ความคิดเห็นที่ 1   - หัวเทียนที่แฉะในรูปที่ 1 – 2 ส่วนใหญ่จะมีสาเหตุมาจากโ ช็คน้ำมันค้าง หรือโช๊คมากเกินไป ระบบจุดระเบิดมีปัญหา หรือ แหวนลูกสูบสึกมากไป - ส่วนสาเหตุที่ทำให้หัวเทียนดำ เยิ้ม ดังในรูปที่ 3 , 4 และ 5 ปกติเกิดจาก 1. ใช้หัวเทียนเบอร์สูงไป ( เบอร์ 9 , 10 –หัวเทียนเย็น ) ทำให้อุณหภูมิตอนปลายหัวไม่ร้อนพอที่จะทำความสะอาดตัวเองได้ 2.ส่วนผสมหนาไป น้ำมันลงมากเกิน 3.อาจเกิดจากระบบจุดระเบิด มีปัญหา 4.ถ้าเป็นรุ่นมีหม้อน้ำ อาจเกิดจากระบายความร้อนมากเกินไป จากคุณ : นันท์ (nant minburi) เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 53 09:49:07

ความคิดเห็นที่ 2   - หัวเทียนรูปที่ 6 – 24 ที่ดูสีแล้วถือว่าใช้ได้ โดยจะเริ่มจากน้ำมันหนา ไปจนน้ำมันบาง สีหัวเทียนที่ดีที่สุดคือ หมายเลขที่ 14 รูปหมายเลข 5 , 6 ,7 , 8 แก้ใขเบื้องต้น โดยคลายสรูปรับอากาศออกเพื่อเพิ่มส่วนผสมอากาศให้มากขึ้น(ทวนเข็นนาฬิกา) อีก ที่ละ 1/4 รอบ จนกว่าจะได้สีตามต้องการ แก้ไขเมื่อ 27 มิ.ย. 53 10:18:35 แก้ไขเมื่อ 27 มิ.ย. 53 10:13:25 จากคุณ : นันท์ (nant minburi) เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 53 09:54:35

ความคิดเห็นที่ 3   ... หมายเลข 14 สีออกน้ำตาลแดง เป็นสีที่ให้การเผาใหม้ แล้วมีกำลังสูงสุดแล้วครับ ( ส่วนผสม หนานิดๆ) แก้ไขเมื่อ 27 มิ.ย. 53 09:58:02 จากคุณ : นันท์ (nant minburi) เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 53 09:55:51

ความคิดเห็นที่ 4   หมายเลข 21-24 ส่วนผสมบางเกินไป แก้ใขเบื้องต้น โดยหมุนสกรูปรับอากาศเข้า(ตามเข็มนาฬิกา)เพื่อลดส่วนผสมของอากาศให้น้อยลง ทีละ 1/4 รอบ จนกว่าจะได้สีตามต้องการ แก้ไขเมื่อ 27 มิ.ย. 53 10:41:30 แก้ไขเมื่อ 27 มิ.ย. 53 10:19:29 แก้ไขเมื่อ 27 มิ.ย. 53 10:16:06 จากคุณ : นันท์ (nant minburi) เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 53 09:56:23

ความคิดเห็นที่ 5 ใช้จนแฉะไปเลยครับ  ไม่เคยถอด  จะถอดก็ต่อเมื่อสตาร์ทไม่ติด จากคุณ : Peetik เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 53 09:58:29

ความคิดเห็นที่ 6   สีหัวเทียน หมายเลข 25 , 26 และ 27 อาจเกิดจาก 1. ใช้หัวเทียนเบอร์ต่ำไป ( เบอร์ 6 ,7 - หัวเทียนร้อน) ทำให้หัวเทียนรับความร้อนเกินเสป็คเนื่องจากเครื่องทำงานหนักเกิน 2. ส่วนผสม บางไป น้ำมันลงน้อย 3. ไฟแก่ไป 4. การจุดระเบิดไม่ปกติ เช่น เครื่องน๊อค 5. ระบบระบายความร้อนไม่ดีพอ จากคุณ : นันท์ (nant minburi) เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 53 10:01:19

