ความคิดเห็นที่ 1 โอว....โลกแห่งความเป็นจริง ช่างโหดร้ายยิ่งนัก จากคุณ : ป๋าไอ (ibara) เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 53 12:01:50

ความคิดเห็นที่ 2   ก็ดอกเบี้ยทบต้นที่อัตราผิดชำระเวลา 5 ปีไงครับ จะไม่ให้สูงได้ยังไง จากคุณ : rp เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 53 12:05:49 A:125.27.46.179 X: TicketID:153655

ความคิดเห็นที่ 3 เจ้าของบ้านก็ผิดจริงๆ ครับที่ได้รับหมายเรียกติดต่อไปแล้ว ดันนิ่งเงียบ ส่วนคุณก็ยังมีน้ำใจที่ยังติดต่อให้เขามาซื้อคืน ถ้าเป็นคนอืน คงอาจจะถึงขั้นพาคนมาไล่เขาออกจากบ้านแล้วก็ได้ จากคุณ : Urban_Park เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 53 12:08:17

ความคิดเห็นที่ 4 นี่แหละครับ ความไม่รู้และไม่ศึกษาข้อมูลให้ดี ถึงเอารถไปคืน ถ้าไม่จัดการเคลียร์ให้เรียบร้อยก็เสร็จไฟแนนซ์แหละ จากคุณ : ณปัณณ์ เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 53 12:16:09

ความคิดเห็นที่ 5   จกท. ท่านใจพระมากครับ ขอให้ท่านจงมีแต่ความเจริญยิ่งๆขึ้นไปนะครับ จากคุณ : หนับหนุน เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 53 12:17:16 A:124.121.113.164 X: TicketID:248969

ความคิดเห็นที่ 6 ลองปรึกษาผู้ รู้ กม ดูก่อนค่ะ   ว่ากรณีนี้ทำอะไรได้บ้าง จากคุณ : Rarin-รริญ เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 53 12:21:58

ความคิดเห็นที่ 7 โหดจัง แต่ของโฟร์แมนที่ไซด์ค้างส่งเดือนเดียวเสียค่าปรับรวมประมาณสามพันกว่าบาทอะ จากคุณ : Kt-Kw เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 53 12:29:20

ความคิดเห็นที่ 8 ต้องเคารพศาลครับ  เรื่องมันมาถึง บังคับคดีแล้ว ศาลตัดสินก็ ตามข้อมูลมี่ยืน่ฟ้องและไกล่เกลี่ยตัวเลขแล้วนะครับ ถึงคุณซื้อไปแล้ว หนี้เขาก็ยังไม่จบ เพราะมีส่วนขาดอีกอ่ะ จากคุณ : ฉันมันตัวเปล่า เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 53 12:31:50

ความคิดเห็นที่ 9 พวกนี้จะไปค้างส่งเค้าไม่ได้เลยครับ เค้าจะบวกค่าติดตามหนี้ ฯลฯ จิปาถะเป็นหางว่าวทันที และต่อรองไม่ได้ เพราะมีระบุในสัญญาอยู่แล้ว จากคุณ : แมงแกลบ เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 53 12:35:02

ความคิดเห็นที่ 10 น่ากลัวมาก จากคุณ : credor เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 53 12:38:35

ความคิดเห็นที่ 11 โหๆๆน่ากลัวมากๆๆเลย เอกสารนานนมมาถึง5ปีแล้ว  ยังทำให้เป็นเรื่องเดือดร้อนได้ขนาดนี้ น่ากลัวเรื่องแบบนี้มากๆๆ ทำไมโหดจัง โหวตๆๆค่ะ จากคุณ : myiam เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 53 12:43:53

ความคิดเห็นที่ 12 เรียนถาม คห.ที่8 หรือผู้รูกฏหมายท่านอื่นว่า..คือผมได้นำเรื่องไปขอโอนกรรมสิทธิ์ที่ สนง.ที่ดินแต่เนื่องจากไม่มีโฉนด(ฉนับเจ้าของ)ตัวจริงถือไป เพราะเป็นการยึดโดยสืบทรัพย์ และเรื่องจริงๆตัวเจ้าของบ้านก็เอาโฉนดไปวางค้ำเงินกู้นอกระบบอยู่ ดังนั้นผมเลยต้องแจ้งขอออกใบแทนฉบับเจ้าของใหม่  และขั้นตองต้องติดประกาศ30วันก่อน อยากถามว่า เจ้าของเดิมมีสิทธิ์ค้านได้หรือไม่ ถ้าค้านได้ที่ดินก็ออกใหม่ไม่ได้หรือเปล่า? และหากเป็นเช่นนั้นผมควรจะทำอย่างไรต่อไป? จากคุณ : saiphat เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 53 12:48:37

ความคิดเห็นที่ 13 ต้องเข้าใจอย่างหนึ่งครับว่า บ้านตาม ตจว.เป็นสังคมเล็กๆ ใครไปใครมารู้กันหมด ขนาดลูกสาวบ้านใดพาผู้ชายมาที่บ้านเค้าก็รู้กันทั้งตำบล ผมเองก็เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน เหอะๆๆๆๆ เช่นเดียวกับเจ้าของบ้านคนเดิม ที่หลังจากขาดส่งรถก็นำรถไปคืนที่ไฟแนนซ์ เพราะไม่อยากให้มีคนมาทวงที่บ้าน และก็ไม่รู้ว่าหลังจากคืนรถแล้วขั้นตอนต่อไปคืออะไร และหลังจากศาลประทับรับฟ้องแล้ว มีหมายศาลมา ก็รู้ๆกันอยู่ครับว่าสังคมมันเล็ก ขืนไปปรึกษาเพื่อนแถวบ้าน มีหวังรู้กันหมด เลยทำนิ่งเฉยๆไว้ จนเป็นเรื่องราวขึ้นมา อีกทั้งก็ไม่ได้รู้เรื่องพวกไฟแนนซ์อะไรมากมาย เลยไม่อยากยุ่ง ถามว่าเจ้าของบ้านคนเดิมผิดไหม ก็ตอบว่าผิดเพราะไม่ยอมไปติดต่อกับทางบริษัทไฟแนนซ์ก่อนจนบ้านถูกขาย แต่ถ้ามองในแง่โลกของความเป็นจริง มันอายนะครับที่จะให้คนอื่นรู้ว่าตัวเองกำลังโดนอะไรอยู่ คุณจขกท.เองก็ดีใจหายครับ ให้โอกาสเจ้าของบ้านเดิมได้ซี้อบ้านคืน ดีแล้วครับที่ให้โอกาสเค้าได้รับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ผมเสนอว่า ถ้าเค้าไม่มีเงินก้อน ก็ให้ผ่อนดีกว่าไหมครับ จะได้เบาทั้งสองฝ่ายด้วย ลป.ขอชื่นชมคุณ จขกท.ครับ จากคุณ : แอบหลับบนโต๊ะทำงาน (NoFlyZone) เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 53 12:52:50

ความคิดเห็นที่ 14   จะซื้ออสังหา  ควรซื้อที่ไม่มีคนอยู่ ถ้ามีคนอยู่  แล้วไม่ยอมออกไปแต่โดยดี  ฟ้องขับไล่กันยาว จากคุณ : Minowa เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 53 13:15:41

ความคิดเห็นที่ 15 จาก คคห.ที่ 12 .......และเรื่องจริงๆตัวเจ้าของบ้านก็เอาโฉนดไปวางค้ำเงินกู้นอกระบบอยู่....... คุณเจ้าของกระทู้ต้องระมัดระวังและรอบคอบหน่อยนะครับ ท่าทางเจ้าของบ้านจะมีปัญหาทางการเงินมากกว่าแค่เป็นหนี้บริษัทการเงิน เดี๋ยวจะกลายเป็น เอ็นดูเขา เอ็นเราขาด จากคุณ : splendour เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 53 13:26:45

ความคิดเห็นที่ 16 โห มีการไปวางค้ำหนี้นอกระบบอีก แบบนี้ท่าจะยาวเลยครับ เพราะถ้านอกระบบไม่มีเงินไปจ่าย เจ้าหนี้นอกระบบก็จะเอาโฉนดที่ดินมายึดหรือขายทอดตลอดต่อ ผมว่าจะวุ่นวายไปใหญ่แล้วนะครับ คงต้องปรึกษาทนายแล้วครับ ว่าสุดท้ายแล้วที่ดินตรงนี้เป็นของใครต่อไป หลังจากทีี่ไกล่เกลี่ยกันเสร็จ อีกอย่างราคาที่ดิน 5 แสนกว่า (จากเจ้าหนี้ไฟแนนซ์) แต่คุณซื้อมาแค่ 2 แสนกว่าๆ ยังขาดอีก 2 แสนกว่านะครับ ที่ทางเจ้าของบ้านต้องไปหาเงินจ่ายคืนไฟแนนซ์ จากคุณ : Urban_Park เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 53 13:31:38

ความคิดเห็นที่ 17   ถ้าหากว่าไปขึ้นศาล เล่าความจริงให้ท่านฟัง ท่านคงจะเห็นใจ และลดราคาลงมาบ้างนะ เพราะดอกเบี้ยมันโหดเกินไป ของเราเคยโดนเหมือนกัน(เพื่อนยืมชื่อไปกู้ซื้อบ้านของมัน) แล้วเพื่อนไม่ส่งค่างวดให้แบงค์  โดนขึ้นศาลเราก็ขึ้น ลดดอกให้ สุดท้าย โดนขายทอดตลาด แบงค์แจ้งมาว่าขายขาดทุนไป แสน9 ให้เราเอาเงินไปคืน แสน9 เราไม่จ่าย  สุดท้ายแบงค์ลดให้ เหลือ 3หมื่น จากคุณ : ม่วงเฉา เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 53 14:03:34

ความคิดเห็นที่ 18   น่ากลัวครับ เห็นใจจขกท. ครับ ไม่รู้จะทำยังไง ให้ท่านอื่นดีกว่า จากคุณ : kloyman เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 53 14:09:29

ความคิดเห็นที่ 19 เป็นผมก็คงทำแบบเดียวกับ จนกท.ครับ ส้วนเจ้าของบ้านเดิม ผมว่าเค้านิ่งเกินไป เรื่องเลยกลายเป็นแบบนี้ อาจเป็นเพราะตัวเค้าไม่รู้ เห็นเพื่อนบ้านทำอย่างนี้ ก็เลยทำบ้าง ลูกๆก็รู้แค่ว่าพ่อเอารถไปคืน คนที่น่าจะผิดที่สุดคือไฟแนนซ์ครับ โดยเฉพาะคนที่รับเรื่อง โหดร้ายจริง เค้าเอารถไปคืน ค่าอะไรยังค้างอยู๋ก็ไม่บอก ปล่อยให้ผ่านมา 5 ปีได้อย่างไร เห็นทุก แค่ 2-3 เดือน ก็จะตามไปยึดรถล่ะ จากคุณ : rukthaichonburi เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 53 14:37:37

ความคิดเห็นที่ 20 รถราคาเท่าไร ดาวน์เท่าไร เดี๋ยวนี้แทบไม่ต้องวางด้วยซ้ำ  ส่งไปแค่ 8 ครั้ง (11-3) ตีว่าเดือนละ หมื่น ส่งไปแปดหมื่นเอง  รถราคาเท่าไร? แม้ไม่โดนยึดราคามือสองเป็นไง? เอาไปกู้เงินนอกระบบ ไม่เกี่ยวครับ  เพราะจำนอง ต้องทำสัญญาจำนองที่ที่ดิน เคสนอกระบบจึงไม่ได้ทำแน่ๆ กลายเป็นจำนำแค่กระดาษโฉนดที่ดินแทน เคสนี้จึงไม่ต้องกังวลครับ  เจ้าของที่(ลูกหนี้) คัดค้านไม่ได้แน่  เจ้าหนี้เงินกู้ก็คัดค้านไม่ได้ครับ... จากคุณ : RoAdSidE เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 53 14:48:12

ความคิดเห็นที่ 21 เรื่องเศร้าจริงๆ จากคุณ : Chat5 เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 53 15:06:30

