|
อีกหนึ่งข้อมูลสนับสนุนที่ผมได้อ่านมาครับ Copy มาแบ่งกันอ่าน กระตุ้นกันหน่อยครับ 5555 FORD FOCUS TDCi PowerShift
โฟกัส มีอิทธิพลเป็นอย่างสูงต่อวงการยานยนต์ของโลก นับแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ฟอร์ด โฟกัสเป็นรถยนต์นั่งรุ่นแรกและรุ่นเดียวของโลกที่ได้รับรางวัล รถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี ทั้งในยุโรปและอเมริกาเหนือ รวมทั้งได้รับรางวัลต่างๆ กว่า 80 รางวัลจากยุโรป และอีกกว่า 30 รางวัลในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
ฟอร์ด โฟกัส TDCi มาพร้อมรูปลักษณ์ที่โดดเด่นมากขึ้น ด้วยหน้าตาที่ดูทันสมัย มาดสปอร์ต เท่ ปราดเปรียวยิ่งขึ้น ทีมออกแบบของฟอร์ดในเอเชียแปซิฟิกและแอฟริกาในประเทศออสเตรเลีย ใช้วิธีการ ปรับโฉมรวม ของฟอร์ด โฟกัสทั้งคัน โดยอาศัยหลักการออกแบบ เคเนอติก (Kinetic)
ด้านหน้าของตัวรถ สะดุดตาด้วยช่องระบายลมทรงสี่เหลี่ยมคางหมูใต้กันชน กระโปรงหน้าทรงใหม่ที่โค้งมนมากขึ้น กระจังหน้าใหม่ (ติดตราสัญลักษณ์ฟอร์ดขนาดใหญ่เด่นชัดขึ้น) ล้ออัลลอยใหม่ขนาด 16 นิ้ว เท่ โดดเด่นด้วยมาดสปอร์ต สะดุดตาเมื่ออยู่บนท้องถนน
ทีมนักออกแบบของฟอร์ดได้เน้นการปรับปรุงรูปทรงและภาพลักษณ์โดยรวมของไฟหน้าใหม่ โดยให้แสงสว่างมากขึ้น ส่วนตัวเรือนที่ติดตั้งไฟหน้าเป็นสีดำช่วยเพิ่มความสว่างของไฟ และทำให้แนวลำแสงของไฟหน้ากระจายไปด้านข้างเพิ่มขึ้นอีก 8 องศา รวมทั้งลดแสงสะท้อนและการกระจายของแสงได้ดี
รูปทรงของตัวถังดูแข็งแกร่งแมนยิ่งขึ้น เป็นผลมาจากการปรับโฉมซุ้มล้อให้โดดเด่นยิ่งขึ้น ทำให้ดูมั่นคง และให้ความมั่นใจเต็มเปี่ยม รูปทรงของตัวถังดูเรียบสะอาดตา
เมื่อมองจากท้ายรถ ฟอร์ด โฟกัส ปรับเปลี่ยนดีไซน์ดีขึ้นหลายจุดเช่นเดียวกับด้านหน้าเมื่อมองครั้งแรก จะสังเกตเห็นไฟท้ายใสทรงยาวที่เป็นเอกลักษณ์ของโฟกัส ด้านท้ายกว้างขึ้น อันเป็นผลมาจากการออกแบบปรับเปลี่ยนล้ออัลลอยใหม่สำหรับฟอร์ด โฟกัส โดยเฉพาะฐานล้อที่กว้างขึ้น ทำให้โฟกัสดูสวยสะดุดตาและดูปราดเปรียวมากขึ้น
ภายในสะดวกสบายมากขึ้น ด้วยวัสดุคุณภาพเยี่ยม และการออกแบบที่เข้ากับสรีระผู้ขับขี่และผู้โดยสารมากยิ่งขึ้น มาตรวัดรอบเครื่องและความเร็วมีขนาดใหญ่และติดตั้งอยู่ลึกเข้าไปในแผงหน้าปัดในเบ้าแบบเฉียงขลิบสีเงินหรู ด้านบนของหน้าปัดเป็นเข็มวัดอุณหภูมิหม้อน้ำและระดับน้ำมัน ระหว่างมาตรวัดขนาดใหญ่ทั้ง 2 อันเป็นจอ LCD ที่แสดงเวลา อุณหภูมิภายนอก ระยะทางในแต่ละทริป และเลขไมล์ รวมทั้งยังสามารถเรียกดูระยะทางที่วิ่งได้คำนวณจากปริมาณน้ำมันที่เหลืออยู่ในถัง ค่าความเร็วเฉลี่ย และอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันโดยเฉลี่ย แผงหน้าปัดจะเรืองแสงสีแดงอ่อนในช่วงกลางคืนที่สบายตา
