ความคิดเห็นที่ 1 รถยุโรปกับรถญี่ปุ่นตอนนี้ แทบจะเหมือนกันใกล้เคียงกันมากแล้วครับ ต่างกันอย่างเดียว แค่ความรู้สึกครับ ผมเคยใช้ทั้ง สองอย่างครับ จากคุณ : thongchai9309 เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 53 17:20:55

ความคิดเห็นที่ 2   อยู่ที่คนขายตั้งราคาครับ ถ้าแอคคอร์ดตั้งราคาสูงเคียงBM คนซื้อเขาก็จะคิดๆๆๆเอาไรดีหว่า ราคาพอกันเลย จากคุณ : แบนแล้วแบนอีก จนแบนแต๊ดแต๋ เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 53 17:25:33 A:124.120.50.43 X: TicketID:280600

ความคิดเห็นที่ 3 ตัดภาษีนำเข้าออก ก็เรียบร้อยครับ จากคุณ : คุณก้อง เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 53 17:26:33

ความคิดเห็นที่ 4   ไม่มีใครคิด เรื่องเหล็กแข็งไม่แข็งเลยเหรอ เรื่องความปลอดภัยเลยนะ accord ที่บ้าน เอามือดันๆออกแรงหน่อย กันชน ก็จะบุบแหล่ ไม่บุบแหล่ แล้วครับ ถ้าดันแรงๆ ก็บุบเลย เด็กตัวเล็กๆ เดินบนกระโปรงรถ ก็บุบแล้ว จากคุณ : QQQ เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 53 17:45:50 A:58.11.84.97 X: TicketID:172591

ความคิดเห็นที่ 5   ไม่มีใครคิด เรื่องเหล็กแข็งไม่แข็งเลยเหรอ เรื่องความปลอดภัยเลยนะ accord ที่บ้าน เอามือดันๆออกแรงหน่อย กันชน ก็จะบุบแหล่ ไม่บุบแหล่ แล้วครับ ถ้าดันแรงๆ ก็บุบเลย เด็กตัวเล็กๆ เดินบนกระโปรงรถ ก็บุบแล้ว = ="" แต่เบนซ์กับ บีเอ็ม เค้าเหนือชั้นมากกว่าตรงนี้ เรื่องของโครงสร้าง วัสดุภายใน รถญี่ปุ่นบางชิ้นก็ใช้พลาสติก ช่วงล่างก็อีก บีเอ็ม e 34 รุ่น สิบกว่าปี ช่วงล่างยังเยี่ยมกว่าเลยครับ ลองขับขึ้นเนินหลังเต่า ที่ความเร็วซัก 40 เท่ากันสิ e 34 ที่ว่า เงียบมาก ไม่สะเทือน ลองเทียบรถญี่ปุ่นปัจจุบัน คันละ1.5 ล้าน ช่วงล่างยังเทียบไม่ได้เลย ดัง ตึ้ง !! สะเทือน เหมือนรถจะพัง อีกอย่าง รถญี่ปุ่น โต ฮอน ถึงเทคโนโลยี ดี ล้ำหน้าแค่ไหน แต่ถ้าขับ 80 แล้วชน นี่ ผลที่ออกมาต่างกับ เบนซ์ บีเอ็ม เทียบไม่ได้เลยนะครับ **ถึงผมจะพูดงี้ แต่ที่บ้านใช้รถญี่ปุ่นหลายคันนะครับ เนื่องด้วยเหมาะกับเศรฐกิจยุคปัจจุบันมากกว่า รวมทั้งการซ่อมบำรุง และ จุกจิกน้อยกว่า (และ e34 ที่ว่าที่บ้านก็ขายไปแล้ว) แต่ก็ต้องยอมรับว่า รถยุโรป ดีกว่า จริงๆ^ ^ จากคุณ : QQQ เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 53 17:46:30 A:58.11.84.97 X: TicketID:172591

ความคิดเห็นที่ 6 1. เพราะ 320i เป็นรถขับหลัง 2. วัสดุภายในยังอีกเยอะ 3. คุณภาพช่วงล่าง 4. ระบบความปลอดภัยโครงสร้างตัวถัง ฯลฯ แก้ไขเมื่อ 24 ก.ย. 53 18:02:04 จากคุณ : Bluedoft เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 53 18:01:50

