ความคิดเห็นที่ 1 สำหรับ Vigo   ไม่ว่ารุ่นจะใหม่หรือเก่า ตรงปุ่ม A/C จะมีปลั๊กมารอหรือไม่ก็ตาม วงจรตัวปรับความเย็น (A/C Volume Switch) มันก็จะต่อแบบนี้เหมือนกัน จากคุณ : ton99 เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 00:43:02

ความคิดเห็นที่ 2 ตามคู่มือซ่อม จะบอกว่า ตัวหมุนปรับความเย็นตัวนี้ ในช่วงปกติของมัน จะมีค่าความต้านทานอยู่ในช่วง 0 ถึง 3 k ohm และถ้าบิดต่ำสุดจนมัน off ไปเลย  ก็จะมีความต้านทานมากกว่า 10 k ohm ผมเอามิเตอร์วัดดูมันก็ได้ประมาณนี้ โดย บิดขีดแรก ก็จะมีค่าประมาณ 3 k ohm ขีดสูงสุด ก็จะมีค่าประมาณ 0 ohm ถ้าบิดซ้ายสุดปิดไปเลย มันก็จะเป็นเปิดวงจร สำหรับขีดแรกๆที่บิดเพิ่มก็จะมีค่าประมาณขีดละ 100 ohm และขีดต่อๆไปก็จะมีค่าที่ห่างกันไปเรื่อยๆ จากคุณ : ton99 เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 00:50:40

ความคิดเห็นที่ 3 จากข้อมูลดังกล่าว  ผมจึงคิดว่าถ้าต่อ R อนุกรมเข้าไปเพื่อเพิ่มความต้านทานของวงจรตรงนี้ก็น่าทำได้ โดยผมก็ะประมาณเอาไว้ว่า  ถ้าหรี่ความเย็นลงมาได้อีกสัก 2 ขีด ก็น่าจะพอดีกับความต้องการของผม ดังนั้น R ที่จะใส่เพิ่มเข้าไปก็จะมีค่าประมาณ 200 ohm แต่พอดีหา R 200 ohm ไม่ได้ ที่มีใกล้ๆมือก็มีแต่ R 250 ohm 1% ก็จึงเลือกเอามาใ้ช้แทน แก้ไขเมื่อ 26 ม.ค. 54 01:44:20 จากคุณ : ton99 เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 01:00:28

ความคิดเห็นที่ 4 ขั้นตอนปฏิบัติ  ก็ไม่ยาก อันดับแรก  ก็ดึงปุ่้มบิดแิอร์ทั้ง 3 ตัวออกมา ตรงช่องของลูกบิดตัวกลาง  จะมีสกรูไขไว้อยู่ตัวนึง  ให้ไขออกมา หลังจากนั้นก็เอามือ ดึงกรอบแผงแอร์แผงวิทยุออกมา แล้วก็ถอดปลั๊กสวิทช์ไฟฉุกเฉิน และปลั๊กสวิทช์ปุ่ม A/C ต่อมาก็ถอดแผงปุ่มควบคุมแอร์  โดยเล็งๆมองหาเงี่ยงแล้วเอาไขควงเขี่ยเงี่ยงแล้วดึงออกมา ซึ่งก็จะได้ออกมาตามรูป แก้ไขเมื่อ 26 ม.ค. 54 01:07:42 จากคุณ : ton99 เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 01:06:27

ความคิดเห็นที่ 5 จากรูปข้างบน  ก็จัดการถอดปลั๊กไฟต่างๆ แล้วก็ถอดชุดสลิงควบคุมประตูลม สองชุดออก ถอดเสร็จแล้ว  ก็ถือชุดควบคุมแอร์อันนี้ไปหาโต๊ะนั่งทำในขั้นต่อไป จากคุณ : ton99 เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 01:10:11

