Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
คำแนะนำ:ท่านที่กำลังจะติดแก็สแล้วติดแก็สแล้ว-แบบรวมๆครับ ติดต่อทีมงาน

ผมติดของ Versus มาได้ 3xxxx กม. แล้วครับ

รถผม Tiida 1.6 ครับ

** ท่านที่ไม่ได้ใช้ Tiida ข้ามไปอ่านข้อ 3 ได้เลยครับ


เรามาเข้าเรื่องกันดีกว่าครับ
สิ่งที่ผมเขียนขึ้น ก็เพื่อช่วยให้คนที่กำลังตัดสินใจว่าจะติดแก็สให้น้อง tiida ดีไหม
และ สำหรับคนที่ติดแก็สมาแล้วที่กำลังกังวลใจอยู่ว่า เข้ามาอ่านหัวข้อ Gas ทีไรไม่เคยมีความสุขเลย
ก็รถเราดันเอาไปติดแก็สแล้ว มีแต่คนมาโพสว่า เครื่องยัน วาล์วไหม้ อ่านแล้วอาจจะเครียดเกินไป อิอิ

สำหรับคนที่จะเอารถ tiida ไปติดแก็ส และกำลังตัดสินใจอยู่
1 รถ tiida ติดแก็สได้ไหม
   - ติดได้ครับ
  คำแนะนำจากผม หากคุณมีทางเลือกทางอื่น เช่น มีรถคันอื่นที่สามารถติดแก็สได้ (มีรถหลายคัน) อยากให้เลือกคันอื่นมากกว่า
  แต่ถ้าคุณมีรถใช้คันเดียว ก็แนะนำว่าติดให้เจ้า Tiida ได้ครับ แต่มีหลายอย่างที่ต้องเปลี่ยนไป โดยเฉพาะพฤติกรรมการขับรถ
  และความคิด ที่ต้องคิดอยู่เสมอว่า นี่คือรถที่ถูกดัดแปลงแล้ว (จะกล่าวถึงในข้อต่อๆไป)

2 ไปที่อู่ อู่บอกว่าเครื่องรถ Tiida ห่วย ไม่ทน อย่าติดแก็ส ?
  - ถูกครึ่งเดียวครับ
   คำแนะนำจากผม ถ้าเราไม่เอารถไปติดแก็ส เครื่องยนต์ tiida เป็นเครื่องที่ดีที่สุดในรถกลุ่มเดียวกัน และเหนือกว่าเครื่องยนต์
   พวกรถ city car ด้วยซ้ำ แต่เมื่อเปลี่ยนไปติดแก็ส คำตอบที่ได้คือ ห่วยที่สุดในกลุ่มรถตลาด แต่ไม่ใช่เรื่องที่ต้องซีเรียส
   เพราะรถใหม่ๆ ทุกค่ายมันก็ไม่ทนแก็สเหมือนกัน ขนาดรถเจ้าตลาดที่เป็นแท็กซี่มันก็ต้องตีใหม่ทุกๆ 3-4 เดือนครับ
   ตั้งใจไปติดแก็สแล้ว ไปถึงอู่ ไม่ต้องเปลี่ยนความคิดครับ

3 ควรติดระบบ mix หรือระบบ หัวฉีด
  - ติดได้ทั้ง 2 ระบบครับ
  คำแนะนำจากผม ไม่ควรติดระบบ mix ถึงแม้ว่าจะติดและใช้งานได้ แต่ระยะยาวจะมีปัญหามากกว่า อ่านต่อไปเรื่อยๆ แล้วจะทราบ
  เองครับ ว่ามีหลายอย่างที่ต้องทำหลังติดแล้วที่ระบบ mix ทำไม่ได้ ระบบ mix ถูกเงินตอนติดตั้ง แต่ระยะยาวจะเหนื่อยกว่าครับ

