ความคิดเห็นที่ 1 วันนี้ผมขอแวะมาทักทายสักนิด  ที่มาตั้งกระทู้วันนี้ เพราะเนื่องจากเหตุว่า ตนเองเคยทำงานอยู่ดีลเลอร์รถมาก็หลายยี่ห้อ ซึ่งก็เคยดูแลทั้งในส่วนของงานขาย / การตลาด / ลูกค้าสัมพันธ์  เห็นสารพัดลูกค้าและสารพัดพนักงาน ทั้งที่ดี น่ารัก หรือไม่ดี มีมากมาย  วันนี้จะขอออกมาเตือนให้เพื่อนๆ (ขอใช้คำว่าเพื่อนๆ แล้วกันนะครับ)  ที่กำลังจะซื้อรถใหม่ ไม่ว่าจะคันแรกของชีวิต หรือคันที่ 2 3 4 ......แล้วก็ตาม       ผมเชื่อว่าเหตุการณ์ที่จะแนะนำต่อจากนี้ต้องมีเพื่อนๆ ในนี้เจอกันมาบ้างไม่มากก็น้อยครับ  คือ “เทคนิคของเซลส์ที่   เ_วๆ ใช้“   ที่ผมออกมาพิมพ์วันนี้ ผมขอเน้นย้ำนะครับ จะมาเตือน แนะนำ ให้ระวังตัว  สำหรับเพื่อนๆ ที่กำลังจะซื้อรถให้มีความรอบคอบ ระวังให้มากกว่านี้ในการจองรถแต่ละครั้ง เงินก็ไม่ใช่น้อยๆ ที่จองไป เวลาถอนจองที่ก็ยุ่งยาก ชักช้า วุ่นวายไปหมด    และส่วนตัวเชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจว่า...ไม่ว่าจะค่ายรถไหน ดีลเลอร์ไหนพนักงานคนไหนส่วนใหญ่ล้วนแต่จริงใจ  และลูกค้าทุก ๆท่าน ก็อยากได้แต่พนักงานที่ดีๆ ดุแลเอาใจใส่ จริงใจ โดยเฉพาะพนักงานขาย และก็ยิ่งเชื่อว่าสมาชิกในนี้หลายๆ ท่านคงมีพนักงานขาย หรือทำงานด้านขายไม่มากก็น้อย...............และยิ่งเชื่อมั่นไปอีกส่วนสมาชิกที่เป็นพนักงานขายส่วนใหญ่ในนี้ จะเป็นพนักงานที่ดี(ไม่จำเป็นต้องขายรถ) จริงใจกับลูกค้า เพราะในสังคมนี้เหมือนเพื่อน พี่น้อง คงไม่มีใครที่จะมาทำร้ายกันในนี้ หากมีก็คงเป็นส่วนน้อยที่มาแฝงกับคนดีๆ และก็ไม่คุ้มเสียถ้าจะมาทำตัว เ_วๆ      หากเพื่อนๆ มีความประสงค์ที่จะซื้อรถสัก 1 คัน กับเงินทีเก็บหอมรอมริดมาเนินนาน แต่เผอิญกับจะโดนเซลส์ที่คิดว่าหน้าใสใจซื่อ มาทำร้ายเราได้อย่างเจ็บช้ำน้ำใจ จนเป็นแผลในใจว่าฉันจะไม่เข้าดีลเลอร์นี้แล้ว หรือยาวไปถึงว่าจะไม่ซื้อยี่ห้อนี้แล้วนั้น ........ วันนี้ผมจะมาแนะนำเพื่อนๆ ในวันจองรถว่าให้ตรวจสอบให้ดีก่อนนะครับ ไม่ว่าจะพนักงานขาย หลักฐาน เอกสารต่างๆ เป็นต้น จากคุณ : torti เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 53 13:35:13

ความคิดเห็นที่ 2 ใบเสนอราคา.....   เมื่อวันหนึ่ง เราชักอยากจะสนใจ อยากดูรถไว้ใช้สักคัน ด้วยหยาดเหงื่อของเรา หรือผู้อุปการคุณ ก็ตาม มันไม่ใช่เงินน้อยๆ เพราะฉะนั้น เราคงจะต้องเลือกต้องดูว่าคันไหน รุ่นไหน ยี่ห้อไหน แบบไหน สีอะไร ที่เหมาะสมกับเรามากที่สุดในขณะนั้นๆ   โดยอาจจะหาข้อมูลจากผู้รู้ อินเตอร์เน็ต จากเพื่อนที่ใช้ หรืออื่นๆ  แต่ถ้าวันหนึ่งเลือกได้แล้ว เอาหละวันนี้ฉันจะไปหาข้อมูลที่ ดีลเลอร์รถเลย..........       วันที่ท่านเดินเข้าไป เชื่อผมเถิดครับ ไม่ว่าท่าจะแต่งตัวดีไม่ดี มีเงินหรือไม่ เมื่อเดินเข้ามาแล้วทุกคนอยากขายครับ และถ้าคนไม่สนใจจะซื้อคงไม่เดินขึ้นมาดูรถจริงไหม ครับ พนักงานขายที่ดีส่วนใหญ่อยากจะบริการ แนะนำ ท่านอยู่แล้ว ผมเห็นเยอะไปครับ ลูกค้าบางท่านแต่งตัวบ้านๆๆ ธรรมดา คุยไม่กี่เท่าไหร่ จองเลย ดาว์นเยอะ ผ่อนน้อย ก็มี  บางคนแต่งตัวดูดีมากมาย แต่ดาว์นน้อยๆ ผ่อนนานๆๆ เงินทุนอาจจะน้อยก็มี  หรือ ดูเป็น 10 รอบถามคำถามเดิมๆ  ต่อรองจนพนักงานขายตัวลีบ ไม่เหลืออะไรเลย หรือแม้กระทั้งควักเนื้อก็มี ครับ เป็นต้น เพราะฉะนั้นถ้าเป็นพนักงานขายที่ดีๆ มีใจรักงานขายจริงๆ  เชื่อเถิดครับว่าเขาพร้อมจะบริการและดุแลท่านไม่ว่าจะอย่างไร      ในการพูดคุย พาไปชมรุ่นโน้น รุ่นนี้ในโชว์รูม พร้อมทั้งท่านสอบถามต่างๆ  เชื่อแน่นอนครับว่า จะต้องเจอพนักงานขายทั้งเก่า หรือหน้าใหม่  แต่ก็เชื่อเถอะครับว่า พนักงานขายบางคนไม่ว่าจะเก่าหรือใหม่โดยเฉพาะพวกที่ไม่สนใจข่าวสาร เอาแต่จะขายอย่างเดียว  บางข้อมูลอาจจะไม่ทราบเท่าท่านก็ได้ เช่น รุ่นนี้มี ABS ไหม ,ปุ่มนี้ไว้ทำอะไร เป็นต้น พนักงานขายบางคนก็ไม่แม่นครับ อาจจะเพราะไม่ค่อยขายหรือไม่เคยขายรุ่นที่ท่านต้องการ หรืออาจจะเป็นรุ่นใหม่  เป็นต้น   ยาวเกินไปแล้ว...555.....มาดูใบเสนอราคา.........ใบเสนอราคาของแต่ละที่ก็จะไม่เหมือนกัน เช่น อาจจะเป็นใบขนาด A4 มีรายละเอียดที่เขาเขียนเสนอในรุ่นที่ท่านต้องการ  หรืออาจจะเป็นใบที่เขียนลงในใบราคารถเลย เป็นต้น  ใบเสนอราคาส่วนใหญ่จะไม่มีผลอะไรครับ  เป็นเพียงแค่การคิดให้ดูคร่าวๆ ว่า รุ่นที่ท่านสนใจนั้น ดาว์นเท่าไหร่ และจะผ่อนเท่าไหร่ต่องวด ดอกเบี้ยเป็นเท่าไหร่ ของแถม ส่วนลดมีอะไรให้บ้าง  ใบนี้ส่วนใหญ่จะเป็นแบบแผนและเป็นเอกสารซีร๊อก ครับ  และใบนี้ส่วนใหญ่จะยืนยันราคาและของแถมระยะเวลาประมาณ ในรอบเดือนนั้นๆ  เพราะอะไร   MARGIN หรือส่วนลดที่ท่านจะได้รับจากพนักงานขายนั้น ทาง บ. จะมีการเปลี่ยนแปลงกันแต่ละครั้งใช้เวลาประมาณ  1 เดือนจะเปลี่ยนทีหรืออาจจะนานกว่านั้น หากไม่มีนโยบายอะไรเปลี่ยนแปลงจาก บ. แม่ หรือดีลเลอร์นั้นๆ  หรือสถานการณ์แวดล้อมภายนอก นอกเสียจากว่ามีเหตุการณ์อะไรที่เร่งด่วนหรือแปลกไปอาจจะเปลี่ยนแปลงหรืออาจจะไม่ได้ตามที่เขียนไปให้ท่านพิจารณาเร็วกว่านั้น  เพราะใบนี้อย่างที่บอกครับ แค่เสนอราคา ซึ่งอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้    แต่ท่านไม่ต้องกลัวหรอกครับ หากท่านเจอพนักงานขายที่เอาใจใส่ จริงใจแล้ว หากมีการเปลี่ยนแปลงเขาจะโทรติดต่อบอกท่านเอง เช่น พี่ครับ ราคารถจะขึ้นนะครับ จองก่อนไหม  หรือ พี่ครับ ดอกเบี้ยจะปรับราคาและนะครับ  เป็นต้น  ฉะนั้นใบเสนอราคา อาจจะไม่มีผลอะไรมากนักทางการขายนะครับ               .คราวนี้ถัดไปใบที่เป็นพระเอกสำหรับกระทู้นี้และสำคัญสำหรับท่านมากๆ .......... “ใบจองรถ” จากคุณ : torti เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 53 13:37:24

ความคิดเห็นที่ 3 “ใบจองรถ”.....    ใบนี้ผมเชื่อเพื่อนๆ หลายๆ ท่านคงโดนเล่ห์ ของพนักงานขายที่ เ_วๆ แบบนี้มาก็คงไม่ใช่น้อยๆ เรามาดูกันครับว่าแบบไหนถึงจะเรียกว่าใบจองของแท้ กับใบจองของเทียมกัน ใบจองของแท้   จะเป็นเอกสารที่ บ. ดีลเลอร์ทำมาเพื่อเป็นหลักฐานในการจองรถยนต์คันนั้นๆ ที่ท่านต้องการ จะมีรายละเอียดต่างๆ ครบถ้วนครับ เช่น วันที่จอง ชื่อที่อยู่ผู้ซื้อ รุ่นรถ เงินจอง รายละเอียดการซื้อ ของแถม ค่าใช้จ่ายวันออกรถ ลายเซนต์พนักงานขาย ผู้จัดการขาย เป็นต้น   เอกสารนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นเอกสารที่ บ. สั่งพิมพ์มาจากโรงพิมพ์เลย จึงค่อนข้างเรียบร้อย ดูดี มีแบบแผน  ส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะกระดาษมีหลายก๊อบปี้ แต่จะเป็นเลขรหัสเอกสารเป็นชุดๆ ไป  บางแห่งมี 3 - 4 -5 ก๊อบปี้ และบางทีเพื่อความไม่งง จะมีการลงรายละเอียดว่า เอกสารใบนี้สำหรับใคร และเป็นสีที่แตกต่างกัน เช่น ใบที่ 1 บ.เก็บ ใบที่ 2 ให้ลูกค้า ใบที่ 3 ให้เซลส์เก็บ เป็นต้น เพื่อเป็นหลักฐานในการจองรถ     เอกสารจะสมบูรณ์ใช้ได้เป็นใบจองได้นั้นก็ต่อเมื่อต้องลงรายละเอียดที่สำคัญทั้งหมด และต้องมีลายเซ็นของผู้จองรถ พนักงานขาย และผู้จัดการขาย ไว้เป็นหลักฐาน จากคุณ : torti เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 53 13:38:29

ความคิดเห็นที่ 4 แล้วเอกสารไหนล่ะ...........ที่ไม่ใช่ใบจองจริงที่ออกให้จาก บ. ....   เอกสารที่ส่อว่าเซลส์อาจจะตุกติก ขี้โกงเราคือ  นำใบจองเปล่าๆ นั้นแหละครับ มาซีร๊อก เป็น 10ๆ ชุด แล้วนำไปจองกับลูกค้า หากเจอเหตุการณ์ เช่นนี้ สันนิษฐานไว้ได้เลยว่า ไอ้นี่ไม่น่าไว้ใจแน่ๆ  ทำไมไม่ใช้ใบจองจริงๆ (ยกเว้นใบเสนอราคานะครับ)  เหตุการณ์เช่นนี้เกิดบ่อยครับ ที่ผมเจอมาบ่อยๆ คือ   พนักงานขายจะนำเอกสารปลอมนี้ ไปจองกับลูกค้า  โดยลูกค้าก็ไม่ผิดครับเพราะฉันจะทราบได้ไงว่าใบจองจริงหรือไม่ ฉันก็จองไปซิ.....เซลส์ที่เ_ว  ได้บริสุทธิ์ใจนั้น อาจจะ .....จะนำเงินของท่านไปหมุนใช้ก่อนครับ จนพอถ้ามีลูกค้ารายที่ 2 จองมาจึงนำเงินท่านลูกค้าที่2  ไปจ่ายจองที่เป็นลูกค้ารายแรกทำการจองไป หมุนวนไปเรื่อยๆ ถ้าไม่สะดุด ก็อาจจะไม่เป็นไร แต่หากสะดุดขึ้นมานี่ละครับ  งานงอกเลย......เป็นต้น   ลูกค้าจะเริ่มผิดสังเกตุ ทำไมรถยังไม่ได้ เอกสารใบเสร็จทำไมมาช้าหรือยังไมได้มานานแล้ว อ้างโน้นนี่ไปเรื่อยๆ อย่างฟังไม่ขึ้น เป็นต้น  ฉะนั้น เวลาเพื่อนๆ ไปจองรถ ไม่ว่าจะที่โชว์รูม(ควรขอใบเสร็จรับเงินเลย) หรือไปจองที่บูธ/งานแสดงต่างๆ   หรือเซลส์มาจองถึงบ้าน ให้ตรวจสอบเอกสารใบจองให้เรียบร้อยก่อนนะครับ วิธีการตรวจสอบคร่าวๆ ว่าเงินเราเข้า บ. เป็นที่เรียบร้อยนะ 1.หากนำเงินจองให้พนักงานขายไป ตรวจสอบเอกสารใบจองรถว่าควรจะเป็นอย่างที่ผมบอก 2.ตรวจสอบโดยโทรกลับไปที่ บ. หลังจากจองรถแล้ว ว่าเลขที่เอกสารใบนี้เซลส์คนนี้เบิกมาเพื่อมาจากสำหรับเราใช่ไหม อาจจะโทรไปสอบถาม ผู้จดัการขาย /ฝ่ายการเงิน/บัญชี เป็นต้น 3. เพื่อความสบายใจที่แน่นอน ขอเลขที่บ/ช ของดีลเลอร์เลยครับ และโอนเงินเราเข้า บ/ช  ของบริษัทไปเลยครับ รับรองหมดปัญหาแน่ๆ ต่อให้จะใช้ใบจองปลอมอย่างไรก็หมดสิทธิ์โกงเงินเรา เพราะเงินเข้าไปที บ. แล้ว 4. หากมีการจองนอกสถานที่ วันรุ่นขึ้นหรืออีก 2 วัน ให้เซลส์นำใบเสร็จรับเงินจองมามอบให้เรา หรือแฟกซ์เอกสารมาให้เป็นหลักฐาน หรือจะทำเป็น ATTACH FILE มาให้เราดูว่าเออ....คุณได้นำเงินเข้า บ. เรียบร้อยแล้วนะ 5.ใบจอง ควรตรวจสอบด้วยตัวเองให้รอบครอบอีกครั้งอย่างละเอียด ก่อนการเซนต์จองรถลงไปในเอกสาร เช่น เงินจอง วันรับรถ รุ่นรถ สีรถ ของแถม(อย่างละเอียด) และลายเซนต์พนักงานขาย ผจก.ขาย และเราเอง  หากมีการผิดพลาดให้เซลส์ ขีดและเซนต์กำกับไว้ จากคุณ : torti เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 53 13:41:04

ความคิดเห็นที่ 5 ก็เพราะว่าเป็น....เซลล์.....เลยตุกติก แต่ถ้าเป็น....เซล...ตัวจริงไม่มีตุกติก จากคุณ : ชักธง1 เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 53 13:41:30

ความคิดเห็นที่ 6 หากการจองรถนั้น เราใช้วิธีเช่าซื้อ...............  ในวันจองให้เตรียมเอกสารคือ บัตรประชนชนของผู้เช่าซื้อ หากคาดว่าต้องมีผู้ค้ำประกันแน่ๆ  ก็เตรียมเอกสารของผู้ค้ำมาด้วย เช่น บัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน สลิปเงินเดือน บุคแบงค์ ถ่ายเอกสารพร้อมรับรองสำเนาของผู้ค้ำ เพื่อความรวดเร็วในการพิจารณาไฟแนนซ์  ปกติการพิจารณาไฟแนนซ์เบื้องต้นจะใช้เวลาประมาณ 3 - 7 วัน ทำการปกติ  โดยวันจองรถ ท่านจะได้เซนต์เอกสารอีกอย่าคือ ใบขอตรวจสอบสินเชื่อเบื้องต้น จากนั้นทางไฟแนนซ์ จะแจ้งท่านและพนักงานขายท่านว่า ผลพิจารณานั้นผ่านหรือไม่   หากไม่ผ่าน ไฟแนนซ์จะทำใบ REJECT มายัง บ. ทาง บ.ก็จะแจ้งมายังท่านว่าไม่ผ่าน อาจจะต้องขอเอกสารเพิ่ม หรือผู้ค้ำ หากท่านจะประสงค์จะซื้อต่อ        ......แต่ถ้าหากท่านไม่ประสงค์จะซื้อแล้ว ทางดีลเลอร์ก็จะคืนเงินจองให้ ซึ่งระยะเวลาการคืนเงินจองนั้นขึ้นอยู่กับแล้วแต่ดีลเลอร์ เช่น อาจจะทุก ๆ วันที่ 10 20 30 ของเดือน เป็นต้น  ก็อยากให้ท่านใจเย็นๆ กันสักนิด เพราะบ. เขาก็มีรอบการจ่ายอะครับผม.....     การคืนเงินจองนั้นอาจจะคืนในรูปแบบโอนเข้า บ/ช ท่าน  หรือสั่งจ่ายเป็นเช็ค ก็แล้วแต่ บ. สมัยนี้แทบจะไม่มีแล้วครับที่เป็นรูปเงินสด เพราะป้องกันการโกงของพนักงานขาย และการแอบอ้างมารับแทน....  แต่หากผ่าน ไฟแนนซ์จะวิ่งไปคุยกันท่านอีกครั้งเพื่อขอเอกสารเพิ่มเติมประกอบการพิจารณา  จากนั้นท่านก็รออีกประมาณ 3- 5 วันผลอนุมัติก็จะออกมา ท่านก็เตรียมเป็นหนี้ได้เลย  โดยไฟแนนซ์จะแจ้งเป็นเอกสารมายัง บ. ว่า ผ่านแล้ว  พนักงานขายก็จะแจ้งมายังท่าน เพื่อนัดวันรับรถที่แน่นอน(หากมีรถในสต๊อก) และพนักงานขายจะเตียมเอกสารอื่นๆ เพิ่มเติม รวมถึงทำการตกแต่งรถตามของแถมที่ตกลงกับท่านไว้ ส่วนใหญ่หากของตกแต่งพร้อมจะใช้เวลาไม่เกิน 1- 2 วันแล้วเสร็จ จากคุณ : torti เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 53 13:42:55