ความคิดเห็นที่ 22   พวกไฟแนนซ์จะนิยมทำกันแบบนี้แหละครับ ผ่อนรถไปสักพัก ผ่อนไม่ไหว ส่งไม่ไหว เอารถคืนไป แล้วรถก็เอาไปขายประมูลถูกๆเหลือมูลค่าแค่ 20 - 30 % ของรถป้ายแดง(ถึงแม้ว่ารถจะไม่ถึงปีก็ตาม) แล้วพอผ่านไปสักพักจะไม่ค่อยอยากตามเรื่องลูกหนี้ที่ค้างอยู่เพราะ - มูลค่าในการขายรถยึดนั้นต่ำมากๆ เหมือนกับว่าไม่อยากได้รถ แต่อยากได้เงินพร้อมดอกเบี้ยเสียมากกว่า - จงใจปล่อยเรื่องให้นานๆ หรือ ไม่ติดตามลูกหนี้เป็นเวลาหลายปีเพื่อจะได้ให้เกิดดอกเบี้ยสูงขึ้นเรื่อยๆ จนทบต้น ทบดอก กันสองสามรอบ จากหนี้ 1-2 แสน จะหลายเป็นหลายแสนได้ ภายในเวลาแค่ไม่กี่ปี แล้วค่อยเอาไปฟ้องร้องทีเดียว เพราะการฟ้องร้องเรียกค่ารถคืนในตอนที่ขายรถไปแล้วนั้นมูลค่ามันต่ำครับ ไม่คุ้มค่าศาล ค่าทนาย ค่าดอกเบี้ย ฯลฯ เพื่อนผม ผ่อนรถไม่ไหว ให้เขายึดรถไป ขายรถไปถูกๆ หักลบหนี้คงค้างจากค่างวดแล้วเหลือเป็นหนี้จริงๆที่ใช้คืนแค่ 1 แสนนิดๆ .....แต่เพื่อนผมมันตกงาน จึงจ่ายไม่ไหว ขอประนอมหนี้ แต่ทางไฟแนนซ์ เงียบ..........เงียบไปเกือบ 3 ปี........เพื่อนมันก็พยายามติดตามจะจ่ายหนี้แบบผ่อนชำระ(ขอประนอมหนี้จ่ายคืนเดือนละ 2 พันบาทไปก่อน) จนขี้เกียจตามจ่ายหนี้แล้ว.......ผ่านไป 3 ปี มีจดหมายเรียกเก็บหนี้เป็นมูลค่ากว่า 3.7 แสนบาท.....?????? จากหนี้แค่ 1 แสน กลายเป็นสามแสนกว่า....???? ถามทนายบริษัท ก็บอกว่า ดอกเบี้ยมันทบต้นไปแล้ว และ ดอกเบี้ยเป็นอัตราสูงสุดที่ 28% ต่อปี สามปีดอกเบี้ยก็ 80% ของเงินต้นแล้ว ถ้าจะว่ากันจริงๆ ลูกหนี้ที่มีเจตนาจะใช้หนี้ ในกรณีแบบนี้นะครับ ให้ไปยื่นเรื่อง ขอทำเรื่อง "วางทรัพย์" กับกรมบังคับคดี ครับ เพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าหนี้ "ไม่ยอมรับเงินใช้หนี้" (เพื่อหวังจะให้เกิดกำหนดผิดสัญญาแล้วจะฟ้องร้องได้ภายหลังมากมาย) จากคุณ : น้ำปลาเดือนห้าโดนแบนถาวร เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 53 15:22:46 A:222.123.200.189 X: TicketID:272550

ความคิดเห็นที่ 23 เจ้าของกระทู้ใจดีมากๆ ครับ ขอให้สิ่งที่ดีๆกลับมาหาเจ้าของกระทู้ครับ ขอให้เรื่องจบลงด้วย HAPPY ทั้งสองฝ่่ายครับ จากคุณ : apexthai เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 53 15:45:38

ความคิดเห็นที่ 24 ฟังคุณRoAdsidE คห.20 แล้วสบายใจ และข้อมูลของคุณน้ำปลาเดือนห้าฯเป็นความรู้ใหม่ได้เห็นภาพของวงการไฟแนนซ์อีกแบบหนึ่ง..ขอบคุณครับ แต่ไฟแน้นซ์ตัวปัญหานี้เป็นแบรนใหญ่มาก..ตอนนี้กลายเป็นBankแล้วและรู้สึกว่าจะอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ด้วย(ถ้าจำไม่ผิด ที่แรกผมก็คิดว่า จนท.ของไฟแน้นซ์ คนที่รับรถคืนนั้นคิดไม่ซื่อแอบยักยอกรถไปขายไม่คืนเข้าบรัษัท และไปสมคบกับคนตามยึดให้แจ้งว่าหาไม่เจอ แต่พอมาอ่าน คห.20และหลายๆท่านแล้วก็อาจเป็นไปได้ที่ มูลหนี้แค่3หมื่น เวลา5ปีมันกลายเป็น5แสนกว่า..คือประเด็นนี้เป็นที่ข้องใจมากของเจ้าของรถที่นำไปคืน รวมทั้งผมด้วยในการพูดจากันในตอนนั้น ภายใน5ปีมันเพิ่มขึ้นถึง18เท่าของเงินค้างชำระเชียวหรือ?..ข้องใจมากครับ จากคุณ : saiphat เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 53 15:51:29

ความคิดเห็นที่ 25 ตัวปัญหาคงไม่ใช่ไฟแนนซ์ครับ คิดดีๆ ... ผมยืมเงินคุณไปแปดแสน ไม่ชำระ คุณมายึดรถไปขายได้ ห้าแสนห้า เงินคุณหายไป สองแสนห้า ทำไง?   ส่วนเรื่องดอกเบี้ย "  มูลหนี้แค่3หมื่น เวลา5ปีมันกลายเป็น5แสน ภายใน5ปีมันเพิ่มขึ้นถึง18เท่าของเงินค้างชำระเชียวหรือ? ..ยาก หรือแม้มีดอกเบี้ย พอไปถึงศาล ไปมาเหลือแค่เงินต้นด้วยซ้ำ ถ้าไปศาลพูดคุย  คนไม่มีตังเลย เจ้าหนี้อยากได้เงินคืนทั้งนั้นแหละครับ ดอกไม่เอาก็ได้ ถึงตอนนั้นจริง ถ้าได้เงินคืน จากคุณ : RoAdSidE เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 53 16:20:42

ความคิดเห็นที่ 26 เอ่อ  ผมสงสัยว่า ไฟแนนท์เอาบ้านมาประมูลขายโดยไม่มีโฉนดได้ด้วยเหรอครับ เห็นว่าโฉนดเอาไปกู้นอกระบบไว้อีก  แล้วจะโอนกันยังไงละนี่ ..ขอความรู้ทางกฎหมายหน่อยครับ จากคุณ : อาชาสีหมอก_offer เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 53 16:21:04

ความคิดเห็นที่ 27 ผมโชคดีกว่า จขกท ที่ผม ได้ไปดูและได้พิมพ์หน้าที่กรมบังคับคดีออกราคาไว้ แล้วไปพบ และพูดคุยกับเจ้าของบ้านก่อน หลังจากพบปะพูดคุย พบว่า ทำใจไม่ได้กับการที่จะซื้อ บ้านที่เจ้าของไม่เต็มใจอย่างมากที่จะขายให้ เลย บายไป ที่จริง ราคาที่ตั้งมันเย้ายวนใจมาก แต่พอได้รับรู้ความจริงก็ซื้อไม่ลงจริง ๆ ครับ เลยเลิกดูบ้านในกรมบังคับคดีมานานมากแล้ว จากคุณ : กาแลนท์เขียวเมืองนนท์ เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 53 16:23:31

ความคิดเห็นที่ 28 ผ่อนกับไฟแนนซ์นี้เหมือนกัน ค้างส่งสองงวดแล้ว น่ากลัวจัง จากคุณ : ถึงอ้วนก็รัก เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 53 16:29:03

ความคิดเห็นที่ 29 งงเหมือนกันค่ะ ทำไมกรมบังคับคดีถึงเอาที่ดินไปประมูลขายได้หล่ะคะ ถ้าไม่มาอ่านเราก็นึกว่ายึดรถไปแล้วก็จบกันแบบนั้นซะอีก มานั่งรอผู้มีความรู้มาอธิบายเหมือนกันค่ะ ^^ จากคุณ : mayny the kop เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 53 16:35:58

ความคิดเห็นที่ 30 เป็นหนี้ต้องใช้ครับ  ผมว่ามีการทวงถามหลายรอบ(เขาคิดค่าทวงด้วย)  เจ้าของหนี้ไม่สนใจเอง  อาจด้วยความไม่รู้  แต่จะโทษว่า ไฟแนนโหดผมก็ว่าเกินไปครับ  รู้อยู่แก่ใจ ว่าค้างเขาสามงวด หรือมากกว่าก็ไม่รู้ ก็ต้องใช้ครับ              ผมแนะนำ จขกท ทำสัญญาให้เขาเช่าที่ดีไหม  อย่างน้อยเขาก็มีที่อยู่ แล้วคุณก็มีรายได้  ไปเรื่อย            คนที่โดนบังคับขาย  ไม่มีใครเต็มใจทั้งนั้นแหละ  ถ้าจะประมูลของพวกนี้ก็ต้องยอมรับ  ว่าที่เราได้ของถูกเพราะมีคนต้องเจ็บตัวเจ็บใจทั้งนั้นครับ  แต่ถ้าถึงขั้นโดนยึด  มันก็เรื่องจริงที่เขาไม่ยอมจ่ายหนี้  มันคือความจริงที่โหดร้ายครับ จากคุณ : blitzs เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 53 16:49:05

