ความคิดเห็นที่ 1 ไฟไม่เต็มก็มี 2 แบบครับ ไม่มีโป่งเลย กับ โป่งหลังอย่างเดียว ส่วนไฟเต็มมีแต่แบบมีโป่งทั้งหน้าและหลัง -------------------------------- อันนี้ไฟไม่เต็ม แบบไม่มีโป่งเลย จะมี 2 กระจัง แบบนี้เป็นรุ่นแรก ยังไม่มีโลโก้ 3 ห่วง จากคุณ : mighty-x เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 54 22:18:29

ความคิดเห็นที่ 2 อันนี้แบบที่ 2 คือมีโลโก้แล้ว ถ้าเป็นรุ่นที่มีคำว่า MIGHTY-X ตรงท้ายกระบะเป็นสีๆ(เช่น สีขาว, สีแดง จะได้สติ๊กเกอร์สีแดง ถ้าเป็นสีน้ำเงินจะได้สติ๊กเกอร์สีน้ำเงิน เป็นต้นครับ) รุ่นนี้จะเป็นรุ่นเก่า ตรงฝาท้ายยังปั๊มนูนคำว่า TOYOTA แบบรุ่นแรกอยู่ จากคุณ : mighty-x เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 54 22:23:07

ความคิดเห็นที่ 3 ฝาท้ายครับ จากคุณ : mighty-x เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 54 22:24:07

ความคิดเห็นที่ 4 ส่วนรุ่นใหม่ขึ้นมาอีก จะเป็นฝาท้ายปั้มเรียบ สติ๊กเกอร์วงรี มีคำว่า Mighty-X ในวง และ สติ๊กเกอร์ตรงแก้มข้างกระบะจะเป็นสีเทา จากคุณ : mighty-x เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 54 22:34:24

ความคิดเห็นที่ 5 โอ้ว...แฟนพันธุ์แท้ ขนาดเอาชื่อมาตั้งเป็น Login name เลยนะครับ จากคุณ : Lexon เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 54 22:37:01

ความคิดเห็นที่ 6 อันนี้ไฟไม่เต็มตัวสุดท้ายแล้วครับ จะเปลี่ยนกระจังหน้าใหม่ เป็นทรงคล้ายๆตัว T และที่สำคัญคือ เปลี่ยนกระบะท้ายเป็นแบบเรียบ และมีโป่งมาให้ จากคุณ : mighty-x เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 54 22:46:32

ความคิดเห็นที่ 7 ตอบคุณ Lexon   ก็ไม่เชิงแฟนพันธ์แท้หรอกครับ โบชัวร์มีไม่ครบทุกรุ่นเลยด้วยซ้ำ แถมตอนเด็กๆชอบเจ้านี่น้อยที่สุดด้วยซ้ำ เพราะผมชอบคันบิ๊กๆแบบ Big-M กะ มังกรฯมากกว่า แต่โตมาไหงชอบไมตี้ที่สุดก็ไม่รู้ ยิ่งพี่ชายผมนี่อย่างคลั่ง เจอคันไหนสภาพดีต้องไปตีซี้กะเจ้าของรถ บางทีตื้อขอซื้อเค้าเลยก็มี กลับบ้านมา โดนแม่ด่าเลย จากคุณ : mighty-x เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 54 22:54:27

ความคิดเห็นที่ 8 โอ้วววว กระจ่างเลยครับบบบ ขอบคุณมากครับ จากคุณ : MySOUL Is INDEPEnDENT เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 54 22:58:58

ความคิดเห็นที่ 11 ไหนๆก็ไหนๆแล้ว คุณ mighty-x ครับ ถ้าเราจะซื้อต่อจากคนรู้จัก เราจะเชคว่าฝาสูบโก่งหรือเปล่า เราควรใช้วิธีไหนครับ แล้ว ถ้าเป็นรถสีบอร์น น่าจะเป็นรุ่นไหนได้ครับ ถ้าให้ลองเดาๆดูอ่ะครับ เพราะผมยังไม่ได้ไปดูรถจริง เค้าบอกมาว่า ไฟไม่เต็ม สีบอร์น แค่นี้ครับ? จากคุณ : MySOUL Is INDEPEnDENT เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 54 23:04:06

