 |
ประมาณนี้หรือเปล่า พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ.2535 คืออะไร? คือ ที่ชาวบ้านเรียกกันว่า ประกัน พ.ร.บ. ประกันภัยบุคคลที่ 3 นั่นเอง จะเรียกอย่างไรก็ได้นะครับ แต่เนื้อหาสาระของประกันภัยประเภทนี้คือ เป็นการประกันภัยเช่นเดียวกับ การประกันภัยตามกฎหมายแพ่งที่ได้เรียนรู้ มาแล้ว แต่มีบทบัญญัติและรายละเอียดเพิ่มเติม และเป็นการกันภัยภาคบังคับ หมายความว่า รัฐ บังคับให้เจ้าของรถ ทุกคันที่จะนำมาวิ่งบนท้องถนนต้องทำประกันภัยแบบนี้ ใครไม่ทำก็มีความผิดครับ แต่ผลดีของการทำประกันแบบนี้ ก็คือ ช่วยเหลือ ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนแก่ชาวบ้านที่ไม่รู้อิโหน่ อิเหน่ ไม่ได้มีส่วนร่วมในความประมาทกับผู้ขับขี่ หรือเจ้าของรถสามารถที่จะได้รับความช่วยเหลือ เบิกค่ารักษาพยาบาล เบิกค่าปลงศพ ตามจำเป็น โดยไม่ต้องรอการ พิสูจน์ว่าฝ่ายใดเป็นฝ่ายผิด ฝ่ายใดเป็นฝ่ายถูก ต้องจ่ายค่าเสียหายเท่าใด ต้องจ่ายเมื่อใด เพราะบางครั้งหากไปเจอ พวกหัวหมอ เห็นแก่ตัว ไม่มีความรับผิดชอบ ไม่มีมนุษยธรรม กว่าจะจ่ายค่าเสียหายได้ คนเจ็บก็อาจจะตายไปเสียก่อน คนตายก็อาจจะเผาไปแล้ว ดังนั้น รัฐหรือหลวง จึงได้ออกกฎหมายนี้ มาบังคับใช้ ซึ่งก็ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของ ชาวบ้านได้เยอะเลย ครับ ใครที่เป็นคนร่างกฎหมาย ออกกฎหมายนี้มา ก็ขอให้ได้รับบุญกุศลติดตัว ไปด้วยนะครับ กรมธรรม์คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ ภายใต้การคุ้มครอง เงื่อนไข และข้อยกเว้นแห่งกรมธรรม์และเอกสารแนบท้ายกรมธรรม์นี้ บริษัทให้สัญญาต่อผู้เอาประกันภัย ดังต่อไปนี้ : - ข้อ 1. นิยามศัพท์ กรมธรรม์หรือเอกสารแนบท้ายกรมธรรม์นี้ บริษัท หมายความว่า บริษัทที่ออกกรมธรรม์นี้ "ผู้เอาประกันภัย" หมายความว่า บุคคลที่ระบุชื่อเป็นผู้เอาประกันภัยในตาราง "ผู้ประสบภัย" หมายความว่า ผู้ซึ่งได้รับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัย เนื่องจากรถที่ใช้หรืออยู่ในทาง หรือเนื่องจากสิ่งที่บรรทุกหรือติดตั้งในรถนั้น และหมายความรวมถึงทายาทโดยธรรมของผู้ประสบภัยซึ่งถึงแก่ความตายด้วย "นายทะเบียน" หมายความว่า อธิบดีกรมการประกันภัย หรือผู้ซึ่งอธิบดีกรมการประกันภัยมอบหมายโดยประกาศ ในราชกิจจานุเบกษา "ตาราง" หมายความว่า ตารางแห่งกรมธรรม์นี้ "รถ" หมายความว่า รถที่เอาประกันภัยซึ่งมีรายการที่ระบุไว้ในตาราง "เครื่องหมาย" หมายความว่า เครื่องหมายแสดงว่ามีการประกันความเสียหายสำหรับผู้ประสบภัยจากรถ "อุบัติเหตุแต่ละครั้ง" หมายความว่า เหตุการณ์หนึ่งหรือหลายเหตุการณ์สืบเนื่องกันซึ่งเกิดจากสาเหตุอันเดียวกัน ข้อ2. การคุ้มครองผู้ประสบภัย ภายใต้บังคับข้อ 5. บริษัทจะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัยของผู้ประสบภัยในนามผู้เอาประกันภัย ซึ่งผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดชอบตามกฎหมายต่อผู้ประสบภัย เนื่อง จากรถที่ใช้ หรืออยู่ในทาง หรือเนื่องจากสิ่งที่บรรทุก หรือติดตั้งในรถนั้นในระหว่างระยะเวลาประกันภัยดังนี้ 2.1 ผู้ประสบภัย 2.1.1 ในกรณีได้รับความเสียหายต่อร่างกาย หรืออนามัย แต่ไม่ถึงกับสูญเสียอวัยวะ หรือทุพพลภาพ ตาม 2.1.2 บริษัทจะจ่ายค่ารักษาพยาบาล และค่าเสียหายอย่างอื่นที่ผู้ประสบภัย สามารถเรียกร้องได้ตามมูลละเมิด ตาม ความเสียหายที่แท้จริงแต่ไม่เกิน 80,000 บาท ต่อหนึ่งคน 2.1.2 ในกรณีได้รับความเสียหายต่อร่างกาย หรืออนามัย ในกรณีใดกรณีหนึ่งหรือหลายกรณีดังต่อไปนี้ บริษัทจะจ่ายเต็มตามจำนวนเงินคุ้มครองสูงสุด 80,000 บาท ต่อหนึ่งคน (1) ตาบอด (2) หูหนวก (3) เป็นใบ้ หรือเสียความสามารถในการพูด หรือลิ้นขาด (4) สูญเสียอวัยวะสืบพันธุ์ (5) เสียแขน ขา มือ เท้า นิ้ว หรืออวัยวะอื่นใด (6) จิตพิการอย่างติดตัว (7) ทุพพลภาพอย่างถาวร 2.1.3 ในกรณีเสียชีวิต บริษัทจะจ่ายเต็มจำนวนเงินคุ้มครองสูงสุด 80,000 บาท ต่อหนึ่งคน 2.1.4 ในกรณีได้รับความเสียหายตาม 2.1.1 และต่อมาได้รับความเสียหายตาม 2.1.2 หรือ 2.1.3 หรือทั้งตาม 2.1.2 และ 2.13 บริษัทจะจ่ายเต็มตามจำนวนเงินคุ้มครองสูงสุด 80,000 บาท ต่อหนึ่งคน 2.2 กรณีผู้ประสบภัยเป็นผู้เอาประกันภัย หรือบุคคลในครอบครัวของผู้เอาประกันภัย ซึ่งมิใช่ผู้ขับขี่ ทั้งนี้ ในกรณีผู้ขับขี่เป็นฝ่ายที่ต้องรับผิดต่ออุบัติเหตุ ให้นำความใน 2.1.1,2.1.2,2.1.3 และ 2.1.4 มาใช้บังคับโดยอนุโลม 2.3 กรณีผู้ประสบภัย เป็นผู้ขับขี่รถคันที่เอาประกันภัย และเป็นฝ่ายที่ต้องรับผิดต่ออุบัติเหตุหรือไม่มีผู้ใดต้องรับ ผิดตามกฎหมายต่อผู้ขับขี่ที่เป็นผู้ประสบภัย บริษัทจะรับผิดจ่ายค่าสินไหมทดแทนไม่เกินค่าเสียหายเบื้องต้นเท่านั้น ทั้งนี้ บริษัทจะจ่ายค่าสินไหมทดแทนทั้งหมดดังกล่าวข้างต้น ไม่เกินจำนวนคุ้มครองสูงสุดต่อหนึ่งคน และรวมกันแล้วไม่เกิน จำนวนเงินคุ้มครองสูงสุดต่ออุบัติเหตุแต่ละครั้งที่ระบุไว้ในรายการที่ 4 ของตาราง ข้อ 3. ค่าเสียหายเบื้องต้น ภายใต้บังคับข้อ 5.บริษัทจะจ่ายค่ารักษาพยาบาล ให้แก่ผู้ประสบภัยที่ได้รับความเสียหาย ต่อชีวิต ร่างกายโดยไม่ต้องรอการพิสูจน์ความรับผิดให้เสร็จสิ้นภายใน 7 วัน นับแต่วันที่บริษัทได้รับการร้องขอ โดยจ่าย เป็นค่าเสียหายเบื้องต้นดังต่อไปนี้ : - 3.1 กรณีผู้ประสบภัยได้รับความเสียหายต่อร่างกาย บริษัทจะจ่ายค่ารักษาพยาบาล และค่าใช้จ่ายอันจำเป็น เกี่ยวกับการรักษาพยาบาลของผู้ประสบภัยตามจำนวนที่จ่ายไปจริง แต่ไม่เกิน 15,000 บาท ต่อหนึ่งคน 3.2 กรณีผู้ประสบภัยได้รับความเสียหายต่อชีวิต