ความคิดเห็นที่ 1 สาธุ จากคุณ : New (utccinter) เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 11:49:48

ความคิดเห็นที่ 2 ดีครับเป็นตัวอย่างจะได้ไม่ถูกเอาเปรียบ ทำรถมาไม่มียังไม่ยอมรับ ต่อไปจะได้ระมัดระวังในการผลิตไม่สุ่มสี่สุ่มห้าแต่จะขายอย่างเดียว ชีวิตเราก็มีค่าเหมือนกันนะ จากคุณ : โชติ เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 11:50:24 A:118.172.174.104 X: TicketID:286377

ความคิดเห็นที่ 3 ใครมีปัญหาเอาเคสนี้เป็นตัวอย่างนะครับ จากคุณ : squirrel-yacht เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 11:51:28

ความคิดเห็นที่ 4 ดี สมควรโดน จากคุณ : NaZyPuNk เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 12:04:15

ความคิดเห็นที่ 5 ....ค่าเสียหายอีก 50,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตรา 7.5 ต่อปี!!!! อิอิๆ ฟ้องมา5ล้าน แก้ไขเมื่อ 08 มิ.ย. 54 12:12:13 จากคุณ : โท๊ด9116 เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 12:10:10

ความคิดเห็นที่ 6 ทำไมได้รับค่าเสียหายน้อยจัง 50,000 บาทเอง พอๆกับค่าปรับจิ๊บๆเลย เงินแค่นี้ไม่พอจ้างทนายครับ ยินดีกับจข.รถด้วยครับ เป็นตัวอย่างที่ดีมากสำหรับบริษัทฯผลิตรถยนต์ คงไม่ใช่เฉพาะยี่ห้อนี้ จากคุณ : AutoSmart (ONT-อ้น) เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 12:25:43

ความคิดเห็นที่ 7 ตอนฟ้องเอาค่าเสียหายมันต้องเวอร์ๆไว้ก่อนครับ  เพราะมันไม่ได้ตามที่ฟ้องอยู่แล้ว ถ้าฟองเอา 50000  อาจจะได้แค่ 500 ก็ได้ จากคุณ : ton99 เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 12:28:28

ความคิดเห็นที่ 8 ศาลผู้บริโภค เหมือนว่าจะไม่เสียค่าใช้จ่ายมั๊งครับ ไม่แน่ใจว่ามีค่าทนายหรือเปล่าครับ แต่ใครมีปัญหานี่ฟ้องศาลผู้บริโภคเร็วกว่าฟ้อง สคบ. เยอะครับ จากคุณ : siranuchit เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 12:39:55

ความคิดเห็นที่ 9 vote จากคุณ : ยังมีหวัง เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 12:41:57

ความคิดเห็นที่ 10 คดีตัวอย่าง อยากให้ค่ายรถมาสนใจผู้บริโภคบ้าง ผมว่าโตต้าเองก็รู้ทั้งรู้ว่ามีปัญหาจริงๆ แต่ไม่ทำเป็นเงียบ โตต้าเตรียมรับงานต่อ เพราะ จะมีทะยอยเข้ามาฟ้องร้องอีกมากแน่ๆ จากคุณ : chaivi เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 12:54:35

ความคิดเห็นที่ 11 อยากให้เป็นคดีตัวอย่างจริง ๆค่ะ จากคุณ : ป้าแมงฯ เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 13:14:25

ความคิดเห็นที่ 12 ดีที่มีคนใส่ใจกับเรื่องพวกนี้ จากคุณ : MirrorLake เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 13:16:24

ความคิดเห็นที่ 13 แล้วคนไทย คนอื่นๆ ที่ใช้รุ่นนี้อยู่ทำอย่างไรดี ฟอร์จูนเนอร์ก็มีปัญหานี้ไม่ใช่เหรอ ทำไมศาลไม่สั่งให้โตโยต้ารับผิดชอบมากกว่านี้นะ จากคุณ : tsubasa-1974 เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 13:23:37

ความคิดเห็นที่ 14 ความยุติธรรมมีอยู่จริง    ...แต่ไม่ได้มีไว้สำหรับทุกคน   จากคุณ : smileNNa เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 13:26:07

ความคิดเห็นที่ 15 ดมไอเสียในห้องโดยสารตั้งเป็นปี ให้แค่ 50000 !!! จำได้ว่าใช้รับส่ง ลูกไปเรียนอีกอ่ะ ค่าเสียหายทำไมน้อยจัง? จากคุณ : ใต้ร่มเงาขาว-กรมท่า เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 13:27:27

ความคิดเห็นที่ 16 จิ๊บๆ จากคุณ : แมวตัวอ้วนๆเดินตกท่อ เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 13:30:45

ความคิดเห็นที่ 17 ถ้าฟอร์จูนเนอร์โดนบ้าง........โตต้ามีอ๊วกแน่ จากคุณ : optimo team เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 13:40:40

ความคิดเห็นที่ 18 เจ้าของรถนี่ คนจริง แท้ๆ เห็นว่าไม่เป็นธรรม  ก็ลงมือฟ้องเลย ไม่ได้เก่งแต่พูด จากคุณ : Ibeye เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 13:59:16

ความคิดเห็นที่ 19 น่าสงสารเจ้าของรถนะครับ กว่าจะเก็บตังซื้อได้ก็มามีปัญหา ค่าเสียหายก็ได้น้อยเกิน แต่ก็ดีครับที่สุดท้ายโชคยังเข้าข้างอยู่ จากคุณ : JAYSON ELLIS (Jayson Ellis) เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 14:20:19

ความคิดเห็นที่ 20 เยี่ยมครับ จากคุณ : Air_graphic เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 14:23:03

ความคิดเห็นที่ 21 ตัวอย่างที่ดีสำหรับผู้บริโภคชาวไทยครับ ^^ จากคุณ : BuKeZneB เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 14:25:57

ความคิดเห็นที่ 22 คดีแพ่งนี่...เอาเข้าจริงๆ จะได้เงิน...หรือรถคืน เมื่อไหร...ก็ไม่รู้ TOYOTA ~ว่าไง โชว์ MAN หน่อย จากคุณ : koroman เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 14:41:28

