ความคิดเห็นที่ 1 คุณลองไปเช่าขับก่อนดีกว่าใหม.. การอาชีพขับแท๊กซี่อาจไม่เป็นแบบที่คุณคิด ถ้าลองระยะหนึ่งแล้วคิดว่าใช่ค่อยลาออกมาทำเต็มตัว คนรักเด็ก ชอบเล่นกับเด็กๆ แต่ถ้าให้เลี้ยงเด็กทั้งวันกลับก็ทนไม่ได้ก็มี จากคุณ : X-700 เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 06:50:05

ความคิดเห็นที่ 2 ซักกำรอ........... หัวอกเดียวกัน แต่แตกต่างทางความคิด ผมก็อยากจะลาออกวันละ 10 ครั้ง ลาออกเดินทางท่องเที่ยวไปในโลกกว้าง แต่คนข้างๆ ไม่ยอม ผมไม่มีหนี้สิน ไม่กินเหล้า ไม่เล่นการพนัน อยู่แบบสบายๆ ความลำบากก็เหมือนคุณแหละครับ... จากคุณ : =Razzo= เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 06:52:29

ความคิดเห็นที่ 3 พอได้รถมาคุณต้องทำนั่นทำนี่อีกพอควร เพื่อนที่อเขาเป็นเจ้าของอู่แท๊กซี่ เขาบอกว่าทั้งหมด(บวกราคารถแล้ว)ก็ ล้านกว่านะครับ ผมว่าลองไปเช่าขับ ยามว่างดูก่อนแบบที่ข้างบนแนะนำก่อนดีกว่า คุณคิดว่าคุณชอบขับรถ แต่ขับแแบทำมาหากินนี่ผมว่ามันเครียดนะครับ ถึงไม่มีหนี้สินก็เถอะ ต้องบริหารเวลา ต้องเจอสภาวะรถติดใน กทม ผมว่ามันเครียดสุดๆ ถ้่าขับกลางคืนก็อันตรยต่อการจี้ปล้น อีก จากคุณ : เอื้องฟ้าเวียงดอย เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 07:11:30 A:124.121.149.214 X: TicketID:295471

ความคิดเห็นที่ 4 เสาร์อาทิตย์ ทดลองเช่าแท๊กชี่ขับก่อน ใจรักแต่ร่างกายไม่สู้ มันก็ไม่ไหวน่ะ จากคุณ : ส/305 เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 07:14:57

ความคิดเห็นที่ 5 ทุกอาชีพ ผมว่า มีความกดดัน ความเครียด ด้วยกันทั้งนั้น ดังนั้นไม่ใช่คุณ คนเดียวที่ ต้องอดทน คนอื่นๆ เขาก็เป็น อย่า อารมณ์ติ๊ส มาก ต้องอดทนครับ จากคุณ : ดด (sansu) เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 07:24:13

ความคิดเห็นที่ 6 แท๊กซี่ ต้องเจอผู้โดยสาร หลายแบบ หลายอารมณ์ นะครับ  ลองเช่าขับดูก่อนก็ได้ครับ จากคุณ : AIM-9X เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 07:43:46

ความคิดเห็นที่ 7 เดาว่าอายุ เริ่มมากขึ้น คนอายุเริ่มมาก การนั่งขับรถนาน ๆ ไม่ดีนะครับ หมอนรองกระดูกจะเริ่มมีปัญหา อายุเริ่มมากน่าจะหางานที่สามารถเปลี่ยนอริยาบถได้ในการทำงาน ยิ่งบอกว่าใจชอบขับรถ ยิ่งน่ากลัว ระวังนะครับ รู้ตัวอีกทีเมื่อสายไปแล้ว จากคุณ : แกงหมูหน่อเหรียง เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 07:45:25

ความคิดเห็นที่ 8 งานสุจริต มีเกียรติเหมือนกันทุกงานครับ จากคุณ : +หนุ่มพลังช้าง+ เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 07:45:56

ความคิดเห็นที่ 9 ผมเป็นคนนึงที่ลาออกจากราชการมาแล้วสองปีครับ รูุ้สึกเบาเหมือนยกทุกอย่างออกไปหมด ผมไม่มีภาระอะไร ไม่มีเมีย ไม่มีลูก มีน้องสาวสองคนซึ่งก็ทำงานมั่นคงแล้วมีเวลามาดูแลแม่ ซึ่งเมื่อก่อนไม่มีเวลาเลยเอาแต่ทำงาน ดูแลทุกข์สุขของคนอื่นเขา หมดแต่ครอบครัวตัวเองไม่ดูแลเลย ตอนนี้มีเวลามากดูแลแม่ พาท่านไปทำบุญในที่ต่างๆที่ท่านอยากไป ดูแลบ้าน ดูแลสวน ชีวิตอยู่แบบพอเพียงครับกินเงินบำนาญไม่เดือดร้อนอะไร ปีหน้าน้องสาวก็จะแต่งงานมีครอบครัวกันหมด น้องสาวก็จะดูแลแม่เอง ผมก็จะออกบวชตลอดชีวิตที่เหลืออยู่เพราะตอนรับราชการทำบาปมาเยอะ เงินบำนาญก็จะให้แม่เก็บไว้ใช้จ่ายได้อย่างสบาย ส่วนตัวผมคิดว่าจะทำอะไรต้องไม่ให้ใครเดือดร้อน โดยเฉพาะคนที่เรารักและคนที่เขารักเรา จะทำอะไรนอกจากคิดถึงตัวเองแล้วต้องคิดถึงคนเหล่านั้นด้วยนะครับ จากคุณ : ภพ (bigwin) เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 07:49:00

ความคิดเห็นที่ 10 ลองปรับเปลี่ยนวิธีคิดดูก่อนไหม เพราะถ้าคุณคิดกลับด้านกัน ก็ไม่มีอะไรต้องกังวล งานที่ทำก็ทำให้ดี ดีแล้วก็พอแล้ว ไม่เอาก็ไม่เป็นไร ทุกอย่างถึงจะถูกต้อง แต่ไม่ถูกใจมีเยอะ คนเราไม่ได้เป็นคนดีทุกคน มีรักมีเกลียด คนรักเท่าผืนหนัง คนชังเท่าผืนเสื่อ งานราชการเป็นระบบที่เก่าแก่มาก คงไม่ต้องพูดถึงการปรับเปลี่ยนระบบ จากคุณ : Sofus เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 08:00:39

ความคิดเห็นที่ 11 โชคดีจังค่ะ.. ที่สามารถคิดได้อย่างนี้ และพร้อมจะทำซะด้วย แต่อย่างที่หลายๆ คนบอก ลองเช่าขับก่อน.. ดีมั้ยคะ เพราะบางอาชีพ มองอยู่ข้างนอก มันแสนจะสบายนะคะ.. และหรือถ้าอยากลาออกมาขับจริงๆ ก็ไม่ต้องลงทุนซื้อรถเองก่อน เช่าแบบรายเดือน ดูว่าไปไหวไหม.. คุ้มไหม ส่วนเงินก้อนนั้น เก็บไว้ฉุกเฉินค่ะ จากคุณ : ลำเนา เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 08:12:36

ความคิดเห็นที่ 12 ลองคำนวนก่อนนะคะ เงินก้อนที่จะได้มาเท่าไหร่ พอซื้อแท็กซี่ไหม หรือว่าต้องหาเงินเพิ่มอีก หากจะซื้อสด แต่คิดว่าจขกท. อาจจะเบื่อเต็มที่กับงานที่ทำอยู่ เลยมีเหตุผลร้อยแปดในการอ้างที่จะออกจากงานประจำมาขับแท็กซี่ (เคยเป็นแบบนี้มาก่อนค่ะ) แนะนำเหมือนหลายๆท่านว่าระหว่างนี้ก่อนที่คิดจะออกจากงาน เสาร์อาทิตย์ลองเช่าขับดู แท็กซี่นอกจากเสี่ยงแล้ว ยังต้องแย่งกันทำมาหากินนะคะ เพราะมีเกลื่อนเลย เหมือนพ่อค้าแม่ค้าอ่ะค่ะ ผู้ชายพอไม่มีงานทำ สิ่งแรกที่คิดถึงคืออาชีพขับแท็กซี่ และถ้ารถไม่ใหม่ คนก็ไม่ค่อยเลือกขึ้น มันคงต้องเหนื่อยหน่อยนะคะ ถ้าตัดสินใจแล้วจริงๆ ผลข้างหน้าจะเป็นยังไง ต้องยอมรับค่ะ อย่างไรก็ดี ชีวิตนี้เป็นของคุณค่ะ จากคุณ : watermelon2511 เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 08:19:19

