PANTIP.COM : V9627160 ขับ 4 H บนทางเรียบ [รถ-ประดับยนต์]

ความคิดเห็นที่ 11

มื่อ เรานั่งในตำแหน่งคนขับ เราจะพบว่ามีคันเกียร์ อยู่ 2 อัน อันหนึ่งเป็นคันเกียร์ปกติ อีกอันหนึ่งจะเป็นคันเกียร์ขับเคลื่อน4 ล้อ ซึ่งจะเห็นตัวอักษร 2 H,4H,N( อันนี้เสริม บางคันจะไม่มีอักษร N เช่น จีวากอน ของผม...อันดามัน),4L บนหัวเกียร์ ไว้เลือกใช้ตามสภาพเส้นทาง ดังนั้น จึงมีความจำเป็นของผู้ขับขี่ที่จะต้องทำความเข้าใจในการใช้งานเกียร์ขับ เคลื่อน 4 ล้อให้ชัดเจนรวมถึงจังหวะการขับ

เกียร์ 2H(2 HIGH)
เป็นเกียร์ซึ่งถ่ายกำลังเครื่องยนต์ลงสู่ล้อหลังทั้ง สอง ส่วนล้อหน้าชุดเกียร์ไม่ได้ขับเคลื่อนแต่อย่างใด นั่นคือการขับเคลื่อน2 ล้อทั่วๆไป สภาพเส้นทางที่ใช้เกียร์นี้คือ ถนนทางเรียบทั่วไป ที่ทำความเร็วได้ตามปกติ

เกียร์ 4 H (4 High)
เป็นชุดเกียร์ที่ทำการขับเคลื่อนล้อทั้ง 4 ล้อ (ล้อ หน้า และหลัง) ในสภาพอัตราทดปกติ สภาพเส้นทางที่ควรใช้เกียร์ 4H คือสภาพที่ถนนมีพื้นผิวหน้าลื่น และพื้นผิวล่างไม่แข็ง....เช่นทางลูกรังผิวเรียบ ถึงขรุขระปานกลาง....หากว่าเราใช้ความเร็ว(ตามสภาพ)บนถนนดังกล่าว ก็ควรใช้ เกียร์ 4H กับสภาพถนนดังกล่าว เพราะจะมีการเกาะถนนและเข้าโค้งดีกว่าเป้นการขับเคลื่อนทั้งล้อหน้า และหลัง ทั้งดึงและดัน ในเวลาเดียวกัน ทำให้การควบคุมรถขณะที่อยู่บนโค้ง ทำได้ดีกว่า
.....การเลือกใช้ 4H แทน 2H บนเส้นทางที่มีความชันและคดโค้ง บนภูเขา จะทำให้การสึกหรอของรถน้อยลงเพราะการถ่ายกำลังจาก2 ล้อ เป็น 4 ล้อ ทำให้ไม่ต้องทดรอบเครื่องสูงมาก เมื่อเทียบกับ 2 H และขณะขับลง สามารถใช้เกียร์ต่ำดึงรถได้ดีกว่าขับเคลื่อนด้วยเกียร์ 2 H ข้อดีคือไม่ต้องใช้เบรคมากเกินไป การใช้เบรคขณะลงเขาทำให้ผ้าเบรคร้อน ส่งผลให้การจับตัวของผ้าเบรคกับจานเบรค ไม่ดีเท่าที่ควร อาจเกิดอันตรายได้
สำหรับการขับเกียร์ 4 H การใช้รอบเครื่องจะเหมือนกับการใช้ เกียร์ 2H การใช้จึงสะดวกไม่ยุ่งยาก
......ข้อพึงระวังคือ เมื่อเราเข้าเกียร์ 4H ชุดเฟืองเกียร์จะหมุนเพื่อขับเคลื่อนล้อหน้า เพื่อให้ล้อหน้าเป็นตัวขับเคลื่อนด้วย ในขณะที่เลี้ยวแคบๆ เฟืองลูกหน้าจะไม่ปล่อยให้ล้อหน้าหมุนฟรี ผลที่เกิดขึ้นคือล้อที่อยู่ด้านใน และด้านนอกจะฝืนกัน เนื่องจากรัศมีไม่เท่ากัน ทำให้วงเลี้ยวกว้างกว่าปกติ....