ความคิดเห็นที่ 12 สีบรอนซ์เดิมๆแท้ๆในโฉมตาโบ๋จะมีอยู่ 2 รุ่นครับ คือรุ่นไม่มีโป่ง ฝาท้ายเรียบสติ๊กเกอร์วงรี ในรูปคห.ที่ 4 แต่สีบรอนซ์ในรุ่นนี้เหมือนจะเป็น Limited Edition นะครับ เห็นเรียกว่า HILUX Silver ถ้าจำไม่ผิดน่าจะออกมาแข่งกับมังกรฯ SLX กับ รุ่นโป่งหลังครับ ณ คห. 6 เท่านั้นครับ แต่รุ่นที่จขกท.จะได้เป็นเจ้าของในอนาคตน่าจะรุ่นนี้แหละครับ เพราะมันทำออกมาแบบ mass แล้ว ไม่ได้แยกเป็นรุ่นพิเศษอะไรอีก --------------------------------------- ส่วนเรื่องฝาสูบโก่งอันนี้ผมก็ไม่สันทัดครับ แต่พี่ชายเคยบอกไว้ว่าให้ดู - มีอาการดันน้ำออกทางหม้อพัก - อาจมีฟองอากาศ ปุด ๆ ในหม้อพัก - มีคราบน้ำมันเครื่องผสมอยู่ในน้ำหม้อน้ำ หรือน้ำหม้อน้ำเปลี่ยนเป็นสีโอวัลติน ประมาณนี้ครับ แก้ไขเมื่อ 22 มิ.ย. 54 23:20:07 จากคุณ : mighty-x เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 54 23:15:42

ความคิดเห็นที่ 13 ผมใช้อยู่ครับ... ไฟไม่เต็มสีบรอน์เงิน น่าจะเป็นตัวโป่งหลัง ปี94-96 แต่ถ้าบอร์นทองน่าจะเป็นตัวเดียวกับผมคือไฟไม่เต็มตัวแรก ปี91-93 ถ้าผมจำไม่ผิดนะครับ จากคุณ : *~Jay {J2} Two~* เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 54 23:19:50

ความคิดเห็นที่ 14 ^ ^ ^ ใช่ครับ ลืมไปเลยว่ามีสีนี้อยู่ แต่สีจะออกครีมๆค่อนไปทางเหลืองเลย เหมือนจะออกมาแค่ในรุ่นแรกเท่านั้นเองครับ จากคุณ : mighty-x เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 54 23:28:11

ความคิดเห็นที่ 15 ของผมรุ่น ความเห็นที่ 6 รุ่น top ซะด้วยมีลายสติ๊กเกอร์ด้านข้าง เห็นแล้วคิดถึงมาก เพราะปัจจุบันโดนขโมยไปซะละ T__T เศร้าใจ จากคุณ : Ex_Machina เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 54 23:30:39

ความคิดเห็นที่ 16 ^ ^ ^ โหว... น่าเห็นใจจริงๆครับ แต่ผมว่าบาปกรรมมีจริง ชาติหน้ามันคงต้องมันชดใช้กรรมให้คุณ Ex_Machina แน่ๆเลยครับ เป็นกำลังใจให้นะครับ จากคุณ : mighty-x เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 54 23:44:35

ความคิดเห็นที่ 17 ตัวไฟไม่เต็ม มีโป่งหลัง แบบ คคห6 ในสมัยก่อน มันวิ่งสู้ตัวก่อนๆไม่ได้จริงๆ  จาก 130 ขึ้นไปก็มีเหนื่อย ส่วนโฉมสองตอนเดี่ยวสมัยก่อนผมเอาไปซัดเล่นประจำ ออกไฟแดงสับ 1-2-3 ยางร้องทุกเกียร์  130 ไป 140 ก็ยังไปดีอยู่ จะไปช้าตอนหลัง 140 ขึ้นไป เคยลอง topspeed ก็ไปแช่หมดอยู่ที่ 156 ทุกวันนี้ฝาสูบก็ยังไม่เคยเปิด  ส่วนวิ่งมาแล้วกี่โลก็บอกยากเหมือนกัน เพราะเข็มความเร็วมันพังตอนที่วิ่งไป 350,000 เมื่อ 5 ปีที่แล้ว เลขมันก็เลยหยุดอยู่แค่นั้น ส่วนวิธีจะดูว่าฝาสูบโก่งหรือเปล่า ถ้าเป็นรถที่เจ้าของเขาใช้อยู่ประจำๆ  ก็ให้ดูรอยน้ำที่ถังพักน้ำได้เลย ถ้ามีคราบน้ำเลอะๆเทอะๆ  ก็ฟันทิ้งไป ส่วนคันที่โดนจับล้างซะสะอาดก็หาช่างเป็นๆไปช่วยดูจะีดีกว่า แก้ไขเมื่อ 23 มิ.ย. 54 00:26:17 แก้ไขเมื่อ 23 มิ.ย. 54 00:23:41 จากคุณ : ton99 เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 54 00:07:23

ความคิดเห็นที่ 18 ท่าน mighty-x ตัวจริงเลยล่ะครับ จากคุณ : Air_graphic เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 54 00:22:01