ความคิดเห็นที่ 7 ขอบคุณจขกท.มากๆคร๊าบ แจ่มแมวจริงๆ เคยถอดออกมาเอากระดาษทรายขัดๆตั้งเขี้ยว(ใช้ใบเลื่อย) เป่าลม แล้วก็ใส่กลับ ใช้หัวนึง 2 ปีประมาณ 20,000 กม. ไม่รู้ถูกป่าว (เวฟ125R) เวลาถอดออกมา(ครึ่งปีถอดทีนึง) สีมันก็แดงๆประมาณ14 คือแดงๆคราบไม่หนามาก แต่ยังงงเรื่องหัวเทียนร้อน-เย็นอยู่(ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องนี้จริงๆ555) ปกติใช้เบอร์เดิมคือไปซื้อที่ศูนย์ฮอนด้ามาเปลี่ยนเองครับ จากคุณ : ddlife เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 53 10:14:49

ความคิดเห็นที่ 8   ^^^ คห 7 ได้สีหัวเทียน เหมือน รูปที่ 14 การเผาใหม้ก็สมบูรณ์ดีแล่วครับ ขอเดาว่าเป็น ฮอนด้าเวพ ใช่ใหมครับ มิน่าละรถฮอนด้าจึงกินน้ำมันน้อย สมคำล่ำลือ เลยทีเดียว หัวเทียน ที่ติดรถเล็ก 100-125cc มาส่วนใหญ่ จะเป็นเบอร์ กลางๆ คือสำหรับวิ่งเร็วบ้างแต่ไม่มาก วิ่งช้าบ้างแต่ไม่ ช้าจนคลาน มักจะเป้นเบอร์ 6-7 ทีนี้ ต้องการวิ่งแบบประหยัดน้ำมัน คือ ขี่ที่ 40- 50 กม/ชม ทั้งวัน เจ้าหัวเทียนที่ติดรถ จะสะสมความร้อไม่พอที่จะทำความสะอาดตัวเอง จึงต้อง ใช้หัวเทียนร้อน มีแกนกลาง ยาวลึกกว่าเดิม เพื่อให้ความร้อน ออกไปที่ผาสูบได้ช้าลง( ลดเบอร์หัวเทียนลงใน ยี่ห้อเดียวกัน) ลงอีก 1-2 เช่นเบอร์ 5หรือ 6(NGK) มันจะเก็บความร้อน ที่แกนหัวเทียน ให้มากพอ จะเผาเขม่าที่เกิดจากการจุดระเบิดเชื้อเพลิง ให้หมดไป ไม่เกาะจนหนาที่เขี่ยวและแกนกระเบื้องครับ ถ้า ต้องการขี่ไปต่างจังหวัด และใช้ความเร็วสูงตลอดเวลา 100-120 กม/ชม (สำหรับรถเล็ก 100- 125 cc) ก็ใช้หัวเทียนเย็น สังเกตุแกนกลางจะสั้นตื้นกว่ากันครับ คือเพิ่มเบอรืขึ้น 1-2 เบอรื เช่น 8หรือ 9 มันจะระบายความร้อน ออกจากแกนห้วเทียน ผ่านออกไปทางผาสูบ ได้เร็วขึ้นพอดี ไม่ร้อนจนเขี่ยวหัวเทียน สึกกร่อน หรือละลาย ครับ ตามรูป 28 และ 29 แก้ไขเมื่อ 27 มิ.ย. 53 14:59:55 แก้ไขเมื่อ 27 มิ.ย. 53 14:54:55 แก้ไขเมื่อ 27 มิ.ย. 53 14:50:24 แก้ไขเมื่อ 27 มิ.ย. 53 10:39:43 จากคุณ : นันท์ (nant minburi) เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 53 10:33:57

ความคิดเห็นที่ 9   ไม่ทราบว่ามีภาพเขี้ยวหัวเทียนรถติดแก๊สด้วยหรือไม่ครับ จากคุณ : ขอบคุณครับ เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 53 10:47:54 A:117.47.213.162 X: TicketID:266972

ความคิดเห็นที่ 10 ขอบคุณครับ  10 ปีมาแล้วไม่เคยถอดดูเลย จากคุณ : laiyura เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 53 11:28:49

