ความคิดเห็นที่ 1 เปลี่ยนหลอดไฟหรือปล่าว? จากคุณ : ซ้ายน่องเหล็ก เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 53 13:57:19

ความคิดเห็นที่ 2 ขั้นแรกต้องเข้าใจหลักการของ รีเลย์ก่อน ให้คิดว่า รีเลย์ เป็นสวิตช์ตัวนึง การที่ รีเลย์จะทำงานได้ ต้องจ่ายไฟให้มัน สวิตช์รีเลย์ถึงจะทำงาน การที่ไฟหน้าไม่ติด แต่หลอดไม่ขาด แสดงว่า อาจมีสายไฟขาดตรงไหนสักจุดนึง แต่เมื่อต่อรีเลย์เข้าไปแล้ว ทำให้ไฟหน้าติดเป็นปกติ นั่นก็น่าจะเหมือนเป็นการ เปลี่ยนสายไฟใหม่ คือ จากสวิตช์พวงมาลัย ต่อสายไฟหน้าเดิมเข้า รีเลย์ ให้รีเลย์ทำหน้าที่เป็นสวิตช์ แทน โดยเอาไฟจากแบต ต่อผ่านรีเลย์ แล้วเอาต่อไปเข้าไฟหน้า ที่นี้ เมื่อเปิด - ปิด ไฟหน้าที่สวิตช์พวงมาลัย ก็เป็นการสั่ง เปิด - ปิด การทำงานของรีเลย์ ให้ รีเลย์ไฟควบคุมไฟหน้า อีกทีนึง รีเลย์ ไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ของกรณีนี้ แต่อาจะเป็นเพราะว่าช่างขี้เกียจไล่สายจุดที่สายไฟขาด เลยใช้ รีเลย์มาต่อแทน ซึ่ง ก็ ไม่มีผลดีหรือผลเสียอะไร (มั๊ง) การเพิ่มรีเลย์เข้ามาในรถ ไม่มีความจำเป็นเลย ถ้ารถของท่านไม่ได้ตกแต่งอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับไฟฟ้าเพิ่มขึ้นมา หรือ รถมีปัญหาใดๆ ส่วนราคา No Comment ครับ แก้ไขเมื่อ 05 ก.ย. 53 15:55:31 จากคุณ : X~JunioR เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 53 15:52:09

ความคิดเห็นที่ 3 เดิมๆจากโรงงานก็ต้องมีรีเลย์อยู่แล้ว อุปกรณ์ที่วัตต์เยอะๆ ไฟหน้า 55 วัตต์ ก็ต้องใช้สายไฟใหญ่ๆ ที่นี้ จะลากสายไฟใหญ่ๆ มาที่สวิทช์ก้านสวิทช์ไฟหน้า มันลำบากดิ ไฟหน้าไฟหรี่ไฟสูง  ตั้งกี่สายเข้าไปแล้ว   เลยออกแบบให้ใช้สายไฟเล็กๆ แล้วสายไฟเล็กๆ ไปต่อรีเลย์ รีเลย์จ่ายไฟให้หลอดไฟอีกที จากคุณ : ไฟลามทุ่ง เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 53 16:03:55

ความคิดเห็นที่ 4 นั่นน่ะสิคะ  อะไรๆ ก็รีเลย์ๆๆ  มันคืออะไรกันแน่ คงไม่ใช่ฟิวส์  ไม่ใช่หม้อแปลง  ไม่ใช่ปลั๊ก งง เหมือนกัน  ทำไมเครื่องไฟฟ้าอื่นๆ ไม่มีบ้าง จากคุณ : hispeedxxgirl เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 53 16:15:15

ความคิดเห็นที่ 5 รีเลย์คือสวิต์ไฟฟ้าครับ ใช้ไฟกระแสน้อยๆไปเปิดสวิตซ์ครับ จากคุณ : Federal เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 53 16:32:49