คอนโซลกลางแบบใหม่ได้รับการออกแบบให้ใช้งานสะดวกสบายยิ่งขึ้น เบาะที่นั่งสามารถเลื่อนปรับพนักรองแขนได้ 80 มม. ช่องวางแก้วน้ำ 2 ช่อง ช่องใส่เหรียญและช่องใส่บัตรต่าง ๆ นอกจากนี้ ในรุ่นเกีย เพิ่มความสะดวกสบายเหนือระดับ อาทิ ระบบปรับอากาศแยกทั้งด้านหน้าและผู้โดยสารตอนหลัง ที่นั่งคนขับที่สามารถปรับด้วยระบบไฟฟ้าได้ถึง 6 ทิศทาง และภายในห้องโดยสารบุด้วยหนังคุณภาพสูง
ในประเทศไทย ฟอร์ด โฟกัส TDCi เกียร์อัตโนมัติ พาวเวอร์ชิฟท์ 6-สปีด ดูอัลคลัตช์ มีให้เลือก 2 รุ่น คือ เกีย และสปอร์ต รุ่นเกีย มีเฉพาะแบบ 4 ประตูเท่านั้น และมีรายละเอียดดังนี้
เครื่องยนต์ดูราทอร์ค เทอร์โบ ดีเซล คอมมอนเรล 2.0 ลิตร แรงบิด 320 นิวตัน-เมตร ตั้งแต่รอบเครื่องยนต์เพียง 1,800 รอบ/นาที เกียร์อัตโนมัติ พาวเวอร์ชิฟท์ 6-สปีด แบบดูอัลคลัตช์ (คลัตช์คู่) ระบบควบคุมเสถียรภาพอิเล็กทรอนิกส์ ESP ระบบปรับอากาศแยกอัตโนมัติแยกอิสระซ้าย-ขวา ที่นั่งคนขับปรับด้วยระบบไฟฟ้าได้ 6 ทิศทาง ตกแต่งภายในด้วยหนังสีเบจ พวงมาลัยหุ้มหนังแบบ 4 ก้าน มือจับเปิดประตูด้านนอกสีเดียวกับตัวรถพร้อมขอบโครเมียม มือจับเปิดประตูด้านในโครเมียม เส้นขอบโครเมียมบนกรอบด้านล่างของกระจังหน้าทรงสี่เหลี่ยมคางหมู คิ้วกันกระแทกด้านข้างตกแต่งด้วยโครเมียม กระจกส่องหน้าพร้อมไฟในตัวที่แผ่นบังแดด ระบบสัญญาณเตือนขณะถอยหลัง ล้ออัลลอยขนาด 16 X 6.5 นิ้ว ดีไซน์เป็นเอกลักษณ์ ป้ายบอกชื่อรุ่นเกียตรงเสา C-Pillar และฝากระโปรงท้ายรถ
ส่วนรุ่นสปอร์ตของโฟกัส เป็นแบบแฮทช์แบค 5 ประตู มีคุณสมบัติเด่นดังนี้ เครื่องยนต์ดูราทอร์ค เทอร์โบ ดีเซล คอมมอนเรล 2.0 ลิตร แรงบิด 320 นิวตัน-เมตร ตั้งแต่รอบเครื่องยนต์เพียง 1,800 รอบ/นาที เกียร์อัตโนมัติ พาวเวอร์ชิฟท์ 6-สปีด แบบดูอัลคลัตช์ (คลัตช์คู่) ระบบควบคุมเสถียรภาพอิเล็กทรอนิกส์ ESP ล้ออัลลอยขนาด 16X 7 นิ้ว ดีไซน์เป็นเอกลักษณ์ ช่วงล่างแบบรถสปอร์ตสไตล์ยุโรป ไฟหน้ารถเดินเส้นขอบดำ สปอยเลอร์หลังสีเดียวกับตัวรถ พวงมาลัยหุ้มหนังแบบ 3 ก้าน ที่นั่งคนขับปรับด้วยระบบไฟฟ้าได้ 6 ทิศทาง เบาะที่นั่งขลิบด้วยเส้นสีเงิน ดีไซน์สะดุดตา
ความแรง และสมรรถนะการขับขี่ที่ตอบสนองทันใจ ...ดั่งรถแข่งในสนาม WRC จากเครื่องยนต์ดูราทอร์ค 2.0 ลิตร ที่ให้แรงบิดสูงสุดแรงบิด 320 นิวตัน-เมตร ที่รอบเครื่องยนต์เพียง 2,000 รอบต่อนาที