ความคิดเห็นที่ 7 เหล็กหนา VS เหล็กบาง - -" RIP จากคุณ : Sympho เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 53 18:19:59

ความคิดเห็นที่ 8 เอาแค่ช่วงล่าง หน่วยก้านก็ห่างกันหลายขุมแล้ว แต่เดี๋ยวนี้รถญี่ปุ่นก็ไม่น่าเกลียด จากคุณ : iivn เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 53 18:26:05

ความคิดเห็นที่ 9 เรื่องช่วงล่าง ถ้าหาโช๊คกับสปริงดีๆเยี่ยมๆ ให้กับ Accord ซักชุดนึง พอจะขยับเข้าใกล้เคียง 320i ได้มั๊ยครับ หรือยังห่างชั้นอยู่เหมือนเดิม จากคุณ : ไข่เจียวหน้าหนาว เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 53 18:37:17

ความคิดเห็นที่ 10   ใส่ช่วงล่างแต่งช่วยเรื่องการเกาะถนนในความเร็วสูงได้ครับ จะให้เกาะกว่าก็ยังได้แต่จะเสียความนุ่มนวลไป เกาะมากก็กระด้างมาก แต่ผมก็แปลกใจนะทีแอคคอร์ด 94 กับโรเวอร์ 623 พื้นฐานก็ตัวเดียวกันแต่ทำไม 623 ขับแล้วได้ฟิลลิ่งใกล้เคียงยุโรปแท้มาก จากคุณ : Just My Opinion เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 53 19:18:20 A:58.8.250.84 X: TicketID:277229

ความคิดเห็นที่ 11 รถที่ช่วงล่างดี หนึบ ไม่ใช่ด้วยแค่โช้ค สปริงครับ มันต้องว่ากันไปถึงรูปร่างของคอม้า หรือรัศมีดัดโค้งงอของเหล็กกันโคลงกันเลยทีเดียว มันมีพลังและประสิทธิภาพอยู่ในนั้นครับ และต้นทุนการออกแบบที่สูงกว่า เป็นเหตุให้รถแพงกว่า (แต่ไม่ได้รับประกันว่าจะดีกว่านะ) จะว่าไปรถญี่ปุ่นสมัยนี้ เทคโนโลยีก้าวล้ำเหมือนกันครับ แต่รถยุโรปเค้าก็มีวิถีทางของเขามานมนาน ในทางกลับกัน ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและราคาวัสดุที่เพิ่มตามราคาตลาดโลก ส่งผลให้เกิดชิ้นส่วนหลายอย่างที่ทำงานแทนชิ้นส่วนเดิมได้ แต่เบากว่า ถูกกว่า และอาจจะด้อยประสิทธิภาพลงไปพร้อมๆกันครับ ตรงนี้ขึ้นอยู่กับผู้ผลิตแล้วล่ะ ว่าจะเลือกผลิตรถด้วยต้นทุนถูกๆ หรือจะยอมใช้ของดีหน่อย เพื่อประโยชน์โดยรวมที่ช่วยให้เหนือกว่า ครับ... จากคุณ : DarkBlueFlamingo เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 53 19:18:52

ความคิดเห็นที่ 12 เหล็กบาง เหล็กหนา ผมว่ามันไม่เกี่ยวกับความปลอดภัยนะครับ เดี๊ยวนี้คนออกเเบบเค้าคำนึงถึงเรื่องโครงสร้างตัวถังมากกว่าว่าจะซับเเรงชนได้มากเเค่ไหน เรื่องการกดเบาๆๆเเล้วยุบเนี่ย ก้เป็นการออกเเบบเพื่อซับเเรงจากการชนคนครับ คนโดนชนจะได้ไม่เจ็บหนัก รถญี่ปุ่นหลายรุ่นหลายยี่ห้อที่ได้ 5 ดาวจากการทดสอบการชน จากคุณ : bonmoovo เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 53 19:46:15