บริษัทจะจ่ายค่าปลงศพ และค่าใช้จ่ายอันจำเป็นเกี่ยวกับการ จัดการศพของผู้ประสบภัยตามจำนวนเงินค่าเสียหายเบื้องต้น 15,000 บาท ต่อหนึ่งคน 3.3 กรณีรถตั้งแต่สองคันขึ้นไปก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ประสบภัย บริษัทจะจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นตาม 3.1 ,3.2 หรือ 3.3 แล้วแต่กรณี ให้แก่ผู้ประสบภัยซึ่งอยู่ในรถที่เอาประกันภัยไว้กับบริษัท แต่ถ้าผู้ประสบภัยมิใช่เป็นผู้ซึ่ง อยู่ในรถที่ก่อให้เกิดความเสียหายดังกล่าวข้างต้น บริษัทจะจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นให้แก่ผู้ประสบภัยในอัตราส่วนที่เท่ากัน ความเสียหายเบื้องต้นทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของการจ่ายค่าสินไหมทดแทนตามที่กำหนดไว้ในข้อ 2. ข้อ 4. การขอรับค่าเสียหายเบื้องต้น ผู้ประสบภัยต้องร้องขอค่าเสียหายเบื้องต้นต่อบริษัทภายใน 180 วัน นับแต่วันที่มี ความเสียหายเกิดขึ้น และต้องมีหลักฐานดังนี้ : - 4.1 ความเสียหายต่อร่างกาย 4.1.1 ใบเสร็จรับเงินจากโรงพยาบาล หรือสถานพยาบาล หรือหลักฐานการแจ้งหนี้เกี่ยวกับการ รักษาพยาบาล 4.1.2 สำเนาบัตรประจำตัว หรือสำเนาใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว หรือสำเนาหนังสือเดินทาง หรือหลักฐานอื่นใดที่ทางราชการเป็นผู้ออกให้ที่สามารถพิสูจน์ได้ว่า ผู้มือชื่อในหลักฐานนั้นเป็นผู้ประสบภัย แล้วแต่กรณี 4.2 ความเสียหายต่อชีวิต 4.2.1 สำเนามรณบัตร 4.2.2 สำเนาบันทึกประจำวันในคดีของพนักงานสอบสวน หรือหลักฐานอื่นที่แสดงว่าผู้นั้นถึงแก่ ความตาย เพราะการประสบภัยจากรถ 4.2.3 การร้องขอรับค่าเสียหายเบื้องต้นตาม 4.1 และ 4.2 รวมกันให้มีหลักฐานตาม 4.1 และ 4.2 ข้อ 5. การสำรองจ่ายค่ารักษาพยาบาล ค่าทดแทน และค่าปลงศพ ในกรณีรถที่เอาประกันภัยไว้กับบริษัท ประสบอุบัติเหตุ ชนกับรถอื่น ซึ่งมีการประกันภัยตามกรมธรรม์คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถด้วย เป็นเหตุให้ผู้ประสบภัยได้รับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย และไม่มีฝ่ายใดยอมรับผิดในเหตุที่เกิดขึ้น บริษัทตกลงจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลตามใบเสร็จรับเงินไม่เกิน 50,000 บาท ต่อหนึ่งคน สำหรับกรณีได้รับบาดเจ็บ แต่กรณีเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ หรือทุพพลภาพอย่างถาวร บริษัทจะ สำรองจ่ายค่าทดแทนหรือค่าปลงศพเป็นจำนวนเงิน 80,000 บาท ต่อหนึ่งคน ให้แก่ผู้ประสบภัยหรือทายาทของผู้ประสบภัย ซึ่งโดยสารมาในรถหรือกำลังขึ้น หรือกำลังลงจากรถที่เอาประกันภัยไว้กับบริษัทไปก่อน สำหรับผู้ประสบภัยที่เป็นบุคคลภายนอกรถ บริษัทและผู้รับประกันภัยรถอื่น จะร่วมกันสำรองจ่ายค่ารักษาพยาบาล