ความคิดเห็นที่ 13 ผมขออ่านและเอาใจช่วยอยู่ห่างๆ ผมเองก็คิดคล้ายๆคุณ อยากลาออกจากงานที่ทำ  มาทำงานอิสระ ไม่อยากเครียดกับงานเกินไป  (ทำงานที่ดูมั่นคง  แต่ไม่ใช่สิ่งที่อยากทำ) อยากทำงานที่ตัวเองชอบ  จะได้สนุกกับงาน แต่คนรอบข้างก็เตือนว่า ถึงเราเปลี่ยนงานไป เราก็ไปเจอความกดดันใหม่อยู่ดี  ยิ่งงานที่รายรับไม่คงที่  ถ้าช่วงได้มาเยอะมันก็สนุก  แต่ถ้าได้ไม่พอใช้ มันก็จะเครียดนะครับ   ผมเองก็ 2 จิต 2 ใจ ขออาศัยกระทู้นี้ ศึกษาความคิดเห็นจากๆ เพื่อนๆ พี่ๆ ท่านอื่นด้วยนะครับ จากคุณ : เด็กโขทัย เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 08:22:23

ความคิดเห็นที่ 14 น่าจะลองเช่ารถขับในวันหยุด ดูก่อนครับ บางอย่างสิ่งที่เราเห็น คิด คาดหมาย  มันก็แตกต่างจากความเป็นจริงที่เรายังไม่เจอ มากเลย ลองดูสักพัก ว่ามีปัญหาอะไรบ้าง สู้ได้หรือเปล่า ตัดสินใจอีกครั้ง ถ้าดูว่าไปได้ ก็เดินหน้าเลย จากคุณ : jan Hua เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 08:27:44

ความคิดเห็นที่ 15 อย่าคะอย่าเพิ่งลาออก ค้องคิดว่าเป็นรายได้ที่สม่ำเสมอ ขับแทกซี่ห้ามป่วยห้ามลา ลาป่วยไม่ได้  ลาอะไรก้ไม่ได้   ต้องทำงาน 365 วัน นะคะ หากมี Accident ค่าซ่อม ฯลฯ ขาดรายได้อีกต่างหาก ลองทำแค่เสาร์ อาทิตย์เถอะคะ จากคุณ : sky-single mom เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 08:30:16

ความคิดเห็นที่ 16 ลาพักร้อนยาวๆ แล้วลองเช่ามาขับดีมั้ยค่ะ?? เป็นห่วงเรื่องสุขภาพและความเครียดเหมือนกันค่ะ ยังไงก็เอาใจช่วยขอให้ได้เจอทางที่ตัวเองสบายใจนะคะ จากคุณ : giguru เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 08:53:55

ความคิดเห็นที่ 17 จะเป็น ขรก. หรือ งานเอกชน ล้วนต้องเคารพการตัดสินใจของผู้มีอำนาจ ซึ่งเขาต้อง"รับผิด - ชอบ"ทั้งสิ้น เหมือนเราเคารพการตัดสินใจ ของตัวเรานั่นเอง จากคุณ : เรื่องเดียวกันนะ (NETTHAT) เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 09:02:41

ความคิดเห็นที่ 18 ขับแท๊กซี่ ต่อกะ รายได้ หักค่าใช้จ่าย500+  หากขับอิสระมีรถเป็นของตัวเอง รวยแน่นอนครับ ขอแค่ขยัน ขยัน ขยัน ซื่อสัตย์ ก็พอครับ   ผมขับมาก่อนรถเช่าหักค่าเช่าหักแก๊สยังเหลือ 500+ ถ้ารถตัวเองแล้วซื้อสดด้วย  รายได้ดีแน่นอนครับ ALTIS โฉมใหม่ หมดอายุแท๊กซี่แล้วยังจดป้ายดำได้ต่ออีก ไม่เชยด้วย จากคุณ : rain_gutters เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 09:09:57

ความคิดเห็นที่ 19 แสดงว่ารับราชการมานานแล้ว ผมทำงานส่วนตัวมาตลอดชีวิต ก็อยากแชร์บ้าง งานที่ต้องรับผิดชอบทั้งหมดตั้งแต่น้ำไม่ไหล ไฟไม่ออก ห้องน้ำตัน จ่ายตลาด กู้เงิน จ่ายดอก รบกับมาเฟีย สู้กับพวกเบ่งในเครื่องแบบ จนมาอายุจะห้าสิบ เริ่มรู้สึกถึงความสื่อมถอยของร่างกาย พ่อแม่พี่น้องครอบครัวที่ต้องดูแล  ไครเป็นอะไร เราต้องจ่ายเต็มๆ ไปส่งแม่ไปโรงพยาบาลก้ต้องเสียรายได้ไปวันนึงเต็มๆ ทำงานไม่มีวันหยุด  ทุกเวลาคืองาน แข่งกับตัวเองตลอด  คู่แข่งทุนมหายักษ์พร้อมจะกระทืบเราจมดินถ้าเค้ามาทางเดียวกับเรา  ทุกๆวันต้องมาลุ้นว่าวันนี้จะคุ้มทุนไหม ถ้าเกิดอะไรขึ้น ทุนรองรังหละมีพอเลี้ยงตัว พอดูแลคนรอบข้างไปตลอดชีวิตไหมอีก ผมอยากให้คุณถามแท้กซี่ซัก 10 รายดูก่อน ว่าที่ทำงานมาเกิน 10 ปีนะว่าสุขภาพเขาเป็นอย่างไร ชีวิตที่ต้องเสี่ยงอยู่บนถนนตลอดเวลาไม่มีช่วงที่อยู่ดูแลลูกๆ ยิ่งช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อด้วยจะยิ่งแย่ระยะยาว ตอนนี้รบกับหัวหน้าคนเดียว  แต่ออกไปข้างนอกรบกับคนมหาศาล  เสี่ยงกับโจรด้วย  มาทุกรูปแบบแหละครับ อ.มหาวิทยาลัยดังคนนึงมาปรับทุกข์กับผมแทบจะทุกสามสี่วันเรื่องการทำงานนี่แหละ ทั้งระดับสูงกว่า และเพื่อนร่วมงาน ผมก็บอกว่าชีวิตมันเดินมาขนาดนี้แล้วก็ต้องเปลี่ยนแปลงตามสถานะการ์ณเป็นเรื่องหลัก  อย่าเถรตรงนัก  แต่ถ้าโดนให้ทำเรื่องไม่ถูกต้องก็ต้องป้องกันตัวเอง หัวหน้า หรือผอ.ก็เหมือนลูกค้า ที่เราต้องทำสนองนโยบายครับ  แม้ว่าอาจจะขัดความรู้สึก  แต่นั่นมันคืองาน  เค้าให้ทำแบบไหนการที่เราทำได้นั่นคือความสำเร็จแล้ว  ถ้าคิดว่างานไม่ผ่านแน่ๆ งานที่ออกไปมันก็ไม่ผ่าน พลังจิตเราเองก็มีส่วนนะครับ ตอนนี้มันเหมือนคนในอยากออก คนนอกอยากเข้านั่นแหละ จากคุณ : Tangible เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 09:10:38

ความคิดเห็นที่ 20 ขรก. เบิกได้เต็มที่ครับ คิดถึงตรงนี้ด้วย แก่ขึ้นมาเจ็บป่วยใครจะดูแลคุณ จากคุณ : กร เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 09:18:24 A:124.121.179.139 X: TicketID:288791

ความคิดเห็นที่ 21 มาเพิ่มเติมอีกนิด พ่อผมพึ่งเสียไปเมื่อปลายปีครับ นอนป่วยอยู่ 6 ปี ค่ารักษาเพียบ นี่ถ้าท่านไม่ได้เป็นข้าราชการ แม่ผมและลูกหลานคงต้องช่วยกันจ่ายเยอะแน่ๆ แต่นี่ท่านเสียไปแล้ว ยังมีบำณาญตกทอด เป็นมรดกให้ภรรยาที่ไม่มีอาชีพอะไร กับลูกๆอีก ระยะยาวคุ้มกว่าครับ เรียนต่อระดับสูงขึ้น ทำงานให้ได้ระดับผู้บริหารดีกว่า ลดจำนวนเจ้านายลงจะได้เอาใจคนน้อยลง ระดับ ผศ.ยังมีเจ้านายเลย  ยังไงก็หนีไม่พ้นหรอกเจ้านายน่ะ จากคุณ : Tangible เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 09:24:35