ความคิดเห็นที่ 7 จำนวนเงินแค่ไหนที่เหมาะสมกับการจองรถ.....    ก็พูดยากนะครับว่าแค่ไหน แต่ ณ วันนี้ที่ส่วนใหญ่หลายๆ ค่ายทำกันคือ หากราคารถยนต์ไม่เกิน 1 ล้านบาท ก็จะขอเงินจองที่ 5,000 บาท ครับ แต่หากเกิน 1 ล้านบาท ก็จะจองกันที่ 10,000 บาท ครับ   แต่บางทีเพื่อนๆ อาจจจะเจอแบบว่า...พี่ครับ จองมาก่อน 1-2 พันก็ได้ครับ..........แบบนี้มีโอกาสได้ทั้งดีและไม่ดีครับ   โอกาสที่ไม่ดีคือ.....ส่อและมีแววว่าจะโดนโกงค่าเงินจองได้สูง.....มีหลายๆ ท่าน ที่โดนเช่นนี้ หาก การจอง 1- 2 พันบาท นั้นมีเอกสารหลักฐานเรียบร้อยชัดเจน(อย่างทีผมแจ้งไปข้างต้น เช่น ใบจอง/ในเสร็จรับเงิน เป็นต้น ก็ถือว่าโอเค และประเภทนี้ภายใน 2- 3 วันเซลส์จะตามให้ท่านโอนเงินมาชำระเพิ่มเพื่อทำการจอง แต่หากเซลส์สนิทกันท่าน หรือมองว่าจะจองแน่ๆ อาจจะบ้าๆๆ  เอาเงินส่วนตัวใส่เพิ่มให้ครบ เพื่อจองไปก่อนก็มีครับ  แต่หากมีแค่ใบเสนอราคาให้ท่าน (จะพบได้บ่อยตามบูธแสดง /หรืองานจัดแสดงรถทั่วๆไป ระดับประเทศเพราะต้องการทำยอด ให้ได้ยอดจองเข้ามาก่อน) และท่านจองเพียง 1- 2 พัน เซลส์ที่เ_วๆ อาจจะนำเงินท่านไปใช้ และนิ่ง และเนียนไป หากท่านไม่ตามเขา ซึ่งผมก็พบบ่อยพอสมควร  เพราะฉะนั้น พร้อมและค่อยจองเถอะครับ เพื่อสิทธิ์ของท่านเองจะได้ไม่โดนเอาเปรียบกับเซลส์ที่คดโกง และมาชื่นชมกับเซลส์ที่ดีมีจรรยาบรรณนะครับ แก้ไขเมื่อ 06 ส.ค. 53 14:09:22 จากคุณ : torti เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 53 13:48:02

ความคิดเห็นที่ 8 ทำไมละ เรตการดาว์นของผมไม่ต้องมีคนค้ำประกันนิ....และทำไมไฟแนนซ์จะขอคนค้ำเพิ่มละ..............    เหตุการณ์นี้เป็นอีกเหตุการณ์หนึ่งที่พบได้บ่อยมากๆ.......เช่น นาย ก. ดาว์นรถ ที่ 25% ซึ่งปกติไม่จำเป็นต้องมีผู้ค้ำประกัน.....แต่ไฟแนนซ์มาพบว่า เช่น 1.ฐานเงินเดือน หรือรายได้ ไม่ถึง 2-2.5 เท่าของค่างวดที่ผ่อน/เดือน บางแห่งพิจารณาจากก่อนหัก บางแห่งพิจารณาจากหลังหักคชจ. หากท่านมีประวัติการเงินที่ไม่ค่อยดี 2. การประวัติการเงินที่ไม่ค่อยดี 3.ไม่เข้าหลักเกณฑ์ในการผ่อนชำระอื่นๆ   ทางไฟแนนซ์ ก็อาจจะขอผู้ค้ำประกันเพิ่ม หรืออีกลักษณะคือ จะขอผู้กู้ร่วม โดยจะต้องเป็นคนที่มีนามสกุลเดียวกันและสืบสันดานกันมา เช่น สามี-ภรรยา /พ่อ-ลูก เป็นต้น จากคุณ : torti เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 53 13:50:05

ความคิดเห็นที่ 9 แล้ว วันไปรับรถ...จะหิ้วเงินสดไปดีไหม..........       ตอบว่าไม่ดีครับ ก่อนวันรับรถสัก 3- 4 วัน ให้สอบถามพนักงานขายของท่านให้แน่นอนก่อนครับว่า คชจ.ทั้งหมดทั้งสิ้นที่ต้องจ่ายนั้นเป็นเท่าไหร่ เพื่อ...........    ฉันได้โอนเงิน เข้า บ/ช บริษัท  หรื่อที่นิยมทำกันมากที่สุด ณ วันนี้คือ ซื้อ แคชเชียร์เช็ค หรือดร๊าฟ ดีที่สุดครับ เงินท่านและตัวท่านปลอดภัย อีกทั้ง บ.ก็ชอบด้วย ไม่ต้องมานั่งนับเงินกันปวดหัว แต่.............   หากท่านประสงค์จะรับรถวัน เสาร์ หรือวันหยุด นั้นแนะนำว่า ให้ซื้อแคชเชียร์เช็ค หรือดร๊าฟ  กับสาขาของธนาคารในห้าง เพราะหากซื้อสาขาปกตินอกห้าง วันเสาร์ เขาหยุดทำการ และดีลเลอร์จะทำการเช็คว่าสถานะเช็คยังพร้อมอยู่ได้อย่างไรละครับ.......หรือวิธีแก้ไขอีกอย่างคือ บอกให้พนักงานขายของท่าน ตรวสอบสถานะแคชเชียร์เช็ค นั้นๆ ก่อนวันไปรับรถ 1 วัน จะได้ไม่วุ่นวาย เสียเวลาทั้งคู่ครับ  ผมเคยเจอมากรณี 1 ตอนที่ยังทำงานด้านนี้อยู่ มีลูกค้ามาจากจันทบุรี ซื้อกระบะกับลูกน้องผม 2 คัน สั่งจ่ายเป็นแคชเชียร์เช็ค มาขอรับวันเสาร์ ไอ้ลูกน้องผมก็พาซื่อ ลืมเช็คสถานะของแคชเชียร์เช็คในวันศุกร์ งานงอกเลย..... วันเสาร์ลูกค้ามารับรถ ตามตรวจสอบกันจ้าละหวัน โทรหา ผจก. สาขาของธนาคาร ก็ติดต่อไม่ได้ เลยต้องโทรหาสาขาของธนาคารนั้นในห้าง ก็ได้เบอร์ผู้จัดการสาขามา โทรไปคุย ก็ได้เบอร์ ผจก สาขาที่ลูกค้าไปซื้อมา ผจก รับรองว่าลูกค้ามาซื้อจริง และผมก็ตอ้งตรวจเช็คให้ บ. แน่ใจว่าเป็น ผจก. สาขาจริงๆ  กว่าจะได้รับรถ เกือบๆ บ่าย เพราะฉะนั้นตรวจสอบให้ดีๆ ก่อนรับรถนะครับ จากคุณ : torti เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 53 13:54:47

ความคิดเห็นที่ 10 ยกมือสนับสนุนให้ซื้อแคชเชียร์เช็คครับ ฉบับละ 20 บาทเอง ปลอดภัยด้วย ไม่ต้องกลัวเงินหายหรือว่าโดนเซลล์โกง เพราะสั่งจ่ายในนามของศูนย์ฯรถ จากคุณ : BluE_CheesE เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 53 13:59:58

ความคิดเห็นที่ 11   ความรู้เน้นๆ จากคุณ : @ เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 53 14:24:26 A:27.55.206.166 X: TicketID:275744

ความคิดเห็นที่ 12 หากอยากได้รถเร็วขึ้น....พี่ต้องจ่ายเงินเพิ่มนะ...........     ตอบสั้นๆ เลยครับ ........... อย่า ........ และ ไร้สาระมากๆ          ถามว่าได้รถเร็วขี้นไหมก็อาจจะเป็นไปได้(เอาเงินไปซื้อคิวคนอื่นมา)  หรือ บ. แจ้งว่าตอนแรกหารถให้ไม่ได้ แต่ไปๆ มาๆ หาให้ได้ เลยเป็นช่องทางสบโอกาสที่เซลส์จะทำการหาเงินแบบเลวๆ เพราะฉะนั้นอย่างไปเชื่อครับ รอไปอีกนิด เถอะครับ จะยอมไปเสียเงินอีกทำไมเพื่อซื้อคิวให้ได้รถเร็วขึ้น..... แก้ไขเมื่อ 06 ส.ค. 53 14:26:13 จากคุณ : torti เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 53 14:25:50

ความคิดเห็นที่ 13 หากสมาชิก เพื่อนๆ ท่านไหน ได้ปฏิสัมพันธ์ กับพนักงานขายที่ จริงใจ ซื่อสัตย์ มีใจในงานบริการ ดูแลท่านดี ก็ช่วยสนับสนุน ให้กำลังใจพวกเขาด้วยนะครับ อาจจะเป็นคำชม การแนะนำบอกต่อ หรือให้รางวีล สินน้ำใจก็แล้วแต่เพื่อนๆ นะครับ.........เพื่อเราๆ ท่านๆ จะได้มีพนักงานที่ดีๆ จะได้ดูแลเวลาเราไปใช้บริการเขากันนะครับ.... ขอบคุณครับ........ จากคุณ : torti เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 53 14:45:43

ความคิดเห็นที่ 14 ตามอ่านจนจบครับ  (คห.13 จบยังหว่า)  ได้ความรู้เพียบ ขอขอบคุณคุณ  torti  มาก ๆ ครับ   จากคุณ : kaijang_14 เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 53 15:04:19

ความคิดเห็นที่ 15 นิดนึงนะครับเรื่องใบจอง ที่เซลล์ก๊อปปี้ใบจองมาใช้แทนของจริง ส่วนใหญ่ไม่ได้จะเอาเงินไปหมุนก่อนหรอกครับ ยิ่งบางค่ายที่รอรถนานๆยิ่งไม่ใช่ครับ เพราะเซลต้องเอาเงินเข้า บ.เพื่อให้ทาง บ.สั่งรถให้ เพราะถ้าเงินไม่เข้่า บ. ก็ไม่สั่งรถให้(เซลล์ทุกคนอยากปล่อยรถไวๆครับ) เว้นแต่ซื้อในนามนิติบุคคล แค่ส่งใบ P/O มาก็พอ ส่วนเรื่องใบเสร็จรับเงิน(จริง)เซลล์ก็สามารถนำมาให้ได้ครับ ต่อให้ใช้ใบจองปลอม "ตอนจองกับคนซื้อ" ซึ่งลูกค้าก็จะได้ของแถมครบถ้วนตามรายการในใบจอง งั้นทำไมต้อง "เขียนใบจองปลอม" ให้ลูกค้าล่ะ อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับเซลล์ว่า "จะไปทำอะไรกับใบจองจริง" จากคุณ : forfreeday เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 53 15:05:48

ความคิดเห็นที่ 16 ขอบคุณนะค่ะที่ให้ความรู้ ดีมาก ๆ เลยค่ะ กำลังจะหารถใช้อยู่พอดี จากคุณ : miykim เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 53 15:58:42

ความคิดเห็นที่ 17 ดีครับคุณ  forfreeday   ยินดีมากๆ เลยครับที่จะได้มาแลกเปลี่ยนความรู้กันเพื่อเพื่อนๆ สมาชิกจะได้ประโยชน์สูงสุด   อย่างในเหตุผลที่คุณ  forfreeday  ได้กล่าวมานั้นก็มีส่วนจริงและมีเหตุผลนะครับ        แต่ก็นั้นแหละในสิ่งทีผมมาแนะนำให้เพื่อนๆ ในนี้ทราบ ก็เป็นประสบการณ์ตรงของผมเองอะครับ ที่อยู่ค่ายรถมาก็ 3 ค่าย เริ่มตั้งแต่ระดับผช.ผจก. จนสุดท้ายมาเป็น ผจก. ดูทั้ง 3 ฝ่าย เลยพอจะมีความรู้ ประสบการณ์ มาบ้างอะครับ และสำหรับคำถามนั้นผมจะขอชี้แจ้งเช่นนี้นะครับ     เรื่องใบจองจริง นั้น  การนำเงินมาหมุนใช้นั้น อย่างที่ผมแจ้งไว้เบื้องต้นอะครับ ว่า ยกตัวอย่าง เป็นต้นเท่านั้น ซึ่งมันก็จะมีได้หลายกรณีว่าจะเอาเงินลูกค้าไปทำอะไร  แต่ส่วนใหญ่ที่ทำเช่นนี้ ก็ทำเพื่อ....ทุจริตและโกงบริษัท และลูกค้า ครับผม.....แต่ถ้าถามว่าทำไมถึงโกงคงตอบยากเพราะแต่ละคนมีเหตุผลไม่เหมือนกัน บางคนเงินไม่พอใช้ บางคน เอามามาแป๊ะกัน เป็นต้น      และผมเคยจับพนักงานของผมเอง อย่างกระทู้ที่ผมบอกไว้บ้างต้น ตอนปี 2007 จนเป็นกระทู้โด่งดังในห้องนี้  ติดคุกเป็นเวลา 6 เดือน และก็มีลูกน้องอีกคนของอีกทีม หนีคดีอยู่ (ไม่เอาเงินเข้าบริษัทฯ และใบจองเป็นการก๊อปปี้)  และอีกทั้งเหตุการณ์นี้ผมเจอจาก สมาชิกที่ PM มาหาผม ที่เป็นคนโคราช และจากดีลเลอร์ของเพื่อนผมที่ดุแลอยู่อีก แห่งด้วยครับ ที่เจอกันมา       แต่สำหรับใบเสร็จจริง ที่ผมเจอมาส่วนใหญ่ ฝ่ายบัญชี/การเงิน หรือแคชเชียร์ จะเป็นผู้ออกให้ ส่วนใหญ่จะใช้ปรินเตอร์แบบเข็ม + กระดาษต่อเนื่องแบบก๊อปปี้ โดยดีลเลอร์ทีผมเคยดูแลนั้น หากไม่ใช่ใบจองจริง และไม่มีเงินจองลูกค้ามา หรือไม่มีเอกสารการโอนเงินเข้ามายัง บ/ช บริษัทแล้ว แคชเชียร์หรือฝ่ายการเงินจะไม่สามารถออกใบเสร็จที่ถูกต้อง สมบูรณ์ให้ลูกค้าได้ โดยตัวจริงจะเก็บไว้ที่ฝ่ายบัญชี และตัวก๊อปปี้ จะให้ยังลูกค้าครับผม    สำหรับการสั่งรถนั้น นโยบายของแต่ละดีลเลอร์หรือแต่ละค่ายรถก็จะต่างกันออกไป แต่ก็เห็นจะไม่หนีไปกว่ากันมากนักอะครับ  แต่โดยส่วนใหญ่ พูดแบบรวมๆ กว้างๆ นะครับในส่วนที่จะคล้ายๆ กัน 1. ในแต่ละปีจะมีการ forecast เป้าขายของแต่ละดีลเลอร์ ว่า ปีหน้าจะขายกี่คัน เพื่อ บ.แม่จะเป็นแนวทางในการวางแผนการผลิตในปีหน้า ซึ่งส่วนใหญ่ ผู้ forecast นั้น ก็จะเป็น กรรการบริหาร / MD /ผจก.ขาย /ผจก.การตลาด(ถ้ามี) /ผจก.ศูนย์บริการ /สต๊อกรถ  เป็นต้น   และเราก็จะส่งเอกสารไปยังบ.แม่ ครับผม ส่วนใหญ่จะทำกับปลายปีหรือไม่ก็ช่วงไตรมาสแรกของปีถัดไป 2. หลังจาก FORECAST ไปแล้วนั้น แต่ละที่ก็จะต้องจัดการกับเป้าที่ตัวเองตั้งไว้ให้ได้เพื่อประโยชน์ของดีลเลอร์เอง.....(ตรงนี้ของดอธิบายนะครับไม่งั้นจะยาวมากๆ)  โดยการสั่งนั้นจะต้องประชุมรายเดือน กับทาง DM หรือ ZM ที่บ.แม่จัดมาให้ดูแลดีลเลอร์เรา อีกครั้ง เพื่อให้ทราบสถาการณ์การขายของเรา ของดีลเลอร์โดยรวม ของคู่แข่ง และของตลาดโดยรวม  เพื่อจะปรับเปลี่ยน การสั่งรถจริงให้เหมาะสมกับสถานการณ์นั้นๆ 3.  การสั่งรถ ก็ใช่ว่า เราจะได้ทุกรุ่นที่สั่งไป ตามที่ forecast ไว้ เพราะต้องขึ้นอยู่กับสภาพบริษัท ตลาด ลูกค้า คู่แข่งขัน เป็นต้น  เช่น เดือน สิงหาคม นี้  เราจะเริ่ม forecast สั่งรถในเดือนหน้าโดยจะเอาสถิติการขายในเดือนก่อนนั้น และปีที่แล้วในเดือนเดียวกัน สภาพตลาด ลูกค้า คู่แข่ง และการจองเข้ามา มาพิจารณารถที่จะสั่งมาขาย แน่นอนครับ รถที่ฮอตหรือขายดีย่อมมีดีลเลอร์ รุมสั่งมากเป็นธรรมดา แต่ก็ต้องเข้าใจว่าคงไม่ได้ตามนั้นทั้งหมด จึงทำให้ เกิด back order มากมาย รวมถึงรถที่ค้างสต๊อก มากมายในรุ่นที่ไม่นิยม   เพราะฉะนั้นถามว่าใบจองมีผลต่อการสั่งรถไหม มีครับ ถูกต้องครับตามที่คุณ  forfreeday  กล่าว แต่มันก็ไม่ได้หมายตามนั้นได้ทั้งหมดอะครับ จะต้องอาศัยปัจจัยอื่นๆๆ ด้วย ด้วยความเคารพ ครับ.... แก้ไขเมื่อ 07 ส.ค. 53 10:09:04 แก้ไขเมื่อ 06 ส.ค. 53 23:06:39 จากคุณ : torti เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 53 16:02:05