ค่าทดแทน หรือค่าปลงศพตามวรรคต้น โดยเฉลี่ยฝ่ายละเท่าๆ กัน เมื่อมีการสำรองจ่ายค่ารักษาพยาบาล ค่าทดแทน หรือค่าปลงศพตามเงื่อนไขนี้แล้ว หากปรากฏว่าอุบัติเหตุนั้น เกิดจากความประมาทของผู้อื่น มิใช่ผู้ขับขี่หรือผู้โดยสารรถที่เอาประกันภัยไว้กับบริษัทแล้ว บริษัทมีสิทธิที่จะไล่เบี้ยเอาค่า รักษาพยาบาล ค่าทดแทน หรือค่าปลงศพที่บริษัทได้สำรองจ่ายไปคืนจากบริษัทผู้รับประกันภัยรถที่เป็นฝ่ายต้องรับผิดตาม กฎหมายนั้น ในทางกลับกันหากบริษัทผู้รับประกันภัยรถอื่น ได้สำรองจ่ายค่ารักษาพยาบาล ค่าทดแทน หรือค่าปลงศพให้ แก่ผู้ประสบภัย หรือทายาทของผู้ประสบภัยที่โดยสารมาหรือกำลังขึ้น หรือกำลังลงจากรถที่ตนรับประกันภัยไว้ หรือผู้ ประสบภัยที่อยู่นอกรถตามวรรคสองแล้ว และปรากฎว่าอุบัติเหตุนั้น เกิดจากความประมาทของผู้ขับขี่ หรือผู้โดยสารที่ เอาประกันภัยไว้กับบริษัทแล้ว บริษัทตกลงจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาล ค่าทดแทน หรือค่าปลงศพคืนแก่บริษัทผู้รับประกันภัย รถอื่นนั้น ภายในกำหนด 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับการร้องขอ ข้อ 6. เครื่องหมาย บริษัทต้องส่งมอบเครื่องหมายให้แก่ผู้เอาประกันภัย เพื่อติดเครื่องหมายนั้นไว้ที่หน้ากระจกรถ กรณีไม่มี กระจกหน้ารถ ให้ติดเครื่องหมายไว้ที่ซึ่งสามารถมองเห็นได้ชัดเจน ข้อ 7. การคุ้มครองผู้ขับขี่ บริษัทจะถือว่าบุคคลใด ซึ่งขับขี่รถโดยได้รับความยินยอมจากผู้เอาประกันภัย เสมือนหนึ่งเป็น ผู้เอาประกันภัยเอง และบุคคลนั้นต้องปฏิบัติตนเสมือนหนึ่งเป็นผู้เอาประกันภัยเอง และอยู่ภายใต้ข้อกำหนดตามกรมธรรม์นี้ ข้อ 8. การคุ้มครองความรับผิดของผู้โดยสาร กรมธรรม์นี้ให้ความคุ้มครอง เมื่อผู้โดยสารนั้นจะต้องรับผิดจากรถที่ใช้ หรือ อยู่ในทาง หรือสิ่งที่บรรทุก หรือติดตั้งในรถนั้น ข้อ 9. การแจ้งอุบัติเหตุ เมื่อมีความเสียหายต่อผู้ประสบภัยจากรถ ผู้เอาประกันภัยหรือผู้ขับขี่ต้อง : - 9.1 แจ้งให้บริษัททราบโดยไม่ชักช้า 9.2 ส่งต่อให้บริษัททันทีเมื่อได้รับหมายศาล หรือคำสั่ง หรือคำบังคับของศาล 9.3 มีหนังสือบอกกล่าวให้บริษัททราบทันที เมื่อมีการดำเนินคดีแพ่ง หรือคดีอาญาทางศาลอันอาจทำให้เกิด สิทธิเรียกร้องตามกรมธรรม์นี้ ถ้าผู้เอาประกันภัยมิได้ปฏิบัติตามข้อนี้ บริษัทอาจเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากผู้เอา ประกันภัยเพื่อความเสียหายใดๆ อันเกิดจากการนั้น เว้นแต่ผู้เอาประกันภัยจะพิสูจน์ได้ว่าจะไม่สามารถปฏิบัติได้ ข้อ 10. การจัดการเรียกร้อง 10.1 ผู้เอาประกันภัยจะต้องไม่ตกลงยินยอม เสนอ หรือให้สัญญาว่าจะชดใช้ค่าเสียหายให้แก่บุคคลใด โดย ไม่ได้รับความยินยอมจากบริษัท เว้นแต่ความเสียหายนั้น ผู้เอาประกันภัยเป็นฝ่ายที่จะต้องรับผิดชอบตามกฎหมาย