ความคิดเห็นที่ 1 ส่วนตัวผมใช้บริการร้านนี้อยู่ เรื่องขับจนเรดไลน์กับเบรคจนดังสนั่นลั่นถนนนี่ส่วนตัวผมไม่เคยเจอครับ ถนนเส้นนี้ถ้าจะอัดจนเรดไลน์นี่ไม่น่าทำได้นะ นอกจากเข้าเกียร์สองแล้วลากไปนั่นก็ว่ากันอีกเรื่อง และอีกเรื่อง ผ้าเบรคเปลี่ยนมาใหม่ ผมว่าทางร้านเขาไม่ทดสอบกันขนาดเบรคเสียงดังลั่นถนนหรอกครับ ผมจะได้รับคำแนะนำอยู่เสมอว่าผ้าเบรคเปลี่ยนมาใหม่จะยังจับไม่สนิท ให้่ผ่านการใช้งานไปก่อนซัก 500 กิโล ผ้าเบรคถึงจะจับสนิท เรื่องช่วงล่างนี่ ตรวจเช็คค่อนข้างละเอียด ซ่อมเท่าที่เสีย ไม่เคยได้รับคำแนะนำว่าอะไหล่ชิ้นนี้ชิ้นนั้นถึงอายุการใช้งานแล้วให้เปลี่ยน อะไหล่นี่หิ้วมาเอง ก็ไม่มีเกี่ยงงอนว่าไม่ได้ซื้อจากทางร้าน งานก็ออกมาดี ทดสอบรถอะไรเรียบร้อยพร้อมให้รับรถกลับ ผมว่าถ้า จขกท ได้รับการบริการที่ไม่ดี ผมว่าคุยกันโดยตรงไปเลยจะดีกว่าครับ มาตั้งกระทู้อย่างนี้เหมือนเป็นการโจมตีกัน และในทางตรงกันข้าม การที่ผมออกมาพูดอย่างนี้เดี๋ยวก็จะเป็นเหมือนการออกมาปกป้องกัน แต่นี่ก็เป็นมุมมองผมที่ถ่ายทอดจากงานบริการที่ผมได้รับจากทางร้านนี้ จากคุณ : Naicollo เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 02:23:32

ความคิดเห็นที่ 2 แสดงว่าคุณนั่งอยู่บนรถด้วย แล้วทำไมไม่บอกเขาตอนนั้นเลย เป็นผมก็บอกให้หยุดการกระทำเดี๋ยวนั้นเลย ไม่ซ่อมมันแล้ว ร้านอื่นๆที่เขาทำดีๆไม่เห็นต้องลองรถขนาดนั้นเลย จากคุณ : mywish เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 04:42:36

ความคิดเห็นที่ 3 เคยใช้บริการร้านนี้อยู่ครั้งนึง ก็โอเค ทำงานเรียบร้อยดีสำหรับงานเกี่ยวกับเบรค ตอนไปลองรถหลังจากทำเสร็จแล้ว ถ้าเจ้าของรถไม่ใช่พวกขาซิ่ง ก็คงจะมีเคืองหน่อยๆ ตอนนั้นเอา accord ไปเปลี่ยนผ้าเบรคทั้งหน้าหลัง รวมทั้งน้ำมันเบรคด้วย เป็นผ้าเบรค si-tech รุ่นอะไรก็จำไม่ได้แล้ว โดยรวมก็โอเคดี นุ่มและเงียบ แต่ก็ไม่ได้ถึงกับดีกว่า nissin ของเดิมที่เคยใช้อยู่ si-tech ราคาครึ่งเดียวของ nissin แต่ฝุ่นดำเยอะกว่ามาก และผมใช้งานได้แค่หมื่นห้าพันกิโล ผ้าเบรคก็หมดแล้ว ของ nissin ผมใช้ได้ไม่เคยต่ำกว่าสามหมื่นกิโล จากคุณ : HairLess เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 07:44:08

ความคิดเห็นที่ 4 เร่งเครื่องรอบสูง เบิ้ลเครื่อง ขับเร็วเกิน เปิดแอร์สุด เปิดเพลงดัง ผมเห็นช่างทุกอู่ เป็นแบบนี้เหมือนกันเกือบหมด แก้ไขเมื่อ 03 ก.ค. 53 08:38:13 จากคุณ : EITHER เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 08:37:35

ความคิดเห็นที่ 5   ตอบคุณ Naicollo ตรงย่อหน้าแรกที่คุณ Naicollo เข้าใจผิดน่ะ จริงๆคือ ผ้าเบรคเอยช่วงล่างเอย ยังไม่ได้เปลี่ยนหรือซ่อมนะ แค่เอารถไปลองเพื่อหาปัญหาน่ะครับ เป็นเรื่องพื้นๆที่ร้านเบรคเค้ารู้กันอยู่แล้วครับต้องรันอินผ้าเบรค2-3ร้อยโล แล้วค่อยใช้งานมันได้เต็มที่ แล้วกระทู้นี้ดูยังไงก็ไม่เห็นจะเป็นการโจมตีร้านยังไงเลย ผมก็ได้แจ้งไปแล้วนี่ว่าเค้าแก้ปัญหาได้ดีพอสมควร แต่มาติติงวิธีการทดสอบรถที่อันตรายและไม่เห็นด้วยกับคำแนะนำในการเปลี่ยนโช๊คสปริงของทางร้านน่ะครับ จากคุณ : ์ฺNB 1.6 เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 08:45:39 A:125.27.226.8 X: TicketID:273111

ความคิดเห็นที่ 6 จะต้องทดสอบกันขนาดนั้นเลย ? จากคุณ : Meng_Thachalom เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 08:53:10

ความคิดเห็นที่ 7   เว่อร์ซะ ทำเบรคเสร็จ เขาแค่ bed in มันให้ค่อยๆจับก็พอ ขับวนๆ แถวนั้นก็ได้ไม่ต้องเร่งเครื่องบ้าระห่ำแบบนั้นหรอก สมควรโดนด่า จากคุณ : เด เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 09:05:44 A:210.203.191.241 X: TicketID:248569

ความคิดเห็นที่ 8 โห้.....เรื่องจริงรึเปล่าเนี่ย ปลายปีนี้ผมก็กะจะไปเปลี่ยนผ้าเบรคร้านนี้นะ เพราะบ้านอยู่แถวนั้น   ถ้าลองรถแบบนี้ผมไม่เอาด้วยนะ ถึงผมจะแต่งซิ่ง แต่ผมไม่ซิ่งนะ ผมรักรถ ขับได้แค่ 3 หมื่นโลเอง รบกวนช่วยชี้แจงด้วย จากคุณ : Neo007 เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 09:11:04

ความคิดเห็นที่ 9 ช่างแบบนี้เป็นทุกอู่แหละครับ เหมือนท่าน คห.4 ว่า ผมเอารถไปทำนี่แทบจะไม่ให้ช่างได้ลองรถหรอก พอเสร็จก็บอกว่าเดี๋ยวลองเองมีปัญหาไรเดียวกลับมาแล้วก็จ่ายเงินไปเลย โดยปกติแล้วซ่อมช่วงล่างมันก็เปลี่ยนชิ้นส่วนที่เสียหาย ตามความเห็นผมช่างไม่จำเป็นต้องลองรถ จากคุณ : v (Nonliner) เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 09:31:44