ความคิดเห็นที่ 31 ตอบ คคห.12 ก่อนครับ...การยึดโดยการสืบทรัพย์...ก็คือ ยึดตามตัวลูกหนี้นั่น แหละครับ...มีชื่อเป็นกรรมสิทธิ์อะไรไว้...ก็จัดการได้ตามนั้น... (ช่องว่างและทางออกในเรื่องนี้มีนะครับ... แต่ผมไม่ขอบอกในที่นี้...เพราะกลัวนำ ไปใช้ในทางทีผิดครับ) เอาเรื่องการออกโฉนดก่อนครับ...เรื่องนี้นำหนังสือที่ได้รับจากกรมบังคับคดีหลังจาก... ที่ท่านได้จ่ายเงินไปเต็มมูลค่าที่ประมูลไปแล้ว...ก็นำหนังสือไปยื่นที่กรมที่ดินได้เลย... ส่วนในกรณีของเงินกู้นอกระบบที่มีคนถือโฉนดไว้...อันนั้น เป็นหนี้ที่เรียกว่าหนี้ นอกกฎหมายครับ...การถือโฉนด...ไม่ีมีผลในทางกฎหมาย...เพราะการจำนอง อสังหาริมทรัพย์ ต้องดำเนินการจดทะเบียนที่กรมที่ดินครับ... โดยมีผู้จำนอง และ ผู้รับจำนอง...(ใครที่ซื้อบ้าน แล้วผ่อนบ้าน จะทราบดีว่า...จะ ได้เห็นโฉนดของจริง แค่แว๊บเดียว จากนั้น หลังจากได้อ่านหลังโฉนดแล้ว ... จะเห็นชื่อผู้จำนอง และ ผู้รับจำนอง จากนั้น ก็จะไปอยู่กับธนาคาร (สถาบันการเงินที่ได้รับอนุญาตให้ทำนิติกรรมการรับจำนองโดยเฉพาะ...) สาระสำคัญ คือ ต้อง "จดทะเบียน" นะครับ...ไม่จดก็ไม่มีผลในทางกฎหมาย ในกรณีนี้ ท่านมีสิทธิ์ดีกว่า เจ้าพ่อเงินกู้แน่นอน... เรื่องที่สองเรื่องมูลหนี้ที่เกิดขึ้น จะมีสองส่วน... 1. คือ มูลหนี้จากการขาดค่าส่งรถจำนวน 3 งวด จำนวน 3 หมื่่นบาท(ตัวเลขกลม ๆ) 2. การที่ไฟแนนซ์นำรถไปขายทอดตลาดแล้ว ไม่มีเจ้าของเดิมไปดูแลการประมูล ทำให้เกิดการ ฮั้ว ราคาต่ำ กันได้...นี่คือ สาเหตุหลัก ที่ทำให้ส่วนต่างที่ควรน้อย ก็กลายเป็นมากขึ้นได้... จุดที่ผิดพลาดใหญ่ ๆ 1.การไม่อ่านเอกสารใด ๆ ที่ไฟแนนซ์ นำมาให้เซ็นต์ ก็เซ็นต์กันลูกเดียว... เมื่อยินยอมเซ็นต์รับสภาพหนี้ไปแล้วไฟแนนซ์ ก็จะนำมูลค่าหนี้ดังกล่าว ไป ฟ้องร้องดำเนินคดีในทางกฎหมาย หมายเหตุ เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ เพราะการไม่ยินยอมที่จะเซ็นต์ชื่อใด ๆ ถ้าเรา เห็นว่าไม่เหมาะสม...กับ จำนวนตัวเลข ค่าปรับ สารพัด อัตราดอกเบี้ย ทั้งหลาย ทั้งปวง...ผมจะบอกให้ทราบกันเลยครับว่า...เมื่อขึ้นศาลแล้ว พวกนี้จะกลายเป็น 0 ทันที(ของจริงก็เป็นเช่นนี้) ทำไมครับ... อะไรก็ตามที่ทำผิดกฎหมาย ท่านถือว่าไม่เคยเกิดสิ่งนี้มาก่อนเลย...พวกค่าปรับ อัตราดอกเบี้ยที่ผิดนัดชำระหนี้ทั้งหลาย คุณทำตัวเลขเกิน 15 เปอร์เซ็นต์ ต่อปี เมื่อไหร่...เป็นอันว่า อดนะครับ ... แปลว่า คุณจะเหลือแค่ตัวเลข ที่เป็น "เงินต้น" เท่านั้น...อันนี้คือสิ่งที่ท่าน ๆ จะต้องทราบกัน... 2. เมื่อมีคดี มีหมายมาที่บ้าน ก็ไม่ยอมไปตามหมาย...ปล่อยให้ศาล กับ พนักงาน ไฟแนนซ์ ดำเนินกันไปตามขั้นตอนของกฎหมาย...ก็ผ่านลุล่วงไปด้วยดี... ต่อจากนั้น เมื่อลูกหนี้ไม่ชำระหนี้...ก็ฟ้องยึดทรัพย์กันต่อครับ...จนมาสู่ขั้นตอน ของการบังคับคดี...กันต่อไป... และนำไปสู่การขายทอดตลาด...ในที่สุด... และ ลูกหนี้ก็ไม่ไปดำเนินการค้าน (ในนัดแรก)...ปล่อยให้อะไรต่อมิอะไรดำเนิน ไปจนจบขั้นตอนต่าง ๆ เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้ครับ... สรุป...ลูกหนี้เขาไม่ดูแลตัวเองเลยครับ...ไม่รู้ไม่ว่า ก็หาคนรู้มาดูก็ได้...แต่เขาก็ ไม่ทำอะไร เพราะคิดว่า ไม่เป็นไร จนสุดท้าย ก็แทบสิ้นเนื้อประดาตัว สมมุต 5 แสน ขายทอดตลาดได้มากกว่าก็มีเงินหลือไว้ต่อชีวิต...ถ้าเกิดน้อยกว่า ก็ซวยไปครับ...ก็ต้องตามยึดทรัพย์มาขายกันต่อ จนกว่าจะจบ... ชีวิตจริง ก็มักเป็นเช่นนี้ครับ... แก้ไขเมื่อ 08 มิ.ย. 53 16:58:59 จากคุณ : aaa_a...ครับผม เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 53 16:58:36

ความคิดเห็นที่ 32 เป็นหนี้  ไม่ชำระหนี้  ไม่มีทรัพย์สินพอชำระหนี้  เจ้าหนี้ฟ้องล้มละลาย  ฟ้องบังคับคดีเอาทรัพย์สินที่ลูกหนี้มีมาขาย กรมบังคับคดีขายทอดตลาด  ขายได้มากกว่าส่วนที่เหลือคืนลูกหนี้ ไม่พอ ก็ยังเป็นหนี้ชำระต่อ  ชำระหมดหรือ ไม่มีเงินชำระ ตามระยะเวลาที่กำหนดใว้  ก็พ้นไม่ต้องชำระ กลับมาทำธุรกรรมตามปกติ พ้นจากล้มละลาย เอาโฉนดไปกู้นอกระบบ  จำนองต้องจดจำนองที่ที่ดินและคิดดอกเกินกฏหมายไม่ได้ ดังนั้นกู้นอกระบบแค่เอาตัวโฉนดไปถือ ไม่ได้มีสิทธิดีกว่าเจ้าหนี้รายอื่นครับ *ส่วนถ้าจดจำนองทรัพย์สินนี้ต้องชำระเจ้าหนีนี้ก่อน จากคุณ : RoAdSidE เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 53 17:04:49

ความคิดเห็นที่ 33 เรื่องนี้ท่าทาจะยาวอ่ะ จากคุณ : มิสพรหล้า เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 53 17:39:03

ความคิดเห็นที่ 34 นึกถึงตลกเทพ โพธิ์งาม ผ่อนบ้านไม่ไหว ดันไม่เคลียร์เอกสารให้เรียบร้อย และไม่ศึกษาเรื่องดอกเบี้ยให้ดี ๆ กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ล้มละลาย แก้ไขอะไรไม่ได้ จากคุณ : RadiS เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 53 18:11:24

ความคิดเห็นที่ 35 มูลหนี้น่าจะไม่ 30,000 นะครับ... สมมุตินะครับ รถ+ดอกเบี้ย 600,000 บาท (ราคารถใหม่ 500000+ดอกเบี้ย 100000) ผ่อน 9000 บาท 10 เดือน =90000 บาท เอารถมาประมูลขายได้ 300,000 บาท (ซึ่งไม่น่าจะถึงเพราะรถอายุ 2-3 ปีแล้ว) ยอดฟ้อง=600,000-90,000-300,000= 210,000+++++(ค่าทวงถาม ผิดนัด ค่าธรรมเนียมต่างๆนาๆ+ดอกเบี้ย) มันก็เลยขึ้นเป็น 5xx,xxx ได้ไงครับ แก้ไขเมื่อ 08 มิ.ย. 53 18:34:04 จากคุณ : ลุงบุญคำ เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 53 18:32:20

ความคิดเห็นที่ 36 การขายทอดตลาด จะขายตามราคาประเมินของกรมบังคับคดี ไม่ใช่ตามราคาตลาด เช่นราคาตลาด 1 ล้านบาท กรมบังคับคดีอาจตั้งราคาที่ 6-7แสนไว้ให้ผู้เข้าประมูลสนใจ และประมูลสู้กัน แต่ถ้าโชคร้ายไม่มีใครสนใจ เดือนหน้าราคาจะเหลือครึ่งเดียวเท่านั้น คือประมาณ 3-3.5 แสน คราวนี้อาจมีคนสนใจ และซื้อได้ในราคาถูก(แบบ จขกท.) ที่ประมูลได้ แต่ความช้ำใจของเจ้าของที่นั่งมองตาปริบๆ ไม่มีปัญญาหาเงินมาสู้ราคา และส่วนที่คงค้างกับเจ้าหนี้ก็ใช้กันต่อไป กรมบังคับคดีไม่สนใจหรอกครับว่า ใครจะมาว่าใจร้าย หรือใจยักษ์ใจมาร เพราะเมื่อขายได้ทุกครั้งก็จะได้ค่าเปอร์เซ็นต์ทุกครั้งไป สำหรับผมแล้วเห็นโฆษณาของกรมบังคับคดีแบบว่า กรมบังคับคดีจริงใจ ยุติธรรมอะไรทำนองนี้ ผมได้ยินทีไรน้ำตามันเอ่อเบ้าทุกที บ้านเราขายได้ครึ่งราคาเท่านั้นเอง มันยุติธรรมสำหรับเจ้าหนี้นะสิ ลูกหนี้มีเวลา 1 เดือนในการค้านราคา และต้องหาตังค์มาซื้อในราคาที่สูงกว่าการค้านครั้งแรกด้วย ******แถมท้ายนิดนึง เมื่อเราเป็นหนี้กับสถาบันการเงินใดๆก็แล้วแต่ ไม่ควรใจเย็น เพราะเจ้าหนี้จะใจเย็นกว่าเรา แรกๆจะไม่ทวงครับ จะทิ้งไว้เป็นปี หรือหลายปี เพื่อให้ดอกเบี้ยทบต้น เหมือนกับเรายังกู้เงินเค้าอยู่ตลอดเวลา พอได้ที่ ทีนี้ก็จะเริ่งขบวนการทวงหนี้หละ ทวงเช้าทวงเย็น ทั้งจดหมาย ทั้งโทรศัพท์ ให้เวลาแค่ 3 วัน 7 วัน จะฟ้องแล้วนะ อันนี้เป็นสัญญานว่าเค้าเริ่มจองเวรเราแล้ว ควรหาทางแก้ หรือทางหนีทีไล่ไว้ให้ดี ถ้าถึงขั้นขึ้นศาลแล้วละก็ ควรไปหรือต้องไปให้ได้ครับ ไม่ต้องไปกลัว ศาลเป็นที่สุดท้ายที่จะช่วยเรา ศาลไม่ช่วยเจ้าหนี้ทุกครั้งไป บางทีเจ้าหนี้ห่วยๆ มันพยายามมั่ว เรียกร้องมากมาย ศาลก็จะดูความเหมาะสมเป็นหลัก *****และความเป็นจริงศาลจะให้ความสำคัญและช่วยเหลือลูกหนี้ ผู้ถูกฟ้องประเภทนี้ มากกว่าผู้ฟ้องนะครับ (สังเกตุสิ เวลาพวกดาราเค้าฟ้องเรียกค่าเสียหายหรืออะไรก็ตามที เรียกกันตั้งเป็น 20-30 ล้าน ) มันจะเสียหายอะไรกันนักหนาขนาดนั้น บางทีสรุปสุดท้าย ประณีประนอมยอมความ ไม่เสียกันซักบาท จากคุณ : dansivilai เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 53 18:38:50

ความคิดเห็นที่ 37 ขอบคุณในความเมตตาของ จขกท. ครับ จากคุณ : จั๊กกะจี๋ เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 53 19:06:50

ความคิดเห็นที่ 38 ขอออกความเห็นจากประสบการณ์คนทำคดีเช่าซื้อเป็นอาชีพนะครับ ตามปกติหลังจากนำรถออกขายทอดตลาดแล้ว ไฟแนนซ์จะนำค่ารถ + ค่างวดที่ผ่อนแล้ว มาหักออกจากยอดเช่าซื้อ เหลือเท่าไร  เป็นยอดค้างชำระตามสัญญาเช่าซื้อที่ผู้เช่าซื้อต้องรับผิด แล้วจะมีค่าติดตามรถ    กับค่าภาษีที่ไฟแนนซ์ทดรองจ่ายไปอีกนิดหน่อย ที่สำคัญ  จะมีค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ คิดตามจำนวนเดือนที่ผู้เช่าซื้อค้างค่างวด   ก่อนไฟแนนซ์จะได้รถคืน เช่นค้าง 10 งวดก่อนโดนยึด    ก็จะโดนคิดค่าขาดประโยชน์ 10 เดือน แต่ไฟแนนซ์มาตรฐาน   ไม่มีการคิดดอกเบี้ยทบต้นครับ ดังนั้นกรณีตามที่เล่ามา     ถ้าโดนฟ้องมากมายขนาดนั้น   อาจเป็นได้จาก    รถที่เช่าซื้อ เป็นรถพวก ฟอร์ด มาสด้า มิตซู นิสสัน    ขายทอดตลาดได้ราคาต่ำมาก    เช่น ราคารถ 500,0000  เอามาทำยอดจัดเช่าซื้อ 600,000      ส่งค่างวดมา 10 งวด งวดละ 10000 รวม 100000    อย่างนี้น่าจะขายทอดตลาดได้แค่  240,000    หรือน้อยกว่านั้นขึ้นอยู่กับสภาพรถ  (เพราะคนประมูลคือเต๊นท์รถ 80 %)    เหลือเป็นยอดค้าง  260000    บวกกับค่าขาดประโยชน์ 3 เดือน เดือนละ 10000 รวม 30000    ค่าติดตาม ค่าภาษี ไม่เกิน 10000    ดูยังไงก็ไม่น่าฟ้องได้ถึง ห้าแสนกว่า    น่าจะค้างค่างวดนานกว่านั้น    หรือส่งค่างวดไม่ตรงงวด  อาจจะโดนเอาไปเสียค่าดอกเบี้ย ค่าปรับก่อน    ไม่ครบตามจำนวนงวดที่ตัวเองเข้าใจ   สรุปว่าคงต้องดูข้อเท็จจริงเพิ่มนะครับ จากคุณ : พ่อปั้นหยา เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 53 20:48:05

