Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ขี่รถลุยลาวในอดีต{แตกประเด็นจาก V10399271} ติดต่อทีมงาน

มาแว้วววววว
รีบตอบแล้วจะไปแตกกระทู้เลย......ไม่งั้นจะเผลอเล่าเรื่องลงมาในนี้แบบเมื่อวานอีก

คห2......ผมก็ว่าเข้ามาแตกกระทู้ประมาณ 1ทุ่มทุกวันนะ...หรือจะเป็นเพราะผมเผลอเล่าลงไปในกระทู้ตอบ.....กว่าจะจบก็เกือบชั่วโมง.....พอนึกขึ้นได้ว่าผมเขียนเพิ่มการไปนอนสัมนากับคนลาวลงไปในกระทู้ตอบ......แล้วก็อปปี้ไปแตกประเด็น ทำให้เสียเวลาเพิ่มขึ้นไปอีก1ชั่วโมงก็เป็นได้......หากเป็นอย่างนี้ผมขออภัย...เนื่องจากสมองมันเริ่มเลอะเลือน....พรุ่งนี้สงสัยจะต้องไปเปลี่ยน IC ในสมองใหม่สัก2ตัว

คห3........เคยไปยางแตกในป่าเมืองลาวตอน 3 ทุ่มครับ....กว่าจะหลุดออกมาได้ก็ตี2นู่น.......ให้จบเรื่องทุ่งไหหินเสียก่อน.....แล้วไปเที่ยวไต้หวันสัก 1 อาทิตย์...แล้วจะกลับมาเล่าตอนขี่รถไปแก่งหลี่ผี แล้วยางแตกกลางป่าให้อ่านกันต่อเด้อ

คห4........555 ไปเป็นประธานเผ่าชอกีนั่นซิ........
คห5 .......ทั้งแทงกองและหยอดหลุมด้วยแห๋งๆ...
คห 6......ผมว่ารวมทั้งประเทศแล้วมีไม่ถึง10ล้านคนหรอก........ตอนผมไปเที่ยวเมื่อ10กว่าปีที่ผ่านมา..ยังมีแค่3ล้านกั่วๆเอง.....แถมสุขอนามัยยังอยู่ในอาการหลวมๆด้วย......โดยเฉพาะพี่แกชอบกินลาบดิบใส่คี่เพลี้ยด้วย.....มันเสี่ยงกับโรคตัวจี๊ดและพยาธิ์ในตับน่ะ.......จะเอาแรงที่ไหนไปเล่นเป่ากบกันนัก
คห7.......อ่านโดยไม่ต้องเม้นต์ก็ขอบคุณ...มีคอมเม้นต์ก็ขอบใจ.......จะได้มีกำลังใจเล่าไปเรื่อยๆแล้วจิบยาธาตุตรานักเลงไปด้วย...เพลินดี
คห8-9-11.....ผมลองแล้วครับ.....มีเยอะด้วย......ลองขี่รถไปแถวอำเภอเชียงดาวแล้วเข้าไปที่ชายแดนเมืองเวียงแหงเถอะ......ค้างคืนด้วยแค่300บาทเอง.....กินกันจนพุงแทบแตก.....รุ่งขึ้นน้าหยอยถ่ายท้องจนแทบจะขี่รถไปดอยแม่สะลองไม่ไหว

คห10........ยังมีเรื่องให้อ่านอีกเป็นปีครับ.......แตกกระทู้ทุกวันอย่างนี้แหละ.....ข้อสำคัญน้าหยอยไม่รู้ว่ามีคนอ่านหรือไม่และอย่างไร.....เลยชักไม่มั่นใจว่าตัวเองบ้านั่งคุยอยู่คนเดียวหรือเปล่า.....แวะเข้ามาอ่านแล้วทักน้าหยอยบ้างก็ดีเหมือนกัน.............................................................................................