ความคิดเห็นที่ 19 ความคิดเห็นที่ 6 ยังไม่สุดน๊ะ  ถ้านับพวก Minor change เข้าไปด้วย (แต่ถ้านับตามรหัส มันก็ตัวเดียวกันแหละ 555) เพราะตัวจบจริงๆ โลโก้กระจังหน้าจะสวยกว่า  และไฟเลี้ยวจะกลับทางกับในรูป จะเป็นสี่เหลี่ยมคางหมูเฉียงขึ้น   ในรูปมันเฉียงลง ยังเสียดายไม่หาย ซื้อมาได้แป๊บเดียวมันเปลี่ยนโฉม 555 จากคุณ : Pickmon เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 54 00:30:53

ความคิดเห็นที่ 20 ไมตี้Xเริ่มมีตั้งแต่ราวปี90ครับ หน้ากระจังก็จะตามรูปคห.1 กระจกมองข้างเล็ก การโฆษณาชวนเชื่อที่จำได้ก็คือ ช่วงล่างแบบเบอร์ลินอายย์ ซึ่งผมก็ดูไม่ออกว่ามันคืออะไร แบบไหน ต่างกันยังไง แต่นิตยสารรถว่าให้คำตอบว่ามันคือหูแหนบทีี่ใช้ในรถม้ามาก่อน? แค่เนี้ย!............. พอปี92หน้ากระจังก็เริ่มเปลี่ยนตามรูปคห.2   ซึ่งหน้ากระจังแบบนี้ ภาษาเต๊นท์เขาเรียกว่า"หน้าคาราบาว" ในโฉมนี้ ปีนี้ เริ่มใช้การโฆษณาเกี่ยวกับเครื่องยนต์ว่า"ไดเร็ควาล์ว"เข้ามาใช้ ซึ่งทำให้ผู้ซื้อรวมทั้งผม ต่างคิดว่ามันคือเครื่องตัวใหม่ แต่ที่ไหนได้ มันก็เครื่องตัวเดิมนั่นแหละ แล้วระบบนี้ ก็ไม่ได้ใหม่อะไร เพราะมาสด้าแม็กนั่ม เขาใช้มาก่อนแล้ว เพียงแต่เขาไม่เอามาเป็นจุดขาย ก็แค่นี้เอง และในโฉมนี้จะมีรุ่นพิเศษอยู่รุ่นนึง เป็นรุ่นฉลองครบรอบอะไรซักอย่าง เป็นรุ่นสีกราไฟต์ ซึ่งสีรถออกดำๆ มืดๆ และผมก็จำไม่ได้ว่ามีอะไรพิเศษนอกเหนือจากนี้อีก ปี95-96 ก็เริ่มเปลี่ยนกระจังอีก ตามรูปคห.6 คราวนี้มีการปรับเปลี่ยนตัวกระบะหลังให้มีโป่งด้วย และกระจกมองข้างใหญ่ ในปีนี้ไมตี้Xมีโฟร์วีลล์แค๊บ เครื่อง2700เป็นตตัวนำเข้าจากออสเตรเลียเข้ามาขายด้วย ราคาที่จำได้เลยคือ610000บาท สีน้ำเงิน สวยแปลกแหวกแนวไม่เหมือนใคร จำได้แม่น เพราะที่บ้านซื้อมาคันนึง และเป็นรุ่นที่ยอดนิยม ผู้คนต่างค้นหาอยู่พรรคใหญ่ๆ ปี97 เปลี่ยนกระจังอีกรอบ คราวนี้เป็นไฟใหญ่ ไฟเต็ม มีโป่งหน้า โป่งหลัง และมีเกียร์ออโต้มาให้เลือก แบ่งเป็นเกรดSGLเป็นตัวท็อปสุด พวงมาลัยหนัง มีให้เลือกทั้งเครื่อง2500และ2700 การเปลี่ยนครั้งนี้ จัดได้ว่าเป็นรุ่นที่สวยที่สุดในไมตี้Xครับ ฉะนั้นถ้าคิดจะเล่น อย่าได้มองแค่หน้ากระจัง กระจกข้าง หรือโป่ง ควรที่จะมองที่ปีจดทะเบียนเข้ามาประกอบด้วย เพราะมีบางคนที่ปรับเปลี่ยนหน้ากระจัง กระจกข้าง เพื่อหวังอัพราคาทั้งที่เป็นรุ่นแรกๆปี90นู่นนนน...... การทำแบบนี้ มักจะนิยมและได้ผลมากที่สุดก็คืออีซูซุมังกรทอง ที่บางคนเปลี่ยนกระจัง หูช้าง แล้วอัพราคาได้มากกว่า2หมื่นขึ้น ปล.ที่จำได้แม่น เพราะที่บ้านผมได้มีโอกาสได้ใช้ไมตี้X หลายคัน หลายครั้งตั้งแต่รุ่นแรกยันสุดท้าย เรียกว่าใช้มันครบทุกรุ่นแหละครับ ซึ่งมีทั้งซื้อมาใช้งานเอง และซื้อมาเพื่อขายทำกำไร ลองเรียนรู้การเป็นพ่อค้ารถมือสองดูครับ ซึ่งในความที่ซื้อมาใช้หลายคัน ไม่ใช่เพราะติดใจอะไรเป็นพิเศษนะครับ เพราะการใช้งานในรถทุกยี่ห้อ มันก็คือๆกันหมด เพียงแต่ไมตี้Xในยุคนั้น มันได้ที่ความแรงของเครื่องยนต์ ประกอบกับความสวยสุดแล้วในยุคนั้น แก้ไขเมื่อ 23 มิ.ย. 54 08:35:12 จากคุณ : ยาน้ำแก้ไอตราตะแป๊ะแกล้งตาย เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 54 08:03:01