ความคิดเห็นที่ 39   ถ้าไม่มีการจดทะเบียนการจำนองกับเจ้าหน้าที่  การกู้เงินโดยเอาโฉนดไปให้เจ้าหนี้ยึดถือไว้ ก็ไม่ถือว่าเป็นการจำนองที่ถูกต้องตามกฏหมายแต่ป็นการกู้เงินแบบมีประกันเท่านั้น  (ประมวลแพ่งม. 714 ประกอบ ม. 152)ว่าง่ายๆ เจ้าหนี้เงินกู้ไม่มีสิทธิอะไรในที่ดินผืนนั้นแหละครับ ในสัญญาเงินกู้จะระบุไว้ว่าไงก็ช่างหัวมัน คุณเอาหนังสือจากกรมบังคับคดีไปที่กรมที่ดินให้เขาออกใบแทนได้  ทั้งเจ้าหนี้ ลูกหนี้อยากค้านก็ไปศาล  ได้แค่ประวิงเวลาเท่านั้น ทำไรมากกว่านี้ไม่ได้ จากคุณ : อ้ายอ้วนน้อยคอยรัก เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 53 21:00:27

ความคิดเห็นที่ 40 ค้ำรถยนต์ก็เข้าข่ายจะโดนแบบนี้ ถ้าคนซื้อตายรึหนี อย่าเห็นแก่ความเกรงใจ ความเป็นจริงโหดร้ายเสมอ เห็นใจ จากคุณ : คนบางแคแค่บ้างคน เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 53 21:15:25

ความคิดเห็นที่ 41 คนค้ำก็เจอแบบเดียวกัน หากคนซื้อไม่จ่ายหรือหนี และเก็บกับ คนซื้อไม่ได้ ............................................................... ถ้าคนค้ำมีบ้านหรือรถ เตรียมเสียได้เลย จากคุณ : ทัพยั้ง327 (popvcd1) เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 53 22:11:14

ความคิดเห็นที่ 42 มองในโลกความจริง ถ้าเป็นผม ผมจะยกให้หรือเปล่า ผมก็คิดว่าไม่นะครับ ผมก็ไม่ได้รวยขนาดทิ้งเงินแสน เพราะความเมตตา แต่สงสารหรือเปล่า สงสารมากครับ ผ่อนได้ก็อยากให้ผ่อน แบบไม่มีดอกเบี้ยไป ชีวิตจริง ของคนจน มันโหดร้ายมากเลยนะครับ โชคดีที่เิกิดมาไม่ค้นแค้นครับ เห็นใจเพื่อนมนุษย์กันด้วยแล้วกันนะครับ เห็นใจเจ้าของเรื่องนะครับ ไงก็ใช้ดุจพินิจให้ดีที่สุดแล้วกันคัรบ จากคุณ : ปังปอนด์ป่วน เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 53 22:53:11

ความคิดเห็นที่ 43 ว่าจะออกรถอีกคัน เสียวเลย จากคุณ : ขอร้องอย่าชม เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 53 23:39:00

ความคิดเห็นที่ 44 ดีมากครับกระทู้แบบนี้ ผมเองก็ทำงานด้านบังคับคดี   เจอประจำกับเรื่องแบบนี้ มีแต่คนด่าสถาบันการเงิน  ด่าไฟแนนซ์ใจร้ายแต่ไม่คิดมุมกลับว่า ตอนไปกู้เขา อยากได้รถน่ะ อารมณ์มันเป็นแบบไหน ถ้าบอกเขาไปแต่แรกว่า ถ้าผ่อนไม่ไหว ผมไม่ให้ยึดนะ  เค้าจะได้ไม่ให้กู้ อยากเก็บกระทู้นี้ไว้นานๆครับ พวกที่ชอบตั้งกระทู้ อยากได้รถใหม่  ป้ายแดง  เผื่อจะมีโอกาสมาอ่าน  จะได้เข้าใจชีวิต  ว่า รถไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต   ถ้าผ่อนไม่ไหว  อะไรจะเกิดขึ้น จากคุณ : แพะภูเขาเจ้าเล่ห์ เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 53 23:47:33

ความคิดเห็นที่ 45 เรื่องเกี่ยวกับสิทธิในทรัพย์สินที่ซื้อจากการขายทอดตลาดโดยสุจริต มีป.พ.พ.มาตรา ๑๓๓๐ รับรองคุ้มครองถึงแม้ทรัพย์สินนั้นจะเป็นของบุคคลอื่นก็ตาม เว้นแต่ศาลมีคำสั่งเพิกถอนการขายทอดตลาด หรือติดจำนอง หรือมีบุริมะสิทธิพิเศษเหนืออสังหาริมทรัพย์อันได้จดทะเบียนไว้ สิทธิของผู้ซื้อทอดตลาดสู้เขาไม่ได้(พวกที่ชอบซื้อห้องชุดมือ ๒ ก็ระวังค่าส่วนกลางที่ค้างชำระให้ดี โดนกันมามากแล้ว)     เรื่องโฉนดที่ดิน ตอนนี้เป็นขั้นตอนการออกใบแทนตามประมวลกฎหมายที่ดินและกฎกระทรวง  หากมีผู้คัดค้าน พนักงานเที่ดินจะต้องสอบสวนพยานหลักฐานและทำการเปรียบเทียบทั้งสองฝ่าย ถ้าตกลงกันได้ ให้ทำหนังสือสัญญาประนีประนอมยอมความไว้แล้วดำเนินการตามนั้น ถ้าตกลงกันไม่ได้ให้งดดำเนินการไว้ แล้วแจ้งให้ทั้งสองฝ่ายไปจัดการฟ้องร้องว่ากล่าวกันต่อไป และเมื่อมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว จึงดำเนินการจดทะเบียนตามผลแห่งคำพิพากษา คงต้องไปร้องเพิกถอนการขายต่อศาล     หากเจ้าของที่ดินเดิมไม่ยอมออกไปจากที่ดิน เจ้าของกระทู้ไม่ประสงค์จะให้อยู่ ให้ไปยื่นคำขอต่อศาลจังหวัดจันทบุรีให้ออกคำบังคับให้เจ้าของเดิมหรือบริวารออกไปจากที่ดินนั้น โดยไม่ต้องฟ้องคดีขึ้นใหม่    เรื่องยึดบ้านผู้เช่าซื้อผู้ค้ำประกันเคยเห็นบ่อยในกรุงเทพก็มี ส่วนใหญ่ติดจำนอง     เรื่องผิดสัญญาเช่าซื้อ หากผู้เช่าซื้อเอารถไปคืนหลังจากผิดสัญญา ผู้เช่าซื้อจะต้องรับผิดชอบ ค่าขาดประโยชน์ระหว่างผิดนัด(ค่าใช้ทรัพย์) ผู้เช่าซื้อนำรถออกขายทอดตลาด หากได้ราคาต่ำกว่าราคาที่แท้จริง ต้องรับผิดค่าขาดราคา นอกจากนอกนี้ยังต้องรับผิดเบี้ยปรับหรือดอกเบี้ยอีกส่วนหนึ่ง พร้อมค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความตามที่ศาลกำหนด     เมื่อขายทอดตลาดทรัพย์สินที่ยึดไม่พอชำระหนี้ เจ้าหนี้มีสิทธิยึดทรัพย์สินอื่นออกขานทอดตลาดจนกว่าจะครบครบ แต่ต้องทำภายใน ๑๐ ปี นับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่ง ตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๒๗๑     โอนทรัพย์สินหนีหนี้ให้ระวัง ป.อ. มาตรา ๓๕๐  ผู้ใดเพื่อมิให้เจ้าหนี้ของตนหรือของผู้อื่นได้รับชำระหนี้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วน ซึ่งได้ใช้หรือจะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้ชำระหนี้ ย้ายไปเสีย ซ่อนเร้น หรือโอนไปให้แก่ผู้อื่นซึ่งทรัพย์ใดก็ดี แกล้งให้ตนเองเป็นหนี้จำนวนใดอันไม่เป็นความจริงก็ดี ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ      เรื่องเกี่ยวกับการออกใบแทนมี กฎกระทรวงฉบับที่ ๗ (พ.ศ.๒๔๙๗)ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.๒๔๙๗ ข้อ ๘ การจดทะเบียนกรรมสิทธิ์ซึ่งได้มาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๘๒ ให้ดำเนินการดังนี้     (๑) ผู้ได้มาต้องยื่นคำขอต่อพนักงานเจ้าหน้าที่พร้อมด้วยคำพิพากษา หรือคำสั่งศาลอันถึงที่สุด แสดงว่าตนมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าวนั้น     (๒)ถ้าผู้ได้มาได้กรรมสิทธิ์ที่ดินมาเต็มตามโฉนดที่ดิน ให้พนักงานเจ้าหน้าที่จดทะเบียนในประเภทได้มาโดยการครอบครอง     (๓) ถ้าโฉนดที่ดินมีชื่อบุคคลคนเดียว หรือหลายคน แต่ผู้ได้มาได้กรรมสิทธิ์เฉพาะส่วนหนึ่งส่วนใด ให้สอบสวนว่าต่างฝ่ายต่างจะยอมให้ผู้ได้มามีชื่อร่วมในโฉนดที่ดินหรือไม่ถ้าตกลงกัน ก็ให้จดทะเบียนในประเภทได้มาโดยการครอบครอง โดยเติมชื่อผู้ได้มาลงไปในโฉนดถ้าไม่ตกลงกันก็ให้แบ่งแยกส่วนของผู้ได้มาออก โดยให้ผู้ได้มาและผู้มีชื่อในโฉนดที่ดินยังมีกรรมสิทธิ์อยู่ไปดูแลระวังเขตที่ดินในกรรมสิทธิ์ของตนแล้วจดทะเบียนในประเภทแบ่งได้มาโดยการครอบครอง     ถ้าผู้ได้มาได้กรรมสิทธิ์เฉพาะส่วนของคนใดคนหนึ่งหรือหลายคนไม่เต็มตามโฉนดที่ดินให้จดทะเบียนในประเภทได้มาโดยการครอบครองเฉพาะส่วน     (๔) ในกรณีตาม (๑) (๒) และ (๓) ถ้าไม่ได้โฉนดที่ดินมาให้ถือว่า โฉนดที่ดินสูญหาย ให้เจ้าพนักงานที่ดินออกใบแทนโฉนดที่ดิน แล้วดำเนินการจดทะเบียนต่อไปตามควรแก่กรณี ในกรณีเช่นว่านี้โฉนดที่ดินเดิมเป็นอันใช้ไม่ได้ต่อไป     กฎกระทรวงฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ.๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.๒๔๙๗     ข้อ ๑๗ ในการออกใบแทนโฉนดที่ดินให้ดำเนินการดังนี้     (๑) ในกรณีโฉนดที่ดินเป็นอันตรายหรือสูญหาย ให้เจ้าของที่ดินยื่นคำขอและ ปฏิญาณตนต่อเจ้าพนักงานที่ดินโดยยให้นำพยานหลักฐานมาให้เจ้าพนักงานที่ดินทำการสอบสวนจนเป็นที่ เชื่อถือได้ และให้เจ้าพนักงานที่ดินประกาศให้ทราบมีกำหนดสามสิบวัน ประกาศนั้นให้ปิดไว้ในที่เปิดเผย ณ สำนักงานที่ดินท้องที่ สำนักงานเขตหรือที่ว่าการอำเภอหรือที่ว่าการกิ่งอำเภอท้องที่ ที่ทำการแขวงหรือ ที่ทำการกำนันท้องที่ และในบริเวณที่ดินนั้นแห่งละหนึ่งฉบับ ในเขตเทศบาลให้ปิดไว้ ณ สำนักงานเทศบาล อีกหนึ่งฉบับ ถ้ามีผู้คัดค้านภายในเวลาที่กำหนดและนำพยานหลักฐานมาแสดง ให้เจ้าพนักงานที่ดินสอบสวน แล้วสั่งการไปตามควรแก่กรณี ถ้าไม่มีผู้ใดคัดค้านภายในเวลาที่กำหนด ให้ออกใบแทนให้ไปตามคำขอ     (๒) ในกรณีโฉนดที่ดินชำรุด ถ้าเจ้าของที่ดินนำโฉนดที่ดินที่ชำรุดนั้นมามอบ และ โฉนดที่ดินที่ชำรุดนั้นยังมีตำแหน่งที่ดิน เลขที่โฉนดที่ดิน ชื่อและตราประจำตำแหน่งของผู้ว่าราชการจังหวัด และหรือชื่อและตราประจำตำแหน่งของเจ้าพนักงานที่ดินตามแบบโฉนดที่ดินปรากฏอยู่ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ ให้ออกใบแทนให้ไปได้ ถ้าขาดข้อความสำคัญดังกล่าวให้นำความใน (๑) มาใช้บังคับ     (๓) ในกรณีศาลมีคำสั่งหรือมีคำพิพากษาอันถึงที่สุดเกี่ยวกับโฉนดที่ดิน หรือผู้ใด มีสิทธิจดทะเบียนตามคำพิพากษาของศาล แต่ไม่ได้โฉนดที่ดินหรือโฉนดที่ดินเดิมเป็นอันตราย ชำรุดหรือ สูญหายด้วยประการใด ให้ผู้มีสิทธิจดทะเบียนยื่นคำขอใบแทนแล้วให้ดำเนินการตามที่กำหนดไว้ใน (๑) หรือ (๒) แล้วแต่กรณี     (๔) ในกรณีเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจในการยึดและขายทอดตลาดที่ดินของผู้ที่ค้าง ชำระภาษีอากรหรือเงินค้างจ่ายใด ๆ ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ ขอให้ออกใบแทนโฉนดที่ดินสำหรับที่ดิน ดังกล่าวซึ่งเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจได้ยึดมาขายทอดตลาดแล้ว แต่ไม่ได้โฉนดที่ดินมาหรือโฉนดที่ดินเดิมเป็นอันตราย ชำรุดหรือสูญหายด้วยประการใด ให้ถือหนังสือของเจ้าพนักงานดังกล่าวเป็นคำขอและดำเนินการ ทำนองเดียวกับที่กำหนดไว้ใน (๓) แต่ไม่ต้องสอบสวน     (๕) ในกรณีอธิบดีจะใช้อำนาจจำหน่ายที่ดินตามประมวลกฎหมายที่ดิน แต่ไม่ได้ โฉนดที่ดินมาหรือโฉนดที่ดินเดิมเป็นอันตราย ชำรุดหรือสูญหายด้วยประการใด ให้ดำเนินการทำนองเดียวกับ ที่กำหนดไว้ใน (๔) แต่ไม่ต้องสอบสวน     (๔) ในกรณีอธิบดีหรือผู้ว่าราชการจังหวัดใช้อำนาจเพิกถอนหรือแก้ไขโฉนดที่ดิน เพิกถอนหรือแก้ไขรายการจดทะเบียนตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราช บัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๒๘ แต่ไม่ได้โฉนดที่ดินมาหรือโฉนดที่ดินเป็น อันตราย ชำรุดหรือสูญหายด้วยประการใด ให้ดำเนินการทำนองเดียวกับที่กำหนดไว้ใน (๔) แต่ไม่ไต้องสอบสวน ในกรณีที่ไม่ได้โฉนดที่ดินมาตาม (๓) (๔) (๕) และ (๖) ให้ถือว่าโฉนดที่ดินสูญหาย.... จากคุณ : พสธร เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 53 00:08:37