ความคิดเห็นที่ 23 ค่าเสียหายได้น้อยจริงๆ  บริษัทรถอาจไม่สำนึกด้วยซ้ำไป จากคุณ : Tong_U12 เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 14:44:57

ความคิดเห็นที่ 24 จาก คห. 7 ถ้าแบบนั้น เรียกซะ 100,000,000,000 (หนึ่งแสนล้าน) ได้มั้ยครับ เผื่อได้ซัก 1,000 ล้าน ก็ยังดี จากคุณ : napatn เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 14:52:30

ความคิดเห็นที่ 25 50,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตรา 7.5 ต่อปี  นับแต่วันที่ 6 ตุลาคม 2552 คิดยังงัยครับ แล้วจากปี 52 ถึง 54 ต้องจ่ายเท่าไหร่ครับ จากต้น 50000 จากคุณ : pao666 เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 14:57:46

ความคิดเห็นที่ 26 "เหตุของไอเสียเกิดจากสภาพการใช้งานของโจทก์ไม่ได้เกิดจากปัญหาการผลิต" ประโยคนี้ ฟ้งแล้ว ปรอทแตกเลย จากคุณ : XXL เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 15:24:54

ความคิดเห็นที่ 27 จำได้ว่า  คดีตัวอย่างของศาลผู้บริโภคเรื่องแรกคือ   เรื่องที่ดร.เจิมศักดิ์   ปิ่นทอง  ฟ้องสายการบินภายในแห่งหนึ่ง   ฐานที่ละเลยไม่มีเครื่องตรวจอาวุธไว้ประจำที่ตรวจผู้โดยสาร  ( ปกติจะมี ) และก็ชนะคดีด้วย จากคุณ : samr เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 15:26:32

ความคิดเห็นที่ 28 จำได้ว่า เคยเป็นกระทู้แนะนำแล้วตอนฟ้อง ก็เลยไปหามาค่ะ จะได้อ่านต่อเนื่องกัน ในกระทู้เก่า มีรายละเอียดปัญหา ลำดับเหตุการณ์ และมีคอมเม้นต์กันเยอะเลยค่ะ http://topicstock.pantip.com/ratchada/topicstock/2010/06/V9375773/V9375773.html ในสำนวนฟ้อง ฟ้องไปเกือบ 5 ล้าน.... รวมเป็นเงินที่จะต้องชำระให้กับโจทก์ที่1  เป็นเงิน 1,527,000  บาท โจทก์ที่ 2 เป็นเงิน 1,147,500   บาท โจทก์ที่ ๓ เป็นเงิน 1,147,500  บาท โจทก์ที่4  เป็นเงิน  1,147,500  บาท รวม 4,969,500 บาท แก้ไขเมื่อ 08 มิ.ย. 54 15:35:32 จากคุณ : S77 เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 15:33:52

ความคิดเห็นที่ 29 แล้วฟอจูนเนอร์โฉมไมเนอร์เชนจ์ก็เป้น ผมใช้อยู่จะไปฟ้องได้ไหมครับ จากคุณ : j.v.s.@naruk เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 15:36:53

ความคิดเห็นที่ 30 ต๊อกๆ เตรียมตัว ถ้าแก้รถผมไม่หาย มีเฮแน่ๆ จากคุณ : Boysicky เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 15:49:10

ความคิดเห็นที่ 31 ต่อไป คดี ฟ้องร้อง บ้านเราคงเยอะขึ้น ว่าแต่ กว่าจะจบคดี อีกกี่ ศาล เนี่ย จากคุณ : ก้นกบ เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 16:04:22

ความคิดเห็นที่ 32 ความยุติธรรม (พอจะ)มีอยู่จริง (ในบางครั้ง) จากคุณ : หมอเถื่อน เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 16:24:59

ความคิดเห็นที่ 33 ซื้อรถตั้งแต่ปี 2548 เกิดเรื่องเกิดราว ลากฟ้องร้องมาจนมาสรุปผลเอาปีนี้ นับรวมได้ 5 ปี นานมาก จากคุณ : A.R.T. เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 16:32:39

ความคิดเห็นที่ 34 ว่าแต่โตต้าจะอุทธรณ์มั้ยเนี่ย จากคุณ : คนแดนแก่นคูณ เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 16:46:14

ความคิดเห็นที่ 35 นานจริงๆ จากคุณ : D-FUJIMA เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 16:50:01

ความคิดเห็นที่ 36 กว่าเรื่องจะจบสู้กันยาวนานจริงๆเลยครับ จากคุณ : komfake เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 16:55:14

ความคิดเห็นที่ 37 ตูละเบื่อศาลไทยไม่เคยจะดัดแปลงหรือพัฒนาอะไรให้ดีจากเดิมเลย ถือแต่ว่าฎีกาเดิมเขาเขียนมายังไง ก็ต้องให้ไปตามนั้น หากมีสิ่งที่ดีกว่าแต่ฎีกาไม่ได้เขียนไว้ให้ก็ไม่เคยจะให้สิ่งนั้นๆ กับคนทั่วๆไปเลยให้ตายเหอะ ที่อเมริกาหรือต่างประเทศนั้น ที่เราเห็นว่าทำไมมันฟ้องกันทีได้เงินเยอะโคดๆ เพราะว่าเงินที่ได้นั้นมันมีส่วนที่เป็นค่าปรับด้วย เพื่อเป็นตัวอย่างป้องกันไม่ให้ัผู้ประกอบการเอาเปรียบผู้บริโภครายอื่นๆ ไปในตัว ที่นี้มาศาลไทย ศาลไทยไม่เคยให้เงินตรงนี้มาก่อน ทนายเขียนขอไป ศาลก็ไม่ให้ หลัีงๆไม่เขียนม่างเลย เหตุผลที่ศาลยกขึ้นอ้างนั้น เพราะศาลไม่อยากให้เกิดการค้าความเหมือนอมเริกา เลยให้แค่ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจริงเท่านั้น ที่นี้พอให้แค่เสียหายที่เกิดขึ้นจริงก็เกิดปัญหาละ เพราะมันมีผู้เสียหายหลายคน ผู้เสียหายคนอื่นๆเขาไม่ได้ฟ้องผู้ประกอบการเข้ามาด้วย เพราะอะไรก็ตามแต่เหตุผลแต่ละคน พอไม่มีค่าปรับแล้ว ผู้ประกอบการก็ไม่กลัวกันเท่าไรเพราะเงินค่าเสียหายที่จ่ายๆไปให้ผู้เสียหายแต่ละคนก็น้อยนิด ถ้าเทียบกับกำไรมหาศาลที่ตัวเองได้แล้ว มันก็คุ้มที่จะเอาเปรียบนะสิ จากคุณ : เอวัง (อ้ายอ้วนน้อยคอยรัก) เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 17:10:55