ความคิดเห็นที่ 6 พอถอดออกมาแล้ว  จะเห็นว่าด้านตัวปรับความเย็น มันจะเป็น VR และก็มีสายไฟอยู่สองเส้น สองเส้นนี้จะเลือกตัดเส้นไหนก็ได้  เพื่อมาต่ออนุกรม กับ R ที่เราจะต้องการ ต่อ R เสร็จแล้วก็ใส่ท่อหดพันเทป แล้วก็ประกอบกลับก็เป็นอันเสร็จพิธี จากที่ได้แก้ไขแบบนี้ไปแล้วสองคัน  ก็ได้ผลเป็นที่พอใจทั้งคู่ เวลาขับกลางคืน หรือตอนอากาศเย็น  ก็หรี่ความเย็นลงมาได้อีก 2 ขีด  ทำให้ในรถอุ่นขึ้นมาได้อีกหน่อย ส่วนช่วงอากาศร้อน  ก็ไม่มีปัญหาอะไร  เพราะปกติก็หมุนความเย็นกันไม่เคยสุดอยู่แล้ว อย่างผมขับหมุนแค่ครึ่งเดียว  ก็ถือว่าหนาวแล้ว พอต่อ R เพิ่มเ้ข้าไป  ก็หมุนเพิ่มมาอีกหน่อยแค่นั้น แก้ไขเมื่อ 26 ม.ค. 54 01:40:15 แก้ไขเมื่อ 26 ม.ค. 54 01:14:10 จากคุณ : ton99 เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 01:12:59

ความคิดเห็นที่ 7 จบภาคปกติแล้ว   อันนี้เป็นของแถม  ภาคพิศดาร สำหรับคนที่ยังไม่ได้ต่อสวิทช์ A/C  แล้วก็ไม่อยากไปรื้อตัดต่อสายไฟที่หลังกล่องฟิวส์ให้มันยุ่งยาก โดยต้องการใช้งานปุ่ม A/C แค่ปิดคอมแอร์ในจังหวะที่ต้องการเท่านั้น ไฟหรี่ที่ปุ่มไม่มีก็ช่างมัน     ไฟสัญญาณแอร์ไม่มีก็ไม่เป็นไร ผมมีวิธียำสวิทช์ A/C เพื่อใช้งานนี้โดยเฉพาะ อันดับแรก  ให้รื้อสวิทช์ A/C ที่ซื้อมา  ให้เปลือยแบบในรูป แก้ไขเมื่อ 26 ม.ค. 54 01:32:54 จากคุณ : ton99 เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 01:19:40

ความคิดเห็นที่ 8 แล้วก็ทำการเชื่อมขา Diode แบบในรูปนี้ เพื่อทำให้สวิทซ์ A/C อันนี้  กลายเป็นสวิทซ์ปิดเปิดธรรมดา ไม่ต้องไปผ่านวงจร Diode อีก จากคุณ : ton99 เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 01:22:02

ความคิดเห็นที่ 9 และก็ต่อสายจากสองขาในรูปนี้  ไปอนุกรมกับสายไฟที่ต่อ R เอาไว้เมื่อกี้อีกที จุดประสงค์  ก็เพื่อให้สวิทช์ A/C เป็นตัวตัดต่อวงจรควบคุมความเย็น โดยผลก็จะเหมือนกับการบิดความเย็นไปที่ off แต่จะต่างกับการที่ต่อวงจรสวิทช์ A/C แบบปกติ ที่จะใช้สวิทช์ A/C ไปตัวไปตัดวงจรที่จะไปขับ relay ของหน้าครัชคอมแอร์ แก้ไขเมื่อ 26 ม.ค. 54 01:30:32 จากคุณ : ton99 เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 01:29:27

ความคิดเห็นที่ 10 รูปสายไฟด้านที่ไปต่อกับ R จากคุณ : ton99 เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 01:31:56

ความคิดเห็นที่ 11 ทำไมรถผมไม่เย็นแบบคันอื่นหว่า ถ้าบิดน้ำยาแอร์จนสุด เปิดความแรงลมเบอร์4 วัดอุณหภูมิได้9องศา ของคุณต้นและเพื่อนๆได้เท่าไหร่กันครับ ทุกวันนี้บีดน้ำยาแอร์มาที่14นาฬิกา จากคุณ : double@pantip เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 01:51:48

ความคิดเห็นที่ 12 วิธีทำก็มีอยู่เท่านี้ครับ ถ้าท่านใดทำเองได้ก็ลองทำเองได้เลย แต่ถ้าไม่ถนัดแล้วไม่อยากทนหนาว  ก็ลองติดต่อตา golffy ที่รับบริการงาน Vigo ก็ได้เหมือนกัน ถ้าเป็นลูกค้ากันอยู่แล้ว  คงทำให้ฟรี แต่ถ้าไม่ฟรี  อย่ามาว่าผมนะ  ผมไม่เกี่ยว จากคุณ : ton99 เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 02:00:59