ความคิดเห็นที่ 46      ชื่นชมและเห็นใใจเจ้าของกระทู้ครับ จากคุณ : sor58 เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 53 01:03:05

ความคิดเห็นที่ 47   โฉนดที่ดินตัวจริงไม่มี ไม่ต้องกลัวครับ ดำเนินการตามขั้นตอนขอออกใบแทน จะใช้เวลาประมาณสามสิบวัน เราต้องไปชำระภาษีท้องที่ด้วยนะครับ ของผมเจ้าของค้างชำระเกือบ 10 ปี ราวๆ 600 บาท ตอนนี้มีใบแทนโฉนดอยู่ในมืออยู่ใบนึงครับ หน้าตาเหมือนโฉนดตัวจริงทุกประการ แต่จะมีประทับตาว่าใบแทน หลังโฉนดเขาจะัคัดมาจากฉบับต้นขั้ว บางตำแหน่งเขาจะเขียนว่า "อ่านไม่ออก"   ได้มาจากการไปประมูลมาเหมือนกัน จากคุณ : neversayso เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 53 01:39:28

ความคิดเห็นที่ 48 เข้ามาติดตามและเก็บความรู้ น่าสนใจมาก ๆ กระทู้นี่ จขกท น้ำใจงามมากเลยคะ จากคุณ : eissee เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 53 02:52:47

ความคิดเห็นที่ 49 เฮ้อ ... สงสาร จากคุณ : REX-REX เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 53 06:13:38

ความคิดเห็นที่ 50 เข้ามายกย่อง จขกท ครับ ส่วนเรื่องเคสของไฟแนนซ์ เป็นเรื่องปกติครับ ไม่เรียกว่าโหดหรอก จากคุณ : Inlaw Man เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 53 08:17:23

ความคิดเห็นที่ 51 โหวตให้ครับ จากคุณ : แรมจันทร์แรมใจ เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 53 09:00:35

ความคิดเห็นที่ 52 ชื่นชมครับ สังคมปัจจุบันหายากแล้ว อย่างเช่น จขกท...ขอให้เป็นแบบอย่างที่ดีต่อไปน่ะครับ จากคุณ : dekkim93 เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 53 10:30:17

ความคิดเห็นที่ 53   มาเสริมให้นิดหนึ่งครับ ซื้อทรัพย์จาก กรมบังคับคดีไม่ต้องฟ้องขับไล่ครับ เค้าแก้ไขกฎหมาย ให้บังคับดคีหรือขับไล่ คนที่อาศัยเดิมได้เลย ขั้นตอนนี้อาจใช้เวลาหลายเดือนหน่อย แต่สุดท้ายแล้วถ้าเจ้าของเดิมไม่ออก ก็จะโดนหมายขัง ตอนนี้ก็อยู่ที่ท่านแล้วว่า จะเอ็นดูเขาแล้วเอ็นเราขาด หรือจะบังคับคดีเขา จากคุณ : oasis (nopadols171) เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 53 10:42:36

ความคิดเห็นที่ 54 ผมได้รับความรู้ ความกระจ่างขึ้นมาก จากเพื่อนๆในบอร์ดนี้ที่แนะนำและให้ข้อมูล  และคิดว่าถ้าเขาไม่สามารถหาเงินมาได้ในช่วงนี้ ก็คงให้เขาทำสัญญาเช่าอยู่ไปก่อนตามที่ คุณblitzs(คห.30)แนะนำ และจะคิดเท่ากับดอกเบี้ยที่ผมกู้เงินสหกรณ์ออมทรัพย์ที่ทำงานมาซื้อ(6.5%) ไปจนกว่าเขาหาเงินมาซื้อคืนได้ และสำหรับราคาขายของบังคับคดีที่ตั้งไว้540,000.-นั้นเป็นราคาที่บังคับคดี ประเมินเองตามมูลค่าทรัพย์ ไม่ไช่เป็นมูลหนี้ตามคำฟ้องซึ่งอยู่ที่5.7แสน กว่าๆ ผมดูตามสำนวนในแฟ้มของบังคับคดีมาถูกต้อง ตามที่คุณ"dansivilai"คห.36 กล่าวไว้ และความเห็นของคุณ"พ่อปั้นหยา"คห.38 นั้นถูกต้องแล้วครับเพราะรถที่ถูกยึดขายเป็น ฟอร์ด คงได้ราคาไม่ดีนัก มูลหนี้หลังหักค่าขายรถแล้วคงมีไม่น้อย+ค่าธรรมเนียมต่างๆ+ดอกเบี้ยตลอด5ปี+ค่าใช้จ่ายในการทำคดีฟ้อง ก็อาจเป็นได้ที่จะสูงถึง5.7แสน ขอบคุณสำหรับข้อมูลทางกฏหมายของคุณ"พสธร"คห.45...ผมขอนำข้อมูลและความรู้ที่ได้รับจากเพื่อนๆในบอร์ดนี้ไปบอกเล่าและอธิบายให้เจ้าของรถที่ถูกยึดได้เข้าใจและทราบที่มาที่ไปของเรื่องทั้งหมด ส่วนเขาจะเข้าใจและยอมรับได้หรือไม่ผมยังเป็นห่วงอยู่...เพราะพวกเขาทั้งเครือญาติและเพื่อนบ้านจะพร่ำบ่นอย่างมีอารมณ์ อยู่อย่างเดียวว่า คนไม่รู้กฎหมายเสียเปรียบ,คนจนถูกเอารัดเอาเปรียบ,กฏหมายมีช่องหว่อ และคิดกันอยู่อย่างเดียวว่าถูกโกง..นี่คือความเป็นจริงในสังคมชนบท จากคุณ : saiphat เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 53 10:54:40

ความคิดเห็นที่ 55   เห็นว่าจะมีกฏหมายออกมาดูแลเรืองของการขายทอดตลาดครับ ไม่รู้ว่าไปถึงไหนแล้ว เพราะการขายทอดตลาดทุกที ไฟแนนส์จะฮั้วกันให้ขายออกไปในราคาต่ำมาก เหมือนแทบจะให้ฟรีเลย เพราะยังไงเจ้าของเดิมคงไม่มีโอกาสได้ไปดูไปรู้ไปเห็น หรือเข้าร่วมประมูลได้ เพราะหากมีเงินเข้าร่วมประมูลออกมา ก็คงไม่ปล่อยให้ยึดตั้งแต่แรกแล้วละครับ หลังจากประมูลออกไปแล้ว เวลาขายต่อ ราคาก็จะเป็น 2-3 เท่าของราคาประมูล อีกอย่างไฟแนนส์เขาฉลาดพอที่จะเล่น ว่าควรเล่นกับใคร ชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่ค่อยเข้าใจกระบวนการขั้นตอนทางกฏหมายหรอก เขาจะทำอย่างไรก็ได้ แม้แต่เรา ๆ เองที่ไม่ได้เรียนกฏหมายมา ยังไม่เข้าใจในขั้นตอนเหล่านั้นเลย แล้วจะเอาอะไรไปสู้กับเขาได้ละครับ เพราะไฟแนนส์เขาคงไม่ถึงขนาดมาอธิบายเราทุกขั้นตอนอย่างโปร่งใสหรอก ขนาดสัญญายังหมกเม็ดตัวเล็ก ๆ ให้เราเห็นได้ลาง ๆ ที่สุดอยู่แล้วครับ ก็น่าเห็นใจ แต่นี่คือโลกของทุนนิยมที่ใคร ๆ ก็ต้องการ เงินมาก่อน เรื่องอื่นไว้ทีหลังครับ จากคุณ : SPORTERO (SPORTERO) เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 53 11:04:49

ความคิดเห็นที่ 56 โหดจริงๆครับ ที่บ้านก็มีประสบการณ์เดียวกัน ก็คือผ่อนไม่ไหวเอารถไปคืนแต่พอตีราคาแล้วหรือนำไปขายทอดตลาดแล้ว ยังใช้หนี้ไฟแนนซ์ไม่หมด ทางไฟแนนซ์ก็ฟ้องเรียกเงินเพิ่มได้ครับ โดยคนแรกที่โดนคือคนค้ำประกันครับ(ซึ่งเป็นคุณตาผมเอง) แล้วตาก็มีทรัพย์สินคือบ้านกับที่ดินอย่างนี้แหละ ก็มีหมายศาลมาว่าบ้านกำลังจะขายทอดตลาดนะ แต่ทางบ้านผมค่อนข้างโชคดีที่พอจะมีญาติที่เขาช่วยมาโปะตรงนี้ให้ก็เลยไม่ต้องขายบ้าน เกือบโดนเหมือนกัน จากคุณ : thinats (thinats) เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 53 11:50:37

ความคิดเห็นที่ 57 น่าเห้นใจ จขกท. มากกว่าแหะ จากคุณ : vn, man เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 53 15:47:09

ความคิดเห็นที่ 58 ขอถามผู้รู้หน่อยครับ แล้วถ้ากรณีผู้เช่าซื้อไม่ได้เป็นเจ้าของบ้าน(เจ้าบ้าน)ในทะเบียนบ้านระบุผู้อาศัย นี่จะสามารถยึดบ้านที่เขาอาศัยอยู่ได้ไหมครับ จากคุณ : ปลาเป็นวิ่งทวนน้ำ เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 53 15:59:03