ความคิดเห็นที่ 38 ตั้งกะ 2548 -_-' ความยุติธรรมของคนไทยมาช้าไปหน่อยนะ จากคุณ : eyeless เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 17:29:56

ความคิดเห็นที่ 39 ความยุติธรรม......มี..........มานานครับ....................... ก็ที่ไทยแลนด์...Only..........ก็เพราะ.....ยอมๆๆกันนี่ไง จากคุณ : sagurahi เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 17:51:09

ความคิดเห็นที่ 40 ไม่เข้าใจว่า อ่านภาษาไทย ไม่ออกกันหรือไง ซื้อรถเมื่อ ปี 48 ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2553 ศาลพิพากษาวันที่ 25 พฤษภาคม 2554 ศาลตัดสินให้จำเลย 1.1 เปลี่ยนรถยนต์คันใหม่ รุ่นเดียวกับสุภาภรณ์ หรือ 1.2 ซื้อรถยนต์คันที่มีปัญหาคืน ในราคา 759,850 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตรา 7.5 ต่อปี 2. + กับ จ่ายค่าเสียหายอีก 50,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตรา 7.5 ต่อปี  นับแต่วันที่ 6 ตุลาคม 2552 จากคุณ : MacDeltaThai เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 17:54:40

ความคิดเห็นที่ 41 ใช้เวลาไม่ถึง 1 ปี ถือว่าเร็วมากๆ เร็วกว่าฟ้องคดีละเมิด ในศาลแพ่งเยอะครับ จากคุณ : MacDeltaThai เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 17:56:00

ความคิดเห็นที่ 42 บ้านเมืองเราเจริญขึ้นมาอีก 1 ก้าวละ  ดีใจครับ จากคุณ : a fat cat in a hat เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 18:08:16

ความคิดเห็นที่ 43 พวกคนใช้ Fortuner เอาคดีนี้ เป็นคดีตัวอย่าง แล้วเอา Fortuner ไปฟ้องเลียนแบบบ้างสิ อยากรู้ว่า ผลคดีจะออกมารูปไหน จากคุณ : นึกถึงคุณปรีชา-Fortuner เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 18:19:21 A:125.27.77.38 X: TicketID:314839

ความคิดเห็นที่ 44 เยี่ยมครับ  เป็นแนวทางให้ท่านอื่นได้พิจารณาว่า การขึ้นโรงขึ้นศาล  มันไม่ได้ทำให้เราเสียหายไปซะทุกครั้ง จากคุณ : ทำใจนิ่งๆ เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 18:26:21

ความคิดเห็นที่ 45 คนไทยอ่านหนังสือเฉลี่ยปีละ 8 บรรทัด..ฮาๆๆ จากคุณ : ลุงเชย(สมชื่อ) เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 19:20:35 A:115.87.14.120 X: TicketID:247703

ความคิดเห็นที่ 46 เอาอะไรเป็นเกณฑ์? ให้ห้าหมื่น... ที่โจทก์เรียกไปไม่เหมาะสมตรงไหน? จากคุณ : เฮียมี่ เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 19:27:56

ความคิดเห็นที่ 47 โห คดีนี้ นานจนลืมไปละ จากคุณ : [[[ ]]] เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 19:48:55 A:115.87.67.222 X: TicketID:251398

ความคิดเห็นที่ 48 ความยุติ ครับ เยี่ยม ขอเตือนบรรดาผู้ผลิตรถทั้งหลายนะครับ จากคุณ : เราเอง (ชวนกันไปไหน) เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 20:11:16

ความคิดเห็นที่ 49 ถ้าลองเป้นที่ อเมริกา หรือ ยุโรป ค่าปรับมันจะสูงกว่านี้มาก ไม่ใช่แค่ 50,000 บาท เพราะการที่ก๊าซคาร์บ่อนมอนน๊อกไซร์ รั่วเข้าไปในรถได้ มันอันตรายมาก อาจทำให้ตายได้โดยที่ไม่รู้สึกตัว หรือ อาการวูบ ขณะขับรถได้ จากคุณ : undo เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 20:55:50 A:223.206.178.232 X: TicketID:197958

ความคิดเห็นที่ 50 เหนื่อยเลยตั้งนานกว่าจะตัดสิน จากคุณ : REX-REX เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 21:17:03

ความคิดเห็นที่ 51 อยากให้มองแค่ประโยคนี้พอครับ... "ศาลแพ่งธนบุรี พิเคราะห์พยานหลักฐานการนำสืบของโจทก์และจำเลยแล้ว เห็นว่า จำเลยไม่สามารถพิสูจน์ถึงข้อเท็จจริงและสาเหตุของปัญหาไอเสียเครื่องยนต์ที่รั่วเข้ามาในห้องโดยสารได้ตามคำให้การของจำเลยที่ให้การทำนองว่า เหตุของไอเสียเกิดจากสภาพการใช้งานของโจทก์ไม่ได้เกิดจากปัญหาการผลิต  ทำให้เชื่อได้ว่า รถยนต์คันพิพาทมีความชำรุดบกพร่องมาตั้งแต่จำเลยที่ 1 ส่งมอบรถยนต์ให้แก่โจทก์ และไม่ได้เกิดจากการใช้งานของโจทก์แต่อย่างใด ดังนั้นจำเลยที่ 1  ในฐานะผู้จำหน่าย และ จำเลยที่ 3 ในฐานะผู้ผลิต นำเข้า จึงต้องรับผิดต่อโจทก์ ในความชำรุดบกพร่องของสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน" คดีที่ขึ้นสู่ศาลผู้บริโภค...หากวัตถุประสงค์ของการฟ้อง...คือ...สินค้าที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ...ต่อการใช้งานตามวัตถุประสงค์ของการใช้...จะประมาณนี้ครับผม... ผิดจากนี้...เค้าก็ไม่รับฟ้องนะครับ...ต้องไปศาลแพ่งตามปกติ...เหมือนหลาย ๆ ท่านที่ฟ้องแล้วไม่ค่อยได้รับการเยียวยาอะไรมากนัก... ส่วน ห้าหมื่นบาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดจุดห้านั้น...ศาลท่านพิพากฯให้ตามสมควรแก่เหตุครับ...ต้องระวัง...จริง ๆ ไม่ควรวิพากย์คำพิพากษานะครับ...ถือว่าอาจ "หมิ่นศาล" ได้ครับ.... ด้วยความเคารพครับ... จากคุณ : aaa_a...ครับผม เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 21:50:14