ความคิดเห็นที่ 10   เคยเอาe30เข้าไปทำอยู่  ก็ไม่เจออย่างที่คุณว่านะครับ ไม่รู้ว่าเป็นเจ้าของร้านรึเปล่า ที่เป็นอาเฮียอ้วนๆใส่แว่นเป็นคนขับลองรถ ก็ขับตามปกติ เร่งซัก70-80มั่ง เบรกๆหยุดๆนิดหน่อย พอให้รู้ว่าผ้าเบรกจับ  แต่ไม่เห็นกดมิด กระทืบจนล้อล็อกเลยนี่ครับ  สงสัยคุณจะไปเจอพวกช่างห่ามๆเข้าซะแล้ว ยังไงไปบอกเจ้าของร้านซะก็ดีครับ ให้แกปรามๆลูกน้องไว้ซะมั่ง เจออย่างงี้มันเหลือทนครับ จากคุณ : ท๊อป สําเหร่่ เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 09:37:47

ความคิดเห็นที่ 11 ผมเคยเอารถเข้าไปทำ ไปถึงก็แจ้งว่า ลูกยางปั๊มเบรคหลังรั่ว  เฮียคนอ้วนๆฟังเสร็จก็ร่ายยาว บอกว่ารู้ได้อย่างไรว่าปั๊มเบรครั่ว มันอาจจะเป็นที่อื่น คุณรู้ได้อย่างไร พูดแบบไม่พอใจ  ก็เลยบอกไปว่าเมื่อวานถอดดรัมเบรคหลังดูก็เลยเห็น จากนั้นก็ขับรถออกมาไปซ่อมที่อื่น คิดว่าลูกค้าโง่  จากนั้นก็ไม่เคยเหยียบไปอีกเลย จากคุณ : เช้าวันศุกร์ เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 10:18:01

ความคิดเห็นที่ 12 อันแรกแทงไปที่ร้านก่อน...... ติดตั้งเครื่องทดสอบประสิทธิภาพของเบรค ใช้ตัวเลข ไม่ต้องใช้ความรู้สึก ลูกค้าสบายใจขึ้น รถไม่ช้ำ สิฐ เอ๊ย....ฟัง ๆ ลูกค้าบ้าง พูดน้อย ๆ ทำเยอะ ๆ จากคุณ : Hacker1 เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 11:35:41

ความคิดเห็นที่ 13 อันนี้จิ้มไปที่ จขกท....... อายุการใช้งานของสปริงและโช้ค คู่มือรถ ก็บอกไว้อย่างนั้นเหมือนกัน อาจจะไม่เป๊ะ ๆ แต่ก็ใกล้เคีียง หรือถ้าไม่แน่ใจก็สอบถามไปที่ศูนย์บริการก็ดี คุณเคยวัดความสูงของรถมั๊ย วันที่ออกรถป้ายแดง และวันนี้ผมก็ว่าคุณก็ยัง ไม่เคยวัดอยู่ดี ผมก็ไม่เคยวัด แต่เมื่อถึงระยะ ๆ นึง สปริง หรือโช้ค ก็ย่อมเสื่อมสภาพไป สปริงมีการทรุดนะ ครับ โช้คก็มีการรั่ว ใช่ครับตอนที่มันติดตั้งอยู่กับรถ มองด้วยสายตา มันก็ปกติสุขดีอยู่ แต่วันนึง ในภาวะคับขัน ระบบรองรับช่วงล่าง โช้ค สปริง ที่เฟิร์ม ๆ ไม่ต้องถึงกับเกรด เรซซิ่งอะไร เอาแค่สแตนดาร์ด เบิกศูนย์ ชุดใหม่ ก็พาคุณ คนที่นั่งไปด้วย และรถของคุณ พ้นอันตรายแล้วครับ รถผมตอนเปลี่ยนโช้ค ที่ 80,000 กว่าโล ทำอย่างที่ จขกท ว่าเหมือนกัน ดูก็ ปกติ กดก็ปกติ แต่ถอดออกมาแล้ว กดด้วยมือเปล่าจนสุด แต่โช้คไม่ยอมเด้ง คืน สปริงเทียบกับตัวใหม่ ความสูงต่างจากตัวเก่า เกือบ 2 ซ.ม.สปริง 4 ขด ใหม่-เก่า ยังสูงไม่เท่ากันเลย อะไร หรือบริการอะไร ที่ร้าน ศูนย์ แนะ ถ้าคุณไม่พร้อม ก็ไม่ต้องทำ จากคุณ : Hacker1 เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 11:39:44

ความคิดเห็นที่ 14 ผมไปทำ เมื่อกลางปีที่แล้ว  เจ้าของอู่ให้ผมขับลองเอง โดยมีเจ้าของอู่นั่งไปด้วย จากคุณ : w2000 เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 17:44:24