ความคิดเห็นที่ 59 เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า การที่จะผ่อนรถกับ Finance นั้นหมายความว่า คุณจะต้องมีความมั่นใจว่าคุณจะมีเงินมาผ่อนจนครบทุกงวด 100% ไม่งั้นอาจะเกิดเหตุการเช่นนี้ได้ หลายๆ คนคิดว่าเอารถไปคืน ก็เท่ากับว่าจบแล้ว แต่ความจริงไม่ใช่ ทาง Finance จะเอารถคุณไปขายทอดตลาด ซึ่งคุณควรจะได้รับรู้มูลค่าที่ขายไป เพื่อหักลบกับหนี้ที่มีอยู่ แล้วยังเหลืออีกเท่าไหร่ ที่ต้องไปจ่ายชำระต่อ ซึ่งถ้าขั้นตอนนี้คุณไม่ได้ไป ผมเกรงว่าคุณน่าจะโดนโกงได้ง่ายๆ โดยการไม่ลดจำนวนเงินที่ขายรถทอดตลาดออกไปได้ ทั้งนี้ทั้งนั้น คุณควรที่จะมั่นใจก่อน 100% ว่าจะมีเงินมาผ่อนได้ทุกงวด ถึงจะทำการซื้อรถโดยการผ่อนกับ Finance ครับ จากคุณ : XenoType เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 53 16:14:05

ความคิดเห็นที่ 60   อ่านกระทู้นี้ ก็ได้แต่สังเวชกับระบบการศึกษาไทยนะครับ ความรู้ไม่มี แต่ก็ดันทุรังไปกู้เงิน กฎบังคับ ข้อระเบียบอะไร กุไม่สนใจ แค่รู้ว่า เซ็นชื่อไปแล้วจะได้เงินมาเป้นพอ ถ้าผมเป็นเจ้าของกระทู้ ผมคงจะหาพวกมาไล่ออกจากบ้านให้หมดเลย ใครจะว่าผมใจไม้ไส้ระกำ ผมก็ไม่สนใจ เพราะผมมองว่า ไอคำว่า "อะลุ้มอะหล่วย" นี่ละ ที่ทำให้ประเทศไทยไม่เจริญ เสียที จากคุณ : ต้นกล้า ศูนย์หน้าผ้าเย็น เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 53 16:43:09

ความคิดเห็นที่ 61 ได้ความรู้ดีมากเลยค่ะ ส่วนตัวสนใจทรัพย์ ของกรมบังคับคดี พอไปดูทรัพย์จริงๆ แล้ว เจ้าของทรัพย์ น่าสงสารจริงๆ ประมูลไม่ลงค่ะ :( จากคุณ : ไม่รู้ตัวก็มี (จะไปลาสา) เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 53 18:07:07

ความคิดเห็นที่ 62 ตอบ คคห.58 ครับ... มีโอกาส ทั้ง "ได้" และ "ไม่ได้" ครับ... ต้องดูเป็นกรณี ๆ ไป... เพราะไส้ใน รายละเอียด แ่ต่ละเคส แต่ละกรณี ย่อมไม่เหมือนกัน... เพราะฉะนั้น การจะรับบุคคลภายนอก เข้ามาอยู่อาศัยในบ้าน พึงระวัง.. แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า จะต้องรับผิดชอบ ทุก ๆ อย่างไปนะครับ... งงไหมเอ่ย จากคุณ : aaa_a...ครับผม เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 53 20:50:13

ความคิดเห็นที่ 63 ....คนจีนสมัยก่อนถึงสอนลูก สอนหลานว่าอย่าไปซื้อของเงินผ่อน ให้เก็บหอมรอมริบ ใช้เท่าที่มี ถ้าจำเป็นต้องซื้อ ก็เพื่อการลงทุน ไม่ใช่ซื้อเพราะอยากมี อยากได้ เท่ห์ เหมือนคนอื่นเขา สุดท้ายพอผ่อนไม่ไหว เขาก็เอาคืน บวกดอกเบี้ย เพราะความเท่ห์เนี่ยแหล่ะ เห็นมาเยอะแล้ว จากคุณ : ซาอิคุง เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 53 21:18:20

ความคิดเห็นที่ 64 ตาม คห.63ครับ บ้านผมมีเชื้อจีน เตี่ยผมสอนเสมอว่า เวลาอยากใด้อะไร อย่าซื้อผ่อน ให้รู้จักเก็บเงินเก็บไปเรื่อยๆเดี๋ยวก็ใด้เอง ทุกวันนี้ซื้อรถกี่คัน ซื้อเงินสดตลอด เห็นอัตราดอกเบี้ยแล้วขนลุกครับ มอไซค์คันละ70000 ผ่อน2ปี ผ่อนหมดรวมค่ารถ+ดอกเกิน100000อีก จากคุณ : พอใจจัง เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 53 21:40:34

ความคิดเห็นที่ 65 ความจริง ที่โหดร้าย ถึงมีเงินมาซื้อคืน จขกท ก้คงต้องหาเงิน ไปโปะไฟแนนส์ที่ขาดอยู่อีก แถมต้อง ไปใช้ เงินกู้นอกระบบอีก เหนื่อยแทนจริงๆ จะว่าไป จะโทษ เจ้าของรถเลย ก้ไม่ถุก คนบ้านนอกเขาไม่รู้ จริงครับ  แต่ บางที เขาคิดว่า คนเมือง ที่ พูดจา แนะนำดีๆ เวลาที่เขาไปติดต่อ จะจัดการให้เขาได้อย่างถูกต้อง แต่หารู้ไม่ว่า คนเมือง เขามอง คนบ้านนอก เป็นแค่ เหยื่อ เท่านั้น ตอนทำธุรกรรม เขา ก็ช่วยทุกอย่าง พอมีปัญหา ท่านก้รับผิดชอบไป จากคุณ : mangginoon เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 53 22:34:49

ความคิดเห็นที่ 66 เรื่องภาษีมูลค่าเพิ่ม มีบางกรณีที่ผู้ให้เช่าซื้อฟ้องคดีและขอภาษีมูลค่าเพิ่มมา แต่ศาลไม่กำหนดให้ โดยวินิจฉัยว่า เมื่อสัญญาเช่าซื้อระหว่างโจทก์กับจำเลยได้เลิกกันแล้ว จำนวนเงินค่าสูญเสียตามสัญญาเช่าซื้ออันเนื่องจากการไม่คืนทรัพย์ที่เช่าซื้อที่จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์มิใช่เป็นการชำระราคาค่าเช่าซื้อที่ถึงกำหนดชำระแต่ละยอด อันจะก่อให้เกิดความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มไม่ จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ภาษีมูลค่าเพิ่ม(ตามคำพิพากษาฎีกาที่ ๕๕๐/๒๔๓๒, ๑๙๔๔/๒๕๔๖)     ตอบ คห.๕๘ ยึดได้ทั้งบ้านทั้งที่ดิน (ตอบแบบนี้ให้คนอ่านสะดุ้งไว้ก่อน) โดยทั่วไปแล้วหากลูกหนี้มีชื่อในทะเบียนบ้านใคร เจ้าหนี้จะนำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดทรัพย์สินในบ้านนั้น ให้ผู้อ้างว่าเป็นเจ้าของทรัพย์ที่แท้จริงไปยื่นคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์(ร้องขัดทรัพย์)ต่อศาล โดยภาระการพิสูจน์ตกแต่ผู้ร้อง ดังนั้นถ้าไม่ได้เก็บใบเสร็จรับเงิน หรือไม่มีหลักฐานอื่นมาแสดง ก็สู้ลำบากหน่อย     แต่ถ้าทรัพย์นั้นเป็นอสังหาริมทรัพย์มีชื่อบุคคลอื่นเป็นเจ้าของในทะเบียน ตามปกติเจ้าหนี้จะไม่นำยึดเนื่องจากกลัวว่าหากผู้มีชื่อในทะเบียนไปยื่นคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ และศาลมีคำสั่งให้ปล่อยทรัพย์ เจ้าหนี้จะต้องเสียค่าธรรมเนียมยึดแล้วไม่มีการขายร้อยละ ๒ ของราคาประเมินทรัพย์ที่ยึด ตามตาราง ๗ ท้าย ป.วิแพ่ง และหากเจ้าหนี้จะยึดจะต้องฝ่าด่านเจ้าพนักงานบังคับคดีเสียก่อน ถ้าเจ้าพนักงานบังคับคดีมีความสงสัยในการยึดหรืออายัดทรัพย์สินที่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาได้นำชี้ ซึ่งบุคคลอื่นนอกจากลูกหนี้ตามคำพิพากษาหรือบุคคลซึ่งเป็นเจ้าของทรัพย์ที่ยึดนั้นมีชื่อเป็นเจ้าของในทะเบียน เจ้าพนักงานบังคับคดีชอบที่จะงดเว้นยึดหรืออายัดทรัพย์สินนั้น และร้องต่อศาลให้กำหนดการใดๆ เพื่อมิให้ต้องรับผิดในค่าสินไหมทดแทนแก่เจ้าหนี้ (ป.วิ.พ.มาตรา ๒๘๓ วรรคสอง) ศาลจะเรียกไต่สวน หากเจ้าหนี้ยังยืนยันจะยึด ศาลก็ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีทำการยึดให้ เพราะความรับผิดในการบังคับคดีตกอยู่แก่เจ้าหนี้     เหตุที่เจ้าหนี้ยืนยันให้ยึดเพราะเชื่อว่า ทรัพย์นั้นเป็นสินสมรสที่มีชื่อสามีหรือภริยาแต่ฝ่ายเดียว, มรดกที่ยังไม่เปลื่ยนชื่อผู้ตายในเอกสารสิทธิ์, ที่ดินประเภท น.ส.๓ก. น.ส.๓ หรือ ส.ค.๑  ผู้มีชื่อในเอกสารสิทธิ์ดังกล่าวอาจมิใช่ผู้ครอบครองที่ดินที่แท้จริงก็เป็นได้ เพราะอาจโอนให้บุคคลอื่นและมีการส่งมอบการครอบครองไปแล้ว, โอนโดยฉ้อฉล หรือให้ถือกรรมสิทธิ์แทนเป็นต้น     ตัวอย่าง     การบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลชั้นต้นนั้น เจ้าพนักงานบังคับคดีชอบที่จะยึดหรืออายัดหรือขายบรรดาทรัพย์สินที่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอ้างว่าเป็นของลูกหนี้ตามคำพิพากษาตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๒๘๓ วรรคหนึ่ง ดังนั้น เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอ้างว่าทรัพย์สินที่โจทก์ขอนำยึดเป็นของจำเลยโดยเป็นสินสมรสของจำเลยกับสามี แต่ได้โอนให้ผู้คัดค้านซึ่งเป็นบุตรโดยสมยอมเพื่อยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินให้พ้นจากการบังคับคดีและยืนยันให้ยึด เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงต้องยึดทรัพย์สินดังกล่าว แต่เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ดำเนินการยึด โจทก์จึงมีสิทธิร้องขอให้ปลดเปลื้องทุกข์ โดยขอให้ศาลไต่สวนและมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์สินดังกล่าวได้ ตามนัยแห่ง ป.วิ.พ. มาตรา ๒๘๓ วรรคสอง โจทก์หาจำต้องฟ้องขอให้เพิกถอนการโอนตาม ป.พ.พ. มาตรา ๒๓๗ เสียก่อนไม่ (ฎ.๖๓๘/๒๕๔๙)     เจ้าพนักงานบังคับคดีมีอำนาจยึดหรืออายัดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาได้ทุกประเภททั้งสังหาริมทรัพย์ที่มีรูปร่างและอสังหาริมทรัพย์ เมื่อเจ้ามรดกซึ่งเป็นบิดาของจำเลยได้ถึงแก่กรรมลงโดยไม่ปรากฏว่ามีการทำพินัยกรรมไว้ ทรัพย์สินทุกชนิดของผู้ตายอันเป็นกองมรดกย่อมตกทอดแก่ทางทายาทโดยธรรมทันที ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์  มาตรา ๑๕๙๙ และมาตรา ๑๖๐๐ ดังนั้นจำเลยซึ่งเป็นทายาทโดยธรรมของผู้ตาย   จึงมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างแม้จะยังไม่มีชื่อจำเลยเป็นของกรรมสิทธิ์ทางทะเบียนที่ดินก็ตาม โจทก์จึงมีสิทธินำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวเพื่อบังคับตามคำพิพากษาของศาลได้(ฎ.๕๑๙๙/๒๕๔๓)     ทรัพย์ที่โจทก์ร้องขอให้บังคับคดีเป็นที่ดินมีโฉนดเมื่อโจทก์อ้างว่าเป็นที่ดินของจำเลยลูกหนี้ตามคำพิพากษาแต่จำเลยได้จดทะเบียนโอนให้แก่บุตรของจำเลยโดยสมยอมทำให้โจทก์เสียเปรียบและโจทก์ยืนยันให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินรายนี้เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงต้องยึดที่ดินดังกล่าวการที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ร้องขอให้ศาลชั้นต้นกำหนดการเพื่อมิให้ตนต้องรับผิดในค่าสินไหมทดแทน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๒๘๓ วรรคสามตอนท้าย(ปัจจุบันวรรคสอง) และศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตแล้วเพียงมีผลทำให้เจ้าพนักงานบังคับคดีไม่มีความรับผิดในกรณีที่เกิดความเสียหายต่อบุคคลภายนอกจากการยึดและขายทรัพย์สินโดยมิชอบความรับผิดย่อมตกอยู่แก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเท่านั้นตามมาตรา ๒๘๔ วรรคสอง (ฎ.๘๑๙๒/๒๕๓๘)     เจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินพิพาทตามที่โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอ้างว่าเป็นของจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาอันเป็นการยึดทรัพย์สินโดยชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๘๓ วรรคแรก แม้จะปรากฏว่าจำเลยได้จดทะเบียนยกที่ดินพิพาทให้ อ. ไปก่อนแล้วก็ตาม ก็ไม่ทำให้การยึดทรัพย์เสียไป เพราะหาก อ.ผู้มีชื่อใน น.ส.๓ ก. ที่ดินพิพาทอ้างว่าตนเป็นเจ้าของ อ. ก็ต้องร้องขอให้ปล่อยที่ดินพิพาทตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๘๘ (ร้องขัดทรัพย์) เมื่อ อ. มิได้ร้องขอให้ปล่อย ศาลจะอ้างเหตุผลใดมาเพิกถอนการยึดหาได้ไม่ เพราะการมีชื่อใน น.ส.๓ ก. ดังกล่าว มิได้หมายความว่า อ. เป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาท (ฎ.๔๙๒๒/๒๕๓๗) จากคุณ : พสธร เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 53 22:36:17