4 ถ้าตัดสินใจว่าจะติดระบบ mix แล้วควรต้องดูอะไรบ้าง
  1. เช็คเรื่องปั้มติ๊กน้ำมันให้ดีครับ อู่ที่ติดตั้งเชื่อใจได้ไหม ตัดปั้มติ๊กทิ้งไปจริงรึเปล่า หรือ ว่าให้มันทำงานตลอดเวลา
  2. เช็คเรื่องไฟเตือนเครื่องยนต์โชว์ที่หน้าปัด  เรื่องนี้สำคัญ ถ้าติดระบบ mix มาต้องจูนให้ดี ไฟเครื่องต้องไม่โชว์
       และอู่ที่ติดตั้งต้องเชื่อใจได้ ว่าเขาจูนได้ดีจริงๆ ไม่ใช่ไปตัดระบบไฟโชว์ทิ้งนะครับ การติดตั้งระบบ mix ที่ดีไฟเครื่องยนต์
       ต้องไม่โชว์ให้เห็นครับ อู่ไหนบอกว่า เป็นเรื่องธรรมดา ก็เราเปลี่ยนจากน้ำมันไปใช้แก็ส เครื่องมันก็ต้องตรวจเจอ
       ให้หาอู่ทำใหม่ได้เลย อู่นี่สับแต่พูด เก่งจริงติดตั้งมาไฟเครื่องต้องไม่มี (แต่ก็ไม่ใช่แอบตัดไฟมันทิ้งนะ)
  3. อีก 1 เรื่องที่สำคัญและควรติดตั้ง คือตัวป้องกันระบบแบล๊กไฟ ครับ สมควรติดไว้นะครับ บางครั้ง บางจังหวะ แก็สจ่ายไม่ทัน
       จ่ายบางเกินไป มันก็สามารถระเบิดออกมาได้ครับ ซึ่งถ้าติดตัวกันไว้ ตัวกรองอากาศเราก็จะไม่เกิดความเสียหาย
       แต่ถ้าไม่ติดไว้ เมื่อเกิดระเบิดขึ้น กรองอากาศอาจแตกได้ครับ
   4. ตัวป้องกันแบล๊กไฟ ถามตำแหน่งติดตั้งของช่างให้ดี ดูว่าเมื่อมันทำงานแล้ว จังหวะที่มันยืดตัวออก มันไปตีเข้ากับสายไฟ
       หรือ ส่วนอื่นๆหรือไม่ ควรเลือกตำแหน่งติดให้ดี และเมื่อเกิดการระเบิด เมื่อมันยืดตัวออกต้องไม่ไปชนเข้ากับตัวอื่นๆ
       
5 ถ้าติดระบบ mix มาแล้วไฟเครื่องยนต์โชว์ต้องทำไง
  - ต้องเปลี่ยนร้านดูแล้วละครับ ถ้าอู่เดิมทำให้หายไม่ได้ เอาเข้าไปที่เดิมบ่อยๆ สุดท้ายโดนตัดไฟทิ้ง ถอดหลอดออก ก็จบแล้วครับ
  ลองหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ใน gasthai

6 ระบบหัวฉีด ติดแล้วประหยัดกว่าระบบ mix ไหม
  - อาจจะประหยัดกว่า หรือไม่ประหยัดกว่า หรือแทบไม่แตกต่างกัน อ่านแล้วงงไหมครับ
  มันขึ้นอยู่กับการปรับจูนการจ่ายแก็สครับ ถ้าถามถึงความประหยัดมันก็แทบไม่ต่างกัน ถ้าตั้งจูนมาดีๆ อย่างเจ้า soluna ตัวเก่าผม
  ก็กินอยู่ที่ 0.76 บาทต่อกม. ความเร็วปลายก็อัดได้ 150-155 km./h ซึ่งถ้าดูจากความเร็วปลาย มันเป็นระบบ mix ที่ไม่ได้ตั้ง
  แก็สมาเพื่อประหยัดนะครับ
  คำตอบคือ มันแตกต่างกันน้อยมากครับ มันไม่ใช่ประเด็นหลักในการเลือกระบบหัวฉีด

