปรียบ การวัดอัตราเร่ง เราจะออกตัวด้วย รอบเดินเบาเท่านั้น และใช้เกียร์ D เพียงอย่างเดียว ไม่มีการเร่งรอบแล้วกระชากออก หรือทำการใดๆ ผิดไปจากการขับปกติทั้งสิ้น มาดูฝั่ง MAZDA2 กันก่อน อัตราเร่ง 0-100 กม/ชม ทำไป 15.8 วินาที ส่วน  SWIFT ทำ ได้ 16.1 วินาที เป็นไงครับ ไม่ต่างกันอีกแล้ว ก็ลองดูกราฟอัตราเร่งจัดว่ามาแบบ Side by side ประกบคู่กันตลอด ไม่มี ใครได้เปรียบเสียเปรียบกัน งานนี้ตัดสินยากครับ มวยถูกคู่ ตีเสมอตลอดชาติจริงๆ  " เพิ่งแวะมาเปิดกระทู้นี้ก็วันนี้นะครับ  อ่านเพลินไปเลย มาเอะใจก็หัวข้อนี้แหละ  สงสัยว่า เค้าทดสอบกันแบบไหน ทำไมได้ตัวเลขเยอะ (อืด) จัง ? ขนาด Innova ของผมที่ว่าอืดๆ  ทำแบบที่เค้าทำ จับเวลาแล้ว 0-100 ได้ 16.5-17.0 วิ ราวๆ นี้ รถเล็กแค่นั้น เครื่องตั้ง 1.5 ลิตร  น่าจะทำได้ดีกว่านี้พอสมควรนะ  เพราะตอนที่ผมได้ไปลองขับมาทั้ง 2 คัน ถึงจะไม่ได้จับเวลา แต่ก็จับความรู้สึกได้ว่า กระฉับกระเฉง / กระตือรือร้น ดีพอควรเลยทีเดียวครับ จากคุณ : P_Wut เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 53 14:59:05

ความคิดเห็นที่ 29 จากที่อ่าน น่าจะปล่อยให้เครื่องเดินเบา แล้วค่อยๆ ออกตัวนะครับ ทำให้บวก ไปอีก 1-2 วินาทีได้เหมือนกัน  ขนาดข้อแม้ในการทดสอบให้ผลเป็นตัวเลขแปลกๆ ขนาดนี้ ยังยืนยันใช้วิธีการเดิม แสดงว่าค่ายนี้คงไม่ได้ดูตัวเลขการทดสอบ ของค่ายอื่นๆ เลย ผมว่าปกติเค้าไม่ได้ปล่อยให้เดินเบานานขนาดนั้น แต่ถ้ามอง ในแง่ดี อาจจะอ้างอิงกับเวลาที่เราขับจริงในชีวิตประจำวันได้ดีกว่า ออกตัวแบบ กระชากๆ นะครับ จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 00:13:44

ความคิดเห็นที่ 30 ขอบคุณมากค่ะ ^^ จากคุณ : -->+:+โชยุ&วาซาบิจัง+:+<-- เขียนเมื่อ : วันฉัตรมงคล 53 20:57:54