ความคิดเห็นที่ 18 สำหรับท่านอื่นๆ ที่มิได้ตอบเป็นการส่วนตัว ถ้าเห็นว่าเป็นประโยชน์ก็ขอบคุณครับ      ผมมีบทความที่เคยทำไว้อีก กำลังพิจารณาว่าจะเอามาลงดีไหม.....ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเตรียมตัวในการ จอง ซื้อ รถครับ จากคุณ : torti เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 53 16:03:43

ความคิดเห็นที่ 19 งั้นขอต่อในกระทู้นี้เลยแล้วกันะครับ.........สำหรับเพื่อทำความเข้าใจเพื่อนๆ สมาชิก ว่า.....มันมีเรื่องราวอะไรบ้างในการซื้อ จองรถ.นะครับ    ราคารถในรุ่นเดียวกัน ยี่ห้อเดี่ยวกัน นั้น จะมีราคาเท่ากันหมดครับผม ไม่ต่างกันครับไม่ว่าดีเลอร์นั้นจะอยู่กรุงเทพ หรือต่างจังหวัด   ส่วนที่ต่าง...จะต่างกันในส่วน ของแถม และ ส่วนลดเงินสด     โดยดีลเลอร์จะเรียกว่า MARGIN  ซึ่งในแต่ละเดือนก็จะมีให้ไม่เท่ากัน บางเดือนเท่าเดิม บางเดือนเพิ่มขึ้น บางเดือนลดลง ทั้งนี้ ส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับ โปรโมชั่น หรือส่วนลดที่ บ. แม่มีให้กับดีลเลอร์ของตน  แล้วดีลเลอร์จะไปทำการบวกส่วนลดหรือของแถมเพิ่มขึ้น ซึ่งจะมีผลต่อกำไรที่ เพิ่มหรือลดลงด้วยเช่นกัน     สำหรับกำไรนั้น ผมขอยกตัวอย่างรถซิตี้คาร์ เช่น ซิตี้ วีออส ยารีส แจ๊ส เป็นต้น รถขนาดนี้ ถ้าท่านทราบกำไรต่อหน่วยแล้วท่านจะตกใจ ว่าทำไมได้น้อยนัก กำไรต่อคันที่ดีลเลอร์ได้หลังจากหักส่วนลดต่างๆ แล้ว จะเหลือกำไรต่อการขายคันละประมาณ 5,000 - 10,000 บาท / คัน เท่านั้น ไม่ได้เยอะอะไรมากมายหรอกครับ  สำหรับค่าอะไหล่ นั้น ดีลเลอร์จะได้กำไรจากการขายต่อชิ้นประมาณ 27 -35 % ขึ้นอยู่กับประเภทอะไหล่    สำหรับของแถมนั้น โดยทั่วไป แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ ครับ  คือของจาก บ. แม่(หรือที่เรียกกันติดปากว่า ของแท้)  ของ SUP (ที่เรียกกันว่าของนอก ซึ่งตรงนี้แบ่งได้อีก 2 ประเภทย่อยๆ)   ของแถมจาก บ. แม่ เป็นของที่ บ. แม่จ้างให้ SUP ที่ได้รับการรับรอง ตกลง ให้ผลิตสินค้าให้ โดยภายใต้เงื่อนไข วัสดุ คุณภาพ การรับประกัน และแบรนด์ของยี่ห้อนั้นๆ โดยทั่วไปเมื่อนำมาขาย ส่วนใหญ่จะมีราคาที่แพงกว่าของนอก เกือบๆ 50% แต่บางรายการก็จะถูกกว่าก็มี ที่พบบ่อยๆ เช่น กันสาดข้าง สคัพเพจ ถายท้ายรถ ที่อาจจะมีการพบว่าถูกกว่าของนอกได้บ้าง   ของ SUP  แบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ      1. SUP ที่ดีลเลอร์นั้นๆ ตกลง ติดต่อ ให้มาเป็นผู้จำหน่าย ติดตั้งของแถมโดยตรง อย่างถูกต้อง เปิดเผย ซึ่งพวกนี้จะจำหน่ายให้ดีลเลอร์ในราคาส่ง เช่น ฟิลม์ ยี่ห้อ _ _ _ _ _ _ รอบคัน + บานหน้าเต็มราคา 1,470 บาท แต่พอมาเป็นราคาให้ลูกค้า กลับเป็นราคา ตั้งแต่ 4,300 บาท ขึ้นไป หรือ พรมปูพื้น ราคาส่ง 250 บาท จำหน่ายให้ลูกค้า 400 - 550 บาท  เป็นต้น  ของแถมแบบนี้ส่วนใหญ่จะทำใน ไต้หวัน และจีน ราคาจะถูก ก็จะขนานไปกับคุณภาพที่จะได้รับด้วยเช่นกัน ซึ่งหาของที่ทำในไทยได้น้อยเจ้า นอ้ยรายการ อะครับ   2.  SUP ที่ พนักงานขายหามาเอง  ในลักษณะนี้ จะเหมือนกับว่า เซลส์ไปติดต่อร้านอุปกรณ์ตกแต่งเอง โดยของซื้อในราคาเซลส์ ซึ่งจะถูกกว่าที่ลูกค้าไปซื้อเองแน่นอน โดยตรงนี้ส่วนใหญ่อาจจะเป้นการทำผิดต่อดีลเลอร์ที่ตนทำงานอยู่ แต่ด้วยที่สามารถทำกำไรได้จากการขายเพิ่มเติม หรือหาของได้ถูกกว่าติดที่ดีลเลอร์(เพราะดีลเลอร์บวกกำไรเพิ่มจากของแต่งแล้ว) สร้างความประทับใจกับลูกค้า รวมถึงหากลูกค้าขอของแถมเกินมือ ก็อาจจะต้องใช้วิธีนี้ หากขอจากทางดีลเลอร์เพิ่มไม่ได้  ของพวกนี้ เช่น เบาะหนัง ล้อแม็กซ์ ชุดแต่ง เป็นต้น    ฉะนั้น..ขอแนะนำทริกในการซื้อรถเบื้องต้น(วันที่คุยรายละเอียด ตกลงการจอง)     แนะนำว่าให้เพื่อนๆ ถามพนักงานว่ามี MARGIN เท่าไหร่ ในเดือนนี้ หลังจากเซลส์บอกมาแล้ว แนะนำต่อไปว่า  ให้เซลส์ทำราคา โดย ให้ท่านเลือก หรือเน้น เฉพาะของแถมที่จำเป็นเท่านั้น เช่น ฟิลม์ กรอบป้าย+ผ้ายาง(บังคับแถม) และอีกนิดๆ หน่อยๆ พอที่เหลือให้ทำเป็นส่วนลดเงินสดครับ เพราะจะคุ้มกว่า และคุณจะไม่เสียเปรียบครับ หากไม่เห็นภาพคือเช่นนี้ครับ      บ. มี MARGIN ให้ 20,000 บาท +ประกัน  หักค่าของแถมที่ บ. บวกไว้แล้ว + รายการ(กรอบป้าย+ผ้ายาง/ฟิลม์) ประมาณ 3,500 บาท  ท่านจะเหลือเงินอีก 16,500 บาท เต็มๆ ตรงนี้อาจจะเอาไปทำเป็น หักค่าจดทะเบียน หรือแค่ พรบ. ก็ยังได้ครับ แต่ไม่แนะนำให้เอาของแถมอื่นๆ (ตรงนั้นไปซื้อเองได้ อาจจะถูกกว่าด้วย) เพราะของแถมอื่นๆ มันบวกกำไรไปอีกจากราคาส่งประมาณ 40-60% ครับผม  แทนที่เราได้จะส่วนลดที่เหลือ 16,500 บาทไปเต็มๆ แต่ท่าจะต้องโดนกินกำไรไปกับของแต่งไงครับ  นอกจากท่านจะแต่งของแท้เลยก็โอเค แต่ต้องยอมรับกับจำนวนของที่น้อยลงอย่างเห็นได้ชัด  แต่หากไม่อยากวุ่นวายต้องไปหาของมาตกแต่งเอง ก็ติดไปเลยก็ได้ครับ พนักงานขายจะได้ค่าคอมบ้างเล็กๆ น้อยๆ จากของตกแต่ง ซ฿งบางแห่งจะให้ค่าคอมเฉพาะของ บ.แม่ เท่านั้น จากคุณ : torti เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 53 16:13:36

ความคิดเห็นที่ 20 อัตราดอกเบี้ยไฟแนนซ์.........     ในส่วนอัตราดอกเบี้ยนั้น....ในแต่ละดีลเลอร์ ก็อาจจะใช้ไฟแนนซ์ไม่เหมือนกัน เพราะมีบ.ไฟแนนซ์มากมายเช่น ธนชาติ /GE /กสิกร /ไทยพณิชย์ / AYCL /ธนาคารอิสลาม /ธกส. /โตโยต้าลีซซิ่ง /ฮอนด้าลีส เป็นต้น   แต่โดยส่วนใหญ่ ก็จะมีคล้ายๆ กันอยู่จะมีต่างกันบ้างก็ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ     อัตราดอกเบี้ยนั้นจะมีราคากลางที่ออกมา ซึ่งแต่ละไฟแนนซ์ ก็จะไม่แตกต่างกันในส่วนใหญ่ แต่ก็จะมีบ้างที่ทำโปรโมชั่น เป็นช่วงๆ เพื่อกระตุ้นการเลือกใช้ เช่น เพิ่มค่าคอม หรืออิเซนทีฟ ให้กับดีลเลอร์  /มีโปรโมชั่นดึงดูดคนเฉพาะกลุ่ม เช่น ข้าราชการ หมอ เป็นต้น  หรืออาจจะเป็นการ REFUND กลับคืนไปยังลูกค้าพอคิดคำนวนออกมาทำให้ดอกเบี้ยที่จ่ายเป็นจำนวนเงินน้อยลง เป็นต้น ซึ่งอัตราดอกเบี้ยนั้น ก็จะเหมือนกับ MARGIN แหละครับ อาจะมีขึ้นมีลงได้ในแต่ละเดือน ซึ่งดีลเลอร์ หรือค่ายรถไม่ได้เป็นผู้กำหนด     จะพบว่ามีลูกค้าบางรายที่เมื่อมาสนใจจะจองรถ พบดอกเบี้ยแล้ว กลับว่าอยากได้ดอกเบี้ยถูกลง  ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ทางเทคนิคทำได้ครับ แต่ทำได้โดย ..........ก็เอา MARGIN ที่คุณจะได้นั้นแหละ ตีเป็นเงินออกมาและนำไป "ซับอัตราดอกเบี้ย" ให้ถูกลง เช่น ปกติดอกเบี้ยที่ 2.35 แต่คุณอยากได้ที่ 2.00 พนักงานขายก็จะไปคำนวนว่า มูลค่าเงินของ อัตราดอกเบี้ยที่ 2.35 และ 2.00 ห่างกันเท่าไหร่ สมมุติตลอดโครงการจะห่างกันที่ 5,000 บาท เขาก็จะเอา MARGIN ที่คุณจะได้นั้นแหละ ไป "ซับดอกเบี้ย" ให้  ซึ่งไม่มีผลอะไรเลย แทนทีจะเอาไปเป็นส่วนลดเงินสดหรือของแถม จะดีกว่า.......    รวมถึง บางท่านบอกว่า สมมุติ ดาว์น 15% ผ่อน 5 ปี ดอกเบี้ยที่ 2.45  แต่ถ้าเป็นดาว์น 20% จะผ่อนดอกเบี้ยที่ 2.35  ซึ่งถ้าคำนวนต่องวดออกมาแล้วบางทีต่างกันเพียงแค่ 30 บาทเอง แทบจะไม่เห็นผลอะไรเลย           เพราะฉะนั้นอย่ามองที่อัตราดอกเบี้ยที่ถูกลงอย่างเดียวเท่านั้น เพราะถ้าคำนวนจริงๆ คุณอาจจะไม่คุ้มเลย หรือเสมอตัวเท่านั้น ให้ดูมูลค่าเงินที่คำนวนออกมาจริง จะเห็นภาพมากกว่า จากคุณ : torti เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 53 16:15:56

ความคิดเห็นที่ 21 บางท่านที่เลือกซื้อแบบผ่อนชำระ(ไฟแนนซ์) กับซื้อสด  มักจะมีคำถามว่า....ซื้อสดนะไม่มีอะไรเพิ่มให้อีกหรือ..............    ไม่มีครับผม................ดีลเลอร์ไม่ชอบการซื้อสดครับ เพราะว่า จะได้แค่ค่าการขายรถ และของแถม เท่านั้น หรืออย่างมาก ระยะยาวท่านนำรถเข้าศูนย์ฯ ของเขา  แต่มามองทางด้านการขายนั้น  เขาไม่ชอบหรอกครับ เพระว่า ถ้ามีการแบบผ่อนชำระ ดีลเลอร์ ก็จะได้ค่าคอมจาก บ.ไฟแนนซ์นั้นๆ อาจจะเป็นเงินสด การช่วยเหลือต่างๆ การทำโปรโมชั้นพิเศษ หรือทำยอดได้ไปท่องเที่ยว เป็นต้น ทั้งนี้พนักงานขายก็จะได้ค่าคอมฯ จากจุดนี้ด้วยครับ ซึ่งแต่ละไฟแนนซ์ หรือแต่ละดีลเลอร์ ยันพนักงานขาย ก็จะได้ไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับนโยขาย ยอดขาย ของดีลเลอร์และพนักงานขาย ครับ  การเช่าซื้อแบบผ่อนชำระนั้น......ส่วนใหญ่จะเริ่มที่ 2 ปี ขึ้นไป ซึ่ง ณ วันนี้สูงสุดเท่าที่พบจะอยู่ที่ 7 ปี โดยตั้งแต่ 2 ปี  จนถึง 4 ปี อัตราดอกเบี้ยจะเท่ากัน ซึ่งเหมาะกับผู้ที่มีเงินแน่นอน และมีเงินพอไม่เดือนร้อนมากที่จะชำระค่างวดได้สูงๆ ขึ้น   .....แต่หากไม่ไหวหนักไป อัตราที่โอเคที่สุดคือที่ 5 ปี เพราะค่างวดไม่หนักมากนักและอัตราดอกเบี้ยถือว่าคุ้มที่สุดไม่หนีจาก 4 ปีเท่าใดนัก  แต่ถ้าหลุดไป 6 ปี ขึ้นไปนั้น จะมหาศาลมากมายครับ จากคุณ : torti เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 53 16:16:46

ความคิดเห็นที่ 22 มีบทความอะไร ประสบการณ์อะไร ก็มาลงเถอะครับ หลายๆ คนไม่มีโอกาสจะได้รู้ อย่างน้อยเป็นภูมิคุ้มกันการโกงได้บ้าง จากคุณ : dib2000 เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 53 16:18:42

ความคิดเห็นที่ 23 การซื้อรถในช่วง งานจัดแสดงรถ...ได้ส่วนลดของแถมมากขึ้นจริงไหม...........   ตอบว่าจริงครับ ได้เพิ่มขึ้น แต่ก็คงไม่มากเท่าไหร่ อาจจะมากขึ้นจากปกติประมาณ 5,000 - 10,000 บาท  ขึ้นอยู่กับรุ่นรถ และคำถามต่อไปว่า แล้วซื้อ จองภายในงานกับดีลเลอร์ข้างนอกละ................ต่างกันไหม    หากเป็นงานที่เป็นระดับประเทศ ส่วนใหญ่ดีลเลอร์อื่นๆ ที่ไม่ได้อยู่ในงานก็จะมีโปรโมชั่น เหมือนกันครับ เพราะหากเขาไม่ทำทุกท่านก็จะแห่ไปจองในงานกันหมด ซึ่งการเข้าไปขายในวันงานนี้ ดีลเลอร์ในแต่ละแห่งอาจจะไม่ได้ไปทุกวัน บางค่ายมีไปทุกวัน บางค่ายสลับไป บางค่ายต้องสอบไป บางค่ายแบ่งๆ กันไป เป็นต้น ขึ้นอยู่กับนโยบาบ บ. แม่ อะครับ   โดยปกติแล้ว ก่อนจะเข้างาน บ. แม่ จะเรียกดีลเลอร์เข้าประชุมทำความเข้าใจและตกลงว่า ดีลเลอร์ไปนั้นจะต้องไม่ให้ส่วนลดหรือขายตัดราคากันให้เสียภาพลักษณ์และทะเลาะกันเอง แต่เท่าที่อยู่มา 3 ค่าย..........ถึงที่สุดแล้วก็จะ.............หนีไม่พ้นครับ  เพราะฉะนั้น หากประสงค์ จะดู ภายในงานถือว่ามีให้ท่านเลือกดูเปรียบเทียบได้เยอะ.....แต่หากจะจองแนะนำจองนอกงานก็ได้ครับ ตามดีลเลอร์นั้นแหละที่ท่านสะดวก สบาย และก็จะได้ไม่ต่างกัน ด้วย จะได้ไม่ต้องไปเบียดเสียด และจะคุยได้นานจนคุณเข้าใจ มีสมาธิมากกว่าครับ จากคุณ : torti เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 53 16:19:15

