|
บทความด้านล่างนี้ copy มาจากเว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์
http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/life-style/hi-life/20100216/100609/%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%96%E0%B8%99%E0%B8%99-%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%99-Fixed-Gear.html
จากลู่สู่ถนน จักรยาน Fixed Gear
โดย : ธันยวัฒน์ เชื้อช้าง
ใครที่ชื่นชอบการแข่งขันกีฬาจักรยานในร่ม คงจะคุ้นๆ ตากันมาบ้าง สำหรับจักรยานหน้าตาคลาสสิคทว่าท่วงท่าลีลาจี๊ดจ๊าดของเล่นของวัยรุ่นยุคใหม่
ของเล่นที่บรรดาวัยรุ่นยุคนี้นำมาโชว์กันตามสถานที่ต่างๆ ทั่วกรุงเทพและต่างจังหวัด
สมโภช จินดาอุฬาร หรือบอล วัย 27 ปี หรือที่รู้จักกันในวงการสตรีทแฟชั่นว่า "Ballistic" คือสาวกรุ่นบุกเบิกของกระแสความนิยมจักรยาน Fixed Gear ปัจจุบันเขาเป็นเจ้าของร้าน Sneaka Villa มีแบรนด์เสื้อผ้าเป็นของตัวเองที่ย่านสยามสแคว์
ในฐานะหนึ่งในผู้ก่อตั้งกลุ่ม BKK Fixed กลุ่มจักรยาน Fixed Gear กลุ่มแรกของเมืองไทย เขาเล่าถึงที่มาของจักรยานที่มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Fixie ว่ามาจากสหรัฐอเมริกา โดยกลุ่มคนที่เรียกว่า Bike Messenger หรือคนส่งเอกสารนำจักรยานนี้มาใช้แทนมอเตอร์ไซค์ เพราะเดินทางสะดวกและหาที่จอดง่าย
"แต่เดิม Fixed Gear คือจักรยานที่ใช้แข่งขันประเภทลู่ (รถที่ใช้แข่งขันในเวลโลโดม) นั่นเอง แต่บรรดา Bike Messenger ไปซื้อรถเหล่านี้มาใช้ บางคันอาจหมดสภาพไปแล้ว เคยล้มบ้าง ชิ้นส่วนบุบชำรุด หรือแข่งจบแล้วไม่รู้จะเอามาทำอะไร นักกีฬาก็นำมาขายในราคาถูก แล้ว Fixed Gear เป็นจักรยานที่ดูแลรักษาง่าย วัสดุที่ใช้ค่อนข้างแข็งแรง ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้มาก จะมีปัญหาก็แค่การเปลี่ยนยางเพราะยางแตก ไม่ต้องติดเบรกเพราะใช้เท้าเบรกแทน ซึ่งนอกจากจะใช้ในการประกอบอาชีพแล้ว คนพวกนี้ยังใช้เวลาเลิกงานรวมกลุ่มกันเพื่อเล่นทริกเล่นท่าด้วย"