ความคิดเห็นที่ 13 ถ้าพูดถึงรถยุโรป กับ รถญี่ปุน ลองดูรูปภาพประกอบ แต่ไม่ใช่ Accord กับ BMW นะครับ (ใครหาได้เอามาโชว์หน่อย) ขออนุญาต เจ้าของที่นี่ด้วยนะครับ http://www.fordfocusclub.com/forum/index.php/topic,8698.0.html เอามาให้ดู เล่นๆ อาจจะเป็นที่มุมการชนก็ได้ ไม่ได้ว่าของใครดีไม่ดีนะครับ จากคุณ : DogGold เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 53 19:46:27

ความคิดเห็นที่ 14 อีกอัน Ford โดนก็อปปี้ ขออนุญาต เจ้าของที่นี่ด้วยเช่นกัน นะครับ http://www.fordfocusclub.com/forum/index.php/topic,6639.0.html ย้ำ เอามาให้ดู เล่นๆ อาจจะเป็นที่มุมการชนก็ได้ ไม่ได้ว่าของใครดีไม่ดีนะครับ จากคุณ : DogGold เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 53 19:55:17

ความคิดเห็นที่ 15 โช๊คกัีบสปริงทำให้หนึบขึ้นได้ก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเทียบเคียงรถยุโรปได้ครับ บาลานซ์ อะไรพวกนี้ก็ยังแตกต่างกันอยู่ดี ปล.ผมขับทั้งรถญี่ปุ่นและยุโรปครับ สารภาพตามตรงว่า ถ้าไม่ได้ขับทางไกลๆ ผมชอบรถญี่ปุ่นกว่ามากครับ จากคุณ : Preceda2 เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 53 20:08:30

ความคิดเห็นที่ 16 เหมือนซื้อ ไม้ปิงปองอันละร้อยกว่าบาทไปเปลี่ยนยางด้านหน้าด้านหลังเป็นพัน  มันก็ไม่ดีเท่าไม้อันละเป็นพันอยุ่ดี จากคุณ : mootomoosun เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 53 20:19:28

ความคิดเห็นที่ 17 ขอนอกเรื่องนิดส์นึงจ้า  มันเป็นเรื่องของต้นทุนและกรอบแนวคิดนการสร้างรถแต่ละคันครับ  ญี่ปุ่นไม่ได้ด้อยกว่า EU หรือ ชาติใดในโลก   ไม่งั้น Porche คงไม่ต้องปวดหัวกับสิ่งที่ GT R ทำเมื่อปีที่ผ่านๆมาก็ได้ครับ จากคุณ : choomodify เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 53 20:36:57

ความคิดเห็นที่ 18 ผมว่าถ้าคิดความคุ้มค่าต่อต้นทุนการผลิต(ไม่คิดภาษีทั้งหลายแหล่) ผมว่ารถยุโรปดีกว่าเยอะเลยครับ รถญี่ปุ่นแพงโดยไร้สาเหตุ จากคุณ : HiGain เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 53 20:44:47

ความคิดเห็นที่ 19 รถญี่ปุ่นไม่ได้แพงโดยไร้สาเหตุน่ะครับ รถยุโรปต่างหากที่แพงโดยไร้สาเหตุ ลองเทียบราคาที่เมืองนอกดู แล้วมาดูราคาเมืองไทย รถญี่ปุ่นกับรถยุโรปเทียบขนาดเดียวกันราคากระโดดห่างออกไปเกือบสามเท่าตัว ทั้ง ๆ ประกอบในประเทศเหมือนกัน แต่ด้วยเหตุผลที่ว่ามันก็ขายได้ ก็เลยต้องเป็นอย่างนั้นต่อไป ปัจจัยที่ทำให้รถราคาแพงจริง ๆ อยู่ที่ภาษี จากคุณ : RadiS เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 53 21:27:46

ความคิดเห็นที่ 20 ใช่ครับ ชิ้นส่วนอะไหล่ BMW นำเข้าจากต่างประเทศครับ และมาประกอบในไทย ราคาก็เลยสูง ถ้านำเข้าทั้งคัน จะแพงกว่านี้หลายเท่าตัว สมรรถนะยังห่างอยู่หลายช่วงตัวนัก ลองให้คนที่เคยขับทั้งสองตัวนี้ มาตอบ ผมคิดว่าคงจะตอบเหมือนผม จากคุณ : Apache_j เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 53 21:30:28