ความคิดเห็นที่ 67   *ถึงความเห็น 44 สถาบันการเงินดีตาย หลายคนคงเคบเจอ อยู่ดีๆ มีแต่สถาบันการเงินโทรมาให้เงินตลอด คุณได้รับอนุมัติวงเงินพิเศษ ได้บัตรกดเงินสด บัตรเครดิต สิทธิพิเศษมากมาย เพียงแค่ส่งสำเนาบัตร+สลิปเงินเดือน ก็จะได้รับอนุมัติทันที กรูไม่ได้อยากได้เงินจากสถาบันการเงินเลยแต่พวกมันก็ขยันโทรมาให้เงินกันจัง เมื่อไรจะให้กู้แบบไม่มีดอกเบี้ยค่อยโทรมานะจ๊ะ จากคุณ : ต้น (tonnopadon) เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 53 22:48:19

ความคิดเห็นที่ 68 ความคิดเห็นที่ 44   <<<<< ชัดเจนคับ ปล.รู้แต่ก็ผ่อนเหมือนกัน - - จากคุณ : Galim เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 53 00:13:35

ความคิดเห็นที่ 69 เฮ้ออ คิดถูกแล้วที่ซื้อรถมือสองมาผ่อนตามกำลัง ถึงผ่อนไม่ไหวราคาขายก็คงไม่ลงมากไปกว่านี้แล้ว ถ้ารถป้ายแดง ลงมาเหยียบดินก็ราคาหายไปแสนแล้ว จากคุณ : Nonliner เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 53 02:04:05

ความคิดเห็นที่ 70 ผมไม่สงสารเจ้าของบ้านนะ เพราะเค้ารู้ทั้งรู้ แต่ก็เลือกที่จะหนีปัญหา สุดท้ายก็ไม่พ้น ถ้าผมเป็น จขกท. จะดำเนินการยึดบ้านให้เรียบร้อย แล้วประกาศขาย ขายได้เท่าไหร่เอาเงินต้น+ค่าใช้จ่ายคืน แล้วส่วนที่เหลือให้เค้าไป เป็นค่าบ้านของเค้า พร้อมกับคำพูดง่าย ๆ ว่า นี่คือบทเรียน จากคุณ : Morning Star เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 53 03:18:53

ความคิดเห็นที่ 71 ถึงว่ากฏหมายมันมีช่องโหว่ โดยเฉพาะ ให้คนที่รู้กฎหมายใช้เป็นเครื่องมือหาผลประโยชน์ ประเทศไทย นอกจากกฎหมายจะไม่ศักดิ์สิทธิ์แล้ว ยังมีช่องโหว่เยอะอีกด้วย ทีคนจนทำผิดกฎหมายศักดิ์สิทธิ์จริงๆ กลับกันถ้าเป็นคนรวยมีอิทธิพลกฎหมายกลับไม่ศักดิ์สิทธิ์ ซะงั้น จากคุณ : gtbboyz เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 53 04:19:08

ความคิดเห็นที่ 72 อย่าหาว่าใจดำเลยนะคะ คนชนบทที่ไม่ทราบกฏหมายและไม่ใส่ใจในสิทธิของตัวเอง ส่วนใหญ่จะเชื่อตัวเองเป็นหลักค่ะ เปลี่ยนความคิดเค้ายาก ตัวคุณเองก็เสียเงินไปสองแสนกว่า มันไม่ใช่น้อย หากคุณให้เค้าเช่าหรือประณีประนอมแบบไม่มีที่สิ้นสุด คนที่ทุกข์ที่สุดจะเป็นคุณเอง เคยเจอมากับตัวแต่เป็นกรณีให้เค้าเช่าที่ทำมาหากิน ทั้งกรณีทำสัญญาเช่าที่ และกรณีไม่ทำสัญญาเช่า ตอนมาขอเช่าดีสุด ๆ แต่ตอนที่เราต้องการที่คืนนี่สิ นอกจากจะต้องให้เค้าอยู่ฟรีหลายเดือนแล้ว ยังต้องจ่ายเงินค่ารื้อถอนอีกต่างหาก คิดแล้วคิดอีก มันคุ้มกันมั๊ยเนี่ยะ ปล.ถ้าเป็นไปได้คุณน่าจะกำหนดเวลาที่แน่นอนให้เค้าหาเงินมาคืนคุณในจำนวนที่คุณประมูลมา หากเกินกว่ากำหนดเค้าต้องย้ายออกและไม่มีสิทธิเข้ามาในพื้นที่ของคุณอีก ถ้าคุณยอมให้เค้าเช่า เค้าจะถือว่าบ้านหลังนี้เป็นของเขาอยู่มาแต่ดั้งเดิม เรื่องเงินที่จะคืนยาก แถมค่าเช่าคุณจะได้หรือเปล่านั่นอีกเรื่อง เวลาอยากให้ออกจากบ้านคงเป็นเรื่องใหญ่อาจต้องพึ่งตำรวจ แต่..ตำรวจต่างจังหวัด คือญาติพี่น้องของเขาเอง ไอ้เรื่องจะให้ไล่หรือทำอะไรในจุดที่คุณต้องการคงยาก ตัวคุณเองละที่จะเดือดร้อน จากคุณ : ped777 เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 53 07:36:35

ความคิดเห็นที่ 73 ขนาดผมผ่อนทีวี ดีวีดี หรือมือถือเสร็จแล้ว ผมยังต้องโทรไปตรวจสอบ กับทางบริษัทเจ้าของบัตร และเก็บหลักฐานไว้เพื่อป้องกันความผิดพลาด ทั้งๆที่ของที่ผมผ่อนส่วนมากไม่เกิน10000บาทต่อชิ้นแถมส่วนมากผมผ่อนแบบโปรโมชั่นศูนย์เปอร์เซ็นต์ แต่นี้อะไรครับบ้านหลังหลักแสนหลักล้านกลับไม่คิดจะทำอะไรเลย แบบนี้ก็ไม่ไหวนะครับ ปล.จขกท ใจดีมากครับ แต่ระวังเอ็นดูเขาเอ็นเราจะขาด อย่างที่หลายความเห็นได้บอกไว้นะครับ จากคุณ : ชัยiriver เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 53 08:33:41

ความคิดเห็นที่ 74 กฏหมายมีช่องโหว่เหรอ?  ชาวบ้านไม่รู้กฏหมายเหรอ? ชาวบ้านโดนโกงเหรอ? มันเป็นเรื่องปกติในสามัญสำนึกต่างหาก ถึงไม่มีข้อตกลงเป็นตัวหนังสือใว้(กฏหมาย) ยิ่งเป็นสังคมบ้านเราสมัยก่อนเอื้ออาทรต่อกัน ไม่ต้องถึงกับยืมหรอกครับ บ้านนู้นเอาของมาให้ บ้านเราก็หาของตอบแทนให้กันไป เคสนี้ไปยืมเงินเค้ามาซื้อรถ ไม่มีตังค์เอารถไปคืน รถราคาตกไหม๊ มือสองขายได้เท่าไร เป็นเรื่องง่ายๆไม่ซับซ้อนอะไรเลบ ..จ่ายหนี้ไม่ครบต้องทำไง? ไม่สนใจ คนอื่นไม่เห็นเป็นไรก็เห็นไม่จ่ายทั้งนั้น เค้าทวงถามหลบตลอด สุดท้าย โกรธด่ากราดคนอื่น คนอื่นผิดหมด คนใก้ยืมผิด จนท.ผิด กฏหมายผิด ...แต่ตัวเอง????? ประเด็นคือไม่รู้ว่า ถึงหลบ ถึงหนี ไม่จ่ายตังค์ คิดว่าเจ้าหนี้เค้าไม่ก็สามารถตาม เอาจากทรัพย์สินอื่นได้ เลยอยู่เฉย ไม่ทำอะไร ..   และอยู่ๆไม่ใช่ไปเอาได้เลย มีขั้นมีตอนกว่าจะจบก็ไปหลายปี อย่างเคสนี้ก็ตั้ง 5 ปี ประเด็นง่ายๆ จริงๆ คือ ยืมเงินคนอื่นมาเราต้องคืนหรือปล่าว ง่ายๆจริงๆ ไม่มีอะไรซับซ้อน จากคุณ : RoAdSidE เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 53 09:11:44

ความคิดเห็นที่ 75 ขอบคุณครับ...สำหรับหลายๆคำแนะนำ โดยเฉพาะคุณped777(คห.72) และคุณMorning Star(คห.70) และพยายามชั่งน้ำหนักในหลายๆเหตุผลดูแล้ว คิดว่าดีที่สุดเพื่อไม่ต้องมาผจญปัญหาในอนาคต คงจะทำอย่างที่คุณ ped777แนะนำ และตามด้วยวิธีของคุณMorning Star..คงต้องเหนื่อยอีกครั้ง ไหนๆก็เป็นไปแล้ว มันถอยหลังกลับไปไม่ได้..และไม่อยากให้เรื่องนี้เป็นตราบาปในใจของเราตลอดไป หรือมีเพื่อนๆท่านใดเห็นควรเป็นอย่างอื่น ผมยินดีรับมาปรับถ้าเป็นหนทางที่ดีกว่าถึงแม้จะเป็นเสี่ยวเล็กๆในสังคม..เราก็ควรทำเพื่อเด็กรุ่นหลังโดยเฉพาะลูกๆของผมที่เขาเฝ้าดูเราอยู่ จากคุณ : saiphat เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 53 09:26:48