ความคิดเห็นที่ 22 ตามความคิดเห็นข้างบนนะครับโปรดพิจารณาจากผู้มีประสบการณ์ ที่ทำงานผม (รัฐวิสาหกิจ) ก็มีคนขับแท็กซี่หลายคน หารายได้พิเศษหลังเลิกงาน วันหยุด ถือเป็นรายได้เสริมจุนเจือครอบครัว ถ้าชอบจริง ๆ ซื้อแท็กซี่เงินผ่อน แล้วจะได้รู้ว่าที่เราชอบนะชอบอะไร ชอบรถ หรือชอบขับแท็กซี่ คุณ pippo ฐานครอบครัวเขามั่นคงนะครับ มีรายได้หลายหลักแหล่ง ออกจากทรูก็มาเปิดร้านเล็ก ๆ ขาย ซ่อมมือถือ ร้านซ่อม ขายคอมพิวเตอร์ จากนั้นก็มาขับแท็กซี่ซึ่งเขาคลุกคลีมาตลอดชีวิตกับอาชีพนี้ อย่าเสี่ยงทุ่มสุดตัวนะครับ เกิดอุบัติเหตุขึ้นมาหมดแล้วหมดเลย จากคุณ : เท่ง หงส์แดง เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 09:46:47

ความคิดเห็นที่ 23 ทำในสิ่งที่คุณเชื่อ และ เชื่อในสิ่งที่คุณทำ ไม่มีอะไรหรอกครับที่ได้มาโดยไม่เสี่ยง หากมั่นใจ ตัดสินใจแล้ว ก็ทำตามสิ่งที่ตนเชื่อ เถอะครับ ไม่มีใครรู้ลึกซึ้งเท่าตัวคุณเองหรอก จากคุณ : felansear เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 09:49:02

ความคิดเห็นที่ 24 ไหนๆก็คิดจะลาออกแล้ว ก็ทำงานเท่าทำตามหน้าที่เหอะ อย่างน้อยเงินมันได้เป๊ะๆทุกเดือน  ณ เวลานี้ถ้าคุณคิดลาออกผมว่าทำงานตามเวลาเลิกงานปุ๊บขับแท๊กซี ถือว่าได้ปลดปล่อยนะครับ ทำงานตามหน้าที่เป๊ะอย่าได้แคร์เรื่องขั้น ดีกว่ามั๊ยเพราะไหนๆก็คิดจะออกอยู่แล้ว  แต่ไม่อยากแนะนำให้ออกตราบใดที่ยังไม่รู้รสชาติของชีวิตที่ฝากไว้กับแท๊กซี่หนึ่งคัน จากคุณ : nawinh เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 09:59:49

ความคิดเห็นที่ 25 ความสุขอยู่ที่ใจค่ะ คนเราไม่ควรต้องนั่งทนในสิ่งที่ทำให้ตัวเองไม่มีความสุข เกิดมามีชีวิตและไม่รู้จะตายเมื่อไหร่ จะตัดสินใจทำอะไรก็ทำเถอะ เมื่อตัดสินใจแล้วก็ยอมรับผลที่ตามมา ไม่มีเส้นทางชีวิตไหนที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ ไม่ว่าจะเจออะไรต้องสู้ ทำในสิ่งที่ดีและไม่เบียดเบียนใคร เท่านั้นก็พอค่ะชีวิตนี้ จากคุณ : เสียงจากบ้านนา เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 10:03:52

ความคิดเห็นที่ 26 งานทุกอย่างมีปัญหาที่จะให้เราปวดหัวได้ทุกงานครับ ปัญหามีต้องแก้ไขกัน มากน้อยว่ากันไป ไม่ได้ห้ามนะครับ แต่อยากจะแนะนำให้ว่าถ้าไปเจอปัญหาอีก จะต้องวางใจ พบเจอยิ้มรับกับมันและค่อยๆแก้กันไปตามเหตุและผล เดิมทีผมก็หนีมาหลายงานเหมือนกัน คิดว่าออกจากอันนั้น มันจะดีกว่า แท้จริงมันก็ดีนะครับ ปัญหาเดิมที่เราเคยเจอมันหายไป แต่เราก็มาเจอปัญหาใหม่ๆ ให้แก้กันอีก ไม่รู้จบครับ เป็นทุกวงการ ทุกสาขาอาชีพ ตราบใดที่เรายังต้องทำงานเลี้ยงชีพ อยากให้ลองศึกษาด้านศาสนาดูครับ พระพุทธเจ้าสอนเรา หมดแล้วเกี่ยวกับการดำรงชีวิต การแก้ทุกข์ที่เกิดขึ้น ทุกวันนี้ผมก็ยังมีปัญหาเหมือนเดิมล่ะครับ เพียงแต่มันอยู่ข้างนอก ไม่เข้ามานั่งอยู่ในใจเราเหมือนแต่ก่อน จากคุณ : mainea เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 10:38:21

ความคิดเห็นที่ 27 ลองไปเช่าขับดูก่อนมั้ยครับ ไม่ง่ายและสบายเหมือนที่คิดหรอกนะครับ ลูกค้าไม่มี เวลาวิ่งไปสักพักจะเริ่มท้อนะครับ จากคุณ : [Radio Edit] เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 10:57:15

ความคิดเห็นที่ 28 ตามข้อ 1. ผมว่าขับรถตู้รับเหมาสนุกกว่า ได้ออกต่างจังหวัด ได้ท่องเที่ยวด้วย จากคุณ : 99 แม่กลอง เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 11:37:07

ความคิดเห็นที่ 29 ประสบการณ์อันน้อยนิดของผม เล่าสู่กันฟัง หลังจากเรียนจบ ป.ตรี บริหาร  ไฟแรงมากเปิดธุรกิจส่วนตัวด้วยเงิน+เงินพ่อแม่ ผมมีความชำนาญในตัวผลิตภันต์ ใจสู้เกินร้อย เซนสัญญาเช่าตึก 1 ปี ( เจ๊งไม่เป็นไรขอให้ได้ลอง ) เหนื่อยสุดๆๆ หยุดพักไม่ได้ ทุกคนพร้อมจะเหยียบข้ามเราไป ขาดความชำนาญและประสบการณ์ ในการประกอบกิจการ โดนเซลหลอก ซื้อของราคาแพง ซื้อของด้อยคุณภาพ มองตลาดไม่ขาด ซื้อมาปุ๊บตกรุ่น ซื้อมาปั๊บบริษัทนำเข้าโล๊ะขาย ธุรกิจทางเดียวกัน พร้อมจะเหยียบซ้ำเมื่อเราพลาด ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอินเตอร์เน็ท ภาษาษี ซองขาว ค่าใช้จายทุกอย่าง ช่วงที่ทำธุรกิจ 4-5 เดือนแรก พ่อโป๊ะทุนให้แทบทุกเดือน กำไรไม่ต้องถาม หลัง 6 เดือนเริ่มอยู่ตัว พอมีรายได้บ้าง ครบ 1 ปี เจ้าของตึกไม่ต่อสัญญาเช่าให้ เหมือนไปเริ่มใหม่เลยทีนี้ หาตึกใหม่ ตกแต่งใหม่ หาลูกค้าอีก หยุดธุรกิจชั่วคราวออกมาทำงาน บริษัทอยู่ 3 ปี ปัจจุบันลาออกแล้ว เตรียมความพร้อม หวนกลับเข้าสู้ธุรกิจอีกครั้ง การทำงานอิสระ ไม่ง่ายแต่ก็ไม่ยากจนเกินไป ความชำนาญในสายงานไม่พอ ต้องมีหัวทางธุรกิจด้วย เพราะคู่แข่งพร้อมเหยียบถ้ามีโอกาส ปล. อยากให้ลองขับวันหยุดก่อนที่จะทุ่มสุดตัว ก้าวแรกเข้าสู่ธุรกิจมีค่าโง่มากมายที่ต้องเสีย อย่างน้อยควรมีแผนสำรอง จากคุณ : MaxLamphun เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 11:46:17