และบริษัทไม่จัดการต่อการเรียกร้องนั้น 10.2 บริษัทมีสิทธิเข้าดำเนินการต่อสู้คดี 10.3 บริษัทมีสิทธิฟ้องบุคคลใดให้ใช้ความเสียหายเพื่อประโยชน์ของบริษัทในนามของผู้เอาประกันภัย ในการ นี้ผู้เอาประกันภัยต้องให้ข้อเท็จจริงและให้ความช่วยเหลือแก่บริษัทตามสมควร 10.4 เมื่อบริษัทได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนเต็มจำนวนที่บริษัทต้องรับผิดตามข้อ 2. หรือ ข้อ 3 ตามแต่กรณีแล้ว ก่อนดำเนินคดีทางศาล บริษัทไม่ต้องรับผิดชอบต่อสู้คดีแทนผู้เอาประกันภัย 10.5 กรณีบริษัทปฏิเสธการชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ผู้เสียหายได้นำคดีขึ้นสู่ศาล หรือเสนอข้อพิพาทต่อ อนุญาโตตุลาการ หรือตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ โดยคิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ข้อ 11. การแจ้งความ เมื่อมีการกระทำความผิดในทางอาญาโดยบุคคลใด ซึ่งทำให้เกิดสิทธิเรียกร้องตามกรมธรรม์ ผู้เอาประกันภัยต้องแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยไม่ชักช้า ข้อ 12. ค่าใช้จ่ายต่อสู้คดี ถ้าผู้เอาประกันภัยถูกฟ้องศาลให้ใช้ค่าเสียหาย ซึ่งการประกันภัยนี้มีการคุ้มครอง บริษัท จะต่อสู้คดีในนามของผู้เอาประกันภัยโดยค่าใช้จ่ายของบริษัท ข้อ 13. การโอนรถ ในกรณีที่รถที่เจ้าของได้เอาประกันภัยไว้กับบริษัท ได้โอนไปยังบุคคลอื่น ให้ผู้ได้มาซึ่งรถดังกล่าว มีฐานะเสมือนเป็นผู้เอาประกันภัยตามกรมธรรม์ประกันภัยนั้น และบริษัทต้องรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยดังกล่าว ต่อไปตลอดอายุของกรมธรรม์ประกันภัยที่ยังเหลืออยู่ ข้อ 14. การใช้รถ กรณีใช้รถในเวลาที่เกิดอุบัติเหตุนอกเหนือจากที่ระบุไว้ในรายการ 7 ของตารางซึ่งทำให้การ เสี่ยงภัยเพิ่มขึ้น ผู้เอาประกันภัยต้องชดใช้ค่าเสียหายคืนให้บริษัทตามจำนวนที่บริษัทได้จ่ายไปแต่ไม่เกิน 2,000 บาท ข้อ 15. การเลิกกรมธรรม์ 15.1 บริษัทจะบอกเลิกกรมธรรม์นี้ได้ด้วยการส่งหนังสือบอกกล่าวล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 30 วัน โดยทาง ไปรษณีย์ลงทะเบียน ตอบรับถึงผู้เอาประกันภัยตามที่อยู่ครั้งสุดท้ายที่แจ้งให้ทราบ ในกรณีนี้บริษัทจะคืนเบี้ยประกันภัย ให้แก่ผู้เอาประกันภัย โดยหักเบี้ยประกันภัยสำหรับระยะเวลาที่กรมธรรม์ได้ใช้บังคับมาแล้วออกตามส่วน 15.2 ผู้เอาประกันภัยจะบอกเลิกกรมธรรม์นี้ได้ โดยแจ้งให้บริษัททราบเป็นลายลักษณ์อักษร และมีสิทธิได้รับ เบี้ยประกันภัยคืนตามอัตราคืนเบี้ยประกันภัยที่ระบุไว้ข้างล่างนี้ จำนวนเดือนที่คุ้มครอง 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 เบี้ยประกันภัยคืนร้อยละ 80 70 60 50 40 30 20 15 10 0 0 0 การบอกเลิกกรมธรรม์ตาม 15.1 หรือ 15.2 