7 การเลือกยี่ห้อของระบบหัวฉีดแก็ส
  - จริงๆ แล้วใครที่กำลังศึกษาอยู่ หรือ เลือกติดไปแล้ว ถ้าศึกษาดูดีๆ จะพบว่า ระบบหัวฉีดของแทบทุกเจ้า มีความสามารถในการ
   ทำงานแทบไม่แตกต่างกันครับ  คุณสามารถเลือกของเจ้าไหนก็ได้ ตามกำลังเงินที่มีในกระเป๋า
   แต่ผมมีคำแนะนำสำหรับระบบหัวฉีดสักนิดนะครับ
    7.1 ตรวจสอบอุปกรณ์ทุกตัวว่าทางร้านเลือกใช้ของยี่ห้ออะไรบ้าง (ควรใช้ที่เป็น Set เดียวกันนะครับ ผมถึงเลือก Versus ไงคราับ )
    7.2 สอบถามเรื่องการเจาะติดหัวฉีด ว่าเจาะลักษณะไหน เจาะที่ตัวเครื่อง หรือว่าเจาะที่ท่อไอดี
          หากทำการเจาะที่ตัวเครื่อง การเจาะที่ดีควรจะมีวัสดุมาป้องกันหรือรองรับเศษชิ้นส่วนที่ทำการเจาะไม่ให้หลุดเข้าไปในตัวเครื่อง
    7.3 หม้อต้ม
          ตรวจสอบยี่ห้อที่ร้านเลือกใช้ ว่ามีปัญหาหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแรงดันที่หม้อต้มทำได้ สามารถจ่ายแก็สได้ทุกช่วงรอบเครื่อง
          หม้อต้มทนแรงดันสูงๆได้มากขนาดไหน หรือ หม้อต้มมีปัญหาเรื่องสปริงเมื่อใช้งานไปนานๆ หรือไม่
    7.4 ตรวจสอบการเดินท่อแก็ส และ ท่อทองแดง ที่ร้านเลือกใช้ ได้มาตรฐานหรือไม่ เดินท่อแก็สจากท้ายรถมาด้านหน้าของรถ
          ยึดเกาะมากับตัวถัง ต้องไม่ใช่จุดต่ำสุดของตัวรถ วัสดุที่ร้านเลือกใช้ในการยึดเกาะมากับตัวถัง จะมีปัญหาในระยะยาวหรือไม่
    7.5 ถังแก็ส
          ส่วนมากมักจะเป็นถังมัลติวาล์วแล้ว การตรวจสอบเบื้องต้น ควรดูให้แน่ใจว่าเราไม่โดนย้อมแมวขายถังเก่าให้นะครับ ถังแก็ส มักจะเป็นแบบระบบตัดออโต้ เมื่อทำการติดตั้งแล้ว ต้องไม่ลืมตรวจเช็คว่าสามารถตัดอัตโนมัติได้จริงหรือไม่
***  ยกตัวอย่างเช่น หารรถดับระหว่างการขับขี่ ถังแก็สมีการปิดวาล์วอัตโนมัติจริงไหม อย่าลืมตรวจสอบก่อนการรับรถด้วยครับ
    7.6 จุดเติมแก็ส ก็ควรตรวจสอบ
          บางครั้ง ก็มีความผิดพลาดที่จุดนี้ได้ หากสปริงที่เขาใช้ติดตั้งใกล้เสื่อมสภาพ หรือไม่ได้มาตรฐาน อาจทำให้การเติมแก็ส
          ต้องเลือกหัวเติม จะเติมได้เพียงบางแบบเท่านั้น หัวเติมแก็สที่ดีควรสามารถเติมได้ทุกหัวจากปั้มแก็ส
   7.7 ยี่ห้อหัวฉีด
          จริงๆแล้ว ความสามารถของหัวฉีดแต่ละเจ้าจะไม่แตกต่างกัน แต่หากศึกษาดูรายละเอียดแล้วสิ่งที่แตกต่างกัน
          คือ ความละเอียดในการจ่ายแก็ส ผมไม่ขอบอกยี่ห้อ แต่อยากให้ลองหาข้อมูลดูครับ
          บางเจ้าสามารถจ่ายแก็สได้ ละเอียดสุดที่หลักหน่วย เช่น  1110 หน่วย แต่บางยี่ห้อจ่ายได้ 1110.1 บางเจ้าได้มากกว่า
          ถึงระดับ 1110.11 ครับ ถ้าเครื่องยนต์รุ่นเก่า คงไม่ค่อยมีผล แต่หากเป็นเครื่องยนต์รุ่นใหม่ๆ ความละเอียดในการจ่าย
          ค่อนข้างสำคัญ ต่อสัดส่วนหนาบาง ของการจ่ายแก็สครับ

คำแนะนำเพิ่มเติม
          หากคุณ มีความรู้สามารถใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ได้ดีในระดับหนึ่ง  และ มีเครื่องโน้ตบุคใช้อยู่แล้ว ผมแนะนำให้แจ้ง
          ร้านที่คุณไปติดตั้งว่า ขอซื้อชุดสายปรับจูนคอมฯหัวฉีด 1 ชุด และถามเขาดูว่า ยอมให้ copy โปรแกรมปรับจูนแก็สหรือไม่
          ร้านที่ดี มักจะให้คุณตามคำขอข้างต้น  ทำไมผมจึงแนะนำแบบนี้  เนื่องจากหลังจากที่เราใช้งานแก็สไปแล้ว เราควรที่จะสามารถ
          ปรับตั้งจูนเองได้ และ สามารถตรวจสอบความผิดปรกติของระบบแก็สได้ โดยที่ไม่ต้องไปที่อู่หรือร้านติดตั้ง