ความคิดเห็นที่ 30 เมื่อ 3 ปีก่อนผมเคยคุยกับพี่แถวบ้านที่เขาออก Taxi มาขับ หารายได้เสริมเพราะตอนนั้นก็อยากจะเช่ารถเขามาขับ ก็เลยลองถาม ได้ข้อมูลมาว่า - ถ้าจะขับ ต้องแม่นจุดจอด เเพราะถ้าไม่แม่น ไปจอดรับ-ส่ง ในบางจุด ตำรวจจะเรียก   (ถ้าโดนวันละ 2-3 รอบก็ลำบากครับ ) - คนที่ให้ไปส่งต้องทำใจเพราะบางทีให้เข้าไปส่งในที่ที่ ออก ลำบาก บางที เข้าได้อย่างเดียว เวลาออกต้องถอย แถมซอยแคบอีกตะหาก - ถ้าขับให้ได้เงินต้อง ขับ 10 กว่า ชม ขึ้น เพราะรถพี่เขาซื้อแบบผ่อนครับ เดือนละ 12,000 พี่เขาบอกว่าบางเดือน ขับไปขับถามได้แค่ค่าส่งรถ แกก็เลยปล่อยให้คนอื่นเช่ารายเดือน เดือนละ 12,000 แทน ให้มันส่งตัวมันเอง อิอิ แต่ ค่าซ่อม ค่าดูแล ก็เยอะอยู่ครับเพราะ Taxi 1 คัน ขอบต่อวันหลายร้อน กม อยู่ ระยะการเปลีย่นน้ำมันเครื่อง,ยาง,การเปลี่ยนตามระยะทางจะมาถึงเร็ว   สำหรับผมก็อายุอาจจะไม่เท่าเจ้าของกระทู้ครับ แต่ตอนนี้ผมก็ออกมาขายของ หลังจากเบื่อทำงานประจำ เพราะงานเอกชนความมั่นคงมันไม่แน่นอน ผมเคยเห็นพี่ที่ทำงานที่อายุ 40 ขึ้นไปแล้ว โดนเลิกจ้างอยู่ 2-3 คน ก็เลยมองว่ามันไม่มั่นคง เลยต้องออกมาตั้งหลักก่อนตอนอายุ 30 กลางๆ อิอิ ในมุม ผม งานข้าราชการ เป็นงานที่มั่นคงที่สุดแล้วครับ ถึงจะโดนกดดัน แต่ อย่างน้อย พอครบอายุเกษีณย์ ก็มีเงิน บำนาณ,เงินปลดเกษียณ์ อะไรมาอีกเยอะมาก แถม ยังมีเงินเหลือให้ลูกอีก อิอิ เพราะที่เห็น พ่อ-แม่ ผมที่เป็นครู ทั้ง 2 คน ที่เกษียณ์แล้วก้ ตอนนี้สบายๆ มีเงินใช้ และ ไม่ต้องกลัวเรื่องการรักษาพยาบาล อันนี้ผมมองจากมุมมองคนนอกอย่างผมน่ะครับ จากคุณ : re_der เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 11:50:21

ความคิดเห็นที่ 31 บอกคำเดียวว่าคุณกำลังคิดจะทำแบบคนสิ้นคิด จากคุณ : meaodmr เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 11:59:05

ความคิดเห็นที่ 32 เห็นด้วยกับหลาย ๆ ความเห็นครับ ควรจะลองขับ วันหยุดดูก่อน ชอบที่จะคุยกับคนแปลกหน้าหรือเปล่า ขับรถทั้งวัน รถติด ๆ เจอคนมารยาททราม ๆ บนถนนทั้งวัน ทนได้หรือเปล่า ถ้าเจอเรื่องพวกนี้แล้วหงุดหงิดก็อย่าไปขับเลยแท็กซี่หน่ะ ผมนั่งแท็กซี่ เจอทั้งคนที่บอกว่าหักค่าเช่าแล้วอยู่ได้สบาย ๆ และคนที่บอกว่าวิ่งทั้งวันได้แค่ค่าส่งรถก็มี และส่วนใหญ่จะเป็นแบบหลัง ทำงานอิสระวินัยการเงิน และการบริหารเวลาต้องดีมาก ๆ ค่าใช้จ่ายต้องรับผิดชอบเองทั้งหมด แก้ไขเมื่อ 20 มี.ค. 54 12:05:32 จากคุณ : RadiS เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 12:04:40

ความคิดเห็นที่ 33 ลองเช่าขับดูก่อนไหมครับ  ขอให้ขับครบเดือนเต็มๆ แล้วคุณจะตัดสินใจได้เอง ว่าจะลุยต่อหรือถอย ต้นเดือนรายได้ก็ดีถึงดีมาก พอกลางๆเดือนก็แผ่ว บางครั้งแทบไม่พอค่าเช่าเลยถ้าหากวิ่งผิดจังหวะไป ถ้าเป็นผมนะครับหมายถึงถ้ามีเงิน ผมก็จะซื้อรถเก๋งไว้ขับเล่น ส่วนแท็กซี่ ก็เช่าเขาขับดีกว่าไม่ต้องรับผิดชอบอะไร รถเสียก็ไม่ต้องซ่อม รถถูกชน เราก็ขับคันอื่น ไม่ต้องรับภาระอะไร รถเก่าหน่อยก็เอาคันใหม่มาขับ สรุปแล้ว ได้ขับรถรุ่นใหม่ตลอดการ ขอให้คุณเช่าขับดูก่อนสักเดือนครับ ถ้าคุณผ่านไปได้ค่อยซื้อเป็นของตัวเอง เช่าขับทั้งเดือน คุณไม่ค้างค่าเช่าถือว่าผ่านได้(ผมให้ใบผ่านเอง) ถ้าคุณไม่ค้างค่าเช่า นั่นก็หมายความว่า คุณมีเงินเหลือวันละหกร้อย (เมื่อคุณมีรถเป็นของตัวเอง) อีกหนึ่งเดือน มาตั้งกระทู้รายงานผลด้วยนะครับ  หลังไมค์ไปบอกผมได้ยิ่งดีครับ จากคุณ : taxi y2k เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 12:05:00

ความคิดเห็นที่ 34 ใจเย็นๆครับ เก็บเงินไปก่อนเรื่อยๆ อย่าเพิ่งลาออก ลองเช่าขับดูก่อนครับ ไม่ง่ายนะครับมือใหม่กว่าจะเข้าที่ เจอบางคน ขับมาอาทิตย์กว่ายังขาดทุนทุกวัน เข้าใจครับ การมีงานตัวเอง มีกิจการตัวเอง ถึงเหนื่อยอย่างไร แต่ก็มีความสุขกว่าเป็นลูกจ้าง พนักงานเยอะ รักษาสุขภาพให้ดีเกษียรมาแล้วมาขับรถยังได้ครับ จากคุณ : แพทอ้วน เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 12:22:34

ความคิดเห็นที่ 35 ^ ^ ^ ผม จขกท.นะครับ ขอบคุณและเคารพในคำแนะนำทุกความเห็นจากใจจริงครับ ก่อนอื่นบอกก่อนครับว่าผมไม่ได้เบื่องาน หรือเบื่อในระบบอะไรเลย งานก็ชิลชิล ผอ.แกก็เป็นคนโอเคมาก ทำงานก็เก่ง หัวหน้าโดยตรงต่างหากที่บางครั้งก็ โอเค บางครั้งก็ โนเค  -*- แต่ผมก็มองเป็นเรื่องปกติของการทำงาน เพียงแต่ที่มีความคิดแบบนี้ เพราะรู้ตัววว่าเป็นคนที่ชอบ(บ้า)รถมาก ตั้งแต่จำความได้ ดูรายการรถแทบทุกรายการ แถมตอนดึกยังตื่นมาดูรีรันเทปรายการเดิมอีก ..บ้ามั๊ยเนี่ย -*- เรื่องออกรถแท๊กซี่..มันก็เหมือนเป็นความคิดฝังหัวมานานมากพอดู จนกระทั่งจัดการภาระทุกอย่างหมด ผ่อนรถ+คอนโดหมด หนี้สินต่างๆไม่มี ผมไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่เล่นการพนัน กุ๊กกิ๊กมีมั่งเล็กน้อย ตามประสาผู้ชายที่(เกือบ)โสด แต่ไม่ถึงขั้นเกินเลยนะครับ  - -" ก็เลยคิดว่าน่าจะถึงเวลาทำตามฝันได้ซะที แต่เรื่องนี้ พ่อกับแม่ยังไม่รู้นะครับ เพราะแกค่อนข้างหัวโบราณ เอาไว้ชัวร์ๆ ซะก่อนถึงบอก ยังไงก็จะตรึกตรองให้รอบคอบอีกครั้งเพราะผมทราบครับว่า เรื่องนี้มันสำคัญกับชีวิตพอดู ปล.ผมอายุเลข 4 นำหน้านิดๆแล้วครับ ส่วนเรื่องตำแหน่งงานผมไม่เคยยึดติดเลย เพราะรู้ว่าเป็นเรื่องที่สมมุติทั้งน้น ค่าของคนอยู่ที่ว่าคุณเเป็นคนอย่างไรต่างหาก สุดท้าย ผมรักพันทิป ผมรักรัชดาครับ/-\ จากคุณ : ตาเหยี่ยวสีดำ (sidincubuz) เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 12:40:33