ความคิดเห็นที่ 15 เรื่องที่ จขกท. บ่นมา ผมขอแสดง คห. เหมือน / ต่าง ดังนี้นะ 1. ทำเบรค-ช่วงล่าง ก็เห็นด้วยครับว่า ไม่จำเป็นต้องลากรอบให้ถึงเรดไลน์ แต่ก็ต้องเข้าใจด้วยว่า ถ้าสถานที่ทดลอง มันค่อนข้างจำกัด บางทีมันก็ต้องการการเร่งเครื่องเร่งความเร็วให้ถึงความเร็วที่ต้องการทดสอบ ในระยะเวลา/ระยะทางที่สั้นที่สุดด้วยเช่นกันนะครับ เรื่องนี้ ผมเองก็เคยโดน กับร้านพี่เค้านี่แหละ แต่ผมเห็นว่า มันไม่ได้ทำบ่อยๆ ก็เลยมองอีกมุมนึงว่า มันอาจแสดงออกถึงสัญญาณปัญหาบางอย่างขึ้นมา ให้คุณเห็น/รู้ (โดยที่ถ้าเป็นคุณขับ จะไม่มีทางรู้เลย) ก็ได้นะครับ 2. ส่วนการทดสอบเบรค / ช่วงล่าง อันนี้ ไม่เห็นด้วยว่า ควรทำเบาๆ ครับ ลองคิดง่ายๆ แค่ว่า ทำเสร็จแล้ว ไปทดลองเบาๆ ก็ดูเรียบร้อยดี แต่พอคุณไปใช้งานจริงๆ  มีเหตุฉุกเฉินให้ต้องใช้เบรคและช่วงล่างเต็มประสิทธิภาพ ปรากฏว่า มันมีความบกพร่องขึ้นมา จนทำให้คุณประสบอุบัติเหตุ  คุณคิดว่ายังไงครับ ? ส่วนเรื่องสถานที่ทดสอบ อันนี้ก็เห็นด้วยครับ เพียงแต่ มันก็เป็นเรื่องยากเหมือนกัน  ไม่งั้น ร้านก็ต้องย้ายไปอยู่ชานเมือง หรือ มีสถานที่ทดสอบเป็นของตัวเอง ไม่งั้นก็เปิดร้านตอนกลางคืนดึกๆ  ให้ลูกค้าไปส่งรถตอน 4-5 ทุ่มแทน 3. เรื่องอายุสปริง / โช้คอัพ - สปริงก่อน  จริงๆ แล้ว วิธีจะทดสอบว่า อายุใช้งานมันหมดหรือยัง ก็ทำได้ เพียงแต่ ผมเข้าใจว่า มันเสียค่าใช้จ่ายพอสมควร และไม่คุ้มกับการทำ เค้าถึงมีอายุใช้งานคร่าวๆ ออกมาให้ลูกค้า/ผู้ใช้รถ รู้ไว้และให้ปฏิบัติตาม แต่คุณจะทำตามหรือไม่ก็ได้  เพราะมันเป็นผลกระทบต่อคุณเองล้วนๆ อย่างรถ Toyota 3 รุ่นที่ผมเคยใช้ สปริงข้างนึง เบิกศูนย์ เส้นละ หลักร้อยเองครับ เก๋งเล็กก็ไม่เกิน 500 เก๋งใหญ่ก็เกิน 500 แต่ไม่ถึงพัน ถ้าคิดว่า อยากจะทดสอบสภาพสปริงเพื่อจะได้รู้ว่า มันต้องเปลี่ยนหรือยัง แค่ค่าแรง/ค่าจ้างทดสอบ ผมว่าก็ไม่ค่อยคุ้มแล้วครับ - โช้คอัพ ไม่ใช่ว่าแค่รั่ว ถึงจะถือว่าเจ๊ง ในโช้คอัพก็มีน้ำมัน ใช้งานๆ ไป มันก็ต้องเสื่อมสภาพ อย่างน้ำมันเครื่อง เปลี่ยนหนนึง 3-4 ลิตร เค้ายังกำหนดให้ใช้งานแค่ราวๆ 1 หมื่นโลเอง แล้วในโช้คอัพ น้ำมันมันมีอยู่นิดเดียว (เดาว่าไม่น่าถึงลิตร) แต่คุณใช้มันมา 5 หมื่นโลขึ้นไป คิดว่า น่าจะถึงอายุหรือยัง ?  ตอนนี้ รถผมเองเปลี่ยนจากโช้คติดรถจากโรงงาน ไปหาโช้คยี่ห้อระดับปานกลางยี่ห้อนึง ใช้มาแล้ว 1.8 ปี 75,000 โล รู้สึกได้เลยว่า มันยวบยาบละ ไม่หนึบเหมือนก่อน ทั้งๆ ที่มันไม่รั่ว ไม่ตาย ครับ ผมขอยกตัวอย่างข้ามไปที่ ยางรถยนต์แล้วกัน  คุณคิดว่า ยางรถยนต์มีอายุการใช้งานเท่าไหร่ ? - ดู กม.ที่วิ่ง - ดู ระยะเวลาที่เปลี่ยนมา - ดู ความลึกดอกยาง - ดู ความแข็งของดอกยาง หลายๆ คน บอกว่า อายุใช้งานยาง แค่ 2 ปี หรือ 50,000 โล  ส่วนคุณเชื่อว่า เท่าไหร่ครับ ??? แก้ไขเมื่อ 03 ก.ค. 53 18:32:12 จากคุณ : P_Wut เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 18:28:54

ความคิดเห็นที่ 16 ลูกค้าประจำร้านนี้เหมือนกัน ที่เคยเอารถไปทำร้านนี้นะ 1. MITSUBISHI SPACE WAGON 2.0 GLXi A/T 2. HONDA CIVIC FD 1.8S A/T 3. CHEVROLET OPTRA 1.6LS 4. NISSAN Tiida 1.6S A/T ปกติ เวลาลองรถ ร้อยละ 90 จะไปลองกับ พี่เสว ครับ ที่เหลือจะเป็นน้องชายแก ล่ะครับ แต่ไม่ว่าครั้งไหน สำหรับผมนะ ยังไม่เคยเจอกดถึง redline หรือ เบรคจี้ๆ หรือ จ่อท้าย คันหน้าเลยอ่ะ แต่จริงๆ ถ้าคุณนั่งไปด้วย เห็นเค้าลองแบบนั้น ก็น่าจะบอกเค้าได้นะ บางทีเค้าอาจจะลืมตัวก็ได้ ว่าแต่ คุณไปลองกับใครอ่ะ เดี๋ยว คุณ kroner คงมาชี้แจงแหละ จากคุณ : เด็กบูรพา เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 21:52:56

ความคิดเห็นที่ 17 ผมเคยไปทำหลายครั้งอยู่ก็ไม่เคยเจอแบบรับไม่ได้นะ อาจจะมีเร่งๆเบรคแรงๆบ้าง ผมว่าจริงๆถ้ารับไม่ได้ก็น่าจะพูดไปเลยนะครับ เพราะยังไงก็รถเรา จากคุณ : dmesg เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 22:44:00

ความคิดเห็นที่ 18 เคยเจอครับ city ผม มันเครื่องพันสาม เฮีย แก กดคันเร่ง เข็มวัดรอบ กวาดไปเกือบถึง เรดไลน์ ตัวผมเอง ยังไม่เคยลากไปถึง สี่พันเลย รายการที่เข้าไปทำคือ เปลี่ยน สปริง กะ ช๊อค จากคุณ : buda เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 23:04:58

ความคิดเห็นที่ 19   ผมว่า ไม่พอใจก็เปลี่ยนร้านเลยสิครับ ไม่เห็นต้องมา ดิสเขาขนาดนี้ จากคุณ : Deknoi01 เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 53 01:53:34