ความคิดเห็นที่ 13 สุดยอดมากท่าน A/C ภาคพิศดาร จริงๆ ถ้าอยากให้มีไฟติดด้วยจะได้มั้ยครับ แก้พิมพ์ผิด ท่าจะง่วง - -* แก้ไขเมื่อ 26 ม.ค. 54 02:23:50 จากคุณ : Air_graphic (Air_graphic) เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 02:11:00

ความคิดเห็นที่ 14 ตอบคุณ คคห11 ผมไม่เคยวัดเหมือนกันว่ามันได้กี่องศา 9 องศา นี่วัดลมที่ออกจากช่องแอร์  หรือว่าวัดอุณหภูมิในรถครับ ถ้าอุณหภูมิในรถลงมา 9 องศา นี่ก็หนาวสั่นเลยนะครับ ผมอาจจะเป็นคนไม่ค่อยชอบอากาศหนาวด้วย (ขอนอกเรื่องหน่อย) ปกติผมเปิดแอร์นอนในบ้าน  ก็เปิดแค่ 26-27 องศา อย่างคืนนี้อากาศในห้องผมก่อนเปิดแอร์มันอยู่ที่แถวๆ 29 องศา  ผมก็ตั้งแอร์เอาไว้ 27 องศา ถ้าอากาศอยู่ที่ 28 องศา  ผมก็จะตั้งแอร์ไว้ 26 และถ้าคืนไหนอากาศในห้องผมไม่เกิน 26 องศา  ผมก็จะไม่เปิดแอร์เลย แต่ถ้า 26 องศา แล้วฝนตก  อันนี้ผมก็อาจจะตั้งลงมา 25 องศา หรือ 24 องศา เพื่อดึงความชื้นออก แก้ไขเมื่อ 26 ม.ค. 54 02:19:18 จากคุณ : ton99 เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 02:16:47

ความคิดเห็นที่ 15 ตอบคุณ Air_graphic ถ้าอยากให้ไฟติดครบด้วย  ต้องต่อแบบปกติเอาครับ รุ่นที่มีปลั๊กมารอ  จะสบายหน่อย ส่วนรุ่นที่ไม่มีปลั๊กมารอก็มีพ่วงสายไฟหรี่กับสายกราวด์เพิ่มอีก จากคุณ : ton99 เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 02:31:56

ความคิดเห็นที่ 16 ผมดันได้แบบไม่มีปลั๊กมารอเนี่ยสิครับ เลยยังไม่ได้ต่อ เห็นว่ามีชุดสาย+ปลั๊กมาขาย แล้ว แต่ก็ยังไม่ได้หาข้อมูลวิธีต่อเพิ่มครับ จากคุณ : Air_graphic เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 02:57:35

ความคิดเห็นที่ 17 เจ๋งครับ โตโยต้ามีปัญหานี้แทบทุกรุ่น ผมใช้รถเก่าๆ เวลาตอนเช้าหรือตอนอากาศเย็นๆ เปิดแอร์เบาสุดยังไงก็หนาวมากๆครับ จากคุณ : dum.d เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 06:58:11

ความคิดเห็นที่ 18 เยี่ยมเลยครับวิธีนี้ แต่รถผมพอผ่านไปซัก 1-2 ปี มันก็ไม่หนาวเท่ารถใหม่แล้วครับ แก้ไขเมื่อ 26 ม.ค. 54 07:37:15 จากคุณ : sama_fz30 เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 07:36:33

ความคิดเห็นที่ 19 แอร์เย็นๆไม่ดีเหรอครับ เป็นผมนะ ผมจะปล่อยไว้แบบนี้แหละ อิอิ หนาวดีกว่าร้อน จากคุณ : เค เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 07:50:18 A:58.8.64.199 X: TicketID:298425

ความคิดเห็นที่ 20 ผมว่าแอร์โตโยต้า ไม่ใช่เครื่องปรับอากาศหรอกครับ แต่มันคือเครื่องทำความเย็น เพราะมันทำให้เย็นได้อย่างเดียว ถึงแม้จะเป็นแบบดิจิตอลก็เถอะ มันไม่เคยทำให้อุ่นสบายได้เลย ซันนี่เมื่อสิบกว่าปีก่อน หรือมาร์ชคันน้อยๆ ยังปรับอากาศได้ดีกว่านี้ ทำไมโตโยต้าไม่ทำ? จากคุณ : ฟัก อยู่แม้น เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 07:50:34 A:182.52.156.7 X: TicketID:149505