ผู้เอาประกันภัยจะต้องส่งเครื่องหมายคืนให้แก่นายทะเบียน หรือทำลายเครื่องหมายนั้นให้ใช้การไม่ได้ มิฉะนั้นจะมีความผิดตามกฎหมาย ข้อ 16. การระงับข้อพิพาทโดยอนุญาโตตุลาการ ในกรณีที่มีข้อพิพาท ข้อขัดแย้ง หรือข้อเรียกร้องใดๆ ภายใต้กรมธรรม์ ประกันภัยฉบับนี้ ระหว่างผู้มีสิทธิเรียกร้องตามกรมธรรม์ประกันภัยกับบริษัท และหากผู้มีสิทธิเรียกร้องประสงค์ และเห็น ควรยุติข้อพิพาทนั้น โดยวิธีการอนุญาโตตุลาการบริษัทตกลงยินยอมและให้ทำการวินิจฉัยชี้ขาดโดยอนุญาโตตุลาการ ตามข้อบังคับกรมการประกันภัยว่าด้วยอนุญาโตตุลาการ ข้อ17. การตีความตามกรมธรรม์ประกันภัย : ความหมายและเจตนารมณ์ของข้อความที่ปรากฏในกรมธรรม์ประกันภัยนี้ รวมทั้งเอกสารที่แนบท้ายและเอกสารประกอบให้ตีความตามที่นายทะเบียนได้ให้ความเห็นชอบไว้ ข้อ18.ข้อยกเว้น การประกันภัยไม่คุ้มครองความรับผิดอันเกิดจาก : - 18.1 สงคราม การรุกราน การกระทำของชาติศัตรู การสู้รบ หรือการปฏิบัติการที่มีลักษณะเป็นการทำสงคราม ( จะได้ประกาศสงครามหรือไม่ก็ตาม ) 18.2 สงครามกลางเมือง การแข็งข้อของทหาร การกบฏ การปฎิวัติ การต่อต้านรัฐบาล การยึดอำนาจการ ปกครองโดยกำลังทหารหรือโดยประการอื่น ประชาชนก่อความวุ่นวายถึงขนาด หรือเท่ากับการลุกฮือต่อต้านรัฐบาล 18.3 วัตถุอาวุธปรมาณู 18.4 การแตกตัวของประจุ การแผ่รังสี การกระทบกับกัมมันตภาพรังสีจากเชื้อเพลิงปรมาณู หรือจากกาก ปรมาณูอันเกิดจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงปรมาณู และสำหรับจุดประสงค์ข้อสัญญานี้การเผาไหม้นั้นรวมถึงกรรมวิธีใด ๆ แห่งการแตกแยกปรมาณูซึ่งดำเนินติดต่อไปด้วยตัวของมันเอง 18.5 ความเสียหายที่เกิดจากรถที่ถูกยักยอก ฉ้อโกง กรรโชก ลักทรัพย์ รีดเอาทรัพย์ ชิงทรัพย์ หรือปล้นทรัพย์ 18.6 การใช้นอกประเทศ 18.7 การใช้ในทางที่ผิดกฎหมาย ได้แก่ ใช้รถไปปล้นทรัพย์ ชิงทรัพย์ หรือใช้ขนยาเสพติด เป็นต้น 18.8 การใช้ในการแข่งขันความเร็ว ข้อ 19. ข้อสัญญาพิเศษ ภายใต้จำนวนเงินคุ้มครองของผู้ประสบภัยที่ระบุไว้ในตาราง บริษัทจะไม่ยกเอาความไม่สมบูรณ์ แห่งกรมธรรม์ประกันภัย หรือความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของผู้เอาประกันภัย หรือเงื่อนไขแห่งกรมธรรม์นี้ เว้นแต่ ข้อ 18.1 18.2 18.3 18.4 18.5 และ 18.6 เป็นข้อต่อสู้ผู้ประสบภัยเพื่อปฏิเสธความรับผิดตามกรมธรรม์นี้ ต่อผู้เอาประกันภัยเพราะกรณีดังกล่าวข้างต้นนั้นซึ่งผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดต่อผู้ประสบภัย ผู้เอาประกันภัยต้องใช้จำนวน เงินที่บริษัทได้จ่ายไปนั้นคืนให้บริษัทภายใน 7 วัน ที่มา: http://www.siamdriver.com
จากคุณ |
:
greg
|
เขียนเมื่อ |
:
4 เม.ย. 54 15:22:03
A:182.53.195.202 X: TicketID:312270
|
|
|
|
 |