ความคิดเห็นที่ 21 เคยใช้volvo v.40ครับ เคยเฉี่ยวกับรถญี่ปุ่น mitsu ผลที่เกิดก็ประมาณตามรูปข้างบนเลยครับ เสียงชนก็ดังนะครับแต่รถผมไม่ค่อยเป็นอะไรแต่คู่กรณีนี่สิยู่เลยครับ ผมว่ายังไงๆเสีนมาตรฐานการdesignในเรื่องความปลอดภัยนี่รถยุโรปกินแน่นอนครับ (โดยมาก) อยากให้คนขับรถญี่ปุ่นลองมีโอกาสใช้รถยุโรปนะครับแล้วจะเข้าใจครับ ส่วนผมตอนนี้ก็เปลี่ยนมาลองใช้รถhonda crvใหม่ นี่แหล่ะครับเพราะสภาพเศรษฐกิจกระเป๋าตัวเองช่วงนี้ แต่ทั้งนั้นทั้งนี้ยังรู้สึกติดใจรถยุโรปอยู่ดีครับ คันหน้าคงกลับไปใช้ครับ จากคุณ : toughboy เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 53 21:33:42

ความคิดเห็นที่ 22 รถยุโรปกับรถญี่ปุ่นตอนนี้ แทบจะเหมือนกันใกล้เคียงกันมากแล้วครับ ใช่เลยครับ  เคยเห็นรถยุโรปมีอะไรออกมาใหม่ สักพักรถญี่ปุ่นก็ต้องมีเหมือนกัน และรถญี่ปุ่นจะออกบอดี้ให้บวมๆ ใหญ่ๆ ขึ้นกว่ารถยุโรปขึ้นไปอีก จะได้ดูว่ารถใหญ่กว่า กว้างกว่า ดูมีคลาสสสสขึ้น แต่ความเป็นจริง บอดี้ ช่วงล่าง ยังไม่น่าจะเทียบกันได้ใกล้นัก ณ ปัจจุบัน ลองผ่านไปสัก 1-2 ปีแล้วเทียบดูความเสื่อมของรถ จะยิ่งเห็นความแตกต่างได้ชัดขึ้น รถใหม่ๆ จะอะไรมันก็ดูดีไปหมด  แต่พอช่วงล่างผ่านการใช้งานไปก่อน แล้วค่อยดูเทียบอีกที น่าจะเห็นอะไรชัดขึ้น จากคุณ : nanokacha เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 53 21:39:45

ความคิดเห็นที่ 23   การตลาดไม่เหมือนกันครับ ยุโรปจะมองว่า รถเวลาทำออกมาแล้วจะต้องทำให้แข็งแกร่ง มีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยไม่สนใจราคาในการผลิตว่ามันจะแพงมากแค่ไหน ต่างจากญี่ปุ่นถ้าญี่ปุ่นจะทำอย่างยุโรปนั้นคงไม่ได้ เพราะเทคโนโลยีความรู้ใหม่โดยรวมแล้วยังสู้ยุโรปไม่ได้ ดังนั้นญี่ปุ่นจึงใช้การตลาดเข้ามาแทน โดยวิเคราะห์กลุ่มลูกค้า ความต้องการของลูกค้า โดยดูว่า การผลิตที่มีประสิทธิภาพโดยราคาสูงนั้นมันไม่ตอบโจทย์ ญี่ปุ่นจึงผลิตรถที่เหมาะกับตลาดออกมา โดยวัสดุหรืออุปกรณ์เป็นที่พอใช้ได้ระดับหนึ่ง เน้นการผลิตที่ใช้แทนกันได้จึงทำให้รถญี่ปุ่นมีราคาถูกกว่า จากคุณ : does เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 53 21:47:33 A:110.164.243.128 X: TicketID:287084

ความคิดเห็นที่ 24 สำหรับผม แค่การขับหน้า ขับหลังก็ต่างกันมากแล้วครับ ไม่ต้องคิดต่อเลย ขับ E34 + Volvo960 ประทับใจมากๆตอนขับ แต่ตอนเติมน้ำมันกับตอนซ่อมเป็นอีกเรื่อง :P จากคุณ : kunimihero เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 53 22:45:15

