ขี่รถลุยลาวในอดีต{แตกประเด็นจาก V9916659}
|
 |
........เมื่อกี้น้าหยอยส่งกระทู้ไป แล้วข้อมูลมันสลับระหว่างคห.ไปได้ยังไงไม่รู้แฮะ ขออภัยเด้อ เล่าให้ฟัง3บรรทัดเหมือนเดิมน่ะน่ายจ๋า
ผมจัดการแลกเงินดอลล่าร์ไปด้วยอีก 30 เหรียญ ได้เงินแขกมา อีก 1,500 รูปี กะเอาไว้ซื้อน้ำผลไม้และของกระจุกกระจิกตามเส้นทางผ่าน เพราะคนขายของกระจอกงอกง่อยเขาไม่รับเงินดอลล่าร์ เนื่องเก็บเอาไว้ก็ไม่รู้อนาคตเหมือนกันว่าเมื่อไหร่จะได้ใช้ซะทีหนึ่ง
แต่ตามหัวเมืองใหญ่ๆและตามโรงแรม ที่มีรายรับวันละเป็นหมื่น นิยมเก็บเงินดอลล่าร์แทนเงินรูปี เพราะค่าของเงินมันมั่นคงกว่ากันเยอะเลย
เท่าที่ผมเคยเดินทางท่องเที่ยวมาหลายหัวเมือง ผมไม่เคยพบเงินของเมืองไหนซกมกเหมือนเงินในตระกูลรูปูนี่เลยครับท่านผู้ชมและท่านผู้ฟัง
เงินอินเดียที่ผมแลกเอามาใช้ได้ในแต่ละครั้งนั้น ดูไม่จืดเอาจริงๆ น้าหยอยว่ามันเป็นเงินที่พิมพ์ใช้มาแล้วไม่ต่ำกว่าร้อยปีเข้าไปแล้วมั้ง อย่างเงินที่ผมแลกเอามาอีก 1500 รูปีที่ว่านี่
เป็นแบ็งค์ใบละ 50 รูปีครับ เขาจะใช้แม็กเย็บกระดาษขนาดใหญ่ แม็กติดเอาไว้ปึกละ 500 รูปี......ปึกหนึ่งก็มี 100 ใบ ขนาดความโตของแบ็งค์ จะโตกว่าแบ็งค์ 100 ของไทย
แต่ความหนาของแบ็งค์แขก จะหนากว่าแบ็งค์ไทยเราประมาณ 5 เท่า และปรุพรุนไปด้วยรอยเย็บแม็กเกือบจะทั่วไปทั้งใบ หากเป็นแบ็งค์ไทยเราลองว่าเก่าและพรุนเป็นรูอย่างที่กล่าวแล้ว อย่าได้เอาไปใช้ในตลาดให้เสียเวลาเลย แม่ค้าเขาจะหัวเราะเอา แต่ในเมืองแขกยังใช้ซื้อของและชำระหนี้ได้ตามกฎหมายครับ
แบ็งค์แต่ละชุดที่ผมแลกเอามาใช้ มันจะหนาและฟูราวๆกับไพ่ป็อกที่โดนซอยและโดนสับในวงไพ่มาแล้วเป็นปีนั่นแหละ นั่นคือแบ็งค์ของขบวนการบาบูเขาละ
แถมสีที่พิมพ์พี่แกเสือกไปเลือกเอาสีเลือดหมูและสีน้ำตาลซะอีก เรื่องของเรื่องมันก็เลยซกมกไปอย่างไม่รู้จะเปรียบเทียบกับอะไรถึงจะเหมาะ
รับประกันอีกครั้งหนึ่งว่า หากมันตกอยู่ตามถนน ผมคงจะไม่เหลียวไปมองให้เมื่อยลูกกะตาหรอก และก็ไม่เชื่ออีกเช่นเดียวกันว่า มันจะเป็นแบ็งค์ที่เอาไปซื้อของกินของใช้ได้ มันซกมกขนาดนั้นแหละครับ
