Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ประสบการณ์10วันในฐานะคนส่งพิซซ่า...เพิ่งรู้ว่าไม่ใช่แค่การส่ง แต่เป็นการให้บริการ{แตกประเด็นจาก V10648483} ติดต่อทีมงาน

ตอนลงเวลาในใบสมัคร ผมแจ้งว่าผมสามารถปฏิบัติงานได้ตั้งแต่จันทร์ถึงศุกร์ เวลาตั้งแต่ 6 โมงเย็นถึงเที่ยงคืน แต่ในเมื่อสาขาที่ตอบรับผมส่งถึง 4 ทุ่ม เวลาทำงานจึงมีเพียง 4 ชั่วโมงเท่านั้น อัตราค่าจ้างชั่วโมงละ 30 บาท ค่าวิ่งรอบละ 25 บาท อันนี้เป็นข้อตกลงเบื้องต้น แต่ปัญหา คือ ตอนนั้นร้านมีปัญหาพนักงานแบ็คไม่พอ ผมต้องช่วยร้านปิดครัว ล้างครัว แม้ผู้จัดการจะลงเวลาไว้เป็น 6 โมงเย็นถึง 5 ทุ่ม แต่ในทางปฏิบัติ ผมไม่เคยได้กลับบ้านก่อนเที่ยงคืน วันไหนแบ็คน้อยหน่อย ผมและคนที่เหลืออาจได้กลับเกือบตี 1

แรกๆผมยังพอไหว แต่พอนานๆไป ผมรู้สึกว่าเวลาของผมกับครอบครัว กำลังถูกงานนี้ขโมยไป ไม่ใช่ว่างานไม่ดีหรอกครับ งานดี ฝึกความอดทนของคนได้เป็นอย่างดี เด็กที่มาทำ แม้ภูมิหลังจะต่างกัน แต่พูดได้เต็มปากว่า เป็นเด็กเหยียบขี้ไก่ฝ่อแน่นอน เพียงแต่ว่างานนี้ไม่เหมาะกับคนรอบข้างของของผม คนๆนั้นก็คือ ลูกสาวผมนี่แหละ

ผมมีความเข้าใจผิดๆว่า งานส่งพิซซ่า คือ งานที่คุณรอออเดอร์อยู่ที่ร้าน ได้ออเดอร์มาก็ไปส่ง เสร็จงานก็จบ เคลียร์เงินกลับบ้าน แต่ข้อเท็จจริง คือ ระหว่างที่ออเดอร์ว่าง เพียงไม่กี่วัน ผมสามารถปั้นชีส ปั้นขนมปัง ปั้นแป้งพิซซ่าได้ ผมจะได้ทำตรงนี้เมื่อแบ็คออฟฟิซมีคนไม่พอ มันเป็นการฝึกทักษะแบบ on-the-job training คือ ไม่มีการสอน แต่พอคุณทำๆไป คุณจะเป็นงานเอง ตอนแรกอาจจะปรับตัวลำบากสักหน่อย แต่พอทำไป คุณจะเริ่มสนุก และมีความสุขที่ได้ทำมัน

เวลาว่างจากออเดอร์ งานรองของผม คือ การล้างจาน ล้างกระทะ เตรียมปิดครัว ขัดพื้น ล้างพื้น เตรียมเคลียร์ร้าน เอาขยะไปทิ้ง ฯลฯ ซึ่งตรงนี้ผมจะทำเต็มตัวหลัง 4 ทุ่มครึ่ง เมื่อปิดออเดอร์ไปแล้ว มันเป็นงานที่ฝึกคนได้ดีนะครับ แต่ร่างกายผมมันไม่ไหวจริงๆ

พูดถึงงานส่งพิซซ่าแล้ว ผมยังจำได้ว่า สองวันแรกของการทำงาน ผมต้องตามคนส่งรุ่นพี่ไปส่งพิซซ่า นั่งซ้อนท้ายไปนั่นแหละครับ เพื่อดูขั้นตอนของการส่งและบทสนทนาที่ต้องพูดเมื่อส่งของให้ลูกค้า ดูเหมือนไม่ยาก แต่เอาเข้าจริงไม่ง่ายเลย รนด้วย กังวลต่างๆนานา แต่ผมยังไม่เคยพลาดนะครับ พูดตามสเตปตลอด

