 |
วันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๐๘
นับว่าเป็นวันสำคัญวันหนึ่งในโครงการพัฒนาเศรษฐกิจและการส่งเสริมความอยู่ดีกินดีของราษฎรในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
เนื่องจากในวันนั้นได้มีการประกอบพิธีเปิดถนนสายโคราช หนองคาย เป็นทางการ ถนนนสายนี้มีความยาว ๓๖๐ กม. เป็นช่วงสุดท้ายของทางหลวงซึ่งเริ่มต้นจาก กรุงเทพฯ หนึ่งในสามส่วนของถนนสายนี้ คือ ทางหลวงสายมิตรภาพ เชื่อมสระบุรี กับ โคราช อีกตอนหนึ่งที่ยังเหลือ คือช่วง กรุงเทพฯ สระบุรี ซึ่งส่วนใหญ่ก็เสร็จเรียบร้อยแล้วเช่นกัน คงเหลืออีกเพียง ๒๘ กม. ( ระหว่าง รังสิต กรุงเทพฯ ) เท่านั้น และช่วงนี้ก็กำหนดว่า จะแล้วเสร็จก่อนเดือน พฤศจิกายน ๒๕๐๘ นี้
ดังนั้น ปัจจุบันเราจึงมีทางหลวงลาดยางแอสฟัลท์ตลอดสายยาวที่สุดในเมืองไทย ตัดออกจากกรุงเทพฯ ผ่านภาคตะวันออกเฉียงเหนือทางนครราชสีมา และไปจนสุดชายแดนที่จังหวัดหนองคาย ณ ริมฝั่งแม่น้ำโขง รวมเป็นระยะทางยาวทั้งสิ้น ๖๑๒ กม. ส่วนในทางปฏิบัตินั้น ทางตอน โคราช หนองคาย ได้เปิดให้ยวดยานของประชาชนสัญจรไปมาได้ตั้งแต่เดือน พฤศจิกายน ศกก่อนแล้ว เป็นทางลาดยางแอสฟัลท์ กว้าง ๖.๕ เมตร และไหล่ทางลูกรัง ๒ ข้าง ๆ ละ ๒.๒๕ เมตร ส่วนใหญ่สร้างทับแนวถนนที่มีอยู่เดิม นอกจากช่วงโคราช บ้านไผ่ ซึ่งแนวถนนเดิมคดเคี้ยว และอยู่ในสภาพชำรุด จากการสำรวจและประมาณราคาพบว่า การสร้างแนวถนนขึ้นใหม่เป็นการดีกว่าที่จะใช้เส้นทางเดิม ทั้งนี้ เพราะแนวถนนใหม่จะย่นระยะทางลงกว่า ๓๐ กม.
บัดนี้การก่อสร้างทางหลวงสายหลักจาก พระนคร ไปจนสุดอาณาเขตลงที่ จังหวัดหนองคาย จึงเสร็จสมบูรณ์ตามความมุ่งหมาย ทำให้เราสามารถเดินทางโดยยานยนต์จาก กรุงเทพฯ ไปถึงหนองคายได้ภายในเวลา ๘ ชั่วโมง โดยแล่นไปตามเส้นทางที่มีผิวจราจรราบเรียบ รถไม่กระเทือนแลแน่นิ่งจนกระทั่งอาจกล่าวได้ว่า แม้น้ำในแก้วก็จะไม่หก การเดินทางสะดวก รวดเร็ว และเราอาจกระทำได้ตลอดฤดูกาลไม่ว่าจะเป็นหน้าฝนหรือหน้าแล้ง
นับเป็นเส้นทางคมนาคมขั้นมาตรฐานสายแรก ที่เชื่อมการติดต่อระหว่างเมืองหลวงของประเทศกับหัวเมืองชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ในการสร้างทางสาย โคราช หนองคาย สายนี้ รัฐบาลไทยได้รับความช่วยเหลือจากองค์การบริหารวิเทศกิจแห่งสหรัฐ ( USOM ) พร้อมทั้งได้จ้างผู้เชี่ยวชาญชาวอเมริกันมาช่วยให้คำแนะนำด้วย ส่วนการออกแบบและการก่อสร้างอยู่ภายใต้การควบคุมของ กรมทางหลวง