ความคิดเห็นที่ 24 การผ่อนชำระแบบ  ......ENDING กับ  BEGINNING   หากท่านซื้อระแบบไฟแนนซ์ ท่านสามารถเลือกผ่อนชำระได้ 2 แบบ ในโปรแกรมปกติ คือ 1. แบบ ENDING  แบบนี้จะเป็นการชำระเงินผ่อนแบบปกติ โดยในวันไปรับรถก็จ่ายเฉพาะค่ายใช้จ่ายต่างๆ เกี่ยวกับตัวรถ เช่น ค่าดาว์นรถ /ค่าจดทะเบียน /ค่า พรบ. /ค่าประกันภัย(หากไม่มีแถม) เป็นต้น ส่วนค่างวด ก็จะชำระในอีก 1 เดือน หรือ 2 เดือนถัดไป นับตั้งแต่วันรับรถ 2. แบบ BEGINNING แบบนี้ จะต่างจากแบบแรก คือ นอกจากจ่ายค่าใช้จ่ายในวันออกรถตามปกติแล้ว ลูกค้ามีความประสงค์จะชำระค่าง่วงรถในเดือนแรกไปพร้อมกับวันออกรถเลย ซึ่งมีผลจะทำให้อัตราดอกเบี้ยจะลดลงประมาณ .10 - .15% ตลอดโครงการ แล้วแต่นโยบายของแต่ละค่ายรถนั้นๆ ป.ล.  1. หากท่านที่ซื้อรถแบบเงินผ่อนนั้น และค่ายรถนั้นๆ ไม่มีการแถมประกันให้ ลูกค้าจะต้องซื้อประกันภัยเองเป็นค่าใช้จ่ายในวันออกรถไปด้วย  สำหรับลูกค้าซื้อเงินสด จะซื้อประกันหรือไม่ก็แล้วแต่ความต้องการครับ        2. การผ่อนกับไฟแนนซ์ หากท่านใดเคยซื้อรถมากก่อน และผ่อนชำระกับไฟแนนซ์ไหนมาก่อนนั้น และหากจะซื้อคันถัดมาและได้ใช้ไฟแนนซ์เดิม ปรกติ ทางไฟแนนซ์จะทำสวนลดดอกเบี้ยให้ตั้งแต่ .05 -.20% แล้วแต่ระยะการผ่อนชำระของเดิม และประวัติการชำระเดิมครับ จากคุณ : torti เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 53 16:20:44

ความคิดเห็นที่ 25 หากมีเงินแล้วจะปิดไฟแนนซ์ก่อนกำหนดได้ไหม.........  ตอบว่าได้ครับ........เช่น ท่านตกลงเช่าซื้อรถคันนี้ เป็นเวลา 5 ปี ซึ่งท่านได้ชำระมาแล้ว 3 ปี เหลืออีก 2 ปี ปรากฎว่าอยู่ดีๆ ถูกหวย/ได้โบนัส หรืออะไรก็แล้วแต่ ท่าจะไปปิดไฟแนนซ์ทั้งหมดที่เหลือด้วยเงินก้อนนั้น  สามารถทำได้ครับ โดยติดต่อกับทางไฟแนนซ์โดยตรงครับ และแจ้งความประสสงค์ พนักงานจะแนะนำรายละเอียดให้ โดยสิ่งที่ท่านจะได้รับคือ    อัตราดอกเบี้ย หรือการคำนวนรวมมาแล้วว่าเหลือดอกเบี้ยเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่ ทางไฟแนนซ์ จะทำการลดเฉพาะ....เน้นนะครับ เฉพาะดอกเบี้ยลงให้ 30 -50%   ซึ่งคราวนี้ทางก็มาลองคำนวนดูได้ครับว่าคุ้มไหมกับการที่จะนำเงินก้อนไปปิดรถคันนั้น หากคุ้ม หรือเงินทีได้มาไม่มีความจำเป็นต้องไปทำอะไรมากมาย เป็นเงินเย็นๆ ก็เอาไปปิดเถอะครับ แต่ถ้ามีความจำเป็นที่มากกว่าก็ลองพิจารณาดูครับง ว่าอันไหนจะคุ้มค่ากว่ากัน จากคุณ : torti เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 53 16:22:19

ความคิดเห็นที่ 26 หากไปติดตั้งเพิ่ม ประกันคุณภาพจะขาดไหม หรือประกันภัยจะครอบคลุมไหม........   ประเด็นนี้แยกออก เป็น 2 ส่วนนะครับ 1.  ประกันคุณภาพ........แต่ละเจ้าก็จะมีประกันคุณภาพที่ไม่ต่างกันเท่าไหร่ เช่น 3 ปี หรือ 100,000 กิโล อย่างใดถึงก่อน เป็นต้น  หากลูกค้าออกรถไป เกิดอยากไปเปลี่ยนยางใหม่ในซีรียส์ ที่ บ.แม่ไม่รองรับตามคู่มือ หรือเปลี่ยนล้อแม็กซ์ใหม่ ที่ไม่รองรับตามคู่มือ หรือแม้กระทั้งติดแก๊ส       ขอเรียนว่า การประกันคุณภาพในส่วนที่จะมีผลกระทบต่อความปลอดภัย หรือการใช้งานตามปรกติ ที่ท่านได้ไปเปลี่ยนมานั้น จะขาดลงทันทีครับ เช่น ติดแก๊สเองภายนอก หากเกิดมีเครื่องรวนขึ้น และพบว่าเกิดจากการติดแก็ส ประกันในส่วนเครื่อยนต์นั้น จะขาดและหมดลงทันทีท่านจะเรียกร้องใดๆ ไมได้ครับผม 2. ประกันภัย........ หากท่านประสงค์จะไปติดชุดแต่งเพิ่ม และไม่กระทบต่อการที่จะทำให้ประกันคุณภาพจากการใช้งานรถต้องมีปัญหา ก็ไม่เป็นไรครับ และหากเกิดการไปเฉี่ยวชนขึ้น ประกันภัย จะครอบคุลมให้ครับ โดยมีกฎว่า เช่น การครอบคลุมส่วนควบอื่นๆ ของตัวรถไม่เกิน 20,000 บาท เป็นต้น  โดยทุนประกันภัยในปีแรก ส่วนใหญ่จะมีมูลค่า 80% ของราคารถคันที่ท่านซื้อครับ แก้ไขเมื่อ 07 ส.ค. 53 09:59:25 แก้ไขเมื่อ 06 ส.ค. 53 16:42:58 จากคุณ : torti เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 53 16:25:42

ความคิดเห็นที่ 27 การล๊อกเลขทะเบียน.........  การล๊อกเลขทะเบียนสวยๆๆ นั้น สมัยก่อน ท่านสามารถมอบอำนาจให้พนักงานขาย หรือ บ. เป็นตัวแทนท่านไปทำการดำเนินการเองได้ ครับ แต่ตอนนี้หากท่านไปพบเลขที่สวยถูกใจ หรอืท่านกะจะไปเสี่ยงหาดูเลขเอง.......     ท่านต้องดำเนินการเองครับผม......ไม่สามารถมอบอำนาจใดๆ ได้แล้วในการไปล๊อกเลขดังกล่าว ในกรุงเทพไปที่ขนส่งที่จตุจักร ในต่างจังหวัดไปดุได้ที่ขนส่งจังหวัดนั้นๆ เมื่อท่านได้เลขที่พอใจ เช่น ฎฮ 9999       ทางขนส่ง จะให้ใบจองเลขเล็กๆ  มากับท่านเป็นเลข ฎฮ 9999  ครับ  ท่านก็เอาใบนั้นแหละมามองให้พนักงานขายหรือ FAX มาให้พนักงานเพื่อเป็นหลักฐานในการจดทะเบียนตามเลขของท่านภายใน 60 วันหลังจากที่ทำการจองเลขนั้นกับทางขนส่ง โดยใช้บัตรประชาชนในการไปจองเลขนะครับ    แต่หากไม่จอง ทางบริษัทฯ ก็จะจดมาให้เลยไม่สามารถเลือกได้ครับ.......... จากคุณ : torti เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 53 16:26:47

ความคิดเห็นที่ 28 และถ้าหากจะไปจดทะเบียนเองหล่ะ.........   ทำได้ครับไม่มีปัญหาเลย.........แต่ท่านจะวุ่นวายยุ่งยากทำไมละครับ หากท่านไม่มีคนรู้จักหรือญาติในขนส่ง...........กว่าจะเดินเอกสาร กว่าจะเดินทางไปถึง คนก็เยอะ รถก็ติด ค่าเสียเวลา ค่าน้ำมัน คุ้มกันไหมเน๊ยะ.....  อีกทั้งท่านต้องติดต่อขอมัดจำชุดจดกับทาง บ.ที่ท่านซื้อรถ โดยอาจจะมัดจำชุดจดประมาณ 2,000- 5,000 บาท  หากท่านจดเรียบร้อยแล้ว เอาชุดนั้นมาคืนเขา เขาก็จะโอนเงินคืนให้ครับ  วุ่นวายดีแท้อะครับผม...........ยอมเสียค่าบริการและตัดความยุ่งยากวุ่นวายเถอะครับ......เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย..........เพราะค่าบริการไม่กี่ร้อยเอง จากคุณ : torti เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 53 16:28:27

ความคิดเห็นที่ 29 เข้ามาปาด + โหวตให้ครับ ขอบคุณครับ มีประโยชน์มากเลยครับ ดูจากวิธีการนำเสนอผมเชื่อแล้วว่าเคยทำเซลล์มาก่อนครับ อ่านแล้วน่าติดตามดี ^^ จากคุณ : Eevrastop เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 53 17:08:44

ความคิดเห็นที่ 30 ยินดีครับคุณ Eevrastop  ถ้าเห็นประโยชน์ อะครับ.... แก้ไขเมื่อ 06 ส.ค. 53 17:38:06 จากคุณ : torti เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 53 17:27:13

ความคิดเห็นที่ 31 ได้ความรู้ครับ 3 กิ๊ฟจัดไป จากคุณ : kuerer01 เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 53 19:27:04

ความคิดเห็นที่ 32   เยี่ยม... จากคุณ : toad9116 เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 53 20:02:14

ความคิดเห็นที่ 33 ให้กิ๊ฟไปเต็มๆ ขอบคุณครับ มีประโยชน์มากๆ โหวตครับ จากคุณ : Energiemann เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 53 20:51:00

ความคิดเห็นที่ 34 สุดยอดละเอียดมากครับ เออว่าแต่ซื้อรถเห็นคนต่อราคากันเยอะเลย เวลาไปหาหมอ เค้าต่อราคากันบ้างไหม ค้างคาใจมานาน ไปหาหมอที่ไรแอบแพงทุกที จากคุณ : ชาย (ชายเดี่ยวเกี้ยวกรอบ) เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 53 22:06:44

ความคิดเห็นที่ 35 พี่ torti จ๋า  forecast  จ๊ะ ไม่ใช่ forcast ขอบคุณมากๆ  สำหรับความรู้ แต่คิดว่าคงมีคนถามมาอีกแน่ ทำใจนะ จากคุณ : แม่น้องโอทู (DOOKDIG&O2) เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 53 22:12:25

ความคิดเห็นที่ 36 555....ขอบคุณสำหรับแนะนำครับ คุณแม่น้องโอทู (DOOKDIG&O2)จริงๆ ซะด้วยซิ...ผมพลาดไปได้อย่างไร  และทุกๆ ท่านครับ ขอบคุณครับที่เห็นประโยชน์ และมาเห็นด้วยกับคุณ ชาย (ชายเดี่ยวเกี้ยวกรอบ)   ครับผม ....55555 แก้ไขเมื่อ 08 ส.ค. 53 00:07:15 จากคุณ : torti เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 53 23:07:54

ความคิดเห็นที่ 37 ทู้นี้  สุดยอดว่ะ นาย  โหวต จากคุณ : tomstamford เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 00:54:29

ความคิดเห็นที่ 38 โหวตให้+เก็บเข้าคลัีงกระทู้ จากคุณ : แรมจันทร์แรมใจ เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 06:30:26

ความคิดเห็นที่ 39 คุณ  จขกท.  ครับ ขอเรื่องการต่อทะเบียนด้วยครับ   จำเป็นต้องต่อกับไฟแนนซ์ซึ่งคิดค่าบริการแบบรับไม่ได้หรือไม่ครับ จากคุณ : vegetable เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 10:01:40

ความคิดเห็นที่ 40 ตอบ  39  นะครับ  สำหรับการต่อทะเบียน(ภาษี) ในปีถัดไปนั้น ตอบง่ายๆ เลยว่า ไม่จำเป็นครับอยู่ที่ความประสงค์ของเราเองครับ...     หากจะทำเอง และหากเป็นรถใหม่ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องตรวจสภาพรถ ถูกต้องนะครับ ก็ให้ไปซื้อพรบ. ตามที่คุณสะดวกได้เลยครับผม แล้วนำหาง พรบ.นั้น รวมถึงสำเนารถ ไปต่อทะเบียน ได้ที่ขนส่งเลยครับผม เช่นในเขต กทม. ที่หลายที่เลยนะครับที่จะไปต่อได้ อาจจะเช่น หากสะดวกที่ จตุจักร ก็ไปต่อที่จตุจักร หากสะดวกต่อที่ แถวสุวินทวงศ์ ก็ไปต่อที่นั้นก็ได้ครับ    ยิ่งตอนนี้ ทางขนส่งอำนวยความสะดวก ให้แก่ผู้ใช้รถ รู้สึกว่าจะมีเป็น บูธ เป็น ฮับ ที่ห้างคาร์ฟูร์ นะครับ ก็เปิด-ปิด ตามเวลาราชการอะครับผม      สิ่งทีไฟแนนซ์หรือ บ. ในเครือ ที่เป็นโบรกเกอร์ประกัน ของไฟแนนซ์ ติดต่อมานั้น เป็นการแจ้งเตือนให้ทราบครับว่า ถึงรอบการจะชำระค่าประกันภัยรถยนต์แล้วนะ ถึงเวลาจะต้องต่อพรบ. ต่อภาษีแล้วนะ  หากจะให้เขาทำให้ เราก็ติดต่อกับไปพร้อมแจ้งรายละเอียดของเรา เขาก็จะจัดการให้ ก้แน่นอนครับ เขาก็จะคิดค่าบริการด้วยอะครับผม แก้ไขเมื่อ 07 ส.ค. 53 10:41:51 จากคุณ : torti เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 10:28:07