เมื่อวานเล่าให้ฟังไปแล้วว่า เราเอารถ FT 500 สวมทะเบียนไปเที่ยวลาว...สาเหตุเพราะ FT 400ของน้านายห้างถูกลูกน้องยืมไปจังหวัดอุบล.....FT 500 นั้น ผมว่าญี่ป่นผลิตส่งไปขายทางยุโรปนะ เพราะเขาต้องทำรถแรงๆไปแย่งตลาด....แต่เวลาเอามาขี่เที่ยวกันแบบนี้ ฝีตีนมันก็ไม่หนีกับตัว400สักเท่าไหร่ (ไม่เหมือน HONDA CLUB MAN ตัว400และ500 ครับ..โหยไอ้โจร500 ตัวนั้นวิ่งเอาเรื่องเลยละ......ผมเอาไปสิงกะโปร์ครั้งหนึ่ง.....หนุกอย่าให้เซดเลย.....ไว้จะแยกเล่าไปแบบนี้แหละ)
ขากลับเข้าด่านไทยเราที่จังหวัดเลยเกือบเป็นเรื่อง......เนื่องเพราะขี่ไปไม่รู้กี่ร้อยเที่ยว......พอเราเอารถไปรายงานตัวที่ศุลกากร......พอเขาเห็นว่าเราเอารถกลับมา(ไม่ได้เอาไปขาย)..เขาก็ลงชื่อประทับตรา......ทุกอย่างก็จบลงแต่เพียงเท่านี้

แต่ที่ด่านเมืองเลยเกือบหายบ้า เพราะศุลกากรคนนี้เป็นเด็กหนุ่มๆ..พี่แกกำลังไฟแรง.....แกจัดการเอาเอกสารนำรถออกเดินมาที่รถ......แล้วทำท่าคุกเข่าจะก้มลงตรวจเลขเครื่อง.......หากมีการตรวจเลขเครื่องก็จบกันแหง....เรื่องยาวเลยละ.....

.ผมเห็นท่าไม่ดีเลยแย่งเล่มทะเบียนมาจากน้านายห้างแล้วบอกว่า........ผมมุดนอนอ่านเลขให้ดีกว่า.....น้านายห้างเป็นคนขานเลขเครื่องให้หัวหน้าทวนเอกสารแทน......ว่าแล้วผมก็อ่านเลขเครื่องเอาจากเล่มจดทะเบียนที่ถืออยู่ในมือให้น้านายห้างขานต่อ.....

..ที่จริงไม่ต้องขานหรอก......เราก็ยืนกันอยู่ตรงนั้นทั้ง3คนแหละ.....แต่เราต้องแกล้งมั่วไปงั้นเองแหละ......โหย......ฉี่แทบแตก
..............................................................................................

3 บรรทัดเหมือนเดิมเด้อ

อยากให้ผมไปช่วยราชการก็บอกมาได้นะครับ สหายคำผุย ผมอยากไปช่วยสัมนาว่ะ
เราขับขี่รถเกาะกลุ่มกันไปเป็นขบวนสลับกับการขับผ่านไปตามกระต๊อบที่ทางการปลูกเอาไว้ให้เป็นจุดพักผ่อนของทหารที่ถูกส่งออกมาป้องกันการปล้นของชาวบ้านอย่างที่เคยมีข่าวมาแล้ว

ตามเส้นทางที่กล่าวนี้ นาน ๆ เราจึงจะได้พบรถยนต์คันหนึ่ง.....ประมาณว่าในระยะทาง 200 กม.              นั้นเราขับผ่านรถ 20 คันเห็นจะได้ ก็ลองประเมินเอาดูนะครับว่าทางมันเปลี่ยวขนาดไหน               และรถที่เราขับผ่านก็จะเป็นรถไถนาแบบเดินตามที่เอามาต่อกระบะเป็นรถเอนกประสงค์นั่นเป็นหลักใหญ่....

.และชาวบ้านแถบนี้หากเดินมาบนถนน 100 คน จะสะพายปืนแก็ปอยู่ประมาณ 95 คน... 5 คนที่เหลือนั้นจะเป็นเด็กหรือผู้หญิงเสียอีกต่างหาก

ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะเอาปืนไปยิงกับใครกันนัก


เราใช้เวลาในการเดินทางจนกระทั่ง 3 โมงเย็นก็ตัดทะลุมาถึงเมืองหลวงพระบาง.....ผมชวนพรรคพวกที่ไปด้วยนั้นให้เลยไปอาบน้ำที่น้ำตกตาดกวางสี ซึ่งห่างออกไปจากหลวงพระบางประมาณ 20 กม.         แบบม้วนเดียวจบไปเลย ดีกว่าย้อนออกมาอีกครั้งหนึ่ง

อาบน้ำตกกันเสียให้ฉ่ำใจหลังจากปวดเมื่อยจากการขับขี่รถมาทั้งวัน น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดในขณะนั้น เนื่องจากอากาศที่หลวงพระบางในช่วงค่ำมืดนั้นก็จะเริ่มเย็นเหมือนเชียงใหม่ในหน้าหนาวบ้านเรานี่เอง

ที่นี่ ผมเห็นเฮลิคอปเตอร์ของการบินลาวลำหนึ่ง (ที่วังเวียงก็อีกลำหนึ่ง)มันเป็นเครื่องบินโดยสารขนาด 20 ที่นั่ง        นับว่าเป็นเฮลิคอปเตอร์ที่ใหญ่เอาการ แต่มันก็บินช้าจริง ๆ          เจ้าของเกสท์เฮ้าส์ที่เราพักอธิบายว่ามันเป็นเครื่องบินของโซเวียต บินจากเวียงจันทร์มาหลวงพระบางจะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง.