การใช้งานโปรแกรมปรับจูนแก็สใช้ยากไหม ?
        คำตอบคือ ง่ายมากครับ
          โปรดหาคู่มือการใช้งานแต่ละยี่ห้อมาศึกษาดู ไม่ยากอย่างที่คิด แต่ผมขอแนะนำเบื้องต้นไว้แบบนี้แล้วกันครับ
          1. มันมีแทบคำสั่ง "ปรับจูนอัตโนมัติ" คุณสามารถเลือกคำสั่งนี้ แล้วใช้น้ำมันเร่งเครื่องตั้งแต่รอบเดินเบา ไปจนถึงรอบระดับ 5-6 พัน
              รอบได้เลย ทำสัก 2-3 ครั้งก็พอ โปรแกรมจะจดจำค่าการจ่ายน้ำมันไว้ หลังจากนั้นคุณก็สามารถเซ็ตค่านี้ให้กับระบบแก็สได้เลย
              ประโยชน์ที่ได้คือ เครื่องมีการใช้งานทุกวัน ย่อมมีการสึกหร่อ ควรมีการปรับตั้ง จูนใหม่ทุกครั้งเพื่อความถูกต้องอาจจะทุก
              5000 กม. ก็ได้ครับ สามารถทำได้เอง
          2. ส่วนประโยชน์อีกข้อคือ โปรแกรมปรับจูนแก็ส จะมีแทบคำสั่ง "error log" ที่เราสามารถเปิดดูได้ว่า ระบบแก็สมีปัญหาอะไร
              หรือไม่ ซึ่งมันจะเขียนข้อผิดพลาดในระบบไว้ให้เราได้เห็นกันเลยครับ

การใช้งานแก็สทั้งระบบ mix และระบบหัวฉีดของ tiida

    สิ่งที่ผมจะเขียนแนะนำต่อไปนี้ เป็นสิ่งที่ผมเคยรู้มาก่อน แต่! ไม่เคยทำครับ สารภาพกันตรงนี้ ถ้าถามว่ารู้แต่ทำไมไม่ทำ
     ก็มันยุ่งยากหนะครับ รถคันอื่นๆที่ผมใช้แก็ส ไม่เห็นต้องมายุ่งยากแบบนี้ ขับๆๆๆๆ อย่างเดียว วิ่งมา 2 แสนกว่า ก็ยังไม่เห็นพัง
     แต่กับ tiida มันไม่ได้ครับ โดยเฉพาะกับรถเก๋งทุกเจ้าในตลาดนั้นแหละครับ แต่ทุกคนจะรักเจ้า tiida มากขึ้น เมื่อมันพัง!
    แล้วทำไมต้องซ่อมก่อนถึงค่อยทำละครับ  

   
1. สตาร์ทรถด้วยน้ำมันเสมอ
     
2. ทุกครั้งที่เครื่องเย็น ตอนเช้า หรือพึ่งเริ่มใช้รถ ถึงแม้จะเป็นระบบตัดไปใช้แก็สอัตโนมัติ ก็ควรที่จะขับน้ำมันไปก่อน จนกว่า
         จะแน่ใจว่าเครื่องร้อนแล้ว จึงสับไปเป็นแก็สครับ เพียงแค่กดปุ่ม คงไม่ลำบากใช่ไหมครับ (สมัยก่อนมันลำบากกับผมมากเลย)
   
3. มีคนเคยถามว่า แล้วตอนจะจอดจำเป็นต้องสับกลับไปใช้น้ำมันไหม
         - สับกลับไปใช้น้ำมันก็ได้ครับ ถ้า ย้ำว่าถ้า นะครับ ถ้าคุณไม่ได้ขับรถระยะทางไกลๆมาก่อน
     