ความคิดเห็นที่ 25   เอาจริงๆนะ Accord ก็สมรรถนะเหลือๆแล้วครับ สำหรับใช้งานในชีวิตประจำวัน คนที่ซื้อ BMW BENZ LEXUS AUDI อะไรพวกนี้ น่าจะเป็นพวกที่เห็นว่ารถเป็นอะไรมากกว่ายานพาหนะ คือมันเป็นรสนิยมส่วนตัว ตีเป็นมูลค่าไม่ได้ จะว่าไปเมืองนอกไม่แพงนะ รถยุโรปคลาสนี้ ผมเคยอ่าน Autocar เล่มเก่าแล้ว เค้าเอา A4B8 ตัวขับหน้า เทียบกับ Accord โฉมยุโรป กับ Ford Mondeo เค้ายังบอกว่าระบบขับหน้าของ Audi ยังสู้ Accord กับ Mondeo ไม่ได้ เห็นว่างั้น จากคุณ : Noir เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 53 22:57:48 A:222.123.169.167 X: TicketID:210168

ความคิดเห็นที่ 26 ตามความเข้าใจของผมนะครับ ซีรี่ย์3 น่าจะเป็นกลุ่มเดียวกับซีวิคมากกว่ารึป่าวครับ จะเทียบแอคคอร์ด น่าจะต้องเทียบกับซีรี่ย์5ไปเลยป่ะ แต่เรื่องของคุณภาพรถญี่ปุ่นหรือยุโรป ผมว่ามันคนละสไตล์ครับ ที่บ้านผมใช้แต่รถยุโรป แต่กลายเป็นว่าตอนนี้ชีวิตส่วนใหญ่ก็อยู่แต่ในเมือง ผมยังอยากได้รถญี่ปุ่นเล็กๆประหยัดๆซักคันไว้ขับในกทม.เลย ผมว่าของบางอย่างมันก็เหมาะสมกับบางที่นะ ถ้าจะเอาให้ดีทุกอย่างในคันเดียว มันก็คงจะต้องแพงจนเกินเหตุและผลแน่ๆ .-_-. จากคุณ : Jun Asawa เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 53 22:58:34

ความคิดเห็นที่ 27 ใช้523i e39 อยู่คับ ปี04 วิ่ง200โดยเหงื่อไม่ตกเลยครับ ถือมือเดียวรู้สึกเหมือนพื้นดูดรถ แต่ขับในเมืองเหงื่อตกครับ ยังกับเข้าฟิตเนส -*- คันเร่ง+พวงมาลัย ได้ที่จริงๆ รถติดๆไหลตามก้นชาวบ้านไม่ทัน ถ้าไม่กระทืบ แต่ลอยลำแล้วอย่าในมาตามก้น จากคุณ : teera_tech เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 53 23:15:55

ความคิดเห็นที่ 28 ต้องลองเองครับ ถึงจะทราบความแตกต่าง จากคุณ : Asklepios เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 53 23:20:19

ความคิดเห็นที่ 29 ตอนนี้ที่ยังต่างคือ การขับขี่ ครับ ยังงัยญี่ปุ่นก็ได้แค่ใกล้เคียงเท่านั้น รถยุโรปเค้าละเอียดและตั้งใจกับ Feeling จริงๆ จากคุณ : FyGI เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 53 11:53:45

ความคิดเห็นที่ 30 ที่มันต่างคือความปลอดภัยครับ ประเมินค่าไม่ได้ จากคุณ : ทนายใหม่ เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 53 13:47:32

ความคิดเห็นที่ 31 รถคนละคลาส เอามาเทียบกันได้ไงเนี่ย 320 ขนาดมันยังเล็กกว่า civic fd เลยมั้งคุณ จะข้ามรุ่นไปเทียบกับ accord เลยเหรอ ขนาดต่างกันแบบไม่ต้องเล็งเลย เรื่องเทคโนโลยีที่บอกว่าห่างกันหลายขุม นี่อะไรครับ?? ช่วยบอกให้เป็นรูปธรรมซักนิด ผมกลับมองว่า รถยุโรปเริ่มประหยัดน้ำมันได้ใกล้เคียงกับรถญี่ปุ่นแล้ว ในเครื่องยนต์เบนซินนะ ในสมัยก่อนดูเหมือนไม่เคยสนใจ แดกกระจาย เรื่องราคาก็มาจากภาษี ราคาในต่างประเทศห่างกันไม่มาก จากคุณ : JoeRazz เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 53 14:44:00