ความคิดเห็นที่ 36 pipo นี่เหรอการงานมั่นคง ถ้ามั่นคง คงไม่ต้องผลัดกันขับ taxi กับ พ่อ หากินเลี้ยงปากเลี้ยงท้องหรอกมั้ง นอนอยู่เฉยๆ ไม่ต้องทำไรก็ได้แล้วละ จากคุณ : กร เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 12:48:48 A:124.121.179.139 X: TicketID:288791

ความคิดเห็นที่ 37 ผมแท็กซี่โอเคเลยครับเหนื่อยก็พักได้ จากคุณ : เท็นโคจิ เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 13:36:53

ความคิดเห็นที่ 38 ขอออกตัวก่อนว่า  ไม่ได้ดูถูกอาชีพแท๊กซี่นะ เพียงแต่ งานของอาชีพนี้ ก็คือ การขับรถ พาคน จากสถานที่นึง ไปอีกที่นึง โดยส่วนตัว ไม่รู้สึกว่า จะต้องใช้ สมอง มากนัก -------------------- ( 1 ) งานเดิมที่คุณทำอยู่ คุณอาจจะรู้สึกว่า ทำไป อยู่ไป ก็ไม่เห็นอะไรมันดีขึ้น และยิ่งอยู่นานวันเข้า อาจทำให้สมองคุณที่มีอยู่ มันฝ่อลงๆ ทุกวันๆ --- ( 2 ) จาก ( 1 ) และ ( 2 )  --->  ก็ลองหางานใหม่งานอื่นๆ ดูบ้างสิครับ จากคุณ : P_Wut เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 14:37:41

ความคิดเห็นที่ 39 ผมคิดว่า การเป็นข้าราชการ คือการที่เราเป็นคนทำงานเพื่อคนอื่นซะอีก ไม่ได้ทำเพื่อนาย ผมอาจจะไม่ก้าวหน้า แต่คนที่ได้รับบริการจากผมไปได้ประโยชน์ และมีความสุข ผมก็สุขใจแล้วนี่นา จากคุณ : กาแลนท์เขียวเมืองนนท์ เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 14:52:11

ความคิดเห็นที่ 40 จขกท.คงยังไม่มั่นใจที่จะลาออกมาขับแทกซี่ล่ะสิคะ ถึงมาถามเพื่อนๆในนี้ ทดลองขับสักเดือน แล้วน่าจะได้คำตอบด้วยตนเองนะคะ ขอให้โชคดีกับการตัดสินใจค่ะ จากคุณ : chandara เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 15:25:24

ความคิดเห็นที่ 41 หวังว่า..คำเสนอแนะนี้จะยังไม่สายไป...ที่คุณ จขกท. จะแวะเข้ามาอ่านสักครั้งนะครับ.....เริ่มเลย...คืองี้ เคยทำราชการมาพักหนึ่งครับ...บ่นกับคุณพ่อว่า อยากลาออกเหลือเกิน...คุณพ่อให้ข้อคิดว่า..... "เวลาเรากลับมาบ้าน...ใครมาต้อนรับเราคนแรก และดีใจทุกครั้งที่เห็นหน้าเรา"....ผมนึกไม่ออก คุณพ่อก็เลยบอกว่า...."หมา" ไง....มันร้องหางกระดิกๆๆ ดีใจกระโดดโลดเต้นทุกครั้ง..ไม่เคยขาดสักวันเดียว คุณพ่อถามอีกว่า...แล้วรักมันมั้ย....ผมก็ตอบไปว่า "รัก" คุณพ่อกล่าวอีกว่า...แล้วถ้าตรงกันข้ามล่ะ..."หมา" มันนอนเฉยๆ...ไม่ยินดียินร้ายใดๆเลย..เมื่อยามที่ เห็นหน้าเรากลับมาจากโรงเรียน..ที่ทำงาน..เราจะ รู้สึกอย่างไร...ยังรักมันอยู่หรือไม่...นี่ไงครับ.."งานราชการ" เจ้านายมักจะรักพวกประจบสอพรอ..เสมอๆ...ใครหัวแข็ง ก็ "ซวย" ทั้งชาติแหละ......ทั้งชาติยังไงเหรอ...พอปลดเกษียณ ก็ได้บำนาญน้อยกว่าพวกขี้ประจบน่ะสิ...หุหุหุ คุณพ่อสอนอีกว่า....การทำงาน..หรือการใช้ชีวิต... เปรียบไป...ก็เหมือนลอยเรืออยู่ในมหาสมุทร์..ต้องเจอ คลื่นลม..มรสุม ฯลฯ บ้างเป็นธรรมดา....แต่ใช่ว่า จะรีบกระโดด..ลงไปลอยคอรอความตาย..ในทะเลทันที ที่เกิดมรสุม..ดูเป็น "อ้ายขี้แพ้"..ไม่เข้าเรื่อง...."ก่อนจะสละ เรือลำเก่าต้องได้เรือลำใหม่ที่แข็งแรงกว่าเท่านั้น"....เป็นแม่นมั่น การขับแท็กซี่....โดยลาออกจากราชการก่อน..แล้วไปตาย เอาดาบหน้า...เป็นความกล้าหาญก็จริง..ด้วยวัยที่ยัง แข็งแรงขนาดนี้....ไม่รู้ว่าลาออกมาแล้วได้บำนาญหรือยัง ถ้ายัง....อายุราชการเท่าไหร่แล้วครับ...ออกมาแล้วได้บำเหน็จ หรือไม่...เจ็บป่วย..เบิกค่ารักษาพยาบาล..ได้แค่ไหน ถ้ามีเมียมีลูก...ก็เบิกค่ารักษาพยาบาลได้ทั้งหมดทุกคนหรือไม่ เบิกค่าเช่าบ้านได้ด้วยมั้ย...มีลาพักร้อนปีละกี่วัน...ถ้าเป็น ผู้หญิงก็ยังลาคลอดบุตรได้อีก....ค่าเล่าเรียนบุตร..เบิกได้มั้ย แถมยังหักลดหย่อนภาษี..ประจำปีได้อีก....ลาไปราชการ ตจว. ก็ยังเบิกค่าโรงแรม..เบี้ยเลี้ยงได้มั้ย....เงินเดือนขึ้นทุกปีหรือไม่ มีเงินประจำตำแหน่ง...X สองเท่าด้วยมั้ย....ไปดูงาน ตปท. เบิกค่าเดินทาง..ค่าเครื่องบิน...เบี้ยเลี้ยง..ฯลฯ แต่ถ้าขับแท็กซี่..ต้องวิ่งตะลอนๆ..ทั้งวัน...ค่านมลูก เลี้ยงเมีย...ก็คงต้องเพิ่มเที่ยว..การขับรถอีกสองเท่า UP จะยังคงรักอาชีพขับรถ...แท็กซี่อีกต่อไปถึงอายุเท่าไหร่ดี ฯลฯ..ล้วนต้องเอามาคิดทั้งนั้นนะครับ..ขอให้คุณโชคดี แล้วกัน...มองข้าม Shot เยอะๆ..ไกลๆครับ.ส่วนผมตอนนี้.. ขออยู่เฉยๆ..แต่มีเงินใช้ทุกเดือนดีกว่า..พอมั่งไม่พอมั่ง ก็ปากท้องเดียวครับ555555...คงเดาได้นะว่าผมอายุ เท่าไหร่แล้ว....อย่าเดานะว่าผมขับแท็กซี่.....หุหุหุ จากคุณ : โจเก้าเลี้ยว เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 15:59:53