ความคิดเห็นที่ 21 ปิดแอร์ครับท่านต้น อิอิ จากคุณ : TDCi (OhmFFKFC) เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 08:43:57

ความคิดเห็นที่ 22 ที่ไม่มีก็เพราะว่า ราคารถ น่ะครับ ถ้าเป็นราคาแบบรถแคมรี่ ก็จะมีตู้ทำความร้อนหรือฮีสเตอร์ อยู่ครับเป็นแอร์Auto ตัวนี้เมื่อเราปรับอุณภูมิตั้งแต่ 23 องศา ขึ้นไป เซอร์โวมอเตอร์ก็จะปรับลิ้นลมร้อน จากตู้ฮีสเตอร์เปิดความร้อนเข้ามาผสมให้อุณภูมิภายในห้องโดยสารได้ค่าตามที่เราปรับ 23-24-25 องศาตามลำดับ แอร์ก็จะเย็นน้อยลงหรืออุ่นขึ้น รถเมืองนอกจะมีทุกคัน เพราะที่นั่นอากาศหนาว รถโตโยต้าในบ้านเรา ก็มี แคมรี่ พรีอุส อัลพาท เล็กซัสทุกรุ่น และอีกมากมายที่เป็นรถนำเข้า จะมีตู้ฮีสเตอร์อยู่ จากคุณ : p (panyaamt) เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 08:50:47

ความคิดเห็นที่ 23 หุหุ อย่างผมก็ได้แค่แนะนำว่าให้หาเสื้อหนาๆมาใส่ ขอบพระคุณครับ DIY ดีๆ มีประโยชน์ จากคุณ : kroner เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 08:57:03

ความคิดเห็นที่ 24 เยี่ยมไปเลยครับ จากคุณ : i am friend เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 09:07:54

ความคิดเห็นที่ 25 คลิ๊กเก็บเข้าคลังกระทู้ และเซฟไว้ใน bookmark จากคุณ : t_tanuch เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 09:09:34

ความคิดเห็นที่ 26 เรียนคุณต้น 9องศา จากช่องแอร์เลยครับ แต่ความเย็นไปไม่ถึงคนหลัง คนหน้ายังต้องหันช่องแอร์เป่าหน้าเลย จะว่าผมขี้ร้อนก็ไม่ใช่ เพราะนอนก็เปิดแอร์26-27องศา เหมือนกัน จากคุณ : double@pantip เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 09:51:39

ความคิดเห็นที่ 27 ความเย็นจากช่องแอร์ต่ำๆไว้น่ะถูกแล้วครับ  ที่ต่ำเท่าไหร่ไม่ทราบเหมือนกัน เทียบกับแอร์บ้าน ความเย็นที่ช่องแอร์ประมาณ 11 องศา จากคุณ : ม่อน เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 11:23:26

ความคิดเห็นที่ 28 คุณ double@pantip ผมว่าลองดูช่องลมเข้าที่ใต้แผงจิ้งหรีด ตรงช่องนี้  ถ้ายังไม่ได้ใส่แผ่นปิดกันหนูเอาไว้ บางทีพวกใบไม้มันลงไป  แล้วมันไปค้างช่อง ทำให้ลมจากข้่างนอกมันเข้ามาได้ เลยทำให้ในรถมันไม่ค่อยจะเย็น ส่วนตู้พวกแอร์ auto ที่มี ฮีตเตอร์ด้วย ผมว่ามันไม่ค่อยจะมีประัโยชน์สำหรับบ้านเราสักเท่าไหร่ แถมมันยังเป็นจุดที่สร้างปัญหาเพิ่มขึ้นมาภายหลัง และถ้าการทำงานของมัน  มีการเอาลมร้อนเข้ามาผสมกับลมเย็นเพื่อเพิ่มอุณหภูมิที่เย็นเกินไป ผมว่ามันเป็นการสิ้นเปลืองพลังงานโดยเปล่าประโยชน์ อีกเรื่องคือ  ถ้าอุณหภูมิในรถมันสูงกว่าข้างนอกมาก มันจะมีปัญหาใหม่ตามมาอีกคือ  จะเกิดฝ้าขึ้นด้านในรถอีก ถ้าอากาศข้างนอกหนาว  ยังไงก็ต้องใส่เสื้อกันหนาวอยู่แล้ว อย่างตอนผมขับไปตามยอดเขาที่อากาศเย็นๆ  ผมจะเปิดแอร์ในรถให้มันเย็นไว้ แล้วก็ใส่เสื้อกันหนาวขับรถไปเลย   เวลาลงจากรถแล้วจะได้ไม่เจออุณหภูมิที่แตกต่างกันมาก จากคุณ : ton99 เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 14:01:58

