ความคิดเห็นที่ 1 ภาพจำลอง : ทางเดินเท้าด้านบนครับ จากคุณ : เจ้าหญิงน้อยแห่งอันดามัน เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 11:20:45

ความคิดเห็นที่ 2 ส่วนที่อยู่ใกล้สถานที่ราชการ จะมีการจัดบูธ แผ่นโฆษณา เพื่อโปรโมทงานของกทม. และ งานเฉลิมฉลองต่างๆ มีต้นไม้ ด้านล่างด้วยเพื่อความ ร่มรื่น ของคนที่เดินด้านบน จากคุณ : เจ้าหญิงน้อยแห่งอันดามัน เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 11:23:58

ความคิดเห็นที่ 3 ข่าว ณ ขณะนั้น (ไม่แน่ใจวันที่แถลงข่าวนะ) ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ประกาศเปิดตัวแผนแม่บทสำหรับการก่อสร้าง โครงข่ายทางเดินลอยฟ้า หรือ ซูเปอร์สกายวอล์ค (SuperSkywalkSystem) เพื่อให้คนกรุงเทพฯ มีทางเดินลอยฟ้าที่ปราศจากสิ่งกีดขวางการเดินเป็นระยะทางรวม 50 กิโลเมตร โดยถือเป็นส่วนหนึ่งของภารกิจ “กรุงเทพฯ ก้าวหน้า” ซึ่งมุ่งแก้ปัญหาใหญ่ของกรุงเทพฯ อย่างยั่งยืน โครง ข่ายซูเปอร์สกายวอล์คดังกล่าวจะแบ่งการก่อสร้างเป็น 2 เฟส โดยการก่อสร้างในเฟสแรกระยะทางรวม 16 กิโลเมตร จะเริ่มในเดือนมีนาคม 2554 ส่วนเฟสที่สอง ระยะทางประมาณ 32 กิโลเมตร มีแผนจะก่อสร้างในปี 2555-2557 ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ ให้คำมั่นว่า โครงข่ายซูเปอร์สกายวอล์ค 16 กิโลเมตรแรก จะก่อสร้างแล้วเสร็จภายใน 18 เดือนเท่านั้น ซึ่งหลังจากเปิดใช้จะทำให้ กรุงเทพฯ มีทางเดินลอยฟ้ายาวขึ้นกว่าเดิม 10 เท่า ทั้งนี้ โครงข่ายซูเปอร์สกายวอล์ค ส่วนแรกจะสร้างครอบถนนสุขุมวิทเกือบทั้งสาย โดยเริ่มจากซอยนานาไปถึงซอยแบริ่ง และอีก 3 สายบนถนนพญาไท ถนนรามคำแหง และใกล้กับวงเวียนใหญ่ในย่านธนบุรี นอก จากนี้ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับคนเดินเท้าในเวลากลางคืน ตลอดแนวเส้นทางโครงข่ายซูเปอร์-สกายวอล์คจะมีไฟฟ้าส่องสว่าง พร้อมกับกล้องวงจรปิดที่คอยตรวจจับความเคลื่อนไหว สำหรับงบประมาณการ ก่อสร้างโครงข่ายซูเปอร์สกายวอล์คในเฟสแรกประมาณ 5,200 ล้านบาท ส่วนเฟสที่สองของโครงข่ายซูเปอร์สกายวอล์ค จะก่อสร้างในปี 2555 – 2557 และคาดว่าจะใช้งบประมาณในการก่อสร้างราว 10,000 ล้านบาท ขอบคุณข้อมูลจาก 121easy.com สรุปคือ ทางเดินเท้่า ที่เดินได้อย่างเดียว และไม่ให้จักรยานวิ่งด้วย ใช้งบประมาณทั้งหมดจนจบโครงการ 10,000 ล้านบาท ซึ่ง ใครที่เห็นด้วยกับโครงการ และเห็นประโยชน์จากโครงการ ผมก็เชื่อว่ามี "ประโยชน์" 1. ความปลอดภัยในการเดินทางกลางคืนเพราะมีกล้องวงจรปิด 2. ทางเลือกในขณะการจราจรติดขัด 3. เพิ่มทางเลือกให้คนออกกำลังกาย (ขา) มากขึ้น เอาสามข้อพอ หัวตันแล้วคิดไม่ออก เพียงแต่ สิ่งที่ท่านรับรู้ มันยังไม่หมด น่ะสิครับ ลองดูต่อนะครับ จากคุณ : เจ้าหญิงน้อยแห่งอันดามัน เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 11:31:56

ความคิดเห็นที่ 4 ชำแหละ 1 โครงการมูลค่า 10,000 ล้าน แต่ขอกู้ 20,000 ล้าน จาก ธนาคารออมสิน โดยมีไอเดียใหม่ เรื่องตึกไหนจะขอเชื่อมทางเข้า คิด 10 ล้าน เป็นการหารายได้ให้ กทม. http://www.manager.co.th/StockMarket/ViewNews.aspx?NewsID=9530000094316 ผมถามว่า ถ้ามีสัก 100 ตึก กทม. จะได้เงิน คืนถึง 1,000 ล้าน !!!!!!!!!! แล้ว กทม. จะกลายเป็นเมืองโครงข่ายใยแมงมุม ที่มีสะพานจิ้มเข้าตึกโน้น นี้ ทั้งสีลม สรุวงศ์ สุขุมวิท มันจะบังแดด บังทัศนีย?ภาพอีกเท่าไหร่ ? แล้วการดูและละ ? มันเหมาะสมแล้วจริงๆ หรือ กับ ทางเดินเชื่อมต่อสกายวอล์ค เข้าอาคารโดยตรงเช่น CP ธนชาติ และโครงการคอนโดมิเนียมต่างๆ ฯลฯ เราอยู่ กทม. เมืองฟ้าอมรนะครับ ไม่ใช่ปู ในป่าโกงกาง ที่จะมีโครงข่ายทางเดินพาดหัวไปมา จากคุณ : เจ้าหญิงน้อยแห่งอันดามัน เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 11:50:48

ความคิดเห็นที่ 5 ชำแหละ 2 ลองฟังเสียงชาวบ้าน ทั่วๆไปที่ใช้บริการ BTS http://news.:-)/thailand/5804.html อยากให้ลองฟังครับ จากคุณ : เจ้าหญิงน้อยแห่งอันดามัน เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 11:52:46

ความคิดเห็นที่ 6 ผมเองก็ไม่เห็นด้วยหรอกครับ เพราะมันแพงเกินไป สู้เคลียร์ทางเท้าให้มันดี ดีกว่า ประหยัดกว่าเยอะ ผมว่า ปีนี้เค้าคงจะมีการเลือกตั้งกันมากกว่า เลยอยากทำอะไรๆไว้เป็นที่ ระทึก ปล อย่าให้เหมือน เสาหิน ในตำนาน นะครับ จากคุณ : bot 2.0 เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 12:00:10 A:125.24.223.90 X: TicketID:275211

ความคิดเห็นที่ 7 ชำแหละ 3 เมื่อมีความเห็นไม่เห็นด้วย เช่นในคลิปด้านบน ทางกทม. ได้ให้นาย ธีระชน มโนมัยพิบูลย์ ผู้ดุแลโครงการ ออกมา PR เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องว่า (ขอบคุณเนื้อหาทั้งหมดด้านล่างจาก คุณmon bon chien  ) “เจตนาไม่ได้ต้อง การให้ กทม.เป็นแค่เมืองน่าท่องเที่ยวแต่อยากให้เป็นเมืองที่พัฒนาแล้วอย่าง แวนคูเวอร์ซึ่งเป็นเมืองน่าท่องเที่ยวอันดับ 1 ของโลกก็ยังมีสกายวอล์ก อันดับ 2 กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรียก็มีสกายวอล์ก อันดับ 3-4 ก็มีสกายวอล์กเช่นกัน ถามว่า สกายวอล์กที่ กทม.จะสร้างนั้นมันอุจาดตาตรงไหน เมืองเก่าแก่อย่างเวียนนา ยังไม่อุจาดเลย" (คำให้สัมภาษณ์ของท่านธีระชน มโนมัยพิบูลย์ ผู้ดูแลโครงการ) ลิ้งค์ http://www.manager.co.th/Qol/ViewNews.aspx?NewsID=9540000029095 เมื่อ ผมอ่านบทสัมภาษณ์ฉบับนี้จบแล้วก็เกิดคิดสงสัยขึ้นว่า เอ กรุงเวียนนามีชื่อเสียงโด่งดังขนาดไหนหลายคนในที่นี้คงพอทราบ แต่ก็ไม่เคยได้ยินว่าเวียนนาจะมีสกายวอล์ก อย่ากระนั้นเลย เราลองค้นหาดูดีกว่า ผมก็ลองค้นหาด้วยวิธีที่ง่ายที่สุดคือการค้นหา กูเกิลด้วยคำว่า vienna skywalk ผลปรากฏมาก็มีสกายวอล์กจริงๆ ครับตามลิ้งค์ http://www.publicspace.org/en/works/e007-skywalk-spittelau เวียนนามีสกายวอล์กจริงตามที่ท่านธีระชนว่า แต่จากการอ่านข้อมูลในเวบนั้นก็พบว่า 1.สกายวอล์กนี้สร้างขึ้นเพื่อแก้ปัญหาการจราจรซึ่งมีทางสัญจรแบบต่างๆตัดขวางจำนวนมากทำให้การเดินข้ามไม่สะดวก 2.สกายวอล์กนี้มีความยาวทั้งสิ้น 112 เมตร ครับ ผมใช้คำว่า เมตร ไม่ใช่กิโลเมตร ผม หวังว่าผมจะยังค้นหาไม่ดีพอ อาจมีสกายวอล์กในจุดอื่นของกรุงเวียนนาก็ได้ เพื่อนๆคนไหนเคยไปเวียนนาถ้าเคยเห็นสกายวอล์กเป็นกิจจะลักษณะก็ช่วยบอกด้วย นะครับ แต่ถ้าทั้งเมืองมีสกายวอล์กแค่ตามที่ผมบอก ผมก็ไม่รู้ว่ามันเทียบกับสกายวอล์กที่กทม.คิดจะสร้างได้อย่างไร เอามาบอกเล่ากันไว้เป็นข้อมูลครับ http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X10316906/X10316906.html จากคุณ : เจ้าหญิงน้อยแห่งอันดามัน เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 12:03:23

ความคิดเห็นที่ 8 ประเทศอะไรเอ่ย มีสิ่งก่อสร้างเหนือท้องถนนเยอะที่สุดในโลก จากคุณ : miracle_the_city เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 12:07:58

ความคิดเห็นที่ 9 เดี๋ยวมาต่อ นะครับ หมัดเด็ดยังไม่ได้ปล่อยเลย ขอไปกินข้าวก่อนครับ มาดู ผู้คัดค้านหลักก่อนครับ นี่คือคัดลอก หนังสือ ที่สมาคมฯ ยื่นต่อ กทม. สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ออกแถลงการณ์ค้าน กทม.ผุดแผนก่อสร้าง "ซูเปอร์สกายวอล์ก" Printิ Wednesday, 02 March 2011 08:28          สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ได้ออกแถลงการณ์ต่อต้านกรณี ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดตัวโครงการ แผนก่อสร้างโครงข่ายทางเดินลอยฟ้า หรือซูเปอร์สกายวอล์ก(Super Sky Walk) ระยะทางรวม 50 กม. ซึ่งใช้งบประมาณกว่า 5,200 ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้         แถลงการณ์ สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน          ถึงผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร          คัดค้าน กทม.ผุดทางเดินลอยฟ้า : นโยบายผลาญภาษีประชาชน           กรณีที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ผู้ว่า กทม. ได้ออกมาเปิดตัวโครงการว่า กทม.มีแผนก่อสร้างโครงข่ายทางเดินลอยฟ้า หรือซูเปอร์สกายวอล์ก (Super Sky Walk) ระยะทางรวม 50 กม. เพื่อให้คนกรุงเทพฯมีทางเดินลอยฟ้าที่ไม่มีสิ่งกีดขวาง โดยจะแบ่งเป็น 2 ระยะ โดยระยะแรกมีระยะทาง 16 กม. วงเงินค่าก่อสร้างประมาณ 5,200 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในเดือนมี.ค.นี้ ใช้เวลาก่อสร้าง 18 เดือน กำหนดแล้วเสร็จปี 2555 และระยะที่สองมีระยะทาง 32 กม. วงเงินค่าก่อสร้าง 10,000 ล้านบาท คาดจะเริ่มก่อสร้างได้ในปี 2555 แล้วเสร็จปี 2557          และต่อมานายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าฯกทม.ออกมาแจงเพิ่มเติมว่า หลังจากที่ กทม. เปิดตัวโครงข่ายซูเปอร์สกายวอล์กหรือทางเดินลอยฟ้าระยะทางรวมกว่า 50 กม.ทั่วพื้นที่กทม.เพื่อความสะดวกและเพิ่มประสิทธิภาพในการเดินทางของ ประชาชนสู่ระบบขนส่งมวลชนต่าง ๆ แล้วนั้น ล่าสุด กทม.ได้ขยายผลโครงข่ายดังกล่าว โดยได้รับความร่วมมือกับภาคเอกชนในการลงทุนก่อสร้างทางเดินเท้าลอยฟ้าเชื่อม โยงระบบขนส่งมวลชนสาธารณะ ซึ่งขณะนี้มีกลุ่มผู้ประกอบการย่านราชประสงค์และประตูน้ำ ศูนย์การค้าแพลทินัมตอบรับข้อเสนอลงทุนเอง 100% โดยจะมีการลงนามข้อตกลงความร่วมมือ (เอ็มโอยู) ในช่วงเดือน พ.ค.นี้ เบื้องต้นรูปแบบทางเดิน จะเชื่อมโยงตั้งแต่สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสชิดลม ผ่านแยกราชประสงค์มุ่งหน้าไปยังคลองแสนแสบ ถนนราชดำริ ต่อเนื่องไปจนถึงศูนย์การค้าแพลทินัม รวมระยะทางประมาณ 500 เมตรนั้น          สมาคมฯ มีข้อสังเกตว่าการก่อสร้างทางเดินลอยฟ้าระยะทาง 50 กม. ของ กทม.ใช้งบประมาณค่อนข้างสูง หรือเฉลี่ยกิโลเมตรละกว่า 300 ล้านบาท ซึ่งหากเปรียบเทียบข้อมูลการก่อสร้าง จะเห็นว่าบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินโครงการก่อสร้างทางเดินลอยฟ้าใต้แนวเส้นทางรถไฟฟ้า ช่วงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ-แบริ่ง รวมระยะทาง 17 กม. ใช้งบประมาณ 1,000 ล้านบาท หรือเฉลี่ยกิโลเมตรละ 58.82 ล้านบาทเท่านั้น แต่ทางเดินลอยฟ้าใหม่นี้ทำไมแพงกว่าถึง 5 เท่า และเงินที่นำมาใช้ก่อสร้างเป็นเงินจากภาษีของประชาชน ไม่ใช่เงินส่วนตัวของนายสุขุมพันธ์หรือของนายธีระชน ที่คิดอยากจะทำอะไรก็ได้ตามอำเภอใจ ที่สำคัญโครงการผลาญเงินดังกล่าวสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (สก.) ตรวจสอบการใช้จ่ายเงินดังกล่าวแล้วหรือไม่อย่างไร          ประเด็นปัญหาที่ยกมาวิพากษ์ในวันนี้ นอกจากจะเรื่องงบประมาณที่สูงเกินเหตุแล้ว แต่ขอตั้งข้อสังเกตอีกประการถึงความเหมาะสมของการสร้างทางเดินลอยฟ้าใน พื้นที่เมืองว่าเหมาะสมแล้วหรือไม่ ประการใด เหตุใดจึงจ้องแต่จะเพิ่มสิ่งก่อสร้างที่เป็นอุจจาดทัศน์ (Visual Pollution) ให้กับเมืองกรุงเทพฯเข้าไปอีก ทำไมไม่กลับไปจัดการทางเดินเท้าที่เป็นสมบัติสาธารณะของคนไทยและคนกรุงเทพฯ ทุกคนให้สามารถใช้งานได้ตามปกติ ทำไมปล่อยให้มีแม่ค้า-พ่อค้าแผงลอย ทั้งตัวจริงตัวปลอม มายึดพื้นที่ทางเท้าเต็มกันไปหมดทั้งบ้านทั้งเมืองล่ะครับ แถมยังเอื้อประโยชน์ให้กับรัฐบาลในโครงการประชาวิวัฒน์ในการขยายจุดผ่อนผัน เพิ่มให้กับกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าเหล่านี้เพิ่มเข้าไปอีกกว่า 280 จุดอีก ขอถามหน่อยว่าพื้นที่สาธารณะทางเท้าเหล่านี้เป็นของนายสุขุมพันธ์หรือของนาย ธีระชนหรือของนายกรณ์หรือของนายอภิสิทธิ์หรืออย่างไร          ปัญหาดังกล่าว กทม.หมดปัญหาที่จะแก้ไขปัญหาทางเท้า ก็เลยยึดทางเท้าซึ่งเป็นพื้นที่สาธารณะประโยชน์ของคนกรุงเทพฯทั้ง 5.7 ล้านคนไปประเคนให้กับพ่อค้าแม่ค้าไม่ถึง 10,000 รายได้สร้างประโยชน์และผลกำไรมาจ่ายเทศกิจหรือกทม.ในรูปของค่าธรรมเนียมเท่า นั้นหรือ ขอถามหน่อยว่าสิทธิของคนกรุงเทพฯส่วนใหญ่ที่เขาต้องใช้ทางเท้าในการสัญจรไป มาหายไปไหน แล้วเขาเหล่านั้นเสียภาษีให้ กทม.ไปเพื่อการใด          แม้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 43 ระบุไว้ว่า บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการประกอบกิจการหรือประกอบอาชีพและการแข่งขันโดยเสรี อย่างเป็นธรรม การจำกัดเสรีภาพดังกล่าวจะกระทำมิได้  เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย เฉพาะเพื่อประโยชน์ในการรักษาความมั่นคงของรัฐหรือเศรษฐกิจของประเทศ การคุ้มครองประชาชนในด้านสาธารณูปโภค การรักษาความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน การจัดระเบียบการประกอบอาชีพ การคุ้มครองผู้บริโภค การผังเมือง การรักษาทรัพยากรธรรมชาติหรือสิ่งแวดล้อม สวัสดิภาพของประชาชน หรือเพื่อป้องกันการผูกขาดหรือขจัดความไม่เป็นธรรมในการแข่งขัน  เมื่อโครงการดังกล่าวอยู่ในข้อยกเว้น กทม.จึงไม่มีอำนาจที่จะกระทำโครงการดังกล่าวได้แต่อย่างใด          นอกจากนั้น ในหมวดที่ว่าด้วยหน้าที่ของชนชาวไทย มาตรา 74  ยังระบุไว้ชัดเจนว่าบุคคลผู้เป็นข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ มีหน้าที่ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายเพื่อรักษาประโยชน์ส่วนรวม อำนวยความสะดวก และให้บริการแก่ประชาชนตามหลักธรรมาภิบาลของการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี แล้วการที่ กทม.ทำโครงการนี้นั้นเป็นการรักษาผลประโยชน์ต่อส่วนรวมตรงไหน          แต่สิ่งที่ กทม.กำลังดำเนินการอยู่นี้ท้าทายต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญเป็นอย่างยิ่ง ถือว่าเป็นการเอาสมบัติสาธารณะมามอบให้บุคคลหรือกลุ่มบุคคลหรือเอกชนกลุ่มใด กลุ่มหนึ่งได้แสวงหาประโยชน์ หรือเพื่อผลประโยชน์ของเอกชน ให้กับบริษัทห้างร้านสรรพสินค้า เพื่อให้ลูกค้าสะดวกในการเดินเข้ามาใช้บริการธุรกิจของตนฝ่ายเดียว หรือประโยชน์ของพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาล ที่ได้ใจต่อกลุมผู้ค้าฝ่ายเดียว แต่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนและเสียหายให้เกิดขึ้นกับประชาชนผู้ใช้ทางเท้า อันเป็นสมบัติสาธารณะอย่างชัดแจ้ง          ประเด็นดังกล่าว สมาคมฯเห็นว่ากทม. ดำเนินงานตามนโยบายที่ขัดต่อกฎหมาย ขาดกระบวนการการมีส่วนร่วมของประชาชน ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างถนนคนเดินลอยฟ้าเต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด ส่วนถนนทางเดินเท้าด้านล่างที่มีอยู่ก็จะถูกนำไปจัดสรรให้กับพ่อค้า-แท่ค้า แผงลอยได้ใช้ประโยชน์กันเต็มบ้านเต็มเมือง และกทม.ก็จะใช้เป็นข้ออ้างว่าไม่มีทางเดินเท้าที่โล่งเดินสบายบนทางเท้าเดิม ๆ ให้ประชาชนเดินได้ จึงต้องตั้งงบประมาณที่แสนแพงมาก่อสร้างหรือจัดทำทางเท้าลอยฟ้าให้เต็มบ้าน เต็มเมืองเต็มไปหมดได้อีก ที่สำคัญการทำทางเดินเท้าลอยฟ้าดังกล่าวถือว่าเป็นส่วนหนึ่งหรือส่วนขยายของ ระบบขนส่งมวลชน ซึ่งต้องเขียนไว้ในรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) เสียก่อน แต่เมื่อสมาคมฯตรวจสอบแล้วไม่มีปรากฏหรือเขียนไว้เลย จึงเข้าข่ายผิดต่อ พรบ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ.2535 โดยตรง ซึ่งไม่สามารถกระทำได้โดยทันที          สมาคมฯ จึงใคร่เรียนมายังผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครและรัฐบาล เพื่อทบทวนหรือยุติโครงการทั้ง 2 ดังกล่าวเสียหรือดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายเสียก่อน หาก กทม.เพิกเฉยและยังคงจะดำเนินโครงการทั้งสองนี้ต่อไป สมาคมฯไม่มีหนทางอื่นใดที่จะยุติโครงการดังกล่าวได้ นอกจากการพึงกระบวนการศาลปกครองเท่านั้น          ประกาศมา ณ วันที่ 28  กุมภาพันธ์ พ.ศ.2554          (นายศรีสุวรรณ  จรรยา)          นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน --จบ--          ที่มา: http://www.naewna.com จากคุณ : เจ้าหญิงน้อยแห่งอันดามัน เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 12:11:14