ความคิดเห็นที่ 42 เอาใจช่วยค่ะ อย่างที่ความคิดเห็นบนๆว่ามา ทำงานราชการเงินเดือนน้อย แต่สวัสดิการค่ารักษาพยาบาลฟรี ถ้าคุณลาออกแล้วไม่มีเงินเก็บเลย เกิดเจ็บป่วยเป็นโรคร้ายแรงขึ้นมา จะทำอย่างไรหละ เราเห็นด้วยกับความคิดเห็นข้างบนนะ ที่บอกว่าลองลาพักร้อนยาวๆดู แล้วช่วงนั้นก็ลองเช่าแท็กซี่มาขับ ดูสภาพความเป็นจริงว่าเป็นอย่างไร แถมระหว่างลาพักร้อน คุณก็จะได้พักสมองจากงานประจำด้วย ใช้เวลาช่วงนั้นนึกทบทวนเรื่องราวหลายๆอย่าง ใจเย็นๆ ค่อยๆคิด อย่าได้ใจร้อน นั่งทำ list ข้อดีข้อเสีย ของแต่ละอาชีพ แล้วชั่งใจดูว่าอะไรดีกว่ากัน ขอให้โชคดีค่ะ จากคุณ : groundtruth เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 16:11:49

ความคิดเห็นที่ 43 ผมเคยเป็นข้าราชการ ไม่มากมายอะไรนัก แต่ของผมลาออกแล้ว สิทธิการรักษาพยาบาลยังอยู่ ไม่รู้ว่ามันจะเหมือนกันทุกกระทรวงหรือไม่นะครับ แต่ ช่วงที่ผมลาออก ทางบ้านอยากให้อยู่ แต่ใจคนที่มันอยากออก มันจะออกอย่างเดียว ไม่สนอะไร  ตอนนี้  ผมสนุกกับสิ่งที่ผมทำ สบายใจ และเลี้ยงครอบครัวได้ ไม่ลำบาก ผมว่า ขึ้นอยู่กับงานและสิ่งที่ทำครับ  ถ้ามันทำแล้วคุณมีความสุขไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ผมเห็นด้วยครับ ตัวเราเองเท่านั้นที่รู้ดีที่สุดถึงสถานการณ์ และสิ่งรอบข้างที่นำมาประกอบการตัดสินใจ จากคุณ : lotteryKitchen เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 16:24:56

ความคิดเห็นที่ 44 อีกความเห็นสำหรับผมนะ ผมว่าคุณกำลังคิดผิด และเสี่ยงต่ออนาคตคุณเอง งานการคุณมั่นคงอยู่แล้ว ถึงเงินเดือนจะไม่มาก แต่สวัสดิการดีมาก จริงมั๊ย ถ้าออกมาแล้วได้เงินก้อนที่เยอะซักห้าล้านว่าไปอย่าง ค่อยลองมาทำดู งานทุกอย่างมีปัญหาแทบทุกที่ หัดปล่อยวางแล้วจะดีเอง คนเราทำอะไรก็ช่าง พอทำนานๆมันจะเบื่อเหมือนกัน ขับรถที่คุณว่ามา มันเหนื่อยนะครับ เจอคนมากหน้าหลายตา ทุกรูปแบบ ต้องทำงานแข่งกับเวลา หยุดก็ไม่ได้เงิน ต่างกับราชการ แถมขับทุกวันเสี่ยงอุบัติเหตุเอย ตำรวจเอย ลองไปคุยกับแทกซี่ดู ว่าที่เค้าทำอยู่มันเป็นยังไง แล้วคุณจะรู้เอง การชอบอะไรพิเศษเป็นกันทุกคน คุณชอบรถ ไม่จำเป็นต้องทำอาชีพขับรถนี่ มีงานที่มั่นคงอยู่แล้ว ก็ขับไปทำงานทุกวันดิ ถ้าชอบแทกซี่จริง ขับตอนเลิกงานก็ได้ ลองดูก่อน ยิ่งถ้าอายุมากขึ้น การขับรถมากๆ มันไม่เป็นผลดีเท่าใหร่ คิดถึงคนข้างๆ ครอบครัว พ่อแม่ จะลำบากมั๊ย ที่เอ่ยมา ถ้าเจ็บป่วย เบิกได้หมดนะครับ การตัดสินใจ ในช่วงอายุมากๆ ต้องคิดให้ดี มันคืออนาคตของคุณเอง เงินก้อนสุดท้ายที่ได้มา คุณจะเอามาลงกับแทกซี่ ผมว่าเสี่ยงเกินไปครับ ยกเว้นถ้าออกมาแล้วได้หลายล้าน อันนี้น่าลองทำดูถ้าชอบ ขอให้โชคดีครับ จากคุณ : รักแผ่นดินไทย เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 17:02:05

ความคิดเห็นที่ 45 พ่อผมก็เป็นข้าราชการบำนาญครับ เงินที่ได้ก็ไม่มากมายนักพออยู่พอกินไปเดือนๆ ผมคิดตั้งนานคิดไม่ออกว่าจะทำยังไงดีถึงจะไม่ให้พ่อมีเงินใช้มากขึ้นกว่าเดิม โดยที่ไม่กระทบชีวิตประจำวันของผมและของครอบครัว สุดท้ายก็เลยหันไปหากองทุนที่ปันผลหนักๆสามเดือนครั้ง โดยผมเป็นคนลงทุนเพิ่มทุกเดือน ผลตอบแทนถึงจะไม่มาก แต่ก็สามารถตัดปัญหาต่างๆ ไปได้เยอะเลย แต่ความเสี่ยงก็มีนะครับ ต้องศึกษานิดนึง ส่วนผมเองเก็บเงินในหุ้นครับ จากคุณ : bomz เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 18:12:54

ความคิดเห็นที่ 46 พอดีมีน้องคนนึง ไปตามมาจาก FB ให้มาตอบครับ ... หลัง ๆ ไม่ค่อยเข้ารัชดาเท่าไหร่ ตอบให้ในฐานะคนที่คลุกคลีอยู่กับอาชีพนี้ ... แบบสมัครเล่นนะครับ เพราะไม่ได้ทำเป็นอาชีพหลัก แต่ก็คิดว่ามีประสบการณ์ตรงพอสมควร ผมเห็นด้วยกับคำแนะนำให้เช่าขับก่อน ... เหตุผลคือ อาีชีพการขับแท๊กซี่ ไม่ได้เหมาะกับคนทุกคน ... ไม่อยากให้คิดเอง เออเองว่า มันง่าย หรือว่า มันยาก อยากให้ลองไปทำดูลุยดูก่อนด้วยการเช่า ... เด๋วนี้มีอู่เช่าแท๊กซี่เยอะแยะ เงินประกัน 2-3000 บาท มีใบขับขี่สาธารณะ มีคนค้ำประกัน ... เดินเข้าอู่ไหนได้เลยครับ ถ้าไม่มีจริง ๆ เด๋วผมแนะนำอู่ทีรู้จักให้ อย่างที่ผมบอกผมเป็นมือสมัครเล่นในการขับแท๊กซี่ ทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างอื่น พอไม่มีอะไรทำ ว่าง ๆ เซ็ง ๆ เบื่อ ๆ ก็เอาแท๊กซี่มาขับ ... ผมรู้สึกสนุกสนาน กับการที่ได้เจอผู้โดยสาร ชอบพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นทุกๆเรื่อง (ยกเว้นเรื่องการเมือง) ผมเองก็เคยเอามาขับ 2-3 วันติดต่อกัน ตื่นนอนทำธุระส่วนตัว ก็ขับ เหนื่อยก็มานอน  ... ยังรู้สึกเลยว่าเหนื่อยล้ามาก ๆ ... เมื่อยขา ไม่สนุก ก็เอาไปจอดไว้ที่บ้าน พ่อขับมั่ง ไม่ขับมั่ง ... ผมไม่ได้มีฐานะมั่นคงอะไรอย่างที่ #36 บอก แต่ก็ไม่ได้ต้องเดือดร้อนอะไรถ้าไม่ได้ขับแท๊กซี่ จอดไว้ผมก็มีข้าวกินสบาย ๆ ครับ สิ่งที่ จขกท. เขียนมามันหมายถึง "อาชีพคนขับแท๊กซี่" ซึ่งผมคิดว่ามันเรื่องใหญ่ ... มันหมายถึง รายได้ ค่าใช้จ่าย อนาคตของตัวเอง ครอบครัว ... ผมคิดว่าคุณต้องคิดให้เยอะ ๆ ครับ ก่อนที่จะตัดสินใจ ผมก่อนที่จะตัดสินใจ ซื้อ Taxi ติ๊สด์น้อย ผมเองก็เริ่มจากการเช่าอู่ ประมาณ 4-5 เดือน ... โดยขับกะกลางคืน ร้านขายของเล็ก ๆ ก็ให้ลูกน้องดูแล เจ้าของร้านออกมาขับแท๊กซี่ ... ใครๆ ก็หาว่าบ้า ก็ผมอยากลองอ่ะ ถ้าไม่ลองมันก็ไม่รู้ ว่าผมมีความสุขแค่ไหนกับอาชีพนี้ ลองแล้วผมก็รู้ว่า ผมมีความสุข สนุกที่ได้ทำ ... รายได้ก็มี แต่ไม่ได้คิดว่ามันเป็นเรื่องสำคัญที่สุดที่ต้องคิดถึง เพราะผมถือว่า การได้ทำงานที่เรารัก คือ การพักผ่อนไปตลอดชีวิต แต่สำหรับพี่ จขกท. พี่จะคิดเล่น ๆ สนุก ๆ แบบผมไม่ได้ เพราะ สิ่งที่พี่คิดจะทำมันคือ อนาคตของพี่ พี่จะต้องคิดเยอะ ๆ ก่อนที่จะลงมือทำ ซื้อแท๊กซี่ ไม่ยากครับ มีเงินก็ซื้อได้แล้ว แต่ การหาตัวเองให้พบ ว่าเหมาะกับอาชีพขับแท๊กซี่หรือไม่ ยากกว่า เป็นกำลังใจให้ครับ ไม่มีใครรู้จักเรา เท่ากับตัวเราเอง ... เชื่อผม ถ้าคิดที่จะทำ ผมมีคำตอบให้พี่ทุกเรื่อง ถูกบ้าง ผิดบ้าง พี่ก็ต้องเอาไปคิดต่อเองนะครับ ... ติดต่อผมได้ที่ thoon4@hotmail.com ครับ แก้ไขเมื่อ 20 มี.ค. 54 19:11:13 จากคุณ : *PIPPO* เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 18:21:30