4. ควรเปลี่ยนนิสัยการขับขี่รถ ทุกครั้งที่เปลี่ยนไปใช้แก็ส มีเรื่องที่ต้องระวังดังนี้
          4.1 ไม่ควรขับรถลากรอบเครื่อง
          4.2 ไม่ควรขับกระชากเครื่อง
          4.3 ไม่ควรขับรถเกิน 3 พันรอบ เป็นเวลานานๆ (เมื่อก่อนผมขับประจำ วิ่งที 8-12 ชม.)
            หากคุณเป็นคนขับรถเร็ว ใจร้อน เมื่อใช้แก็สกับเจ้า tiida ผมมีคำแนะนำให้อย่างเดียว รักษารอบเครื่องทีประมาณ 3 พันรอบ
                ก็เพียงพอแล้วต่อการเดินทางไกล อาจจะไม่เร็วถึงระดับ 140 km/h เหมือนเมื่อก่อน แต่ความเร็วระดับ 120 km/h ก็เพียง
                พอต่อการเดินทางไกลโดยใช้แก็สแล้วครับ หากอยากไปถึงที่หมายให้เร็วเหมือนเดิม ลองเปลี่ยนจากขับรถเร็วเป็นมาขับรถ
                เพื่อทำให้ 1 ชม. ที่วิ่งรถมาสามารถทำระยะทางได้ 100 km ดีไหมครับ งงรึเปล่า ?

5. เวลาเดินทางไกลมีคนบอกว่าต้องวิ่งสลับน้ำมันบ้าง ?
       - อันนี้ถูกต้องครับ แต่มีวิธีคิดฝากไว้ให้คิดนิดนึง
          หากคุณต้องเดินทางไกล สมมุติว่าต้องขับสัก 300 km.  คุณไม่ควรขับด้วยแก็สจนครบ 300 km. ควรมีการสลับน้ำมันบ้าง
          (เริ่มมีคนคิดว่า มันเปลือง) เหมือนผมแหละ จนกว่าเครื่องจะพังแล้วจะเข้าใจ ฮ่า
          การขับแบบถนอมเครื่องนั้น ควรมีการสลับไปใช้น้ำมันบ้าง แต่ควรทำดังนี้
          เมื่อขับมาด้วยแก็สอาจจะสัก 150 km. คุณควรจะแวะเข้าปั้ม เพื่อพักรถ หรือพักผ่อนบ้าง ระหว่างนี้เครื่องรถจะได้พักและเย็นลง
          หลังจากพักเสร็จ เริ่มออกเดินทาง ควรจะวิ่งน้ำมันอย่างน้อยๆก็สัก 50-100 km. แล้วแต่ว่าอยากวิ่งมากขนาดไหน ระหว่างที่วิ่ง
          อยู่ เมื่อถึงระยะที่ตั้งใจแล้ว ก็สามารถสลับไปใช้แก็สวิ่งต่อได้เลย โดยไม่ต้องพักเครื่อง แต่ !! เมื่อใช้แก็สวิ่งทางไกลแล้ว
          ไม่ควรที่จะสลับกลับไปใช้น้ำมัน จนกว่าจะได้พักรถแวะปั้มอีกครั้ง คงมีคนเริ่มถามว่าทำไม
          ถ้าเทียบอุณหภูมิที่เกิดจากการเผาไหม้จะได้   อุณหภูมิของน้ำมัน <  แก็ส  <  ngv  
        ซึ่งหมายความว่า หากคุณใช้น้ำมัน ห้องเครื่องจะมีอุณหภูมิที่ต่ำกว่าใช้แก็ส หากปรับรถไปใช้แก็ส จะทำให้อุณหภูมิสูงขึ้น
          ซึ่งการเพิ่มอุณหภูมิกับห้องเครื่อง จะมีปัญหาน้อย  ตรงกันข้าม หากคุณใช้แก็สวิ่งมาเป็นระยะทางไกลและนาน อุณหภูมิสะสม
          ในห้องเครื่องก็จะมีมาก เมื่อสับกลับไปใช้น้ำมัน มันคือการลดอุณหภูมิ โดยลดลงประมาณ 100 กว่าองศา (ลองค้นหาข้อมูลดูครับ)
        ซึ่งเคยมีรถของอาจารย์ท่านนึง ใช้การขับสลับ ขับสลับแบบนี้ โดยไม่พักเครื่องเวลาสลับจากแก็สเป็นน้ำมัน
          ผลปรากฏว่าเสื้อสูบทะลุ แต่นั้นเป็นความต้องการของอาจารย์ซึ่งต้องการทดสอบ เราคงไม่ต้องทดสอบกันดีกว่ามั้งครับ  
   