ความคิดเห็นที่ 32 เหล็กหนากับบางผมว่าไม่เกี่ยวกับปลอดภัยนะ เพราะส่วนรับแรงมันคือโครงสร้างรถ ไม่ใช่เหล็กหนา0.2มิลลิเมตร- -'' ส่วนรูปภาพด้านบน Ford Focus คันนั้น เจ้าของรถเป็นสมาชิกในนี้ครับ= ='' ถ้าจำไม่ผิดเปลือกไม่เป็นอะไรแต่ไส้รู้สึกจะมีปัญหา??? ส่วนเรื่องกันชน เดี๋ยวนี้รู้สึกว่าจะใช้เป็นไฟเบอร์ครับ ไม่ใช่เหล็กเหมือนเมื่อ่กอน แล้วToyota Hondaสมัยนี้เป็นไรไม่รู้ ไม่ชอบใส่คานกันชนมาให้ สังเกตุว่าคันไหนไม่มีกันชนจะเจอเหล็กเปลือยๆรออยู่= ='' ถ้าถามถึงเทคโนโลยี ไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอกครับ มันต่างกันที่ว่าจะทำมาขายเท่าไหร่เสียมากกว่า ไม่งั้นในยุโรปรถญี่ปุ่นมันจะขายได้เยอะแยะได้ยังไง จากคุณ : Neon_Nerv เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 53 15:33:52

ความคิดเห็นที่ 33 "รถคนละคลาส เอามาเทียบกันได้ไงเนี่ย" ผมตั้งใจให้เห็นภาพชัดๆไงครับ ว่า320iซึ่งเป็นรถยุโรปขนาดเล็ก แต่ทำไมมันดันแพงกว่า Accord ซึ่งเป็นรถญี่ปุ่นขนาดใหญ่อยู่ตั้งหลายแสน มันเป็นเพราะว่าอะไร ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น จากคุณ : ไข่เจียวหน้าหนาว เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 53 16:21:50

ความคิดเห็นที่ 34 ผมว่าสิ่งที่รถยุโรป(ในประเทศไทย) สู้รถของญี่ปุ่นไม่ได้ก็คือความทนทานของเครื่องยนต์นี่หละครับ จากคุณ : Golf999 เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 53 16:24:34

ความคิดเห็นที่ 35   ผมว่าจะเปลี่ยนรถ bm e36 318i เป็น altis 1.8 ปี 2008 ยังคิดหนักอยู่เลยครับ 10 กว่าปี ยังขับดีอยู่เลย จากคุณ : pv-zumo เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 53 16:52:16

ความคิดเห็นที่ 36   มีทั้ง W124 และ E34 ช่วงล่างดีกว่าจริงๆครับ(E34 แข็ง ออกแนวสปอตไปนิด แต่ดูเหมือนจะเกาะกว่าเบนซ์) แต่ทุกอย่างเปราะมาก โดยรวมของในรถไม่เหมาะกับเมืองไทยเท่าไหร่ ทั้งเรื่องแอร์ สายไฟ ท่อต่างๆ แม้กระทั่งความทน เคยมี Altis ตัวเก่า เสียงช่วงล่างตอนกระเทือนแรงๆ(กรึกๆๆๆๆ) กับตอนกระทืบเบรคแรงๆดังครับ(วืดดดดด) ใครไม่เคยขับจะกลัวกันทุกคน แต่โดยรวมถือว่าดีในราคารถ 7 แสนนิดๆ(ในสมัยนั้น)ครับ ES300 '94 ช่วงล่าง นิ่ม เงียบ แต่มันไม่เกาะสักเท่าไหร่ ออกจะยวบๆ (ยังไม่ได้ซ่อมยกชุดนะครับ เปลี่ยนไปแค่โช้คเอง) ให้ขับทางไกลผมก็เลือกรถญี่ปุ่นครับ ไม่ต้องมาลุ้นว่ามันจะเสียเมื่อไหร่ จากคุณ : Cheetah forever เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 53 18:16:33