ความคิดเห็นที่ 47 สำหรับเรื่อง แคร์ชาวบ้าน ... กับอาชีพคนขับแท๊กซี่ ผมเฉย ๆ อ่ะ ผมเป็นคนที่แคร์คนเฉพาะคนที่ควรแคร์ ... ไม่ได้แคร์คนทุกคนบนโลกนี้ ผมไปเที่ยวผับ เล้าจ์ญ หรู ๆ ผมก็ขับ Taxi ผมไป เหตุัผลก็คือ เมาแล้วตำรวจไม่เรียกเป่า ผ่านด่านกลางคืนได้ทุกด่าน เลยไม่ต้องกังวลอะไร สบายใจกว่าขับรถบ้านไปอ่ะ ขึ้นรถไฟฟ้า BTS ขับไปจอดที่ห้าง ก็จอดฟรีตลอดเวลา ... ไม่ต้องเสียเงินเหมือนรถบ้าน ... ต้องขับ Taxi อ่ะถึงจะรู้ว่าถ้าเอารถ Taxi มาใช้ในชีวิตประจำวัน มันมีสิทธิ์พิเศษเยอะแยะขนาดไหน ก็มีบ้างกับคนที่ไม่รู้จริง ไม่รู้จักอาชีพคนขับแท๊กซี่ แล้วแพร่มเยอะ อย่างกะเกิดมาคาอู่แท๊กซี่ ... จริง ๆ แล้วมันมีอะไรเยอะแยะ ที่คนเคยขับเท่านั้นถึงจะรู้ เชื่อผมว่า คนจะดีหรือไม่ดี ขึ้นอยู่ที่ตัวทำ ไม่ใช่อาชีพ ..... ใครจะดูถูกอะไรก็ให้แมร่งแพร่มไป ไม่แคร์ ผมไม่ได้ขอใครกิน ... ถ้ารำคาญมาก ผมก็จะบอกไปว่า "รถคุณผ่อนเดือนละเท่าไหร่ แต่ขอโทษที รถกรู เงินสด" ... แก้ไขเมื่อ 20 มี.ค. 54 19:22:58 แก้ไขเมื่อ 20 มี.ค. 54 19:17:44 จากคุณ : *PIPPO* เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 19:15:46

ความคิดเห็นที่ 48 เห็นจขกท.บอกแล้วว่าได้ศึกษามาพอสมควรแล้ว อยากถามว่า มีใบขับขี่สาธารณะประเภทสามหรือยัง ถ้ายังยามว่างก็ไปอบรมและสอบ ที่ขนส่งจตุจักร ถ้าทุกสิ่งพร้อมก็ลุยเลยเจ้าค่ะ ขับแท๊กซี่ ถ้ารถเช่าความรู้สึกไม่เหมือนรถเจ้าของแน่นอน รถเช่าต้องดิ้นรนสุดๆ เครียดพอสมควร ในขณะรถส่วนบุคคล หรือ เจ้าของขับเอง มีความเป็นอิสระ ขับได้ทุกเวลา แต่ก็ต้องมีระเบียบ วินัย ในตนเอง งานทุกงานก็ต้องเป็นเช่นกัน ซึ่งมันอยู่ที่ตัวบุคคล ทีนี้ลองถามบุคคลใกล้ชิดก่อนนะคะ ว่ายินยอมไม๊ จขกท.อาจจะมีความสุขที่ได้ทำ แต่คนใกล้ชิดโดยมากอาจไม่ชอบก็ได้ อาจจะต่อต้าน เพราะในความคิดของคนส่วนมาก คนขับแท๊กซี่แทบจะไร้เกียรติ เป็นอาชีพที่คนดูถูก เนื่องจากอคติ มีทัศนคติไม่ดีต่ออาชีพนี้ คนใกล้ชิดจะยอมรับสภาพได้ไม๊ เราก็เป็นคนหนึ่งที่ตกงานและคิดว่าจะยึดอาชีพขับรถแท๊กซี่ และก็ได้ไปเช่าขับ ก็ประสบผลสำเร็จพอสมควร เพียงแต่ว่าคนใกล้ชิด ต่อต้านสุดๆ ไม่ยอมให้ขับอีกต่อไป เราเลยต้องทำใจ แต่ก็คิดอยู่เสมอว่า ถ้าเราไม่มีใครหรือถ้าเราทำแล้วไม่กระทบกระเทือนใครเมื่อไหร่ ไม่ทำให้คนที่เรารักเสียใจ เมื่อนั้นเราจะอีกทันที ในความเห็นด้านอาชีพนี้ เราว่าดีพอสมควร ยิ่งถ้าคุณพร้อม รถตัวเอง ขับรถได้ดี ไม่ใจร้อน ไม่เป็นคนเครียดง่าย (ขับไปด่าไปนี่ไม่เอา) รักอิสระ เกียรติยศอยู่ที่เราไม่ขอใครกินก็พอแล้วค่ะ ขับไปผู้โดยสารจะสอนจะบอกเราเอง เราไปไม่ถูกก็บอกไปตรงๆ ผู้โดยสารยิ่งสบายใจถ้าเค้ารู้จักทางดี ไม่เกิน 2 - 3 เดือนก็เก่งขึ้นเยอะ ขออย่างเดียวอย่าไปสมาคมกับคนขับบางพวกที่เอาเงินซื้อเหล้า บุหรี่ และเล่นการพนัน ลงอบายมุขเสียหมด จริงๆ แล้ว ถ้าทนทำงานขรก. ได้ก็ดี แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็ลุยเลย แต่ไม่มีใครมาไหว้คุณนะ จากคุณ : ปรึกษาคนใกล้ชิดดูก่อน เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 19:44:03 A:27.130.56.87 X: TicketID:286693

ความคิดเห็นที่ 49 รอให้อายุ 60 ก่อนค่อยมาขับก็ยังไม่สายนะ จากคุณ : น้ำก้นแก้ว เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 19:44:34

ความคิดเห็นที่ 50 ผมเสนออีกทางเลือกนะ ... ้ถ้าเงินที่คุณบอก เป็นเงินเก็บ ไม่ใช่เงินที่มาจากการลาออก ไม่คิดอะไรมาก ก็เอาเงินก้อนนั้น มาซื้อ Taxi ขับไปทำงาน ว่างก็ออกมาขับ Taxi ถือว่าซื้อรถมาใช้ทำงาน ว่างก็หากินได้ ผมว่าน่าจะโอเคกว่า ที่จะทิ้งอาชีพรับราชการมาเสี่ยง กับการขับแท๊กซี่นะครับ การขับแท๊กซี่ แค่ชอบการชับรถ รักรถ ไม่พอครับ สิ่งนึงที่คุณต้องมี คือ ความอดทน และความรู้ในการขับแท๊กซี่ให้ได้เงิน อันหลังนี่แหละครับ ประสบการณ์เท่านั้น จะสอนคุณเอง เทคนิคใครเทคนิคมัน ... ของแบบนี้สอนกันไม่ได้ จากคุณ : *PIPPO* เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 19:53:02