ความคิดเห็นที่ 21 ^ สนับสนุนความเห็นอาแปะครับ ระวังให้จงหนักเลย กับรถแปลงหน้าเพื่ออัพราคาย้อมแมวขาย ( ที่ฮิตๆกันก็เช่น ไมตี้ / ทีเอฟอาร์ / รถตู้หัวจรวด ) วิธีที่ปลอดภัยในการเลือกซื้อคือเช็ค "แชสซีนัมเบอร์" และ "ปีที่จดทะเบียน" ว่ามันมีอะไรผิดปกติมั้ย ส่วนเรื่องฝาสูบ ถ้าเป็นเต๊นท์ที่ชำนาญด้านการหมกเม็ด ก็ลำบากที่จะตรวจสอบครับ นอกเสียจากตอนเราซื้อ ลองติดเครื่องดูแล้วเปิดฝาถังพัก จากนั้นสังเกตุดูว่ามีฟองอากาศดันขึ้นมารึเปล่า ?? จากคุณ : ฝาสูบจีนมีขายแล้ว (t_tanuch) เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 54 08:57:51

ความคิดเห็นที่ 22 ดูแล้วปรับโฉมไม่แพ้ ดีแม๊คซ์เหมือนกันนะเนี่ย จากคุณ : johnlee เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 54 09:03:53

ความคิดเห็นที่ 23 คห.22 ดีแม็กซ์ปรับมากกว่าครับ เพราะการปรับของรถกระบะสมัยนี้ไม่เหมือนสมัยก่อน อย่างสมัยก่อน ปรับแค่กระจัง คนซื้อมาเปลี่ยนกันเองได้ แต่สมัยนี้เล่นปรับทั้งกระจัง แก้มข้าง กระบะหลัง หนักสุดก็เล่นเปลี่ยนเครื่อง ซึ่งแบบนี้น่ะ ทำให้คนที่มีร่นเก่า จะปรับให้เป็นรุ่นใหม่กว่าทำได้ยาก จากคุณ : ยาน้ำแก้ไอตราตะแป๊ะแกล้งตาย เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 54 09:11:27

ความคิดเห็นที่ 24 รูปไม่ขึ้น.... แก้ไขเมื่อ 23 มิ.ย. 54 10:15:16 จากคุณ : *~Jay {J2} Two~* เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 54 10:14:29

ความคิดเห็นที่ 25 เคยใช้ครับ รุ่น cab รุ่นแรก กะบะท้ายจะได้ช่วงยาวกว่า นน.ตัวเยอะ และพวงมาลัยหนักโพดๆ ต้องไปใส่เพาเวอร์ ช่วงล่างวิ่งเร็วๆ นี่ปลิวและร่อน ตอนนั้นเรียน มหาลัย แก๊งค์ผม จับโหลดเตี้ย ลายหยดน้ำ หนุนแหนบ 2.5" ดัดแหนบ ปรับกระจกมองข้าง เฉียงขึ้น เป็นรูปตัววี วิ่งออกไปเที่ยว ตจว. คนนั่งหน้ารถ ยังพอทนไหวกับอาการเด้ง แต่พวกนั่งหลัง ชมวิว ไม่ต้องดื่ม ก็มีอาการเมาครับ เด้งไส้สะเทือน คิดถึงความหลังเลย จากคุณ : zimzim เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 54 10:20:48