ความคิดเห็นที่ 10 ไอ้ผู้ว่า กับไอ้รองผู้ว่า นี้ มันเคยรับฟังอะไรประชาชนหรือไม่ละ เห็นแล้วอยากจะอ้วก จากคุณ : ฟาง เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 12:16:00 A:203.148.187.139 X: TicketID:289572

ความคิดเห็นที่ 11 เป็นความจำเป็นที่ไม่เร่งด่วน   หิว กิน ตับ...ตับๆ แก้ไขเมื่อ 17 มี.ค. 54 13:00:28 จากคุณ : KopFee เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 12:25:47

ความคิดเห็นที่ 12 หวังว่าคงไม่ใช่ที่ขายสัปทานของเทศกิจ ไม่ใช่ที่ขายของ ไม่ใช่ที่หลับนอนของคนเร่ร่อน ไม่ใช่วิ่งเล่น หรือที่ขับถ่าย สำหรับสุนัขแพงๆ ของคนรวย . . คงไม่ใช่โครงการ 99 วันนะครับ จากคุณ : ผมชื่อต้อง เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 12:38:08

ความคิดเห็นที่ 13 เห็นด้วยสำหรับการสร้างบางช่วง แต่บางช่วงไม่ยังไม่จำเป็นครับ จากคุณ : ช่า ช่า ช่า เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 12:46:51

ความคิดเห็นที่ 14 นกกระสากินกบ ที่เลือกนาย จากคุณ : ฟุ้งซ่าน เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 12:49:06

ความคิดเห็นที่ 15 **เอาแผงลอยออก** ทำความสะอาดทางเท้าบ่อยๆ ทำทางเท้าให้ดีให้เรียบ เคลียเสาไฟให้อยู่ในจุดที่เหมาะสม เอาตู้รวมสายโทรศัพท์ไปตั้งในจุดที่เหมาะสม และตั้งอื่นๆที่เกี่ยวกับสาธารณูปโภคให้ถูกที่ เหมาะสม แค่นี้ก็พอแล้ว ประหยัดงบ ปลูกต้นไม้ให้ทางเท้าร่มๆด้วย เมื่อไทยอากาศร้อน เดินนิดเดียวเหงื่อก็ออกจนตัวจะเปียกละ จากคุณ : ถูกกว่านะ เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 12:53:24 A:124.121.237.226 X: TicketID:168968

ความคิดเห็นที่ 16 เขาเห็นม็อบ พี่น้องเสื้อสีๆ มาจากต่างจังหวัด เลยจัดหาที่ให้นอนเป็นที่เป็นทางไง ส่วนเรื่องค่าก่อสร้าง ฟัง แล้วมีสองราคาแล้ว เลยไม่รู้ว่ากิโลฯ ละ300ล้านนี่ ก่อนหรือหลัง หลังๆ มาต้นเดือนเปิดไปฟังเนชั่นฯ เหมือน บอกว่าของเก่า 300ล้านยกเลิกไปแล้ว ยกเลิกประกวดใหม่ 50กว่าล้าน แต่อ่านข้อมูลนี้แล้วก็เลยงงๆ แต่คิดว่าในกรุงเทพไม่ควรก่อสร้างอะไรเพิ่มอีกนะ ยกเว้นสวนสาธารณะ ที่สำคัญ ฝั่งธนฯ เขาไม่เคยคิดจะสร้างอะไรให้บ้างเรอะ อิๆ คนฝั่งธนฯ เคยเลือกผู้ว่าฯ แล้วได้อะไรบ้างไหมเนี่ย จากคุณ : กองปราบ เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 12:53:24 A:183.89.89.100 X: TicketID:103401

ความคิดเห็นที่ 17 โตไปไม่โกง เพราะ พวก พี่ สวาปาม ไปหมดแล้ว จากคุณ : NightWolf เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 13:10:34

ความคิดเห็นที่ 18 .....หอกหักเอ้ย ส่วนต่อขยาย บีทีเอส จากวงเวียนใหญ่มา บางหว้า เมื่อไหร่จะสร้างซะที สนิมกินตอหมดแล้ว  โครงการนี้เสร็จเมื่อไหร่ คนฝั่งธนยิ้มแน่ๆ มัวแต่ไปทำอะไรก็ไม่รู้เกาไม่ถูกที่คัน แถมใช้เงินเยอะอีก เสียดายภาษีมากๆ จากคุณ : ซาอิคุง เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 13:16:01

ความคิดเห็นที่ 19 เลือกคนโง่มาบริหาร เอาทางเท้าคืนจากหาบเร่แผงลอยก็หมดเรื่อง จากคุณ : วี เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 13:17:07

ความคิดเห็นที่ 20 .....หอกหักเอ้ย ส่วนต่อขยาย บีทีเอส จากวงเวียนใหญ่มา บางหว้า เมื่อไหร่จะสร้างซะที สนิมกินตอหมดแล้ว  โครงการนี้เสร็จเมื่อไหร่ คนฝั่งธนยิ้มแน่ๆ มัวแต่ไปทำอะไรก็ไม่รู้เกาไม่ถูกที่คัน แถมใช้เงินเยอะอีก เสียดายภาษีมากๆ จากคุณ : ซาอิคุง เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 13:17:07

ความคิดเห็นที่ 21 ยังไงเค้าก็ทำอยู่เเล้ว จากคุณ : karinkr เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 13:19:48

ความคิดเห็นที่ 22 เครือข่าย ปชป. ยุคนี้เอาอะไรได้เอาทุกเม็ดครับ เพราะไม่รู้ชาตินี้จะมีโอกาสอีกมั๊ย ขอโกยไว้ก่อน จากคุณ : กระท่อมชาวไร่ เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 13:32:30

ความคิดเห็นที่ 23 เอาละมาต่อกันเลยนะครับ ชำแหละ 4 โดยทีมงานไทยรัฐ อันนี้เป็นสกูีปข่าวไทยรัฐ ที่ตีพิมพ์ นสพ.วันที่ 14 มีนาคม และบนเวบไซท์ ผมขออนุญาตลงแบบ เวบไซท์ให้อ่านนะครับ เพราะ สกู๊ปที่ถ่ายจากกล้องไม่ค่อยชัด อ่านลำบาก เนื้อหาดังนี้ โปรดอ่านครับ จับตากทม.ฉีกกฎตัวเองยกทางเท้าให้ผู้ค้า ลดฟุตปาท-ผุดสกายวอล์ก การที่ กทม.มีหนังสือถึงกองบัญชาการตำรวจนครบาลเมื่อปลายเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา เพื่อขอความเห็นชอบในการเพิ่มและขยายพื้นที่จุดผ่อนผันรวมทั้งสิ้น 275 จุด ภายใน 39 เขต ตามนโยบายเร่งรัดจัดระเบียบผู้ค้าหาบเร่-แผงลอยของรัฐบาลตามโครงการ "ประชาวิวัฒน์" นั้น  ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์เป็นวงกว้าง เนื่อง จากส่งผลกระทบโดยตรงต่อประชาชนหรือนักท่องเที่ยวผู้ใช้ทางเท้า รวมทั้งสร้างปัญหาจราจรให้ผู้ใช้รถใช้ถนน ตลอดจนปัญหาผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยจากความไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย ในบ้านเมือง -------------------- จากการตรวจสอบข้อมูล จุดผ่อนผัน 275 จุดที่ กทม.เสนอขอความเห็นชอบกับกองบัญชาการตำรวจนครบาลในครั้งนี้ "รายงานวันจันทร์" พบว่า กว่าครึ่งหนึ่งของ 275 จุดที่ผ่านความเห็นชอบจาก กทม.นั้น เคยเป็นจุดที่ถูกกำหนดให้เป็นจุดกวดขันพิเศษ และไม่น่าจะสามารถอนุมัติหรือผ่านกันมาได้ตั้งแต่ต้น โดยเฉพาะ พื้นที่สำคัญชั้นใน อาทิ ย่านสีลม เขตบางรัก  เสนอขออนุมัติรวม 5 จุด จำนวนผู้ค้าทั้งสิ้น 474 ราย 5 ช่วงเวลา ที่ถนนสีลมขาเข้า (หน้าอาคารซิลลิคเฮ้าส์), ที่ถนนคอนแวนต์, ปากซอยสีลม 18-ภัตตาคารเชียง–การีล่า, ที่ถนนสุรวงศ์ขาเข้า (หัวมุมถนนธนิยะ-ปากซอยทานตะวัน) และบริเวณถนนสีลมขาออก (หน้า ธ.กสิกรไทย สำนักงานสีลม-หน้าห้างโรบินสันสีลม) เขตสัมพันธวงศ์ เสนอ 9 จุด ผู้ค้า 225 ราย ได้แก่ ถนนเจริญกรุง จากแยกโยธา-แยกทรงวาด, ถนนจักรวรรดิฝั่งซ้าย จากแยกเอส เอ บี-ประตูทางออกวัดจักรวรรดิ, ถนนจักรวรรดิฝั่งขวา บริเวณแยกวัดตึก, ถนนทรงสวัสดิ์ จากแยกเฉลิมบุรี-แยกหมอมี, ถนนมิตรภาพไทย-จีน จากแยกถนนพระราม 4-แยกเจริญกรุง และถนนเยาวราชฝั่งซ้าย จากแยกราชวงศ์-เชิงสะพานภาณุพันธ์ เขต ดุสิต เสนอ 21 จุด (จุดใหม่ทั้งหมด) ผู้ค้ารวม 442 ราย จุดสำคัญที่น่าสนใจได้แก่ บริเวณถนนอู่ทองใน หน้าประตูสวนสัตว์ดุสิต (เขาดิน), ถนนราชวิถี (บริเวณหน้า ม.ราชภัฏสวนสุนันทา) เป็นต้น เขต ราชเทวี เสนอ 27 จุด ผู้ค้า 417 ราย อาทิ บริเวณถนนพระราม 6 ด้านหน้าองค์การเภสัชกรรม ถนนราชวิถี  หน้าสถาบันโรคผิวหนัง ถนนเพชรบุรี (ปากซอย 8, 3-15 และ 22) ถนนรางน้ำฝั่งเหนือ พร้อมทั้งขอเพิ่มรอบทำการค้าในพื้นที่ 7 จุดผ่อนผันเดิม อาทิ หน้าห้างพันธุ์ทิพย์ ถนนเพชรบุรี, บริเวณปากซอยราชวิถี 12-18 ถนนราชวิถี และบริเวณตรงข้ามโรงแรมอินทรา  ถนนราชปรารภ ฯลฯ หรือแม้แต่พื้นที่ ที่เป็นชุมชนหนาแน่น และมีปัญหาจราจรติดขัดอย่างมาก เช่น เขตบางกะปิ มีการเสนอถึง 10 จุด (จุดใหม่ทั้งหมด) ผู้ค้ารวม 474 ราย อาทิ พื้นที่รอบสวนพฤกษชาติ (การเคหะคลองจั่น) พื้นที่ซอยลาดพร้าว 101,107 และ 129 หน้าห้างสรรพสินค้าคาร์ฟูร์ รามฯ รวมทั้ง พื้นที่ริมถนนรามคำแหงอีกหลายจุด (มีต่อ.....) จากคุณ : เจ้าหญิงน้อยแห่งอันดามัน เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 13:39:08

ความคิดเห็นที่ 24 ผมว่ายกชั้น 2 บนทางเท้าไว้ให้แม่ค้าขึ้นไปขายดีกว่า หรือตรงไหนแม่ค้าขายเยอะก็ยกทางเดินเพิ่มอีกชั่นแล้วให้แม่ค้าขึ้นไปขายข้างบน ทำเป็นจุดๆไป ก๊ากกกก จากคุณ : O_O (cabal1) เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 13:39:49

ความคิดเห็นที่ 25 (ต่อตอนจบ ) อย่างไรก็ตาม เมื่อปี 2548 กรุงเทพมหานคร ได้มีประกาศระเบียบ กทม.  เรื่องหลักเกณฑ์  เงื่อนไข การค้าในพื้นที่ผ่อนผัน ที่ระบุเอาไว้ชัดเจนเกี่ยวกับบริเวณที่ไม่สามารถอนุญาตเป็นจุดผ่อนผันได้ 5 จุด อาทิ 1.ผิวจราจร 2.ป้ายรถประจำทางศาลาที่พักผู้โดยสาร 3.ทางขึ้นลงสะพานลอย-สถานีรถไฟฟ้า 4.ทางม้าลายคนข้าม-ทางแยก และ 5.ตู้โทรศัพท์ รวมทั้งกำหนดรัศมี 5 เมตร บริเวณ รอบตู้โทรศัพท์ ไปรษณีย์ ห้องสุขาสาธารณะ และพื้นที่ทางเท้าบริเวณช่องทางเข้า-ออกอาคารที่เจ้าของหรือประชาชนใช้สอย แต่... จุดผ่อนผันใหม่ที่ กทม.เสนอมายังกองบัญชาการตำรวจนครบาลครั้งนี้ ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ริมถนนด้านหน้าทางเข้าออกอาคารสำนักงาน  รวมทั้งทางขึ้น–ลงรถไฟฟ้าทางข้าม–ทางแยก  ตลอดจนมีป้ายรถประจำทางตั้งอยู่ และที่สำคัญ มีปัญหาเกี่ยวกับการจราจรเป็นประจำตลอดทั้งวันทั้งสิ้น จึง เป็นที่น่าสังเกตว่า ทำไม กทม.จึงกล้า "ฉีก"  ระเบียบ  กติกา  ที่ตัวเองเคยตั้งไว้  เพื่ออนุมัติ ให้กลุ่มผู้ค้าสามารถจับจองทางเท้าสาธารณะมาค้าขายได้ หรือว่า...นี่ เป็นขั้นตอนหนึ่งของ "อภิ–อัครมหาโปรเจกต์ใหม่"... ซุปเปอร์สกายวอล์ก... มูลค่า 1 หมื่น 5 พันล้านบาท...ที่ผู้บริหาร กทม.ชุดปัจจุบัน หมายมั่นปั้นมือ ชนิดไม่ฟัง เสียงคัดค้านของผู้ใด!!!!!! ฝ่ายข่าว กทม.–จราจร รายงาน โดย ฝ่ายข่าว กทม.-จราจร 14 มี.ค. 2554, 05:15 น. ลิ๊งข่าวครับ http://www.thairath.co.th/content/region/155712 จากคุณ : เจ้าหญิงน้อยแห่งอันดามัน เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 13:42:19