ความคิดเห็นที่ 41 สำหรับเรื่องการต่อประกันภัยนั้น ผมวิเคราะห์จาก 1. ประสบการณ์ส่วนตัว 2. จากที่เห็นมาจากลูกค้า ที่เข้ามาสอบถามและให้ดำเนินการให้ 3. ญาติที่เป็นผู้บริหารใน บ.ประกันภัยฯ แห่งหนึ่ง 4. เพื่อนรุ่นพี่ เจ้าของ บ.ประกันภัย........ 5. เพื่อนที่ทำโบรกเกอร์  สรุปแล้ว ได้ความว่า.....ถ้าจะลองในแง่ลูกค้าจะได้ประโยชน์สูงสุด..........แนะนำว่า ถ้าจะซื้อประกัน ให้ซื้อผ่านโบรกเกอร์ ที่เชื่อถือได้ เน้นนะครับ ที่เชื่อถือได้ ดีที่สุดครับ  เพราะ.... 1. โบรกเกอร์ เขาเป็นตัวกลางนายหน้าค้าประกันหลาย บ.  จึงมีตัวเลือกให้เราเลือกได้มากมายตามความต้องการและเหมาะสมของเรา 2. โบรกเกอร์ เขาสามารถทำราคาลดให้เราได้ โดยบางครั้งไม่ต้องไปสนใจประวัติเดิมรถของท่าน และในหลายๆ ครั้ง ซื้อจากโบรกเกอร์มีราคาที่ถูกกว่าซื้อกับ บ.โดยตรง 3. โบรกเกอร์ ที่ดี นั้น จะมีความรับผิดชอบต่อลูกค้าสูง หากเราเกิดปัญหา เราอาจจะโทรแจ้งประกันให้มาดูที่เกิดเหตุ  จากนั้นให้โทรหาโบรกเกอร์ ที่ดุแลเราครับ เขาจะจัดการที่เหลือให้เรา เช่น การต่อรองด้านราคา การต่อรองด้านการซ่อม การหาอู่ที่ดีมีคุณภาพ เหมาะสมให้เราได้ เป็นต้น   ถึงบางครั้งที่อาจจะต้องเสียค่า "เอ็กเซส" (ต้องเรียก เอ็กเซส นะครับไม่ใช่ เอ็กเซป)  โดยประกันจะเรียกค่าพวกนี้ว่า  ค่าเสียหายส่วนแรก หรือ ค่าดีดัค โบรกเกอร์พวกนี้จะไปคุย ไปชน ให้แทนเรา ทำให้เราไม่ต้องมาวุ่นวาย หรืออาจจะไม่ต้องมาเสียค่าดีดัค เลยครับผม  ผมเลยมองว่าเราหาโบรกเกอร์ ซื้อประกันดีกว่าครับ แต่ก็ต้องหาโบรกเกอร์ ที่ดี เชื่อถือได้ และเอาใจใส่ลูกค้าจริงๆ นะครับ........   สำหรับเพื่อนๆ บางท่านที่ซื้อรถ แล้วแถมประกัน หรือซื้อประกันกับดีลเลอร์ นั้นๆ  เลย พวกนี้ให้พิจารณาให้ดีนะครับ หากจะต้องซื้อหรือจะต่อในปีต่อๆ ไป เพราะอะไร.......  1. ประกันภัยแถม.....ส่วนใหญ่ เป็นการแถมมาจาก บ.แม่โดยตรง ซึ่งพวกนี้มีอำนาจ ความสามารถที่จะดึง หลายๆ บ.ประกันมาเป็นคู่ค้าด้วย โดย บ.แม่ เหล่านี้แหละ จะเปิด บ.ลูกขึ้นมา เป็น บ. โบรกเกอร์ตัวแทน ในการแนะนำ หรือขาย หรือแถมประกัน  ให้แก่ลูกค้าของตนเอง  ซึ่งถ้าแถมก็เอาไปเหอะครับดีกว่าเสียเงิน แต่หากมีปัญหาเช่น รถชน รถเฉียว พวกนี้จะไม่เหมือนโบรกเกอร์นอกทั่วไป เขาจะไม่คุยหรือช่วยเหลือเราเลย เราต้องดำเนินการเอง ติดต่อ บ.ประกันเอง ทั้งหมด (ซึ่งถ้าโบรกเกอร์ทั่วไป เราอาจจะสามารถให้เขาช่วยเราตรงนี้ได้)        ที่เขาไม่ช่วยไม่ใช่เพราะไม่มีน้ำใจนะครับ แต่เพราะว่า โบรกเกอร์แบบนี้เป็น บ.ลูกของ  บ.ค่ายรถ..... วันๆ ออกเอกสาร ติดต่อประสานงานกับรถที่ต้องขายทั่วประเทศจากดีลเลอร์ทั่วประเทศ ติดต่อกับ บ.ประกัน   เขาก็ยุ่งมากและครับ และเขาก็จะไม่มาช่วยเหลือเราเรื่องพวกนี้หรอก เขามีหน้าที่เป็นแค่ตัวกลางในการทำเอกสาร และพอสิ้นปีมีเอกสารมาเตือนเราว่าประกันหมดและนะ สนใจต่อไหม และส่วนลดจะน้อยมากหรือแทบไม่ได้ลดเลย เป็นต้น (โดนมากลับตัวเอง เพื่อนๆ น้องๆ และลูกค้า) แต่ทั้งนี้ส่วนหนึ่ง ก็ขึ้นอยู่กับ นโยบายของ บ.ประกันภัยนั้นๆ ด้วยนะครับ  2. ประกันภัยซื้อจาก ดีลเลอร์รถ..... สำหรับดีลเลอร์ที่มี โบรเกอร์เป็นของตัวเอง หรือ ติดต่อเป็นคู่ค้ากับ บ. ประกันภัย เพื่อเพิ่มรายได้อีกอย่างให้กับดีลเลอร์ในการขายประกันฯ นั้น  ถือว่ายังพอรับได้ครับ เพราะอย่างน้อยเขาอาจจะช่วยเหลือ ดูแลท่านบ้าง เน้นนะครับ...บ้าง เพราะเช่นเดียวกัน วันๆ ขายรถ ทำเอกสาร ปล่อยรถกี่คัน บางครับเขาไม่มีเวลามาช่วยคุยกับ บ.ประกันให้ท่านในเรื่องการต่อรองได้มากนักหรอกครับ  เพราะฉะนั้น หากซื้อประกันครั้งต่อๆ ไป.....แนะนำว่าให้ซื้อกับโบรกเกอร์ประกันภัยฯ (วิเคราะห์จากความเห็นส่วนตัว...หลังๆ ผมจึงใช้บริการจากโบรกเกอร์นอก ที่ไม่ใช่จาก บ. ในเครือของ บ.รถ หรือไฟแนนซ์)  แต่หาโบรกเกอร์ที่จะดูแล ช่วยเหลือ ประสานงาน หลังจากที่ท่านซื้อไปให้ดีๆ ด้วย หรือที่เรียกกันง่ายๆ  ว่า   หาที่ๆ ดูแลให้บริการหลังการขาย   ที่ดีๆๆ แก่ท่าน  ด้วยอะครับ แก้ไขเมื่อ 07 ส.ค. 53 10:40:13 จากคุณ : torti เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 10:36:32

ความคิดเห็นที่ 42 กระจ่างมาก ขอบคุณครับ แก้ไขเมื่อ 07 ส.ค. 53 11:12:35 จากคุณ : ThePeak_Friend58 เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 11:12:13

ความคิดเห็นที่ 43 ขอบคุณมาก สำหรับความรู้ครับ   สงสัยเกี่ยวกับ แคชเชียร์เช็ค ครับ แคชเชียร์เช็ค ต้องเอาเงินสดหรือถอนเงินในบัญชีไปซื้อ ทำไมจึงต้องตรวจสอบ อะไรอีกถ้าเป็นวันหยุด ส อ ครับ ถ้าต้องตรวจสอบ สอบถามกับ Call Center ของแต่ละธนาคาร ที่มีทุกธนาคาร และเปิด 24 ชม ก็น่าจะได้ครับ จากคุณ : Tan NB เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 11:25:09

ความคิดเห็นที่ 44 ดีครับทุก ๆท่าน  ขออนุญาตตอบคุณ Tan NB  นะครับ  ตามที่คุณ เข้าใจถูกต้องแล้วครับผม...แต่.........บ.ผม ที่ผ่านมา ถ้าเรียกหยาบๆ ว่า กลัวจน...ขึ้นสมอง ครับ  หรือถ้าจะใช้คำสุภาพคือ เพื่อความรอบคอบและสะดวกแก่ลูกค้า...........555......ว่าซื้อจริงไหม หรือไปยกเลิกหรือเปล่า...ผมก็เหนื่อยใจ แต่ก็ใจเขาใจเราอะครับ เงินไม่ใช่น้อยๆ ลูกค้าดีมีเยอะมากมาย แต่พวกที่แอบแฝงมาในคราบลูกค้าที่น่ากลัวก็มีไม่น้อย   สำหรับการตรวจสอบ เท่าที่ผ่านมา ไม่สามารถตรวจสอบกับ Call Center ของแต่ละธนาคาร ได้ครับ เคยทำแล้วครับ อย่างที่ยกตัวอย่างที่เคสลูกค้าจันทบุรี  ทาง ธ. แจ้งว่าต้องตรวจสอบเองกับสาขาที่ซื้อครับผม...งานเลยงอกไงครับ เอาซะแทบตาย จากคุณ : torti เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 11:43:26

ความคิดเห็นที่ 45 ช่วงหลังๆเนี่ยมีแต่ข่าว โบรกเกอร์โกงลูกค้านะครับ ผมซื้อตรงกับบริษัทประกัน แพงกว่านิดหน่อย แต่สบายใจกว่าครับ จากที่เคยเจอมากับตัว โอนเงินไปให้โบรกเกอร์ร่วม 2เดือนยังไม่ได้กรมธรรม์ แต่ทำกับบริษัทประกันโดยตรงไม่เกิน 1อาทิตย์ได้เอกสารครบ เดี๋ยวนี้เค้าก็มีส่วนลด ของแถมเยอะขึ้นด้วยครับ จากคุณ : silent_n เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 11:47:24

ความคิดเห็นที่ 46 อย่างที่คุณ silent_n  พูดมาถูกต้องเลยครับ และเยอะด้วยซิครับพวกนี้ เพื่อนๆ จึงความจะพิจารณาดีๆ  ผมถึงเน้นย้ำว่า อย่างไรให้หาโบรกเกอร์ที่ไว้ใจได้ด้วย นะครับ.........เพระถ้าหากเจอโบรกเกอร์ดีๆ แล้ว มันไม่ใช่เพียงแค่ส่วนลดอย่างเดียวอะซิครับผม เวลามีปัญหากับ บ. ประกัน ในการต่อรองบางอย่าง พวกนี้จะช่วยได้เยอะ จากคุณ : torti เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 12:08:38

ความคิดเห็นที่ 47 1 วันของ เซล = 2 อาทิตย์ โดยประมาณ แก้ไขเมื่อ 07 ส.ค. 53 12:50:32 จากคุณ : pmj (PMJ) เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 12:50:08

ความคิดเห็นที่ 48 ดีที่สุดในการจองนะครับ คือ ไปจองด้วยตัวเองที่ show room รถ จ่ายเงินจองด้วยบัตรเครดิต และรอรับใบเสร็จจากทางบริษัท ณ ตอนนั้นเลย .... ^^" จากคุณ : ผมรู้คุณก็ใช้ เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 16:48:11

ความคิดเห็นที่ 49   ได้ความรู้มากๆเลยครับ กำลังคิดอยู่เลยว่าอยากไปเป็นเซลล์ขายรถ จากคุณ : dramaangle (Dramaangle) เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 20:25:09

ความคิดเห็นที่ 50   ก่อนอื่นขอขอบพระคุณที่ให้ความรู้ที่ไม่เคยมีอยู่เลยในหัว ตอนนี้จองน้องมีนาไว้แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือ รอไฟแนนซ์นัดทำเอกสารใช่ไม๊คะ แล้วก็รออนุมัติใช่ไม๊คะ และต่อไปก็คือรับรถและจ่ายทุกอย่างที่ต้องจ่าย ถูกต้องใช่ไมํคะ ขอเรียนถามว่า ในวันรับรถ เราต้องตรวจดูอะไรบ้างคะ ต้องลองขับด้วยไม๊ และขับไปถึงไหนกันคะ ถ้ารู้สึกคันนี้ไม่ดีี เปลี่ยนคันใหม่ได้ไม๊ และ ดอกเบี้ยที่ถูกที่สุดของการผ่อนรถอยู่ที่เท่าไรคะ และสุดท้ายถามว่า ได้ของแถมเป็น สีพ่นกันสนิม กับเคลือบสี เราจะทราบได้อย่างไรว่าเค้าทำให้เราเรียบร้อยแล้วหรือไม่ และสุดท้ายอีกทีถามว่า ค่ามัดจำป้ายแดงจะได้คืนตอนไหนคะ ขอขอบพระคุณล่วงหน้าสำหรับคำตอบค่ะ และขออนุโมทนาบุญที่ให้ความรู้มากมายด้วยค่ะ จากคุณ : พิม เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 20:32:58 A:183.89.51.64 X: TicketID:140001

ความคิดเห็นที่ 51 ตอบ คห. ที่ 49 นะครับ หากอยากทำเซลส์ขายรถ จริงๆ ผมเคยไปลงบทความ กระทู้ในห้อง สีลม ไว้ อย่างละเอียดเชียว ไงลองไปอ่านดูก่อนนะครับ ถ้าคิดว่าใช่กับคุณ ก็เชิญเลยครับ http://www.pantip.com/cafe/silom/topic/B9504149/B9504149.html จากคุณ : torti เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 21:10:33

ความคิดเห็นที่ 52 ลงชื่อ่านค่ะ จากคุณ : i-Aun เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 21:21:32

ความคิดเห็นที่ 53 ตายๆๆ.....ผมพิมพ์ไปเพียบๆ พอคลิกส่งกับ erro เฮ้อ.........เอาๆๆ.....เอาใหม่... ผมตอบคุณพิม นะครับ ตามนี้นะครับ.....(เศร้า..ขอพิมพ์ย่อลงมาแล้วกันนะครับ) ----------------------------------------------------------------------------- ถาม -- รอไฟแนนซ์นัดทำเอกสารใช่ไม๊คะ แล้วก็รออนุมัติใช่ไม๊คะ ตอบ -- ถูกต้องครับ รออย่างเดียวเลยครับ หากผ่านขั้นต้นทางไฟแนนซ์จะติดต่อกลับมาขอเอกสารเพิ่มเติม พร้อมกับนัดเข้าพบครับ เพื่อเซ็นเอกสารเพิ่มครับ จากนั้นก็รอสัก 3- 5 วันทำการ  จากนั้น...ก็เตรียมเป็นหนี้ได้อย่างสมบูรณ์แล้วครับ...55 ---------------------------------------------------------------------------- ถาม -- และต่อไปก็คือรับรถและจ่ายทุกอย่างที่ต้องจ่าย ถูกต้องใช่ไมํคะ ตอบ -- ถูกต้องอีกแหละครับ ก็โทรหาพนักงานก่อนวันรับรถว่า สรุปเราต้องชำระเท่าไหร่ และมีค่าอะไรบ้าง ตรวจสอบให้ดีครับว่าตรงกันไหม ว่าจะต้องจ่ายอะไรเพิ่มบ้าง และต้องหักอะไรให้เราบ้าง(หักเงินจอง /หักส่วนลดเงินสด ถ้ามี) ----------------------------------------------------------------------------- ถาม --  ในวันรับรถ เราต้องตรวจดูอะไรบ้างคะ ต้องลองขับด้วยไม๊ และขับไปถึงไหนกันคะ ตอบ --  เอาตามลำดับขั้นเลยนะครับ 1. เดินเข้าไปติดต่อพนักงานขายและรอที่โชว์รูมเลยครับ พนักงานขายจะเตรียมอุปกรณ์ เอกสารต่างๆ มา พร้อมทั้งจะอธิบายให้ฟังถึงรายละเอียดต่างๆ 2.  เอกสารที่จะให้เซ็น ถ้ามีเอกสารการรับรถคันนั้น บอกน้องเขาไปเลยครับว่ายังขอไม่เซ็นของตรวจรถก่อน  จากนั้นตรวจสอบเอกสารต่างๆ อุปกรณ์ต่างๆ ตามใบจอง หรือใบสั่งขายรถว่าตรงกันไหม ของแถมต่างๆ ได้ครบตรงกันนะ 3. เดินไปชำระเงินที่แคชเชียร์กับพนักงานเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นเงินสด หรือแคชเชียร์เช็ค ก็เดินไปเลยครับ และตรวจอีกครั้งว่ายอดเงินตรงกันนะ พร้อมทั้งตรวจใบเสร็จต่างๆ ว่าตรงและครบถ้วน 4. เดินไปตรวจสภาพรถ อาจจะให้คนที่มาด้วยช่วยกันตรวจดู โดยให้ยึดจากเอกสารที่พนักงานขายถืออะครับ เขาจะมีรายการตรวจเป็นข้อๆ ไป ตรวจตามนั้นเลย(รวมถึงตรวจรายการของแถม ว่าตรงกับที่คุยกันตอนแรกไหม) ไม่ต้องรีบครับ..หากมีปัญหากลับมาไม่คุ้มครับ....เอาอันดับแรกๆ สภาพโดยรวมทั่วๆ ไป รอบคัน จากนั้นดูให้ละเอียดขึ้น ตรวจสภาพสี และร่องรอยต่างๆ ว่ามีไหม เอาตั้งแต่ชายล่างจนถึงหลังคาเลยครับ (หากมีฤกษ์ ก็อาจจะไปก่อนเวลาเพื่อขอดูรถก่อน เพราะรถคุณคงจอดที่ลานส่งมอบรถแล้ว หรือ อาจจะขอขยับนิดหน่อยเอาฤกษ์ให้ล้อหมุนสักหน่อยก่อน)       .....จากนั้น เปิดกระโปรงท้ายรถ ว่ายางอะไหล่พร้อมไหม เครื่องมือประจำรถพร้อมไหม ครบไหม ........ เปิดกระโปรงหน้ารถ ตรวจว่าระดับนำหรือสารเหลวต่างๆ อยู่ตรงกำหนดนะ ห้องเครื่องสภาพเรียบร้อยนะ ลองสตาร์ทครับ เครื่องเดินเรียบร้อยดีนะ     ......... เข้ามานั่งในรถ ว่าสภาพเรียบร้อยดี ไม่มีร่องรอยอะไร เบาะ /คอนโทรล /หลังคาภายใน เรียบร้อยดีนะ  หน้าปัทม์ไม่มีไฟโชว์ที่ไม่ควรจะโชว์ขึ้นตอนนี้นะ  และให้ตรวจอุปกรณ์ของแถมต่างๆ ครบไหม เรียบร้อยไหม เช่น ฟิลม์ติดเรียบร้อยดีไหม...หากมีรอยจุดๆ เป็นตามด ก็ไม่เป็นไรครับอีก 3- 5 วัน ก็จะค่อยๆ หายไปหากไม่หายให้เอากลับมาแก้เปลี่ยนใหม่ครับ เป้นต้น หากไมล์รถเกิดขึ้นไม่ใช่ 0 ก็ไม่ต้องตกใจครับเป็นธรรมดาอาจจะขึ้นสัก 10 - 15 กิโล ถือว่าปกติครับ 5. ล๊อกรถให้เรีบร้อย เดินไปเซ็นเอกสารการรับรถ  ถามว่าต้องทดลองขับไหม ไม่จำเป็นหรอกครับ เพราะไงก็รถใหม่ ลองสตาร์ท ตรวจสภาพโดยทั่วไปก็ถือว่าโอเคแล้วครับ หากอยากจะลองขับ ก็ลองถอยหน้า-ถอยหลังก็พอครับ เขาคงไม่ยอมให้ไปขับข้างนอกแน่ๆ ครับ       แต่หากตรวจแล้วรถเกิดมีปัญหาจากตัวรถ(ไม่ใช่ของแถมหรือติดตั้งเพิ่ม) เช่น มีรอยบุบ สีมีรอยสะเก็ด ก็แจ้งและไม่รับรถครับ หากเกิดเช่นนี้ ให้จดเลขเครื่อง เลขถังไว้ด้วยนะครับ  เผื่ออาจจะได้คันเดิม....แต่เหตุการ์เช่นนี้ผมทำงานมาไม่เคยเจอนะครับ เพราะเขาจะตรวจดูก่อนส่งมอบอยู่แล้ว....แต่หากเกิดจากอุปกรณ์ติดตั้งเพิ่ม..ก็ให้เขาติดตั้งให้เรียบร้อยเสียใหม่...หรอืจะมาติดแก้ไขหรือเพิ่มวันหลังก็ได้ครับ 6.  ให้ขอนามบัตรของ ผจก. ขาย /ผจก. ศูนย์บริการ /พนักงานขาย ไว้ด้วยนะครับเผื่อมีปัญหาอะไร หรือสอบถามได้ติดต่อได้ตรงเลย........ --------------------------------------------------------------------------- ถาม -- ดอกเบี้ยที่ถูกที่สุดของการผ่อนรถอยู่ที่เท่าไรคะ ตอบ --  ดีลเลอร์รถไม่ได้เป็นผู้กำหนดอัตราดอกเบี้ยนะครับ มันมีราคากลางออกมา และแต่ละไฟแนนซ์เป็นผู้กำหนดนำมาให้เองครับ  เพราะฉะนั้นบอกไม่ได้ครับว่าอะไรคือถูกสุด มันมีขึ้น-ลงตามสภาพตลาด เศรษฐกิจโดยรวมอะครับ แต่ละช่วง แต่ละเดือนอาจจะไม่เท่ากัน        แต่..............ถ้าถามว่า..... ผ่อนกี่ปีดอกเบี้ยจะถูกที่สุด ตอบได้ว่า...ผ่อนตั้งแต่ 2 ปี - 4 ปี ครับดอกเบี้ยจะถูกสุด และดอกเบี้ย 2 - 4 ปี จะเท่ากันครับ แก้ไขเมื่อ 07 ส.ค. 53 23:12:33 แก้ไขเมื่อ 07 ส.ค. 53 22:52:22 จากคุณ : torti เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 22:50:07

