เรื่องไฟตัดหมอก คุณอย่าคิดว่าจะได้รับการแก้ไขเลยครับ เจ้าของกระทู้อยู่ประเทศอะไร คุณรู้กันดีอยู่
คนที่เอาเปรียบคนอื่น คนสร้างความเดือดร้อนให้กับสังคม ก็ยังยืดอกยืดหน้าสบายใจว่า ก็อยากเปิด มีอะไรปะ ในเมื่อไฟมันไม่ได้ส่องเข้าไปที่รถเค้าเอง เค้าก็ไม่เดือดร้อนอะไร
ไฟตัดหมอก ถูกออกแบบมาแตกต่างจากไฟหน้า ที่จะออกแบบมาให้แสงจ้าและมาการฟุ่งกระจายมากกว่าไฟหน้า เพื่อให้เห็นว่าตรงนี้เป็นรถ เวลาหมอกหนาๆ
แล้วด้วยลักษณะสมบัตินี้เอง ทำให้หลายๆคัน ที่เปิดไฟตัดหมอก ก็จะมีการฟุ้งกระจายของแสง มากน้อยแล้วแต่ว่าคันไหน บางคันมาก บางคันน้อย
แต่ทุกคนที่เข้ามา จะบอกว่า ของตัวเองไม่ฟุ้ง ไม่แสบตาทั้งนั้น เพราะคนที่เดือดร้อนไม่ใช่เขาเอง แต่เป็นรถที่สวนมา และรถที่อยู่ข้างหน้า
เดือดร้อนอย่างไร ยกตัวอย่าง เช่น คุณถ่ายรูป ย้อนไปตามแสงที่เป็นจุดฟุ้งกระจายออกมา บริเวณอื่นๆ มันจะมืดไปหมด แต่จะเห็นไปที่จุดกำเนิดแสง แค่จุดเดียว
ตาคนเรา ก็เหมือนกล้องถ่ายรูปนั่นแหละ เวลามองภาพภายใต้แสงระดับนึง เมื่อเจอแสงเด่นขึ้นมา มันจะทำให้ตา เหมือนบริเวณอืนมืด แล้วมันอันตรายมั๊ยละ คิดสิ
เพราะเหตุผลนี้หรือเปล่า ใครเดือดร้อนช่างหัวมันปะไร ข้าพเจ้าไม่เดือดร้อน แค่นี้พอ ข้าพเจ้าจะส่องไปโดนใครตามืดไปจังหวะนึง ก็เป็นหน้าที่ของเค้าที่จะต้องระวังรถให้จังหวะที่ตาเค้ามืดไปเอาเอง ข้าพเจ้าไม่เกี่ยว เพราะถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา ไม่ใช่รถข้าพเจ้า
ขนาดคนที่เดือดร้อน เค้าบอกปาวๆ ว่าเค้าแสบตา เค้าเดือดร้อน ก็ยังมาบอกเลยว่า อยากเปิด มีอะไรมั๊ย ก็รถอยู่สูง ไม่ได้แสบตาเหมือนคนอื่นๆเค้านี่
ทำนองเดียวกันกับขี่มอเตอร์ไซย้อนศรแล้วรถหักหลบตกคูไปเอง ก็บอกว่าเค้าไม่เกี่ยว ไม่เดือดร้อนอะไร
ประเทศเราไม่ได้สอนให้บุคคล เคารพ คำนึงถึงบุคคลอื่่นๆในสังคม เอาแต่ความพอใจ ความสบายใจส่วนตัวกันจนชินแล้วครับ
เห็นได้จากพวกที่ไม่ต่อแถวตามขบวนที่เค้าเข้าแถวกัน แต่มาแทรกเอาข้างหน้า ก็จะมีให้เห็นได้ทุกแยก ทุกวัน ขนาดปักท่อพลาสติกไว้ ยังพัง ขาดเพียบ
อย่าไปคาดหวังอะไรกับตำรวจ พวกนั้นมันพึ่งไม่ได้หรอก พวกเค้าเคยทำอะไรให้ประชาชน เชื่อและศรัทธาในพวกเค้าบ้างละ
วันนึงก็คงทำเป็นปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็ทนๆกันไป ทนได้ก็ทน ทนไม่ได้ ก็ต้องทน
ไม่ครั้นจะโกรธหงุดหงิดชักปืนมายังกันมันก็ไม่ใช่เรื่อง
แก้ไขเมื่อ 31 มี.ค. 54 17:50:20
แก้ไขเมื่อ 31 มี.ค. 54 17:45:53
แก้ไขเมื่อ 31 มี.ค. 54 17:41:59
แก้ไขเมื่อ 31 มี.ค. 54 17:40:45