ความคิดเห็นที่ 52 มิสแมนไปไหนนนนนนนนนนนน จากคุณ : 200sx เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 21:57:59 A:124.121.183.221 X: TicketID:259212

ความคิดเห็นที่ 53 ใครมีความสามารถ ไปคัดคำพิพากษามาลงป่ะ รำคาญ....เถียงกัน เดากันอยู่ได้ เหตุผลอะไร ถึงให้5หมื่น อย่าลืมค่าธรรมเนียมน่ะ จะฟ้องแสนล้านหรือ.....อิอิๆๆ จากคุณ : โท๊ด9116 เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 22:00:02

ความคิดเห็นที่ 54 คดีแพ่งพ่อผม7ปีครับ จบที่ศาลอุทรณ์พิพากษายืน ฝ่ายโน้นถึงยอมรับข้อเสนอ จากคุณ : yamaha111 เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 22:41:27

ความคิดเห็นที่ 55 ^ | ที่ยอมตอนศาลอุทธรณ์เพราะกลัวฏีกาไปแล้วยืนจะกลายเป็นฏีกาคดีตัวอย่าง แล้วมาวันหลังจะแพ้หมด... จากคุณ : kunmoo_dd เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 23:51:44

ความคิดเห็นที่ 56 ฟ้องตั้งแต่ก่อนปฎิวัติ เพิ่งจะตัดสิน นี่ถ้าโดนอุธรณ์ จะยาวไปถึงไหนเนี่ย จากคุณ : Galaxy Force เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 00:19:11

ความคิดเห็นที่ 57 เขาฟ้องปี53โว้ย ไอ้พวกอ่านหนังสือไม่เกิน7บรรทัด อ่านที่ลิ้งค์บ้างสิฟายยย บางคนก้โง่เรื่องค่าเสียหาย แก้ไขเมื่อ 09 มิ.ย. 54 02:35:53 จากคุณ : OmO_M@Y เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 02:33:55

ความคิดเห็นที่ 58 โตโยต้า เค้าจะอุทธรณ์ ไหม แก้ไขเมื่อ 09 มิ.ย. 54 04:31:44 จากคุณ : SunshineParadise เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 04:30:07

ความคิดเห็นที่ 59 รู้สึกว่าที่นี้เถื่อนๆจัง แต่ก็มองในแง่ดี คอมพิวเตอร์มันถูกลง เลยเข้าถึง ทุกครัวเรือนแล้ว ประเทศเราเจริญไปอีกระดับแล้ว จากคุณ : Peem...morA เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 07:49:36

ความคิดเห็นที่ 60 เยี่ยม จากคุณ : JieBoJai เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 08:41:24

ความคิดเห็นที่ 61 โหวต Toyota ผิดแล้วไม่ยอมรับผิด ให้ผู้บริโภคไปฟ้องศาล จากคุณ : Daimon in the rough เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 08:59:40

ความคิดเห็นที่ 62 ใครรู้ภาษาญี่ปุ่น น่าจะส่ง link เรื่องราวนี้ต่อไปที่ Toyota Japan ให้เค้าตรวจสอบการทำงานของกลุ่ม toyota ในประเทศไทย จากคุณ : Daimon in the rough เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 09:04:02

ความคิดเห็นที่ 63 ยังมีความยุติธรรมแก่ผู้บริโภค    บ้างงงงง จากคุณ : วิหคไร้รัง เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 09:25:39

ความคิดเห็นที่ 64 อิจฉาเจ้าของรถ ไม่ต้องทำงาน มีเงินเดือน150k รวยจริงอะไรจริง จากคุณ : เจ้าพ่อเจริญกรุง เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 10:45:06

ความคิดเห็นที่ 65 good job จากคุณ : ซิมเปิ้ลแมน เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 11:03:00

ความคิดเห็นที่ 66 เยี่ยมเลยรถราคาหลายแสน จริงๆ ปัญหาถ้า บ. ดูแลแก้ไขก็ไม่เกิดข้อพิพาท แต่ปัญหาคือไม่ยอมแก้หรือแก้ไม่จบ จุกจิกทำให้คนซื้อรถใหม่เสียความรู้สึก จากคุณ : raimon32 เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 11:08:16

ความคิดเห็นที่ 67 ความคิดเห็นที่ 57     เขาฟ้องปี53โว้ย ไอ้พวกอ่านหนังสือไม่เกิน7บรรทัด อ่านที่ลิ้งค์บ้างสิฟายยย บางคนก้โง่เรื่องค่าเสียหาย แก้ไขเมื่อ 09 มิ.ย. 54 02:35:53 จากคุณ : OmO_M@Y   แก้ไข...ไมอ่ะพี่ ด่าเอง....เข้าตัวเองหรือ โดน....อิอิๆๆ จากคุณ : โท๊ด9116 เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 12:40:32