ความคิดเห็นที่ 6 เอาทีผมเจ้าใจ รีเลย์ จะเอา ไฟน้อย ๆ  ไปบังคับ ให้ไฟใหญ่ ๆ ทำงาน ครับ จากคุณ : LPGinSIDE เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 53 17:17:26

ความคิดเห็นที่ 7 เสริมครับ เรื่องรีเลย์ รีเลย์ ทำหน้าที่เป็นสวิชท์ในการจ่ายโหลดที่ใช้กระแสเยอะ เช่นไฟหน้า , สปอร์ตไลต์ ฯลฯ  ป้องกันสวิทช์กดไหม้ครับ พอเรากดสวิทช์เปิดไฟ ไฟจากสวิทช์จะไปสั่งให้คอยล์ที่รีเลย์ให้ครบวงจร หน้าสัมผัสทริก(ฟังเสียงได้ดัง ติ๊ก) ไฟจากแบตฯที่รอขาออกรีเลย์อยู่แล้วก็จะไปจ่ายโหลดครับ เช่นไฟหน้า , สปอร์ตไลต์ ฯลฯ ราคารีเลย์ ประมาณ 200-400 แล้วแต่ยี่ห้อ  รีเลย์เสียได้ครับ แต่นานๆ มันถึงจะเสีย ทำมัยเขาไม่เอาสวิทช์จ่ายไฟไปตรงๆ โดยไม่ผ่านรีเลย์ ถ้ากระแสไม่เยอะก็ได้ครับ  แต่ถ้ากระแสเยอะ เช่นไฟหน้า สวิทช์จะร้อนและไหม้ได้ครับ เขาจึงเอารีเลย์มาช่วยครับ แก้ไขเมื่อ 05 ก.ย. 53 19:36:31 แก้ไขเมื่อ 05 ก.ย. 53 19:34:43 จากคุณ : thamma_kkh เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 53 19:31:39

ความคิดเห็นที่ 8   ที่มา http://www.explainthatstuff.com/howrelayswork.html ๑ วงจรที่ใช้ควบคุม(กระแสไฟฟ้าต่ำ) จะทำหน้าที่ป้อนกระแสไฟให้กับขดลวดเล็กๆ (สีแดง) เพื่อสร้างสนามแม่เหล็ก ควบคุมการเปิดปิดวงจรหลัก(กระแสไฟฟ้ามาก) ๒ เมื่อมีการเปิดสวิทช์ไฟในห้องโดยสาร (หรืออาจจะเปิดจากตัวเซ็นเซอร์ก็ได้) จะเกิดการไหลของกระแสจำนวนน้อยๆ ในวงจรควบคุมจะทำให้เกิดพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้า (แสดงที่นี่เป็นม้วนสีแดง) ซึ่งผลิตสนามแม่เหล็กรอบ ๆ ตัวมัน ๓ แม่เหล็กไฟฟ้า energized ดึงแถบโลหะในวงจรหลัก ผลที่ได้คือมันปิดสวิตช์และให้กระแสไฟฟ้าจำนวนมากไหลผ่านวงจรเอาต์พุต (วงจรสีฟ้า) ๔ วงจรหลักกำลังทำงานป้อนกระแสไฟสูง ปัจจุบันนิยมนำมาประยุกต์ใช้กับ หลอดไฟหรือมอเตอร์ไฟฟ้า แก้ไข ตัวเลขครับ แก้ไขเมื่อ 05 ก.ย. 53 19:38:20 จากคุณ : SIMcityCorN เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 53 19:37:23

ความคิดเห็นที่ 9   ลืมรูปแฮะ จากคุณ : SIMcityCorN เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 53 19:37:44