ความคิดเห็นที่ 20   #17 ไอ้ตอนที่อยู่บนรถไปกับขาซิ่ง จะกล้าบอกใหมนั่น แอร์ก็หนาวแต่เหงื่อเราก็เริ่มออก นั่งเกร็ง ลุ้นว่า จะปาดหน้าใครอีกป่าว จะเบรคทันใหมหว่า นึกในใจเฮ้ยๆๆๆๆ จะชน จะชน เฮ้ยยยยยเกียร์รถกรู ยางแท่นเครื่องแท่นเกียร์จะฉีกใหม kickdownอีกแย้ว เรดไลน์เอย เอ้าาาาเบรคดังเอี๊ยดดดด ยางรถกรูเพิ่งเปลี่ยนมาไม่นานเอง เดี๋ยวยางไม่กลมนะ นึกไปต่างๆนาๆ ไม่ทันได้บอกคนขับหรอกว่า "ผมไม่พอใจการขับของคุณ ผมจะเปลี่ยนร้านแล้ว" ผมไม่กล้าบอกว่ะ กลัวเค้าไม่พอใจ รถเราก็อยู่ในมือเค้า กลัวรถเราจะเป็นอะไรมากไปกว่านั้นถ้าเราเกิดไปขัดใจคนขับเข้า #19 หลังจากการซ่อมครั้งนั้น ผมเปลี่ยนร้านแล้วเด้อ ถ้าการออกมาตำหนิในข้อผิดพลาดของทางร้าน + แนะนำให้ร้านทำอย่างไร ว่าเป็นการ discredit ผมว่า คุณใจแคบมากไปเยอะเลยอะ #15 ข้อ 1,2. ทดสอบเบรคช่วงล่าง ไม่ต้องเรดไลน์ก็ได้ครับ รถว่างๆหน่อยก็ไต่ความเร็วไปให้ถึงแล้วก็ทดสอบกันไป ยืนยันครับว่า kickdown ,Redline มันไม่เห็นจะเกี่ยวกับการทดสอบช่วงล่างกับเบรคยังไงเลย ถ้าบอกว่าสถานที่ไม่อำนวย ถนนไม่โล่ง เลยจำเป็นต้องทำ อ้าว แล้วไม่คิดเผื่อว่ามันจะอันตรายต่อการเกิดอุบัติเหตุหรือไม่ล่ะ เท่าที่ผมเคยเอารถไปให้ช่างที่ศูนย์บริการในต่างประเทศเพื่อดูปัญหาของช่วงล่างที่หลวม ก็ไม่เห็นเค้าขับได้อันตรายแบบนี้นะ ข้อ3. และตอบ #13 ที่คุณ p_wut ถามมาว่า "แล้วในโช้คอัพ น้ำมันมันมีอยู่นิดเดียว (เดาว่าไม่น่าถึงลิตร) แต่คุณใช้มันมา 5 หมื่นโลขึ้นไปคิดว่า น่าจะถึงอายุหรือยัง ?" และ "รู้สึกได้เลยว่า มันยวบยาบล่ะ" มันเป็นความรู้สึกไงครับ ทำไมไม่ใช้วิทยาศาสตร์+เครื่องมือมาวัดล่ะ ไม่ก็ไปถามคนที่ผลิตรถนั้นๆขึ้นมาครับว่า 5 หมื่นโล โช๊คหมดอายุการใช้งานแล้วหรือยัง ผมว่า บริษัทรถเค้าออกแบบมาให้อายุโช๊คอยู่ที่ประมาน 3ปีแสนโล ถึงมีการรับประกัน 3ปีแสนโล แสดงว่าสำหรับการใช้งานปรกติ ไม่ขับทรมานรถแบบนี้ ผมว่า แสนโลสบายๆ ไม่งั้นเค้าไม่รับประกัน 3ปีแสนโลหรอก ไม่งั้นพอถึง5หมื่นโล คนจะแห่มาเคลมกันทั้งประเทศเลยนะ โดยอ้างแบบที่คุณบอกมาว่า มันยวบยาบแล้ว คือ จะเปลี่ยนโช๊คทุก 5หมื่นโล มันก็ย่อมดีกว่าเปลี่ยนตอนแสนโลอยู่แล้วแหละ ของใหม่ก็ย่อมดีกว่าของเก่าแน่ๆ แต่ของเก่า..มันเสื่อมจนถึงจุดที่เป็นอันตรายต่อการขับขี่ปรกติหรือไม่ต่างหาก ถ้ามันเสื่อมเลยจุดอันตรายไป ก็แสดงว่าโช๊คตัวนั้นมีปัญหาจากการผลิต ไปเคลมกับบริษัทรถเอา เพราะเค้าออกแบบมาให้ใช้ได้ถึง3ปีแสนโล จากคุณ : ์ฺNB 1.6 เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 53 12:59:22 A:125.27.217.133 X: TicketID:273111

ความคิดเห็นที่ 21 ผมเองมีประสบการณ์ดีๆ กับร้านนี้ พอมี กระทู้นี้เลยอยากให้ ทางผู้เกี่ยวข้องมาชี้แจง อยากให้ฟังความหลายๆด้านด้วยเหมือนกัน ลองดูครับ จากคุณ : -=Jfk=- เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 53 21:56:42

ความคิดเห็นที่ 23 " ผมว่า บริษัทรถเค้าออกแบบมาให้อายุโช๊คอยู่ที่ประมาน 3ปีแสนโล ถึงมีการรับประกัน 3ปีแสนโล แสดงว่าสำหรับการใช้งานปรกติ ไม่ขับทรมานรถแบบนี้ ผมว่า แสนโลสบายๆ ไม่งั้นเค้าไม่รับประกัน 3ปีแสนโลหรอก ไม่งั้นพอถึง5หมื่นโล คนจะแห่มาเคลมกันทั้งประเทศเลยนะ โดยอ้างแบบที่คุณบอกมาว่า มันยวบยาบแล้ว " คุณคิดว่า โช้คอัพ มันเป็นอะไหล่สิ้นเปลืองมั้ย ? ในบรรดายี่ห้อรถ ที่เค้ารับประกัน 3 ปี/แสนโล แต่หลายรายการต่อไปนี้ ก็ไม่รับเคลม หากยังไม่เกิน 3 ปี/แสนโล ครับ เช่น - ยางล้อ - แบตเตอรี่ - ยางปัดน้ำฝน - หลอดไฟ เพราะเค้าถือว่า เป็นอะไหล่สิ้นเปลือง มีการเสื่อมสภาพตามอายุ/ตามการใช้งาน  ทั้งๆ ที่ 4 รายการข้างต้นนี้ ในรถหลายคัน ก็ใช้เกิน 3 ปี/แสนโล นะ แต่หลายคันก็ใช้ไม่ถึง กรณีโช้คอัพ หลายยี่ห้อรถ ก็รับประกันแค่ปีแรกปีเดียว (เช่น Chevrolet) เกินกว่านั้น ก็ต้องจ่ายตังค์เอง  แต่อีกหลายยี่ห้อ เค้าไม่ระบุชัดเจน ซึ่งผมว่า เค้าเลือกระหว่าง ราคาค่าอะไหล่ใหม่ชิ้นนึง+ค่าแรงติดตั้ง กับ ความพึงพอใจของลูกค้าครับ ซึ่งมันขึ้นอยู่กับภาวะการแข่งขันในตลาด ที่คุณยกเรื่องการทดสอบ/วัดผลให้ชัดเจน  ผมก็เห็นด้วย เพียงแต่ผมบอกไปแล้วว่า มันไม่น่าคุ้มที่จะทำ (เอาแค่ค่าแรงถอด-ใส่ ตั้งศูนย์รอบนึง ก็เท่าไหร่แล้ว) เพราะถ้ามันคุ้ม บรรดายี่ห้อรถที่รับเคลมโช้คอัพกันง่ายๆ  เค้าก็คงไม่ให้เคลมกันง่ายๆ  แต่คงให้ศูนย์ลงทุนมีเครื่องมือนั้น ประจำทุกศูนย์รถ ใครหน้าไหนจะมาเคลม ก็เอารถลูกค้าเข้าทดสอบวัดผลกัน ให้ลูกค้าดูกันเห็นๆ เลยว่า โช้คมันสภาพดีอยู่ ยังไม่สามารถเคลมได้ หรือว่า ถ้ารถพ้นการรับประกันแล้ว ก็วัดผลให้ลูกค้าดูเลยว่า มันหมดสภาพแล้ว สมควรเปลี่ยน ปล. ผมคิดง่ายๆ ว่า ถ้าการวัดผลสภาพโช้คอัพ มันทำกันง่ายๆ ไม่แพง (ทั้งการทำ และการลงทุนเครื่องมือ) และได้ผลการวัดที่ชัดเจน มันก็น่าจะมีร้านทำช่วงล่างเยอะแยะที่มีเครื่องมือที่ว่านี้ และวัดผลให้ลูกค้าดูก่อนจะขายชุดใหม่ โดยไม่ต้องมานั่งโฆษณา บรรยาย โน้มน้าวลูกค้ากันแบบนี้ จากคุณ : P_Wut เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 09:20:03

