|
ความคิดเห็นที่ 138 |
ขอบคุณ จขกท. สำหรับรูปในพื้นที่จริงๆ
เห็นแล้วก็น่าใจหาย
เขาใหญ่ หนึ่งในมรดกโลก ของชาติ กำลังถูกทำลายด้วยน้ำมือของเราเอง อันที่จริง มันถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่เราควรปลูกฝังจิตสำนึกของคนในชาติ ให้เห็นถึงคุณค่าของการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม แลกกับความเจริญ เห็นด้วยว่า ความเจริญ นำมาซึ่งคุณภาพชีวิตของประชากร พื้นที่ ในชุมชนที่ดีขึ้น แต่ความเจริญมาผิดที่ผิดทางหรือไม่
ทำไม พื้นที่ป่า ในประเทศไทย จากเดิมซึ่งเคยอุดมสมบูรณ์ ปัจจุบัน กลับลดเหลือน้อยลง จากปรากฏการณ์ต่างๆไม่ว่าจะเป็น เอลนิญโญ่ โลกร้อน สึนามิ ภัยแล้ง น้ำท่วม ฯลฯ สาเหตุหลักๆก็มาจากการตัดไม้และปัจจุบันก็ยังเป็นเช่นนั้นอยู่
จิตสำนึกของคนไทยในเรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมยังน้อยมาก เพราะจะเห็นว่าที่ใหนมีการพัฒนากระจายรายได้ไปสู่ชุมชนอย่างรวดเร็ว ที่นั่นมักจะถูกแลกมาด้วยผลประโยชน์ของนักการเมืองและนายทุนอยู่เสมอๆ
ยกตัวอย่างเช่นที่ปาย , วังน้ำเขียว ที่เริ่มมีนายทุนจับจองพื้นที่มากขึ้น รวมไปถึงอุทยานเขาใหญ่ ซึ่งนับวันเริ่มมีการบุกทลายพื้นที่ป่ามากขึ้นและถูกทดแทนด้วย รีสอร์ท ห้องพัก ฯลฯ ของนายทุนที่แย่งกันเข้าไปจับจองพื้นที่ ไม่เว้นแม้แต่นักการเมือง ข้าราชการ โดยอ้างคำพูดอันสุดหรูว่าจะสร้างความเจริญมาให้ชุมชนให้มีรายได้จากการท่องเที่ยว (ครั้งละมากๆ ) โดยไม่คำนึงถึงประโยชน์ของธรรมชาติ ที่พึงควรช่วยอนุรักษ์ปกป้องทรัพยากรที่มีค่าในอนาคต ดังจะเห็นว่า อุทยานบางแห่งที่มีการบุกรุกมากขึ้น โดยแลกกับการเดินทางไปมาสะดวก แลกกับมูลค่าที่ได้จากการท่องเที่ยว ซึ่งแต่เดิม เขาใหญ่ เป็นพื้นที่สำหรับนักท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ แต่ปัจจุบัน เป็นพื้นที่ที่ใครอยากไปเมื่อไหร่ก็ไปได้ หากอยากจะรู้ก็ให้ไปถามคนในพื้นที่ ว่าตลอดนับสิบปี มีการเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยเพียงใด
แม้ผมจะเห็นด้วยว่าควรให้มีการซ่อมบำรุงขยายถนน แต่ไม่ควรเป็นถนนที่มุ่งหน้าเข้าอุทยานฯ หรือถ้าจำเป็นต้องดำเนินโครงการก็ควรที่จะรอบคอบโดยเฉพาะเรื่องการตัดไม้ ซึ่งควรที่จะให้เจ้าหน้าที่ กรมทรัพยากร กรมป่าไม้ นักอนุรักษ์ หรือแม้แต่ให้กระทรวงทรัพยากรฯ เข้าไปดูพื้นที่จริงๆก่อนจึงค่อยดำเนินการ อย่างนี้มันจึงไม่เสียหาย มิใช่ อยากจะนึกตัด ก็ตัด มันไม่ได้เหมือนแต่ก่อนแล้ว และเป็นที่น่าสังเกตว่า ถนนหลวง ทุกเส้นในประเทศที่ประชาชนมีความลำบาก นั้นมีมากมาย แต่ทำไมต้องเจาะจงเลือกพื้นที่เขาใหญ่ แม้ด้วยงบประมาณที่ลงไปจะไม่มาก แต่หากคำนึงถึงประโยชน์จริงๆ รัฐก็น่าจะพิจารณาได้ว่า ถนนเส้นใดเร่งด่วนควรทำมากกว่า ทั้งที่ ถนนเส้นอื่นๆยังไม่มีความคืบหน้าในการดำเนินโครงการ แต่การที่นักการเมือง เจาะจงถนนเส้นทางเข้าอุทยานเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว ก็ส่อเค้าให้เห็นว่า มีอะไรแอบแฝงกับโครงการหรือไม่ เรียกว่าลงทุนน้อย แต่ได้ผลมาก
อีกประเด็นที่มองว่าเป็นการขัดแย้งกันระหว่างพรรค นั้นจริง เพราะถ้าฮั้วกัน เรื่องคงเงียบกว่านี้ แต่ประชาชนได้ประโยชน์ เพราะได้ออกมาแสดงจุดยืน ว่าจะเอาหรือไม่เอา
แต่อย่างไรก็ดี เรื่องการขยายถนน เพื่อลดอุบัติเหตุนั้น อาจเป็นสิ่งที่พึงกระทำได้ แต่ต้องไม่ขัดกับหลักการอนุรักษ์ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม อีกทั้ง เขาใหญ่ ก็เป็นพื้นที่มรดกโลก ถึงมิได้กระทำการตัดถนนเข้าไปในพื้นที่อุทยานก็ตาม แต่เส้นทางที่มุ่งหน้าเข้าสู่อุทยานก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน อีกประการคือ สิ่งแวดล้อมและธรรมชาติ ไม่ควรที่จะต้องถุกทำลายลง โดยไร้ประโยชน์ อย่างน้อยๆ ก็ควรให้ผู้เชี่ยวชาญดำเนินการประเมินก่อนที่จะดำเนินโครงการ อย่างนี้มันจะไม่เสียประโยชน์ทั้งสองฝ่าย ซึ่งจริงๆ เราควรเริ่มคำนึงกันได้แล้ว ไม่เพียงพื้นที่อุทยาน แต่พื้นที่อื่นๆ ที่มีความสุ่มเสี่ยงในการพื้นที่ป่า จะรอมาให้ปลูกป่าทดแทนเหมือนดังแต่ก่อนมันไม่ได้แล้ว เราจะเห็นว่า ภัยแล้ง ทั้งภัยธรรมชาติต่างๆ เป็นภัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ ดังนั้น ต่อให้มีถนนกว้างเป็น 8-10 เลน แต่ไม่มีป่าเพื่อรองรับน้ำ ไม่มีร่มเงา มันก็ไม่คุ้ม เพราะไม่มีอะไรเป็นหลักประกันได้ว่า ความเจริญที่ได้มาอาจต้องแลกมากับการสูญเสียเหมือนอย่างหลายๆพื้นที่ที่เกิดน้ำป่าท่วมทะลักอย่างรุนแรงในหลายปีที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นว่า
ธรรมชาติ มีผลต่อการดำรงชีวิตของประชากรโลกเพียงใด การจะเอาความเจริญโดยไม่คำนึงถึงการอนุรักษ์ทรัพยากรเหมือนดังแต่ก่อน ไม่ได้แล้ว !
อีกข้อหนึ่งที่น่าหัวร่อ การที่เรามัวขัดแย้งกันเองในเรื่องดังกล่าว อาจทำให้เขมรหัวเราะเยาะเอาได้ เรา! ซึ่งจะไปแย่งปราสาทของเขาเพื่อเอามาเป็นมรดกโลกร่วมกัน ในขณะที่ของๆเราเองกลับไม่รักษา อย่างนี้อายชาวโลกเขาจะหัวเราะเยาะเอาได้ ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป เผลอๆ เขาใหญ่ อาจถูกพิจารณาถึงขั้นปลดออกจากการเป็นมรดกโลกในอนาคตก็ได้ ใครจะรู้
จากคุณ |
:
Cho_shang
|
เขียนเมื่อ |
:
7 มิ.ย. 53 16:03:26
|
|
|
|
|