ความคิดเห็นที่ 54 ต่อนะครับ.......... ถาม -- ได้ของแถมเป็น สีพ่นกันสนิม กับเคลือบสี เราจะทราบได้อย่างไรว่าเค้าทำให้เราเรียบร้อยแล้วหรือไม่ ตอบ -- การแถม พ่นกันสนิม กับเคลือบสี  แบ่งออกเป็น 2 แบบใหญ่ๆ 1.  แบบครั้งเดียว... แบบนี้จะไม่มีคชจ. เพิ่มครับ ทำครั้งเดียวก่อนรถออกก็จบกันไป  ถามว่าจะดุได้อย่างไรไม่ยากครับ.....รถที่ลงจกาเทรลเลอร์มาใหม่ๆ ถึงจะเงางามมันเกิดจากการเคลือบแล็คเกอร์ ให้เงางามเท่านั้นไม่มีคุณสมบัติการปกป้องผิวสีรถ  ถึงแม้เอานิ้วลูบๆ ดูจะลื่นๆ แต่ก็ยังจะดูสากๆ นิดๆ (ลองลูบๆ รถในโชว์รูมดูครับ..และมาเปรียบเทียบกับรถเรา) หากมีการเคลือบแล้วจะเหมือนมีฟิลม์ใสๆ ปกป้องสีรถ .....นึกภาพประมาณลูกชุบอะครับ จะมีเหมือนฟิลม์ ใสๆ เกาะที่ตัวผิวของขนมอะ...เหมือนกันครับ มันจะทำให้เงากว่า ฉ่ำกว่า สัมผัสผิวสีรถ จะลื่นๆ กว่ามากๆ ส่องกับแดด ทำมุม 45องศาจะเป็นแสงสะท้อนเงาลึกมากๆ สวยสะดุดกว่ามากๆ อะครับ        สำหรับพ่นกันสนิม นั้น  ก้มดูใต้ท้องรถเลยครับ ปกติเหล็กที่มานั้น ก็จะเป็นสีดำๆ เรียบๆ เลย แต่หากมีการเคลือบมานั้น สารที่เคลือบ จะเป็นรอยฉาบบนผิวเหล็ก เป็นคลื่นๆ อะครับ  ซึ่งตรงนี้ก็แล้วแต่ตกลงว่าจะเคลือบแบบดำ หรือแบบใส(จะออกขุ่นๆ )       แต่ปกติผมไม่ชอบแถมอะครับเพราะว่า มันมีการพ่นกันสนิม เรียกว่าชุบเลยก็ได้จากโรงงานมาแล้วอะครับ แต่หากลูกค้าต้องการความมั่นใจอยากจะเอารรายการนี้ผมก็จะแถมไป... 2. แบบหลายๆ ครั้ง .... ใบแบบนี้ จะมีเช่น 10 ครั้ง 12 ครั้ง ก็ขึ้นอยู่กับการตกลงอะครับว่าจะเข้ามากี่เดือนครั้ง โดยควรจะต้องแจ้งล่วงหน้าสักนิด เขาจะได้เตรียมอุปกรณ์ไว้อะครับ แต่ๆๆๆ..........มีค่าใช้จ่ายเพิ่มต่อครั้ง ด้วยนะครับ บางที่เรียกว่าเป็นค่าแรง บางที่เรียกว่าเป็นค่าล้างรถ ก็จะตั้งแต่ 200 -400 บาท...........ผมไม่ค่อยชอบแถมแบบนี้........เพราะลูกค้าต้องมาจ่ายเพิ่ม ซึ่งผมว่าไปซื้อแพ็กเก็จ CARCARE ดีๆ ไปเลยดีกว่าครับ ราคาแทบจะไม่ต่างกันเลย....และเซลส์หลายๆ ครั้งก็ไม่ค่อยจะอธิบายให้ลูกค้าทราบว่ามี คชจ.เพิ่มนะ   อีกวิธีที่จะทราบได้คือ.........จะมีใบรับประกันให้ครับผม...........ผมเคยเอารถไปประมูลราชการ เขามีสเป็คว่าต้องพ้นกันสนิมแบบเฉพาะจุดๆ แบบละเอียดมากๆ ทั้งคัน ขนาดเป็นคู่ค้ากันโดนไปคันละ 7,000 บาทเลยครับ เพราะฉะนั้นพ่นกันสนิมที่เราได้ๆ กันไปนั้น พ่นแค่ใต้ท้องรถอะครับ ----------------------------------------------------------------------------- ถาม -- ค่ามัดจำป้ายแดงจะได้คืนตอนไหนคะ ตอบ --  จะได้พร้อมกับเอกสารกรรมธรรม์ประกันภัยรถ วันที่มาเปลี่ยนป้ายรถอะครับ  โดยวันเปลี่ยนป้ายเซลส์จะโทรแจ้งครับว่าป้ายมาแล้วนะครับ....และให้คุณเตรียม ป้ายแดง+สมุดเล่มคุมป้ายแดง+ ใบเสร็จมัดจำป้ายแดง มาด้วยนะครับ  หากไม่ได้มาเปลี่ยนด้วยตัวเอง ให้คุณถ่ายสำเนาบัตรประชาชน พร้อมเซ็นรับรองในการมอบอำนาจมาด้วยนะครับ บางที่อาจจะจ่ายเป็นเช็ค บางที่อาจจะโอนเข้า บ/ช  ไงก็ถามเขาก่อนนะครับ ได้เตรียมไปได้ถูก.........ครับ จากคุณ : torti เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 23:09:42

ความคิดเห็นที่ 55 ขอบคุณคับ เป็นกระทู้ที่เยี่ยมมาก ช่วยให้รู้อะไรอีกเยอะเลย โดยส่วนตัวตอนไปเอา CRV ก็เข้าไปดูที่ศูนย์ ลองขับ คุยเรื่องเงื่อนไข จากนั้นก็เช็ตสีรถที่ต้องการว่าเมื่อไหร่ได้รับรถ แล้วก็เอาไปเปรียบเทียบกับศุนย์อื่นคับ จากนั้นก็สรุปว่าจะออกรถศูนย์ไหน แล้วค่อยเข้าไปจองรถคับ และนัดกับเซลส์ของไฟเนนส์ให้เข้ามารับเอกสารในวันนั้นเลย เย็นนั้นผมก็ได้รับคำตอบจากบ.ไฟเนนส์แล้ว ทีนี้ผมก็ไปรับรถในอีก 2 วันผมจองรถวันพฤหัสบดีเช้า เช้าวันอาทิตย์ก็ได้รับรถแล้ว เช้าวันจันทร์ผมก็ไปจองทะเบียนที่ขนส่ง บ่ายก็FAX ไปให้ เซลส์ อีก 2 อาทิตย์ก็ได้ป้ายขาวแล้ว ฉะนั้นไม่ต้องรีบคับ ถ้าอยากออกรถใหม่ ขอแค่บริษัทมีรถให้คุณนะอะไรมันก็เร็วคับ...อิอิ จากคุณ : tongfar111 เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 53 10:08:08

ความคิดเห็นที่ 56   สวัสดีตอนเช้าค่ะ ได้ใช้เลยวันนี้ ไฟแนนซ์เพิ่งกลับไปสดๆร้อนๆ เราเลือกจ่ายแบบ begining ในคหที่ 24 ได้ลดดอกเบี้ยลงไปอีก ถ้าไม่ได้อ่านกระทู้นี้ก่อน ก็ไม่ได้ทราบว่ามีตรงนี้ด้วย โดยส่วนตัวแล้วจะควานหาทุกช่องทางเพื่อให้จ่ายในทุกส่วนลดน้อยลง (คือมีเงินน้อยอ่ะค่ะ) ขอขอบพระคุณที่ช่วยแนะด้วยค่ะ คำถามตามมาเมื่อกี้ลืมถามไฟแนนซ์ ว่าแล้วงวดต่อไปจ่ายตอนไหน หลังรับรถแล้วจาก 35 วัน เป็น 70 วันใช่หรือไม่ ก็จะกลายเป็นงวดที่ 2 ถูกต้องไม๊คะ ขอบคุณมากค่ะ จากคุณ : พิม เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 53 10:55:40 A:183.89.97.75 X: TicketID:140001

ความคิดเห็นที่ 57 แอบฉลาดน้อย ขอถามว่า ประกันชั้นหนึ่งปีแรกบังคับทำ แต่พอปีที่สอง จำเป็นต้องทำมั้ยค่ะ เราจะทำแค่ พรบ เฉย ๆ ได้มั้ย ซื้อเงินผ่อนค่ะ หรือได้เฉพาะซื้อสด.. จากคุณ : สนใจจะออกรถมั่ง (kjean) เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 53 13:11:21

ความคิดเห็นที่ 58 ดีค่ะ ขอบคุณสำหรับความรู้นะคะ จากคุณ : abelmosk เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 53 15:57:10

ความคิดเห็นที่ 59 ตอบ คห ที่ 57.....นะครับ   สำหรับปีที่ 2 หากเจ้าของรถไม่ประสงค์จะทำ ประกันชั้น 1 แล้ว ก็ได้ครับ จะทำเป็นชั้นอื่นๆ หรือไม่ทำเลยก็ได้ครับ แต่ก็จะต้องทำในส่วนของ พรบ. และ ต่อทะเบียน ทุกๆ ปีนะครับ จากคุณ : torti เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 53 16:40:25

ความคิดเห็นที่ 60 ง่ายๆสั้นๆ ไม่ได้ตามที่ตกลงไว้ หรือเล่นตุกติก ก็ฟ้องโลดสถานเดียว และเอาชื่อดีเลอร์และเซลล์ส่งสำนักงานใหญ่ว่ามีพฤติกรรมแบบนี้ จากคุณ : น้าออด เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 53 19:11:24

ความคิดเห็นที่ 61 ขอบคุณมากครับ เข้ามาเก็บความรู้^^ จากคุณ : ปลาริวกิ้น เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 53 19:39:19

ความคิดเห็นที่ 62 สอบถามหน่อยครับ  รับรถมาแล้ว  แล้วไฟแน้นส่งสัญญาเช่าซื้อและใบเสร็จมา แต่ๆๆราคาเงิินสดของรถยนต์ไม่ตรงคือราคาปกติ711200  แต่เค้าพิมพ์มา664672.90แล้วดาวน์ไป3แสน  แต่จริงๆเป็น270189.72  แล้วก็เป็นvatอีก18913บาท พอดีทำประกันคุ้มครองสินเชื่อด้วย ใบเสร็จแจ้ง 10897 บาท จริงๆไม่อยากทำแต่แฟนให้ทำ  ก็ถามจนทไฟแน้นนะว่าจะมาหักเงินดาวน์หรือป่าวเซลบอกว่าไม่ใช่เป็นการหักจากรายเดือนเเพื่มเดือนละ180กว่าบาท  เงินดาวน์เราเหลือ2.7แสนเอง  แล้วเงินดาวไมคิดvatด้วย วันที่จนท ไฟแน้นมาทำสัญญาก็เหมือนว่าเราเซ็นสัญญาเปล่าอ่ะครับ  แล้วเค้าค่อยใส่ตัวเลขทีหลัง  ที่ยอดราคารถไม่ตรงเหมือนเค้าถอดแวต แล้วค่าเบี้ยประกันออกให้เลขมันลงตัว   ยอดผ่อนเหมือนเราคำนวณราคารถ711200แล้วดาวน์3แสนอ่ะครับ คือผมเซนสัญญาเปล่านี่เหมาะสมไหมครับ  แล้วก็ถามเรื่องจ่ายงวดแรกก่อนแล้วดอกเบี้ยจะถูก  จนทไฟแน้นบอกว่าไม่เกี่ยวดอกเท่าเดิม   ผมเลยงงอ่ะครับ จากคุณ : Nuudam เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 53 20:50:04

ความคิดเห็นที่ 63 ความเห็นที่ 62...   ในเรื่องรายละเอียดนั้น เอาเช่นนี้แล้วกันนะครับ...ลองสอบถามไฟแนนซ์ดูอีกที่ในวิธีการคิด...แต่    เหตูการณ์อย่างที่คุณ Nuudam ที่เจอเช่นนี้ เพราะเนื่องจาก คุณ Nuudam ได้ไปเพิ่มการทำประกันสินเชื่อ ซึ่งอาจจะทำให้งงนิดหน่อยในการคิดค่างวด และค่าใช้ใช่จ่ายแยกออก.... ซึ่งค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น จากค่างวดปกติ ก็คือ ค่าประกันสินเชื่อที่แบ่งชำระเป็นรายงวด      แต่ที่สุดแล้ว มันก็จะเหมือนเดิมแหละครับ เงินไม่ได้หายไปไหน แต่เขาจะเอาค่าประกันนั้นมาคิดหักจากค่าเงินดาว์น(แต่ไม่ได้หักจริง) ทำให้ยอดเงินดาว์นที่ดาว์นไปจะลดลง เราไม่ได้โดนโกง หรือเขาคิดผิดแต่อย่างใดครับ    .....ผมเคยเจอเหตุกาณ์เช่นนี้บ่อยๆ ครับ ที่ทำให้ลูกค้าไม่ค่อยเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะหลังๆ ลูกประสงค์ทำประกันกันมากขึ้น และเอกสารสัญญาทำให้ลูกค้างงๆ  และวิธีประกันสินเชื่อแบบนี้พึ่งมีมาได้ไม่นานเท่าไหร่นี้เอง ....     แต่ผู้ที่จะอธิบายได้ชัดเจนที่สุดคือเจ้าหน้าที่การตลาดไฟแนนซ์ อะครับ.....เพราะหลายๆ ครั้งที่ลูกค้าไม่เข้าใจ  ผมจะให้ไฟแนนซ์โทรหาลูกค้าเพราะเขาเป็นผู้อธิบายแก่ลูกค้าเองจะชัดเจนที่สุด และอีกอย่าเงอกสารสัญญาจะอยู่ในมือเขากับคุณ  มันจะมีรายละเอียดที่มาที่ไปอย่างชัดเจน    .....ที่คุณ Nuudam อธิบายมานั้นผมพอจะเข้าใจในหลักการครับของการหักครับ แต่จะให้อธิบายให้ชัดเจน ละเอียดนั้นคงจะยาวและยากมากๆ กับตัวหนังสือ อย่างไรลองถามจากไฟแนนซ์ได้เลยครับ...แต่ดูจากตัวเลข ที่คำนวนออกมาแล้ว รับรองสบายใจได้ครับ ว่าไม่มีปัญหาอะไร แต่มันเป้นวิธีการคิดของเขาอะครับ เงินดาว์นไม่ได้หายไปไหน และยอดชำระเงินก็จะบวกค่าประกันต่องวดเพิ่มขึ้นไปอีกเล็กน้อยครับ   และเห็นว่ามีการสอบถามเรื่องการชำระ BEGINNING แต่พนักงานไฟแนนซ์ กับตอบว่าไม่รู้ ไม่มี ไม่ลด ...... ผมเลยยิ่งมองเห็นได้ชัดเจนว่า เจ้าหน้าที่คนนี้น่าจะเป็นคนใหม่ทำงานมาได้ไม่นานหรอืเปล่า...(สัณนิษฐานนะครับ) จึงไม่รู้ว่า การชำระแบบ ending และ beginning นั้นมันมีมานานมากๆ แล้ว  ผมเลยไม่ค่อยจะแปลกใจถ้าเขาจะอธิบายในส่วนของเงินค่างวด หรือการคิดชำระในการทำประกันสินเชื่อ ไม่ชัดเจนนัก..แต่ก็งงว่ามาเป็นเจ้าหน้าที่ไฟแนนซ์วิ่งงานแล้ว แต่เรื่องแค่คิดค่างวด ending และ beginning  ทำไมตอบเช่นนี้ให้กลับลูกค้า    เอาเช่นนี้นะครับ ลองโทรไปที่ CALL CENTER ของ บ.ไฟแนนซ์ที่คุณทำด้วยและลองสอบถามในเรื่องการคิดสัญญาประกันสินเชื่อนี้ดู เชื่อว่าเขาจะอธิบายให้คุณได้ชัดเจน แก้ไขเมื่อ 09 ส.ค. 53 10:58:30 แก้ไขเมื่อ 09 ส.ค. 53 10:55:18 จากคุณ : torti เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 10:48:20

ความคิดเห็นที่ 64 ขอบคุณมากครับ ที่นำความรู้มาแบ่งปัน จากคุณ : ชื่อคุณยังไม่ได้ลงทะเบียน เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 11:23:18

ความคิดเห็นที่ 65   ขอบคุณมากครับ ที่นำความรู้มาแบ่งปัน จากคุณ : FlyHigher (FlyHigher) เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 53 00:17:16

ความคิดเห็นที่ 66 แบบนี้ต้องโหวด ขอบคุณมากครับ จากคุณ : Raptor_X เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 53 00:40:09

ความคิดเห็นที่ 67 จัดไปสำหรับความรู้แหล่ม ๆ แบบนี้ครับ พี่น้อง จากคุณ : ตูมตามน้อย เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 53 06:24:25

ความคิดเห็นที่ 68 ขอบคุณมากๆครับ สำหรับสิ่งดีๆนี้ จากคุณ : ปิ๊กปอนด์ปาล์ม เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 53 09:41:16

ความคิดเห็นที่ 69 ขอบคุณมากครับสำหรับความรู้ดี ๆ แต่ว่ายาวมากนั่งอ่านจนปวดตาเลยครับ จากคุณ : spl (pong_spl) เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 53 11:35:13