ปัญหาในการสร้างทางสายนี้ก็คือ วัสดุที่ใช้ในการก่อสร้าง จะเห็นได้ว่า ภูมิประเทศในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีความขาดแคลนหินเป็นอย่างมาก ส่วนพื้นที่ ก็มีลักษณะเป็นดินทรายละเอียด ถ้ารถวิ่งในหน้าแล้งจะเป็นฝุ่นคลุ้ง และในหน้าฝนก็เป็นโคลน แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญชาวอเมริกัน ทำให้สามารถแก้ปัญหานี้ตกไปได้
เมื่อประมาณ ๘ ปีก่อนหน้านี้ นายช่างของกรมทางฯ ได้ร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ทำการสำรวจภูมิประเทศในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทั้งใต้ดินและบนดิน เพื่อพิจารณาหาทางที่จะนำวัสดุที่หาได้ในท้องถิ่นมาใช้ในการสร้างทาง ผลของการสำรวจก็ปรากฏแต่เพียงว่า ในภาคนี้มีลูกรัง กรวด รวมกันอยู่เป็นแห่งๆ ซึ่งมีคุณภาพไม่เหมาะที่จะทำถนน แต่ในขณะนั้น ก็ยังมองไม่เห็นวิธีอื่นใดนอกจากจะพยายามใช้วัสดุในท้องถิ่นให้ได้ เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว จะต้องลำเลีบงหินไปจากแหล่งห่างไกล เช่น จากสีคิ้ว ซึ่งกว่าจะถึง ขอนแก่น ก็เป็นระยะทางห่างประมาณ ๒๐๐ ๓๐๐ กิโลเมตร
ปัญหานี้เป็นปัญหาหนัก จึงจำเป็นต้องมีการทดลองทางวิทยาศาสตร์ โดยร่อนขนาดของวัสดุชนิดต่างๆ ว่ามีขนาดอย่างไรบ้าง แล้วใช้วิทยาการแผนใหม่ ที่จะผสมวัสดุพวกนี้ให้มีคุณภาพใช้แทนหินได้ ในที่สุดการทดลองก็ประสบผลสำเร็จ โดยหาปริมาตรของ ดิน ทราย หิน กรวด ที่พบในดินหรือกรวดแม่น้ำ มาผสมกัน ใช้เป็นวัสดุสำหรับสร้างทางได้ จึงได้เปิดโครงการทดลองขึ้นเมื่อ ๘ ปีก่อน เรียกว่า Demonstration Project เป็นการทำถนนขั้นทดลองขึ้นสายหนึ่ง ตอนใต้ของจังหวัดอุดรธานี เป็นระยะทางยาวประมาณ ๒๐ กิโลเมตร เพื่อดูผลการทดลองว่าจะใช้ได้เพียงไร
วิธีการเช่นนี้เรียกว่า วิธีการ Mechanical Stabilization คือ เลือกขนาดของเม็ดวัตถุให้เท่ากันพอเหมาะที่จะให้กำลังดีเท่าๆ กับหิน เพื่อนำมาบดอัดจนได้เป็นพื้นฐานถนนตามมาตรฐานที่ต้องการ
การทำถนนทดลองสายนี้ลาดยางหนาเพียง ๒ เซนติเมตรเท่านั้น ผลก็ปรากฎว่า ทางสายนี้สามารถรับการจราจรได้ดี ทางเรียบ รถยนต์วิ่งได้เร็ว การบำรุงรักษาก็ไม่แตกต่างกับถนนลาดยางส่วนอื่นๆ ของประเทศ ค่าบำรุงรักษาก็อยู่ในอัตราไล่เลี่ยกัน กรมทสงหลวงจึงได้คิดขยายโครงการ Demonstration Project โดยการสร้างทางสายโคราช หนองคายขึ้น