ความคิดเห็นที่ 26 เฮ้ยทำทางเท้าให้สะอาด ทำถนนให้เรียบเป็นเป็นหลุมเป็นบ่อ เริ่มแค่นี้ก่อนได้ไหม นี่จะหาเรื่อง dag กันอีกแล้ว vote จากคุณ : die before เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 13:45:06

ความคิดเห็นที่ 27 ไอ้ทางเท้านี่จำเป็นแค่ไหนกันครับ ผมเห็นทุกปีน้ำท่วมริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา แทนที่จะเอาเงินไปสร้างกำแพงให้สูงขึ้นสัก 2 เมตร สัก 50กิโลเมตร คะแนนเสียงก็ไม่ไปไหนแล้วครับแต่ไม่เห็นมีใครทำปล่อยให้ท่วมอยู่ได้ทุกปี จากคุณ : ทนายใหม่ เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 13:54:54

ความคิดเห็นที่ 28 เท่าที่หลายๆท่านได้อ่านแล้ว คงพอเข้าใจนะครับว่าผมจะสื่อถึงอะไร 1. โครงการราคาสูง ลงทุนเยอะ และคิดว่ายังไม่จำเป็น 2. โครงการนี้ จะทำให้ทัศน์วิสัย กทม. เลวร้ายเข้าไปอีก 3. ผุดโครงการสวยหรูให้คนเดินบนสกายวอล์ค แต่เปิดพื้นที่บนฟุตบาธให้แม่ค้าขายของเพิ่ม หมายความว่า อะไร ? หมายความว่า เพิ่มที่ให้ผู้ขายได้คะแนนเสียง และทำทางเดินให้ ประชาชนเพิ่มจะได้ไม่บ่น เพราะ เวลาสรุปผล เขาสรุปเป็นตัวเลข (เราได้ทำการเพิ่มเติมถนน ทางเดิน กว่า ..% ดังนั้น คุณไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไร ) และที่สำคัญ จะได้ แบ่งเค้กวันเกิดกัน เอ้า แฮปปี้ เบิร์ธเดย์ ทู ยู หากท่าน มรว. จะเดินหน้าต่อ ลองเปิด ให้คนที่สงสัยถามได้ไหมครับ ถึงประโยชน์ที่จะได้รับ ของโครงการ ผมของจองที่นั่งที่นึง ส่วนท่านที่มีโอกาสอ่าน กระทู้ของผม นะครับ ถ้าท่าน นิ่งเฉย โครงการนี้ก็จะมาให้ท่านเห็น ถ้าท่านไม่เห็นด้วย ท่านต้องคัดค้านครับ ถ้าท่านอาศัยในกทม. เพราะ นี่คือเมืองของเราครับ แล้วแต่พี่น้องทุกคนตัดสินครับ ผมว่าเอาเงินหมื่นกว่าล้าน ทำอย่างอื่นได้เยอะมากๆครับ ภาษีผมก็จ่าย และดูแล้วผมไม่เห็นประโยชน์ ที่คุ้มค่าการลงทุน โครงการนี้เลยครับ จากคุณ : เจ้าหญิงน้อยแห่งอันดามัน เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 13:55:37

ความคิดเห็นที่ 29 เค้าคิดว่าประเทศเรารวยมากหรือยังงัยครับ ทางเดินอย่างเดียว หมื่นล้าน ใช้เงินกันจนเพลินจริงๆ คนพรรคนี้ จากคุณ : BlueRanger เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 13:59:16

ความคิดเห็นที่ 30 ตอบ คห 27 ครับ เขาจะได้งบมาเบิกค่ากระสอบกันน้ำท่วมไงครับ และก็สัมภาษณ์ว่าตอนนี้เราแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการเบิกกระสอบมา แสน ลูกแล้ว สามารถกั้นน้ำได้ พี่น้องประชาชนไม่ต้องห่วง เบิกทุกปี พอหมดหน้าน้ำท่วม กระสอบก็หาย พอน้ำมา ก็เบิกใหม่ หมดกระสอบไปเป็นล้านแล้ว จากคุณ : BaLL182 เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 14:02:44

ความคิดเห็นที่ 31 อนึ่ง โครงการนี้โดนคัดค้านหลายฝ่าย จากกำหนดเดิมเซ็นสัญญา 15 มี.ค. ตอนนี้เลื่อนออกมา คาดว่าก่อนสิ้นเดือนนี้ ถ้าไม่คัดค้าน ไม่ชลอ ไม่ยุติไว้ก่อน ก็เริ่มโครงการได้เลย 1 หมื่นกว่าล้าน แต่ถ้าไม่ทำ ก็เสียดอกเบี้ย 4.7 % จากวงเงินกู้ 3,000 ล้าน ซะยังงั้น (คือโครงการรัดกุมมาก ถ้าใครขวาง ใครยื้อ ก็จะอ้างเสียดอกเบี้ยฟรีๆ ) อ่านต่อเรื่องนี้ได้ที่ http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9540000034013&Keyword=%ca%a1%d2%c2 บทคัดย่อ "อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทาง กทม.ยังไม่ได้เซ็นสัญญาว่าจ้างกรุงเทพธนาคมเข้ามาบริหารจัดการโครงการอย่าง เป็นทางการแต่อย่างใด ดังนั้นจึงยังไม่สามารถเดินหน้าลงเสาเข็มการก่อสร้างตามที่ กทม.กำหนดไว้ในวันที่ 15 มีนาคม 2554 แต่ทางกรุงเทพธนาคมจะคงดำเนินการในด้านอื่นไปก่อน ทั้งนี้ เมื่อการเซ็นสัญญาล่าช้าออกไปก็จะทำให้อัตราดอกเบี้ยจากแหล่งเงินทุน คือ ธนาคารกรุงไทยที่จะให้เงินกู้แก่กรุงเทพธนาคม ในวงเงินกว่า 3,000 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในอัตราเริ่มต้นที่ร้อยละ 4.7 ต่อปี เพิ่มสูงขึ้นไปอีก หากไม่มีการเซ็นสัญญาในเดือนมีนาคมนี้ เพราะหากเซ็นสัญญาในเดือนหน้าก็จะมีการปรับขึ้นอีกร้อยละ 1 แน่นอน อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการเซ็นสัญญาจะล่าช้าออกไปแต่กรุงเทพธนาคมก็ต้องดำเนินการก่อสร้างใน เส้นสุขุมวิทให้แล้วเสร็จในเดือนธันวาคมนี้อย่างแน่นอน" จากคุณ : เจ้าหญิงน้อยแห่งอันดามัน เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 14:02:58

ความคิดเห็นที่ 32 ลองมาดู มุมมอง สรุป เรื่อง 10 เหตุผลที่คน กทม.ไม่เอาซูเปอร์สกายวอล์ก กันบ้างครับ บทตวามโดย : ศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน             ทางเดินเท้าลอยฟ้าเทวดา หรือ ซูเปอร์สกายวอล์ก เป็นโครงการผลาญงบประมาณภาษีประชาชน 1.52 หมื่นล้านบาท ล่าสุดของ กทม. สะท้อนให้เห็นถึงภาวะผู้นำของคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ที่ตัดสินใจเชิงนโยบายใดๆ มิได้อยู่บนพื้นฐานของกระบวนการการมีส่วนร่วมของประชาชน หรือการรับฟังผู้มีส่วนได้เสียอย่างรอบด้านเสียก่อนๆ ที่จะดำเนินโครงการใดๆ อีกทั้งระบบการตรวจสอบของสภาท้องถิ่น คือ สภา กทม.ก็อ่อนแอ เพราะเป็นกลุ่มพรรคการเมืองเดียวกันเสียเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ผู้บริหาร กทม.ลำพองใจ คิดจะทำโครงการเมกะโปรเจกต์ถลุงเงินภาษีประชาชนอย่างไรก็ได้ อย่างไร้ธรรมาภิบาล และขัดต่อกฎหมายหลายฉบับ ซึ่งสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนใคร่ขอประมวลเหตุผลที่คนกรุงเทพฯไม่ควรเอาซุป เปอร์สกายวอล์ก 10 เหตุผล มาเพื่อทราบร่วมกัน ดังนี้             1) จะเป็นการส่งเสริมให้มีหาบเร่แผงลอยเพิ่มมากขึ้น เพราะโครงการดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า กทม.ล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาหาบเร่-แผงลอยอย่างชัดแจ้ง เพราะนักการเมืองท้องถิ่นหวังแต่คะแนนเสียงของการเลือกตั้งจากกลุ่มพ่อ ค้า-แม่ค้าเหล่านี้ จึงไม่กล้าแตะต้อง ทั้งๆ ที่การยึดเอาทางเท้า หรือฟุตปาทไปตั้งแผงค้าขาย ผิดกฎหมายรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2535 อย่างชัดแจ้ง แต่ กทม.กลับร่วมกับ บช.น.กระทำการอันเป็น “การละเมิดสิทธิการใช้ทางเท้า” ของประชาชนทุกคนที่มีสิทธิใช้ทางเท้าเพื่อการสัญจรอย่างสะดวกสบายอย่างเท่า เทียมกัน ทำสิ่งผิดให้เป็นสิ่งถูก โดยการอนุญาตให้ผู้ค้าเหล่านั้นสามารถยึดที่สาธารณะมาเพื่อประโยชน์ส่วน บุคคลได้ โดยใช้คำสวยหรูว่า “ผ่อนผัน” เพื่อเลี่ยงกฎหมาย จนบัดนี้มีหาบเร่แผงลอยในพื้นที่กรุงเทพฯ มีจุดผ่อนผันกว่า 666 จุด จำนวนผู้ค้ากว่า 20,275 คน นอกจุดผ่อนผันมีอีกกว่า 670 จุด จำนวนผู้ค้ามีอีกกว่า 17,731 คน             ล่าสุด กทม.และ บช.น.เอาใจรัฐบาลตามนโยบายประชาวิวัฒน์เข้าไปอีกโดยเพิ่มจุดผ่อนผันเข้าไป อีก 280 จุด โดยที่ไม่สอบถามประชาชนคนใช้ทางเท้าส่วนใหญ่เลยว่าเขาเห็นด้วยหรือไม่ อย่างไร       2) จะทำให้ทางเท้าเดิมไม่ใช่ทางเท้าอีกต่อไป เพราะเป็นการสะท้อนว่า กทม.ล้มเหลวในการบริหารจัดการทางเท้า ปล่อยให้หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ นำทางเท้าไปใช้ประโยชน์ในหน่วยงานตน แสวงหากำไรและผลประโยชน์ส่วนตน เป็นที่ตั้งของตู้โทรศัพท์ เสาไฟฟ้า เสาป้ายจราจร ตู้ไปรษณีย์ ป้ายโฆษณาของทั้งหน่วยงานราชการและของเอกชน ที่จอดรถ ที่วางสินค้าของร้านค้าห้องแถว รวมถึงเป็นที่ตั้งของตู้ยามของตำรวจจราจรอย่างออกหน้าออกตา ในประเทศที่เจริญแล้วไม่มีตู้ยามจราจรที่ไหนใหญ่โต ติดแอร์ มีทีวี ตู้เย็นสิ่งอำนวยความสะดวกเต็มที่เหมือนตู้ยามตำรวจจราจรใน กทม.เลย การเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกันของ กทม. และ บช.น.จึงทำให้ทางเท้าใน กทม.มีแต่สิ่งที่รกรุงรังเต็มทางเท้าไปหมด นอกจากนั้นทางเท้าก็ไม่ราบเรียบ สวยงามน่าเดิน บางจุดเป็นหลุมเป็นบ่อตะแกรงท่อน้ำเสีย ทำให้คนหรือรถจักรยานล้อตกร่องมามากต่อมากแล้ว             3) ทำให้ กทม.เป็นเมืองแห่งอุจาดทัศน์ (Visual Pollution) คนกรุงเทพฯเคยผิดพลาดต่อการต่อต้านรถไฟฟ้า BTS มาแล้ว เพราะรู้ไม่เท่าทันนักการเมืองที่ชอบหว่านคำพูดแต่สิ่งดีๆ ของรถไฟลอยฟ้า อีกทั้งคน กทม.ส่วนใหญ่ในอดีตไม่เคยเห็นเคยใช้รถไฟฟ้าระบบรางมาก่อน เพราะไม่เคยมีในประเทศไทย แต่พอเริ่มมีรถไฟฟ้าใต้ดินขึ้นมา ทำให้ทุกคนเปรียบเทียบและคิดได้ว่า การปล่อยให้มีรถไฟลอยฟ้าเป็นสิ่งที่ผิดพลาดอย่างมหันต์ เพราะตลอดใต้โครงสร้างสถานีแต่ละสถานียาว 150 เมตร จะกลายเป็นอุโมงค์หรือถ้ำถาวร ที่อบอวลไปด้วยมลพิษ ควันพิษจากยานยนต์ทุกประเภทที่วิ่งสัญจร และติดปัญหาการจราจรอยู่ภายใต้สถานีรถไฟลอยฟ้า ซึ่งผู้คนที่เดินสัญจรไปมา พ่อค้าแม่ค้า เจ้าของห้องแถวร้านค้า ต่างต้องสูดดมควันพิษกันอย่างทั่วหน้ากันทุกคน โดยไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ นอกจากนั้นโครงสร้างที่ปลูกสร้างคร่อมถนนที่ระโยงระยางค์ ขวักไขว่ลอยอยู่บนฟ้าจะปิดกั้นสายตา หรือมุมมองของการมองเห็นสิ่งที่สวยงามบนอากาศของเมืองไปอย่างถาวร       4) จะมีการหมกเม็ดทำให้มีการผลาญภาษีของประชาชนเพิ่มมากขึ้น นอกจากเงินงบประมาณที่ใช้ในการก่อสร้างทั้ง 2 เฟสที่มาจากภาษีของประชาชนจำนวน 1.52 หมื่นล้านบาท หรือเฉลี่ยกิโลเมตรละ 300 ล้านบาทแล้ว ทั้งๆ ที่ราคาที่แท้จริงไม่ควรจะเกินกิโลเมตรละ 50 ล้านบาทเท่านั้น จะมีการหมกเม็ดเงินงบประมาณที่ต้องใช้จ่ายในอนาคตไว้อีกมากโดยไม่แจ้ง ประชาชน เช่น เงินในการเปลี่ยนบันไดขึ้นลงมาเป็นบันไดเลื่อนในอนาคตอันใกล้ หรือเปลี่ยนมาสร้างลิฟท์เสริมเพิ่มมากขึ้นมาแทนในบางจุดที่เป็นย่านที่มีคน ขึ้นลงมาก เช่น ห้างสรรพสินค้า เป็นต้น นอกจากนั้น จะต้องมีการตั้งงบประมาณก้อนใหม่ มาใช้ในการรื้อย้ายสายไฟฟ้า สายโทรศัพท์ สายเคเบิล และอื่นๆ ขึ้นมาใช้พื้นที่ใต้โครงสร้างโครงการดังกล่าวอีก นอกจากนั้นยังอาจจะต้องว่าจ้างเจ้าหน้าที่เทศกิจเพิ่มขึ้นมาอีกจำนวนมาก พร้อมยานพาหนะ จักรยาน เพื่อคอยลาดตระเวนรักษาความปลอดภัยตลอดเส้นทาง 50 กิโลเมตร เพราะเทศกิจเดิมที่มีอยู่ก็ดูแลทางเท้าและงานตามหน้าที่ทั่วไปมากมายอยู่ แล้ว นอกจากนั้นยังต้องตั้งงบประมาณในการซ่อมบำรุง (Maintenances) ไว้ประจำปีอีกทุกๆ ปี อย่างไม่มีที่สิ้นสุด             5) จะเป็นการส่งเสริมให้มีการทำผิดกฎหมายเพิ่มมากขึ้นหลายหน่วยงาน/บริษัท เหตุเพราะโครงสร้างบางส่วนของซูเปอร์สกายวอล์กไปเชื่อมติดกับโครงสร้างของ รถไฟฟ้า BTS และทางด่วนของการทางพิเศษฯ ซึ่งทั้งสองโครงการดังกล่าวกฎหมายกำหนดให้ต้องทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่ง แวดล้อม (EIA) อยู่แล้ว เมื่อโครงการซูเปอร์สกายวอล์กไปเชื่อมติดกับโครงสร้างดังกล่าว จึงเข้าข่ายเป็นโครงการประเภทเดียวกันกับโครงการนั้น ๆ ด้วย เพราะเป็นระบบทางพิเศษตามกฎหมายว่าด้วยการทางพิเศษ หรือเข้าข่ายเป็นทางหลวงหรือถนน ซึ่งมีความหมายตามกฎหมายว่าด้วยทางหลวง (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2549 ซึ่งประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ฉบับลงวันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ.2552 กำหนดว่าต้องทำ EIA ด้วยเพราะมีพื้นที่กว่า 75,000 ตร.ม.และมีที่ตั้งอยู่ใกล้โบราณสถาน แหล่งโบราณคดี แหล่งประวัติศาสตร์ตามกฎหมายว่าด้วยโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุและพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ ในระยะทาง 2 กิโลเมตรจากโครงการก่อสร้าง และโครงการที่อนุญาตให้ซุปเปอร์สกายวอล์กไปเชื่อมต่อก็จะต้องนำเอา EIA ที่ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการผู้ชำนาญการ (คชก.) แล้วนำกลับไปปรับปรุงแก้ไขเพื่อเสนอ คชก.ใหม่ อีกทั้งยังมีการไปเชื่อมติดกับอาคารห้างสรรพสินค้า โรงแรม หรือโรงพยาบาลขนาดใหญ่ ตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 โครงการดังกล่าว ก็จะถือว่าเป็น “อาคาร” ตามกฎหมายดังกล่าวอีกด้วย ดังนั้นหากโครงการใด ๆ ที่โครงการซุปเปอร์สกายวอล์กไปเชื่อมต่อรวมทั้ง กทม.ไม่ปรับปรุงหรือจัดทำ EIA ใหม่ให้แล้วเสร็จเสียก่อน ก็ย่อมเข้าข่ายละเมิดหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ด้วย จากคุณ : เจ้าหญิงน้อยแห่งอันดามัน เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 14:05:23