ความคิดเห็นที่ 70 ขอบคุณมากครับ ได้ความรู้มากมายจริงๆ แม้หลายขั้นตอนผมจะผ่านไปแล้ว แต่ก็อีกหลายขั้นตอนที่ทำให้เราเข้าใจการทำงานของเซลล์มากขึ้น จากคุณ : ปลาวาฬอวบ เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 53 11:37:36

ความคิดเห็นที่ 71 ขอบคุณและยินดีครับที่เพื่อนๆ สมาชิกพอจะเห็นเป็นประโยชน์บ้าง...เหมือนเดิมครับ สนับสนุน ช่วยเหลือ ให้กำลังใจ ให้สินน้ำใจบ้าง สำหรับเซลส์ จริงใจ ดูแลดี แนะนำดี นะครับ...... จากคุณ : torti เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 53 12:01:14

ความคิดเห็นที่ 72 จากคุณ : PiGsPy เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 53 18:29:13

ความคิดเห็นที่ 73   สวัสดีครับผมมีปัญหาจะขอสอบถามครับคือผมจองรถ VIOS ไว้แล้วขณะนี้รอรถอยู่ครับอยากทราบถ้าหากเซลแจ้งให้ไปดูรถ หมายถึงผมต้องไปจ่ายตังค์เลยหรือเปล่า หรือต้องรอให้เซลเข้าแต่งรถให้เสร็จก่อนแล้วค่อยจ่ายตังค์...... จากคุณ : vip เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 53 19:12:54 A:182.232.90.60 X: TicketID:259190

ความคิดเห็นที่ 74 สอบถามอีกนิดนึงครับ คือผมเคยเจอเคส... เซลล์บวกดอกเบี้ยเกินจากความจริงไป 0.5% (อมค่าดอกเบี้ยผม) แล้วตอนหลังผมจับได้ก็เลยไม่ซื้อกับ เซลล์ท่านนั้น แต่..ผมสงสัยว่าเค้าจะไปเอา 0.5% จากแบงค์มาเข้ากระเป๋าเค้าได้ยังไงครับในเมื่อผมผ่อนโดยการหักบัญชีเข้ากับ ธนาคารโดยตรงเลยครับ ผมอยากรุ้มานานแล้ว ขอบคุณมากครับ จากคุณ : popktb เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 53 19:20:37

ความคิดเห็นที่ 75 ตอบ  คห 73 ครับ  ไม่ต้องจ่ายครับ  วันจ่ายคือวันรับรถครับ ...... แต่ถ้าลูกค้าประสงค์จะจ่ายก็ได้ครับผม...ผมว่าไปดูก็เท่านั้นอะครับ แต่ถ้าอยากไปดูก็ได้ครับ  แต่ส่วนใหญ่ เขาจะไม่ อนุญาตให้ลูกค้าเข้าพื้นที่โรงซ่อม หรือห้องติดตั้งอุปกรณ์นะครับ ก็เลยไม่รู้จะไปดูทำไมอะครับ.... จากคุณ : torti เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 53 19:30:04

ความคิดเห็นที่ 76 ตอบ 74 นะครับ  ถ้าตามสัญญาแล้วไม่สามารถที่จะเอาไปได้อยู่แล้วนะครับ เพระสัญญามันจะเขียนอย่างชัดเจน.......นอกจากเป็นการคำนวนหรือคิดผิดโดยสุจริตใจ.............แต่.......  ถ้าจะเอาก็มีวิธีครับผม....แต่ซับซ้อนนิดนึง....คือจะต้องสัมพันธ์ กับ margin ที่เหลือที่ให้คุณไม่หมด  / เงินดาว์นหรือค่าใช้จ่ายทั้งหมดในวันออกรถ ถึงจะทำวิธีนั้นได้ครับ........ให้คุณลองคำนวนมานะครับว่า ดอกเบี้ยทีเกินมานั้น จะมีส่วนต่างเท่าไหร่ นั้นแหละครับคือเงินที่เขาจะเอา(ถ้าเขาจะโกงจริงๆ) โดยไปสัมพันธ์ ทำซิกแซกกับ margin ที่เหลือที่ให้คุณไม่หมด  / เงินดาว์นหรือค่าใช้จ่ายทั้งหมดในวันออกรถ ผมขอพูดคร่าวๆ เช่นนี้แล้วกันนะครับ ลงลึกไปจะไม่ดี แต่ผมว่าถ้าจริงๆ แล้วเขาไม่น่าจะใช้วิธีนี้ทำนะครับ เพราะจะดูวุ่นวายมากๆ ผมไม่เคยเห็นอะครับ แค่จากการอ่านข้อมูล...ถ้าจะทำก็ทำได้ครับ   แต่ 0.5 เลยหรอครับ ไม่ใช่น้อยๆ เลยนะครับ หรือเป็น 0.05 กันแน่ครับ  เพราะถ้า 0.5 ตลอดโครงการ 4 - 6 ปี นั้นไม่ใช่น้อยๆ เลยนะครับ จากคุณ : torti เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 53 19:36:52

ความคิดเห็นที่ 77 เตือนภัย : ระวังบุคคลอันตราย แอบอ้างชื่อเพื่อฉ้อโกงเงิน ชื่อ :  นายก้องกิจ  พัวประเสริฐ ชื่อเดิม : นายทัศยุ  พัวประเสริฐ ชื่อเล่น : ยุ / กิจ  (แล้วแต่จะใช้เพื่อหลอกลวงลูกค้า) ประวัติ :  ที่ปรึกษาการขายรถยนต์  Mitsubishi รุ่งเจริญ  สาขาปู่เจ้าสำโรง    Nissan    Toyota Paragon Motor ธัญบุรี    Mazda ซีคอน    Mazda City ลุมพินี    Mazda กรุงเทพออโตโมบิล สุวรรณภูมิ ปัจจุบัน : ขายรถใหม่ รถเก่าทุกยี่ห้อ   ช่องทางหาลูกค้า : เต๊นท์รถมือสอง + ผู้แนะนำอื่น ๆ ลักษณะการฉ้อโกง :   ให้เงื่อนไขส่วนลดเงินสด สุด ๆ (แบบหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้วในจักรวาล)                       ให้ของอุปกรณ์ตกแต่งมากมาย ยิ่งกว่าซื้อรถแถมบ้าน...ซื้อบ้านแถมรถ                        รับกันไปเต็ม ๆ ฟิล์มกันกระสุน, ขัดเคลือบสีกันริ้วรอยแม้สะพานลอยหล่นใส่ก็ไม่เป็นอะไร, เบาะหนัง, สเกิร์ตรอบคัน, ฟรีค่าแรงชั่วลูกชั่วหลานเป็นต้น                        บริการถึงที่ ไม่ว่าจะที่บ้านหรือที่ทำงาน สามารถไปรับจอง ทำเอกสาร ส่งมอบรถ...ยกเว้นอย่างเดียว ห้ามลูกค้ามาที่โชว์รูม                 มีรถทุกรุ่น, ทุกสี   ไม่ว่าจะสีเขียว สีชมพู สีเหลือง สีรุ้ง  ก้องกิจทำให้ได้หมด  อยากรับรถเมื่อไหร่ เวลาไหนได้หมด จะเวลาตกฟาก ฤกษ์ดาวโจรขนาดไหน ทำได้หมด ขั้นตอนการฉ้อโกง :  ขอรับเงินจองก่อนอย่างน้อย 10,000 บาท                  ก้องกิจจะเริ่มออกหา โชว์รูมที่มีรถรุ่น สี ที่ลูกค้าต้องการ ประสานงานกับเซลส์ต่าง ๆ โดยที่รู้จักหรือไม่ก็ตาม โดยบอกว่าจะมีลูกค้าขึ้นไปดูรถ      เมื่อได้โชว์รูมที่มีรถที่ลูกค้าต้องการแล้ว  จะนัดหมายให้ลูกค้าเข้าไปชมรถ  และนัดวันรับรถ.....ตรงนี้สำคัญมาก ๆ        ก้องกิจ จะขอให้วางเงินมัดจำเพิ่ม โดยอ้างว่าเป็นค่าใช้จ่ายในการตัดรถจากสต๊อด  หรือเป็นค่าอุปกรณ์ โดยลูกค้าไม่เสียประโยชน์ใด ๆ       เป็นการหักจากราคาตัวรถที่วันออกรถจริง จะชำระส่วนที่เหลือเท่านั้น        หลังจากนั้น  ก้องกิจ จะหายตัวไปเสมือนอากาศธาตุ  ลูกค้าจะไม่สามารถติดต่อเขาได้อีก  โดยการไม่รับสาย หรือ ปิดมือถือบางครั้ง สถานการณ์ปัจจุบัน : ฉ้อโกงลูกค้า / ร้านติดตั้งอุปกรณ์ / บริษัทต้นสังกัดที่เคยอยู่(เท่าที่จะมีหลักฐาน)  มูลค่ารวม 2xx,xxx บาท             ถูกแจ้งความดำเนินคดีข้อหาฉ้อโกง   3 สถานี ได้แก่  สภ.อ.ราชเทวะ , สภ.อ.บางพลี , สน.พญาไท   มีหมายเรียก 2 ครั้ง ไม่ปรากฎตัว ผู้ที่ควรระวัง :  ลูกค้าที่สนใจรถทั้ง รถมือ 1 (ซื้อจากโชว์รูมหรือการแนะนำ)  และ รถมือสอง (ไปดูตามเต๊นท์รถ)             ผู้ประกอบการ เกี่ยวกับอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ทุกประเภท        ตัวแทนบริษัท ประกันวินาศภัยรถยนต์ ทุกประเภท ทั้งนี้ จึงแจ้งเตือนมาเพื่อทราบกันโดยถ้วนหน้า หากท่านใดเป็นผู้ร่วมเสียหายจากการกระทำของบุคคลดังกล่าว ขอเชิญแสดงตนหรือนำหลักฐาน อธิบายลงในกระทู้นี้ได้อย่างเต็มที่ มาสด้า สุวรรณภูมิ   02-325-0421-4 [IMG]http://i302.photobucket.com/albums/nn117/ottowhite/Clip.jpg[/IMG] จากคุณ : เฮงไล้-ซวยขื่อ เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 53 20:32:02

ความคิดเห็นที่ 78 ตอบพี่ torti ครับ จริงๆเป็น 0.05 จริงๆด้วยครับผมพิมผิดไปนิดนึง ว่าแต่หลังไมค์มาบอกหน่อยได้มั้ยครับ ว่าเค้าดึงเงินจาก 0.05 เราไปทางไหนในเมื่อเราจ่ายกับแบงค์โดยการหักบัญชี หรือเค้าไปตกลงหลังไมค์กับแบงค์(ทำได้ด้วยหรือ) อยากรู้จริงๆครับเพราะผมเจอมาแบบนี้จริงๆครับ ยังไงแบ่งข้อมูลที่ป็นประโยชน์ให้ผู้บริโภคที่เสียหายอย่างผมด้วยเถอะคร๊าบบ ....ผมยังไมเข้าใจเลยครับ 555 จากคุณ : popktb เขียนเมื่อ : 11 ส.ค. 53 08:27:08

ความคิดเห็นที่ 79 จาก#62 คือผมซื้อรถโดยใช้สิทธ์supplyer program คือทาง บ.รถยนต์จะให้ส่วนลดพนักงานในบ.ซัพพลายเอร์   แต่จะไม่มีของแถม ทีนี้เท่าที่ผมโทรไปหาเซล หลายๆศูนย์ตอนแรกก็ถามเหมือนลูกค้าปกติ แต่พอบอกว่าจะใช้สิทธิ์supplyer program ดอกเบี้ยไฟแน้นท์จะเพิ่มจากซื้อปกติ  เช่นธรรมดาดอก2.5  supกลายเป็น2.55หรือ2.6ไปเลย  พอถามเค้าก็บอกว่า2.5นั่นราคาดอกเบี้ยพิเศษลดแล้ว2.6นั่นดอกปกติ บางศูนย์ก็ไม่ได้ตอบว่าทำไมแพงกว่า   ส่วนศูนย์ที่ผมออกรถตอนแรกบอกดอกไม่เท่ากัน แล้วเหมือนนึกอะไรได้บอกดอกเท่ากัน แก้ไขเมื่อ 11 ส.ค. 53 09:31:13 จากคุณ : Nuudam เขียนเมื่อ : 11 ส.ค. 53 09:28:50

ความคิดเห็นที่ 80 ตอบ 78 ครับ อันดับแรกอยากให้ตรวจให้แน่ชัดก่อนนะครับผมว่า.... 1. เอกสารที่มีปัญหานั้นเป็นเอกสารอะไรครับ เป็นเอกสารสัญญาที่ออกจากไฟแนนซ์มาเลยหรือเปล่า   2. แล้วดอกเบี้ยที่มีปัญหานั้น ในตอนแรกที่วันเซ็นสัญญาจริงๆ เป็นเท่าไหร่ 3. คุณได้เคยจ่ายค่างวดส่วนของดอกเบี้ยที่ผิดไปบ้างหรือยัง  ถ้าว่าทำได้ไหม ถ้าพูดแบบไม่ต้องมีหลักการอะไรนะครับ คนจะทำผิดจะโกง คนไม่ดี  มันก็จะหาวิธีทำให้ได้หมดแหละครับ.....เพื่อให้ตามที่เขาต้องการ    แต่ผมเชื่อว่า..เซลส์จะตกลงกับแบงค์นั้น หรือไฟปนนซ์เองจะทำด้วยโกงอย่างตั้งใจนั้น ผมว่าทางไฟแนนซ์หรือเซลส์คงไม่อยากทำด้วยหรอกครับ ไม่คุ้มเขาแน่นอนหากมีปัญหา และถ้าจะทำแบบนี้ทั้งเซลส์และไฟแนนซ์จะเสี่ยงมากเกินไป....ไม่คุ้มที่จะทำเลย...ส่วนใหญ่ ถ้าคนจะคดโกงไม่ว่าจะเซลส์หรือไฟแนนซ์ ก็จะทำเองคนเดียวนี่แหละครับ  ....ผมเลยจึงมองว่า อาจจะเกิดปัญหาผิดพลาดหรอืเปล่า เช่น 1.เขียนดอกเบี้ยผิด.....ปัญหางี้ก็เคยเกิดครับ เช่น รู้ว่าดอกเบี้ยอยู่ที่ 2.35 แต่ดันเขียนลงผิดเป็น 2.40  เพระอย่างที่ผมบอกแต่แรกแล้วว่าอย่างไร เราเองก็ควรตรวจสอบเอกสาร ค่าใช่จ่ายให้ชัดเจนแน่นอนในทุก ๆ ครั้ง   2. ดอกเบี้ยในวันทำสัญญา อาจจะ 2.35 แต่พอผ่านมา ดอกเบี้ยอาจจะลดลง แต่ไม่ได้เปลี่ยนให้ลูกค้า อาจจะด้วยความลืมอย่างจริงใจ อาจจะลืม มึน งง ดันเขียนดอกเบี้ยเก่าทั้งๆ ที่อัตราดอกเบี้ยมีการปรับใหม่แล้ว แบบนี้ก้เคยเกิด ครับแต่สุดท้ายไฟแนนซ์ หรือลูกค้า หรือ บ. มาตรวจสอบอีกทีก็ถึงบางอ้อ ว่าตัวเองเขียนผิดไป....ก็แก้ไข   เพราะเอกสารสัญญา ตัวเลข มันจะวุ่นวาย มึน งง ได้ มีการเกิด erro ได้อะครับ เพราะเช่นนี้จึงใน บ. ต้องมีคนมาช่วยดูช่วยตรวจสอบ รวมถึง ลูกเองก็ต้องตรวจสอบเพื่อรักษาสิทธิ์ของตัวเองด้วย อะครับ 3. หรืออาจจะเกิดจากการคดโกงด้วยความตั้งใจ ทำได้ไหมทำได้ครับ ผมเชื่อครับว่าถ้าจะทำไม่มีอะไรทำไม่ได้......แต่ยุ่งยาก เสี่ยงมากๆ และไม่คุ้มจะทำ  ผมจึงมองว่าอาจจะเกิดจากการผิดพลาดของการคำนวนหรือรายละเอียดของเอกสารที่ทำผิดหรือเปล่า....เพราะถ้าจะโกงอย่างที่คุณเข้าใจแหละครับ โกงวิธีอื่นๆ ดีกว่า แบบนี้วุ่นวาย ยุ่งยากเกิน เสี่ยงเกินไปที่จะโกง แก้ไขเมื่อ 11 ส.ค. 53 10:38:47 แก้ไขเมื่อ 11 ส.ค. 53 10:29:12 จากคุณ : torti เขียนเมื่อ : 11 ส.ค. 53 10:26:50