เกียร์อัตโนมัติ พาวเวอร์ชิฟท์ (PowerShift) 6-สปีด แบบดูอัลคลัตช์ (คลัตช์คู่) มีระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์อัตโนมัติและการวิ่งได้อย่างเต็มประสิทธิภาพตั้งแต่รอบความเร็วต่ำ ให้ความคล่องตัวสูงสุดเมือ่ขับขี่ในเมืองที่การจราจรคับคั่ง
ฟอร์ด โฟกัส TDCi เทอร์โบดีเซล 2.0 ลิตร เกียร์ออโตเมติก พาวเวอร์ชิฟท์ ประหยัดน้ำมันเหนือคู่แข่งในกลุ่มรถยนต์นั่งขนาดกลางอย่างน่าประทับใจด้วยอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเพียง ประมาณ 5.81 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตรเท่านั้น หรือ 17 ก.ม./ลิตร (อัตราเฉลี่ยทั้งการขับขี่ในเมืองและนอกเมือง ข้อมูลจากทดสอบในยุโรป)
ฟอร์ด โฟกัสให้ความสะดวกในเรื่องการเลือกใช้น้ำมันเชื้อเพลิง เนื่องจากเติมได้ทั้งน้ำมันดีเซลทั่วไปและน้ำมันดีเซล B5 (มีไบโอดีเซลอยู่ 5%) เพิ่มความปลอดภัยด้วยการติดตั้งระบบควบคุมเสถียรภาพอิเล็กทรอนิกส์ ESP ให้กับฟอร์ด โฟกัสเครื่องยนต์ดีเซล ทั้งรุ่นสปอร์ต และรุ่นเกีย
สมรรถนะการขับขี่เป็นจุดเด่นอันหนึ่งของโฟกัสมาตลอด วิศวกรของเราในเอเชียแปซิฟิก และแอฟริกาได้ร่วมกับทีมวิศวกรในยุโรป พัฒนาฟอร์ด โฟกัส ให้ขับขี่ให้ดียิ่งขึ้นไม่ว่าจะในเมืองหรือนอกเมืองก็ตาม เรามั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมว่า การเปิดตัวฟอร์ด โฟกัส TDCi ที่ติดตั้งเกียร์อัตโนมัติ พาวเวอร์ชิฟท์ 6-สปีด แบบ ดูอัลคลัตช์ จะสนองความต้องการของลูกค้าทั่วเอเชียได้เป็นอย่างดี จอห์น ปาร์คเกอร์ รองประธานบริหารประจำภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกและแอฟริกา ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี กล่าว
วิศวกรรมยานยนต์ที่แม่นยำ - เครื่องยนต์ดูราทอร์คและระบบเกียร์ พาวเวอร์ชิฟท์ (PowerShift) ระบบเกียร์อัตโนมัติ พาวเวอร์ชิฟท์ 6-สปีด แบบดูอัลคลัตช์ (คลัตช์คู่) ของฟอร์ด คือ ระบบเกียร์แห่งอนาคต ด้วยการทำงานแบบอัตโนมัติ 6 สปีด ดูอัลคลัตช์ ให้การตอบสนองที่รวดเร็วทันใจแบบเกียร์ธรรมดา และสะดวกสบายแบบเกียร์อัตโนมัติ ด้วยเทคโนโลยีดูอัลคลัตช์ที่ให้แรงบิดที่ต่อเนื่อง ไม่มีสะดุด อันเป็นส่วนประกอบที่สมบูรณ์แบบสำหรับฟอร์ด โฟกัส ดร. ซิเกิร์ด ลิมบาค ผู้จัดการฝ่ายระบบเกียร์อัตโนมัติ ฟอร์ด ยุโรป กล่าวต่อ
นวัตกรรมเด่นของโฟกัสคือ เครื่องยนต์ดูราทอร์ค เทอร์โบ ดีเซล คอมมอนเรล 2.0 ลิตร ผสานกับสุดยอดนวัตกรรมเกียร์อัตโนมัติ พาวเวอร์ชิฟท์ 6-สปีด แบบดูอัลคลัตช์ (คลัตช์คู่) ทำให้ฟอร์ด โฟกัสแตกต่างจากคู่แข่งในเอเชีย คือ เป็นรถยนต์นั่งขนาดกลางรุ่นแรกที่ใช้เทคโนโลยีดังกล่าวซึ่งให้สมรรถนะสูง ในรอบเครื่องยนต์ต่ำ และให้อัตราการเร่งที่ดีเยี่ยม