เกียร์ 4L(4Low)....
เป็นเกียร์ ชุดพิเศษ ที่ควรทำความเข้าใจ ในรายละเอียดปลีกย่อย เพื่อให้การใช้งานมีประสิทธิภาพจากการใช้งาน เกียร์ชุดนี้ และการขับ 4WD ให้มีสมรรถนะสูงสุด
.....เกียร์ชุดนี้ควรขับด้วยความระมัดระวังเพราะเป็นเกียร์ที่มีอัตราทด เกียร์ที่ทำให้แรงบิดสูงมาก อาจทำให้เกียร์เสียหายได้หากใช้อย่างผิดวิธี
ประการแรกคือ การเข้าเกียร์สู่ตำแหน่ง 4 L จะต้องหยุดรถให้สนิททุกครั้ง หากเป็นรถที่มีฟรีฮับล้อค ต้องทำการบิดให้อยู่ในตำแหน่งล้อค ก่อนเสมอ...และต้องบิดให้สุด เฟืองในดุมล้อจะจับกับเพลาขับเคลื่อนล้อสนิท หากบิดไม่สุด จะทำให้เพลารูดได้...
ประการที่สอง...ทันทีที่เกียร์ได้ถูกเลื่อนสู่ตำแหน่ง 4L จะสังเกตได้ว่ารอบเครื่องจะเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับรอบเครื่องในสภาวะปกติ ในความเร็วที่เท่ากัน พร้อมจะถ่ายแรงบิดที่เพิ่มมากขึ้นลงสู่ล้อทั้ง 4 ล้อ เมื่อเข้าเกียร์ 1 ในตำแหน่งเกียร์ปกติ จะเห็นว่ารถสามารถเคลื่อนที่ได้โดยไม่ต้องเหยียบคันเร่ง...
....ข้อควรระวัง เมื่อใช้เกียร์ 4L เราสามารถใช้เกียร์ 1-5 ขับได้ตามรอบเครื่อง แต่ความเร็วของแต่ละเกียร์ จะต่างกัน ความเร็วสูงสุดที่ตำแหน่งเกียร์ 5 คือ 80 กม./ชม.
การเลือกใช้เกียร์ 4L คือการใช้แรงบิด(Torque) ไม่ใช่ต้องการความเร็ว
....ห้ามออกรถกระชากอย่างรุนแรง....เช่น ขณะที่รถจมโคลน หากเร่งรอบสูง พร้อมทั้ง ถอนครัทช์ เพื่อให้รถกระโจนขึ้นจากโคลน จะทำให้เฟืองดุมล้อหรือเฟืองเพลาขับหน้า-หลัง รวมทั้ง เกียร์ ครัทช์ อาจเสียหายได้ หากเราต้องการเร่งรอบสูงมาก ให้เร่งเบาๆก่อน เพื่อให้ล้อหมุน แล้วจึงกดคันเร่งเต็มที่....โดยทั่วไปเมื่อรถติดหล่มโคลน ควรใช้วิ้นส์ หรือการลากจากรถคันอื่นช่วย..(ยกเว้นมีอะไหล่เปลี่ยนในป่า หรือ มีเงินเหลือ กลับมาซ่อมรถ...ผู้เขียน)
...ห้ามเลี้ยงครัทช์(เลี้ยงนักร้อง ไม่เกี่ยว อิ..อิ...)....เนื่องจากแรงบิดมหาศาลที่ถ่ายทอดมาจากเครื่องยนต์ จะทำให้ครัทช์ไหม้ หรือสปริงครัทช์หัก....
โดยปกติเครื่องยนต์ดีเซล จะมีแรงบิดสูงสุดที่ ประมาณ2000 รอบ จึงควรฝึกหัดความชำนาญในการใช้เกียร์ 4L
สภาพเส้นทางที่จำเป็นต้องใช้เกียร์ชุดนี้คือ เส้นทางที่ธุรกันดารมากๆ เช่น มีร่องลึก หล่มโคลน หรือมีความลาดชันเป็นพิเศษ หรือมีทุกอย่างรวมกัน...ข้อแนะนำคือ โดยปกติ ใช้เพียงเกียร์ต่ำ( เกียร์ 1 และเกียร์ 2 )ก็น่าจะเพียงพอ

ขอขอบคุณ บ้านคนปลายน้ำ(พี่อันดามัน)

ผมเอาข้อความที่น้าต๋อง NFC โพสไว้มาลงให้ดู

จากคุณ : Kt-Kw

เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 53 16:41:28