..และหากไปเมืองอุดมไซ...ก็2ชั่วโมงครึ่ง......ไอ้ลำนี้สงสัยจะเลยไปเมืองอุดมไซ    เพราะมันไม่มีทีท่าว่าจะลดระดับเพดานบินลงมาแต่อย่างใด

ผมนั่งมองดูเครื่องบินลำนี้อย่างสนใจในความอืดอาดของมันเกือบ 2 นาที กว่ามันจะบินลับไปจากสายตา
พูดถึงเครื่องบินของโซเวียตลำนี้แล้วผมนึกย้อนไปถึงการเดินทางของผมเมื่อปีที่แล้วนั้นอีกครั้งหนึ่ง(ก่อนหน้าของครั้งนี้.....ผมไปทางเมืองน่าน 3 ครั้ง)

 ปีที่ผ่านมาดังกล่าวนั่น ผมขี่ไอ้เน่าคันนี้มาพร้อมกับเพื่อนอีก 2 คน.....มาตามเส้นทางสายห้วยโก๋น มาออกเมืองน้ำเงินของลาว ตัดผ่านมาออกเมืองหงสา

กำลังนั่งดื่มเบียร์ลาวและสอบถามเส้นทางที่จะตัดผ่านเมืองหงสามายังเมืองหลวงพระบางนั่นเอง        ผมก็ได้ยินเสียงของอะไรอย่างหนึ่ง ดังลั่นไปทั้งป่าชนิดที่ผมไม่เคยได้ยินเสียงอะไรอย่างนี้มาก่อนตลอดระยะเวลาของการขับขี่รถในเมืองลาวมาทั้งปีและทั้งวัน

ครั้งแรก........ผมนึกว่าเป็นเสียงรถถัง หรือเครื่องเลื่อยยนต์ขนาดใหญ่ที่มาปักหลักทำโรงเลื่อยอยู่ในป่าอะไรสักอย่างหนึ่ง เสียงของมันดังกระหึ่มกึกก้องไปทั้งเมืองหงสาที่ผมกำลังพักผ่อนอยู่นั่นแหละครับ

ผมลองสอบถามยายเจ้าของร้านที่นั่งดื่มเบียร์ลาวอยู่ว่า เสียงนั้นคือเสียงอะไร.....ยายเจ้าของร้านบอกผมว่า "เดิ่นยนต์"

เดิ่นยนต์ของลาวในยุคนั้นก็คือเครื่องบินนะครับ
ผมข้องใจจริง ๆ ว่าเดิ่นยนต์อะไรวะมาวิ่งอยู่ในป่า.....

กำลังขำยายเจ้าของร้านที่บอกผมว่ามีเดิ่นยนต์อยู่ในป่านั่นเอง.....ผมก็ได้เห็นอะไรอย่างหนึ่ง ซึ่งประเมินดูด้วยสายตาครั้งแรกว่ามันเหมือนเครื่องบิน


ไอ้ตัวที่เหมือนเครื่องบินดังกล่าวนี่ เผยลำตัวแปลกปลาดของมันออกมาจากราวป่าแบบตุปัดตุเป๋      ท่ามกลางเสียงอึกทึกครึกโครมของเครื่องยนต์แบบลูกสูบดาวรอบองคาพยพส่วนหน้าของมัน ให้ผมเห็นอย่างเต็มตาในอีกอึดใจต่อมา

            โอ้.....เจ้าแม่กวนอิมอวโลกิเตศวลที่นับถือของเล่าปี่

ผมแทบไม่เชื่อสายตาของตัวเองเลยว่า ไอ้วัตถุที่บินได้นี่จะเป็นเครื่องบินโดยสาร.......กร๊ากๆๆๆๆ.......         สาบานต่อหน้าฝาสูบยังได้

นี่คือรถFT 500 ของน้านายห้างที่เราเกือบซวยตอนข้ามแดนมาทางจังหวัดเลย

 
 

จากคุณ : เคี้ยงโมโต
เขียนเมื่อ : 31 มี.ค. 54 20:01:02




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com