ความคิดเห็นที่ 24 ก่อนจะตอบในข้อสงสัยของท่าน จขกท. (ขออภัยที่ไม่พิมพ์ชื่อตามบัตรผ่านของท่าน) เพราะผมใช้คอมพิวเตอร์ 2 เครื่องเปิดอ่านแล้ว ปรากฎว่าชื่อบัตรผ่านของท่านแสดงผลแตกต่างกัน ที่เห็นอ่านได้ก็แค่ NB1.6 ส่วนตัวอักษรด้านหน้าNB1.6 นั้นปรากฎตัวอักษรที่ผมพิมพ์ไม่ถูกน่ะครับ ก่อนจะทำการชี้แจง ก็ต้องขอขอบพระคุณทุกความคิดเห็นของทุกๆท่าน ไม่ว่าความเห็นของท่านจะออกมาในเชิงบวกหรือเชิงลบ และต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่งหากท่านได้มีประสบการณ์ตรงกับบริการของทางร้าน แล้วไม่ได้รับความพึงพอใจกลับไปครับ ผมขอเรียนชี้แจงข้อสงสัยในประเด็นต่างๆของท่านเจ้าของกระทู้ในรายประเด็น ตามด้านล่างนี้นะครับ ^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^ เรียน คุณKroner และบุคคลากรของร้าน เวลาลองรถลูกค้า ขอร้องเถอะ 1. อย่า เรดไลน์บ่อย แม้มันจะไม่ใช่รถของคุณ แต่ช่วยนึกถึงความรู้สึกเจ้าของรถที่นั่งไปด้วย "ลูกค้ารักรถทุกคน" นะ อันที่จริงไปทดสอบเบรคและช่วงล่างนี่นา ทำไมต้อง เรดไลน์ อะ ค่อยๆไต่ความเร็วขึ้นไปก็ได้นี่นา พอความเร็วถึงที่คนลองรถคิดว่าน่าจะพอที่จะทดสอบเบรคช่วงล่าง ก็ค่อยทดสอบประสิทธิภาพเบรคช่วงล่างกัน ** ตอบ ** ในระหว่างการทดสอบรถ อาจจะต้องมีการเร่งความเร็วเพื่อให้ทิ้งห่างรถที่ตามหลังมาพอสมควร เพื่อมิให้ขณะที่ทำการทดสอบ ซึ่งอาจจะต้องมีการเหยียบเบรค ลดความเร็ว หรือโยกรถเปลี่ยนช่องทาง จะไปรบกวน หรือสร้างความตกใจให้กับรถที่ตามหลังมาครับ โดยฌฉพาะการทดสอบบางอย่าง ต้องกระทำขณะที่รถอยู่ในมุมเงย(ขึ้นสะพาน) หรือทำในขณะที่รถอยู่ในมุมหัวทิ่ม(ลงสะพาน) ซึ่งขณะเร่งเครื่องขึ้นสะพานที่สูงชันและพยายามสร้างระยะห่างจากรถคันหลัง อย่างสะพานพระราม 3(บ้างท่านเรียกว่าสะพานกรุงเทพ2) อาจทำให้เกิดเสียงอื้ออึง ฟังดูเหมือนลากรอบสูงกว่าปกติได้ครับ อย่างไรก็ตาม โดยข้อเท็จจริงประการหนึ่งคือ ในรถยนต์ปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถที่ใช้เกียร์ออโต ไม่สามารถเร่งเครื่องยนต์ขณะขับขี่ ให้ลากรอบไปถึง Redline หรือขีดแดงได้ เพราะเกียร์จะเปลี่ยนขึ้นเอง หรือไม่ยอมเปลี่ยนลง แม้ว่าจะพยายาม kickdown ก็ตาม ส่วนเกียร์ธรรมดานั้น การลากรอบเช่นนั้น รถก็จะตื้อ ทำให้ไม่สามารถเพิ่งระยะห่างกับรถคันหลังได้อยู่ดีครับ >>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>> ขอต่อข้อ 2 ด้านล่างนะครับ จากคุณ : kroner เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 13:50:05

ความคิดเห็นที่ 25 2. ถนนที่ใช้ลองเช่นบนสะพานกรุงเทพ 2 และถนนพระราม3 ซึ่งรถเยอะ ทางลงสะพานก็ชัน เบรคดียังไงก็เหอะ อาจมีอุบัติเหตุหนักๆได้ง่ายมาก ถ้าเจ้าของอู่และบุคคลากรของทางร้านซึ่งขับซิ่งเกินเหตุ โดยการปาดซ้ายปาดขวา ขับจี้คันหน้าแบบน่ากลัวมากๆ เข้าใจครับว่าคนที่เอารถไปลองเค้าชำนาญทาง+มีความมั่นใจในการชับของตัวเองมาก แต่อยากให้เผื่อด้วยว่าถ้ารถเกิดชนขึ้นมา จะชดเชยความเสียหายให้เจ้าของรถหรือไม่ ไม่นับว่าเกิดทำเพื่อนร่วมทางบาดเจ็บเสียชีวิตเข้า จะฝันร้ายไปตลอดชีวิต ทั้งคนที่ขับรถไปลองและเจ้าของร้านนะ ** ตอบ ** โดยข้อเท็จจริงคือ การทดสอบเบรคบนสะพานนี้ แบบนี้ มักจะไม่ค่อยทำกันครับ แต่มีข้อยกเว้นสำหรับรถบางรุ่น ที่มีความจำเป็น เพราะมุมกด หรือมุมเงย มีผลต่อการทดสอบการทำงานของวาวล์ปรับแรงดันน้ำมันเบรคครับ รถเหล่านี้ได้แก่รถฟอร์จูนเนอร์ วีโก้ หรือแม้แต่รถที่มีการติดตั้ง LSPV มา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีการปรับตั้ง LSPV ด้วยแล้ว การทดสอบเบรคในมุมกด มุมเงยต่างๆ แบบที่อยู่บนสะพานนั้นเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้แน่ใจได้ว่า ก. ในขณะที่ท้ายรถต่ำ(มุมเงยขึ้นสะพาน - เสมือนมีน้ำหนักบรรทุก) LSPV ให้การทำงานที่เหมาะสม และเพียงพอต่อการเบรคและควบคุมรถ ข. ในขณะที่ท้ายรถสูง(มุมกด – ท้ายรถเบา จำลองการเบรคฉุกเฉินที่เบรคเร็วจนท้ายยก) เพื่อทดสอบว่า LSPV จะไม่จ่ายแรงดันน้ำมันมากเกินไป จนอาจจะทำให้ล้อหลังล็อกก่อนล้อหน้า เกิดอาการท้ายปัดเป๋ สูญเสียการควบคุมรถได้ โดยเหตุที่เลือกให้มีการทดสอบบนสะพานพระราม 3 นี้ เพราะมีความได้เปรียบตรงที่เนินสะพานมีความสูงชัน(ได้มุมมาก) และมีความยาวทอดไกลมากพอที่จะทิ้งช่วงห่างด้านหลัง เพื่อไม่ให้เป็นที่รบกวนรถหลังที่ตามมา ส่วนที่ดูเหมือนว่าจะจี้ชิดด้านหน้านั้น เป็นเพราะต้องการเพิ่มระยะห่างรถคันหลังให้มากเท่าที่จะทำได้ และผู้ทดสอบทราบดีว่ากำลังจะลดความเร็วรถลงมา (ซึ่งรถคันหน้าจะค่อยๆทิ้งห่างรถทดสอบออกไปเอง) ทำให้เกิดช่องว่างหน้า/หลังระหว่างทำการทดสอบนั้นโดยอัตโนมัติน่ะครับ ส่วนการทดสอบช่วงล่างนั้น บางครั้งการเบรคลดความเร็วบนสะพานอย่างข้างต้น อาจจะต้องทำบ้าง เพราะบางครั้งการปัดเป๋ หรือดึงขณะเบรคนั้น มีผลมาจากช่วงล่างที่ไม่สมบูรณ์ได้เหมือนกัน อย่างกรณีที่เจอบ่อยก็คือการยุบตัวลงไม่เท่ากันของโช๊ค/สปริง ด้านหน้า เพราะมุมกด ขาลงของสะพาน สามารถจำลองการยุบตัวอย่างมากของช่วงล่างด้านหน้าได้ชัดเจน แม้ทดสอบความเร็วจะเพียงแค่ 90-100 กม./ชม. แต่ออกอาการได้เสมือนว่าขับที่ 130-150 กม./ชมได้ครับ การเปลี่ยนช่องทาง มีนัยว่าเพื่อทำความเร็ว หรือทิ้งระยะให้ได้ระดับหนึ่ง หรืออาจจะเป็นการโยกรถให้แสดงอาการบางอย่างได้ครับ เพราะเราตระหนักดีว่า การทดสอบรถนั้นมีความเสี่ยง หลายๆที่จึงมักไม่ค่อยจะทดสอบรถกันเท่าไหร่ แต่เหตุที่เราต้องทดสอบรถนั้น เพื่อการวิเคราะห์ปัญหาที่แม่นยำขึ้น หรือแม้แต่ทดสอบความเรียบร้อยอย่างที่ควรจะเป็นครับ ทั้งนี้ต้องขออภัยที่ทำให้ท่าน จขกท. เกิดความไม่สบายใจในขณะที่นั่งไปด้วย เคยมีกรณีที่รถออกไปทดสอบ จอดติดไฟแดงอยู่เฉยๆแล้วรถ จยย. มาล้มใส่ซะง่ายๆ แต่โชคดีที่ท่านเจ้าของรถอยู่ในเหตุการณ์ด้วย ท่านจึงเข้าใจดีว่าอุบัติเหตุนั้นเกิดจากเหตุปัจจัยภายนอกที่ไม่ได้มาจากผู้ทดสอบครับ เพราะความเสี่ยงนี้เอง หากเกิดอุบัติเหตุขึ้นจริงๆ โดยที่ท่านเจ้าของรถอยู่ด้วย ท่านก็จะรับรู้ได้สาเหตุของอุบัติเหตุได้ด้วยตัวท่านเอง เพราะไม่ว่าใครย่อมไม่ต้องการให้เกิดอุบัติเหตุหรอกครับ อย่างไรก็ตาม หากท่านผู้มีอุปการะคุณท่านใด ไม่ประสงศ์จะให้ทำการทดสอบรถ ทางร้านก็ยินดีรับปฏิบัติครับ เว้นเสียแต่ว่าสอบประวัติอาการ และตรวจสอบด้วยวิธีต่างๆแล้ว ยังขาดความชัดเจนในการวิเคราะห์ จึงมีความความจำเป็นที่จะต้องออกทดสอบรถแล้ว หากท่านไม่ยินดีให้ช่างขยับรถเพื่อทดสอบ ก็สามารถแจ้งได้ครับ >>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>> จากคุณ : kroner เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 14:06:25

