 |
ความคิดเห็นที่ 26 |
เอาข่าวมาเพิ่มเติมให้ครับ ที่มาของข่าว : http://www.bts.co.th/th/news/news_detail.asp?id=176
บีทีเอสจัดพิธีรับรถไฟฟ้า 12 ขบวน ขบวนละ 4 ตู้ รวม 48 ตู้ ที่ท่าเรือแหลมฉบัง
เมื่อเวลา 15.00 น. ของวันศุกร์ ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2553 ได้มีพิธีรับรถไฟฟ้าบีทีเอสใหม่จำนวน 12 ขบวน ความยาวขบวนละ 4 ตู้ รวม 48 ตู้ ณ ท่าเทียบเรือแหลมฉบัง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี โดยนายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ บีทีเอสซี ได้เชิญ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานในพิธีพร้อมกับได้นิมนต์ เจ้าคุณพระญาณดิลก จากวัดมกุฎคีรีวัน อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ทำพิธีเจิมขบวนรถหมายเลข 1837 ซึ่งจะเป็นรถไฟฟ้าตู้แรกที่จะเดินทางเข้ากรุงเทพมหานคร เพื่อเป็นสิริมงคล ซึ่งจัดขึ้น ณ เทอร์มินัล C0 ท่ามกลางแขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมงาน อาทิ ฯพณฯ กวน มู่ เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้บริหารจากกรุงเทพมหานคร และ บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด ผู้แทนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน พร้อมด้วยผู้บริหารจากบีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) และสื่อมวลชน
รถไฟฟ้าขบวนใหม่เที่ยวแรกได้ลำเลียงจากเมืองท่า ต้าเหลียน ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2553 และ ถึงท่าเรือแหลมฉบังเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2553 และจะทยอยส่งจนครบทั้งหมดภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2553 โดยบริษัทฯ ได้สั่งซื้อขบวนรถทั้งหมด จาก บริษัท ฉางชุน เรลเวย์ เวฮิเคิลส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทใหญ่อันดับต้น ๆ ของสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่ผลิตรถไฟฟ้าและรถไฟความเร็วสูง โดยได้สั่งซื้อทั้งหมด จำนวน 12 ขบวน ความยาวขบวนละ 4 ตู้ รวม 48 ตู้ มูลค่ากว่า 70 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 2,300 ล้านบาท เพื่อรองรับจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น และใช้รองรับส่วนต่อขยายสายสีลมที่เปิดให้บริการไปเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2552 ซึ่งมีจำนวนผู้โดยสารเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ อันจะทำให้บริษัทฯ มีจำนวนรถไฟฟ้าพร้อมให้บริการ รวมทั้งสิ้น 47 ขบวน จากปัจจุบันที่ให้บริการ 35 ขบวน
จุดเด่นของรถไฟฟ้าขบวนใหม่นี้ คือ สามารถจุผู้โดยสารได้ขบวนละประมาณ 1,490 คน จากเดิมจุได้ ประมาณ 1,106 คน ต่อขบวน อันเนื่องมาจากความยาวที่เพิ่มขึ้นจาก 3 ตู้ ต่อขบวน เป็น 4 ตู้ ต่อขบวน เมื่อบริษัทฯ ได้รับรถไฟฟ้าขบวนใหม่ครบทั้ง 12 ขบวนแล้ว จะนำมาทดสอบวิ่งซึ่งจะต้องใช้เวลาประมาณ 4-6 เดือนก่อนที่จะนำไปให้บริการ โดยจะนำรถไฟฟ้าใหม่ทั้ง 12 ขบวนให้บริการในสายสีลมทั้งหมด ส่วนรถไฟฟ้าอีก 35 ขบวนที่มีอยู่เดิมนั้นจะถูกนำไปให้บริการในสายสุขุมวิท ปัจจุบันรถไฟฟ้าบีทีเอสมีผู้ใช้บริการเฉลี่ยในวันทำการเกือบ 5 แสนเที่ยวคนต่อวัน และสูงสุดในวันทำการกว่า 570,000 เที่ยวคน เนื่องจากกรุงเทพมหานครยังคงมีการพัฒนาและเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเส้นทางรถไฟฟ้าได้มีการพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไม่ว่าจะเป็นคอนโด อาคารสำนักงานโรงแรม ศูนย์การค้า หรือแหล่งช็อปปิ้งที่ขึ้นตามแนวรถไฟฟ้าเป็นจำนวนมาก ดังนั้น การสั่งซื้อขบวนรถไฟฟ้าใหม่ ทั้ง 12 ขบวนนี้ จะช่วยรองรับการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของจำนวนผู้โดยสาร และจะทำให้บริษัทฯ มีรถไฟฟ้าให้บริการผู้โดยสารทั้งในสายสุขุมวิท และสายสีลม รวมทั้งสิ้น 153 ตู้ จาก 47 ขบวน
จากการที่บริษัทฯ จะนำเอารถไฟฟ้าใหม่ที่มีความยาว 4 ตู้ ต่อขบวน ไปให้บริการในสายสีลม จะช่วยแก้ปัญหาสภาพคอขวดของสถานีสะพานตากสิน ที่มีรางเพียงคู่เดียวได้ โดยความยาวขบวนรถที่เพิ่มขึ้น จะสามารถรองรับผู้โดยสารในแต่ละเที่ยวเพิ่มขึ้นได้ ทำให้ไม่มีปัญหาผู้โดยสารตกค้างที่สถานี ในขณะที่สายสุขุมวิทก็จะมีขบวนรถไฟฟ้าให้บริการเพิ่มขึ้น ทำให้สามารถเพิ่มความถี่ในการให้บริการโดยเฉพาะในชั่วโมงเร่งด่วนได้ทำให้ความหนาแน่นของผู้โดยสารในขบวนรถในชั่วโมงเร่งด่วนบรรเทาลงได้ ซึ่งทั้งหมดนี้ จะทำให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกในการใช้บริการมากขึ้น
จากคุณ |
:
กระเทียมพริกไทย
|
เขียนเมื่อ |
:
29 มิ.ย. 53 00:19:40
|
|
|
|
 |