ความคิดเห็นที่ 68 คาร์บอนมอนออกไซด์ในอากาศ  กทม ตามถนนมี 5ppm เป็นปกติอยู่แล้ว ตามใต้ทางด่วนใต้รถไฟฟ้า  เกิน 30ppm ก็มี          การที่ในรถมี 16 ppm ไม่แปลกอะไร  ถึงมันรั่วเข้ามาบ้าง ก็ไม่เป็นอันตราย เพราะถ้าเกิน 30 ถึงเป็นอันตรายต่อสุขภาพครับ( อ้างอิง สำหรับตัวชี้วัดนี้ จะใช้ข้อมูลค่าเฉลี่ยความเข้มข้นของก๊าซคาร์บอนมอนนอกไซด์เฉลี่ย 1 ชั่วโมง จากสถานีตรวจวัดในเขตกรุงเทพมหานคร บริเวณริมถนน ที่เกินเกณฑ์มาตรฐาน 30 ppm)          ประเด็นอยู่ที่ ทนายโตโยต้าไม่ได้เรื่องเองที่สู้คดีแพ้ ไม่มีปัญญาชี้ให้ศาลเข้าใจว่า CO เราก็ดมกันทุกวัน           อีกอย่างคือ ซื้อรถตั้งแต่ปี 48 ใช้จนเก่าแล้ว ปี 53ก็ค่อยมาฟ้อง ได้ตังเปลี่ยนรถใหม่พอดี           คนประเภทฟ้องคนอื่นเรื่อยเปื่อยนี่ผมรับไม่ได้            ขอโทษที่เห็นต่างอย่างแรงกะทุกท่าน จากคุณ : blitzs เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 13:13:52

ความคิดเห็นที่ 69 กว่าจะซื้อรถคันหนึ่งใช้เงินหลายแสน หรือเป็นล้าน บริษัทผลิตและศูนย์บริการก็ต้องมีความรับผิดชอบให้มากกว่าที่เป็นอยู่นี้ ไม่ใช่ต้องให้ผู้ซื้อต้องไปพึ่งศาล (ที่สุดท้าย) คุณต้องกล้าที่จะรับผิดชอบ และแก้ไขให้เรียบร้อย หวังว่าคำพิพากษาจะกระตุ้นให้บริษัททั้งหลายรับผิดชอบมากขึ้น จากคุณ : ok จ้า เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 13:27:06

ความคิดเห็นที่ 70 เราขอให้ข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องของ ปริมาณ Carbon Monoxide (CO) เกริ่นนิดนึงว่า CO เกิดจากการเผาไหม้น้ำมัน,แก๊ส,ไม้,ถ่าน โดยปกติแล้ว - ในบ้านที่ไม่มีเตาแก๊ส ปริมาณ CO อยู่ในช่วง 0.5-5 ppm - ในบ้านที่มีเตาแก๊ส(ที่มีการป้องกันที่ดี) ปริมาณ CO อยู่ในช่วง 5-15 ppm - ตามท้องถนน ปริมาณ CO จะสูงกว่าตัวเลขข้างบนมากมายนัก ถ้าพูดจริงๆคือเราเห็นว่า 16 ppm ในรถ มันเป็นตัวเลขที่ปกติมาก ไม่เห็นว่าสูงผิดปกติเลย นั่งอยู่ในบ้านเฉยๆ ก็ได้รับ CO ปริมาณใกล้เคียงนี้อยู่แล้ว ที่อเมริกา ปริมาณที่อันตรายคือเกิน 35 ppm AND ต้องได้รับต่อเนื่องเกิน 8 ชั่วโมง เราเลยค่อนข้างเห็นด้วยกับ คคห.68 ต้องขออภัยที่ความเห็นเราขัดใจคนส่วนมาก แต่เรามองว่าเคสนี้ ทนายโตโยต้า โง่ หรือยังไงเนี่ย แพ้คดีได้ยังไง แก้ไขเมื่อ 09 มิ.ย. 54 15:04:10 แก้ไขเมื่อ 09 มิ.ย. 54 14:49:36 แก้ไขเมื่อ 09 มิ.ย. 54 14:46:41 แก้ไขเมื่อ 09 มิ.ย. 54 14:43:44 จากคุณ : groundtruth เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 14:41:51

ความคิดเห็นที่ 71 เอาล่ะครับ คห.37 ดูหมิ่นศาลฯ ล่ะครับ ที่อเมริกา เป็นแบบนั้น จริงๆ เหรอครับ เคยไปอยู่มาหรือยัง ผมเอง ก็ไปอยู่ที่นั่นมาพักนึง ไม่เห็นเป็นแบบนั้นเลย เคยเห็นในหนัง เพราะผมไปอยู่ไม่นาน ไม่เคยมีคดี ต้องขึ้นศาลที่นั่น ลองถาม ลุง500 ดูสิครับ เค้าอยู่มาเป็น สิบๆ ปี จากคุณ : napatn เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 15:21:57

ความคิดเห็นที่ 72 คห. 68 กับ 70 นี่ ผมก็เห็นด้วยนะ แต่................. ผมคิดว่า คห. ทั้งสอง จะเป็นแนวทางของพี่โต ที่จะใช้สู้คดีในชั้นอุทรณ์ และถ้าใช้เหตุผลเหล่านี้ไป สู้คดี โอกาสที่ศาลอุทรณ์จะพิพากษาให้พี่โตชนะคดี นั้นก็มีอยู่มาก แต่ถึงจะใช้เหตุผลว่า ปริมาณ co ในรถยังน้อยอยู่ แต่เจ้าของรถอาจจะชี้ให้เหตุผลว่า  ถึงค่า co จะยังไม่เป็นอันตราย   แต่ก็ไม่ควรจะมีในรถ เพราะรถคันอื่น ยี่ห้ออื่น อาจจะมีค่า co เป็น 0 ก็ได้ และปริมาณ co ไม่ควรมีในห้องโดยสารรถคันใดๆ เลย นี่ความคิดเห็นล้วนๆ เลย ไม่มีหลักกฏหมายมาอ้างอิง............... จากคุณ : Chrysocolla เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 16:05:08

ความคิดเห็นที่ 73 อย่างนี้ต้องวัดแล้วหาค่าเฉลี่ย ดีที่สุดครับว่าปกติจะอยู่ที่เท่าไร จากคุณ : pg_bugmaker เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 16:43:23

ความคิดเห็นที่ 74 เราก็แบน ไม่ใช้ โตโยต้าสะให้หมดก็สิ้นเรื่อง ดูสิบริษัท หรือ ลูกค้าจะใหญ่กว่ากัน จากคุณ : cpuvoy เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 16:44:37

ความคิดเห็นที่ 75 ตกลงเกณฑ์มันเท่าไหร่แน่ครับ.....ถ้าไม่เกินมาตราฐาน....ทนายโตโยต้าจะโง่ขนาดนั้นหรือ จากเอกสารในลิ้งค์นี้ เค้าไม่ให้เกิน9ppmไม่ใช่หรือครับ http://www.oknation.net/blog/print.php?id=26775 จากคุณ : optimo team เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 17:24:50