"หลังจาก fixed gear ปรากฎโฉมบนท้องถนนได้ไม่นาน ความสนใจก็เริ่มขยายตัวออกไป โดยเริ่มที่เมืองนิวยอร์กก่อน จากนั้นก็แพร่หลายไปยังเมืองใหญ่ๆ อาทิ ซานฟรานซิสโก ชิคาโก ฯลฯ พอเริ่มบูมคนที่ไม่ใช่ Bike Messenger ก็อยากจะลองปั่นจักรยานแบบนี้ดูบ้าง ซึ่งเจตนาจริงๆ คือการเล่นทริกอย่างเดียว" สมโภช กล่าวก่อนจะเล่าต่อว่าเขารู้จักกับจักรยาน Fixed Gear เมื่อรุ่นพี่คนหนึ่งจากนิวยอร์กได้นำจักรยานประเภทนี้กลับเมืองไทยด้วย ทีแรกก็แค่สงสัยว่านี่คือจักรยานอะไร แต่หลังจากที่ได้เดินทางไปนิวยอร์กจึงรู้ว่าคนที่นั่นนิยมมาก ทำให้เกิดความรู้สึกอยากทดลองขึ้นมาทันที
"ตอนนั้นเงินไม่พอและคิดว่าคงขนกลับมาลำบาก พอกลับมาเมืองไทยผมไล่ตามหาเลย เพราะเขาบอกว่าที่เมืองไทยมีคนได้รถจักรยาน Fixed Gear มาจากคนญี่ปุ่น ต้องอธิบายก่อนว่าที่ญี่ปุ่นมีกีฬาประเภทนี้อยู่แล้วเรียกว่า เพ-ลิน แต่เขาปั่นแข่งกันในลู่ จักรยาน Fixed Gear ที่ปั่นในลู่นั้น คนนิยมกันมากเพราะกีฬานี้มันคล้ายๆ ม้าแข่ง ซึ่งคนดูสามารถแทงพนันได้ ตอนนั้นคนญี่ปุ่นมาเที่ยวและเอาจักรยานมาซ้อมที่เมืองไทย ก่อนกลับเขาได้ปล่อยขายให้กับร้านจักรยานร้านหนึ่งที่เมืองไทย"
หลังจากตามล่าหาจักรยานอยู่พักหนึ่ง สมโภชก็ได้รับการแนะนำให้สอบถามไปยังนักแสดงชื่อดังที่ชื่นชอบ Fixed Gear เช่นเดียวกัน "เจ-มณฑล จิรา เขาปั่น Fixed Gear อยู่แล้วตั้งแต่อยู่นิวยอร์ก พอกลับมาอยู่เมืองไทยเขาก็เอาจักรยานมาด้วย ซึ่งตอนนั้นเขามีอยู่ 3 คัน ผมเลยหาเบอร์ติดต่อเพื่อขอซื้อจักรยาน ซึ่งเขาก็ขายให้เพราะอยากให้มีคนปั่นที่เมืองไทยเยอะๆ"
ในขณะนั้นคนที่ปั่น Fixed Gear จริงๆ น่าจะมีแค่ 4 คนเท่านั้น พวกเขาจึงรวมกลุ่มกันขึ้นมาโดยใช้ชื่อว่า "BKK fixed" หลังจากรวมตัวกันครบ 1 ปี มีการจัดการแข่งขันขึ้นเป็นครั้งแรกมีคนเข้าร่วมกิจกรรมประมาณ 30-40 คัน ซึ่งถือว่าไม่มาก กระทั่งล่าสุดเมื่อปลายปีที่แล้วการแข่งขัน Fixed Gear ซึ่งจัดขึ้นที่ลานพระบรมรูปทรงม้า มีคนสนใจเข้าร่วมงานกว่า 200 คัน
โดยรูปแบบการแข่งขันจำลองมาจากงานอาชีพของพวก Bike Messenger คือมีการตั้งจุด Check Point ทั้งหมด 10 จุด ใครสะดวกไปตรงไหนก่อนก็ได้ แล้วแต่การวางแผนของแต่ละทีม ซึ่งผู้ทางผู้จัดจะบอกแผนที่ก่อนวันแข่ง 1 วันเท่านั้น เมื่อไปถึงแล้วให้เซ็นชื่อ สุดท้ายใครทำเวลาดีที่สุดถือเป็นผู้ชนะ
"ผมว่าการแข่งขันแบบนี้เหมือนการผจญภัย เราไม่สามารถรู้ว่าไฟจราจรถนนเส้นนั้นเส้นนี้ไฟมันจะเขียวหรือมันจะแดง รถจะติดหรือไม่ติด"