ความคิดเห็นที่ 10 ราคา สำหรับผมถือว่า "โหด" ครับผม จริงๆ รีเลย์ มันก็คือสวิสท์ตัวหนึ่งครับ แต่ ... มันต่างจากสวิสท์ ทั่วไปที่เราใช้ครับ เพราะ มันสั่งเปิดปิดวงจรด้วยไฟฟ้า ไม่ใช่นิ้ว มือเราเหมือนที่เราเข้าใจครับ ถามว่า ทำไมต้องมี ? ต้องรู้เรื่องไฟฟ้านิดครับ (จริงๆ ผมไม่รู้หรอก แอคไปงั้นแหละ) ไฟฟ้าที่ไปเลี้ยงหลอดไฟหน้านั้นราวๆ ๑๑๐ วัตต์ ครับผม (หลอด ละ ๕๕ วัตต์) นั่นดูแล้วไม่น่าตกใจตรงไหน แค่ ๑๐๐ กว่าวัตต์เอง มันน่าตกใจตรงนี้ครับ ด้วยความที่ไฟฟ้าในรถยนต์ มีโวลต์แค่ ๑๒ โวลต์เท่านั้น กว่าจะได้ ๑๑๐ วัตต์นั้น ต้องใช้กระแสถึง ๙.๑๗ แอมป์เลยทีเดียว (ถ้าเป็นไฟบ้านจะเหลือแค่ ๐.๕ แอมป์เท่านั้น) แล้วมันน่าตกใจตรงไหน ? แอมป์ที่มากเกือบๆ ๑๐ แอมป์นั่น ต้องการสายไฟที่ใหญ่ครับ และ หน้าสัมผัสของสวิสท์ที่ใหญ่ครับ ไม่งั้น ทั้งสายไฟ และ สวิสท์จะมี การร้อน ไหม้ ละลายครับ ... หลายคนอาจจะคิดว่า มันจะยากอะไร ก็เดินสายใหญ่ๆ แล้วก็สวิสท์ใหญ่ๆ ซะสิ ชีวิตจริงไม่ง่ายขนาดนั้น ครับ ที่นั่งคนขับ คอนโซล พวงมาลัย ก้านควบคุมมันเยอะครับ จะต้อง เดินสายใหญ่ๆ สวิสท์ใหญ่ๆ คงวุ่นวายน่าดู นั่นพูดถึงไฟต่ำหนะ ถ้ามี ไฟสูงก็ต้องเดินเพิ่มอีก (สายใหญ่กว่าเดิมด้วย เพราะวัตต์มากกว่า) เขาก็เลยคิดสวิสท์ที่สั่งการด้วยไฟฟ้าขึ้นมา และมีชื่อว่า รีเลย์ นี่แหละ ครับ เราก็แค่ เปิดสวิสท์เล็กๆ จ่ายไฟไปที่รีเลย์ แล้วก็ให้ รีเลย์มันทำ งานจ่ายไฟหลักให้เราอีกทีครับ และนั่น คือความสำคัญของรีเลย์ ครับผม จากคุณ : สยึมกึ๋ย เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 53 19:39:02

ความคิดเห็นที่ 11 ตามข้างบนครับ แต้ถ้าเปลี่ยนหลอดสเป็กเดิม 55/60w ก็ไม่ต้องเพิ่มอะไร แต่อย่างเคสที่เปลี่ยนหลอดเป็น 100/110w นี่ควรติดรีเลย์ครับ ทั้งนี้เพื่อลดความร้อนของสวิตซ์ และไฟจะนิ่งขึ้นเพราะจากแบทมาไฟหน้าเลย ไม่ต้องผ่านสวิตที่คอลโซล แต่ก็มีข้อเสียคือ มีชิ้นส่วนที่ต้องดูแลขึ้นอีก 1 ชิ้นคือ รีเลย์ครับ เพราะรีเลย์มีเสียได้ เมื่อเสียแล้ว จะเปิดไฟไม่ได้เลย และต้องเสียเงินเปลี่ยนครับ จากคุณ : biewjiez เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 53 19:56:00

ความคิดเห็นที่ 12 รีเลย์ Bosch ตัวละเจ็ดสิบห้าบาท จากคุณ : Ontjung เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 53 23:32:24