ความคิดเห็นที่ 33 6) จะเป็นการนำสมบัติสาธารณะไปเอื้อประโยชน์ให้แก่เอกชน การที่ซุปเปอร์สกายวอล์กจะถูกนำไปเชื่อมกับบริษัท ห้างร้าน ห้างสรรพสินค้า โรงแรม หรืออาคารสถานที่ของเอกชนใด ๆ นั้นจะถือว่าเป็นการนำเอาทรัพย์สินสาธารณะของประชาชนไปสร้างประโยชน์ หรือเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชน ซึ่งจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ เทศบาล (กทม.) แม้จะอ้างว่าเอกชนเป็นคนลงทุนก่อสร้างก็ตาม เพราะเสา ตอม่อ โครงสร้างต่างๆ จะตั้งอยู่บนทางเท้า เกาะกลางถนน ซึ่งเป็นสมบัติสาธารณะที่ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน หาใช่ของผู้ประกอบการเจ้าของอาคาร ห้างสรรพสินค้าของเอกชนรายใด รายหนึ่งได้ไม่ หากเอกชนรายใดเข้ามาร่วมดำเนินการกับรัฐ หรือ กทม.ก็จะถือว่าเป็นตัวการร่วม มีความผิดเช่นเดียวกันกับผู้บริหารกรุงเทพมหานคร             7) จะทำให้ร้านค้าห้องแถวริมถนนตามแนวถนนทางเท้าลอยฟ้าล่มสลาย เพราะประชาชนส่วนหนึ่งจะขึ้นไปใช้บริการถนนทางเท้าลอยฟ้า จะไม่มีโอกาสลงมาซื้อสินค้าหรือใช้บริการร้านค้าหรือห้องแถวด้านล่างริมทาง เท้าปกติได้เลย ซึ่งแน่นอนว่าเมื่ออุปสงค์หรือผู้บริโภคขาดหายหรือไม่มีโอกาสลงมาใช้บริการ ด้านล่างได้ โอกาสการค้าขายของร้านค้าขนาดเล็กขนาดย่อมก็จะล่มสลาย ขาดทุน ล้มหายตายจากเลิกกิจการไปในที่สุด นอกจากนั้น หาบเร่แผงลอยที่อยู่ด้านล่างริมฟุตบาทเดิม ก็จะไม่มีลูกค้ามาจับจ่ายซื้อสินค้าของตนได้ ก็จะล้มหายเลิกกิจการตามไปด้วย หรืออาจะต้องย้ายไปหาทำเลใหม่ๆ หรือตามลูกค้าขึ้นไปแอบขายบนทางเท้าลอยฟ้าเลยด้วยก็ได้ กทม.ก็จะแก้ปัญหาแบบลูบหน้าปะจมูก แก้ไขปัญหาไม่หมดไม่สิ้น แก้ปัญหาหนึ่ง ต้องไปพบผจญอีกปัญหาหนึ่งไม่มีที่สิ้นสุด       8) จะทำให้เกิดความเสี่ยงในการแก้ไขปัญหาอัคคีภัยมากขึ้น เพราะโครงสร้างของถนนทางเดินเท้าลอยฟ้าที่อยู่ต่ำลงมากว่าโครงสร้างรถไฟฟ้า BTS และทางด่วน ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อรถกระเช้าลอยฟ้าดับเพลิงเดิมอยู่แล้ว แต่พอมาสร้างลดระดับลงมาอยู่ในระดับเดียวกันกับสะพานลอย จะเป็นอุปสรรคที่สำคัญยิ่งขึ้นต่อการปฏิบัติงานของรถกระเช้าลอยฟ้าเพื่อการ ดับเพลิง เมื่อเกิดอัคคีภัยขึ้นในอาคารสูงตามแนวเส้นทางถนนทางเท้าลอยฟ้าดังกล่าว แม้ถ้าจะสามารถปฏิบัติงานได้แต่ก็จะสร้างความยุ่งยาก และเพิ่มระยะเวลาของการปฏิบัติงานของเจ้าพนักงานดับเพลิงที่ต้องแข่งกับระยะ เวลาในการปฏิบัติงานที่สำคัญยิ่งต่อการช่วยเหลือชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน       9) จะเร่งทำให้กรุงเทพมหานครกลายเป็นเมืองแห่งมลพิษเพิ่มมากขึ้น เพราะในปัจจุบันนี้คุณภาพอากาศและเสียงในพื้นที่ชั้นในกึ่งกลางของกรุงเทพ มหานคร มีงานวิจัยของหลายสำนักวิจัยยืนยันชัดเจนแล้วพบสารก่อมะเร็งสำคัญกว่า 15 ชนิดกระจายอยู่ในอากาศของท้องถนนกรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะสารเบนโซเอไพรีน ซึ่งมีศักยภาพก่อมะเร็งสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นมะเร็งระบบทางเดินหายใจ มะเร็งปอด และมะเร็งผิวหนัง นอกจากนั้น ยังพบสารก่อมะเร็งพีเอเอช (PAHs) ซึ่งเป็นกลุ่มสารเคมีหลายร้อยชนิด เกิดจากการสันดาปไม่สมบูรณ์จากไอเสียของยานยนต์ทุกประเภทควันพิษจากเชื้อ เพลิงยานยนต์บนท้องถนนของกรุงเทพมหานคร ซึ่งมวลมลพิษเหล่านี้ปกติจะล่องลอยขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศแต่เมื่อมีโครงสร้าง ของรถไฟฟ้า สถานี ทางด่วน และทางเดินเท้าซุปเปอร์สกายวอล์กก็จะไปปิดกั้นการกระจายตัวเพื่อเจือจางลง ทำให้ภายใต้โครงสร้างของสิ่งก่อสร้างดังกล่าวอบอวลไปด้วยมลพิษหรือสารก่อ มะเร็ง นอกจากมลพิษทางอากาศ ภายใต้โครงสร้างดังกล่าวจะมีปัญหาเรื่องมลพิษทางเสียงที่เกินมาตรฐานที่ 70 เดซิเบล เอ ตามมาเพราะไปปิดกั้นทางเดินเสียง โดยเฉพาะในย่านที่มีการจราจรขวักไขว่ เช่น ถนนสีลม ถนนเพลินจิต ถนนสุขุมวิท ถนนรามคำแหง เป็นต้น             10) จะทำให้วินัยทางการเงินการคลังของกรุงเทพมหานครเสียหาย เพราะเป็นการเอาเงินในอนาคตของคน กทม.มาใช้พร้อมความเสี่ยง การที่ กทม.เอาสถานะนิติบุคคลของหน่วยงานไปการันตีการกู้เงินจากสถาบันการเงินต่าง ๆ ให้กับบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด ซึ่งถือว่าเป็นบริษัทเอกชนทั่วไป ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หาใช่วิสาหกิจของ กทม.ไม่ (ตามคำวินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกาเรื่องเสร็จที่ 88/2541) อีกทั้งไม่มีผู้บริหารของกรุงเทพมหานครเป็นกรรมการรวมอยู่ด้วย และไม่มีกฎหมายเฉพาะรองรับเหมือนรัฐวิสาหกิจทั่วไป มีแต่เอกชนพรรคพวกของผู้บริหารของ กทม.หรือพรรคการเมืองของผู้ว่าฯมาเป็นกรรมการ หากบริษัทกรุงเทพธนาคมบริหารงานล้มเหลวผิดพลาด กทม.ในฐานะผู้ค้ำประกันก็ต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายดังกล่าวโดยตรงด้วย ดังนั้นการให้บริษัทกรุงเทพธนาคมมาร่วมทุนดำเนินการในครั้งนี้จึงเข้าข่าย พรบ.ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงาน หรือดำเนิน       การในกิจการของรัฐ พ.ศ.2535 ซึ่งต้องผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีก่อนเท่านั้น       ด้วยเหตุผลที่กล่าวมา แล้วในเบื้องต้นนี้ จึงใคร่ขอให้กรุงเทพมหานครได้ทบทวนหรือยกเลิกการดำเนินการโครงการซุปเปอร์ สกายวอล์กดังกล่าวเสีย เพราะจะได้ไม่คุ้มเสียตามที่กล่าวแล้ว แต่หากยังมุ่งมั่นที่จะดำเนินโครงการดังกล่าวต่อไปมีหนทางเดียวเท่านั้น คือ “เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและผู้มีส่วนได้เสียเสียก่อนอย่างรอบ ด้าน” และต้องปฏิบัติตามกฎหมายทุกข้อที่กล่าวถึงข้างต้นก่อน แต่ทว่าหาก กทม.ยังเพิกเฉยต่อข้อเสนอหรือเหตุผลที่อรรถาธิบายมาแล้วนี้ ยังเดินหน้าโครงการดังกล่าวต่อไป กระบวนการยุติธรรมเท่านั้นที่จะใช้เป็นข้อยุติของปัญหาดังกล่าวได้ (เท่าที่อ่าน 10 ข้อนี้แล้วคงเห็นนะครับ ว่ามันผิดกฎหมายหลายข้อ แต่ทำไม่ ผู้ว่าราชการ กทม. ของเรา ท่าน มรว. จึงได้ไม่ฟังคำคัดค้าน ทัดทานจากผู้ใดเลย มันเกี่ยวข้องกับ สภาที่กำลังยุบ เลยต้องเดินหน้าโครงการให้ได้เพื่อ..... หรือไม่  เราก้ไม่รู้) จากคุณ : เจ้าหญิงน้อยแห่งอันดามัน เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 14:10:54

ความคิดเห็นที่ 34 ถ้าเค้าเปิดให้ซักถาม ฝากถามด้วยนะครับ ทำทางเท้าลอยฟ้า แล้วใครจะเดินทางเท้าปกติครับ? แล้วแม่ค้าที่ขายบนทางเท้าปกติ เค้าจะขายให้ใครครับ? อีกหน่อยก็คงผ่อนผันให้ขึ้นมาขายบนทางเท้าลอยฟ้าใช่ไหมครับ? แสดงว่าจากนั้นก็จะสามารถคือทางเท้าปกติ ให้คนเดินเท้าทั่วไปใช่ไหมครับ? แล้วก็จะกลายเป็นวัฏจักรใช่ไหมครับ ขึ้นๆ ลงๆ กันอยู่อย่างนี้ ????? "คิดได้ไง"?? จากคุณ : ร้อยปีผ่านไป (ไวเหมือนโกหก) เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 14:13:07

ความคิดเห็นที่ 35 และหลังจาก ทางกทม. โดย หมัดเด็ด ต่อย ตุ๊ยซ้ายขวา แต่ยังยืนมาถึง ยก 7 ทางกทม. เลย สวนหมัดครอสเคาท์เตอร์ ด้วยการ ตอบโต้ 10 คำถาม ด้า่นบนดังนี้  กรุงเทพธนาคม ยันซูเปอร์สกายวอล์ก ไม่เข้าข่าย 34 โครงการ ที่ต้องศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และไม่ปิดกั้นการระบายอากาศ แถมไม่ทำให้เกิดมลพิษทางสายตา ย้ำชัด กทม.ไม่มีความเสี่ยง                นายอมร กิจเชวงกุล กรรมการผู้อำนวยการบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด (เคที) กล่าวกรณีนายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ได้ทำหนังสือเปิดผนึกแจงเหตุผล 10 ข้อ ที่คนกรุงเทพฯไม่เอาซูเปอร์สกายวอล์ก ว่า ตามเหตุผลทั้ง 10 ที่ นายศรีสุวรรณ กล่าวอ้างนั้น กรุงเทพมหานคร และเคที ได้ชี้แจงไว้อย่างชัดเจนแล้ว และก็ข้อกล่าวอ้างขาดข้อมูลที่ถูกต้อง ซึ่งขณะนี้เคทีได้ให้ฝ่ายกฎหมายทำหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงถึงสมาคมต่อต้าน สภาวะโลกร้อนแล้วเพื่อทำความเข้าใจถึงโครงการซุปเปอร์สกายวอล์ก นายอมร กล่าวอีกว่า การ ดำเนินโครงการซูเปอร์สกายวอล์กได้ทำการศึกษาโครงการไว้อย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสิ่งแวดล้อมความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เศรษฐกิจของประชาชนเป็นต้นโดยคำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดที่ประชาชนจะได้รับ(จำไว้นะครับ ที่นายอมรแถลงนี้) เป็นเป้าหมายสำหรับด้านสิ่งแวดล้อมที่โครงการนี้ไม่ต้องทำรายงานผลกระทบสิ่ง แวดล้อม หรือ EIA เนื่องจากว่าไม่เข้าข่าย 34 โครงการตามที่กฎหมายสิ่งแวดล้อมกำหนดไว้ให้ทำ EIA ส่วนเรื่องสกายวอล์กจะไปปิดกั้นการระบายอากาศนั้น น่าจะเป็นเป็นการเข้าใจผิดว่าสกายวอล์กเป็นเส้นทางที่มีความกว้างเฉลี่ย 4 เมตรกว่า และสูงกว่า 5 เมตร อากาศสามารถถ่ายเทได้สะดวกนอกจากนี้บนพื้นที่สกายวอล์กยังทำสวนลอยฟ้าเพื่อ เพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับ กทม.อีกด้วย               ส่วนด้านความปลอดภัยนั้น ตลอดแนวเส้นทางสกายวอล์กมีความสูง 5.5 เมตร ซึ่งเป็นหนึ่งในเงื่อนไขการก่อสร้างในขณะที่รถดับเพลิงมีความสูงเพียง 5 เมตรเท่านั้นอีกทั้งยังได้ติดตั้งกล้อง CCTV และเพิ่มไฟส่องสว่างทั้งบนทางเดินเท้าและบนสกายวอล์ก ซึ่งไฟส่องสว่างบนทางเดินเท้านั้นจะติดตั้งไว้บนสกายวอล์กส่องลงไปจึงไม่มี เสาไฟฟ้า และสายไฟฟ้า ตลอดจนสายสาธารณูปโภคต่างๆยังได้นำเก็บรวมไว้ในท่อใต้สกายวอล์ก ดังนั้นตลอดแนวเส้นทางจะไม่มีเส้นสปาเกตตี้ลอยฟ้าให้ได้เห็นอีกแล้ว               นายอมร กล่าวต่อว่า การหาสถาบันสนับสนุนการลงทุนของบริษัท กทม.ไม่ต้องค้ำประกันใดๆทั้งสิ้น เพราะสถาบันการเงินจะพิจารณาสัญญาเงินกู้จากสัญญาจ้างงานของบริษัท ดังนั้น บริษัทจึงเป็นผู้รับภาระความเสี่ยงทางการเงินเอง ไม่ใช่ กทม.ที่สำคัญ เคที เป็นหน่วยงานหนึ่งของ กทม.ตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครเรื่องพัสดุ พ.ศ.2552 ผู้ว่าฯกทม.เป็นผู้ถือหุ้นส่วน 99.98% ผลประกอบการจึงกลับคืนสู่ กทม.เกือบทั้งหมดเปรียบเสมือนกับกทม.ลงทุนซื้อวัสดุก่อสร้างและจ่ายค่าแรง งานเท่านั้น http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9540000033507&Keyword=%ca%a1%d2%c2 ดังที่ทุกท่านได้อ่านไป นายอมร ตอบ 10 คำถาม ด้วยคำตอบง่ายๆว่า ศึกษามาดีแล้ว เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อทัศนีย์ภาพ ไม่ต้องขออนุญาต และ กทม. ไม่ต้องค้ำ แค่กู้มาก็สร้างได้เลย นี่เหรอครับคำตอบของ "กรรมการผู้อำนวยการบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด (เคที)" ---------------------------- มีภาพนายอมร ให้ดูด้วย ในภาพ นายอมร กิจเชวงกุล กรรมการผู้อำนวยการบริษัทกรุงเทพธนาคมฯ  "ซ้ายมือสุด" แถม นายประพันธ์พงศ์ เวชชาชีวะ ประธานกรรมการบริษัทกรุงเทพธนาคมฯ จากคุณ : เจ้าหญิงน้อยแห่งอันดามัน เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 14:26:45

ความคิดเห็นที่ 36 สุดท้ายถ้าทำขึ้นมาแล้วจริงๆ ผมว่าก็แค่การย้ายทุกอย่างที่เคยอยู่ข้างล่าง ไปไว้ข้างบน ปัญหาทุกอย่างเหมือนเดิม แต่ย้ายไปอยู่ข้างบน ทำเพื่อ ???? จากคุณ : spitfireboy เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 14:31:48