ความคิดเห็นที่ 26 จาก คห.20 ของแปะเหล่านั้ง ฯ และในโฉมนี้ "หน้าคาราบาว" จะมีรุ่นพิเศษอยู่รุ่นนึง เป็นรุ่นฉลองครบรอบอะไรซักอย่าง เป็นรุ่นสีกราไฟต์ ซึ่งสีรถออกดำๆ มืดๆ และผมก็จำไม่ได้ว่ามีอะไรพิเศษนอกเหนือจากนี้อีก สิ่งที่พิเศษนอกเหนือจากสีเทากราไฟต์คือ -โลโก้สัญลักษณ์ต่าง ๆ รอบคัน จะเป็นสีทอง -ล้อแม็กลายพิเศษ (เห็นอยู่ลายเดียว ไม่ซ้ำใครเลยครับ) ส่วนภายในผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน ส่วนเครื่องเบนซิน ไมตี้เอ็กซ์ เคยวางเครื่องเบนซิน 1800 ซีซี คาร์บูเรเตอร์ด้วยครับ ส่วนโฉมสุดท้าย จะวางเครื่องยนต์ตัวใหม่ รหัส 3L 2800 ซีซี เพิ่มขึ้นมา และมีรุ่นพิเศษตบท้าย เป็นโฉมไฟหน้าเต็ม ไฟเลี้ยวหน้าเฉียงขึ้น เลนซ์สีขาว ภายในจำได้ว่าหน้าปัดจอขาว ซึ่งฮิตมาก ๆ ในสมัยนั้น ส่วนรายละเอียดอื่น ๆ ก็จำไม่ได้เช่นกันครับ จากคุณ : Lexon เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 54 10:40:27

ความคิดเห็นที่ 27 โตโยต้ามักจะมีเบนซินควบคู่มากับดีเซลมาทุกยุคน่ะครับ ไล่ตั้งแต่ม้ากระโดด เครื่องเบนซิน12R ฮีโร่ เครื่อง1Y ไมตี้X เครื่อง3Y(ถ้าจำไม่รหัสไม่ผิดนะ) ไทเกอร์ ไม่แน่ใจว่ามีเบนซินรึเปล่า เพราะไม่ได้ข่าว แล้วก็วีโก้ เครื่องเบนซิน2700 จากคุณ : ยาน้ำแก้ไอตราตะแป๊ะแกล้งตาย เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 54 10:48:41

ความคิดเห็นที่ 28 ^ มาต่อรายละเอียดพี่เล็กสั้นอีกที ในปี 1998 MTX กระตุ้นตลาดครั้งสุดท้ายโดยออกรุ่น "Super GL" ที่เห็นชัดเลยคือ ล้อแม็กซ์ลายใหม่ / ไฟเบรคดวงที่ 3 บนหลังคา/ พื้นเรือนไมล์สีขาว จากนั้นไม่นาน ก็เป็นการมาของ Tiger กระบะ 3000 จีโอเอๆๆๆๆๆๆ (เอ๊คโค่)   จากคุณ : t_tanuch เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 54 10:48:46

ความคิดเห็นที่ 29 ตอบแปะเหล่านั้งฯ ไทเกอร์ไม่มีเครื่องเบนซินครับ มีแต่ดีเซล ได้แก่ 2LII / 5L / 5LE / 1KZ / 2KD / 1KD จากคุณ : t_tanuch เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 54 10:50:44

ความคิดเห็นที่ 30 เอ้อ...นั่นซิเนอะ ทีทานู๊ด ว่าทำไมไทเกอร์ถึงไม่มีเบนซิน ทั้งที่แต่ไหนแต่ไร โตโยต้ามักจะมีเบนซินควบคู่มาโดยตลอด โตโยต้าไมตี้X ไม่ได้มีแค่นี้นะ อย่าง4X4 ตั้งแต่แรกมา ที่เป็นคานเเข็ง ยังมีทั้งแบบกระบะช่วงสั้น ช่วงยาวให้เลือกด้วยนะ ซึ่งจะว่าไปเขาทำออกมาไม่ได้สนใจยอดขายซักเท่าไหร่นะผมว่า แค่มีไว้ให้ลูกค้าเลือกได้ทุกควมต้องการ จากคุณ : ยาน้ำแก้ไอตราตะแป๊ะแกล้งตาย เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 54 11:05:40

ความคิดเห็นที่ 31 แล้วไมตี้ พลัส ล่ะครับ ไปตรงกับการปรับโฉมครั้งไหน อ้อ แล้วที่เรียกกันว่า LN60 ล่ะครับ แก้ไขเมื่อ 23 มิ.ย. 54 11:09:18 จากคุณ : johnlee เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 54 11:07:55