ความคิดเห็นที่ 76 คาร์บอนมอนอกไซด์ มหันตภัยที่มองไม่เห็น มลพิษทางอากาศกับชุมชนเมือง มักจะเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงได้ยาก โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ๆ เช่น เชียงใหม่ กรุงเทพฯ สงขลา นครราชสีมา พัทยา ภูเก็ต ที่มีการจราจรคับคั่ง มลพิษทางอากาศ มีแหล่งที่มาจาก การปลดปล่อยแก๊สพิษจากรถยนต์ จักรยานยนต์ และโรงงานอุตสาหกรรม โดยปกติการสันดาป ของเครื่องยนต์ และเครื่องจักรกล ที่สมบูรณ์จะได้แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์และน้ำ ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพน้อยมาก แต่เมื่อประสิทธิภาพ ของเครื่องยนต์และเครื่องจักรกลลดลง เกิดปฏิกิริยาการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ ได้แก๊สพิษปลดปล่อย ออกมาทางท่อไอเสีย แก๊สพิษที่กล่าวถึงนี้ได้แก่ คาร์บอนมอนอกไซด์ ไฮโดรคาร์บอน ไนโตรเจนออกไซด์ ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศ ซึ่งเป็นอันตราย ต่อสุขภาพของประชาชน ถ้าสูดดมเข้าไปเป็นปริมาณมาก โดยเฉพาะแก๊สคาร์บอนมอนอกไซด์เป็นแก๊สที่มีพิษร้ายแรงมาก เมื่อได้รับเข้าสู่ร่างกายในปริมาณเพียง 10 ส่วนในอากาศล้านส่วน (10 ppm.) จะมีผลต่อระบบประสาท ทำให้เกิดอาการอ่อนเพลีย มึนงง ตาพร่ามัว และคลื่นไส้อาเจียนได้ และถ้าได้รับเข้าไปในปริมาณมากถึง 0.002 เปอร์เซ็นต์ เพียง 30 นาที อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ แก๊สคาร์บอนมอนอกไซด์เป็นแก๊สที่ไม่มีสี ไม่มีกลิ่นและรส มีน้ำหนักเบากว่าอากาศเพียงเล็กน้อย ไม่ว่องไวต่อการทำปฏิกิริยา สามารถอยู่ในอากาศได้นาน 1-2 เดือน แต่มีความสามารถพิเศษ ในการรวมตัวกับ ฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดง ได้ดีกว่าแก๊สออกซิเจนถึง 200-250 เท่า ทำให้การลำเลียงออกซิเจน ไปสู่เซลล์ต่างๆ ของร่างกายได้น้อยลง ร่างกายอ่อนเพลีย และเสียชีวิตได้ เมื่อเกิดภาวะขาดออกซิเจนเฉียบพลัน จากผลกระทบที่กล่าวมาข้างต้น รัฐบาลจึงได้ออกกฎหมายหลายฉบับเพื่อควบคุม ป้องกัน และจัดการ เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม อาท พระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 พระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 พระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 รถยนต์ใหม่ที่ใช้เบนซิน เป็นเชื้อเพลิงต้องติดตั้ง Catalytic converter ซึ่งเป็นอุปกรณ์ขจัดมลพิษในท่อไอเสีย อย่างไรก็ตาม รายงานคุณภาพของแก๊สนี้ในปี พ.ศ. 2542 ยังไม่มีแนวโน้มของการลดลงแต่อย่างใด ในกรุงเทพมหานคร มีข้อมูลบ่งชี้ว่า ถนนหลายสาย มีระดับแก๊สคาร์บอนมอนอกไซด์ สูงเกินมาตรฐาน เฉลี่ย 8 ชั่วโมงวัดได้ 9 ส่วนในอากาศล้านส่วน เช่น ถนนอิสรภาพ ถนนจรัลสนิทวงศ์ ถนนหลานหลวง ถนนพระสุเมรุ ถนนพระรามที่ 1 เป็นต้น ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงโอกาสเสี่ยงอันตราย จากการได้รับแก๊สคาร์บอนมอนอกไซด์ ควรหลีกเลี่ยงการสัญจร หรืออยู่ในบริเวณที่มีการจราจรคับคั่ง อากาศถ่ายเทไม่สะดวก โดยเฉพาะสตรีมีครรภ์ เด็กเล็ก และผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว เกี่ยวกับหลอดเลือดหัวใจ งดการออกกำลังกายริมถนน เพราะในขณะออกกำลังกาย เป็นสภาวะที่ร่างกายมีโอกาสรับ แก๊สนี้เข้าไปจำนวนมาก หมั่นตรวจเช็คสภาพท่อไอเสีย เพราะการรั่วไหลของท่อไอเสีย จะนำเอาแก๊สพิษนี้ มาสู่ห้องโดยสาร ภายในอาคารบ้านเรือน การใช้เตา ตะเกียง เครื่องทำน้ำอุ่น และอุปกรณ์ทำความร้อน ที่ใช้เชื้อเพลิงทุกชนิด เช่น เตาฟืน น้ำมันก๊าด ถ่านหิน เตาแก๊ส ควรอยู่ในบริเวณที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก และควรเปิดหน้าต่างระบายอากาศทุกครั้งหลังการหุงต้ม ลดการใช้รถยนต์หรือจักรยานยนต์โดยไม่จำเป็น ที่มา http://www.panyathai.or.th/wiki/index.php/%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B9%84%E0%B8%8B%E0%B8%94%E0%B9%8C จากคุณ : optimo team เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 17:34:20

