Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ข้องใจการทำงานของตำรวจบางนาครับ  

เมื่อวันที่ 25 ก.พ.2553 ที่ผ่านมาเวลาประมาณบ่าย 3 โมงเศษๆ ผมได้ขับรถจักรยานยนต์มาจากสมุทรปราการตามถนนศรีนครินทร์ โดยขับขึ้นสะพานข้ามแยกศิครินทร์เนื่องจากเป็นสะพานที่ไม่มีป้ายห้ามรถจักรยานยนต์ขึ้น บนสะพานจะมีช่องเดินรถแค่ 2 เลน พอลงจากสะพานมาเลนซ้ายสุดบนสะพานก็จะเป็นเลนกลางของถนนบนพื้นราบ วันนั้นผมขับตามหลังรถตู้คันหนึ่งมา พอลงจากสะพานก็กำลังจะเข้าช่องเดินรถด้านซ้าย แต่เนื่องจากช่องเดินรถด้านซ้ายมีรถจากพื้นราบวิงมาหลายคัน จึงไม่สามาถนำรถเข้าช่องทางด้านซ้ายได้ในทันทีที่ลงจากสะพาน เป็นจังหวะเดียวกันกับรถตู้ที่อยู่ข้างหน้าได้ชะลอความเร็วกะทันทัน ผมจึงเปิดสวิทช์ไฟขอทางแล้วแซงขึ้นไป ก็พบว่าที่รถตู้คันนั้นชะลอความเร็วเพราะมีด่านตั้งอยู่ข้างหน้า
ด้วยความที่ผมกำลังเร่งแซงและเป็นทางลงจากสะพาน ประกอบกับช่องเดินรถด้านซ้ายมีก็มีรถวิ่งอยู่หลายคัน ผมจึงเร่งคันเร่งเพื่อแซงรถตู้คันดังกล่าวให้พ้น ตอนนั้นเริ่มมองเห็นแล้วว่ามีตำรวจนายหนึ่งยืนอยู่ขางเกาะกลางถนน ขณะที่รถของผมกำลังจะผ่านด้านไป ก็มีตำรวจนายหนึ่งวิ่งมาขวางหน้ารถผมเอาไว้ จนผมต้องเชนเกียร์และเบรกจนล้อล็อกดังลั่น และขณะที่ผมกำลังจะนำรถเข้าด้านซ้ายถนนเพื่อให้ตรวจค้น ตำรวจคนดังกล่าวกลับดึงกุญแจรถผมออก พร้อมกับบอกให้ผมกำคลัทช์รถแล้วเข็ญรถเข้าด้านซ้าย ทั้งๆที่ผมอยู่เลนกลางของถนน ซึ่งกำลังมีรถยนต์วิ่งอยู่จำนวนมาก
หลังจากนั้นตำรวจคนนั้นก็ขอดูใบขับขี่ พร้อมกับเขียนใบสั่งโดยแจ้งข้อหาว่าผมวิ่งขวา ผมจึงอธิบายว่าผมกำลังเร่งแซงรถตู้อยู่และผมก็มองไม่เห็นด่านตรวจ ตำรวจนายนั้นกลับบอกว่าถ้าแซงทำไมไม่เปิดไปเลี้ยว (ขอทาง) ผมจึงเอื้อมมือไปเปิดสวิทช์กุญแจที่ตำรวจนายนั้นเอามาเสียบคืนให้ ซึ่งสัญญาณไฟเลี้ยวรถของผมยังกระพริบอยู่เพราะผมยังไม่ได้กดยกเลิก แต่ตำรวจนายนั้นกลับพูดเลี่ยงไปว่ามีเจ้าหน้าที่วิทยุมาบอกว่า ผมวิ่งขวามาตั้งแต่ลงสะพานแล้ว (ลงจากสะพานมามันก็เป็นเลนกลางแล้วครับ) ผมพยายามอธิบายว่าผมเป็นสื่อมวลชนมาทำข่าวที่สมุทรปราการ กำลังเดินทางกลับขอความร่วมมือด้วยครับ พร้อมกับแสดงบัตรสื่อมวลชนที่ออกให้โดยกรมประชาสัมพันธ์ แต่ตำรวจนายนั้นก็ทำเป็นไม่สนใจเดินไปดูป้ายทะเบียนแล้วก็เขียนใบสั่ง
ขณะเดียวกันก็มีตำรวจอีกนายหนึ่งตะโกนถามมาด้วยถ้อยคำที่ไม่สุภาพว่า “เป็นอะไรนะ...ออกใบสั่งให้มันไปเลย ถ้ามันไม่ยอมรับก็ให้ไปฟ้องศาลเอา กูจะเป็นพยานให้เอง :-)...ขนาดทนายกูยังจับมาแล้ว มันใช้กฎหมายข้อไหนมาอ้างรถมอเตอร์ไซค์ต้องวิ่งทางซ้ายเท่านั้น” ผมเกิดความโมโหจึงแย้งกลับไปว่า “แต่ยกเว้นการแซงหรือมีสิ่งกีดขวางบนผิวจราจรไม่ใช่หรือ” ตำรวจนายนั้นกลับตะคอกกลับมาว่า “ไหนสิ่งกีดขวางบนผิวจราจร?” ผมจึงตอบกลับไปว่า “ก็รถตู้คันสีขาวที่ผมแซงเขาอยู่ไง หรือว่ารถมอเตอร์ไซค์แซงไม่ได้” ตำนายนายนั้นตะคอกกลับมาอีกว่า “ไม่ได้..!!ขับรถในกรุงเทพฯห้ามแซง” ขณะที่ตำรวจคนที่กำลังเขียนใบสั่งก็พูดผสมโรงไปอีกว่า ผมวิ่งอยู่ช่องขวาสุด แล้วก็เขียนในใบสั่งว่าผมวิ่งขวาสุด ทั้งๆที่ผมอยู่แค่เลนกลางเท่านั้น
เมื่อเห็นว่าไม่เป็นผลผมจึงเลิกโต้เถียง โดยรับใบสั่งมาแล้วสวมหมวกกันน็อกและถุงมือเตรียมตัวเดินทางต่อ แต่ก่อนจะออกจากจุดนั้นผมได้ยกกล้องถ่ายรูปขึ้นมา ถ่ายป้ายที่มีเบอร์โทรของสน.บางนามาด้วย ก่อนจะถ่ายภาพการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจที่แจ้งข้อหาผม ได้มีตำรวจนายหนึ่งพูดขึ้นมาว่า "มันถ่ายรูป..มันถ่ายรูป" ตำรวจคนที่ตะคอกผมก็เดินมาหาผมแล้วถามผมว่าถ่ายทำไม ผมจึงตอบกลับไปว่าถ้าพวกพี่ปฏิบัติงานโดยสุจริตผมจะถ่ายไว้ไม่ได้เหรอ ตำรวจนายนั้นก็คอกกลับมาว่า “ไม่ได้!!!” พร้อมกับเอากล้องของตัวเองมาถ่ายผมไว้บ้าง แล้วยังตะโกนบอกเพื่อนของเขาว่า "จับมันไว้" ผมก็ปล่อยให้เขาถ่ายตามสบาย และคิดในใจว่าเขาจะจับผมด้วยเรื่องอะไร เมื่อไม่เห็นมีใครมาจับผม ผมจึงสตาร์ทรถออกมา และนี่คือเรื่องราวของตำรวจ สน.บางนา ที่ผมเคยได้ยินแต่กิตติศัพท์ แต่ไม่นึกว่าจะมาเจอกับตัวเอง

 
 

จากคุณ : กะเทนตกมัน
เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 15:36:56




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com