จากวันนั้นถึงวันนี้นับเป็นเวลากว่า 3 ปีแล้วที่เมืองไทยมีกลุ่ม Fixed Gear เป็นเรื่องเป็นราว เขาบอกว่าสมัยแรกๆ ที่ยังไม่เป็นที่นิยม สามารถหาซื้อจักรยานได้ในราคาไม่แพง งบประมาณไม่เกิน 15,000 บาทก็ซื้อได้ แต่ตอนนี้ถ้าแต่งมาให้สวยๆ ราคาคันละประมาน 4 หมื่นกว่าบาทเลยทีเดียว แถมยังหาไม่ยาก เพราะมีหลายแห่งที่นำเข้า Fixed Gear แบรนด์ต่างประเทศ อย่าง Fuji, Biangchi และ Masi ซึ่งในมุมมองของเขาเสน่ห์จักรยานนี้ คือความแปลกใหม่และท้าทาย
"สิ่งที่แตกแตกต่างจากจักรยานทั่วๆ ไปคือ มันมีเกียร์เดียว ไม่จำเป็นต้องมีเบรกหรือใครอยากจะมีเบรกก็ได้ แต่ไม่มีจะเฟี้ยวกว่า อีกอย่างที่ไม่มีเหมือนจักรยานประเภทอื่นเลยก็คือ ในส่วนของดุมหลังจะเป็นของ Fixed Gear โดยเฉพาะเมื่อใส่สเตอร์แล้ว เวลาปั่นไปดุมหลังจะหมุนแล้วสเตอร์มันจะหมุนกลับไม่ได้ ถ้าล้อหลังกำลังหมุน ขาจานก็จะหมุนตามไปด้วย ทีนี้เวลาเราจะเบรกจะเหนื่อยหน่อยตรงที่ต้องฝืนการปั่นเอา โดยการเอาเท้าเราไปสวมที่ตะกร้อบริเวณบันไดหรือลูกถีบ แล้วยั้งขาไม่ให้ปั่นไว้"
นอกจากนี้ความสนุกสนานยังอยู่ที่สามารถปั่นถอยหลังได้ด้วย "เวลาเราปั่นต้องจินตนาการล่วงหน้าตลอดเวลา หากเจอไฟจราจรต้องคิดแล้วว่าจะเร่งหรือจะผ่อนความเร็วดี จะทันไฟเขียวหรือเปล่าเพราะรถเราไม่มีเบรก ถือว่าอันตรายนะถ้ายังไม่ชำนาญ แต่ถ้าเรามีความพร้อมเรื่องพื้นฐานก็ไม่น่าห่วงอะไร แต่ทางที่ดีควรซ้อมกับเพื่อนในซอยหรือหน้าบ้านอะไรให้ชัวร์ก่อนออกไปถนนใหญ่"
ทุกวันนี้แวดวง Fixed Gear บ้านเราถือว่าคึกคักอย่างยิ่ง ในกรุงเทพฯ กลุ่มใหญ่ๆ ก็จะมีแถวอ่อนนุช บางเขน เกษตรนวมินทร์ สยาม ลานพระบรมรูปทรงม้า ไกลหน่อยก็มีที่คลอง 6 หน้าเมืองเอก มหาวิทยาลัยรังสิต สำหรับต่างจังหวัดก็ไม่น้อยหน้า ทั้งเชียงใหม่ นครสวรรค์ พัทยา บางแสน โคราช หาดใหญ่ และอีกหลายที่กำลังเริ่มต้น
ในความเห็นของสาวก Fixed Gear ความนิยมที่เพิ่มขึ้นนี้ไม่ใช่แค่กระแสแฟชั่น และพวกเขาก็ไม่ได้อยากเป็นเทรนด์เซตเตอร์
แต่อยากให้มองว่า นี่คือการออกกำลังกายอย่างหนึ่งที่จะสนุกเป็นกลุ่ม หรือสะดวกคนเดียวก็ได้..ตามอัธยาศัย
จากคุณ |
:
paul_pipat
|
เขียนเมื่อ |
:
14 ม.ค. 54 20:26:13
|
|
|
|
|