วันที่ 3 ของการทำงาน โอกาสของผมก็มาถึง เมื่อวันนั้นเป็นวันฝนตกหนัก ออเดอร์ไหล แต่ไม่มีคนส่งมากพอ ผู้จัดการจึงให้ผมเริ่มงานทันที ซึ่งถือว่าเร็วมาก ออเดอร์แรก ผมจำได้ว่า ผมวนหาบ้านลูกค้าแทบตาย ถนนลื่นมาก รองเท้าคัชชูที่ทางร้านบังคับให้ใส่ พื้นลื่นมาก แตะถนนทีลื่นปรื้ดๆ ผมเคยบ่นๆกับเพื่อนร่วมงานว่า รองเท้าผ้าใบน่าจะคุมได้ง่ายกว่า แต่งานบริการ เสื้อผ้าหน้าผมรองเท้าต้องพร้อม แม้จะขัดต่อความรู้สึกก็ตาม

เล่าต่อครับ ครั้งแรกเลยผมคุมรถลำบาก เพราะ Suzuki Hayate เป็นรถที่ค่อนข้างหนัก แต่พอผมวางกล่องพิซซ่าไว้ข้างหลัง มันถ่วงน้ำหนักได้สมดุลไม่น่าเชื่อ แต่สุดท้าย บ้านลูกค้าอยู่ตรงจุดไต้ตำตอนี่เอง หลังจากนั้น ผมเรียนรู้และรู้เส้นทางมากขึ้น จนถึงวันสุดท้ายของการทำงาน

เสาร์-อาทิตย์ เป็นช่วงเวลาทองของร้าน ผมแจ้งว่าเป็นวันลาหรือวัน day-off ของผมใช่ไหมครับ ปัญหาเกิดขึ้นตรงที่ว่า แม้ผมลงเวลาไปเพียง 5 วัน แต่ถ้าร้านอยากให้ผมมาทำงาน  6 วัน (จันทร์ถึงเสาร์) และเป็นไปได้ในช่วงวีคเอนด์ต้นเดือนกับปลายเดือน ทางร้านอยากให้ผมวิ่งทั้ง 7 วัน ซึ่งผมรู้ตัวดีว่าผมรับสภาพนั้นไม่ไหวแน่ ลำพังทำแค่ 5 วัน ผมยังต้องแอบมางีบช่วงพักเที่ยงหลังออฟฟิซ และที่สำคัญ ลูกสาววัยเกือบ 3 ขวบของผม เริ่มมีท่าทีที่ไม่อยากเห็นผมออกไปทำงานช่วงเย็น เพราะผมออกบ้านตั้งแต่ 7 โมงครึ่ง กลับมาเปลี่ยนชุดส่งพิซซ่าตอน 5 โมง มีเวลาเจอกันไม่ถึงชั่วโมง ผมก็ต้องรีบออกไปที่ร้าน กลับมาเที่ยงคืนกว่า ลูกสาวหลับไปแล้ว ผมค่อนข้างทรมานใจมาก แต่ยังดีที่วันเสาร์-อาทิตย์ยังเป็นไพรม์ไทม์ของผมกับลูกสาวอยู่  

หลายคนยังเข้าใจว่า งานออฟฟิซซึ่งเป็นงานประจำของผม เป็นงานนั่งโต๊ะทำงาน ไม่หนักมาก แต่ถ้าเอารายละเอียดปลีกย่อย ผมเป็นผู้ชายคนเดียวในออฟฟิซ มันก็หนักเหมือนกัน ยิ่งงานใช้แรงยกของ ผมหลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว มีคนถามผมว่า ทำงานประจำอยู่แล้ว ที่ทำงานโอเคด้วย ทำไมยังมาส่งพิซซ่า ผมบอกว่า ผมอยากใช้เวลาว่างช่วงเย็นหารายได้พิเศษ ซึ่งผมใช้คุ้มจริงๆที่ผ่านมา แต่ไม่ไหวตรงกลับดึกนี่แหละ