ได้แบ็งค์แขกมาแล้วก็เกิดทุกข์ เพราะมันสุดจะมหาหิน ผมต้องใช้กำลังภายในและภายนอกอยู่นานกว่าจะแงะเอาไอ้แม็กยักษ์ให้หลุดจากหน้าที่ของมันได้สำเร็จ บางทีก็ต้องแบ่งเงินออกเป็นสองฟาก แล้วช่วยกันกระชากแบ็งค์คนละข้างให้หลุดออกมาจากกัน......วุ่นวายดีจริงๆ
..แลกมา 1500 รูปีก็ได้เงินมา 3ปึก หนาเกือบคืบเห็นจะได้
ในแคว้น"หะรียาณะ" อันเป็นที่ตั้งของเมืองนิวเดลีนี้ รัฐบาลเขาประกาศให้เป็นรัฐปลอดยาบ้า....อ้อไม่ใช่ยาบ้าครับ เป็นรัฐปลอดสิ่งเสพย์ติดเนื่องจากคนเมืองนี้เขากินมังสะวิรัตกันทั้งเมือง เพราะฉะนั้น ที่เมืองนี้ผมจึงหาซื้อยาขมน้ำเต้าทองกินไม่ได้
ทำให้เลือดลมของผมเริ่มมาไม่ค่อยปกติ จำเป็นต้องจ้างไอ้เด็กรับใช้ในโรงแรม ซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์ที่ผมเช่ามา ขี่รถออกไปนอกเมือง.......ไปหาซื้อยาขมที่กล่าวมานั่งล้างตากันอยู่หลายครั้ง
ไอ้ร้านขายยาผีบอกนี่ดันเป็นร้านผูกขาดของรัฐบาลซะอีก......
อะไรของมันกันฟะ ตัวเองประกาศห้ามคนกินเหล้า แต่เจ้าตัวดันเปิดร้านขายเหล้าแบบผูกขาดซะอีกแน่ะ ไอ้คนขายก็ท่าทางเป็นวัตถุเมาไวซะอีกด้วย เห็นหูตามันแดงก่ำอยู่ทุกวันเหมือนกัน แล้วมันก็ทำท่าไม่ค่อยสนใจคนซื้อซะอีกต่างหาก เพราะมันถือว่าตัวมันเองได้บรรลุวัตถุประสงค์แห่งความเมาไปแล้ว คนอื่นจะลงแดงตายยังไงมันไม่สนใจ
.
วิธีการส่งสินค้าของมันก็กวนอิมน่าดู คือมันใช้วิธีพุ่งผสมร่อน
.เหมือนๆหนังคาวบอยร่อนแก้วเหล้าให้ลูกค้าหน้าเคาน์เตอร์อย่างที่เราเคยดูหนังสมัยเก่านั่นแหละ มันไม่หลุดมาเมืองไทยบ้างก็แล้วไป
ผมจะหลอกให้มันกินยาบ้า
และมันจะต้องหายบ้าเมื่อเห็นเมืองไทยเราเปิดเสรีให้ขายยาบ้าๆนี่กันตามอัธยาศัย มันคงไม่รู้หรอกว่า ผมนั้นเป็นนิสิตสุรารุ่นก่อนมันซะอีก
อย่ามากร่างกับตูนะเฟ้ย ตูอ้วกรดเอาดื้อๆจะมาว่ากันทีหลังไม่ได้นะเมิง
รูปนี้ผมขึ้นไปเดินกร่างอยู่ตรงระเบียงห้องพัก หลังจากขึ้นไปเช่าที่พักได้บนเมืองซิมละ เชิงเขาหิมาลัย อากาศตอนนี้หนาวระดับ10องศานะครับ เราต้องซื้อกระบะเตาถ่านมาใส่ไว้ในห้องพัก.......ไม่งั้นหนาวตายแน่
จากคุณ |
:
เคี้ยงโมโต
|
เขียนเมื่อ |
:
15 พ.ย. 53 21:22:20
|
|
|
|