ที่อำเภอปากช่อง อันเป็นแหล่งศูนย์กลางการค้าผลผลิตเกษตรกรรมในย่านถนนมิตรภาพนั้น แต่ก่อนเป็นเพียงหมู่บ้านเล็กๆ มีถนนสายเดียว และทั้งสองข้างถนนก็มีแต่ห้องแถวไม้เก่าคร่ำคร่า ครั้นถนนสายมิตรภาพผ่านมา วิวัฒนาการความเจริญในด้านต่างๆ ก็บังเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันนี้ ห้องแถวไม้เก่าแก่นั้นได้กลายเป็นตึกสามชั้นยาวเหยียดไปหมดแล้ว ในบริเวณใกล้เคียงตลาดมีการก่อสร้างโรงงานทอกระสอบ โรงงานทำแป้งมัน โรงงานทำแผ่นสังกะสี ผู้คนที่พากันเข้ามาทำมาหากินในย่านนี้ ซึ่งเพิ่มจำนวนขึ้นเป็นลำดับ ก็เคลื่อนไหวคึกคักในการซื้อขายข้าวโพดและมันสำปะหลัง อันเป็นพืชหลักที่นิยมเพาะปลูกกันอยู่ในเวลาปัจจุบัน นอกจากนี้ กรมกสิกรรม ยังได้ส่งเสริมให้มีการปลูกฝ้ายมา ๒ ๓ ฤดูแล้ว ปรากฎว่า ราษฎรที่ได้เข้าร่วมในการทดลองกับทางราชการ ได้รับความสำเร็จอย่างดียิ่ง
ดังนั้นในไม่ช้า ฝ้ายซึ่งให้ผลต่อไร่เป็นมูลค่าสูงมาก ก็จะได้เข้ามาเป็นพืชหลักของย่านนี้เพิ่มเติมอีกชนิดหนึ่งด้วย
เหล่านี้เป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นอย่างชัดแจ้งว่า ถนนดี อาจอำนวยประโยชน์มหาศาลให้พื้นที่และผู้ที่ทำมาหากินอยู่ในละแวกนั้นๆ ได้เพียงไร ผู้เขียนได้มีโอกาสพบกับคุณโสฬส รายณะสุข ผู้ช่วยนายช่างกำกับแขวงการทางอุดรธานี และคุยกันถึงเรื่องความเป็นมาแห่งทางสายโคราช หนองคาย
คุณโสฬสเล่าให้ฟังว่าเคยอยู่ที่ปากช่องมาก่อน ได้แลเห็นความเปลี่ยนแปลงแก่พื้นที่ในบริเวณนั้นตั้งแต่ระยะเริ่มแรก
" การเปลี่ยนแปลงเป็นไปอย่างรวดเร็ว น่าทึ่งเหลือเกิน คุณโสฬสอธิบาย " ที่ป่าที่ดง พอมีถนนดีผ่านไปถึง ผู้คนก็กล้าเสี่ยงชีวิตกับไข้ป่า พากันเข้าไปบุกเบิกจนกลายเป็นไร่เป็นสวนไปหมดเพียงในเวลาไม่กี่ปี ดังเช่นที่ สีคิ้ว เป็นตัวอย่าง ส่วนที่ ปากช่อง นั้น พัฒนาการในด้านต่างๆ เกือบเป็นสิ่งมหัศจรรย์ เมื่อก่อนที่ดินแถวนี้ราคาเพียงไร่ละ ๔๐๐ ๕๐๐ บาท เดี๋ยวนี้ขึ้นไปถึง ๒ ๓,๐๐๐บาท ถ้าหากเป็นที่ใกล้เคียงกับตัวตลาดด้วยแล้ว ราคาถึงตั้งแสน ความเจริญก้าวหน้าที่ได้เปลี่ยนแปลงโฉมหน้าบริเวณพื้นที่สองข้างทางถนนมิตรภาพเป็นที่ประจักษ์แล้วเป็นอย่างไร ผมก็คาดว่า คงจะเกิดประโยชน์ และมีความเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่เช่นเดียวกัน ในบริเวณสองข้างทางสายโคราช หนองคาย ที่เพิ่งเปิดใหม่นี้ คุณโสฬสกล่าวในที่สุด