แต่คนอื่นละ? อย่างคนที่อยู่แบ็คออฟฟิซที่ปิดร้านด้วยกันบ่อยๆ เค้าก็เข้าเรียนเช้าเหมือนกัน ทำไมเค้าทนได้ จะว่าไป เรียนมันก็น่าจะหนักกว่าทำงานอยู่ ทำไมเค้าทนได้ (อ่า...แบ็คออฟฟิซเค้าผลัดเวรกันปิดร้านนะครับ แต่ผมเป็นตัวยืนล้างจานทั้ง 5-6 วันทำงาน) ส่วนนึงผมคิดว่าน่าจะเป็นเพราะผมอยากได้เวลาคืน อย่างน้อยที่สุด เวลาไปกล่อมลูกนอน อ่านนิทานให้ลูกฟัง ฟังดูไร้สาระนะครับ แต่ผมไม่รู้ว่าคนธรรมดาเค้าคิดแบบนี้หรือเปล่า

ทุรกรรมของผมบนท้องถนน เล่าแล้วฮาปนประทับใจพอสมควร ผมได้พบเห็นมิตรภาพที่ดีของชาวสองล้อด้วยกัน เมื่อใบออเดอร์เปล่าจำนวน 1 รีมที่ผู้จัดการมอบหมายให้ผมไปส่งสาขาใกล้เคียงหล่นออกจากกล่องพิซซ่า ขณะผมทะยานออกจากสี่แยกบางกะปิ เพราะว่าผมปิดกล่องไม่สนิท ตอนนั้นชาวสองล้อบีบไล่หลังผมกันใหญ่ ผมจึงรีบบิดฉีกออกไป พี่คนนึงพยายามตะโกนไล่หลังว่า "น้องๆ ของหล่น" จนผมรีบหยุด ผมจอดรถแล้ววิ่งไปที่สี่แยก โชคดีที่พี่คนนึงหยิบใบออเดอร์มาให้ ซึ้งใจมาก แต่ก็อายพอสมควร

อ้อ แล้วมันจะเป็นอะไรก็ไม่รู้ เวลาซอกแซกขณะรถติด รถผมชอบไปเกี่ยวกระจกกับโตโยต้า วีโก้อยู่เสมอๆ รู้สึกว่าเกี่ยวไป 4 ครั้งเห็นจะได้ แต่ผมก็ขอโทษเค้านะครับ ครั้งนึง ผมจำได้ว่าชนแรงมากหน้านิด้า จนกระจกวีโก้หักเข้าไป ผมยกมือไหว้เลย แต่คุณลุงก็พยักหน้าให้ โล่งใจ แต่ก็ทำให้ระมัดระวังมากขึ้น

เวลาไปส่งของในซอย พวกลูกระนาดทำให้ลูกปืนล้อหน้าของรถผมมีเสียงดังเสียแล้ว เหตุการณ์ที่เฮงซวยที่สุด เกิดขึ้นเมื่อผมลัดจากซอยสวนสนเลี่ยงออกไปทางซอย 60/1 ปรากฏว่าตรงนั้น มีลูกระนาดที่ใหญ่และมืด ผมขับมาด้วยความเร็ว พอเจอลูกระนาดแบบนี้เข้าไป ลูกดังวื้ดๆเลยครับ แถมกล่องใส่พิซซ่าเกือบหล่นมาบนพื้น ดีที่สายยางยังรัดอยู่ แต่ก็ทุลักทุเลพอสมควร

