|
ความคิดเห็นที่ 29 |
เครื่องยนต์และสมรรถนะ Toyota MR-S มีเครื่องรหัส 1ZZ-FE 1.8 VVTI ให้เลือกเพียงขนาดเดียวเท่านั้น โดยข้อมูลเบื่องต้นของเครื่องตัวนี้ก็คือให้กำลังสูงสุด 138 แรงม้าที่ 6,400 รอบ แรงบิดสูงสุด 125 ฟุต-ปอนด์ ที่ 4,400 รอบ ตัวเครื่องวางกลาง ขับเคลื่อนล้อหลัง ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 5 สปีดและเกียร์ SMT 5 และ 6 สปีด ช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระแมคเฟอร์สันสตรัท ช่วงล่างหลังแบบอิสระดูอัลลิงค์ ระบบเบรคเป็นแบบดิสเบรคทั้งสี่ล้อพร้อม ABS เรื่องสมรรถนะเครื่องยนต์และช่วงล่างนี้ เนื่องจากผมก็ไม่ได้สันทัดเรื่องเกี่ยวกับเครื่องยนต์มากนัก เลยอยากจะเล่าคร่าว ๆ โดยขอเปรียบเทียบกับรถที่มีโอกาสได้เป็นเจ้าของและได้ขับอยู่นานพอสมควร ผมไม่ค่อยแน่ใจนักว่ามันพอจะเปรียบเทียบกันได้รึเปล่า เพียงแต่ขอเอาความรู้สึกที่ได้จาการสัมผัสรถแต่ละคันมาเปรียบเทียบเพื่อให้ง่ายต่อการเข้าใจก็แล้วกันครับ ก่อนอื่นขอบอกก่อนเลยว่าในส่วนนี้เป็นความเห็นที่ออกมาจากความรู้สึกล้วน ๆ เพราะไม่ได้มีความรู้เรื่องเครื่องยนต์กลไกอะไรมากนัก (ประเภทขับอย่างเดียว ดูแลได้นิดหน่อย)
ผมขอยกเอารถ 3 คันที่ผมได้มีโอกาสได้ใช้มาเป็นระยะเวลาพอสมควรอย่าง Nissan 300ZX Mazda MX5 (NA) 1.8 Lt Mini Cooper (R50) มาเป็นตัวเปรียบเทียบครับ
เรื่องความสะดวกสบายในการขับขี่อันนี้ผมให้เสมอกับ MX5 แต่แพ้ 300ZX ซึ่งนิ่มนวลกว่ามาก ส่วน Mini ซึ่งแม้ว่าช่วงล่างจะแข็งแต่ด้วยการประกอบและการเก็บเสียงที่สุดยอดทำให้การขับขี่รู้สึกสบายกว่า โดยส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะรถ MR-S นี้ถูกออกแบบมาไว้ใช้สำหรับขับเล่นกินลมมากกว่าที่จะขับทางไกลแบบรถสปอร์ตทรง GT อย่าง 300ZX เรื่องความนุ่มนวลและความสะดวกสบายในการขับจึงมีไม่มากนัก แต่กรณีที่ไม่ได้เปลี่ยนล้อแมกซ์ (ของเดิม ๆ ใช้ล้อหน้า 15 นิ้ว หลัง 16 นิ้ว) และใส่หลังคาแข็ง MR-S ก็จัดเป็นรถที่มีความนิ่มนวลพอสมควร สามารถขับขี่ทั้งในเมืองและนอกเมืองได้อย่างสบายก้นและสบายหู (อันนี้สาว ๆ ใช้งานได้อย่างสบายแน่นอนคอนเฟิร์ม)