ความคิดเห็นที่ 51                         โค๊ะ.......กึ้ดว่าขับนี่มันง่ายๆ เน้าะ อ่านผ่อตั้งแต่ต้นโผ๋ดป๋าย หยังมายากใบ้ยากง่าว......ถ้าจะบ่ะใหวละก้าาาาาาาาาาา...                       จากคุณ : =Razzo= เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 20:25:36

ความคิดเห็นที่ 52 อยากให้คิดดีๆ ก่อนนะครับ อาจจะลองสอบถามจากพี่ๆ ที่ขับ Taxi ดูก็ได้ว่าเป็นยังงัย อาจจะไม่เป็นอย่างที่คุณวาดฝันไว้ก็ได้ ผมว่าอาชีพข้าราชการไทยนี่น่าอิจฉาที่สุดแล้วนะครับ มั่งคง สวัสดิการดีมากๆๆๆๆๆๆๆ คุณขับ Taxi แล้วเกิดเจ็บป่วยขึ้นมา จะทำยังงัย แก้ไขเมื่อ 20 มี.ค. 54 20:35:38 จากคุณ : PassionMan เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 20:35:05

ความคิดเห็นที่ 53 " ถ้าผมลาออกตอนนี้ ก็จะได้เงินก้อนเบ็ดเสร็จ สามารถออกรถ TAXI New ALTIS 1.6 E A/Tเกียร์ออโต้ ราคา 784,000 สดได้เลย " แนะนำครับ ประมาณ 184000 ดาวน์ ปิคอัฟ ประมาณ 50000 ซื้อ ผัก-ผลไม้ ลงแผงตลาดนัด ( ไม่หมดหรอกครับ ) ได้กำไรครั้งแรก มอบแด่บุพการี เท่าๆกันทุกฝ่าย ประมาณ 50000 สำรองทุกกรณี เอามาลงทุนอีกก็ยังได้ครับ เหลือ ประมาณ ห้าแสน ติดแบ๊งค์ ลงทุนต่อไปอีก 2 – 5 ครั้ง โอกาสดีกว่าลง taxi ครั้งเดียว ดับ จากคุณ : PROMPTING เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 22:24:36

ความคิดเห็นที่ 54 คคห.53 เห็นจขกท.บอกว่ารักการขับรถ ได้เที่ยวไปในที่ต่างๆ รักรถเป็นชีวิตจิตใจ ได้ขับแล้วมีความสุขมากๆค่ะ คงไม่เปลี่ยนใจไปค้าขายกระมั๊งคะ จากคุณ : ผ่านมา เขียนเมื่อ : 21 มี.ค. 54 03:30:14 A:27.130.56.87 X: TicketID:286693

ความคิดเห็นที่ 55 มีแต่คำตอบดีๆ ชื่นใจแทน จขกท.ครับ ผมก็ลาออกราชการมาสามปีแล้วครับ แต่ผมว่าอยู่ที่มุมมองของแต่ละบุคคลและความพึงพอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่ หากตอบว่าใช่ แค่นั้นก็พอครับ แต่หากคำตอบคือไม่ ก็ต้องค้นหาต่อไป เพราะลมหายใจจะสิ้นสุดวันไหนย่อมไม่มีใครรู้ อยากทำอะไรก็ทำเหอะ ขอให้เป็นสิ่งที่ดี จากคุณ : TritonBoy เขียนเมื่อ : 21 มี.ค. 54 12:11:33

ความคิดเห็นที่ 56 ผมว่า เงินก้อน กอดไว้ดีกว่าครับ ถ้าจะลาออก แล้วไปเช่าขับเอาดีกว่า ดูว่าไหวมั๊ย ถ้าไม่ไหวก็ยังมีบำนาญกินอยู่ ถึงไม่ขับก็มีบำนาญกิน พร้อมเงินก้อนอยู่ดี นะครับ วัยขนาดคุณผมว่า เสี่ยงให้น้อยที่สุดจะดีกว่านะครับ จากคุณ : bajeta เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 54 21:01:33

ความคิดเห็นที่ 57 เข้ามาอ่านเพราะกำลังหาข้อมูลเรื่องขับรถแท๊กซี่ เลยอยากแชร์เรื่องราวความรู้สึกกับเพื่อนๆพี่ๆน้องๆ เรากำลังคิดคล้ายๆกันกับท่น จขกท แต่ต่างกันในบางเรื่อง ผมเป็นข้าราชการซึ่งไม่ได้มาทางนี้เพราะใจรักแต่แรก แต่เพราะหวังให้พ่อแม่ชื่นใจที่มีลูกรับราชการ เลยอยู่แบบอดทนและไม่ค่อยมีใจ ตอนหลังๆยิ่งแย่ ทั้งคนทั้งระบบทำไมมันทำร้ายความรู้สึกได้มากมาย เห็นการแก่งแย่งชิงดีกันก็รู้แล้วว่าทำไมสังคมทุกวันนี้จึงมีแต่ความเห็นแก่ตัว แต่เราไม่ได้ไปแย่งชิงกับเขาแค่ดูห่างๆจึงไปเรื่อยๆไม่ดังไม่ดับ อิอิ คนไม่อยู่ตรงที่เรายืนก็จะไม่รู้หรอก เหมือนเราไม่รู้เรื่องขับแท๊กซี่ พ่อเราเสียไปแล้วแม่ก็ไม่ซีเรียสอะไรมากแล้วกับงานเรา เราไม่มีความสนใจต่อตำแหน่งการงานแม้จะมีคนไหว้ปะหลกๆ แต่ยังไงก็ไม่ใช่...เรา เราไม่ต้องการทิ้งชีวิตที่เหลือกับงานไปเช้าเย็นกลับมาพร้อมความเครียด ความเบื่อหน่าย เรามีครอบครัวลูก2คน เรามีที่ดินตจว.เยอะแต่ให้เช่า(แต่รายได้ไม่มากนักหรอก) ภรรยาค้าขายอาหารก็พอไปได้แต่ราคาของแพงขึ้นมาก ครอบครัวเราใช้ชีวิตแบบพอเพียงก็ไม่เดือดร้อนอะไร ....แต่เรายังยืนยันความคิดเดิมคือได้บำนาญแล้วออกแน่ (อายุงาน25ปี) ส่วนจะมาทำอะไรก็มีหลายช่องทางที่ชอบหนึ่งในนั้นคือขับแท๊กซี่ แต่เราก็รู้ว่าเงื่อนไขสำคัญคือ ต้องเป็นคนที่อดทนพอสมควรเพราะต้องเหนื่อยมากๆ ที่จริงทำงานอะไรก็เหนื่อยนะ แต่ตัวเราคิดว่าทนได้เพราะนอกจากจะเคยเป็นลูกชาวไร่ชาวนาแล้วเราชอบขับรถไปที่ต่างๆเจอคนแปลกหน้าพูดคุยแลกเปลี่ยนชอบงานบริการว่างั้นเถอะ ดังนั้นขอเสนอความคิดต่อกรณีท่าน จขกท ว่า 1. คิดลึกและกว้างถึงระยะ3ปี5ปี10ปีท่านอาจจะมีครอบครัว (มีแล้วใช้ชีวิตเรียบง่ายพอเพียงอย่างเราได้ก็ไม่ค่อยเครียดนะ) 2. ร่ายกายปกติดีไม่มีโรคประจำตัว (จะได้ไม่กระทบการทำงานหนักทางกาย) 3. เป็นคนมีน้ำอดน้ำทน (แบบคนบ้านนอกอย่างเราเนี่ย) 4. เป็นคนใจเย็นหน่อย (กลัวอุบัติเหตุ) 5. มีข้อมูลพอเพียงแล้วเรื่อง จุดจอด เส้นทาง แท็กติกต่างๆ ถ้าครบแล้วก็เห็นว่าน่าจะทำในสิ่งที่เราอยากทำมากกว่าทนอยู่กับสิ่งที่เราไม่ชอบ **นี่เป็นแค่ความรู้สึกส่วนตัวเท่านั้น ความคิดคนเรานั้นแตกต่างกันตามความรู้สึกและประสบการณ์ ฟังความรู้สึกของตัวเราแล้วไปตามนั้นเถอะ** จากคุณ : ชาย (หวานใจเอ็นเจ) เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 54 09:26:55