ความคิดเห็นที่ 11 วันนี้จะล้างรถ สงสัยต้องถอดหัวเที่ยนมาดูซะแล้นนน   ขอบคุณน้านันท์มากครับ จากคุณ : rynan เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 53 12:18:09

ความคิดเห็นที่ 12 รายงานดีๆที่พวกเราควรรู้ ขอขอบคุณ จขกท. มากมายครับ จากคุณ : sinepapa เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 53 12:36:30

ความคิดเห็นที่ 13   ความรุคับ จากคุณ : Tin-Sonic125-Saraburi เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 53 13:35:18 A:180.180.13.153 X: TicketID:276147

ความคิดเห็นที่ 14 เมื่อก่อนผมปรับบางประมาณภาพ 22 ตอนนี้ปรับเป็นภาพ 20 ไม่รู้สึกต่างไรมาก กินน้ำมันขึ้นอีกหน่อย แต่ก็อาจมาจากการ สึกหรอส่วนอื่น กับสภาพการขับขี่มากกว่า จากคุณ : .................. (marp395) เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 53 14:27:05

ความคิดเห็นที่ 15   เพิ่งแกะตอนดู เมกา กับ กาน่า เมื่อคืนนี่เอง ฮ่าๆ จากคุณ : วานรจิ๋ว เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 53 14:37:27

ความคิดเห็นที่ 16   ตอบ ความคิดเห็นที่ 9 ครับ รถยนต์ใช้แก๊ส ส่วนใหญ่ จะเผาใหม้ สมบูรณ์ กว่าน้ำมัน และอู่จะจูนให้ เเก๊ส เข้าไปพอดี หรืออาจบางหน่อยๆ เพื่อความประหยัด หัวเทียนเลยจะออก สี ขาวสะอาดๆ หรือเทาอ่อนๆ ครับ ลองดูที่นี่ครับ http://www.gasthai.com/boardgas/question.asp?id=43723 จากคุณ : นันท์ (nant minburi) เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 53 14:49:33

ความคิดเห็นที่ 17 wave 100s ใช้จนหัวเทียนพัง ตามปกติไม่เคยถอดออกมาดูเลย จนมันมีอาการ ตอนเครื่องเย็นวิ่งปกติ พอร้อนจะวิ่งสะดุดและกระชากอย่างเเรง ขับเข้า0 เปลี่ยนหัวเทียนอาการหายทันที เลขไมล์ตอนเปลี่ยนประมาณ 12000 กม  เกินสเปคเยอะ เป็นครั้งเเรกที่ใช้หัวเทียนจนพัง คุ้มจิงๆ จากคุณ : bigd3t (konmeekaam) เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 53 14:53:29

ความคิดเห็นที่ 18 ยอมรับว่า ไม่เคยถอดออกมาดูเลย หลายๆหมื่นโลถึงจะเอามาเช็คสักครั้ง ยิ่งตอนนี้เปลี่ยนมาใช้แบบเข็ม เค้าว่ากันว่าใช้ได้นาน ผมกะว่าห้าหมื่นโลเช็คทีเลยนะเนี่ย คือถ้ายังสตาร์ททีเดียวติดผมก็ไม่เคยแกะมาดูเลยครับ จากคุณ : Mr.Submarine เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 53 15:06:55

ความคิดเห็นที่ 19   รูป 28 , 29 เกิดจากสาเหตุ 1-ใช้หัวเทียนร้อน เบอร์ต่ำ มากๆ แต่ขับขับด้วความเร็วสูง นานๆ 2-ตั้งไฟแก่จนเกินไป 3-เกิดการชิงจุดระเบิดก่อนเวลา 4-ส่วนผสมน้ำมันน้อยกว่าอากาศที่เรียกว่าส่วมผสมบางเกินไป(ธรรมดาอยู่ที่ 15:1 คืออากาศ 15 ส่วน ต่อน้ำมัน 1 ส่วน อันนี้เผาใหม้พอดีเป๊ะ แต่กำลังได้มาไม่สูงสุด ต้องรูปที่ 14 จะอยูที่ประมาณ 13:1 จะได้กำลังสูงที่สุดของเครื่องยนต์ตัวนั้นๆ) 5- เกิดจากข้อ 1+2+3+4 ครับ จากคุณ : นันท์ (nant minburi) เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 53 15:20:04