ความคิดเห็นที่ 37 ทางมติชนก็ทำสกู๊ปเช่นกัน http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1298878861&grpid=01&catid=02 ค่อนข้างยาวครับ แต่น่าอ่านทีเดียว ลองดูครับ ใครไม่มีเวลามากพออ่านแค่ ย่อหน้าสุดท้ายพอครับ เขาสรุปมาให้แล้ว วันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554 เวลา 15:00:03 น. พรรษิษฐ์ ต่อสุวรรณ ตั้งแต่ช่วงหลายปีที่ผ่านมาที่การเมืองของ ประเทศไทยมีความผันผวนอย่างหนัก แล้วเราได้คณะผู้บริหารประเทศและผู้บริหารกรุงเทพมหานครที่มาจากพรรคการ เมืองเดียวกัน ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมารู้สึกว่าเราจะได้เห็นการนำเสนอโครงการต่าง ๆ มากมายมาอย่างต่อเนื่อง โครงการทั้งในระดับประเทศและในระดับเมืองที่พรั่งพรูออกมานั้น ส่วนใหญ่จะมีอยู่เพียง 2 ประเภทคือโครงการประชานิยมลด แลก แจก แถม กับโครงการสิ่งก่อสร้างรูปธรรมขนาดใหญ่ จะเห็นได้ว่ากว่าสองปีที่ผ่านมาหลายโครงการของรัฐบาลและคณะผู้บริหารกรุงเทพ มหานคร ซึ่งอาจจะเป็นโครงการส่วนมากเสียด้วยที่ก่อให้เกิดปัญหา ทั้งที่เป็นปัญหาในระดับตื้นเขินมากที่สุดก็คือปัญหาคอร์รัปชั่น ไปจนถึงปัญหาระดับลึกอย่างเรื่องความแตกแยกทางสังคม แต่ถึงแม้ว่าจะมีมากมายหลายโครงการที่ประสบปัญหา มีการตั้งคำถาม มีข้อสังเกต หรือข้อติติงมากเท่าใด การเร่งทำคลอดบรรดาโครงการต่าง ๆ ของฝ่ายบริหารก็ดูจะยิ่งเพิ่มมากขึ้นไม่มีลดน้อยถอยลง อาจจะเป็นเพราะว่าเป็นช่วงเวลาที่ใกล้เทศกาลการเลือกตั้งก็ได้ นักเลือกตั้งจึงต้องหวังที่จะอาศัยโครงการเหล่านี้เป็นเครื่องมือเพื่อการหา เสียงสร้างคะแนนนิยมหรืออาจจะมีผลประโยชน์อะไรมากกว่านั้น สำหรับบรรดาโครงการของกรุงเทพ มหานครนั้น ที่ผ่านมาส่วนใหญ่จะเห็นได้ว่าเป็นโครงการที่เน้นการสร้างภาพเท่านั้น เพราะขาดการศึกษาวิจัยถึงผลดี ผลเสีย และผลกระทบในเชิงลึก และที่สำคัญที่สุดคือขาดการมีส่วนร่วมของประชาคมเมือง ไม่ว่าจะเป็นโครงการBRT โครงการอุโมงค์ยักษ์ โครงการรถไฟฟ้าโมโนเรล และล่าสุดก็คือ โครงการ "ซุปเปอร์สกายวอล์ค" ซุปเปอร์สกายวอล์คอะไร เราอาจจะคุ้นเคยกับซุปเปอร์ไฮเวย์ที่เป็นทางด่วนสำหรับรถยนต์ โดยเป็นทางยกระดับขึ้นสูงหรือไม่สูงก็ได้แต่แยกระบบการสัญจรออกจากระบบการ จราจรปรกติ ซุปเปอร์ไฮเวย์จึงเป็นทางรถวิ่งเร็ว มักไม่ค่อยมีไฟจราจรมากั้นให้เสียอารมณ์ ส่วนซุปเปอร์สกายวอล์คนี้ก็น่าจะหมายถึงทางเท้าเดินเร็ว ยกระดับการเดินด่วนโดยไม่ต้องมีถนนรถวิ่งให้ต้องหยุดรอตามสี่แยกให้เสีย อารมณ์เช่นกัน ซุปเปอร์สกายวอล์คคือโครงการ ล่าสุดที่เปิดตัวโดยกรุงเทพมหานคร ซึ่งผู้บริหารกรุงเทพมหานครอธิบายว่าจะสร้างเป็นโครงข่ายทางเดินลอยฟ้าใจ กลางกรุงเทพฯเป็นระยะทางทั้งสิ้นถึงประมาณ 50 กิโลเมตร โดยจะแบ่งก่อสร้างเป็น 2 เฟส คือเฟสแรกจะสร้างครอบถนนสุขุมวิทเกือบทั้งสาย ตั้งแต่ซอยนานาไปถึงซอยแบริ่ง มีระยะทางประมาณ 16 กิโลเมตร ส่วนเฟสต่อไปจะมีที่ถนนพญาไท ถนนรามคำแหง ถนนเพชรบุรี และฝั่งธนบุรีใกล้วงเวียนใหญ่ งบประมาณในการก่อสร้างสกายวอล์คทั้งหมดนี้จะอยู่ที่ประมาณ 10,000 ล้านบาท และคาดว่าจะเริ่มเสร็จเฟสแรกในปี 2555 จนครบทั้งโครงข่ายในปี 2557 คนกรุงเทพฯเริ่มรู้จักกับสกา ยวอล์คครั้งแรกเมื่อครั้งเปิดโครงการเซ็นทรัลเวิลด์พลาซ่า ซึ่งเป็นการปรับโฉมโครงการเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ ซึ่งผู้ประกอบการเดิมประสบปัญหาทางธุรกิจจนต้องผ่องถ่ายโครงการที่เป็นปัญหา นี้ให้แก่กลุ่มค้าปลีกยักษ์ใหญ่เซ็นทรัล ถึงแม้ว่าเซ็นทรัลเวิลด์เป็นโครงการใหญ่ที่สี่แยกราชประสงค์ แต่โครงการเปิดตัวใหม่ในช่วงที่มีการแข่งขันทางธุรกิจกันอย่างหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคู่แข่งกลุ่มเดอะมอลล์  ซึ่งเปิดตัวโครงการสยามพารากอนในบริเวณใกล้เคียงกัน แต่ที่ตั้งของโครงการเซ็นทรัลเวิลด์กลับไม่ได้อยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้า BTS ซึ่งได้กลายเป็นปัจจัยสำคัญทางยุทธศาสตร์ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยุคใหม่ ดังนั้นกลุ่มเซ็นทรัลจึงได้ผลักดันให้สร้างสกายวอล์คเพื่อเชื่อมต่อสถานี รถไฟฟ้า BTS สองสถานีคือสถานีสยามและสถานีเพลินจิต และแน่นอนที่สุดคือการสร้างทางเชื่อมเข้าสู่โครงการเซ็นทรัลเวิลด์ ต่อมาสกายวอล์คนี้เองที่ได้ตอกย้ำความเป็นย่านธุรกิจ การค้าใจกลางกรุง ตั้งแต่สี่แยกปทุมวันมาถึงแยกราชประสงค์ไปจนถึงสี่แยกเพลินจิต โดยมีการสร้างทางเชื่อมเข้าสู่ศูนย์การค้า โรงแรม และอาคารสำนักงานที่สำคัญ ๆ หลายแห่งตลอดเส้นทาง จะเห็นได้ว่าสกายวอล์คสายนี้กลายเป็นที่นิยมของคนเดินเท้าเป็นอย่างมาก นอกเหนือจากความสะดวกในการเชื่อมต่ออาคารสถานที่สำคัญ ๆ ตลอดเส้นทางแล้ว สภาพพื้นผิวทางเท้าก็ทำได้เรียบอย่างมีมาตรฐาน และที่สำคัญก็คือปราศจากหาบเร่แผงลอยเกะกะทางเดิน ในเวลาต่อมาไม่นานนักเราก็เริ่มเห็นการสร้างสกายวอล์คคล้าย ๆ กับที่คร่อมเส้นถนนพระราม1-เพลินจิตเพิ่มมากขึ้น อย่างเช่นที่แยกอโศก แยกทองหล่อ และแยกสาทร-นราธิวาสฯ โครงการซุปเปอร์สกายวอล์คเป็นโครงการใหญ่ ไม่ใช่แต่เป็นเรื่องการทุ่มงบประมาณมหาศาลเพื่อเพิ่มพื้นที่ทางเดินเท้าเท่า นั้น จะส่งผลกระทบต่อเมืองในหลากมิติ ผู้เขียนจึงอยากจะตั้งข้อสังเกตเบื้องต้นเกี่ยวกับโครงการเพียงสองประการดังต่อไปนี้ ประการแรก ผู้บริหารกรุงเทพมหานครไม่ได้ริเริ่มโครงการนี้จากความเข้าใจปัญหาของ เมืองกรุงเทพฯ เพียงแต่มุ่งหวังที่จะสร้างภาพลักษณ์ของผลงานเพื่อการประชาสัมพันธ์เท่านั้น เพราะถ้าโครงการนี้เกิดมาเพื่อการแก้ปัญหาเมืองแล้ว การกำหนดตำแหน่งเส้นทางของซุปเปอร์สกายวอล์คก็คงจะไม่เกิดขึ้นตามแผนที่คลอด ออกมา ไม่ว่าจะเป็นถนนสุขุมวิท ถนนเพชรบุรี ถนนพญาไท หรือถนนรามคำแหง เพราะปัญหาที่ซุปเปอร์สกายวอล์คน่าจะเกี่ยวข้องก็มีเรื่องคุณภาพของทางเดิน เท้า ทั้งในเรื่องของขนาดที่เหมาะสมกับจำนวนผู้สัญจร และคุณภาพของพื้นผิวที่เอื้อต่อผู้เดินสัญจรทั้งสำหรับคนทั่วไปและผู้พิการ นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องหาบเร่ แผงลอย ซึ่งใช้พื้นที่สาธารณะเพื่อการค้า นอกจากจะเบียดบังพื้นที่ทางเดินสัญจรแล้ว ยังเป็นการละเมิดกฎหมายอีกด้วย ก่อให้เกิดประเพณีการเรียกเก็บส่วยทั้งจากมาเฟียตำรวจ ทหาร รวมถึงเจ้าหน้าที่เทศกิจของกรุงเทพมหานครเอง จะเห็นได้ว่าแค่เพียงสองปัญหาพื้นฐานนี้ก็เป็นเรื่องใหญ่ที่ผู้บริหาร กรุงเทพฯไม่ว่าจะกี่สมัยก็ไม่สามารถจะแก้ไขได้ และการแก้ปัญหาทั้งสองเรื่องนี้ก็ไม่จำเป็นจะต้องใช้ซุปเปอร์สกายวอล์คในการ แก้ไขแต่อย่างใด หรือถ้าจะต้องมีก็อาจจะใช้เพียงสกายวอล์คในบางตำแหน่งสำหรับบูรณาการกับ มาตรการแก้ไขปัญหาอย่างอื่น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการปรับปรุงทั้งรูปแบบและคุณภาพ ของทางเดินเท้าซึ่งควรจะมีการปรับปรุงทั้งเมืองกรุงเทพอย่างจริงจังเสียที มีหลายเส้นทางที่อาจจะต้องประกอบกันทั้งการเพิ่มพื้นที่เดินเท้าและพื้นที่ ค้าขายในบางตำแหน่งที่เกิดปัญหาขั้นวิกฤติ ซึ่งสกายวอล์คหรืออุโมงค์อาจจะช่วยเสริมได้ เพราะนอกเหนือจะเพิ่มทางเลือกในการเดินสัญจรแล้วยังสามารถสร้างเป็นเส้นทาง ช๊อปปิ้ง อย่างที่ย่านการค้าในกรุงโซลประเทศเกาหลีใต้หรือนครโอซาก้าประเทศญี่ปุ่นทำ มาแล้วก็ได้ ถ้าผู้บริหารกรุงเทพฯจะมีนโยบายได้อย่างนี้แล้ว ไม่เพียงแค่จะเป็นการเพิ่มพื้นที่ทางเดินสัญจรเท่านั้น แต่จะลดปัญหาหาบเร่แผงลอย ปัญหาการเก็บส่วย และการคอร์รัปชั่นของเจ้าหน้าที่รัฐไปได้ในระดับหนึ่งทีเดียว ประการที่สอง นอกจากจะไม่ได้แก้ปัญหาของเมืองแล้วยังจะสร้างปัญหาขึ้นมาทับถมเข้าไปอีก ประการแรกเลยก็คือเรื่องความเหมาะสม ความโปร่งใสของการถลุงงบประมาณ 10,000 ล้านบาทจากเงินภาษีของคนไทยทั้งประเทศ เพียงเพื่อสร้างทางเดินเทวดาสำหรับคนกรุงเทพฯ ใจกลางเมืองเท่านั้น แค่รูปลักษณ์ของซุปเปอร์สกายวอล์คก็บ่งบอกชัดเจนอยู่แล้วว่าเป็นการยกระดับ ทางเดินเท้า ซึ่งตอกย้ำความเหลื่อมล้ำของสังคมภายในเมืองเอง ทั้งยังสะท้อนไปถึงความไม่เท่าเทียมระหว่างสังคมเมืองและชนบทอย่างชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสังคมไทยในเวลานี้ ได้เข้ามาสู่ยุคของความขัดแย้งในเรื่องความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจระหว่างสังคม เมืองและสังคมชนบท จนกระทั่งมาถึงจุดที่อาจจะต่อสู้แตกหักได้ในทุกขณะแล้ว น่าเสียใจที่ผู้บริหารกรุงเทพฯไม่เข้าใจและไม่ใส่ใจ เพราะมัวแต่จะเน้นที่การสร้างภาพลักษณ์อันตื้นเขินเพื่อประชาสัมพันธ์และ หวังผลทางการเมืองเท่านั้น ส่วนผลกระทบของเมืองจากโครงการซุปเปอร์สกายวอล์คนั้นจะกระทบเป็นวงกว้างทั้งทางเศรษฐกิจและสังคมขนาดไหนก็ยากเกินจะคาดเดาได้ แต่ข้อสังเกตอันดับแรกก็คือความเป็นไปได้สูงของการเสื่อมสลายของชุมชนห้องแถวริมถนนที่จะมีซุปเปอร์สกายวอล์คคร่อมอยู่ ไม่ว่าจะเป็นถนนสุขุมวิท ถนนพญาไท ถนนเพชรบุรี และถนนรามคำแหง ยกเว้นแต่ถนนสาทรซึ่งไม่ค่อยมีชุมชนตึกแถวมากเท่าใดนัก ส่วนใหญ่ของผู้ประกอบการห้องแถวซึ่งเป็นคนชั้นกลางที่อาศัยห้องแถวทำมาค้า ขายชั้นล่างและพักอาศัยอยู่ชั้นบน แต่เมื่อผู้บริหารกรุงเทพฯได้มีนโยบายสร้างระบบทางเท้าใหม่ แต่กลับปล่อยละเลยให้สภาพทางเดินเท้าปรกติดั้งเดิมเสื่อมทรุดโทรมจนคนทั่วไป รู้สึกว่าน่าจะลงแรงในการเดินขึ้นบันไดไปใช้สกายวอล์คแทนแล้ว ระบบการค้าขายของชุมชนห้องแถวก็จะทรุดโทรมและผุพังลงเป็นลำดับ ใน ขณะที่สกายวอล์คกลับจะเป็นสิ่งที่เอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มทุนขนาดใหญ่มากกว่า โดยจะเห็นว่าบรรดาอาคารขนาดใหญ่ ทั้งศูนย์การค้า โรงแรม และสำนักงานที่เรียงรายอยู่ตามเส้นทางสกายวอล์คก็จะนิยมสร้างทางเชื่อมจาก สกายวอล์คเข้าสู่อาคารโดยตรง ประเด็นนี้ตอกย้ำความเหลื่อมล้ำ เสียยิ่งกว่าภาพลักษณ์ทางเดินเทวดา แต่ชี้ให้เห็นว่าฝ่ายการเมืองและกลุ่มทุนใหญ่มักจะร่วมมือกันผลาญทรัพยากร ของรัฐเพื่อเอื้อประโยชน์แต่เพียงฝ่ายตนเท่านั้น กลายเป็นประเด็นทางสังคมที่บาดลึกกันต่อไป ปัญหาอื่น ๆ ของซุปเปอร์สกายวอล์คเองก็ยังจะมีตามมาอีก เช่นเรื่องของความปลอดภัย เมื่อโครงสร้างระบบทางเดินเท้ามโหฬาร แต่มีลักษณะที่ปิดแยกระดับ ซึ่งก็คือแปลกแยกออกจากชุมชนเมือง ทำให้บรรดามิจฉาชีพสามารถอาศัยพื้นที่ทางเดินเท้านี้บางจุดที่ล่อแหลมสำหรับ การก่ออาชญากรรมอย่างยากยิ่งที่จะป้องกันได้ หรืออาจจะใช้เจ้าหน้าที่เทศกิจของกรุงเทพมหานครมาดูแลรักษาความปลอดภัยบนทาง เดินลอยฟ้านี้ ซึ่งก็จะต้องใช้งบประมาณต่อเนื่องอันมหาศาล จึงอาจจะเป็นคำถามต่อไปว่าการใช้ทางเดินเท้าด่วนนี้จะเก็บค่าผ่านทางสำหรับ เป็นค่าบริหารจัดการเหมือนกับระบบทางด่วนรถยนต์หรือเปล่า หรือผู้บริหารกรุงเทพฯมีแผนจะสร้างประตูปิดเปิดให้ใช้เป็นเวลาอย่างของสกา ยวอล์คบนถนนพระราม 1 ซึ่งก็ยังจะทำได้ยากเพราะขนาดโครงข่ายอันใหญ่โตย่อมจะมีช่องทางเข้าออกเป็น จำนวนมาก ยากที่จะสามารถควบคุมได้ ความเป็นเมืองนั้นไม่ใช่ภาพของอาคารหรือสิ่งปลูก สร้างอันนำสมัย แต่เป็นเรื่องของวิถีชีวิตผู้คนที่อยู่ในเมือง การบริหารเมืองจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีความเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น ดำรงอยู่ และเปลี่ยนแปลงไปด้วยเหตุและผล คำนึงถึงสิ่งที่จะกระทำและผลกระทบอย่างมีวิสัยทัศน์และชาญฉลาด ในกรุงเทพมหานครยังมีปัญหาสำคัญอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่ฝ่ายรัฐจะต้องเป็น ผู้ดำเนินการอย่างเร่งด่วน มีหลายประเด็นที่ฝ่ายรัฐอาจเป็นเพียงผู้ริเริ่มและภาคสังคมอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นชุมชนหรือภาคเอกชนเข้ามาสานต่อ การนำ เสนอโครงการของฝ่ายบริหารกรุงเทพมหานครจึงควรมีการสำรวจถึงปัญหาจากหลากหลาย แหล่งทั้งภาครัฐและประชาคมเมือง อาศัยการระดมความคิดจากบรรดาผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการเพื่อหาวิธีแก้ไขปัญหาเหล่านั้นอย่างรอบด้าน รูปลักษณ์อันสวยงามน่าตื่นตาตื่นใจของโครงการควรจะเป็นเพียงผลพลอยได้สำหรับ ไว้ประชาสัมพันธ์เท่านั้น แต่น่าเสียใจที่การนำเสนอ โครงการประเภทนี้มักจะมีนัยยะทางการเมืองเป็นสำคัญทุกครั้ง นัยยะทางการเมืองในที่นี้หมายถึงผู้กำหนดนโยบายซึ่งชอบที่จะอาศัยรูปธรรมของ โครงการสำหรับการสื่อประชาสัมพันธ์ผลงานตัวเองทั้งในหน้าหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ แม้กระทั่งป้ายโฆษณาริมถนน การใช้โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ย่อมจะได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษจากสื่อมวล ชน เพราะโครงสร้างอันอลังการของมันจะสามารถสร้างภาพลักษณ์เป็นความสำเร็จของผล งานให้ได้เห็นกันเป็นรูปธรรมจับต้องได้ง่าย ก่อกระแสความนิยมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นจึงสังเกตได้ว่าการจัดทำโครงการเหล่านี้มักจะถูกดำเนินการอย่างรีบ เร่งมากที่สุด เพื่อให้ทันกับจังหวะเวลาของการเลือกตั้งเป็นสำคัญ จากคุณ : เจ้าหญิงน้อยแห่งอันดามัน เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 14:33:39