ความคิดเห็นที่ 32 ^ ^ ตอนเปลี่ยนเครื่องเป็น 2800 นั่นแหละครับ ปลายยุคแล้วครับ LN 60 เป็นรถโฟร์วีล โฉมเดียวกับฮีโร่ครับ ถ้าเป็นโฉมเดียวกับไมตี้เอ็กซ์ จะเป็นรหัส LN 106 นี่คือ LN 60 ครับ http://www.weekendhobby.com/offroad/toyota/Question.asp?ID=16915 แก้ไขเมื่อ 23 มิ.ย. 54 11:13:11 จากคุณ : Lexon เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 54 11:10:13

ความคิดเห็นที่ 33 ที่ว่ารุ่นพิเศษ 2800 นี่เป็น ไมตี้ "พลัส" ใช่ไหมครับ (ล้อที่จับไปปัดเงาลายคล้ายสมาทแคปปัจจุบัน) จากคุณ : GOLF-B16A เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 54 11:25:03

ความคิดเห็นที่ 34 คุยกับอาแปะต่อครับ ยุคปี 90 ขึ้นมา...เท่าที่ผมรู้ว่าเหตุผลที่ Toyota เอาเครื่องเบนซินมาลงขายด้วย เพราะต้องการเจาะตลาด "หน่วยงานราชการ" ครับ ทั้งหัวจรวดที่เอาเครื่อง 1RZ มาลง กับ MTX ที่เอารหัส 2Y มาวาง เหตุผลก็เพื่อจะ "ดั้มราคา" ให้ต่ำกว่าเครื่องดีเซล (ลูกค้ากลุ่มนี้เน้นรถราคาถูก โดยไม่คำนึงถึงรายจ่ายด้านเชื้อเพลิงและการบำรุงรักษาที่จะตามมา) แต่พอมาเป็นยุคไทเกอร์ .... เหมือนทางโตโยต้่าจะคำนวณดูแล้วว่าไม่คุ้มค่า เพราะดีมานด์ต่ำ แถมกระแสดีเซลตอนนั้น ค่อนข้างมาแรง เลยไม่เอาเครื่องเบนซินมาวางในไทเกอร์ จนมาเป็นยุควีโก้ เครื่องตัว 2TR-FE ก็ถูกนำมาวางใน Vigo เพื่อเป็นทางเลือกให้ลูกค้าอีกครั้ง เนื่องจากปัญหาราคาน้ำมันดีเซลแพง แถมเครื่องบล๊อคนี้ ก็เป็ฯเครื่องที่ทาง Toyota ทำขึ้นเพื่อส่งออกต่างประเทศอยู่แล้ว จากคุณ : t_tanuch เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 54 11:27:07

ความคิดเห็นที่ 35 ในนี้มีใครเซียนบิ๊กเอ็มมั้ยครับ  เพระดูแล้วปรับโฉมบ่อยเหมือนกัน จากคุณ : johnlee เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 54 11:35:33