อย่างไรก็ตาม ความเจริญแก่ท้องที่และราษฎรตามที่คุณโสฬสคาดหวังไว้นั้น อาจเป็นสิ่งในอนาคต ซึ่งเราจะต้องคอยดูกันต่อไป แต่ทว่าประโยชน์ที่ประชาชนส่วนใหญ่ได้รับโดยเห็นประจักษ์อยู่แล้ว นับตั้งแต่ ได้เปิดการสัญจรบนเส้นทางโคราช หนองคาย ซึ่งสร้างขึ้นใหม่เป็นถนนมาตรฐานเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน ศกก่อนเป็นต้นมานั้น ก็มีอยู่มิใช่น้อย นายเจริญ ปานทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย เปรียบถนนสายนี้ เหมือนเส้นโลหิตใหญ่สำหรับบำรุงหล่อเลี้ยงเศรษฐกิจของพื้นที่รูปสามเหลี่ยมซึ่งประกอบเป็นภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยมี จังหวัดหนองคาย อยู่ทางเหนือสุด นครพนม มุกดาหาร และ อุบลราชธานี อยู่ทางตะวันออก ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และ นครราชสีมา อยู่ด้านใต้
" ในพื้นที่รูปสามเหลี่ยมนี้ มีพลเมืองอาศัยทำมาหากินอยู่ถึง ๑ ใน ๓ ของจำนวนพลเมืองทั้งหมดของประเทศ จึงเห็นได้ว่า ถนนสายนี้สำคัญและมีประโยชน์มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่ระหว่าง นครพนม อุบล และขอนแก่นนั้น ไม่มีทางรถไฟ การคมนาคม และการขนส่งผลผลิตในท้องที่ ต้องใช้ถนนเป็นเส้นทางย่อยไปเชื่อมโยงกับเส้นทางหลักที่เปิดขึ้นใหม่ทั้งสิ้น
อีกประการหนึ่ง เท่าที่เป็นมาแล้ว ปริมาณของผลผลิต หรือสินค้า ในพื้นที่อันกว้างใหญ่นี้ จะส่งออกตลาดได้มากน้อยเท่าใด ย่อมขึ้นอยู่แก่จำนวนตู้รถไฟที่จัดหาได้ ซึ่งไม่ค่อยจะเพียงพอกับความต้องการเลย การขยายตัวของเศรษฐกิจ จึงถูกจำกัดอยู่เช่นนี้โดยปริยาย ครั้นมามีถนนสำหรับการลำเลียงขนส่งเปิดขึ้นอีกสายหนึ่ง ซึ่งอาจใช้ประโยชน์ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว และใช้การได้ตลอดทุกฤดูกาลแล้ว ก็นับว่า ได้เปิดหนทางให้เศรษฐกิจของท้องที่ได้ขยายตัวขึ้นอีกเท่าตัวในทันทีทันใด
ลองคิดดูก็แล้วกันว่า ผลผลิตจากพื้นที่สามเหลี่ยมที่จะต้องลำเลียงโดยเส้นทางสายนี้ มีจำนวนมากน้อยเพียงใด เฉพาะสินค้าที่จะส่งไปเลี้ยงประเทศลาวด้านเดียว ในเดือนหนึ่งๆ ก็เป็นข้าวถึง ๓๐,๐๐๐ กระสอบ และหมูอีก ๒,๐๐๐ ตัว
ส่วนของที่จะขนส่งไปยังกรุงเทพฯ มี ข้าว ไม้ ปอ น้ำตาล หมู วัว เป็ด ไก่ บัดนี้ ก็ขนไปกันโดยรถยนต์บรรทุกตามเส้นทางใหม่เป็นส่วนใหญ่แล้วทั้งสิ้น
ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคายให้ทัศนะต่อไปว่า ความสะดวกในการติดต่อคมนาคมของประชาชนก็เป็นอีกส่วนหนึ่ง ที่อำนวยผลประโยชน์ให้เศรษฐกิจเฟื่องฟู เมื่อการเดินทางสะดวกสบาย ผู้คนก็ไปมาหาสู่เพื่อประกอบธุรกิจการงานกันได้มากยิ่งขึ้น การติดต่อค้าขาย จึงขยายตัวออกไปเป็นเงาตามตัว http://www.portal.rotfaithai.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=846
จากคุณ |
:
ริมโขง2009
|
เขียนเมื่อ |
:
22 ต.ค. 53 17:58:57
|
|
|
|
 |