เครื่องยนต์ดูราทอร์ค เทอร์โบ ดีเซล คอมมอนเรล 2.0 ลิตร ของฟอร์ดมาพร้อมเทคโนโลยีหัวฉีดคอมมอนเรลที่ล้ำสมัย ให้แรงบิดสูง ประหยัดน้ำมันสูง ขณะเร่งเครื่องเต็มที่เครื่องยนต์สามารถให้อัตราเร่งที่ทรงพลังด้วยแรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร และขึ้นสูงไปได้ถึงระดับ 340 นิวตันเมตรเป็นเวลา 8 วินาที ในขณะเร่งแซง ซึ่งสูงกว่าแรงบิดสูงสุดถึง 20 นิวตันเมตร ให้กำลัง 100 กิโลวัตต์ ที่สำคัญคือ เมื่อขับขี่ในเมืองเครื่องยนต์ดูราทอร์คให้แรงบิดสูงที่รอบเครื่องต่ำจึงประหยัดเชื้อเพลิงได้ดีเยี่ยม เหมาะกับตลาดอาเซียนที่น้ำมันเบนซินและดีเซลมีราคาไม่ต่างกันมาก
ระบบเกียร์อัตโนมัติ พาวเวอร์ชิฟท์ ได้รับการพัฒนาโดย Getrag Ford Transmissions GmbH ก่อตั้งขึ้นจากการร่วมทุนระหว่าง Getrag และฟอร์ดฝ่ายละ 50 เปอร์เซ็นต์ นวัตกรรมเกียร์อัตโนมัติ พาวเวอร์ชิฟท์ 6 สปีด แบบดูอัลคลัตช์ (คลัตช์คู่) ให้การตอบสนองดีเยี่ยม โดยที่คลัตช์แบบเปียกทั้ง 2 ชุดทำงานประสานกัน โดยชุดแรกทำงานคู่กับเกียร์ 1, 3 , 5 และเกียร์ถอยหลัง ส่วนชุดที่สองทำงานคู่กับเกียร์ 2 4 และ 6 เมื่อต้องการเปลี่ยนเกียร์ ระบบสมองกลจะเข้าเกียร์ถัดไปไว้ล่วงหน้าในขณะที่รถกำลังเคลื่อนที่ ซึ่งคลัตช์ทั้งสองชุดจะสลับกันทำงานอย่างต่อเนื่องทำให้ไม่สูญเสียแรงบิดจากเครื่องยนต์ในช่วงเปลี่ยนเกียร์เหมือนเกียร์อัตโนมัติทั่วไปที่ใช้ทอร์คคอนเวอร์ทเตอร์ ผู้ขับขี่จะรู้สึกได้ถึงอัตราเร่งที่ต่อเนื่องและราบรื่นกว่าระบบเกียร์อัตโนมัติทั่วไปอย่างชัดเจน
โครงแบบทางเทคนิคเบื้องต้นของระบบเกียร์ พาวเวอร์ชิฟท์ 6-สปีด แบบดูอัลคลัตช์ (คลัตช์คู่) ของฟอร์ด ยังมีข้อดีที่เหนือกว่าระบบเกียร์อัตโนมัติทั่ว ๆ ไปอีกหลายข้อ โดยไม่จำเป็นต้องใช้ระบบย่อยที่ซับซ้อนอื่นๆ อย่าง torque converter, planetary gear set, คลัตช์เปียกหลาย ๆ ตัว และผ้าคลัตช์หลายชิ้น ซึ่งส่วนประกอบเหล่านี้จะส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานของเกียร์ลดลงอย่างมาก เนื่องจากความเฉื่อยที่เพิ่มขึ้นและผลสืบเนื่องจากการต้านแรงบิด
ผลลัพธ์ที่ได้จากการปรับปรุงระบบเกียร์นับว่าน่าประทับใจมาก ระบบส่งกำลังแบบ พาวเวอร์ชิฟท์ ของฟอร์ด ให้ความสะดวกสบายในรูปแบบของเกียร์อัตโนมัติ ทว่าให้สมรรถนะที่เร้าใจเหมือนขับขี่ด้วยเกียร์ธรรมดา ระบบ พาวเวอร์ชิฟท์ ยังช่วยให้เปลี่ยนเกียร์ได้เร็วเหมือนรถสปอร์ต แต่ยังคงความนิ่มนวลทุกครั้งที่เปลี่ยนเกียร์ ความพิเศษที่เพิ่มขึ้นของระบบเกียร์ พาวเวอร์ชิฟท์ คือ การให้แรงบิดที่สูงขึ้น เข้าคู่กับสุดยอดสมรรถนะของเครื่องยนต์ดูราทอร์ค ดีเซลเทอร์โบ 2.0 ลิตรได้อย่างลงตัว