ความคิดเห็นที่ 81 ตอบ 79 นะครับ....  ถามว่าเหตุการณ์เช่นนี้นั้นผมมองว่าอาจจะเกิดจากการสื่อสารที่ผิดพลาดกันหรือเปล่าครับ เพราะถ้าเป็นสวัสดิการจริง นั้น ผมจึงมองว่ามันจะเพิ่มดอกเบี้ยทำไมละ...งี้ซื้อปกติไม่ดีกว่าหรือ....ของแถมก็ไม่มีให้   อย่างที่ผมเคยทำที่ล่าสุดมา ทาง บ.แม่ และไฟแนนซ์ ก็มีโปรแกรมแบบนี้ครับตอนปี 2009 ผมและลูกนอ้งก็วิ่งตามโรงงานที่ได้รับมอบหมาย ไปออกบูธบ้าง ไปเสนอบ้าง ก็ได้รับการตอบรับที่ดี......ครับ  ผมจึงมองว่า 1.น่าจะเกิดจากการสื่อสารที่คลาดเคลื่อนกัน เช่น ดอกเบี้ยปกติทั่วไปอยู่ 2.60 และลุกค้าเองก็รับทราบว่ามีดอกเบี้ยพิเศษให้ พอเซลส์บอกดอกเบี้ยอัตราพิเศษให้ที่ 2.5   ลูกค้าก็อาจจะคิดไปว่า 2.5 นั้น เป็นอัตราปกติ   2.เซลส์เองอะครับที่เข้าใจผิด....อย่างที่ผมบอกไปตอนต้นๆ เซลส์บางคนอาจจะไม่สนใจข่าวสารอะไรมากมาย ไม่ศึกษาให้ดี  หรือรับรู้มาคลาดเคลื่อน เลยแจ้งลูกค้าไปผิดๆ  หรืออาจจะเป็นความเคยชินกับดอกเบี้ยเดิมๆ ที่เคยใช้  อย่างดีลเลอร์ผม มีทีมหลายทีม แต่ท่านประธานบอกผมให้จัดทีม พิเศษมา 1 ทีมที่รับผิดชอบในโปรแกรมนี้ โดยดึงพนักงานจากทีมอื่นๆ มาทีมละ 1- 2 คน ที่ประพฤติดี ให้มารับผิดชอบเพิ่มเพื่อเป็นรายได้เพิ่มให้เขา ก็จะส่งผลให้เซลส์บางคนที่ไม่ได้ร่วมโครงการอาจจะไม่ทราบหรือทราบแต่ฉันก็จะดึงลูกค้ารายนี้ไว้เอง ก็เลยขายในอัตราตามปกติไป 3. อยากทราบว่าที่คุณไปถามมาอะครับที่บอกว่าดอกเบี้ยแพงขึ้นอะครับ เป็นทุกดีลเลอร์หรือเปล่า และเป็นไฟแนนซ์เดียวกันหรือไม่ 4. ไฟแนนซ์รายนั้นเป้นไฟแนนซ์ของ บ. รถเลยหรือไม่ เพราะโปรแกรมแบบนี้ที่ผมเคยทำมานั้นจะเป็นไฟแนนซ์ของ บ. แม่เลย แต่หากไปเจอบางที่ใช้ไฟแนนซ์อื่นๆ ที่เซลส์เสนอมา ก็แน่นอนครับว่าไม่มีสว่นลดให้แน่ๆ เพราะเขาไมได้เข้าร่วมโครงการด้วย  และไฟแนนซ์อย่างที่ผมบอกอะครับ ก็จะมีอัตราไม่เท่ากัน      ในบางครั้ง ไฟแนนซ์ของ บ. รถ อาจจะมีอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าไฟแนนซ์อื่นๆ ทั่วๆ ไป ทำให้ลดมาแล้วยังอาจจะสูงกว่า หรือเท่ากับไฟแนนซ์อื่นๆ      และไฟแนนซ์อื่นๆ ทั่วไปนั้น แต่ละแห่งก็ยังมีอัตราที่ไม่เท่ากันเลยครับ.... และในดีลเลอร์เองก็จะไม่ใช้ไฟแนนซ์เดียว จะใช้หลายๆ  ที่  และในหลายๆ ดีลเลอร์ก็จะมีไฟแนนซ์ที่เหมือนและไม่เหมือนกัน  เพราะฉะนั้นตรงนี้อาจจะทำให้เกิดการสื่อสาร ระหว่างลูกค้าและพนักงานสับสน ผิดพลาดกันได้บ่อยๆ ครั้งได้ครับ... แก้ไขเมื่อ 11 ส.ค. 53 11:02:06 จากคุณ : torti เขียนเมื่อ : 11 ส.ค. 53 10:53:36

ความคิดเห็นที่ 82 ผมโทรถามประมาณ5แห่ง 4แห่งแรก บอกเหมือนกันหมด ดอกเบี้ยแพงกว่าซื้อปกติ มีที่สุดท้ายที่ไม่เพิ่มดอก ผมเลยเอาที่สุดท้าย   แล้วก็ถูกต้องครับ ไฟแน้นท์ยี่ห้อบ.รถดอกจะแพงกว่าที่อื่น ไฟแน้นท์ บ.รถมีโปรพิเศษดอกเบี้ย1.99  ดาวน์20%4ปีเท่านั้น  ดาวนมากกว่านี้ก็ไม่ได้ดอกเท่านี้   จริงเหรอครับ  บางทีเราก็อยากดาวน์เยอะๆเพื่อไม่ให้ผ่อนต่อเดือนแพงเกินไป ผมเลือกผ่อน5ปี อ้ออีกเรื่อง มีอยู่ที่นึง เซลบอกว่าไม่ได้ส่งไฟแน้นที่อื่นเลย  ส่งอยู่เจ้าเดียว แล้วก็ไม่ใช่ไฟแน้นท์บ.รถนั้นๆด้วย แต่ไม่ได้ถามต่อว่าไฟแน้นของนิสสันไม่มีเหรอปกติต้องมียืนพื้นอยู่แล้ว แถมบอกว่าจะใช้สวัสดิการก็ไม่แนะนำ ทำนองว่าไม่อยากขายบอกว่าต้องจ่ายโน่นนี่นั่นเอง (ก็รู้อยู่แหละครับว่าต้องจ่ายอะไรๆเองแล้วบอกเบี้ยประกันแพงเวอร์ 27000  จริงๆ22000 บังคับติดฟิล์ม พ่นกันสนิม)จะให้เราซื้อแบบปกติ  แล้วก็เสนอของแถมโน่นนี่นั่น ก็บอกเค้าไปว่าเดี๋ยวขอคิดดูก่อน  แล้ว2-3วันเซลโทรมาอีก ก็บอกไปว่าที่อื่นดอกเบี้ยถูกกว่าแล้วเซลก็แซวก็พูดประมาณว่าเรางอแงจะขอของแถมเพิ่มใช่ป่าว  สีขาวมุกมีรถเลยนะคะ     พอรับรถมาแล้วคุณเซลก็โทรมาอีก พอผมบอกว่ารับรถแล้ว  คุณเธอทำเสียงตกใจใหญ่บอกรับรถไปเมื่อไหร่คะทำไมไม่ซื้อกะหนูคะ ก็เลยบอกว่าเห็นท่าทางไม่ค่อยอยากขายโปรsupplier program  คุณเซลก็บอกว่าถ้าลูกค้าต้องการทำไมหนูจะไม่ขายให้ล่ะคะ บลาๆๆๆ   ตอนแรกที่คุยน่าซื้อกะเธอไหมล่ะครับ ประมาณนี้แหละครับ อ้ออยากรู้อีกครับว่าเซลอยากขายแบบไหนมากกว่าครับ ขายปกติ  กับขายแบบที่ผมซื้อ  เพราะผมซื้อก็จะมีส่วนลดประมาณ60000บาท  ทางที่เซลจะได้ก็ส่วนลดเบี้ยประกัน  ค่านายหน้าไฟแน้นท์ อุปกรณ์ตกแต่งถ้าลูกค้าอยากติดเพิ่ม  marginเซลจะไม่ได้ใช่ไหมครับ แก้ไขเมื่อ 11 ส.ค. 53 14:57:52 จากคุณ : Nuudam เขียนเมื่อ : 11 ส.ค. 53 14:49:56

ความคิดเห็นที่ 83 ขอบคุณจริงๆ ไม่ได้ซื้อ แต่ก็ชอบศึกษาธุรกิจอื่นๆ  เผื่อได้ประยุกตฺใช้กับงานตัวเองครับ จากคุณ : ต้อมMRP เขียนเมื่อ : 11 ส.ค. 53 21:01:13

ความคิดเห็นที่ 84 ขอบคุณมาก จากคุณ : ayuhi292 เขียนเมื่อ : 11 ส.ค. 53 21:53:23

ความคิดเห็นที่ 85 เนื้อหาดีมีประโยชน์มากๆค่ะ จากคุณ : lalinphat เขียนเมื่อ : วันแม่แห่งชาติ 53 21:56:38

ความคิดเห็นที่ 86   ขอบคุณมากๆๆเลยค่ะ ได้ความรู้เพิ่มอีกแยะเลย จากคุณ : deedydee (deedydee) เขียนเมื่อ : 13 ส.ค. 53 02:51:19

ความคิดเห็นที่ 87 สอบถามหน่อยครับ ผมสนใจ นิสสัน มาช ดาว 10 % อย่างงี้ ผมต้องมีเงินสักเท่าไหร ครับ ถึงจะออกรถได้ครับ จากคุณ : GamKochakorn เขียนเมื่อ : 13 ส.ค. 53 10:14:57

ความคิดเห็นที่ 88 ขอบคุณมากๆ ครับที่หลายๆ ท่านเห็นประโยชน์.... ------------------------------------------------------------------------- ตอบ คห 82 ครับ  เท่าที่ดูฟังจากข้อมูล จากการสันนิษฐานของผมนะครับ เซลส์คงอยากจะขายโปรแกรมปกติมากกว่าครับ เพราะผลตอบแทนรวมถึงสิ่งที่จะได้นั้นน่าจะดีกว่าโปรแกรมพิเศษ ครับ (ของค่ายผมก็เป็นเช่นนั้น)  แต่พอทราบว่าลูกค้าจะหลุดไป ก็เลยยอมๆๆ อย่างน้อยๆ กำขี้ดีกว่ากำตด ครับ (ขอโทษหากใช้คำไม่สุภาพครับ)  สำหรับของแถมหากมีการติดตั้งเพิ่มใน บ. อย่างไรเซลส์ก็ได้ค่าคอมอยู่แล้วครับ    แต่ก็เท่าที่ดูข้อมูลเห็นบอกว่าน้องเขามีเสนอให้อีกที่ ที่ดอกเบี้ยถูกกว่าหรือขอเสนอดีกว่านั้น ก็ไม่แน่นะครับอาจจะเป็นได้ เพระบางทีมีโปรฯ ของ supplier มี แต่ไฟแนนซ์อื่นๆ ดอกเบี้ยถูกกว่า เขาก็อาจจะเสนออันที่ดอกเบี้ยถูกกว่าให้เป็นทางเลือก เพราะส่วนใหญ่โดยเฉลี่ย ไฟแนนซ์ house brand จะแพงกว่าไฟแนนซ์ทั่วไปอยู่นิดหน่อยครับ หรือบางทีก็เท่ากัน  เพราะฉะนั้นอย่างที่ผมบอกไว้ข้างต้นว่าอย่าดูที่ดอกเบี้ยถูกอย่างเดียวให้ดูอื่นๆ ประกอบด้วยครับ    และจริงๆ แล้วเรื่องดอกเบี้ยที่บอก ว่า 2- 3 วันโทรมาลดลงนั้น หากไม่ใช่ช่วงคาบเกี่ยวของเดือนกันนั้น ดอกเบี้ยไม่ปรับอย่างนั้นหรอกครับ(แต่ก็พอมีแต่โอกาสน้อยมากๆ )  สำหรับเรื่องบังคับติดฟิลม์ และพ่นกันสนิม นั้น หลายๆ ที่ก็ฑอจะมีบังคับ ครับ โดยเฉพาะเรื่องเคลือบสี+พ่นกันสนิม สำหรับฟิลม์(ไม่ค่อยซีเรียสเรื่องบังคตับแถม) หากได้ฟิลม์ที่พอใจระดับหนึ่งแล้วติดไปเถอะครับ เพราะหากไปติดเองจะแพงกว่า ครับ    เรื่องไฟแนนซ์ เท่าที่ผมทำมานะครับ ไม่มีหรอกครับส่งไฟแนนซ์เดียว ในดีลเลอร์มีอย่างน้อยๆ 2- 3 เจ้า ลองคิดเล่นๆ ครับ.... หากไฟแนนซ์แรกลูกค้าไม่ผ่าน ก็พอดีครับไม่ต้องขายกันเลยซิครับ และการมีไฟแนนซ์ house brand นั้นถ้า บ.ค่ายรถไหนมีก็ทุกดีลเลอร์ก็ต้องมีต้องใช้ด้วย (แต่จะใช้ทุกคันที่ออกหรือไม่นั่นอีกเรื่อง)     ผมถึงบอกมาเสมอว่า ณ วันนี้ลูกค้ามีทางเลือกมากขึ้น มีความรู้มากขึ้น มีช่องทางมากขึ้น หากมาขายแบบไม่ซื่อสัตย์  ไม่จริงใจ สุดท้ายแทนที่จะขาย...ได้กลับไม่ได้ซะงั้นและเสียความรู้สึกกันด้วย --------------------------------------------------------------------------  สำหรับท่าน คห 87. นั้น นะครับ ในวันออกรถส่วนใหญ่ก็จะต้องจ่ายคือ 1. เงินดาว์นรถ 2. ค่าพรบ.   3. ค่าจดทะเบียน 4. ค่าประกันภัยฯ 5. อื่นๆ ถ้ามี เช่น ของแถมเพิ่มเติม    และให้หัก เงินจอง หักสวนลดเงินสด(ถ้ามี)  ครับผม แก้ไขเมื่อ 13 ส.ค. 53 11:34:42 จากคุณ : torti เขียนเมื่อ : 13 ส.ค. 53 11:26:41

ความคิดเห็นที่ 89 ยาวมากกกกก อ่านจนเหนื่อย แต่ก็นะ ความรู้ทั้งนั้น ขอบคุณมากครับ รถคันที่สองไม่ให้พลาดเหมือนคันแรกแน่ คันแรกเซลโทรมาบอกว่า : พีๆถ้าไม่รีบจองเดือนนี้เดือนหน้าดอกเบี้ยขึ้นแล้วนะครับ ผม : จริงเหรอครับ งั้นเดี๋ยวเสาร์นี้จองเลยครับ เซล : ครับพี่ รีบมาละกันครับ เดี๋ยวผมคุยกับผู้จัดการให้ล๊อกคิวให้ครับ ผม : ขอบคุณครับที่โทรมาบอก เดือนต่อมาเป็นจริงอย่างที่ไม่คาดคิด ดอก 0% เซ็งซิครับ จากคุณ : ใจเอ๋ยใจจ๋า เขียนเมื่อ : 13 ส.ค. 53 21:31:46

ความคิดเห็นที่ 90 ดอก 0% ส่วนใหญ่ก็ดึงเงินของแถมจากลูกค้านั่นแหละค่ะ ไปทำให้ เพราะไฟแนนซ์เขาไม่มีทาง ให้เรายืมเงินมาฟรีๆ แน่นอนค่ะ ส่วนของดอกเบี้ยที่หายไป เขาก็จะมาเก็บกับทางผู้ขายนะคะ ปัญหานี้ได้พบมาเยอะค่ะ ทั้ง ทำไมพี่ได้ดอกเบี้ยแพงกว่าเพื่อนพี่ที่ออกมา และ ทำไมพี่ได้ส่วนลดน้อยกว่า เพื่อนพี่ก็ออกกับที่น้องเหมือนกันนะ ตอบ 1. ดอกเบี้ยแพงกว่า แต่พี่จะได้ส่วนลดเยอะกว่านะคะ 2. พี่ได้ส่วนลดน้อยกว่าเพื่อนคุณพี่ แต่พี่ได้ดอกเบี้ย 0% 3 ปีนะคะ ดอกเบี้ยที่ไฟแนนซ์ที่เก็บ ณ ปัจจุบัน ไม่มีต่ำกว่า 2.0 สักที่ค่ะ หากคุณลูกค้าไปเจอ 0% 0.99% 1.59% 1.99% ก็หมายความว่า ทางโชว์รูมจัดแคมเปญให้นะคะ ลูกค้าท่านที่พึ่งออกรถมาก่อนก็ไม่ต้องน้อยใจไปค่ะ รับรองว่าเท่ากัน ตัวอย่างเช่น รถราคา 500,000 ลูกค้าดาวน์ 200,000 ยอดจัด 300,000 ดาวน์ 25% 48 เดือน ดอกเบี้ยเน็ตสุดอยู่ที่ 2.25% = (300,000 * 2.2.5%) * 4 ปี = 27,000 บาท นี่ก็คือเงินส่วนลดที่นำไปจ่ายให้ไฟแนนซ์ค่ะ ถ้าปกติรถรุ่นนี้ได้ส่วนลด 40,000 ลูกค้าก็จะเหลือได้อีก 13,000 บาท จึงเป็นที่มาว่า เพื่อนพี่ได้ส่วนลด มากกว่า ตั้ง 27,000 และ พี่ได้ส่วนลดไปแล้ว 40,000 แต่เพื่อนออกทีหลัง ทำไมดอกเบี้ย 0% อย่าพึ่งเซ็งเลยนะคะ คุณใจเอ๋ย ใจจ๋า ที่มาก็เป็นแบบนี้เองแหละค่ะ จากคุณ : VGIS เขียนเมื่อ : 13 ส.ค. 53 22:37:11

ความคิดเห็นที่ 91 ขอขอบคุณคุณ VGIS   มากๆ เลยครับที่มาแชร์ความรู้ ความคิดเห็นกันดีจริงๆ เลยครับ  สำหรับเรื่องดอกเบี้ย จากการที่ตนเองมอง และได้ข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้บริหารค่ายรถ และผู้บริหารไฟแนนซ์ แห่งหนึ่ง คาดว่าเร็วๆ นี้ ดอกเบี้ยไฟแนนซ์ของรถจะค่อยๆ ขยับตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ อาจจะสูงไปถึงเพิ่มขึ้นถึง 1 % กว่าๆ ได้เลยทีเดียว  สว่นหนึ่งเกิดจากอุตสาหกรรมนี้ในวันนี้ค่อนข้างไปด้วยดีมากๆ อย่างที่ไม่เคยจะเป็นมาแบบนี้เท่าใดนัก    โดยปกติตั้งแต่ช่วงพฤษภาคม จนถึงเกือบๆ ปลายปีของทุกปี เป็นช่วงที่ธุรกิจนี้ ค่อนข้างจะเงียบเหงา เศร้าซึมเป็นอย่างมาก  แต่ปีนี้มาแปลกครับ เท่าที่ได้คุยกับลูกน้องเก่าๆ รวมถึงเพื่อๆ ผจก. ดัวยกัน  ต่างบอกในปีนี้ธุรกิจนี้ไปได้สวยมากๆ ขายรถได้ดีตลอดทั้งปีเลยที่ผ่าน......ผมว่าเป็นปัจจัยตัวหนึ่งที่จะส่งผลทำให้มีการปรับอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น อีกทั้งการส่งออกในอุตสาหกรรมนี้ในเวลานี้หลายๆ ค่ายต่างเพิ่มปริมาณการผลิตกันเพียบๆ  รวมถึงการที่ภาคธุรกิจและรัฐบาลต่างแจ้งตัวเลขโดยมวลรวมของ GDP ออกมาแบบนี้อีก มันเลยยิ่งเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้อะไรหลายๆ อย่างขยับตัวสูงขึ้น จากคุณ : torti เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 53 11:21:50