คมชัดลึก : เป็นคดีที่สังคมยังคาใจ เมื่อ "หมอมุก" พ.ต.พญ.หทัยพร อิ่มวิทยา แพทย์ประจำโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ถูกทหารขับรถเชี่ยวชนจนบาดเจ็บสาหัส ถึงแม้ว่า พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ภู่กลั่น ผอ.กองกลางสำนักงานปลัดบัญชีทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย เข้ามอบตัวและให้การยอมรับ ว่าเป็นผู้ขับรถยนต์นิสสันคันเกิดเหตุ แต่ไม่ได้พุ่งชน คู่กรณีกระโดดขึ้นบนกระโปรงรถแล้วตกลงมาบาดเจ็บเอง!!
พลันที่ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ เข้ามอบตัวต่อตำรวจ กระแสสังคมและตำรวจเองก็ยังไม่ปักใจเชื่อว่าเป็นผู้ขับขี่รถยนต์ที่แท้จริง และยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาในคดี เนื่องจากอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานจากชุดสืบสวนสอบสวนของ สน.พญาไท เพื่อมาเปรียบเทียบกับคำให้การของ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ จนกระทั่งพบแนวโน้มว่า คดีนี้ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ อาจจะเป็นผู้ขับขี่ตัวจริง
หลักฐานจากกล้องวงจรปิดใกล้เคียงจากจุดที่เกิดเหตุในวันที่เกิดเหตุ...ถูกนำมาตรวจสอบย้อนหลัง 3 ชั่วโมง พร้อมกับขยายภาพความชัดเจน โดยเฉพาะจุดที่รถยนต์นิสสันคันที่ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ อ้างว่าเป็นผู้ขับขี่ และรถยนต์โตโยต้าคัมรีคู่กรณีที่จอดอยู่
จนกระทั่งลำดับเหตุการณ์ได้ว่า เวลาประมาณ 1 ทุ่ม พบรถยนต์นิสสัน มาจอดอยู่หน้าตึกแถวที่เปิดเป็นคลินิกฝังเข็มของหมอมุก จากนั้นได้มีบุคคลลงมาจากรถ 3 คน ซึ่งรูปร่างไม่น่าจะเป็นผู้ชาย ต่อมาผู้ขับขี่ ซึ่งเป็นผู้ชาย ก้าวลงมาจากรถยนต์ แล้วเดินจับกลุ่มกันเลี้ยวซ้ายเข้าหัวมุมถนนเศรษฐศิริ ตรงไปยังร้านอาหารในละแวกนั้น
จนเวลาเกือบ 2 ทุ่ม...กล้องวงจรปิดบันทึกภาพรถยนต์คันหนึ่ง คาดว่าน่าจะเป็นรถโตโยต้าคัมรีของ "หมอมุก" เข้ามาจอดด้านข้าง แล้วมีการเดินวนรอบรถนิสสัน ต่อมาประมาณ 3 ทุ่ม เห็นภาพกลุ่มบุคคลประมาณ 3-4 คน เดินมาถึงบริเวณที่รถทั้งสองคันจอดอยู่ หลังจากนั้นไม่นานก็มีบุคคลหลายคนเข้ามาพูดคุยกับคนกลุ่มนี้ อีกไม่นานภาพจากกล้องวงจรปิดก็บันทึกภาพตามที่สื่อมวลชนเคยนำเสนอไป
ส่วนชุดสืบสวนอีกชุดเข้าไปตรวจสอบภายในร้านอาหาร "สามเสนวิลล่า" อีกครั้งหนึ่ง พบว่า วันเกิดเหตุ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ได้เข้ามาใช้บริการในร้าน และได้จ่ายค่าอาหารเป็นจำนวนเงินประมาณ 672 บาท ผ่านบัตรเครดิต เมื่อทำหนังสือตรวจสอบไปยังธนาคารเจ้าของบัตร พบบันทึกการรูดเงินจำนวนดังกล่าวเวลา 20.45 น. หลังจากนั้นชุดสืบสวนขอความร่วมมือจากร้าน