ความคิดเห็นที่ 38 สร้างรถไฟฟ้ากระจายมายังมารอบนอกให้ทั่วถึงก่อนจะดีกว่าไหม อย่าให้มันกระจุกอยู่แึ้ค่พื้นที่แคบๆเลย จากคุณ : Teddiez เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 14:45:52

ความคิดเห็นที่ 39 ผมไม่เห็นด้วยกับโครงการนี้ครับ จากคุณ : Cmx เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 14:54:51 A:61.90.41.140 X: TicketID:288279

ความคิดเห็นที่ 40 เอาเงินมาพัฒนาต่างจังหวัดก่อนดีไหมม   เซง จากคุณ : VIPUSER เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 14:58:11

ความคิดเห็นที่ 41 เรื่องง่ายๆไม่ทําทําแต่เรื่องโง่ๆ จากคุณ : .. เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 14:59:35 A:183.89.183.175 X: TicketID:308932

ความคิดเห็นที่ 42 ตอนที่สร้าง บีทีเอส โดยพลตรีจำลอง ผู้ว่า กทมสมัยนั้น ก็มีกลุ่มคนคัดค้าน ว่าจะเป็นสิ่งก่อสร้างอันน่าเกลียด ลอยอยู่บนฟ้าทั่วกรุงเทพ โดยมีคุณหญิงชดช้อย เป็นแกนนำในการคัดค้าน แต่ก็สร้างกันจนเสร็จ แล้วปัจจุบันเป็นอย่างไร มีแต่คนอยากได้ ขอให้บีทีเอส ต่อขยายให้ถึงบ้านตนเอง ส่วนซุปเปอร์สกายวอร์ค เท่าที่เดินแถวสยาม-เพลินจิต คิดว่า ดีกว่าเดินข้างล่าง และคนก็เดินกันเยอะมากมาย ตอนนี้ ของโรงพยาบาลรามาธิบดี ก็กำลังสร้าง สกายวอร์ค หน้าโรงพยาบาลเหมือนกัน ส่วนโครงการล่าสุด เค้าก็เริ่มระยะทางไม่เท่าไหร เจ้าของตึกบริเวณที่สกายวอร์คผ่าน ก็ยินดีออกเงินช่วย ระยะทางเริ่มแรกก็ไม่มาก ผมว่าก็น่าจะดีนะครับ ให้เค้าสร้างไปเฟสแรก ก่อน ถ้าไม่ดี ไม่ต้องต่อขยายเฟสสองก็ได้ จากคุณ : ขุนนนท์ เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 15:04:05

ความคิดเห็นที่ 43 อย่าเพิ่งไปเริ่มโปรเจคใหม่เลยท่าน....เคลียร์ทางเท้าปัจจุบันให้ดี...ให้โล่ง..รับรองได้ว่ามีที่ให้เดินเยอะแยะ...ผมกลัวทำแล้วจะกลายเป็นร้านค้าลอยฟ้านะดิ... จากคุณ : whitefox เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 15:05:09

ความคิดเห็นที่ 44 เสียดายเงินภาษีจริงๆ จากคุณ : ถึงอ้วนก็รัก เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 15:23:48

ความคิดเห็นที่ 45 เอาคนโง่มาบริหาร เลยบริหารแบบโง่ๆ เงินหมื่นล้าน สร้างรถไฟฟ้าให้ทั่วก่อนดีไหม รังสิต เข้า เมือง ยังไม่ได้เลย จากคุณ : shikima เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 15:35:12

ความคิดเห็นที่ 46 เงินที่จะเอาไปลง Sky Walk เอาไปทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ รณรงค์ ให้คนไทยคืนพื้นที่ทางฟุตบาท ช่วยกันหยุดซื้อ หยุดขาย หยุดสนับสนุน การขายของบนทางเท้า เพื่อนความน่าดูและสวยงามเป็นระเบียบของกรุงเทพ จะดีกว่าไหมครับ แล้วก็เอาเงินไปสร้างพื้นที่ค้าขาย รองรับ ให้กับพ่อค้าแม่ค้าที่เต็มใจที่จะย้ายออกจากทางฟุตบาท กระจายตามจุดต่าง ๆ ที่เป็นแหล่งทำเงินได้ จะดีกว่าไหม หรือแบบที่ว่า มันหารแบ่งกันยากครับ เลยจ้องจะทำแต่โครงการใหญ่ ๆ เพื่อที่จะได้เอาเงินภาษีของประชาชนมาแบ่งกันใช้ง่าย ๆ จากคุณ : [N]oom เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 15:40:41

ความคิดเห็นที่ 47 น้องๆ หนูๆ หลายๆคน ยังวิ่งขายพวงมาลัยตาม 4 แยกอยู่เลย น้องๆ หนูๆ หลายๆคน ยังไม่ได้ไปโรงเรียนเลย น้องๆ หนูๆ หลายๆคน ก็ยังช่วยพ่อแม่เก็บขยะขายอยู่ ฯลฯ มากมาย ถ้ามีเงินมากมายนักละก็ จากคุณ : lesa พยายม เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 15:41:39

ความคิดเห็นที่ 48 จากแผนผังด้านบน ผมเรียนตรงๆเลยว่า บ้านผมได้ประโยชน์ด้วย แต่ทำไมผมคัดค้าน ผมมองว่า ถ้าลงทุนแล้วมันคุ้มค่า ก็ควรทำ แต่โครงการ นี้ไม่แฟร์กับคนบางนา ลาดพร้าว ห้วยขวาง ฯลฯ สู้ปรับปรุงถนน ทั่วกทม ยังดีกว่า จากคุณ : เจ้าหญิงน้อยแห่งอันดามัน เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 15:51:03

ความคิดเห็นที่ 49 ปญอ เอาเงินไปลงทุนอย่างอื่นเหอะ จากคุณ : qerlic เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 15:51:36

ความคิดเห็นที่ 50 หมื่นล้าน อ่านแล้วเพลีย จากคุณ : Tweet SMS เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 15:52:24

ความคิดเห็นที่ 51 ความคิดเห็นที่ 42 พี่ลองอ่าน กระทู้เดิมผมนะครับ เรื่อง BTS ถามว่าถ้าลงดิน กับลอยฟ้าอยากได้แบบไหนครับ ? ส่วนร้านคา้ใกล้ๆที่ออกเงินเพราะอะไร ? เพราะเขาทำทางเข้าเขาได้ลุกค้า และที่เขาออกเอง เพราะ เขาจ้าง ราคา นึง  แต่กทม. จัดจ้างให้ แพงกว่าหลายเท่าครับ ครั้งพลตรี จำลองทีนึงแล้ว ที่มีแต่คนคัดค้านแต่ทำไม่สุด ผมไม่อยากเห็นโครงการอะไรแบบนี้ ครับ ดูสกายวอล์ค ต้นแบบ อนุสาวรีย?สิครับ พอมีมันสะดวกเพระาประชากรมาก และการระบายคนให้เวียนไปรอบๆ ๆได้ ดีมากครับ แต่อันที่ทำที่อนุสาวรีย์มัน สั้น และเป็นการแก้ปัญหาที่ตรงจุด แล้ววันนี้เป็นไง ของขายเพียบ ทุกมุม ถูกไหมครับ ? ตกลงเรากำลังเอาเงินทำอะไรครับ ลองเบรคโครงการไว้สัก 1 ปีดีไหม? ครับ ลองประชาพิจาร์ณก่อน (หุหุ แต่บางคนไม่อยากรอ 1 ปี น่ะซี่ มันไม่ทัน) จากคุณ : เจ้าหญิงน้อยแห่งอันดามัน เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 15:57:05

ความคิดเห็นที่ 52 ส่วนใหญ่คนใหญ่คนโตในบ้านเมืองใช้เงินเป็นอย่างเดียว (เพราะโกงได้) แต่บริหารไม่เป็น ผมว่าประชาชนยังฉลาดกว่าอีกนะ หลายคนพูดถูก แค่จัดระเบียบทางเท้าให้สะอาด เรียบร้อย ไม่มีหาบเร่แผงลอยเกะกะ ก็พอแล้ว ง่าย ประหยัดเงินเป็นหมื่นล้านด้วย ขำ... จากคุณ : amour man เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 16:11:05 A:61.19.228.46 X: TicketID:006368

ความคิดเห็นที่ 53 ขอมองต่างมุมแบบสุดๆ  เรื่องแผงลอย จริงๆแผงลอยของชาวบ้าน (เอาคนหาเช้ากินค่ำจริงๆนะครับ พวกที่หน้าสยามแบบนี้ไม่นับ) เป็นเสน่ห์ของ กทม เลยครับมันเป็น cultural uniquness ที่เมืองอื่นไม่ค่อยมี ถ้าหากมีระบบการจัดการที่ดีจะเป็นจุดขายจของเมืองได้เลยนะครับ เพราะวัฒนธรรมนี้สร้างเลียนแบบได้ยากมาก   ส่วนเรื่องสกายวอล์คสร้างแพงไม่แพงนั้นต้องดูรายละเอียดเรื่องโครงสร้าง แต่เท่าที่กะคร่าวๆ ตรม ละ 40000 บาท แพงไปหน่อยครับ จากคุณ : 3662 เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 16:18:42

ความคิดเห็นที่ 54 โครงการนี้มีประโยชน์ แต่ว่าแพงไป ใครว่าปัญหาหาบเร่แผงลอยจัดการง่าย ไปดูที่จุฬาและอีกหลายๆที่ มันไม่ง่ายอย่างที่คิด เดี๋ยวนี้ชาวบ้านทำอะไรตามอำเภอใจ จัดระเบียบอะไรไม่ได้เลย แถวบ้านผมก็วางแผงเต็มทางเท้า ต้องมาเดินบนถนนแทน จากคุณ : ม้าหงอย เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 16:52:39

ความคิดเห็นที่ 55 โอ้ว เวชชาชีวะ จากคุณ : บ่าวจ่อย เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 16:54:13

ความคิดเห็นที่ 56 ผมไม่ได้เชียร์ใคร ลองมองหาข้อดีของมันผมว่าก็มีนะ เช่นปัญหาขายของบนทางเท้าผมว่าไม่มีใครจัดการได้สักคน พอไปจัดการก็จะโดนประท้วง แต่ถ้าทำ SKYWALK แล้วคน ขึ้นไปเดินข้างบนแทน พวกแผงลอยก็จะได้เจ๊ง ฟุตบาทก็อาจเอามาขยาย ถนนให้รถวิ่งได้มากขึ้นแก้รถติดก็น่าจะดี แต่กำลังสงสัยแล้วตึกแถวข้างถนนจะขายของยังไง จากคุณ : มันก็น่าจะดี (kamo-s) เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 17:06:20

ความคิดเห็นที่ 57 มันใช่เรื่องที่ควรทำมั้ยเนี่ย ???  ผ่อนผันกันเข้าไป ไอ้เรื่องค้าขายเนี่ย มีสักกี่เจ้าที่เสียภาษีเข้ารัฐ เทศกิจนี่เป็นหน่วยงานที่ไร้ประโยชน์ที่สุดของ กทม.เลย ผมมองว่าพนักงานรักษาความสะอาดยังทำงานมีคุณภาพมากกว่าอีก อีกเรื่องนึง ที่อยากตั้งคำถามว่า ทำไมโครงการอะไรต่างๆ มันไปกระจุกอยู่ใจกลางเมืองทั้งนั้นเลยล่ะ ? พื้นที่เขตรอบนอกที่ติดกับปริมณฑล ที่มันควรจะพัฒนาล่ะ บางขุนเทียน, มีนบุรี, ฝั่งธนฯ ล่ะ มันไม่ใช่กรุงเทพมหานคร เหรอ?? จากคุณ : babbaboy เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 17:10:51

ความคิดเห็นที่ 58 ผมไม่คัดค้านนะแต่คุณใช้เงินเยอะไปไหมSAFEได้อีกไหมไม่ใช่ซักแต่โกงๆ เงินที่เหลืองมาสร้างรถไฟฟ้าดีกว่าเยอะให้มันครอบคลุมหน่อยฝั่งธนให้มันมีครอบคุม จากคุณ : Blurwann เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 17:20:46

ความคิดเห็นที่ 59 ความเห็นส่วนตัว ถ้าจะทำ ทำเลยครับ  แต่... ถ้าทำไปแล้ว เกิดปัญหา หรือไม่ได้ทำให้ปัญหาคลี่คลายลง วิเคราะห์กันแล้ว ผลที่ได้รับไม่คุ้มกับที่ลงทุน ขอให้สามารถ ฟ้องร้องจากคนที่เซ็นอนุมัติ คนเสนอโครงการ คนเกี่ยวข้องทั้งหมดได้ด้วยนะครับ จากคุณ : Phat boy slim เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 17:28:07

ความคิดเห็นที่ 60 ลองหาข้อดีดู 1. ไม่ต้องเดินตากแดดตากฝน 2. (รู้สึก)ปลอดภัยขึ้น 3. น่าจะรับมลพิษน้อยลง? (เพราะควันรถลอยต่ำ) 4. ไม่โดนฝุ่น และน้ำเน่า 5. ลง BTS แล้วเดินเข้าตึกได้โดยไม่ต้องลงล่างอีก 6. แปลก ดูทันสมัยดี ส่วนตัวคิดว่า น่าสนใจ ถ้าราคาไม่แพงไปครับ จากคุณ : LamoonMan เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 17:52:59

ความคิดเห็นที่ 61 เชี่ยได้ใจครับ ผู้บริหาร กทม. มีความรู้แค่นี้ หรืออยาก dak จนตัวสั่น จากคุณ : กร เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 17:56:48 A:124.121.179.19 X: TicketID:288791

ความคิดเห็นที่ 62 1. ในกรณี ไฟไหม้อาคารสูง  ไอ้ลุคสกายวอคเกอร์ อะไรเนี่ย จะกีดขวาง การใช้รถกระเช้า หรือ ไม่ ??? 2. ลุคสกายวอคเกอร์ เนี่ย จะเสมือนหลังคาคลุม มีสภาพเป็นโดม กัก ฝุ่น ควันรถ ไอเสีย ปิดกั้นช่องทางลม หรือไม่ ??? จากคุณ : ชัยพร (c_sujjitporn) เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 18:00:02

ความคิดเห็นที่ 63 ความคิดดี แต่ โครงการแย่ สกายวอล์ค น่าทำให้หลายๆจุด แต่ไม่ใช่ทั้ง กทม ตั้งแต่เหนือจรดใต้ แบบนี้ ในจุดที่คนใช้น้อย อาจจะกลายเป็นสถานที่เสี่ยงอาชญกรรมได้ น่าจะเขียนโครงการใหม่ โดยเลือกทำในจุดที่เป็นเขตธุรกิจก่อน และควรออกแบบให้สามารถใช้ล้อเลื่อนบางชนิดได้ จากคุณ : WeArePry เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 18:14:30

ความคิดเห็นที่ 64 1. ระงับโครงการไว้ก่อน 2. กทม. แสดงผลงาน โดยการจัดการกวาดล้างหาบเร่แผงลอยบนทางเท้า ให้เหลือซัก 10-20% ในจุดที่ไม่กระทบใคร 3. กทม. แสดงผลงาน โดยจัดการกวาดล้างหาบเร่แผงลอยบนสะพานลอย และ sky walk จุดอื่นๆให้หมดสิ้น 100 % หากทำ 2-3 ได้ แสดงว่า กทม. มีน้ำยาในการควบคุมสถานการ์ณได้ ไม่งั้นอย่าทำดีกว่า เมื่อคิดว่า กทม. ทำได้แล้ว 4. รวมกลุ่มตัวแทนภาคประชาชน เป็นตัวแทนในการตรวจสอบ เช่น นักธุรกิจ นักวิชาการ วิศวกร สถาปนิก ชาวบ้านที่อยู่อาศัยบริเวณที่โครงการผ่าน ฯลฯ 5. ภาคประชาชน ร่วมกัน กทม. พิจารณาโครงการใหม่ ไม่จำเป็นต้องทำเยอะ แต่ทำในจุดที่ได้ประโยชน์เหมาะสมจริง เยอะหรือน้อยก็ได้ 6. แบ่งโครงการเป็นเฟสสั้น เช่น 200-500 เมตร ทำในจุดที่จำเป็นก่อน แล้วค่อยศึกษาผลดีผลเสีย และปรับปรุงวิธีการบริหารงาน 4. เปิดแผยแบบ และ รายการวัสดุ(BOQ) ให้ภาคประชาชนตรวจสอบ ภาคประชาชนตรวจสอบ ข้อนี้สำคัญมาก เพราะราคาที่กล่าวมา สูงอย่างน่าประหลาด จากคุณ : ภูผาฟ้าทะเล เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 18:34:16

ความคิดเห็นที่ 65 บอกตรงๆ หน้าท่านผู้ว่ามันขัดกับตอนที่ท่านพูดว่า "โตไปไม่โกง" จากคุณ : M๐๐Heaven เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 19:23:49

ความคิดเห็นที่ 66 ความคิดเห็นที่ 59 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน ความเห็นส่วนตัว ถ้าจะทำ ทำเลยครับ แต่... ถ้าทำไปแล้ว เกิดปัญหา หรือไม่ได้ทำให้ปัญหาคลี่คลายลง วิเคราะห์กันแล้ว ผลที่ได้รับไม่คุ้มกับที่ลงทุน ขอให้สามารถ ฟ้องร้องจากคนที่เซ็นอนุมัติ คนเสนอโครงการ คนเกี่ยวข้องทั้งหมดได้ด้วยนะครับ จากคุณ : Phat boy slim [Bloggang] เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 17:28:07 [แก้ไข] ถูกใจ : เจ้าหญิงน้อยแห่งอันดามัน --------------------------------- ตอบผมได้อยากถูกใจมากกกกกก เอาก่อนเลย "ป้ายจอดรถแท็กซี่อัจฉริยะ??"   โครงการควายๆ ของคนมีหัวคิดควายๆ จากคุณ : SGT.AIRMAN เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 19:28:18

ความคิดเห็นที่ 67 ผมไปอยู่ กทม มาสิบปี ตอนนี้มาอยู่เชียงใหม่ บ้านเมือง กทม เจริญขึ้นเยอะมาก จนจำอะไรไม่ได้ แต่ คน กทม บางกลุ่ม ยังโง่ดักดาน ที่เลือกพรรคนี้มาทำงาน ไม่น่าเชื่อว่า นี่คือเมืองหลวง ซึ่งเต็มไปด้วยชนชั้นกลาง พ่อค้าคหบดี แต่วัฒนธรรมทางการเมืองกลับไม่มีการพัฒนาเลย เง้อ จากคุณ : กระท่อมชาวไร่ เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 19:58:10