ข้อมูลอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันสำหรับฟอร์ด โฟกัส รุ่นสปอร์ต TDCi และเกีย TDCi ที่มาพร้อมระบบส่งกำลัง พาวเวอร์ชิฟท์ ระบุชัดว่า เทคโนโลยีระบบเกียร์ดังกล่าวมีประสิทธิภาพมากเพียงไร เพราะใช้เชื้อเพลิงเพียง 5.81 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร (ข้อมูลจากยุโรป)
ในการติดตั้งระบบเกียร์อัตโนมัติ พาวเวอร์ชิฟท์ ในฟอร์ด โฟกัสทั้งสองรุ่น ฟอร์ดได้ให้ความสำคัญกับการใช้แรงบิดมหาศาลให้เป็นประโยชน์สูงสุด โดยเครื่องยนต์ดูราทอร์คความจุ 2.0 ลิตรให้แรงบิดสูงถึง 320 นิวตันเมตร (และอาจมากถึง 340 นิวตันเมตรเมื่อเร่งแซง ในโหมด Overboost) นอกจากนี้ ยังได้ปรับตั้งการเปลี่ยนเกียร์ใหม่ให้สามารถเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ลงต่ำได้อย่างเหมาะสม เช่น จากเกียร์ 5 ลงมาเป็นเกียร์ 4 และจากเกียร์ 4 กลับมายังเกียร์ 3 ในช่วงเวลาที่ผู้ขับขี่ต้องการอัตราเร่ง
การตั้งค่าระบบส่งกำลังนี้ ช่วยเอื้อประโยชน์ให้กับลูกค้าของเราหลายประการ จากรอบเครื่องต่ำลงทำให้ประหยัดน้ำมันมากขึ้น และเพิ่มความสะดวกสบายในการขับขี่ ต้องขอบคุณเครื่องยนต์ดูราทอร์ค เทอร์โบ ดีเซล คอมมอนเรล ที่ให้แรงบิดที่สูงขึ้นในช่วงรอบเครื่องที่กว้างขึ้น ช่วยให้ฟอร์ด โฟกัส เปี่ยมสมรรถนะในการขับขี่ ลิมบาค อธิบายเพิ่มเติม
ฟอร์ด โฟกัสที่ติดตั้งระบบเกียร์อัตโนมัติ พาวเวอร์ชิฟท์ ขับขี่สะดวกและใช้ง่ายไม่แตกต่างกับระบบเกียร์อัตโนมัติแบบเดิม แท่นเกียร์อัตโนมัติที่คอนโซลกลางยังคงรูปแบบเดิม โดยมีสัญลักษณ์ P, R, N และ D ตามปกติ
ในขณะที่คันเกียร์อยู่ในตำแหน่ง D (Drive) ผู้ขับขี่ก็ยังสามารถโยกคันเกียร์ไปทางขวาเพื่อเปลี่ยนเกียร์เองเหมือนระบบเกียร์ธรรมดา ในขณะที่ใช้ระบบเกียร์อัตโนมัติ ผู้ขับจะสัมผัสได้ถึงความสะดวกสบายไม่ต่างไปจากการขับขี่ด้วยเกียร์อัตโนมัติแบบเดิม โดยเฉพาะการตอบสนองเร็วทันใจแม้ในช่วงออกตัวและการใช้ความเร็วต่ำเมื่อขับท่ามกลางการจราจรที่ติดขัด
การปรับตั้งระบบส่งกำลัง พาวเวอร์ชิฟท์ ดังกล่าวมีส่วนสำคัญที่ช่วยให้ฟอร์ด โฟกัสประหยัดน้ำมันมากยิ่งขึ้น ส่วนฟังก์ชั่น neutral idle control ยังช่วยลดแรงบิดเมื่อรถอยู่กับที่ คือเมื่อผู้ขับขี่เหยียบเบรกขณะที่เข้าเกียร์ D ไว้