ความคิดเห็นที่ 77 9 ppm แปลว่า คุณภาพอากาศดีมากค่ะ ในรถที่เผาผลาญน้ำมัน เป็นไปได้หรือคะ ที่อากาศจะดีได้ถึง 9 ppm แค่จุดบุหรี่สูบในบ้าน แล้วคิดว่าควันบุหรี่กระจายตัวอย่าง uniform ค่า CO เฉลี่ยในบ้านก็อยู่ที่ประมาณ 15 ppm แล้วค่ะ ในบรรยากาศโลก ต่อให้ไม่มีการเผาไหม้เชื้อเพลิง ก็มี CO อยู่ในบรรยากาศ เนื่องจากหลายสาเหตุ ปล.อย่าโกรธเรานะ ถ้าเราจะบอกว่าไม่ค่อยเชื่อข้อมูล ที่เป็นวิชาการจากเวปไซต์ของไทย เพราะบางครั้งคนแปลไม่รู้เรื่องนั้นและมั่วแปล เราเพียงแต่ชี้ข้อเท็จจริงให้เห็นเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาอื่น ปล2. Environmental Protection Agency ของอเมริกา กำหนดว่า Good คือคุณภาพของอากาศที่มี CO อยู่ที่ 9 ppm หรือต่ำกว่า Fair คือคุณภาพของอากาศที่มี CO อยู่ที่ 9-15 ppm Poor คือคุณภาพของอากาศที่มี CO มากกว่า 15 ppm ไม่ใช่ว่าเกิน 15 ppm แล้วอันตรายนะคะ เพียงแต่ว่าถ้าเกินถือว่าอากาศไม่ค่อยดี แก้ไขเมื่อ 09 มิ.ย. 54 18:02:36 แก้ไขเมื่อ 09 มิ.ย. 54 17:57:12 แก้ไขเมื่อ 09 มิ.ย. 54 17:53:56 แก้ไขเมื่อ 09 มิ.ย. 54 17:41:56 จากคุณ : groundtruth เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 17:38:32

ความคิดเห็นที่ 78 ควรจะดูที่กฏหมายไทยนะครับ ว่าเค้าว่าไว้เท่าไหร่เจ้า CO เนี่ย มันมีทั้งค่าเฉลี่ยต่อชั่วโมง ค่าสูงสุด และอื่นๆ อีก ตัวแปรอีกอย่างคือ แต่ละคนทนได้ไม่เท่ากัน (ยุโรป เอเชีย หรือคนไทยด้วยกันนี่แหละ) ค่าที่เค้าบอกๆ มาเนี่ยมันค่าเฉลี่ยคนปกติ บางทีโตโยต้า อาจจะยอมถอยหนึ่งก้าวเพื่อภาพพจน์ก็ได้ เงินแค่ล้านเดียว ถูกกว่าค่าแอร์ไทม์ จิ๊บๆ ตั้งเยอะ จากคุณ : tan_prew เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 17:57:13

ความคิดเห็นที่ 79 #77 ถ้าไม่เชื่อข้อมูลวิชาการเวปไทย ก็เอาอันที่คิดว่าเชื่อได้มาแชร์กันดีกว่าครับ ไม่ใช่บอกแต่ว่าเวปไทยฉันไม่เชื่อ มันดูงอแงเป็นเด็กๆ มากกว่าจะมาถกกันด้วยเหตุผล จากคุณ : tan_prew เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 18:01:46

ความคิดเห็นที่ 80 ลองอ่านข้อมูลจาก link นี้ก็ได้ค่ะ จาก United States Environmental Protection Agency (หน่วยงานของรัฐบาลอเมริกา) http://www.epa.gov/iaq/co.html จริงๆเราก็คิดเหมือน คคห.78 นะ ว่าโตโยต้าเองยอมถอยก้าวนึงเพื่อภาพพจน์รึเปล่า เพราะเหมือนเราเคยอ่านกระทู้ในพันทิพนานมาแล้ว ที่เกี่ยวกับรถฟอร์จูนเนอร์ของคนที่ชื่อปรีชา ที่มีปัญหามากมาย แต่คิดไปคิดมา ถ้าโตโยต้าแพ้คดีนี้ ต่อไปทุกคนคงเอารถตัวเองไปฟ้องร้อง เพื่อให้ได้เงินกันหมดสิ เพราะเราว่าถ้าเอารถไปวัดค่า CO จริงๆ ทุกคันมันคงเกิน 9 ppm กันหมด แก้ไขเมื่อ 09 มิ.ย. 54 18:23:00 จากคุณ : groundtruth เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 18:16:45

ความคิดเห็นที่ 81 คนโตโยต้า มาอ่านกระทู้นี้ ก็จะรู้วิธี / แนวทางเอาไปแก้ต่างในชั้นศาลอุทธรณ์ละ จากคุณ : ทนายโตโยต้าห่วย เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 18:29:56 A:125.27.96.204 X: TicketID:314839

ความคิดเห็นที่ 82 ความเห็นส่วนตัว  แบบไม่ได้เข้าข้างใคร ใดๆ ทั้งสิ้น รถรุ่นนี้ รวมทั้ง Fortuner  มันก็เสี่ยงจะดูดเอาไอเสียเข้ารถ จากแอร์หลัง จริงๆ แหละ เพราะท่อไอเสีย กับ ชุดแอร์หลัง  มันอยู่ข้างเดียวกัน  และระบบแอร์ โดยปกติ มันก็จะต้องดูดอากาศภายนอกรถส่วนนึง เข้ามาเพิ่มอยู่แล้วด้วย วิธีแก้ปัญหาที่ผมทำ  ง่ายมาก 1.1 ต่อปลายท่อไอเสีย ให้เลยขอบล่างของกันชนท้ายรถไปซะ 1.2 หลีกเลี่ยง 3 ข้อนี้  อย่าให้เกิดขึ้นพร้อมกัน A)  ติดเครื่อง B)  จอดรถนิ่งๆ ไม่วิ่งไปไหนเลยนานๆ C)  เปิดแอร์หลัง ต้องกำจัดข้อใดข้อหนึ่งออกไป  ก็จะไม่เกิดแล้วครับ อ้อ อีกอย่าง รถเก๋งทุกคันที่มีแอร์ตอนหน้าตอนเดียว  แล้วไปจอดติดอยู่บนถนนนานๆ + เปิดแอร์ตลอดเวลาด้วย ก็มีโอกาสดูดเอาไอเสียจากรถบนถนนทั้งหมด เข้าห้องโดยสารอยู่ดี แก้ไขเมื่อ 09 มิ.ย. 54 18:54:33 จากคุณ : P_Wut เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 18:51:52