ความคิดเห็นที่ 37 อยากได้ตัวถัง+ช่วงล่างแบบ BMW อยากได้เครื่อง+เกียร์ของ Toyota และภายในแบบ Honda มีใครจะทำออกมาไหม....... จากคุณ : TaTum0022 เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 53 19:26:10

ความคิดเห็นที่ 38 ของดีไม่มีถูกไม่ว่าใครทำก็เหมือนกัน ดู Lexus ก็ได้ ฮอนด้า Regent เป็นไง Infinity or Pesident ของ นิสันก็ไม่เบา จากคุณ : weeras เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 53 20:07:15

ความคิดเห็นที่ 39 คคห. 32 รู้สึกว่า เ้จ้าของรถ toyota ต้องเข้านอนโรงพยาบาล ส่วนเจ้าของรถ Focus กลับไปนอนบ้าน ครับ จากคุณ : DogGold เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 53 20:10:09

ความคิดเห็นที่ 40   ขับรถเมล์ ไม่ก็ 10ล้อ สิครับ เหล็กหนาดี ปลอดภัย จากคุณ : -*- เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 53 07:22:18 A:124.121.19.62 X: TicketID:259212

ความคิดเห็นที่ 41   เคยไปทั้งเยอรมันและยี่ปุ่น ที่ญี่ปุ่นvolk bmw benz audi วิ่งกินเยอะแยะ ที่เยอรมันนานๆจะมีรถญี่ปุ่นซักคัน ถ้ามีโรงงานผลิตชิ้นส่วนรถยุโรปในประเทศละก้อยุ่นหนาวแน่ๆ ที่บ้านมีcorsaเก่าๆคันนึง รถญี่ปุ่นใหม่อีกสองคัน corsa จุกจิกกว่ากับอะไหล่แพงกว่านิดนึง แต่วัสดุภายในยังไม่มีลอก แผงกันความร้อนเครื่องยังเนียบ ดีไซยังทันสมัยทั้งนอกใน มีแต่คนบอกว่าสวย ทัศนวิสัยไม่ต้องมาพึ่งเซนเซอร์ใดๆในการจอด เคยขับวีออสใหม่ถอยจอดมองยากพอกับกระบะเลย ลองขับไปเที่ยวทองหล่อพวกแอคคอร์ดแคมรีดูบ้านๆแต่น้องcorsaนี่ไม่เหมือนใครดี แต่รถยุโรปนี่สำคัญคือต้องใส่ใจมันนิดนึงแล้วคุณจะหลงรักมัน จากคุณ : ชอบความแตกต่าง เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 53 10:11:54 A:58.9.5.203 X: TicketID:288861

ความคิดเห็นที่ 42 มันเหมือนทำประกันชีวิตเพิ่ม (ไม่ได้แปลว่าทำแล้วจะไม่ตายนะ) กับไม่ทำประกันเพิ่ม รายจ่าย 2อย่างก็ไม่เท่ากันแล้ว แต่จ่ายแพงกว่าก็ปลอดภัยกว่า เจ็บหนัก เป็นเบา บุบเยอะเป็นน้อย ทีซื้อ iphone จะซื้อแต่เครื่อง 0 แพงกว่าไม่ได้แปลว่าจะไม่เสีย แต่มีประกัน อย่างว่าขับหลัง ถ้าไม่ดี พี่Fer พี่Pors พี่MB พี่BM   เค้าก็ทำขับหน้าหมดแล้ว ลดต้นทุน เสียง่าย ซ่อมบ่อยๆ เค้าได้เงินค่าซ่อมเยอะ เค้ายังไม่ทำขับหน้าเลย เพราะ Performance มันต่างกัน จากคุณ : kapolo_club เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 11:12:10

ความคิดเห็นที่ 43 อยู่ที่ความแข็งอ่าคับ เคยขับชนท้าย taxi  ซึ่งก็คือ altis  ท้ายเขาแตกและหล่นลงมาเลย ส่วน A4 ของผม กันชนสีถลอกนิดหน่อย ปล ชนไม่แรงนะครับ ช่วงออกตัว แต่ taxi เขาเบรคกระทันหัน ผมไม่ทันมอง จากคุณ : AudiA4 เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 15:37:00