ความคิดเห็นที่ 20 สาระเพียบเลยครับน้า สงสัยค้องถอดออกดูมั่งแล้ว จากคุณ : bigside1 เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 53 15:33:07

ความคิดเห็นที่ 21   เพิ่มเติมให้ครับ อัตราส่วนของไอดี ที่เหมาะสม และทำให้เกิดการเผาไหม้ที่สมบูรณ์ที่สุด สะอาดหมดจดและได้ก๊าซไอเสียที่สะอาดไร้มลภาวะที่สุดคือ อัตราส่วนผสมโดยมวลของอากาศกับน้ำมันเชื้อเพลิงประมาณ 14.7-15.2 ต่อ 1 การเผาไหม้จะสมบูรณ์ที่สุด ไอเสียที่ออกมาแทบจะไม่มีก๊าซคาร์บอนมอนออกไซด์และสารประกอบไฮโดรคาร์บอนเจือปนอยู่เลย แต่จะได้สมรรถนะของเครื่องยนต์ประมาณ 90-95 % เท่านั้น อัตราส่วนผสมของไอดีสภาวะต่าง ๆ กรณีเป็นเครื่องหัวฉีดในรถยนต์และมอไซด์ การสตาร์ทเครื่องยนต์ ส่วนผสมหนากว่าปกติแต่จะแปรผันตามอุณหภูมิของอากาศในขณะเวลานั้น ๆ ด้วย อัตราส่วนผสมจะอยู่ในระดับ 4-8 ต่อ 1 (โดยมวลของอากาศกับน้ำมัน) อากาศยิ่งเย็นเครื่องก็ยิ่งต้องการไอดีที่หนากว่าปกติ การทำงานของเครื่องยนต์ในรอบเดินเบา เครื่องยนต์เดินเบาที่ประมาณ 600-700 รอบต่อนาทีในรถยนต์ 1000-1500 รอบต่อนาที ในมอเตอร์ไซด์ อัตราส่วนของไอดีที่เหมาะสมต่อการทำงานในรอบเดินเบา จะอยู่ในระดับ 8-12 ต่อ 1 (โดยมวลของอากาศกับน้ำมัน) หนากว่าปกติในขณะที่เครื่องยนต์เดินเบาก๊าซไอเสียจะมีมลภาวะมากและสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงมากการทำงานของเครื่องยนต์ที่รอบสูงกว่า เดินเบาจนถึงประมาณ 3,000 รอบต่อนาที อัตราส่วนผสมบางกว่าปกติเล็กน้อย 15-17 ต่อ 1(โดยมวลของอากาศกับน้ำมัน) ความประหยัดจึงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงความเร็วรอบนี้ เช่นความเร็วคงที่ 60-90 กม./ชม. การทำงานในรอบการทำงานที่เกินกว่า 3,000 รอบต่อนาที จนถึงรอบสูงสุดมักจะต้องการกำลังจากเครื่องยนต์เต็มที่ อัตราส่วนผสมไอดีในช่วงความเร็วรอบนี้จะใช้ประมาณ 12.5-13 ต่อ 1(โดยมวลของอากาศกับน้ำมัน) หนากว่าปกติไม่ประหยัดแต่ได้สมรรถนะเต็มที่ ตามรูปสีของหัวเทียน รูปที่ 14 การทำงานของเครื่องยนต์เมื่อต้องการเพิ่มความเร็วอย่างกระทันหัน เช่นการแซงหรือหลบหลีก อัตราส่วนผสมไอดีที่เหมาะสมประมาณ 11-12 ต่อ 1 (โดยมวลของอากาศกับน้ำมัน) หนากว่าปกติโดยจะมีระบบปั้มเร่ง เห็นใหมครับ ระบบหัวฉีด จะมีการปรับส่วนผสมไปมาให้เหมาะกับแต่ละสถานะการนั้นๆ โดยรวมแล้วจึงประหยัดแต่แรงกว่า คาบูเรเตอร์ในรถรุ่นหรือขนาดเดียวกัน ทั้งนี้ขึ้นกับโปรแกรมที่ใช้ควบคุม ที่เขียนให้CPUสั่งหัวฉีด ฉีดน้ำมันออกมาแบบใหน เพราะรถบางแบบ รุ่นเดียวกัน ตัวคาบู แรงกว่า ตัวหัวฉีดก็มี เช่น สป๊าค 135 กับ 135i โดยตัว ไอ คงเขียนโปรแกรมให้ที่รอบสูงสุด จ่ายเชื้อเพลิง ให้พอดี14.7-15.2 ไม่หนา12-13ต่อ1 เหมือนตัวคาบู เพื่อเอาชื่อเสียงว่ารุ่น ไอ ประหยัดนั่นเอง ยังมี รายละเอียดมากกว่านี้ แต่เดี๋ยวมันจะ มึนงงกันเกินไป วันหยุดนี้เอาเป็นความรู้ เบื้องต้น เอาไปปรับใช้กับรถของท่านเอง นะครับ แก้ไขเมื่อ 27 มิ.ย. 53 16:28:32 แก้ไขเมื่อ 27 มิ.ย. 53 16:26:49 แก้ไขเมื่อ 27 มิ.ย. 53 16:15:05 จากคุณ : นันท์ (nant minburi) เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 53 16:01:36