ตรวจสอบสำเนาการใช้จ่ายบัตรเครดิตของลูกค้ารายนี้ พบว่า สลิปดังกล่าวปริ๊นท์ออกมาจากเครื่องรูดบัตรเวลา 20.47 น. จึงขอถ่ายเอกสารสลิปบัตรเครดิต พร้อมรายการอาหารที่สั่งเพื่อมาประกอบการสืบสวนสอบสวน นอกจากนี้ ชุดสืบสวนทำหนังสือไปยังผู้ให้บริการโทรศัพท์แห่งหนึ่ง เพื่อขอตรวจสอบการใช้งานโทรศัพท์ของผู้ต้องสงสัย พบว่าในห้วงเวลาทั้งก่อนและขณะเกิดเหตุสัญญาณโทรศัพท์มือถือของ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ปรากฏอยู่ในย่านที่เกิดเหตุ
เมื่อได้ข้อมูลทั้งหมด ชุดสืบสวนสอบสวนจึงปรึกษาหารือกันว่า คำให้การของ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ สอดคล้องกับข้อมูลสืบสวนสอบสวนที่ได้มา แต่ก็ยังมีข้อถกเถียงถึงพฤติการณ์ขณะเกิดเหตุว่า "เป็นการพุ่งชน" หรือ "กระโดดเกาะกระโปรงรถ" ตามที่กล่าวอ้าง
ล่าสุด เมื่อคืนที่ผ่านมา (21 มิ.ย.) ชุดสืบสวนจึงจำลองเหตุการณ์ในจุดเกิดเหตุ วิเคราะห์สรุปว่า หากรถยนต์นิสสันเคลื่อนตัวออกไปแล้ว แล้ว "หมอมุก" ยืนอยู่ตรงจุดเกิดเหตุตามปรากฏในภาพวงจรปิด สภาพของตัวถังรถยนต์นิสสันที่สูงจากพื้นถนนหากมีการพุ่งชน หมอมุก น่าจะได้รับบาดเจ็บบริเวณขาทั้งสองข้าง แต่ภาพวงจรปิดที่เห็นปรากฏว่ารถนิสสันคันนี้มีลักษณะขับพุ่งไปข้างหน้าก่อนจะเบี่ยงซ้ายแล้วเบี่ยวขวา หาก "หมอมุก" กำลังขึ้นรถโตโยต้าเพื่อถอยรถเข้าบ้านแล้วสังเกตเห็นรถยนต์นิสสันพุ่งเข้ามาในลักษณะเหมือนจะพุ่งชน อาจเป็นไปได้ว่าด้วยความตกใจ จึงหาทางเอาตัวรอด อาจจะกระโดดหลบขึ้นไปบนด้านซ้ายของรถยนต์นิสสันเพราะด้านขวาติดรถยนต์โตโยต้าคัมรีของตัวเอง
ขณะที่ชุดสืบสวนสอบสวนวิเคราะห์เหตุการณ์ได้สอบถามไปยังทีมแพทย์ที่รักษาอาการหมอมุก ได้รับคำตอบว่าบริเวณขาทั้งสองข้างไม่พบอาการบาดเจ็บแต่ที่หลังมือขวา และหน้าผาก มีรอยฟกช้ำ นั้นหมายความว่าอาจเป็นไปได้ที่หมอมุกกระโดดหนีเพื่อเอาตัวรอดจากการที่รถพุ่งเข้าชน โดยมือและศีรษะอาจไปกระแทกตัวรถก่อนจะตกลงมาขณะที่รถเบี่ยงไปทางขวา ทั้งนี้ ต้องรอผลจากการตรวจสอบของแพทย์นิติเวชมาประกอบ แหล่งข่าวในชุดสืบสวนระบุ
จากพยานหลักฐานทั้งหมด...เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ "หมอมุก" จึงมีแนวโน้มว่า พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ น่าจะเป็นผู้ขับขี่รถยนต์นิสสันตัวจริง ส่วนประเด็น "พุ่งชน" หรือ "กระโดดขึ้นกระโปรงหน้ารถ" ยังเป็นข้อกังขา แต่ชุดสืบสวนสอบสวนเชื่อว่าผู้ขับขี่รถยนต์นิสสันอาจเจตนาพุ่งชน หรืออาจจะแกล้งให้ตกใจ จน "หมอมุก" ต้องหาทางเอาตัวรอดจากภัยที่กำลังคุกคาม!!
http://www.komchadluek.net/detail/20110623/101212/เคลียร์ปมพิรุธชนหมอมุกพ.อ.ศักดิ์สิทธิ์แพะหรือจริง!!.html