ตั้งแต่ผมรับออเดอร์มาทั้งสิ้นกว่า 30 ครั้ง ผมส่งสินค้าสายเพียงครั้งเดียว แต่การส่งของตามเวลาต้องแลกมากับความเสี่ยงตายแบบบ้าบิ่น ครั้งหนึ่ง ผมมีเวลาส่งเพียง 10 นาทีจากบางกะปิไปเสรีไทย 41 ในสภาพถนนลื่น ผมเสียเวลาตรงแยกบางกะปิค่อนข้างมาก เมื่อหลุดแยกนิด้า ผมต้องรีบทำเวลา ผมบิดจนความเร็วไปถึง 120 ซึ่งถือว่าเร็วพอสมควรกับรถประเภท AT ที่ไม่มีการปรับแต่ง จนกระทั่ง ถึงจุดกลับรถก่อนถึงที่หมายไม่นาน มีรถฝั่งตรงข้ามเลี้ยวกลับรถกระทันหัน พร้อมทั้งพยายามตั้งลำ (เลนซ้ายมีรถอยู่แล้ว เลนกลางกับเลนขวาโดนขวาง) ซึ่งขวางทางรถผม ผมไม่มีช่องให้แทรก ต้องเบรคอย่างเดียว ผมเบรคจาก 120 พยายามกำและปล่อยเบรค พร้อมทั้งปล่อยไหล เพราะรู้ว่าถ้าเบรคกระทันหัน ผมล้มแน่ แต่ตอนนั้น ความเร็วรถผม พุ่งไปหารถคันนั้นเร็วมาก ผมต้องหักเข้าช่องแคบที่มีอยู่น้อยนิด พร้อมทั้งแทรกไปทางสุดเลนขวาที่มีช่อง ผมหลุดออกมาได้หวุดหวิด แต่ถ้ามีรถเลนขวาตามมา ผมคิดสภาพไม่ออกเหมือนกัน

มีอยู่ครั้งนึง ผมแซงขวาไม่ระวัง ไม่เห็นรถที่ออกจากซอยฝั่งซ้ายจะตัดขวาเข้ามา ต้องหักขวาเกือบหลุดไหล่ทางฝั่งตรงข้าม ดีที่ไม่มีรถสวนมา เกือบไปแล้วๆ

คู่ปรับของผม คือ แท็กซี่ที่ไม่มีผู้โดยสาร กับ รถร่วมบริการครับ ขับได้ไม่ระมัดระวังเลย คิดจะปาดก็ปาด เบียดก็เบียด ครั้งนึงจำได้ว่า ผมขับเร็วมาจากลำสาลี เตรียมชิดซ้ายเลี้ยวเข้ากรุงเทพกรีฑา ปรากฏว่าแท็กซี่พยายามเบียดเข้าเลนกลาง ทำให้ช่องที่่ผมแทรกไปได้ถูกบีบ ตอนนั้นความเร็วที่ 80 กับช่องที่ผ่านไม่พ้นแน่ๆ ผมต้องเบรคตัวโก่ง เพื่อไม่ให้ชนท้ายรถมินิบัส แล้วอ้อมหลังแท็กซี่ตบเข้าซ้าย เป็นประสบการณ์ที่ตื่นเต้นดี  

ความสุขใจของคนส่งพิซซ่า คือ การที่ได้ส่งมอบความอร่อยในเวลาที่กำหนด ผมดีใจที่เห็นลูกค้ามีความสุขกับเมนูจานโปรด แต่องค์ประกอบหลายๆอย่างบอกว่า งานนี้คงไม่เหมาะกับผม วันนึงผมมีออเดอร์เฉลี่ย 3-4 ออเดอร์ ค่าน้ำมันต่อวันผมจ่ายอยู่ที่ 60 บาท (ราวๆ 1/3ของถัง) หากต้องบิดเพื่อทำเวลา Hayate ไม่เคยทำให้คุณเสียหน้า แต่เกจ์น้ำมัน...เอิ่ม ลดทีฮวบๆ  

ที่สุดแล้ว งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา ผมทนรับสภาพนอนไม่เต็มอิ่มจนงานประจำเสียไม่ได้ และทนไม่ได้ที่คนข้างบ้านเล่าให้ฟังว่าลูกร้องหาผมทั้งคืนก่อนนอน มันทำให้ผมรู้สึกว่า ตกลงแล้ว เราต้องการอะไรกันแน่ ผมกลับมาคิด และคิดว่า ผมต้องหางานใหม่ที่ไม่เสี่ยง บางครั้ง ผมจำเป็นต้องโดนคนบางคนตราหน้าว่า "เลือกงาน ไม่ทน" แต่ทำยังไงได้ ในเมื่อคนรอบข้างคุณไม่มีความสุขที่เห็นคุณไปเสี่ยงแบบนั้น อีกทั้ง พฤติกรรมการบิดยิ่งบั่นทอนสมรรถภาพของรถไปทุกทีๆ (พูดง่ายๆ ไม่คุ้มค่าน้ำมัน) ผมจึงขอลาอกและต้องเปลี่ยนเป็นงานประเภทอื่นครับ เศร้าครับ แต่ต้องยอมรับว่า ฝืนแค่ไหนก็ไปสุดทางได้เท่านี้แล้ว