6. เมื่อต้องเดินทางไกล ใช้รอบเครื่องสูง ควรระวังการใช้แก็ส ไม่ควรขับจนปริมาณแก็สในถึงเหลือน้อย
    - เมื่อแก็สในถึงเหลือน้อย การจ่ายแก็สในระบบจะเริ่มไม่สมบูรณ์ โอกาสจ่ายแก็สบางจะมีสูง ในรถระบบหัวฉีดมักไม่ค่อยเห็นชัด
       แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่ได้จ่ายแก็สบาง แต่ในรถที่ติดแบบ mix มีโอกาสเกิดแบล๊คไฟร์สูง หากแก็สในถังมีน้อย + กับที่อาจ
       จะเป็นจังหวะ คลิกดาว เพื่อเร่งแซง (รถคันเก่าผมเคยระเบิดมาแล้ว)

การใช้งานในชีวิตประจำวัน อ่านแล้วเหมือนจะยุ่งยาก แต่ลองทำไปสักพักจะเคยชินเหมือนผมถ้ารู้สึกว่ามันยุ่งยาก
ลองมองดูที่ราคาน้ำมัน และราคาซ่อมบำรุง แล้วจะมีความมุ่งมั่นในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมมากขึ้นนะครับ  

การดูแลบำรุงรักษารถใช้แก็ส
1.  ต้องคอยหมั่นสังเกตกลิ่นแก๊สอย่างสม่ำเสมอ(ทุกวัน ถ้าเป็นไปได้)  เพียงแค่เดินรอบรถสักรอบ เพื่อสั่งเกตุว่ามีกลิ่นแก็ส
     รั่วออกมาบ้างหรือไหม
2.  ตอนเช้า ควรตรวจสอบใต้ท้องรถอย่างสม่ำเสมอ ว่ามีร่องรอยของเหลวหยดอยู่ที่พื้นบ้างหรือไม่
3.  คอยตรวจสอบระบบน้ำหล่อเย็นในหม้อน้ำอย่างสม่ำเสมอ  ว่าลดลง หรือ ขาดหายไปมากหรือไม่ ถ้าต้องเติมบ่อยๆให้นำรถ
    ไปตรวจเช็คสภาพ
5.  ควรตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องทุกสัปดาห์  หรือถ้าใช้รถไม่มากอย่างน้อยควรจะเดือนละครั้ง หรือทำเป็นประจำทุกครั้งก่อน
     ออกเดินทางไกล เนื่องจากระบบแก๊สจะสิ้นเปลืองน้ำมันเครื่องมากกว่าการใช้ระบบน้ำมัน การตรวจสอบน้ำมันเครื่องควรทำ
     ตอนเช้านะครับ
6.  เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องเร็วกว่ามาตรฐานที่น้ำมันเครื่องกำหนดมาจะดีกว่า หรือจะใช้วิธีดูสีของน้ำมันเครื่องก็ได้ครับ แต่ไม่ค่อย
     แนะนำ เพราะน้ำมันเครื่องบางยี่ห้อก็ผสมสารช่วยชะล้าง ทำให้มีสีเข้มได้ไว แต่บางยี่ห้อไม่มีสารชะล้าง บางครั้งก็หมดสภาพ
     แล้วแต่สียังคงความใสอยู่ ดูจากระยะทางการใช้รถจะดีกว่า
7.  เช็ควาล์ว ทุกๆ 20,000 กม.
8.  เปลี่ยนหัวเทียนทุกๆ 70,000 กม.หรือ70% ของอายุจริง (หรือตรวจเช็คเพื่อดูสภาพว่าสามารถใช้งานได้ดีอยู่หรือไม่)
9.  เช็คสภาพกรองอากาศทุกเดือน อย่าให้ตันหรือมีสิ่งสกปรกมาก หากอากาศเข้าเครื่องได้น้อยจะมีผลต่อความร้อนในห้องเครื่อง
     เป็นอย่างมาก  หากเลือกใช้กรองอากาศแบบที่สามารถถอดทำความสะอาดได้ จะประหยัดเงินได้มากกว่าในระยะยาว


การตรวจสภาพความสมบูรณ์ของเครื่องเบื้องต้นด้วยตัวเอง

สิ่งที่ผมจะแนะนำเป็นเพียงการสักเกตุเบื้องต้นนะครับ เราจะได้มีวิธีสักเกตุเบื้องต้นด้วยตัวเองได้ง่ายๆครับ
เมื่อติดเครื่องยนต์ สังเกตุอาการสั่นของเครื่อง หรือตัวรถ

