 |
ความคิดเห็นที่ 16 |
อย่าหาว่าละลาบละล้วง เลยนะครับ
ผมอยากทราบว่า งบที่คุณจะหารถมือสองนั้น เท่าไหร่ครับ
ที่ผมต้องการรู้ เพราะ ต้องการเตือนคุณครับ ผมเห็นมาเยอะแล้วครับ คิดง่าย ๆ แค่ อยากมีรถ สุดท่าย หาเงินไม่ไหว จอดทิ้ง ไม่ก็ต้องตัดใจขาย หรือไม่ ก็เป็นหนี้หัวโต
คนส่วนใหญ่คิดว่า รถมือสอง คือ รถป้ายแดงครับ คนคิดอย่างนี้เยอะ
แต่หารู้ไม่ว่า หลังจากคุณซื้อไป คุณต้องเจออะไรอีกเยอะแยะครับ แต่ ส่วนใหญ่ ไม่กันเงินส่วนนี้ไว้เลย
จะคิดง่าย ๆ แค่ว่า ตอนนี้ มีเงินเหลือเดือนละ 10,000 กว่าบาท
อยากได้รถราคาสัก 3 - 4 แสน ผ่อนไม่เกิน 10,000 ดาวน์ไม่ถึง แสน
บางคน ยังไม่ได้รวมค่าน้ำมันที่จะต้องจ่ายด้วยซ้ำ เพราะ คิดง่าย ๆ ไงครับ
อย่าลืมนะครับ รถมือสอง มันเหมือนซื้อล็อตเตอรี่ครับ ตาดีได้ ตาร้ายเสีย
ตาดีก็หมายถึง คุณไปเจอรถที่ดีจริง ๆ เจ้าของเดิม รักษามาก เข้าศูนย์ตลอด แต่ ที่ขาย เพราะ ต้องการเปลี่ยนรถใหม่ หรือ อาจมีความจำเป็น ต้องขายรถ เนื่องจาก เอาเงินไปใช้สิ่งอื่นที่สำคัญมากกว่า
แต่บอกได้เลย ถ้าไปเจอรถสภาพดี ราคาก็จะโหดเอาเรื่องครับ
ในทางกลับกัน หากอยากได้รถราคาถูกสุด ๆ ในรุ่นเดียวกัน ก็อาจจะเจอรถมีปัญหามาครับ ราคาก็จะค่อนข้างต่ำครับ
นอกจากนี้นะครับ ปัญหานั้น มีโอกาสเกิดขึ้นครับ ทั้ง รถใหม่ และ รถเก่า
ยิ่ง รถปีใหม่ ๆ ก็ยิ่งน่ากลัวครับ อย่าง รถบางคัน ออกมา ไม่ถึงปี ขายแล้ว เป็นผม ผมก็ไม่ซื้อหรอกครับ มันแปลก ๆ ใครจะยอมขาดทุนหละครับ อย่างสมมติ ตอนนี้ เต็นซ์ไหนมี NISSAN MARCH เป็นมือสองขายอยู่ ผมก็ไม่กล้าซื้อหรอก ไม่รู้นะ แต่ผมตั้งข้อสังเกตไว้ก่อนเลย น่าจะชนหนักมา
ส่วนรถเก่า ก็ต้องทำใจ เรื่องค่าใช้จ่ายที่จะตามมาครับ อย่าคิดว่า รถอายุ 4 5 ปี มันจะเหมือนรถใหม่ที่ เหมือนจะยังไม่มีค่าบำรุงรักษา
เพราะรถอายุ 4 ปี เนี่ย มันกำลังจะเริ่มเรียกเงินจากกระเป๋าคุณออกไปเรื่อย ๆ ครับ
เริ่มตั้งแต่ ช่วงล่างเอย เบรกเอย ยางเอย พัดลมต่าง ๆ เอย แอร์เอย เรียกได้ว่า มันค่อย ๆ มาทีละอย่าง 2 อย่าง
เพราะฉะนั้น จะซื้อรถมือสอง ควรกันเงินส่วนนี้ไว้ด้วยครับ ผมว่า อย่างน้อย ๆ ก็ ควรจะมีเหลือเก็บอีกสัก 50 % ของค่างวด หลังหักค่าน้ำมัน ค่าทางด่วน ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ แล้ว
ส่วน อาชีพ การดูรถ เนี่ย ผมคิดเหมือน หลาย ๆ คนนะครับ ว่า พวกรับจ้างเป็นอาชีพเนี่ย ผมว่า น่ากลัวนะ เพราะ พวกนี้ อาจจะเข้าไปคุยกับเต็นซ์ก่อนว่า ถ้าพาคนมาซื้อ ให้ได้เท่าไหร่
ซึ้งผมก็เคยเจอกับตัวครับ กลายเป็นว่า ได้เงิน 2 ทางเลย คือ ได้จากเราที่จ้าง และได้จากเต็นซ์อีก และ บอกได้เลย เขาได้จากเต็นซ์มากกว่าที่ได้จากคุณครับ ที่ผมได้ยินมา ก็จะประมาณ 5,000 บาทต่อคันครับ