ระบบความปลอดภัยของโฟกัส Ford Intelligent Protection System สมรรถนะในการขับขี่บนทางเรียบ ยังคงเป็นคุณสมบัติสำคัญของฟอร์ด โฟกัสทุกคัน ด้วยโครงสร้างทางวิศวกรรมยานยนต์ที่ดีเยี่ยม ทำให้ผู้ขับขี่มือใหม่ขับขี่ได้อย่างสะดวกสบาย และนักขับมือโปรก็จะสนุกกับการขับขี่ที่เร้าใจ ด้วยระบบแชสซีที่ให้การทรงตัวดี บังคับเลี้ยวได้อย่างแม่นยำ ควบคุมได้ดังใจ และระบบเบรกยอดเยี่ยม ฟอร์ด โฟกัสได้แสดงให้เห็นว่าเป็นรถยนต์นั่งขนาดคอมแพ็คที่มีอุปกรณ์ความปลอดภัยที่ครบครันที่สุด ด้วยห้องโดยสารที่แข็งแกร่ง ตัวถังที่สามารถยุบตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพกรณีเกิดการชน รวมถึงฟังก์ชั่นระบบปกป้องความปลอดภัยอัจฉริยะ (Ford Intelligent Protection System)
รถยนต์ฟอร์ด โฟกัส TDCi ยังมีระบบไฟฉุกเฉินใหม่ติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน โดยระบบไฟฉุกเฉินจะทำงานอัตโนมัติทุกครั้งเมื่อมีการเหยียบเบรกกระทันหันในระยะเบรกมากกว่า 6-7 เมตร/วินาที2 ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 60-70 ของประสิทธิภาพในการเบรก (10 เมตร/วินาที2) เพื่อช่วยเตือนผู้ขับขี่รถยนต์ที่ตามมาด้านหลังในสถานการณ์ฉุกเฉิน และไฟฉุกเฉินนี้จะดับเองโดยอัตโนมัติ หรือผู้ขับขี่กดปุ่มปิดสัญญาณไฟเองได้เช่นกัน ระบบความปลอดภัยใหม่นี้ จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดความเสียหายจากการชนทางด้านหลังขณะเบรกกะทันหัน เนื่องจากผู้ขับขี่รถยนต์ที่ขับตามหลังมาจะมองเห็นสัญญาณไฟกระพริบจากท้ายรถยนต์ฟอร์ด โฟกัส และลดความเร็วลงได้อย่างทันท่วงที
นอกจากนี้ ฟอร์ดยังได้ติดตั้ง ระบบควบคุมเสถียรภาพแบบอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Stability Program: ESP) และระบบ Traction Control เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ในฟอร์ด โฟกัส TDCi เกียร์อัตโนมัติ พาวเวอร์ชิฟท์ ระบบ ESP ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่รักษาเสถียรภาพของรถยนต์ในช่วงเวลาคับขัน โดยมีเซ็นเซอร์หลายตัวที่คอยวัดความเสถียรของเครื่องยนต์ และตอบสนองต่อเสถียรภาพของรถที่ลดลงโดยการเข้าบังคับระบบเบรก ช่วยเบรกในแต่ละล้อ และลดกำลังที่เครื่องยนต์ส่งออกมา เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถต่อไปได้อย่างมั่นคง
โฟกัส ขับขี่มั่นใจ ฟอร์ด โฟกัส ให้คุณภาพการขับขี่ที่เหนือใคร ด้วยส่วนประกอบที่ลดการเสียดทานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งระบบกันสะเทือนอิสระด้านหลังแบบ Control Blade Multi-Link ที่พัฒนาขึ้นอีกระดับ ระบบกันสะเทือนหน้าแบบแมคเฟอร์สันสตรัท รวมทั้งซับเฟรมส่วนหน้าที่ช่วยเพิ่มสมดุลให้กับให้ฟอร์ด โฟกัส ทั้งในเรื่องการขับขี่ การควบคุมรถ ความแม่นยำในการควบคุมพวงมาลัยและความสะดวกสบาย
นิตยสารรถอัพเกรด ฉบับ 329
จากคุณ |
:
yakdon
|
เขียนเมื่อ |
:
26 ม.ค. 54 00:04:57
|
|
|
|
|