ความคิดเห็นที่ 26 ** ตอบ ** ในข้อ 3 นั้น มีคำถามซ้อนกันอยู่ ประกอบกับความเชื่อและความคิดเห็น กระผมขอเรียนตอบเป็นส่วนๆดังนี้ครับ ** ท่านจขกท.-ถาม ** ไม่น่าที่จะต้องเบรคหนักขนาดนั้น ถึงกับเอบีเอสทำงาน + ยางร้อง ยางมันจะไม่กลมเอานะ นี่เป็นวิธีเดียวของทางร้านที่จะทดสอบประสิทธิภาพเบรค ช่วงล่างงั้นหรือ ? ในการทดสอบเบรค ถ้าเป็นการปรับเบรค ที่มีการปรับ LSPV อย่างพวก Vigo Fortuner หรือ Innova นั้น การทดสอบ”เบรค”ลักษณะนี้มีความจำเป็นมาจาก 2 สาเหตุครับคือ ก. เป็นการกระตุ้นวาวล์ให้ทำงานตามตำแหน่งที่ปรับตั้งไว้ ซึ่งมักจะเป็นการเหยยีบเบรคเร็วๆ ที่ความเร็วต่ำ ด้วยการเร่งเครื่องออกรถสั้นๆเพียง 4-5 เมตรแล้วเหยียบเบรคเร็วๆ ให้รถเกิดอาการโยกตัวไปข้างหน้าหรือข้างหลังสัก 4-5 ครั้งจน ABS ทำงาน โดยอาศัยหลืบเว้าของบาทวิถี บนถนนเส้นพระราม 3 ซึ่งมีจุดปลอดภัยอยู่หลายจุดครับ ข. เป็นการทดสอบเพื่อความมั่นใจว่าในภาวะการเบรคฉุกเฉิน รถจะไม่สูญเสียการควบคุมจากการปรับเบรคที่ไม่เหมาะสมครับ โดยการจำลองการเบรคในขณะที่รถลงเนินตามสะพานข้ามแยก ซึ่งช่วยให้เห้นความรุนแรงของอาการ โดยไม่จำเป็นต้องทำความเร็วสูงมากนัก เพราะเพียงแค่ 100 กม./ชม. รถอาจจะแสดงอาการได้ราวกับวิ่งที่ความเร็วสูงถึง 130 กม./ชม.ได้ครับ ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัยของท่านเจ้าของรถ หากเกิดเหตุการคับขัน โดยการทดสอบลักษณะนี้จะทำเมื่อมีระยะห่างจากคันหลังมากพอสมควร จากการเร่งหนีห่างรถคันหลังให้มากพอครับ ส่วนการทดสอบ”ช่วงล่าง”ลักษณะเบรคให้ล้อล็อกจน ABS ทำงานนี้มีความจำเป็นน้อยมาก แต่ยังคงมีความจำเป็นที่ต้องเบรคแรงบ้าง เพื่อหาเสียงของช่วงล่างที่เกิดเสียงขณะยุบตัวครับ ** ท่านจขกท.-ถาม ** ไม่มีวิธีอื่นที่ปลอดภัยกว่าการซิ่งสุดๆแล้วเบรคดังสนั่นบนถนนหลวงหรือ ? ต้องทรมานรถขนาดนั้นถึงจะเห็นปัญหาของรถงั้นหรือ ? ไม่มีวิธีอื่นที่ปลอดภัยกว่าการซิ่งสุดๆแล้วเบรคดังสนั่นบนถนนหลวงหรือ ? ** ตอบ ** การทดสอบบนแท่นทดสอบนั้น ก็มีข้อจำกัดน่ะครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการยุบตัวของช่วงล่าง การถ่ายเทน้ำหนักของรถขณะเร่งเครื่อง เบรค หรือการโยกเปลี่ยนเลน การหักเลี้ยวโดยที่รถกำลังเคลื่อนที่ ฯลฯ อย่าว่าแต่ศูนย์บริการเลย แม้ในประเทศที่เจริญแล้ว การทดสอบบนถนนยังถือว่าเป็นสิ่งจำเป็น ในการจำลองอาการ ยืนยันปัญหา หาสาเหตุ วิเคราะห์ปัญหา และทดสอบความเรียบร้อยคู่ไปกับเจ้าของรถก่อนส่งมอบงานครับ แต่ที่อู่จำนวนมากละเลยสิ่งเหล่านี้ ก็คงเพราะชั่งใจแล้วว่าได้ไม่คุ้มเสีย ทั้งในเรื่องความเสี่ยง การสูญเสียเวลาของช่าง และความไม่พอใจของลูกค้าที่ขาดการอธิบายทำความเข้าใจเสียก่อนอย่างกรณีของท่านจขกท. เป็นต้น โดยปล่อยให้มีปัญหาแล้วค่อยให้ท่านนำรถกลับเข้ามาแก้   เพราะคิดว่าแม้ว่าจะทดสอบรถเป็นอย่างดีแล้ว ใช่ว่าจะปลอดปัญหาที่ลูกค้าจะต้องนำมับปรับ มาแก้ได้อย่าง 100% น่ะครับ >>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>> ** ท่านจขกท.