ความคิดเห็นที่ 83 "โดยเฉพาะแก๊สคาร์บอนมอนอกไซด์เป็นแก๊สที่มีพิษร้ายแรงมาก เมื่อได้รับเข้าสู่ร่างกายในปริมาณเพียง 10 ส่วนในอากาศล้านส่วน (10 ppm.) จะมีผลต่อระบบประสาท ทำให้เกิดอาการอ่อนเพลีย มึนงง ตาพร่ามัว และคลื่นไส้อาเจียนได้" ก็ติดใจตรงนี้ล่ะครับ แต่ถ้ารถทุกคันวัดค่าได้เท่าๆกันอินโนวาทั้งหมด ก็คงไปว่าเขาไม่ได้ แต่มีข้อพิสูจน์ตรงไหนหรือยังครับ ว่ารถอื่นก็เป็นแบบนี้ ถ้ายี่ห้ออื่นๆก็เหมือนกันหมด...ผมว่ารับได้ แต่ถ้าเป็นเพราะการออกแบบร่วมกับรถกระบะ ซึ่งไม่ได้เอาท่อไอเสียพ้นออกนอกตัวรถ เพราะเดิมเป็นรถกระบะบรรทุกของจึงไม่จำเป็น แต่พอเอาโครงรถมาดัดแปลง เพื่อใช้ร่วมกับอินโนวาและฟอร์จูนเนอร์ กลับไม่ออกแบบท่อไอเสียให้ยาวเพิ่มเติม จนเป็นเหตุดังกล่าว แบบนี้คงไม่ถูก น่าจะมีการพิสูจน์เพิ่ม จากคุณ : optimo team เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 20:08:39

ความคิดเห็นที่ 84 50,000 จิ๊บๆ จากคุณ : SuperDOM เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 21:50:00

ความคิดเห็นที่ 85 จิ๊บๆ เรื่องแค่นี้ ทุกวันนี้ยอดจองล้น ผลิตไม่ทัน ขายดีเผลอๆ ราคารถขึ้นอีก 10,000 อย่างไรเหล่าสาวกก็ซื้ออยู่แล้ว จากคุณ : pomjaidee เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 00:48:01

ความคิดเห็นที่ 86 ขับรถไปส่งลูกทุกวัน เป้นเวลาเกือบปี เด็กเล็กๆ เซลล์สมองกำลังพัฒนา เสียโอกาสของเด็กไปเท่าไหร่ ก็ไม่รู้ จากคุณ : empaza เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 09:58:42

ความคิดเห็นที่ 87 ยินดีกับเจ้าของรถด้วยครับ ที่ชนะคดี แต่นะ เงินชดเชยน้อยไปครับผมว่า คดีผ่านมาตั้งหลายปี คิดว่า ไม่คุ้มค่าเลยกับการที่ต้องรอการดำเนินการ การพิจารณาคดีที่ยืดเยื้อนานขนาดนี้ แต่ก็ดีใจครับที่ชนะดคีครับ ผู้บริโภค ไม่ควรยอม หรือกลัว หาก ผู้ประกอบการเอาปรียบแบบชัดเจนแบบนี้ จากคุณ : megazient เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 10:48:21

ความคิดเห็นที่ 88 คดีนี้ผมจำได้ครับ  คนในพันทิพนี่หล่ะ ควันย้อนเข้ารถ ดำหมดเลยน่ากลัวมากกกกกกกกกกกกกกก แค่ชดใช้รถให้+50000 น้ำใจน้อยไปหน่อย  ครอบครัวนี้ต้องดมควันตั้งนาน แต่เจ้าของ happy ผมดีใจด้วยครับ จากคุณ : dear.de เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 07:58:27

ความคิดเห็นที่ 89 เฮ้อ...น่าคิดจัง รถมีปัญหาก็ไม่ใช่น้อย ใช้ไปเหมือนตายผ่อนส่ง  แต่ก็ยังผลิตไม่ทันส่งมอบอยู่ดี พวกตาสีตาสาที่มีตังค์ตาม ตจว.ก็เห่อกันจัง คนพวกนั้นที่ไม่รู้ข้อมูลด้านลบของรถ ซื้อไปก็ใช้โดย ที่คิดว่า รถเราแพง เป็นหน้าเป็นตาในสังคม แต่สุขภาพนี่ซิ คงถดถอยลงทุกวัน ก็หวังว่า เรื่องนี้คงทำให้หลายๆคนตาสว่างได้นะ จากคุณ : kai_sonic125 เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 14:00:54

ความคิดเห็นที่ 90 http://www.safetylifethailand.com/download/%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A8pmd.pdf คือ เรื่องก๊าซพวกนี้น่ะถ้าอยู่ในสภาพแวดล้อม ที่เปิด เช่นที่โล่ง ปัญหาอาจจะไม่มี เหมือนหลายคนที่บอก ถ้าคิด กลับกัน  ในรถยนต์ ถือว่าเป็น สภาพแวดล้อมที่ปิดได้ไหม  ในกรณี ที่รถยนต์วิ่งอยู่ มีลมเข้าออก จึงไม่เกิดปัญหา  แต่ แค่รถธรรมดา ที่ไม่มีปัญหาเรื่อง CO  เมื่อจอดอยู่นิ่งๆ แล้วสตาร์ทเครื่องยนต์ทิ้งไว้พร้อมเปิดแอร์ ข่าวมีคนตายมานักต่อนักแล้ว เพราะหลับขณะรถไม่วิ่ง  ก๊าซ CO จึงไม่มีการระบาย ทำให้สะสม อยู่ภายในรถ จึงเสียชีวิตแบบไม่รู้เรื่อง ไม่เหมือนกับการขาด CO2 ซึ่งตัวนี้ สุดท้ายจะมี reflex กระตุ้นให้เราหายใจ แต่ CO ไม่ใช่ ลิ้งค์ที่ แนบมาด้วย เป็นเรื่องของการทำงานในที่อับ  เขายังกำหนดให้มี CO ไม่เกิน 6 ppm ลองนึกถึงสภาพในรถยนต์ CO ค่อยๆสะสม หายใจเข้าไป อาจเสียชีวิตได้ทุกเมื่อ ถ้าขัยรถอยู่ อาจวูบเกิดอุบัติเหตุ ได้ทุกเมื่อ ครับ จากคุณ : ChineseBoy เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 17:00:09

ความคิดเห็นที่ 91 สมควรด้วยประการทั้งพวง ... เล่นซะให้เข็ด จากคุณ : เต๋านีโอ เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 20:55:40