ความคิดเห็นที่ 36 ทีทานู๊ด เซียนกระบะแต๊ๆเน่อ เยี่ยมๆ บิ๊กเอ็มน่ะเหรอ เริ่มปี1986 เครื่องsd25 จากนั้นเปลี่ยนเครื่องมาเป็นtd25 ในปี1987 ในช่วงนี้nissan ยังไม่มีรุ่นแค๊บ มีเพียงแค่ช่วงยาว และจะมีรุ่นย่อยให้เลือกคือรุ่นGL ซึ่งมี2สีทูโทน โครงหัวกระบะไม่มีซี่ๆ เอาใจนักเล่นรถกระบะคนไทย เบาะแยกแบบสปอร์ต และรุ่นDXคือรุ่นธรรมดาๆ ราวปี1989 เริ่มทำแค๊บออกมาแล้ว เป็นแค๊บเล็ก หน้ากระจังก็เปลี่ยนใหม่ ตัวหนังสือNissan ตัวใหญ่คั่นกลาง ปี1991 เปลี่ยนเครื่องใหม่ เป็นแบบอีซูซุ คือไดเร็คอินเจ็คชั่น กระจังหน้าตะแกรงโครเมี่ยม ปี1993 เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ แค๊บแบบใหญ่ หน้าใหม่ ฝากระโปรงใหม่ กระจังใหม่ รุ่นนี้คนไทยเรียกกันหลายชื่อบ้างก็เรียกว่าหน้าโง่ บ้างก็เรียกหน้าลาว (ขออภัย เขาเรียกกันแบบนั้นจริงๆ) ปี1993นี้ สังเกตุกันชนหน้า จะมีช่องระบายอากาศต่อจากไฟเลี้ยวหน้า หน้ากระจังแบบดุ มีลักษณะตัววี ปี1995 ปรับเปลี่ยนกระจังอีกครั้ง ไฟแบบเต็ม กันชน เรียบๆ มีแค่ไฟเลี้ยว หน้าปัดใหม่แบบโค้ง หรือที่คนไทยเรียกกันว่าไมล์โค้งครับ พิเศษยิ่งกว่านั้นของปีนี้คือ รถกระบะมีซันรูฟครับ ยี่ห้อแรกและยี่ห้อเดียวที่ทำซันรูฟออกมา แต่ออกมาขายแบบเงียบๆไม่กระโตกกระตาก กลัวดังรึไงไม่ทราบ หลังจากนั้น หายจ้อย ปี1996 รุ่นแค๊บเปลี่ยนกระจังอีกรอบ เป็นแบบฟันกระต่าย น่าเกลียดที่สุดในรุ่นBigM ปี1997 สุดท้ายแล้ว เปลี่ยนเครื่องใหม่ ฝากระโปรงมีช่องระบายอากาศ3ช่อง เครื่องตัวใหม่ td27 ซึ่งช่วงปี1997ปีนี้ จะสังเกตได้ว่ารถทุกค่าย มักจะเปลี่ยนเครื่องกัน หรือไม่ก็เสริมเทอร์โบเข้าไป ซึ่งก็น่าจะมาจากการกำหนดค่ามลพิษของทางภาครัฐ โดยนิสสันเปลี่ยนเครื่อง อีซูซุใส่เทอร์โบ โตโยต้าไม่เปลี่ยนเครื่อง แต่ทำอีท่าไหนไม่รู้ เครื่องจากที่90แรงม้า หดลดกำลังเหลือแค่ราวๆ80ในรุ่นไทเกอร์ ผิดถูกขออภัย เพราะผมจำมาได้แบบนี้ หรือบางที ผมอาจจะจำสับสนก็ได้ เพราะนิสสันชอบทำอะไรแปลกๆ บางทีทำรุ่นพิเศษหน้านึง รุ่นธรรมดาก็อีกหน้านึง หรือบางที รุ่นเก่า ขายควบคู่ไปกับรุ่นใหม่ก็มี ซึ่งปัจจุบันก็ยังทำอยู่ นิสสัน นิสัยไม่ดีเลยเนอะ แก้ไขเมื่อ 23 มิ.ย. 54 12:45:45 จากคุณ : ยาน้ำแก้ไอตราตะแป๊ะแกล้งตาย เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 54 12:23:19

ความคิดเห็นที่ 37 ทีนี้มาดูรูปบ้าง เริ่มจากเก่าสุดนะครับ ในรูปใช้ชื่อดัทสัน (ซึ่งเป็นชื่อที่เรียกในอเมริกา) จากคุณ : ยาน้ำแก้ไอตราตะแป๊ะแกล้งตาย เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 54 12:50:18

ความคิดเห็นที่ 38 รุ่นที่2 ตัวหนังสือใหญ่ จากคุณ : ยาน้ำแก้ไอตราตะแป๊ะแกล้งตาย เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 54 12:50:58

ความคิดเห็นที่ 39 ขอแจมอาแปะด้วยคนครับ 1986 = ฺBIG.M TD กระจังลาย 6 ช่อง เครื่อง TD25 1990 = BIG.M BDI กระจังลายรังผึ้ง 3 ช่อง BD25 ไดเร็คท์อินเจ็คชั่น 1993 = BIG.M หน้าโง่ (925) 1995 = BIG.M หน้าโง่ (993) ยังคงใช้เครื่อง BD25 1997 = BIG.M หน้าโง่ (994) วงการอะไหล่เรียก "กระจังลายกางเกงใน" เครื่อง TD27 แก้ไขเมื่อ 23 มิ.ย. 54 12:53:58 จากคุณ : t_tanuch เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 54 12:51:59

ความคิดเห็นที่ 40 อ้าวเวง โทษทีลงผิด อันนั้นก็อีกตัวนึง ที่กระจังมีคิ้วขอบโครเมี่ยม นี่ครับหนังสือใหญ่ จากคุณ : ยาน้ำแก้ไอตราตะแป๊ะแกล้งตาย เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 54 12:52:23

ความคิดเห็นที่ 41 นี่ครับ หน้าใหม่ เครื่องใหม่ BDI ฝาแดง จากคุณ : ยาน้ำแก้ไอตราตะแป๊ะแกล้งตาย เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 54 12:54:10

ความคิดเห็นที่ 42 ปี1993เริ่มเปลี่ยนหน้าใหม่ นี่คือกระจังรุ่นแรก แต่ในรูป กันชนไม่เดิม รุ่นใหม่กว่าครับ ไมล์หน้าปัดยังคงเหลี่ยมอยู่ จากคุณ : ยาน้ำแก้ไอตราตะแป๊ะแกล้งตาย เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 54 12:57:08