ความคิดเห็นที่ 22   เครดิต ภาพและข้อมูลบางส่วน จาก http://sonic125-club.com/index.php?topic=5159.0 เรื่องสีหัวเทียนของรถใช้แก๊ส http://www.gasthai.com/boardgas/question.asp?id=43723 ส่วนผสม น้ำมันกับอากาศ http://www.mocyc.com/study/view.php?category=1&idstudy=84 จากคุณ : นันท์ (nant minburi) เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 53 16:14:04

ความคิดเห็นที่ 23 อยากจะบอกว่า ครบ 2 หมื่นโล เปลี่ยนอย่างเดียวครับ ระหว่างนั้น ไม่เคยถอดออกมาดูเลย ขอบคุณพี่นันท์มากครับ จากคุณ : monoport เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 53 17:33:16

ความคิดเห็นที่ 24   ^^^ น้าชล ถอดออกมาดูได้แล้ว เดี๋ยวต้องเดินทางใกล มันจะกินน้ำมันนะ  ถ้าจูนคาบูใว้หนาเกินไป   หรือวิ่งไม่ออก และร้อนเกินไป หากจูนใว้บางเกิน อีกครับ เครื่องสองจังหวะ ก็ดูที่สีหัวเทียน แบบเดียวกันครับ จากคุณ : นันท์ (nant minburi) เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 53 18:56:05

ความคิดเห็นที่ 25   ใครใช้ มอไซด์หัวฉีด ที่ลงท้ายรุ่นด้วย ตัว i ช่วยถ่าย รูปหัวเทียน มาให้ชมเป้นขวัญตาหน่อยครับ เอาตอนที่เกิดจาก  ใช้ความเร็วขณะเดินทาง มาสักพักแล้วนะครับ อ้อรอให้เครื่องเย็นลง หรืออุ่นๆแล้วนะครับ ค่อยถอด ออกมาถ่ายรูปนะครับ เป็นการเอามาแชร์ ความรู้กันนะครับ จากคุณ : นันท์ (nant minburi) เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 53 23:17:36

ความคิดเห็นที่ 26 เมื่อวานกลับมายังวังนวมินทร์ ยังไม่ได้ถอดดู กิ๋น ไอ้ม้าบ้า..เลย             เดี๋ยวจะถอดดูละครับ คุณนันท์...แต่ ข้าวเขียวหวานไก่..อร่อยมาก                     ขอบคุณ...ก๊าบ จากคุณ : ทะโมนเฒ่า (ลุงอนันต์) เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 53 11:13:05

ความคิดเห็นที่ 27   ^^^^ ถ้าอร่อย ก็มาชิมอีกได้นะ อิอิ จากคุณ : นันท์ (nant minburi) เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 53 19:50:15

ความคิดเห็นที่ 28 ยอมรับไม่เคยถอดมาดูเลย... ฮา จากคุณ : Draco เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 53 00:37:06