อัตราเร่งตีนต้น รถ MR-S จะมีจุดเด่นสุด ๆ ในเรื่องอัตราเร่งตีนต้น (0-100 km/h ประมาณ 7 วิ ในเกียร์ MT) เนื่องจากถูกเซ็ตเกียร์มาค่อนข้างจัด ในบรรดารถ 4 คันที่ผมเอามาเทียบนี้ คันที่พอจะเทียบได้ก็มีเพียง Nissan 300ZX เกียร์ M/T ที่มีเครื่อง 3000 ซีซีพ่วงเทอร์โบคู่เท่านั้นที่พอจะสูสี (เฉพาะตีนต้นไม่เกิน 100km/h นะครับ เพราะ MR-S จะถูกทิ้งห่างไปอย่างรวดเร็วเมื่อความเร็วเกินกว่านั้น) ส่วน MX5 เป็นรถที่ถูกสร้างมาให้สมดุลมากกว่าที่จะดุดัน อัตราเร่งช่วงต้นเลยไม่ถึงกับกระโชกโฮกฮากมากนักเน้นแบบมาเรื่อย ๆ ทั้งต้นทั้งปลายใกล้เคียงกัน ส่วน Mini Cooper ไม่ต้องพูดถึง ด้วยเกียร์ CVT ที่ทำงานไม่ค่อยจะราบรื่นเท่าไหร่กับความจุเครื่องแค่ 1,600 ซีซี ก็ไม่มีทางที่จะตามทั้งสามคันทันแน่นอน
ส่วนอัตราเร่งในตีนปลายนั้น MR-S ก็ทำได้ค่อนข้างดี ไหลมาเรื่อย ๆ จนไปจบที่ 180 km/h จึงถูกตัดด้วยกล่องควบคุมตามที่ กม.ญี่ปุ่นกำหนด แต่ความรู้สึกเวลาขับในย่านความเร็วสูงของรถ MR-S ให้ความรู้สึกที่ค่อนข้างอึดอัดนิดหน่อยเนื่องจากเกียร์ 5 ซึ่งเป็นเกียร์ Overdrive ถูกเซ็ทมารอบจัด ทำให้เวลาขับความเร็วสูง ๆ รอบเครื่องยนต์จึงค่อนข้างสูงมาก ทำให้เสียงเครื่องดังมาก (แต่ถ้าใครได้เกียร์เป็นรุ่น 6 สปีด ปัญหานี้ก็น่าจะเบาบางลง) ในส่วนนี้ MX5 ทำได้เหนือกว่าในแง่ความสมดุลของรถที่แม้ขับประมาณ 150 km/h ก็ไม่รู้สึกว่าเครื่องถูกคาดคั้นแต่อย่างใด Mini Cooper จัดว่าเป็นรถที่ขับได้ดีที่สุดในย่านความเร็วสูง (ไม่เกี่ยวกับอัตราเร่งนะครับ) เพราะช่วงล่างที่ให้ความรู้สึกมั่นใจมาก ๆ กับรอบเครื่องต่ำ ๆ ของเกียร์ CVT ทำให้เวลาขับไม่รู้สึกเหนื่อย เรื่องการยึดเกาะนั้นเนื่องจาก MR-S เป็นรถที่มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำมาก ตัวรถน้ำหนักเบา และเครื่องยนต์ก็วางตรงกลาง ทำให้เวลาขับแบบมุดซ้ายมุดขวาบนถนนทำได้อย่างมั่นใจสุด ๆ แต่ก็มีข้อเสียคือเนื่องจากตัวรถเบามาก กับช่วงล่างเดิม ๆ ที่ถูกเซ็ทมาไม่ค่อยแข็งเท่าที่ควรทำให้เวลาขับย่านความเร็วสูงจึงรู้สึกเบาไปหน่อย (อาจแก้ด้วยการเปลี่ยนโช๊ค สปริงและล้อใหญ่ ๆแต่งเพิ่มความมั่นใจ แต่ก็จะมาพร้อมกับความกระเทือนที่เพิ่มมากยิ่งขึ้นไปอีกเช่นกัน) ในส่วนของช่วงล่างนี่ถ้าเทียบกับ Mini Cooper ทาง Mini จะเหนือกว่าพอสมควรทั้งในย่านความเร็วต่ำและความเร็วสูง แต่จะใกล้เคียงกับ MX5 อัตราสิ้นเปลือง ถ้าขับในเมืองก็อยู่ที่ไม่ต่ำกว่า 10 กิโลเมตรต่อลิตร ส่วนขับนอกเมืองถ้าขับแบบประหยัด ๆ ผมเคยขับได้ 15 กม.ต่อลิตรมาแล้ว (เกียร์ MT) น้ำมันสามารถเติม Gasohol 95 ได้ครับ ผมใช้มานานก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด
แก้ไขเมื่อ 23 มิ.ย. 53 03:54:48
แก้ไขเมื่อ 22 มิ.ย. 53 23:49:06
จากคุณ |
:
klang191
|
เขียนเมื่อ |
:
22 มิ.ย. 53 15:30:49
|
|
|
|
|