สิ่งที่คุณจะได้จากการทำงานประเภทนี้:
1) คุณจะได้รับการฝึกระเบียบวินัยในการทำงานอย่างเคร่งครัด ผู้จัดการเฮี้ยบตามหน้าที่ไปอย่างนั้นเอง แต่จบงาน ทุกคนเป็นพี่น้องกัน
2) คุณอาจจะได้รับมอบหมายงานที่หนัก แต่นั่นจะเป็นการฝึกความอดทนของคุณที่ดีทีเดียว งานบริการ ถ้าคุณเป็นคนเดี่ยวๆไม่มีพันธะ นี่จะเป็นงานที่เหมาะกับคุณมาก แต่หากคุณมีพันธะมีภาระคนที่รออยู่ข้างหลัง บางครั้ง มันอาจทำให้คุณลำบากใจบ้าง ทีนี้ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของคุณแล้ว ว่าคุณจะเอาอย่างไรต่อไป งานหรือคนรอบข้าง หรือว่าเอาทั้งสองอย่างนั่นแหละ
3) ประสบการณ์ทำงาน เพราะบางครั้ง บางสถานการณ์ งานในร้านจะมีลักษณะรวมศูนย์ ลืมไปได้เลยเรื่องการแบ่งงานกันทำตามความถนัดที่เคยร่ำเรียนมา ใช้ไม่ได้ในสถานการณ์คับขัน การทีคุณทำงานแบบจับฉ่าย คุณอาจจะไม่รู้ลึก แต่ที่แน่ๆ คุณจะกลายเป็นคนรู้รอบ แค่ 10 วัน ผมได้อะไรมากกว่าการขับจักรยานยนต์ เท่านี้ก็คุ้มแล้ว
4) มิตรภาพและการเข้าใจในคนล่ะมั้งครับ การได้ทำงานกับคนหลายรูปแบบ คุณจะเรียนรู้คนมากขึ้น งานน่ะมันเหมือนเดิม แต่คนน่ะเปลี่ยนไป ยิ่งลูกค้าแล้วมีสารพัดรูปแบบ ผมเคยไปส่งออเดอร์ผิด ต้องบิด 80-100 กลับร้านเพื่อไปเอาขนมปังมาเพิ่ม ตอนแรกน่ะโดนด่านะครับ กลัวโดนคอมเพลนเข้าศูนย์มากๆ แต่สุดท้าย ถ้าคุณทำอะไรเต็มที่ สิ่งดีๆจะตามมาเอง งานนั้นผมได้ค่าบิดจากลูกค้า 30 บาท มากสุดในบรรดาทิปที่ผมเคยได้รับแล้วครับ ลูกค้าเห็นใจมากด้วย เหอๆ

ปล. ช่วงนี้ก็ต้องให้ความสำคัญกับงานประจำครับ กลับไปโฟกัสที่เดิมก่อน หลุดมาเยอะ แล้วมองหางานใหม่ไว้อีกที งานพาร์ทไทม์ต้องวางแผนไว้บ้าง แว่วๆมาว่า ถ้าผมจะสอนพิเศษภาษาต่างประเทศ ผมต้องมีผลสอบวัดระดับ คงต้องให้เวลากับมันนิดนึง เพราะสอบช่วงธันวาคมโน่นครับ 1 ปีมีครั้งไม่อยากให้หลุด

แก้ไขเมื่อ 21 มิ.ย. 54 23:33:09

จากคุณ : MoMo says
เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 54 23:27:44




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com