จริง ๆ การดูรถมือสองนั้นไม่ยากครับ ถ้าเราต้องการจะศึกษา เพราะคงไม่มีใครที่เกิดมาแล้วดูรถเป็นเลย
ทุกสิ่งทุกอย่าง ต้องเรียนรู้ครับ
ผมก็ชอบ การดูรถมือสองนะ ก็พยายามศึกษาไปเรื่อย ๆ ผมว่า มันเหมือนศิลปะอย่างนึง หรือ คล้าย ๆ กับอาชีพ นักสืบ อะไรสักอย่างนี่เหละ
ประเด็นคือ เราต้องมีความละเอียดให้มากที่สุด และพยายามหา ข้อสงสัยของรถให้ได้ ว่า ตรงไหน มันผิดปกติ ดูมันทุกจุดนั่นเหละครับ ทุกชิ้น
ผมเชื่อว่า ต่อให้ อู่ซ่อมห้างก็เถอะ ทำสีดีแค่ไหนก็ตาม ถ้าซ่อมทำออกมา ก็ต้องมีร่องรองเหลือไว้ครับ อย่างน้อยก็ ร่องรอยการพ่นแล็กเกอร์ ที่บางที เอานิ้วลูบดู เสียงมันก็ดัง "ฟืด ๆ"
คือ ของอย่างนี้ ต้องศึกษาครับ ดูรถมันหลาย ๆ คันครับ พยายามหา ข้อสงสัยให้ได้มากที่สุด
และที่สำคัญ ในการดูรถ หรือ ซื้อรถนั้น อย่าใจร้อนครับ ถ้าคุณไปดูคันแรกแล้วซื้อเลยนี่ เรียกว่า ใจร้อนมากครับ
อย่างน้อย ๆ ควรมีสัก 3 คัน อย่างต่ำครับ ผมเชื่อว่า เมื่อคุณดูรถรุ่นเดียวกัน 3 คัน คุณจะพบข้อแตกต่างของมันเองครับ
จริง ๆ การซื้อรถเต็นซ์ ก็ต้องทำใจครับ ว่า รถที่มาโชว์นั้น ผ่านการเก็บสีมา ผ่านการทำโน่นทำนี่มา เป็นเรื่องปกติครับ ไม่อย่างนั้น คงขายไม่ได้
ส่วนรถบ้าน ก็จะสภาพเดิม ๆ ครับ มีรอยขูดขีดรอบคัน เบาะภายใน โดยเฉพาะสีครีมอาจจะดำสกปรก คอนโซล อาจจะเลอะเทอะ ห้องเครื่องสกปรก ไฟอาจจะแตก ซึ่ง ถ้าเอามาขาย ก็ไม่มีใครอยากซื้อเท่าไหร่
ดังนั้น เต็นซ์ พอไปจับรถมา ก็จะต้องมาแปลงโฉมกันใหม่หมด ซักพรม ทำความสะอาดเบาะ ห้องเครื่อง ขัดสีใหม่ ทำห้องเครื่องใหม่ ถึงจะวางขาย
ถ้าถามว่า ซื้อ รถบ้าน หรือ รถเต็นซ์ดีกว่ากัน
เป็นผม ผมเลือกรถเต็นซ์ครับ สาเหตุเพราะ รถบ้าน เราก็ไม่รู้อีก ทะเบียนสวมมาหรือปล่าว รถขโมยมาหรือปล่าว มีเล่มทะเบียนก็จริง แต่อย่าลืม ขนาด PASSPORT ยังปลอมกันได้ นับประสาอะไร กับแค่ สมุดทะเบียน
ที่สำคัญ เราต้องไปเจอกับสภาพที่ มันไม่สวยเอาซะเลย อาจจะมีรอยขูดขีด รอบบุบ เต็มคัน ไปหมด สุดท้ายก็ไม่เอา
แล้วถ้าถามว่า เวลาเราขาย เราอยากขาย ให้กับ คนซื้อจริง ๆ หรือ ขายเต็นซ์
เป็นผม ผมก็เลือกขายเต็นซ์
สาเหตุเพราะ ได้เงินสด ๆ เลย ไม่ต้องทำอะไร อยู่เฉย ๆ แต่ต้องทำใจ เรื่องโดนกดราคา
เขามาดูรถเรา ตกลง เขาก็ไปเบิกเงิน แล้วเราก็เซ็น โอน เซ็นใบมอบอำนาจให้เขา แค่นั้น จบ
แต่ถ้าเราขายให้กับคนซื้อไปใช้จริง ๆ ส่วนใหญ่ ต้องเอารถเข้าไฟแนนซ์ แล้ว ถ้าเกิดไฟแนนซ์ไม่ผ่าน เราก็เสียเวลาอีก ขับไป ขับมา เสียเวลา เสียน้ำมัน ทุกอย่าง
นอกเรื่องไปเยอะแล้วเนี่ย เอาเป็นว่า ผมอยากให้ คุณกันเงินส่วนนึงไว้ครับ สำหรับ ค่าใช้จ่ายที่จะตามมาอีกเยอะครับ ผมเชื่ออย่างนั้น
"รถ" ส่วนใหญ่ คนไม่กระดกลิ้น มันก็จะอ่านออกเสียงว่า "ลด" ครับ
| จากคุณ |
:
Mr.VTEC
|
| เขียนเมื่อ |
:
21 ก.ค. 53 17:22:55
|
|
|
|
 |