ความคิดเห็นที่ 29 ทุกวันนี้ ผมแก้ปัญหาโดยการ บิดตัวบิดตัวซ้ายสุด เป่าแอร์ลงขา ช่วยได้ในแง่ คนหลังไม่รู้สึกหนาวเกิน จากคุณ : การกินเป็นสิ่งจำเป็น เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 14:21:15

ความคิดเห็นที่ 30 ตอบคุณ TDCi (OhmFFKFC) คคห21 ก่อนหน้านี้ทั้งผมและเพื่อน ก็ใช้วิธีขับไปแล้วก็คอยหมุนปิดหมุนเปิดเอาครับ จากคุณ : ton99 เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 17:00:42

ความคิดเห็นที่ 31 จาก #28 คุณ ton ต้องลองได้ใช้แอร์ที่มันปรับอากาศได้จริงๆครับ แล้วจะรู้ว่ามันไม่ธรรมดาและไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่คิด ยกตัวอย่างรถที่ผมมีละกัน โฟกัส แอร์ดิจิตอล อุณหภูมิข้างนอก 4 องศา จนไฟเตือนระวังการเกิดนำแข็งโชว์ ปรับอุณหภูมิแอร์ไปที่ 23 องศา ลมที่ออกมาจะอุ่นๆ นุ่งกางเกงขาสั้นขับรถได้สบายเลย ไม่มีสิว ไม่มีฝ้าใดๆเกิดขึ้น เพราะแอร์จะควบคุมความชื้นด้วยครับ แบบนี้ละครับมันถึงจะเรียกว่าเครื่องปรับอากาศ จากคุณ : ฟัก อยู่แม้น เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 54 09:05:02 A:182.52.156.30 X: TicketID:149505

ความคิดเห็นที่ 32 แอร์ในบ้าน  ขนาดมีระบบที่คุยว่าดียังไง  ผมก็ไม่เห็นมันจะได้เรื่องอะไรอย่างที่คุยเอาไว้เลย แอร์บ้าน  สภาพแวดล้อมมันคุมง่ายกว่าในรถแบบลิบลับ อย่างของรถ  ผมก็เคยใช้ตั้งแต่ Accord ตัวที่แ้ล้ว  ยัน Camry ตัวล่าสุด บอกตรงๆว่าผมไม่ได้ชอบใจมันเลย  ของสองรุ่นนี้คงไม่ได้้ด้อยกว่าของ Focus หรอกครับ ผมชอบอะไรที่มันง่ายๆ  ใช้ง่ายๆ  ซ่อมง่ายๆมากกว่า บอกเอาไว้ก่อนว่า  ผมไม่ได้แอนตี้ระบบอะไรพวกนี้ เพราะผมก็จบสาขาที่ต้องมาทำระบบแบบนี้นี่แหละ  แล้วระบบที่ผมดูแลอยู่ราคามันเป็นหลักพันล้าน ถ้าข้างนอก 4 องศา ผมคงไม่ปรับในรถให้เป็น 23 องศา เอาไว้ ผมคงต้องใส่เสื้อกันหนาวที่หนาซักหน่อย  แล้วก็เปิดแิอร์เลี้ยงในรถเอาไว้ในระดับสิบกว่าองศา ผมไม่ชอบลมที่ออกจากช่องแอร์ที่มันร้อนๆ  มันรู้สึกอึดอัดยังไงไม่รู้ จากคุณ : ton99 เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 54 14:58:32