-ถาม ** เคยฟังรายการคุณอาของชาวพันทิปที่จัดรายการวิทยุ บอกมาประมานว่า เจอช่างซ่อมรถที่ใหนที่เร่งคันเร่งให้เครื่องยนต์ดังสนั่นอู่ ให้เขกกระบาลมันที แล้วรีบเดินออกจากอู่อย่าได้รีรอ เพราะไม่รู้ว่าช่างมันจะเร่งคันเร่งหนักขนาดนั้นไปหาพระแสงอะไร ผมว่าประมานเดียวกับการทดสอบประสิทธิภาพเบรค ช่วงล่างของร้านคุณ kroner นะครับ ** ตอบ ** ท่านผู้จัดรายการท่านนั้นได้กล่าวไว้อย่างถูกต้องแล้วครับ เพราะการเร่งเครื่องรอบสูงๆ ในขณะที่รถจอดอยู่นั้น น่าเขกกระบาลช่างจริงๆ เป้นลูกน้องผม ก็ต้องรีบหยุดการกระทำ และตำหนิโดยทันทีครับ โชคดีที่ผมไม่ได้ซ่อมเครื่อง โอกาสที่ช่างจะทำจึงไม่มีโอกาสครับ ส่วนที่ท่านจขกท.เปรียบเปรยว่าประมาณเดียวกันกับเหตุการข้างต้น ก็คงต้องขอเอาเหตุผล คำชี้แจงข้างต้นของผม ที่มีต่อข้อสงสัยต่างๆของท่านมาประกอบดูก่อนครับ ว่าจะเป็นประมาณเดียวกันหรือเปล่าครับ >>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>> ** ท่านจขกท.-ถาม ** ** ตอบ ** ในประเด็นนี้ ผมจำได้เคยเห็นกระทู้ข้อสงสัยเรื่องสปริงและโช๊คแบบเดียวกันนี้ ซึ่งถูกโพสเมื่อ ราวเกือบ 2 ปีก่อนด้วยบัตรผ่านที่ใช้ชื่อว่า”หมอมิงค์” ซึ่งสมาชิกหลายท่านได้กรุณาให้ความคิดเห็น รวมถึงผมก็ได้เข้าไปตอบในกระทู้นั้นด้วยแล้ว ผมไม่แน่ว่าท่านเจ้าของกระทู้จะเป็นท่านเดียวกันกับคุณหมอมิงค์หรือเปล่า หากนำเรื่องเดิมๆมาตอบในนี้อีก ก็คงจะยืดยาว (ต้องขออภัย เพราะตอนนี้ก็ตอบมายาวมากแล้วล่ะครับ) หากท่าน จขกท.เป็นคนละท่านกันกับคุณหมอมิงค์ ก็น่าจะหาอ่านได้ไม่ยากในคลังกระทู้ครับ >>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>> ** ท่านจขกท.-เขียนไว้ว่า ** ปล. ทางร้านแก้ปัญหาตัวรถได้ดีพอสมควรแล้วครับ แต่แค่อยากให้ทางร้านหาวิธีทดสอบเบรคช่วงล่าง ให้ปลอดภัยและถนอมรถลูกค้ามากกว่านี้อะ จากคุณ : ์ฺNB 1.6 ** ตอบ ** ท้ายนี้ ในส่วนของปัจฉิมลิขิตของท่านจขกท. สะท้อนให้เห็นว่ามีเจตนาดี อันนี้ต้องกระผมต้องขอขอบพระคุณครับ ในถ้อยความที่ท่านเขียนมา ดูเหมือนว่ามีประสบการณ์เข้ามารับบริการทั้งช่วงล่างและเบรค ทำให้เนื้อหาออกมาดูเหมือนตำหนิในหลายๆด้าน ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นต่างกรรมต่างวาระกันก็เป็นได้ หากนำข้อสงสัยเหล่านี้ มาร้อยเรียงกันในกระทู้นี้ที่เดียว อาจทำให้เนื้อหาในส่วนของข้อสงสัยของท่าน ดูการปฏิบัติการทดสอบรถของช่างในแง่มุมต่างๆไม่เป็นเหตุ เป็นผลได้เหมือนกันครับ ซึ่งประเด็นเรื่องความจำเป็นของการทดสอบรถในรูปแบบต่างๆ หรือการวิเคราะห์ปัญหานั้น เป็นสิ่งจำเป็น เพราะการแก้ไขปัญหาที่ถูกจุดนั้น ไม่ได้มาจากความชำนาญ ฟันธงเอาแต่เพียงอย่างเดียว หรือเพียงเพราะรับทราบจากการบอกเล่าอาการ หรือใครมาบอกกันตรงๆว่าเสียตรงนั้น ตรงนี้ เพราะกับดักตัวสำคัญที่ช่างพึงระวัง เพื่อหลีกเลี่ยงแก้ไขปัญหาให้กับลูกค้าที่ล้มเหลว แม้เรื่องง่ายๆไม่ซับซ้อนอย่างระบบเบรค หรือช่วงล่างก็คือ การที่ช่างอาศัยความชำนาญเดาฟันธงปัญหาไปโดยที่ไม่มีการตรวจสอบหน้างานจริง แล้วแล้วลงมือแก้ไขไปตามความเชื่ออย่างนั้น ท้ายที่สุดมันก็จะแก้ไขไม่ตรงจุด ซึ่งที่ถูกต้องแล้ว การแก้ไขปัญหาใดๆ ย่อมมีขั้นตอนจากเบาไปหนัก จากถูกไปแพง บนพื้นฐานของข้อมูลที่ประเมินได้จากการตรวจสอบ และทดสอบเพื่อยืนยันปัญหาให้แม่นยำครับ ตัวผมยังไม่เคยเชื่อความรู้สึกตัวเองว่าตรงโน้นเสีย ตรงนี้เสียเลยครับ ต้องพิสูจน์ทราบให้แน่ชัดก่อนครับ บางครั้ง อาจจะมีสาเหตุที่ลึกกว่านั้นซ่อนอยู่ครับ จากคุณ : kroner เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 14:09:10

