 |
ความคิดเห็นที่ 55
หมอกับคนขับแท๊กซี่
ผมเลือกหมอให้มีชีวิตอยู่ครับ ทำประโยชน์ได้เยอะ
พวกคนขับแท๊กซี่หาที่ไหนก้อได้ เดินหน้าบ้านแล้วโบกๆก้อได้แระ
ฐานะทางสังคมมันต่างกัน หมอไม่ได้คิดจะเป็นก้อได้นะครับ
แต่พวกคนขับแท๊กซี่เดินเข้ามากรุงเทพไม่มีไรทำก้อทำได้ ฮึ จากคุณ : ของกำนัลจากนรกคือความเจ็บปวด เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 54 22:10:24
------------------------------------
อ่านแล้วสลด เดียวนี้ยังมีคนคินแบบนี้อีกหรอ ฐานะทางสังคมมันต่างกัน แต่ค่าความเป็นคนเราเท่ากันหมดครับ และอีกอย่างคุณหรือว่าใครๆ ไม่มีสิทธิมาเลือกว่าให้ใครอยู่หรือใครตาย เว้นแต่คำพิพากษาตามบทบัญญัติของกฎหมาย
เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2491 ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนได้ถือกำเนิดขึ้นโดยการรับรองของที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สำหรับเป็นหลักประกันสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐานของมนุษย์ทุกคน โดยไม่มีการแบ่งแยกหรือเลือกปฏิบัติทางใดทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นด้านเชื้อชาติ สีผิว เพศ อายุ สถานะทางสังคม ศาสนาและวัฒนธรรม และได้กลายเป็นเอกสารประวัติศาสตร์ในการวางรากฐานด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศในเวลาต่อมา ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ร่วมรับรองปฏิญญาฉบับนี้ในปี 2491 ท่ามกลางบรรยากาศหลังสงครามโลกครั้งที่สองที่เรียกร้องถึงสันติภาพ การเคารพสิทธิมนุษยชนและศักดิ์ศรีของมนุษย์ เพื่อป้องกันมิให้เกิดโศกนาฏกรรมที่ทำลายล้างชีวิตของมนุษยชาตินับล้านคนขึ้นอีกในอนาคต โดยวันที่ 10 ธันวาคมของทุกปี ซึ่งเป็นวันที่ที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติรับรองปญิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนนั้นจึงถือเป็นวันสิทธิมนุษยชนโลก
60 ปี ภายหลังการรับรองปฏิญญาสากลฯ มีกฎหมายระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชนได้รับการพัฒนาตามมาหลายฉบับ ซึ่งล้วนแต่แตกลูกออกมาจากข้อบทต่างๆ ในปฎิญาสากลฯ ทั้งสิ้น กฎหมายระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชนที่สำคัญในปัจจุบัน ประกอบด้วยอนุสัญญาฯ หลัก 9 ฉบับ ได้แก่
(1) กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง
(International Covenant on Civil and Political Rights-ICCPR)
(2) กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม
(International Covenant on Economic, Social and Cultural Rights-ICESCR)
(3) อนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติในทุกรูปแบบต่อสตรี
(Convention on the Elimination of All Forms of Discrimination Against Women-CEDAW)
(4) อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก (Convention on the Rights of the Child-CRC)
(5) อนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกประติบัติทางเชื้อชาติในทุกรูปแบบ
(Convention on the Elimination of All Forms of Racial Discrimination-CERD)
(6) อนุสัญญาว่าด้วยการต่อต้านการทรมานและการประติบัติหรือการลงโทษอื่นที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรี
(Convention against Torture and Other Cruel, Inhuman or Degrading Treatment or Punishment- CAT)
(7) อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิคนพิการ (Convention on the Rights of Persons with Disabilities - CRPD)
(8) อนุสัญญาว่าด้วยการป้องกันบุคคลจากการหายสาบสูญโดยถูกบังคับ
(Convention on the Protection of All Persons from Enforced Disappearance - CED)
(9) อนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองสิทธิของแรงงานโยกย้ายถิ่นฐานและสมาชิกในครอบครัว
(Convention on the Protection of the Rights of Migrants Workers and Member of their Families MWC)
ประเทศไทยได้เข้าเป็นภาคีกฎหมายระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชนฉบับที่ 1- 7 แล้ว เพื่อเป็นหลักประกันต่อการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชนไทยทุกคน อันเป็นการสะท้อนถึงบทบาททางด้านสิทธิมนุษยชนของไทยที่อยู่ระดับแนวหน้าเมื่อเปรียบเทียบกับอีกหลายประเทศต่างๆ ในโลก
| จากคุณ |
:
พลอยอนันท์
|
| เขียนเมื่อ |
:
18 เม.ย. 54 23:03:05
|
|
|
|
 |