1.   ติดเครื่อง นั่งอยู่ในรถใช้ระบบน้ำมัน ใส่เกียร์ N หรือ D แล้วสังเกตุว่าเครื่องมีอาการสั่นหรือไม่
ถ้าไม่มีอาการสั่น
      ให้สลับไปใช้แก็ส แล้วใส่เกียร์ N หรือ D แล้ว  แล้วสังเกตุว่าเครื่องมีอาการสั่นหรือไม่
ถ้าไม่มีอาการสั่น
      พอสรุปเบื้องต้นได้ว่า สภาพเครื่องยังใช้ได้อยู่
ถ้าเครื่องมีอาการสั่น
      พอจะสันนิฐานได้ว่า วาล์วไอเสีย เริ่มมีการยันเล็กน้อย
      ** แนะนำว่ายังสามารถใช้รถได้ (ถึงแม้เริ่มมีอาการ ก็ยังไม่แนะนำให้ไปทำเครื่องเลย เพราะการเปิดฝาทำต้องเสียค่าใช้จ่าย)

2.   ถ้าหากเครื่องสั่น ตั้งแต่เริ่มติดเครื่องโดยใช้ระบบน้ำมัน
      อาการวาล์วยันเริ่มเป็นมากขึ้น
      ** แนะนำว่ายังสามารถใช้รถได้

3.   ถ้าหาก เครื่องมีอาการสั่น เวลาที่เราเริ่มปล่อยเท้าออกจากเบรคเพื่อให้รถเริ่มเคลื่อนตัว แต่เมื่อเหยียบคันเร่งรถก็หายสั่น
      อาการนี้บอกเราได้ว่า ถึงเวลาที่ต้องเอารถเข้าปรับตั้งวาล์วได้แล้ว ส่วนมากจะเป็นที่วาล์วไอเสียที่เริ่มยันก่อน
      ** แนะนำว่าควรเอารถเข้าตรวจเช็ควาล์ว

บางคนอาจจะปล่อยปะละเลยมาจนอาการเป็นมากกว่า 3 ข้อเบื้องต้น
4.   เริ่มสังเกตุว่าเสียงท่อไอเสียท้ายรถเปลี่ยนไป มีเสียง ปุ๊ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ  
     นี่เป็นสิ่งที่บ่งบอกว่า วาล์วมีปัญหามากขึ้น กว่าที่กล่าวมาใน 3 ข้อข้างต้นแล้วนะครับ

5.  ตอนเช้าเมื่อสตาร์ทรถติดเครื่อง นอกจากได้ยินเสียงท่อไอเสียดัง ปุ๊ ๆ ๆ ๆ ๆ แล้ว ในห้องเครื่องยังได้ยินเสียงเหมือน
     เสียงลมถูกฉีดเข้าห้องเครื่อง ลองเปิดฝากระโปรงรถดูครับ หากได้ยินเสียงฉีดลมแรงๆสูบไหน ลองสักเกตุดู
     อาการขนาดนี้ อย่างที่ผมเคยเจอมา สูบรั่วแล้วครับ

6.  รวมทุกข้อที่กล่าวมา + กลิ่นจากท่อไอเสีย เหม็นไหม้เหลือเกิน + ความเร็วปลายตกลงอย่างมาก
     รถไม่มีแรง ความเร็วปลายจะเหยียบให้ได้ 120 km/h ก็ยากเหลือเกิน
     โอโฮ้ ปล่อยมาถึงระดับนี้เนี่ย บอกได้เลยครับ เป็นทุกอย่างละ นี่ถึงระดับมีวาล์วบางตัวไหม้แล้วด้วยซ้ำไป

ที่กล่าวมา 6 หัวข้อนี้ ก็เป็นการสักเกตุอาการเบื้องต้นนะครับ จากการที่ผมสังเกตุมากับตัวเอง
อ่านแล้ว หากรถตใครที่ไปติดแก็สมามีอาการอย่างข้างต้นที่กล่าวมา ไม่ต้องเหนื่อยใจ ไม่ต้องท้อแท้ใจครับ
มันเป็นเรื่องปรกติมากของรถใช้แก็ส แต่ปัญหาเหล่านี้ ไม่ได้เจอกันง่ายๆนะครับ ถ้าทุกคนรู้จักปรับตัวปรับเปลี่ยน
พฤติกรรมการใช้รถ ให้เหมาะสมกับรถที่ใช้แก็ส หากเป็นรถรุ่นเก่าๆ เราไม่ต้องดูแลกันมากขนาดนี้หรอกครับ
แต่เมื่อเราใช้รถไปมากๆ จนถึงขนาดที่ต้องตีวาล์วใหม่ รับรองครับว่า ต่อไปสามารถใช้ได้ทนกว่าเดิมเยอะครับ


