ยอมรับเลยค่ะว่าประสบการณ์ขับรถในคราวนี้เกือบจะมีราคาแพงเพราะต้องแลกด้วยชีวิตของเราเอง
วันนี้เราขับรถไปรับแม่และป้าที่ จ.อยุธยา ในระหว่างที่ขับออกจากตัวเมือง เราเลี้ยวซ้ายเข้าถนนสี่เลนเพื่อมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ
จำได้ว่าเราวิ่งมาในเลนที่สาม (นับจากเลนขวาสุดถัดเข้ามา) เลนที่สี่มีรถใหญ่วิ่งตามๆกันมา เราสังเกตเห็นว่ารถหกล้อคันสุดท้ายจากเลนที่สี่ขับเร็ว และทำท่าจะแซงรถใหญ่ด้วยกันเอง
ในสายตาของเราประเมินจากความเร็วของรถในเลนที่สองแล้ว มันทำให้เราพอจะเดาได้ว่า รถหกล้อคันนั้นจะต้องแซงรถคันนั้นอย่างแน่นอน ซึ่งก็เดาไม่ผิดจริงๆค่ะ ทันทีที่หกล้อคันนั้นเปิดสัญญาณไฟเลี้ยวขวา แล้วหักพวงมาลัยพุ่งเข้ามาจะตัดหน้ารถของเรา ก็ทันเวลาพอดีกับที่เราเปิดสัญญาณไฟเลี้ยวขวาแล้วเบนหน้ารถเข้าเลนขวาซึ่งโล่งมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!!!!!!!!!!!
จังหวะที่เราเข้าไปอยู่ในเลนขวาแล้ว รถหกล้อคันนั้นก็เข้ามาอยู่แทนที่เราในเลนที่สามพอดี เรากดคันเร่งความเร็วส่งขึ้นเพื่อแซงรถเก๋งที่ขับอยู่ในเลนที่สาม ( คันที่ขับนำหน้าเรา ก่อนที่เราจะตัดสินใจแซงขวาออกมา )
ช่วงนั้นมีการทำงานก่อสร้างอยู่ข้างทาง เรามองเห็นแต่ไกลแล้วว่ามีรถแบล็กโฮกำลังตักดินอยู่ แต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นอุปสรรคในการเร่งแซงของเรา ที่ไหนได้
สงสัยคนขับรถแบล็กโฮจะเข้าเกียร์ผิดหรืออะไรสักอย่าง จึงทำให้เขาหันเอาที่ตักดินยกเข้ามาในเลนขวาครึ่งเลน แล้วนั่นมันเหล็กทั้งต้น คนตายคนแรกต้องเป็นเราอยู่แล้ว น้องไว้ท์ซี่ที่แสนจะบอบบางจะไปสู้อะไรกับเขาได้ล่ะนั่น
จากกระจกมองข้างและหางตาด้านซ้ายของเรา ทำให้เรารู้ว่า เราไม่สามารถที่จะหักหลบออกไปได้ทั้งคัน เพราะรถเก๋งที่เราเพิ่งแซงผ่านมากับรถหกล้อกำลังจะตีคู่ไล่ขึ้นมาในระยะกระชั้นชิด สิ่งที่เราตัดสินใจทำ ณ เวลานั้นคือกดเบรกให้หนักที่สุด
เรารู้สึกเหมือนรถแฉลบจนเซปัดเข้าไปกินเลนที่สาม เหมือนรถมันส่ายๆ ( ไม่แน่ใจว่าอาการนี้คือ ABS ทำงานหรือเปล่า )
ในขณะเดียวกันเราก็พยายามบังคับพวงมาลัยให้มั่นคง และพยายามสุดชีวิตที่จะไม่เบนหน้ารถให้แฉลบกินเลนที่สามออกไปเกินกว่าครึ่งเลน ตอนนั้นคิดแค่ว่าถ้าจะเกิดอุบัติเหตุขึ้น ก็ขอให้มันสูญเสียน้อยที่สุดแล้วกัน แต่สิ่งที่เราไม่คาดคิดมาก่อนก็เกิดขึ้น
จากเหตุการณ์ทั้งหมดที่เล่ามานั้น มันเกิดขึ้นเร็วมากค่ะ ป้าและแม่ของเรากรีดร้องกันดังลั่นรถ
แต่ป้าของเราคงจะตกใจสุดขีดจนควบคุมตัวไม่อยู่ ป้าซึ่งนั่งข้างเรากลับทำสิ่งที่เราคิดไม่ถึง นั่นคือ
ป้ามาเกี่ยวแขนของเรา และพยายามจะกระชากออกจากพวงมาลัย โชคดีที่ปกติเวลาเราขับรถ เราจะระลึกอยู่เสมอว่า การควบคุมพวงมาลัยเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะแค่พวงมาลัยเบนออกไปเพียงเล็กน้อย นั่นหมายความว่าเราอาจจะกำลังสร้างความเดือดร้อนให้กับเพื่อนร่วมทางคนอื่นๆได้
แต่ในความโชคร้ายของเราก็มักจะความโชคดีแฝงอยู่เสมอ ครั้งนี้ก็เช่นกันเราพยายามสู้กับแรงกระชากและความหวาดกลัวของป้า ตอนที่ป้ามานัวเนียกับเรานั่นอ่ะ รถมันส่ายไปส่ายมา
.. สุดท้ายเราก็ผ่านมาได้ เราคิดว่าการที่เราพ้นจากอุบัติเหตุในวันนี้มาได้ เพื่อนร่วมทางสองคันคือรถเก๋งคันที่เราแซงมา กับรถหกล้อที่จะแซงตามเรา คงจะเห็นเหตุการณ์แล้วเบรคลดความเร็วลงให้ อยากจะลงไปกราบขอบคุณจริงๆค่ะ
พอพ้นจุดนั้นมาได้จากความเร็ว ๑๒๐ วิ่งขวาสลับกลาง เราลดความเร็วลงเหลือ ๙๐ ๑๐๐ กลับเข้าเลนกลางทันทีเลยค่ะ
พอส่งป้าที่บ้านเรียบร้อย เราบอกกับแม่ว่า คราวหน้าถ้าเดินทางไกลอีก อย่าให้ป้ามานั่งข้างเราอีก เกือบจะตายกันยกคันแล้วมั้ยนั่น
วันนี้ดีใจที่ไม่โดนแม่ว่า เพราะแม่เห็นเหตุการณ์ตลอด ตอนที่ป้ากระชากแขนเรา โชคดีที่เวลาแม่เราตกใจ แม่ไม่เคยทำแบบนี้กับเรา หวังว่าประสบการณ์ของเราในวันนี้คงจะมีประโยชน์สำหรับเพื่อนๆบ้างนะคะ
ขอบคุณค่ะ
แก้ไขเมื่อ 06 ม.ค. 54 21:43:34
แก้ไขเมื่อ 06 ม.ค. 54 21:35:39
แก้ไขเมื่อ 06 ม.ค. 54 21:32:22