ความคิดเห็นที่ 68 -โดเรม่อน อมตังค์ เสกของ กันอีกแล้ววววว.... จากคุณ : notans เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 20:17:13

ความคิดเห็นที่ 69 โมโหมากๆ ตั้งแต่มีการเพิ่มจุดผ่อนผันให้พวกแผงลอยมาอีกหลายที่เพราะอยากได้คะแนนเสียง ต่อมาก็มาทำสกายวอล์คบ้าๆหมื่นล้าน ปัญญาอ่อนสุดๆ สมัยหน้ากรูไม่เลือกพรรคเมิงแล้วเฟ้ย ผิดหวังว่ะ จากคุณ : bbkung เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 20:24:35

ความคิดเห็นที่ 70 ผมว่านะ !!! เอาผู้ว่า กทม. ออกไปดีกว่า มีผู้บริหารแบบนี้ ไม่ต้องใช้ผู้มีความรู้ความสามารถมาก มาเป็นผู้บริหาร กทม . "เอาตาสีตาสีสา เค้าอาจจะคิดเป็นได้มากกว่าอีก" จากคุณ : pumee_23 (pumee_23) เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 21:27:53

ความคิดเห็นที่ 71 ค.ห.67 ท่าทางคุณคงอยู่เชียงใหม่มานาน พรรคนี้ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งจ้ะ จากคุณ : 180cc (ปะเกิ๊บปะเกิ๊บ) เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 21:29:50

ความคิดเห็นที่ 72 ตกลงคิดกันเป็นอยู่แค่จะหาวิธีผลาญงบประมาณแผ่นดินใช่ใหมครับ ทีไอ้เรื่องง่ายๆอย่างจัดระเบียบทางเท้า ปรับปรุงทางเท้าน่ะ ใช้เงินน้อยกว่าเห็นๆ ใช้เวลาไม่นานด้วย ทำใมไม่ทำ รึว่ามันแดรกหัวคิวได้ไม่มากพอ     ผู้บริหารชุดนี้ใครว่าโง่ ฉลาดเป็นกรดต่างหาก แกล้งปล่อยปละละเลยให้ไอ้พวกพ่อค้าแม่ค้ามายึดทางเท้าขายของ ภาษีก็ไม่ต้องเสีย ปล่อยให้มันขายกันจนเต็มเมือง แล้วก็ค่อยทำมาเป็นใล่ แน่นอนมันก็ไม่ไปอยู่แล้ว พอใล่ไม่ได้ก็หาเรื่องผลาญงบฯรับประทานหัวคิว ใต้โต๊ะกันตามแผน จากคุณ : dayong เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 21:36:35

ความคิดเห็นที่ 73 สงกะสัยจะกิน ก่อนลง มั๊งนะ เข้ามาลงชื่อ คัดค้านด้วยคนครับ ต้องการ แต่ไม่รีบ และควรทำอย่างอื่น ที่จำเป็นก่อน จากคุณ : ลมหนาวและดาวลูกไก่ เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 21:43:13

ความคิดเห็นที่ 74 คนไทยไม่มีระเบียบ... เห็นแก่ตัว.... ขี้อวด.... กี่ปี..กี่ปี ก็ไม่เจริญหรอกครับ..... จากคุณ : ผาแต้ม เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 22:03:41

ความคิดเห็นที่ 75 แต่ละแนวคิดนี่... แก้ไขเมื่อ 17 มี.ค. 54 22:06:59 จากคุณ : yongkung เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 22:04:39

ความคิดเห็นที่ 76 เข้ามาดูความลำบากของคนกรุงเทพฯ เข้ามาอ่านความคิดของคนกรุงเทพฯ เข้ามาอ่านการเสนอแต่ละอย่างของคนกรุงเทพฯ ส่วนเรา บาทก็ไม่ได้กิน สลึง ก็ไม่เห็น เลยเฉย ๆ กะเรื่องนี้... เฉ้ยยยยยยยยยยยย  ดีกั่ววววววว จากคุณ : =Razzo= เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 22:09:15

ความคิดเห็นที่ 77 เฮ้ออ จ้องจะแด๊รก กันอย่างเดียวมันไม่สนใครหรอกครับ ก็เค้ามี คนกรุงเต๊ป ชนชั้นกลางที่เลือกเค้าเข้ามาแบบลอยลำทุกยุคทุกสมัย เค้าคงคิดว่ายังงั้ยยังไง มันก็ของตาย หมูจะหามกันอยู่แล้ว เสียงนกเสียงกาแบบเราๆ มันไม่สนหรอก จากคุณ : watgun_ja เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 22:36:27

ความคิดเห็นที่ 78 ร่วมด้วยช่วยกันครับ ข้อความที่ผมพูดในงานเสวนา "Super Skywalk" ที่ ASA Center @ Siam Discovery วันที่ ๑๑ มีนาคม  ๒๕๕๔ หลักการพื้นฐานของการวางแผนจราจร เมื่อเปรียบเทียบความสามารถของยานพาหนะทุกประเภทแล้ว ขาของมนุษย์เป็นยานพาหนะที่มีความอ่อนแอและข้อจำกัดมากที่สุด เปลี่ยนระดับลำบาก เคลื่อนที่ได้ในระยะทางจำกัด และทนกับสภาพแวดล้อม/สภาพภูมิอากาศได้ไม่ดีนัก ดังนั้นจึงต้องให้การเดินเท้าอยู่บนพื้นราบและมีร่มเงามากที่สุดที่จะเป็นไปได้ และจัดให้มีระยะการเดินอยู่ในระยะเดินเท้า (ไม่เกิน ๘๐๐ เมตร) โครงการ Super Skywalk 50 กิโลเมตร แบ่งเป็น 3 ส่วน คือส่วนที่มีอยู่แล้วในปัจจุบัน (อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ, สีลม, สยาม เป็นต้น) ประมาณ 2 กิโลเมตร โครงการที่เหลือ 48 กิโลเมตรแบ่งเป็น 2 ช่วง ช่วงแรก 16 กิโลเมตร (ข่าวว่ามีผู้รับเหมาแล้วจะสร้างทันที) และช่วงที่สองอีก 32 กิโลเมตร โดยมีเป้าหมายว่าจะสร้างเป็นแกนอยู่ชั้นสอง ใต้รางรถ BTS มีทางขึ้นลงบางส่วนบนทางเท้า และเอกชนรายใดมีสตางค์สร้างทางเชื่อมเองก็มาเชื่อมกับทางที่ กทม.สร้างเป็นแกนด้วยงบประมาณ 15,000 ล้านบาทได้เลย การจะทำทางต่างระดับสำหรับการเดินเท้าเพื่อเป็น "ทางด่วนสำหรับการเดินเท้า" มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มพื้นที่สำหรับการเดินเท้าในเมือง คำถามสำคัญคือ ได้บริหารจัดการทางเท้าที่มีอยู่ในปัจจุบันให้ใช้งานอย่างเต็มประสิทธิภาพ ตามศักยภาพที่ทำได้แล้วหรือยัง ได้มีการทำหน้าที่ในฐานะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่เอาพื้นที่ทางเท้าไปใช้เพื่อกิจการส่วนตัวแล้วหรือยัง เช่น การตั้งหาบเร่-แผงลอย โครงสร้างของระบบสาธารณูปโภคต่าง ๆ มอเตอร์ไซค์บนทางเท้า การยึดพื้นที่ทางเท้าของบ้านต่าง ๆ บนทางเท้า โครงการ Super Skywalk ถูกตั้งความหวังว่าจะเป็นโครงการเชิดหน้าชูตา (Flagship Project) ของทีมผู้ว่า กทม. เพราะมองเห็นได้อย่างชัดเจน แต่หลีกเลี่ยงปัญหาที่เป็นหน้าที่สำคัญของ กทม. ที่จะคืนพื้นที่ทางเท้ากลับมาให้คนใช้งานอย่างถูกต้อง เป็นธรรม และมีการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ และเมื่อได้ใช้งานอย่างเต็มที่แล้วแต่ทางเท้ายังไม่เพียงพอต่อความต้องการในการสัญจรจึงจะทำทางต่างระดับเพื่อรองรับความต้องการที่เกินกว่าที่ทางเท้าปัจจุบันจะรับได้เท่านั้น เงื่อนไขในการที่คนจะใช้ทางต่างระดับจำนวนมาก เช่น ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เป็นเพราะการสัญจรทางเท้าบนพื้นดินต้องตัดกับรถยนต์หลายจุด กว่าจะเดินไปถึงต้องข้ามถนนสายหลักที่มีปริมาณการสัญจรของรถยนต์จำนวนมากหลายครั้ง เกิดความไม่สะดวกทั้งคนเดินเท้าและรถยนต์ที่ต้องหยุดรอกัน พื้นที่ลักษณะดังกล่าวมีไม่มากนักในกรุงเทพมหานคร เช่น พวกจุดตัดของระบบขนส่งสาธารณะประเภทต่าง ๆ ซึ่งรวม ๆ กันแล้วไม่น่าเกิน 5 กิโลเมตร คำโฆษณาของกรุงเทพมหานครที่บอกว่า เมืองสำคัญในโลกต่างก็มีทางต่างระดับทั้งสิ้น แต่หลายเมืองในอเมริกาได้รื้อ skywalk หรือ ทางเดินใต้ดินที่สร้างมาเมื่อหลายปีก่อนไปหมดแล้ว ดู link นี้นะครับ http://www.walkablestreets.com/skywalk.htm Super Skywalk จะนำมาสู่ความไม่เป็นธรรมอันเกิดจากการเข้าถึงแปลงที่ดินและอาคารสองข้างทาง ถ้าเป็นการเข้าถึงทางพื้นราบทุกอาคารจะเข้าถึงได้เท่าเทียมกันหมด แต่ Skywalk เป็น "ทางด่วนของการเดินเท้า" ดังนั้น อาคารหลังใดมีทุนทรัพย์ที่จะสร้างทางเชื่อมกับ Super Skywalk ก็จะกลายเป็นอาคารที่มีการเข้าถึงดีกว่าอาคารอื่น ๆ ที่อยู่ข้าง ๆ กัน ส่งผลให้มูลค่าทางเศรษฐกิจของอาคารที่ไม่มีการเข้าถึงจาก skywalk ลดต่ำลง นับเป็นการสร้างความไม่เทียมกันโดยการสนับสนุนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งผิดหลักการว่าหน่วยงานภาครัฐมีหน้าที่ให้บริการอย่างเท่าเทียมแก่ประชาชนทุกคน นอกจากนี้ ทางขึ้น-ลงของ Skywalk ก็จะต้องใช้ทางเท้าเป็นที่ตั้ง ส่งผลให้ทางเท้ายิ่งแคบลงไปอีก จะไปอาศัยทางขึ้น-ลงในอาคารที่เชื่อมต่อก็ไม่ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพราะเข้าต้องปิดทำการกันมั่งหละ อรรถประโยชน์ของ Skywalk ในการที่จะเป็นทางเดินที่มีร่มเงาและไม่เปียกฝนเนื่องจากมีหลังคาคลุม ซึ่งถ้าสร้างหลังคาคลุมให้กับทางเท้าบนพื้นราบ ก็จะได้อรรถประโยชน์เดียวกัน โดยใช้งบประมาณต่ำกว่ากันมาก เพราะไม่ต้องเสียค่าโครงสร้างเพื่อรองรับพื้นทางเดินแบบ Skywalk อีกทั้งทางเดินเท้าบนพื้นดินยังสามารถปลูกต้นไม้เพื่อสร้างบรรยากาศที่ดีและลดมลพิษในอากาศได้ด้วย Super Skywalk จะมีปัญหาด้านความปลอดภัยในการสัญจรตามมา เนื่องจากเป็นสถานที่ที่จะมีคนผ่านไปมาจำกัดเฉพาะคนที่ใช้งาน Skywalk เท่านั้น จึงต้องมีงบประมาณในการรักษาความปลอดภัยตามมา เช่น การจ้างพนักงานรักษาความปลอดภัย การติดกล้องวงจรปิด อีกทั้งอาจไม่สามารถเปิดใช้งานได้ตลอด 24 ชั่วโมง ในขณะที่ทางเท้าบนพื้นราบจะมีสายตาจากคนเมืองหลายฝ่าย ทั้งร้านค้าบ้านเรือนสองข้างทาง คนที่ป้ายรถเมล์ รถยนต์ที่ผ่านไปมา ซึ่งจะปลอดภัยอย่างยั่งยืนกว่าที่จะสร้าง Skywalk เพื่อเพิ่มจุดอับสายตาขึ้นในมหานคร นอกจากนี้ ยังจะมีภาระอันเกิดจากการมี skywalk ตามมาอีก ได้แก่การจัดหาบริการเพื่อคนด้อยโอกาส เช่น คนเจ็บป่วย คนชรา คนพิการ คนที่ขนของหนัก ซึ่งจะต้องสร้างลิฟต์หรือบันไดเลื่อน ซึ่งจะเป็นภาระผูกพันในงบประมาณและมีการใช้พลังงานเป็นจำนวนมาก ขัดกับหลักการเมืองประหยัดอันเป็นหลักการการพัฒนาเมืองในปัจจุบันและอนาคต ถ้าโครงการนี้ได้ทำจนสำเร็จ จะเกิดบรรทัดฐานที่เรียนกว่า "วัฒนธรรมหนีปัญหา" ในสังคมไทย ประชาชนเลือกตั้งผู้ว่า กทม.มาโดยหวังว่าท่านจะทำในสิ่งที่ถูกต้อง กล้าเผชิญหน้ากับผู้ที่ใช้ทางเท้าอย่างไม่ถูกไม่ควรเพื่อนำเอาทางเท้าที่มีคุณภาพกลับคืนมาให้กับคนกรุงเทพฯ ไม่ใช่ทางเท้ามีปัญหาก็หนีไปสร้างชั้นสอง ต่อไปมีปัญหาที่ชั้นสองอีก ก็หนีไปสร้างชั้นสาม ชั้นสี่ ชั้นห้า กันต่อไปเรื่อย ๆ ด้วยเงินภาษีของคนที่คาดหวังว่าท่านจะทำในสิ่งที่ถูกที่ควร ท่านผู้ว่าฯ อยากให้คนกรุงเทพฯ จำท่านแบบไหนก็ทำแบบนั้น ท่านอยากให้คนจำท่านว่า ท่านเป็นผู้ว่าฯ ที่กล้าหาญเอาทางเท้าที่ถูกยึดครองอย่างผิดกฎหมายกลับคืนมาให้คนกรุงเทพฯ เดินกันได้อย่างมีความสุขอีกครั้ง หรือท่านอยากให้คนกรุงเทพฯ จำว่า ท่านขี้ขลาดตาขาวกับพวกที่ทำผิดกฎหมายแล้วเอาเงินภาษีประชาชนมาสร้างทางที่ไม่ปลอดภัย ไม่สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างความไม่เป็นธรรมในสังคม และได้เมืองที่ไม่น่าอยู่เหมือนเดิมกลับมา นี่เป็นทางเลือกที่ท่านผู้ว่าฯ จะเลือกด้วยตัวเอง จากคุณ : พัณ เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 23:01:53

ความคิดเห็นที่ 79 ถ้าเราเอางบ 1.5 หมื่นล้าน นั้นมาพัฒนาสิ่งต่อไปนี้จะดีกว่ามั๊ยครับ 1. ระบบระบายน้ำภายในกรุงเทพ น้ำเน่าน้ำเสีย น้ำท่วม จะได้ไม่เกิดขึ้น 2. จัดสรร พื้นที่สำหรับหาบเร่แผงลอย(อันนี้โดยส่วนตัวจริงๆผมไม่ชอบอย่างยิ่งเลยที่อยู่ดีๆมายึดพื้นที่สาธารณะซะเฉยๆ)ให้พ่อค้าแม่ค้ามีที่ทำกินบ้างตามสมควร 3. จัดงบเพื่อจัดการกับพ่อค้าแม่ค้าที่ฝ่าฝืน โดยอาจจะทำเป็นเบี้ยเลี้ยงเทศกิจ หรือ อะไรอย่างอื่นก็ตาม เพื่อจัดการตรงจุดนี้ 4. ปรับสภาพทางเท้าเดิม ถนน ฝาท่อ หรือความ " อุจาด " ใดๆก็ตามที่เกิดขึ้นกับกรุงเทพ สี่ข้อที่กล่าวมานี้ ถ้าใช้งบ 1.5 หมื่นล้านบาท แล้วล่ะก็ เชื่อเหลือเกินว่า กรุงเทพ จะกลายเป็นสวรรค์ทันตาเลยครับ จากคุณ : เด็กกรุงเบื่อการเมือง (กยิราเจ กยิราเถนัง) เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 23:04:43

ความคิดเห็นที่ 80 ฺสวาปาล์ม กับ BRT ยังไม่เข็ด   นี่มาอีกแล้ว จากคุณ : วันนี้รักเธอที่สุด เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 23:09:01

ความคิดเห็นที่ 81 หมื่นล้านนี่ได้สะพานข้ามแมน้ำเจ้าพระยาได้เลยนะเนี่ย  ขึ้นซังฮี้แล้วเพลียใจรถติด ถ้าจะทำก็ทำบางช่วงพอมั้งนี่กะล่อให้เดินข้ามเขตกันเลยทีเดียว บ้าปะ จากคุณ : FFK-KZ@Fiesta เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 23:24:35

ความคิดเห็นที่ 82 หมื่นล้านนี่ได้รถไฟใต้ดิน 1 สัญญาเลยนะเนี่ย จากคุณ : JYRO เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 23:29:05

ความคิดเห็นที่ 83 เอิ่ม แพงไปมั้ย ทำไมคนอื่นทำแล้วได้ในราคาที่ถูกกว่า แต่กทม.ทำแล้วแพงกว่า เราว่าควรทำในเรื่องที่เหมาะสมมากกว่านี้จะดีกว่านะ เฮ้อ จากคุณ : แม่นางคำ เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 23:42:25