การซ่อมบำรุงเครื่องยนต์
1.   หากมีปัญหาเพียงแค่วาล์วยัน
      - เจียรตูดถ้วยตั้งวาล์วใหม่ ค่าใช้จ่ายประมาณ 1200 - 1500 บาทครับ
      - การเลือกอู่ ควรเป็นอู่ที่ทำไม่เกินครึ่งวันเสร็จ ผมให้ระยะเวลาแค่นี้ครับ ถ้าอู่ไหนบอกทำเป็นวัน ให้หาอู่ใหม่
         แสดงว่าความชำนาญมีน้อยเกินไป (ในเรื่องนี้นะครับ)
     *** การเจียร์ตูดถ้วยตั้งวาล์ว ทำได้ประมาณ 3-5 ครั้ง ก็จะไม่สามารถทำได้อีก ควรประมาณระยะเวลาให้
       ถูกต้องว่าต้องตีวาล์วทำใหม่ยกชุดเมื่อไหร่ เพื่อเก็บเงินไว้คอยสำหรับการซ่อมใหญ่ ที่จะได้วาล์วที่ทนทานกว่าเดิม

2.   หากมีปัญหามากกว่าข้อ 1 คือมีอาการวาล์วไหม้ เป็นบางตัวร่วมเข้ามาด้วย
      - ค่าปิดจ๊อบนี้ ไม่ควรเกิน 5000 บาท
      - เราสามารถเลือกให้อู่เปลี่ยนเฉพาะตัวที่ไหม้ทิ้งไป และเอาตัวที่สภาพดีมาใช้ร่วมกันต่อได้ หากอู่ไหนไม่รับทำ
         ให้หาใหม่จนกว่าจะเจอ เหตุที่แนะนำแบบนี้เพราะว่าทำได้ และบางคนยังไม่พร้อมที่จะจ่ายเงินซ่อมใหญ่ในระดับ 2 หมื่นบาท
      - ระยะเวลาที่อู่รับงานจนเสร็จ ไม่ควรเกิน 3 วัน

3.  หากถึงคร่าวต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด ไม่สามารถเจียร์ เปลี่ยนได้แล้ว
     - ราคาอยู่ประมาณ 14,000 - 16,000 บาท ลองหาดูดีๆครับ
     - ระยะเวลา 4-7 วัน ในการปิดจ๊อบนี้
     ***  ไม่ควรไปทำกับศูนย์นิสสัน เพราะมันจะเปลี่ยนเอาพาทอะไหล่ตัว E20 มาให้เราใช้ ทนกว่า E10 แน่นอน แต่ไม่ทนแก็ส
     ***  ไม่แนะนำให้ทำกับศูนย์ เพราะแต่ละศูนย์เรียกค่าเสียหาย 16,000 -21,000 บาทเลย
     ***  แนะนำให้ทำกับอู่ที่จะใช้ วาล์วชนิดใหม่ มาตีเปลี่ยนให้เรา ซึ่งจะมีความทนทานกว่าของเดิมมาก สามารถใช้ได้ในระดับ
      ระยะทาง 80,000 - 100,000 กม. เลยทีเดียว (อย่าแปลกใจเพราะรถทุกคันของผม ใช้เกิน 150,000 กม. ไม่มีปัญหา)
    อย่าเอาระยะทางรถบ้านไปเทียบกับรถแท็กซี่ เพราะพวกที่มาเช่าขับรถแท็กซี่ร้อยพ่อพันแม่ เหยียบเอาๆๆ รถที่ไหนมันจะทนได้


*******เมื่อยมือเลยครับ  

หวังว่าคงช่วยเพื่อนๆได้บ้างนะครับ

สอบถามได้ที่


J_zone2@hotmail.com


โชคดีครับ

 
 

จากคุณ : jay222
เขียนเมื่อ : 31 พ.ค. 54 16:50:16




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com