ความคิดเห็นที่ 27 แจ๋ว ครับ คนคิดว่า มีปัญหา มาตั้งถาม คนที่ ถูกถาม เข้ามาชี้แจงตอบถกกันด้วยเหตุผล คนบริโภค ได้ประโยชน์เต็มๆ จากคุณ : -=Jfk=- เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 17:04:20

ความคิดเห็นที่ 28 พึ่งเห็นกระทู้นี้ เล่าประสบการณ์ให้ฟังสักหน่อยก็แล้วกันนะครับ พี่เขยของผมซื้อ Musso 3.2 ต่อไปจากผมแล้วก็ไปจัดการซ่อม โอเวอร์ฮอลต่างๆ จนเรียบร้อย  ปกติช่างที่พี่เขยผมไปซ่อมรถด้วยจะเป็นช่างที่มีชื่อเสียงพอควร ไม่งั้นพี่เขยผมไม่กล้าไปใช้บริการ  แต่เชื่อไหมครับว่า มากกว่าครึ่งของร้านทั้งหมดที่พี่เขยผมไปใช้บริการ หลังจากซ่อมรถเสร็จ ไม่เอารถออกไปลอง แค่ติดเครื่องไว้ที่ร้าน ขยับนิดหน่อย  คงด้วยไม่อยากให้ตัวเองต้องไปเสี่ยงกับอุบัติเหตุบนถนนในการลองรถลูกค้า ไม่อยากรับผิดชอบ  อีกอย่าง ถ้ารถมันไม่เรียบร้อยก็ให้ลูกค้ากลับมาทำใหม่ได้อยู่แล้ว ผลคือ รถ Musso ของพี่เขยผมมีปัญหาพังเป็นประจำหลังจากออกจากอู่ อาทิเช่น เครื่องพังที่มอเตอร์เวย์  เกียร์พังบนโทลเวย์ ชนท้ายชาวบ้านที่ศรีนครินทร์ ซึ่งเหตุการร์มักเกิดหลังจากเอารถออกจากอู่    ด้วยเหตุว่าช่างซ่อมไม่เรียบร้อย 100%  แล้วเผิญพี่เขยผมเป็นประเภทขับมิดคันเร่ง  ซึ่งผมต้องบอกพี่เขยผมว่า ต้องสั่งให้ช่างมันเอารถไปลอง ถ้ามันไม่ลองแล้วงานไม่เรียบร้อย คนที่ตายคือพี่เขยผม พี่สาวผมก็เป็นม่าย หลายผมก็กำพร้าพ่อนะดิ   สู้ให้ช่างมันเอาไปลอง ถ้าพลาดมาคนตายคื่อช่าง  เสียรถช่างมัน  ยังไงเราก็เรียกร้องภายหลังได้ถ้าต้องการ  แต่เสียพี่เขยไปมันไม่คุ้มกับการไม่ลองรถแบบเต็มที่ของช่าง     ช่างที่ซ่อม Musso เก่งๆ บอกว่ารถ Musso ของพี่เขยผม อายุรถ 10 ปีกว่า 160,000 กม.ช่วงล่างยังใช้ได้ดีไม่ต้องเปลี่ยนอะไร  แค่ความจริงคือ สปริงมันทรุด ช็อคตายไปแล้วสองข้าง  ช่างขับรถวนรอบอู่สองรอบแล้วก็บอกได้เลยว่าอะไรใช้ได้ไม่ได้  ที่บอกว่าใช้ได้ๆ ตอนหลังพังหมด  ตอนหลังผมจับเปลี่ยนทอร์ชั่นบาร์หน้า สปริงหลัง ช็๋อคหน้าหลังหมด พอขับดูถึงได้รู้ว่า อ๋อ จริงๆ แล้วช่วงล่างมันต้องแบบนี้ เมื่อปลายเดือนที่แล้ว พี่เขยผมบอกว่ารถเบรคไม่ค่อยดี  เข้าไปร้านใหญ่ที่ศรีนครินทร์ เขาเห็นผ้าเบรค Bendix Metal King เลบจับเปลี่ยนออกเอา TRW ใส่ให้ แล้วเจียรจาน 4 ข้าง เสร็จแล้วให้พี่เขยผมขับออกไปเลย  ก็ขับไปได้ไม่เท่าไร ชนท้ายชาวบ้าน เพราะว่าช่างมันเอารถไปรันอินหน้าผ้าเบรค พี่เขยผมโทรไปต่อว่าเขาตอบมาว่า หม้อลมเสีย ให้เปลี่ยน ดูมัน ผมเชื่อโดยสนิทใจว่า รถที่เราขับควรพร้อม 100% ในการใช้งานทุกรูปแบบ เพราะเราไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นขณะขับรถ  การขับรถช็อคอัพตาย พวงมาลัยไม่ตรง ลูกหมากหลวม อาจจะดูพอทนขับได้ แต่หากคับขันขึ้นมา สิ่งพวกนี้อาจจะฉุดเราลงนรกได้   นอกจากมีเงินซื้อรถ ก็ต้องมีปัญญา สติ และเงิน ในการดูแลรักษามันด้วย ไม่งั้นอย่าซื้อ  ฆ่าตัวเองไม่พอแล้วยังไปฆ่าคนอื่นเขาอีก ผมเชื่อว่า ช่างที่มีความรับผิดชอบ คงจะลองรถของผมตามคำสั่งของผมในขอบเขตที่จำเป็น  และผมก็ยังเชื่อว่า การรู้ถึงขอบเขตสมรรถนะของรถเป็นสิ่งสำคัญ  หลายคนบอกว่ารถเบรคไม่อยู่ ABS ไม่ทำงาน  พอไปลอง อ้าวก็ปกติ  ก็เล่นกดเบรคเบาๆ  ABS มันจะทำงานได้ไง  แล้วถ้ามี ABS ยางมันไม่สึกจนไม่กลมหรอกนะครับ รอยยางยังแทบไม่มีเลย สุดท้าย  ถ้าช่างทำอะไรรถผมที่ไม่เกี่ยวกับผมสั่ง หรือผมไม่ต้องการ ผมก็จะบอกช่างทันที ทำไมต้องเกรงใจ รถเรา เงินเราจ่าย  อาทิเช่น ผมเอารถไปเข้าศูนย์บริการ แล้วมีลูกค้าของศูนย์เขามาลองนั่งรถผม (มีการแต่งรถไว้คงอยากดู) ผมยืนดูอยู่ที่ห้องดูแลลูกค้า ผมจึงต่อว่าผู้จัดการศูนย์ว่า รถผมไม่ใช่รถเดมโม ถ้าจะลองต้องมาขอผมไม่ใช่ขอช่าง    หรือถ้าผมไม่อยากให้ช่างลองรถผมแรงๆ ผมก็จะบอก มันเป็นสิทธิของเรา  และถ้ามีความจำเป็นอะไรที่ต้องลองรถเกินกว่าที่เราคาดเดาไว้ ช่างเขาจะบอกเราเองนั่นละ แก้ไขเมื่อ 05 ก.ค. 53 18:40:11 จากคุณ : หนูน้อยต้อยตีวิด.. เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 18:37:51

ความคิดเห็นที่ 29 ขอบคุณสำหรับคำตอบครับ ยังงี้ค่อยสบายใจหน่อย จากคุณ : Neo007 เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 53 07:44:30