ความคิดเห็นที่ 76 เรื่องการผ่อนรถกะไฟแนนท์ ผมขอเตือนเลยครับว่า ... ถ้าส่งไม่ไหว อย่าคิดง่ายๆ ว่า ให้เขายึดรถไป หรือเอารถไปคืนเขา แล้ว ...จบกัน... มันไม่จบนะ เพราะ พวกนี้ มันเป็นวงจร ที่หากินกัน โดยการขายรถให้พวกพ้อง (เต้นท์) ในราคาที่ถูก แต่เต้นท์เอาไปขายแพง ส่วนต่างหลังจากที่ขายรถไปเเล้ว ก้อจะมาเรียกเก็บจากผู้ผ่อนรถ ถึงตอนนั้น วิบากกรรมก้อมาตกที่ผู้ผ่อนเหมือนเดิม ... ถ้าหากผ่อนไม่ไหวจริงๆ ให้พยายามหาทางขายครับ แล้วเอาเงินไปปิด บ/ช ที่ไฟแนนท์ ด้วยตัวเองเลย ผมเชื่อว่ายังไงก้อน่าจะมีเงินเหลือหรือ เสมอตัว หรือถ้าขายไม่ได้ แล้วไม่อยากเจ็บตัว ก้อให้ ยกให้คนอื่นไป ฟรีๆ เลย แล้วให้เค้าไปผ่อนต่อเอาเอง โดยเราต้องไปทำเรื่องเปลี่ยนสัญญา กับทางไฟแนนท์ เค้าด้วย เพื่อให้จบเรื่องเรา อย่ายกรถให้คนอื่นแล้วให้เค้าไปผ่อนต่อแบบลอยๆนะ เดี๋ยวเรื่องก้อกลับมาหาเราอีก ... จำไว้ อย่าคิดว่า จบง่ายๆ แค่เอารถไปคืน หรือให้เขายึด มันจะง่ายในวันนี้ แต่จะยากในวันข้างหน้าครับ .... จากคุณ : baiboon เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 53 09:54:26

ความคิดเห็นที่ 77 ***สรุปแล้วซื้อรถแล้วผ่อนไม่ไหว ให้ยึดรถไปมันไม่จบหรอคะ*** จากคุณ : Konba_naruK เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 53 11:48:05

ความคิดเห็นที่ 78 ธุรกิจทำนาบนหลังคน(จน)แท้ๆ เฮ้อ -_-' จากคุณ : Yippie เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 53 13:51:20

ความคิดเห็นที่ 79 บุญรักษาครับ ชีวิต จขกท มีแต่รุ่งเรืองครับ จากคุณ : Mammoth Return เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 53 15:01:51

ความคิดเห็นที่ 80 เราไม่ค่อยเข้าใจเรื่องกฏหมายการยึดบ้านขายทอดตลาดอะไรหรอกค่ะ แต่... ขอบอกตามประสาคนธรรมดาว่า สิ่งที่จขกท.ทำนั้น ถูกแล้วล่ะ ถือว่าคุณก็ไม่ใช่คนใจดำ ยังมีความเห็นอกเห็นใจอยู่ และสิ่งที่คุณเสนอให้นั้นมันคือความใจดีที่สุดแล้วล่ะ ส่วนปัญหาเรื่องเงินๆทองๆที่เขาต้องหามาซื้อคืนคุณ ถือว่ามันเป็นเรื่องของเขาแล้วล่ะ ในเมื่อเขารู้ว่าตัวเองมีเงินไม่มากพอจะซื้อรถ ก็ยังจะซื้ออีกสมัยนั้น ... ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นแม้บ้านพวกเขาถูกยึดคืน แต่มันก็คือผลจากการกระทำของเขาเอง ไม่ว่าคนรวยหรือคนจน ทำอะไรไว้ก็ต้องยอมรับผลที่ตามมา จากคุณ : เสียงจากบ้านนา เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 53 15:27:13

ความคิดเห็นที่ 81 มาเก็บความรู้ครับ เพียบเลย ^^ จากคุณ : ชื่อนี้มีคนใช้แล้ว เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 53 16:41:58

ความคิดเห็นที่ 82 มีข้อห้ามเรื่องซื้อบ้านที่ดินขายทอดตลาด ถ้ายังมีเจ้าของเดิมอาศัยอยู่ ส่วนใหญ่เขาไม่ซื้อกันครับ เพราะเรื่องเยอะและอาจจะเจออำนาจมืดด้วย ไม่มีใครอยากจะเข้าไปยุ่งกับศักดิ์ศรีมนุษย์ บ้านที่อยู่กันมาตั้งแต่เกิด คนพวกนี้สู้ตายนะครับ เห็นด้วยกับ คห.27 คุณกาแลนท์เขียวเมืองนนท์ แก้ไขเมื่อ 10 มิ.ย. 53 18:47:55 จากคุณ : ลุงเต่า เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 53 18:44:07

ความคิดเห็นที่ 83 คนที่ว่าไฟแนนซ์โหด ก็ลองคิดว่าถ้าคุณเป็นคนให้กู้ยืมเงินไปซื้อรถเองบ้างสิครับ ให้เขากู้เงินไป 600,000 บาท ถ้าเขาผ่อนคือได้ 100,000 แล้วยึดรถไปขายได้อีก 300,000 ส่วนที่เหลืออีก 200,000 จะทำยังไงครับ นี่ยังไมไ่ดคิดถึงดอกเบี้ยกับค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เลยนะ จากคุณ : พารามีบ้า เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 53 21:53:18

ความคิดเห็นที่ 84 งานนี้คุณจขกท.ทำถูกแล้วครับ จะไปใช้ไม้แข็งขับไล่ ก็วุ่นวาย ยาวนาน และดีไม่ดีเค้าสู้ด้วยวิธีอื่นที่ไม่ถูกกฎหมายขึ้นมา จะไม่จบไม่สิ้น ก็คงต้องประนีประนอม ให้เค้าหาทางมาผ่อนซื้อคืนไปนั่นแหละครับ จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 53 01:58:09

ความคิดเห็นที่ 85 จากราคา 5.4 แสน  แต่ จขกท. ซื้อมาได้ในราคา 2.7 แสน  แสดงว่าประมูลครั้งสุดท้ายแล้ว  ถึงเปิดราคา ที่ 50 %  และกรมบังคับคดี บังคับขายในราคานี้ ทุกๆครั้งที่ประมูล เขาก็เปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ร้องคัดค้านได้ หมายเรียก ก็ต้องส่งให้ทุกครั้ง แต่นี่ไม่สนใจใช้สิทธิของตัวเอง กฎหมายไม่ได้มีช่องโว่อะไรเลย จากคุณ : ปากหวาน เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 53 09:20:37

ความคิดเห็นที่ 86 ปกติไม่น่าจะให้ยึดกันครับ ส่วนมากจะเป็นการขาย ดาร์วมากกว่าครับ พยายามหาคนซื้อให้ได้ด้วยราคาที่เราพอใจอาจจะเจ็บตัวไม่มากหรือโชคดีได้กำไรบ้างนิดหน่อย ยังดีกว่าให้เข้ายึดไปขายถูก ๆ แล้วเราต้องจ่ายอีกมาก จขกท ใจดีกับ จข บ้านถูกต้องแล้วครับ ทำธุรกรรมทางที่ดินให้เสร็จจนเป็นชื่อตัวเองก่อน แล้วให้เขาพยายามเช่า หรือ ซื้อต่อคืนไป แต่ถ้าใจดีแล้วยังปล่อยปละไม่สนจะอยู่ไปเรื่อย ๆ ก็ดำเนินคดีทางกฏหมายครับ ถือว่าเราใจดีไปแล้ว คติ ผมไม่กู้ถ้าไม่มั่นใจว่าผ่อนไม่ไหว ไม่ประกันให้ใครถ้าไม่ถือว่าเราจ่ายแทนเขาได้ จากคุณ : NeoTokyo เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 53 16:01:49

ความคิดเห็นที่ 87 โตขึ้นถ้าได้เป็นใหญ่เป็นโต ผมจะไม่ทำกิจการพวกให้เช่าเด็ดขาด สงสารมาก แต่ถ้ากับคนรวย ว่ากันอีกที จากคุณ : Pattiamy เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 53 22:20:08

ความคิดเห็นที่ 88 ปัญหาปวดกบาลของคนชอบซื้อรถมือหนึ่ง ผมคิดว่าถ้าไม่มีเงินถุงเงินถังจริงๆ เล่นมือสองดีกว่าครับ ผ่อนไม่กี่งวดก็หมดแล้ว... จากคุณ : Alphadog เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 53 04:50:40

ความคิดเห็นที่ 89 ปัญหาทาง กม. ไม่มีหรอก มันจบไปแล้ว ที่เหลือเป็นปัญหาทางใจของคุณเอง ไม่อยากเรื่องมาก ขายทิ้งไปเสีย บอกคนซื้อไปด้วยเลยว่าเคสนี้เป็นยังไง คนรับซื้อที่ที่ไม่ลำบากใจเรื่องฟ้องขับไล่มีเยอะแยะ  มันอาชีพเขา จากคุณ : 068 เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 53 10:22:53

ความคิดเห็นที่ 90 ใครโดนพวกไฟแนนซ์มาโหดหรือมั่ว ให้ไปร้องเรียนได้ที่สคบ.(สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค) ที่ศูนย์ราชการแห่งใหม่ ถ.แจ้งวัฒนะ ชั้น 5   แล้วไปลงรายละเอียดว่ามีการเรียกเก็บเงินเกินความจริงหรือไม่  ทางสคบ.จะเป็นผู้นัดให้เจ้าทุกข์มาเคลียร์กับเจ้าหนี้โหด(ไฟแนนซ์) ซึ่งถ้าสัญญาไม่เป็นธรรมหรือดูแล้วหลักฐานดอกเบี้ยมีการเก็บเกินความจริงไฟแนนซ์เองจะโดนสคบ.เล่นงานหนักมาก เพราะสคบ.เป็นผู้ดูแลกฏหมายสัญญาดอกเบี้ยเช่าซื้อต่างๆ  เราเองก็โดนค่าปรับล่าช้าไปร่วม 2 แสนกว่าแต่พอไปเคลียร์ก็ลดเหลือ ไม่ถึงแสน   ทางที่ดีจขกท.แนะนำเจ้าของบ้านไปร้องเรียนสคบ.ก็จะดีมากก่อนที่จะไปยอมความขึ้นศาล เพราะบางทีไฟแนนซ์เป็นคนมั่วและถ้าไฟแนนซ์มั่วจริงก็โดนข้อหาหนักมาก....เอาใจช่วยเจ้าของบ้านให้ได้รับความเป็นธรรม... จากคุณ : จ๊ะหญิง เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 53 16:15:02

ความคิดเห็นที่ 91 เรื่อง กม. ผมไม่ค่อยทราบ แต่อ่านแล้วได้รุ้เลยว่าปัญหาทั้งหมดเกิดจากการก่อหนี้แล้วไม่มีเงินมาใช้ ใจกว้าง กับ โดนเอาเปรียบ มันใกล้กันมาก จขกท. ตัดสินใจดี ๆ นะครับ พวกสถาบันการเงินโดยปกติเค้าอยากได้เงินคืนมากกว่าของอยุ่แล้ว เคสพวกนี้เกิดบ่อยครับ ราคาขายทอดตลาดน้อยกว่าหนี้ที่ค้าง แต่ตอนที่เค้าเอารถไปคืนไฟแนนซ์ก้อน่าจะชี้แจงบ้าง เล่นซะเนียนเลย จากคุณ : Jeep นะคับ เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 53 20:46:24

ความคิดเห็นที่ 92 เอ็นดูเขาเอ็นเราขาดจริงๆ !!! อย่าลืมว่ายังมีหนี้นอกระบบอีกที่เอาโฉนดแปลงเดียวกันนี้ไปวางไว้ แล้วจะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายค่าเช่าให้คุณได้ ??? จะเมตตาเอาแต่พอควรเห๊อะ!!! ยืนคำขาดให้ย้ายออกเป็นดีที่สุด ให้ค่าขนย้ายสัก 3-5 พัน ตัดปัญหาทุกอย่างไป (ย้ายออกก่อนค่อยจ่ายล่ะ...อย่าใจอ่อนให้เงินก่อน) พร้อมกับยื่นข้อเสนอว่า อยากได้คืนมาซื้อคืนไปในจำนวนเงินที่คุณต้องเสียไปไม่ว่าจะ ค่าที่ดิน ดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียม ภาษีเงินได้ที่คุณต้องเสียจากการขายที่ดินคืนเขา (อันหลังนี่ถ้ามาขอซื้อคืนก่อนคุณถือครองครบ 5 ปี คำนวณให้ดี ๆ ล่ะ...เพราะกฏหมายจะืถือว่าเข้าข่ายซื้อเพื่อเก็งกำไร เก็บภาษีโหดอยู่เอาการ) อย่าเป็นห่วงเลย ตจว. นะที่ทางกว้างขวาง เขาไปขอปลูกอาศัยบนที่ดินของญาติพีน้องไปก่อนก็ได้ ยกเว้นว่าไร้ญาติขาดมิตรจริง ๆ ก็ว่าไปอย่าง จากคุณ : DeE dEe เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 53 09:14:58