ความคิดเห็นที่ 33 ที่จะบอกก็คือ ด้วยค่าเดียวกัน (23 องศา) พออากาศข้างนอกอุณหภูมิสูงขึ้น ลมที่ออกมาก็จะค่อยๆเย็นขึ้น โดยไม่ต้องไปปรับอะไรเพิ่มเลย อุณหภูมิในห้องโดยสารก็จะคงที่อยู่ตลอด ไม่หนาว ไม่ร้อน ไม่มีฝ้า จริงๆจะเรียกว่าลมออกมาคงไม่ถูก เพราะมันกระจายลมออกไปในทิศทางอื่นๆ จนไม่รู้สึกว่ามีลมมาปะทะกับตัว ไม่ได้บอกว่าแอร์ยี่ห้อไหนดีหรือไม่ดีกว่ากัน แค่จะบอกว่า เครื่องปรับอากาศ มันควรจะปรับอากาศได้จริงๆ ไม่ใช่ทำได้แค่ความเย็น ถ้ายังงั้นมันควรจะเรียกว่าเครื่องทำลมเย็นซะมากกว่า จากคุณ : ฟัก อยู่แม้น เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 54 16:47:20 A:182.52.155.91 X: TicketID:149505

ความคิดเห็นที่ 34 สำหรับแอร์รถ ผมว่ามันไม่มีประโยชน์เลยที่จะล็อคอุณหภูมิเอาไว้ค่าๆนึงตลอด  โดยไม่สนใจอุณหภูมิภายนอก ขนาดในห้องนอน  ผมยังตั้งอุณหภูมิแปรผันกับอากาศตามธรรมชาติ ก่อนผมจะเปิดแอร์  ผมจะดูตัวเลขอุณหภูมิที่เทอร์โมมิเตอร์ก่อน สูตรตั้งตามปกติของผมคือ  อุณหภูมิก่อนเปิดแอร์ - 2 องศา สูงสุดที่ผมเคยตั้ง ก็คือ 29 องศา  ต่ำสุดที่เคยใช้ก็คือ 24 องศา ที่ตั้งลงมาถึง 24-25 องศา จะเป็นช่วงหน้าฝน เพราะผมต้องตั้งความเย็นให้หนีจากอากาศภายนอกลงมา  ไม่งั้นอากาศในห้องจะชื้น ส่วน mode ลดความชื้นผมเคยทดลองใช้มาหลายยี่ห้อ  ไม่ไ้ด้เรื่องเลยซักยี่ห้อ ส่วนหน้าหนาวถ้าอากาศลงมาต่ำกว่า 27 องศา ผมก็ไม่เปิดแอร์ให้เปลืองไฟแล้ว ที่อุณหภูมิเดียวกัน ตัวเลขเดียวกัน  มันสร้างความรู้สึกร้อนเย็นกับคนต่างกัน ถ้าตั้ง 23 องศา แล้วไปขับบนยอดดอยที่แถวๆอุณหภูมิ 10 องศา  แบบนี้จะรู้สึกร้อน แต่ถ้าตั้ง 23 องศา แล้วมาขับในเมืองแดดร้อนๆ  อันนี้ผมถือว่าหนาวเกินเหตุเลย ถ้าผมใช้แอร์รถที่ตั้งเลขอุณหภูมิ  ผมก็ต้องขับไปแล้วคอยลดคอยเพิ่มอุณหภูมิที่ตั้งเอาไว้อีกอยู่ดี ผมว่าแอร์ที่ใช้กับคน  มันไม่ควรตั้งตายตัวแบบที่ใช้กับตู้แช่ไวน์ จากคุณ : ton99 เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 54 18:56:34

ความคิดเห็นที่ 35 ก้อเพิ่มอุณหภูมิจิ่ครับ เพราะ จขกท. ไปลดอุณหภูมิอ่ะดิ่ มันถึงเย็น จากคุณ : ของกำนัลจากนรกคือความเจ็บปวด เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 54 21:58:10

ความคิดเห็นที่ 36 ความสบาย เป็นความรู้สึกส่วนบุคคลครับ ไม่อาจใช้มาตรฐานใครเป็นเกณฑ์ได้หรอกครับ แต่นิดเดียว จากข้อความ "อีกเรื่องคือ ถ้าอุณหภูมิในรถมันสูงกว่าข้างนอกมาก มันจะมีปัญหาใหม่ตามมาอีกคือ จะเกิดฝ้าขึ้นด้านในรถอีก" ข้อความนี้ไม่จริงครับ ถ้าเครื่องปรับอากาศมันทำได้มากกว่าความเย็น จากคุณ : ฟัก อยู่แม้น เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 54 10:29:11 A:182.52.152.33 X: TicketID:149505