ความคิดเห็นที่ 84 ทางเดินไม่มีก็สร้างใหม่เพิ่ม แต่ทางเก่าก็เดินไม่ได้เหมือนเดิม ไหนจะแผ่นพื้นฟุตบาทพังๆ ทั้งจากที่มอไซด์ขึ้นทางเท้า หรือพวกบริษัทก่อสร้าง หรือพวกประปาวางท่อ ไหนจะพวกขายของบนทางเท้า ต้นไม้  เส้าไฟ ป้ายโฆษณา ถังขยะ ตู้โทรศัพท์ ขอทาน ขี้หมา มอไซด์รับจ้าง กระถางต้นไม้ รั้วกันทางเดิน สลิงขึงเสาไฟ ป้ายรถเมล์ สะพานลอย ที่กั้นทางเดิน(แบบคอนกรีต) เอาเงินพวกนั้น มาทำให้ทางเดินพื้นมันดีขึ้นก่อน ดีกว่านะครับ จากคุณ : thanawatb เขียนเมื่อ : 18 มี.ค. 54 00:34:15

ความคิดเห็นที่ 85 Airport Link ใช้เงินสร้าง 30,000 ล้านบาท Super Skywalk ใช้เงินสร้าง 15,000 ล้านบาท แค่ทางคนเดินเนี่ยนะ หมื่นห้าพันล้าน?!?!?! เอาตังค์ไปทำอะไรที่ดีมีประโยชน์กว่านี้ดีกว่าไหมครับท่าน พูดแล้วเพลีย แก้ไขเมื่อ 18 มี.ค. 54 01:32:48 จากคุณ : KP KEN เขียนเมื่อ : 18 มี.ค. 54 01:30:28

ความคิดเห็นที่ 86 ส่วนตัวชอบ BTS มากกว่า MRT นะ แบบว่าบนดินมันดูโปร่งกว่าใต้ดิน เห็นท้องฟ้า ไม่คับแคบด้วย ใต้ดินมันดูอึดอัดไงไม่รู้ แล้วก็ไม่เคยรำคาญ BTS เหมือนที่ข่าวเขียนด้วย เพื่อนๆเราก็ไม่รู้สึกรำคาญเหมือนกันมั้ง เวลาเดินไปตลาด บางทีเราก็ชอบมองขบวนรถ BTS แล่นผ่านน่ะ บอกตามตรงว่า อ่อนนุช คงไม่เจริญขนาดนี้ ถ้าไม่มี BTS แล่นผ่าน ที่กล้าพูดเพราะตระกูลเรา อยู่ตรงนี้กันมาตั้งกะยังเป็นเรือกสวนไร่นา สมัยที่ยังพายเรือไปไหนมาไหนอยู่เลย  เห็นมูลค่า เห็นความเจริญและการเปลี่ยนแปลงมาตลอด  สมัยก่อนอ่อนนุชไม่เคยมีอะไรเลย พระโขนงซิที่เป็นศูนย์รวม แต่ตอนนี้อ่อนนุชเจริญจนเปลี่ยนแปลงสภาพเดิมไปเยอะมาก โดยเฉพาะหลังจาก BTS มาเนี่ยล่ะ ส่วนทางเดินก็ชอบนะ แต่ปัญหาคือ แพงไปไหม จะคุ้มหรอ ถ้ามันลงทุนเยอะขนาดนั้น อย่าพึ่งทำเลย เอาไปแก้ปัญหาอื่นที่เร่งด่วนกว่าดีไหม จากคุณ : ขี้เหงา...เอาแต่ใจ เขียนเมื่อ : 18 มี.ค. 54 03:43:43

ความคิดเห็นที่ 87 เปิดพื้นที่ให้แม่ค้าขายของ แล้วโยนความเดือดร้อนมาให้ตู  ฮ่วย! จากคุณ : ดินสอปากกา เขียนเมื่อ : 18 มี.ค. 54 05:30:18

ความคิดเห็นที่ 88 เอางบมาผลาญ  สู้ไปบริหารจัดทางเท้าให้ดีไม่มีแผงลอย  จัดหาที่เค้าแผงลอยไปขาย  เป็นถนนคนเดินแท้จริง ไม่ใช่ถนนคนเดินแบบของขายเต็มที่ วินมอเตอร์ไซค์ไม่ต้องมาจอดบนฟุตบาท   ทำไมไม่ดูพื้นที่ต่างๆที่มีปัญหาแล้วเข้าไปแก้ไข  แต่มาเปิดโครงการแบบนี้ใช้แต่งบ เสียเงินภาษีประชาชนส่งไปดูงานต่างประเทศเท่าไหร่แล้ว  คิดได้แค่นี้ จากคุณ : galaga เขียนเมื่อ : 18 มี.ค. 54 07:16:17

ความคิดเห็นที่ 89 สรุปเขาจะไม่สนใจแก้ปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพในอนาคตเลยหรือ  อย่ามาคุยว่ามีอุโมงค์นะมันพาน้ำได้แค่จิบจิบ โฆษณาในภาพซะคนตัวเล็กนิดเดียว ไม่เห็นด้วยครับควรจะเอาเงินมาแก้ปัญหาน้ำท่วมระยะยาวดีกว่ามาซื้อกระสอบทรายทุกปี ไหนจะกินกินให้เนียนหน่อย พรรคนี้ทำอะไรไม่ค่อยเนียนเลยหรือถือว่าเส้นใหญ่ จากคุณ : ta_sri เขียนเมื่อ : 18 มี.ค. 54 08:24:57

ความคิดเห็นที่ 90 สร้างรถไฟฟ้าดีกว่าไหม หรือทำอะไรที่มันได้ประโยชน์ต่อชาวกรุงเทพทุกย่อมย่าน จากคุณ : wittwat2123 เขียนเมื่อ : 18 มี.ค. 54 08:40:02

ความคิดเห็นที่ 91 หวังว่า หาก ดันทุรังสร้าง ทางเดินเท้า แบบนี้ ไปแล้ว คงไม่ติดปัญหา เปิดใช้ไม่ได้ แบบ รถไฟฟ้า อ่อนนุช -แบริ่ง นะ จากคุณ : สลัก ลูกสูบ เขียนเมื่อ : 18 มี.ค. 54 08:56:09

ความคิดเห็นที่ 92 เอางบประมาณไปทำเขื่อนกั้นน้ำให้สมบูรณ์ดีกว่าไหมครับ บ้านอื่นเมืองอื่นเขาทำเขื่อนกั้นน้ำสำหรับภาวะโลกร้อนกันหมดแล้ว เหลือแต่ประเทศไทยที่คงอยากให้น้ำท่วมกรุงเทพต่อไป  ถ้าทำเขื่อนแล้วเสร็จ พี่น้องรอบนอกกรุงเทพจะได้ไม่ต้องทนน้ำท่วมขัง  ปล่อยให้น้ำไหลผ่านเจ้าพระยาไปลงทะเลได้เลยไม่ดีกว่าหรือ อีกเรื่องคือ  เอางบประมาณดังกล่าวไปทำประโยชน์โดยเอาสายไฟฟ้าลงดินให้หมดจะดีกว่าไหม  เพื่อที่ว่า กทม. จะได้ปลูกต้นไม้ให้กรุงเทพร่มรื่น  ไม่ต้องไปตัดต้นไม้ให้เหี้ยนเต้อย่างทุกวันนี้  ปล่อยให้มันเติบโตให้ร่มเงาแก่คนกรุงเทพ และช่วยลดมลภาวะเป็นพิษจะดีกว่าหรือไม่ ทำอะไรที่เป็นสาระ และเป็นชิ้นเป็นอันจะดีกว่าไหม  ไม่ใช่บูชาแต่วัตถุเพียงอย่างเดียว  เคยถามคนกรุงเทพหรือไม่ จากคุณ : สุกรชำเลือง เขียนเมื่อ : 18 มี.ค. 54 09:06:15

ความคิดเห็นที่ 93 เสียดายภาษีที่จ่ายไปอย่างแรง จากคุณ : Karakgnut เขียนเมื่อ : 18 มี.ค. 54 09:13:19

ความคิดเห็นที่ 94 คห. ส่วนตัว  ผมว่ามันยังไม่มีความจำเป็น ณ ตอนนี้ครับ กทม.ควรปรับปรุงทัศนียภาพพื้นราบให้สวยงามก่อนดีกว่านะครับ เช่น การนำสายไฟ สายโทรศัพท์ ที่มันระโยงระยาง ลงดินก่อน ถ้าทำได้ ต้นไม้ริมทางก็จะแผ่ขยายกิ่งก้านสาขา เป็นร่มเงาร่มรื่น และทำให้อุณหภูมิลดลง 2-3 องศา คนก็เดินสบายขึ้น แล้วจัดการกับการค้าขายริมทางให้เป็นระเบียบ ไม่สกปรก จากคุณ : nk77 เขียนเมื่อ : 18 มี.ค. 54 09:24:18

ความคิดเห็นที่ 95 บอกตรงๆ โคดฟาย...........เลย โปรเจ็คแมวๆแบบนี้   ไม่รู้มันเอาหัวแม่โป้งเท้ามาคิดหรือไงไอ้ ผู้ว่า(ด่า)แห่ง กทม        คราวที่แล้วตอนมีเหตุการณ์วุ่นวาย ก็ไปด่านักข่าว ITV ซะจนแอบไปร้องเลย "คุณถามแบบนี้ต้องพิจารณาตัวเองน่ะ" เนี่ยที่ไอ้อ้วนมันพูด ผมนั่งดูอยากจะบอกว่าเมิงนั้นล่ะไม่ตอบให้ถูกที่ไอ้ ฟ....า...ย เบ่งใส่เค้าซะงั้น ปล.ไม่ได้อยู่สีไหนเลยเกลียดมันทุกสี อีกหน่อยคงจะอดตายทั้งประเทศถ้ายังไม่รักกัน จากคุณ : วัส@ปากช่อง (wat2call) เขียนเมื่อ : 18 มี.ค. 54 09:47:22

ความคิดเห็นที่ 96 จะแดกกันอีกละเซง ไปจัดการส่วนต่อขยาย BTS ให้เรียบร้อยก่อนได้ไหม จะสร้างทางเดินทับเส้น BTS ทำไมผมใช้  BTS ก็ได้นะ จากคุณ : p@tt@y@ เขียนเมื่อ : 18 มี.ค. 54 09:49:46

ความคิดเห็นที่ 97 ก็คน กทม. เลือกเข้ามาเองนี่นา คราวหน้าก็คงเลือกอีกใช่มะ จากคุณ : FreedomOne เขียนเมื่อ : 18 มี.ค. 54 10:05:46

ความคิดเห็นที่ 98 คนฝั่งธนได้อะไรจากการมีผู้ว่ามั่งเนี่ย มันน่าน้อยใจจริงๆ..... จากคุณ : yakutew รูปหล่อ เขียนเมื่อ : 18 มี.ค. 54 10:11:23

ความคิดเห็นที่ 99 หนี้สินทั้งหลาย  ใครรับผิดชอบ  ของเก่ายังใช้ไม่หมดเลยนะ.... จากคุณ : Pecan เขียนเมื่อ : 18 มี.ค. 54 10:13:20

ความคิดเห็นที่ 100 การเมือง การเมือง และการเมือง ในพันทิพย์ จะไม่มีที่สำหรับคนธรรมดาอย่างผมบ้างหรอครับ ขอเหอะครับ พวกบ้าการเมือง ไปห้องที่เค้าจัดไว้ให้เถอะครับ ไม่อยากดราม่า ไม่อยากยาวครับ จากคุณ : BuKeZneB เขียนเมื่อ : 18 มี.ค. 54 10:32:15

ความคิดเห็นที่ 101 คน กทม. อย่ามาบ่น ก็เสียงส่วนมาก เลือกพรรคนี้เข้ามา ก็ต้องยอมรับ และรับกรรม จากคุณ : นางฟ้าปีกสีชมพู เขียนเมื่อ : 18 มี.ค. 54 10:40:32

ความคิดเห็นที่ 102 ผมว่าไม่ต้องเดินบนฟ้าหรอก พัฒนาฟุตบาทให้กว้างๆ เรียบๆ ไม่มีของขายวางระเกะระกะ มีสัญญาณไฟแดงให้กดข้ามถนน เตือนให้รถหยุดทุกแยก แค่นี้ก็พอสำหรับคนกรุงแล้วครับ แก้ไขเมื่อ 18 มี.ค. 54 11:04:30 จากคุณ : Yippie เขียนเมื่อ : 18 มี.ค. 54 11:01:40

ความคิดเห็นที่ 103 ความคิดเห็นที่ 34 ถ้าเค้าเปิดให้ซักถาม ฝากถามด้วยนะครับ ทำทางเท้าลอยฟ้า แล้วใครจะเดินทางเท้าปกติครับ? แล้วแม่ค้าที่ขายบนทางเท้าปกติ เค้าจะขายให้ใครครับ? อีกหน่อยก็คงผ่อนผันให้ขึ้นมาขายบนทางเท้าลอยฟ้าใช่ไหมครับ? แสดงว่าจากนั้นก็จะสามารถคือทางเท้าปกติ ให้คนเดินเท้าทั่วไปใช่ไหมครับ? แล้วก็จะกลายเป็นวัฏจักรใช่ไหมครับ ขึ้นๆ ลงๆ กันอยู่อย่างนี้ ????? "คิดได้ไง"?? จากคุณ : ร้อยปีผ่านไป (ไวเหมือนโกหก) .................................................................................................................. 5 5 5 5 5 ตลกมากๆ เลยครับ  เห็นด้วยกับพี่ข้างบนนี้อย่างแรงเลย พอคนขายของข้างล่าง ขายไม่ได้ เพราะคนหนีไปเดินข้างบนกันหมด ก็ประท้วงว่า "ขายของไม่ได้" อยากจะย้ายขึ้นไปขายข้างบน เพราะผู้คนไปเดินข้างบนกันหมด พอเค้าให้ขึ้นมาขายข้างบนปุ๊บ คนเดินเท้าก็หนีลงไปเดินข้างล่างแทน เพราะข้างบนคนขายของ วางของเกะกะไปหมด เดินทางไปมาก็ลำบาก คนขายของก็จะขอลงมาขายข้างล่างอีก เพราะคนหนีลงมาเดินข้างล่าง จากคุณ : Chang Krub เขียนเมื่อ : 18 มี.ค. 54 11:20:57

ความคิดเห็นที่ 104 มาดู ภาพรวมการบริหารกันไหมครับ http://office.bangkok.go.th/budd/system/uploadfile/77/BBG77953.pdf ไม่มีบิดเบือน เพราะ จัดทำโดย สำนักงบประมาณ ครับ มาดูปัญหา กันเยอะมากๆ ที่เขาเขียนว่าข้อสังเกตุ ก็อยากให้คนอ่านสังเหตุด้วย ว่า มันมีนัยว่าอะไร เช่น 1. อยากให้ปรับปรุงมารยาทพนักงาน คอลเซนเตอร์ 1555 พูดจาหยาบคาย (อ้าว......หน่วยราชการไม่ใช่เรอะนั้น) 2. การติดตั้งราวจับทางเดิน ไม่ควรใช้สแตนเลส เพราะสิ้นเปลืองงบประมาณมากไป (เคยสงสัยไหม ทำไม สแตนเลสเพียบเลย ราวบันได ราวทางเดิน ฯลฯ) 3. ลองอ่านดูดีกว่าครับ เยอะมากจนเพลีย เลือกตั้งใหม่เมื่อไหร่ เนี่ย แค่งานซ่อมถนน ถูกสำนักงบ ติติง มาเพียบ เรื่อง ประบปรุงถนน ที่ละส่วน (มันจะได้พัง บ่อยๆ) รึไง เชิญโหลดมาอ่านครับ จากคุณ : เจ้าหญิงน้อยแห่งอันดามัน เขียนเมื่อ : 18 มี.ค. 54 11:36:52

ความคิดเห็นที่ 105 สิ่งที่ควรทำมากกว่า skywalk นะคือปรับปรุงทางเท้าทั่วกทม. คือ 1.ย้ายสายไฟ สายโทรศัพย์ สายอื่น ลงใต้ดินให้หมด 2.ลื้อทิ้งป้ายโฆษณา ออกจากทางเท้าให้หมด 3.ไล่หาบเล่แผงลอยออกจากทางเท้าให้หมด 4.จัดวาง ต้นไม้ ตู้โทรศัพย์ ป้ายรถเมล์ ให้ชิดทางเท้าด้านขอบถนนให้หมดเป็นแนวเดียวกันให้หมด 5.ขยายทางเท้าให้กว้างขึ้น ให้พอเป็นทางเดินและทางจักรยาน ไปในตัวด้วยและตีเส้น 6.ทำพื้นผิวฟุตบาทให้ได้ระดับเท่ากันหมดทั่วกทม. มีทางจักยานขึ้นลง และไม่มีหลุมบ่อ ถ้าทำได้ตามนี้เราก็จะได้ผิวฟุตบาท ที่สะอาด เรียบร้อย สวยงาม กว้างขวาง มีทางเดินสะดวก มีทางจักรยาน กทม เป็นเมืองที่เราสามารถ ปั่นจักรยานไปได้ทุกที่แบบ ญี่ปุ่น เดินไปได้ทุกที่ ไม่ต้องพึ่งรถเมล์ รถยนต์ มอไซ เราก็ปั่นจักรยานไปขึ้นรถไฟฟ้า เดินต่อไปทำงาน เป็นเมืองหลวงสีเขียวโดยแท้จริง ถ้าทำได้ตามนี้ skywalk ก็ไม่จำเป็นเลย ปล. ผมฝันนะที่เราจะมีทางเท้าดีๆ บ้านเมืองสวยๆ ตึกสวย สายไฟโยงยางไม่มี วิวสวย ผมเดินเล่นในเมืองหลวงผม ปั่นจักรยานเล่น หน้าหนาว อากาศดีๆ ต้นไม้ริมทางเขียวๆ รู้สึกภาคภูมิใจ ในเมืองหลวงของประเทศผม ผมไม่ต้องไปดูเมืองนอก เพราะเมืองหลวงผม สวยงามที่สุดแล้วในโลกนี้ ผมฝันถึงวันนั้นนะ ทำอะไรขอให้นึกถึงลูกหลาน ประเทศชาติ อนาคตของชาติมากๆ อย่าคิดถึงแต่พวกพ้อง ตัวเอง และความสะดวกสบาย แค่ในระยะสั้นๆ จากคุณ : ... เขียนเมื่อ : 18 มี.ค. 54 11:39:55 A:61.90.18.164 X: TicketID:155521