ความคิดเห็นที่ 43 ทีทานู๊ดครับ 925 993นี่คือรหัสหรือครับ ไม่เคยได้ยิน ดูรูปต่อ กระจังแบบนี้ แต่ยังไม่เจาะฝากระโปรงนะครับ ส่วนกระบะคารโกล้ ญี่ปุ่นนิยมกัน จากคุณ : ยาน้ำแก้ไอตราตะแป๊ะแกล้งตาย เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 54 12:59:34

ความคิดเห็นที่ 44 นี่ครับ หน้ากางเกงในตามที่คุณทีทานู๊ดบอก แต่ก็เนอะ ถ้ายกกระโปรงขึ้นมาคงได้เห็นหอย จากคุณ : ยาน้ำแก้ไอตราตะแป๊ะแกล้งตาย เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 54 13:02:40

ความคิดเห็นที่ 45 ขออภัยให้กิ๊ฟบ่ได้ ........ แล้วเมื่อไหร่จะให้กิ๊ฟคนอื่นได้อีกน้อ.... ให้ไม่ได้มาหลายวันแล้ว จากคุณ : ยาน้ำแก้ไอตราตะแป๊ะแกล้งตาย เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 54 13:05:32

ความคิดเห็นที่ 46 ^ ^ ^ ขอบคุณครับอาแป่ะสำหรับข้อมูล Big-M ขอถามเพิ่มอีกหน่อยครับ ตัวที่มี 6 ล้อนี่ มันมีในโฉมไหนครับ ตอนเด็กๆเคยเห็นกับตาแค่ครั้งเดียวเอง นึกว่าตาฝาดซะด้วย แต่มาอ่านหนังสือรถ เค้าก็บอกวว่ามีจริงๆ จากคุณ : mighty-x เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 54 13:25:10

ความคิดเห็นที่ 47 แล้วหน้าแบบนี้ล่ะครับ ปีไหน??? จากคุณ : johnlee เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 54 13:34:14

ความคิดเห็นที่ 48 บิ๊กเอ็ม หาใช่จะมีแต่เครื่อง โซล่า เบนซินก็มีนะ Z16 84 แรงม้า Z18 น่าจะ 90 กว่าแรง Z20 105 แรงม้ามั้ง ทั้ง 3 ตัวติดแก๊สดี ทนทาน แต่วาล์วยันเร็วหน่อย ต้องขยันตั้ง ส่วนเครื่อง BD25DI ทั้งทนทั้งแรง ขาซิ่งชื่นชอบ อ้อ เปิดตัวครั้งแรก มันเครื่อง SD25 หรือ TD25 แน่ครับ จากคุณ : johnlee เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 54 13:38:34

ความคิดเห็นที่ 49 แล้วอีสุ มังกร ล่ะครับ ปรับกี่ครั้ง อิอิ จากคุณ : johnlee เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 54 13:43:10

ความคิดเห็นที่ 50 มีจริงครับ คุณไมตี้X มีในช่วงปี1987 ตอนนั้นราคาว่ากันที่3แสนกว่าๆ ซึ่งรถกระบะในช่วงนั้น ขายอยู่ที่2แสนกลางๆ ที่ตลาดสดมีนบุรี ยังมีวิ่งอยู่เลยครับ ใครเข้าตลาดมีนบุรีบ่อยๆจะเห็นครับ หารูปมาให้ จริงแล้วแต่เดิมที่เขาผลิตออกมา ไม่ใช่หน้านี้นะครับ แล้วผมก็ไม่รู้ว่าเป็นของสยามกลการผลิตรึเปล่า แต่เป็นข่าวเล็กๆทางหน้านสพ.อยู่ว่านิสสันจะมีกระบะ6ล้อออกมา แก้ไขเมื่อ 23 มิ.ย. 54 13:47:14 จากคุณ : ยาน้ำแก้ไอตราตะแป๊ะแกล้งตาย เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 54 13:44:00

ความคิดเห็นที่ 51 คุณjohnlee มังกรเริ่มมี1988 เครื่องรุ่นแรก87แรง มีหูช้าง เป็นรถกระบะเจ้าแรกที่มีพวงมาลัยเพาเวอร์ ที่ปัดน้ำฝนแบบกึ่งซ่อน ปี1990 เริ่มมีเครื่อง2500 เครื่อง90แรงม้า ไฟเต็ม หูช้างไม่มี ปี1993เริ่มทำตัวโรดีโอมาขาย และขณะเดียวกันก็มีตัวSLX เป็นรุ่นท็อป ปี1994พวงมาลัย เปลี่ยนจากสี่เหลี่ยมเป็นแบบกลม ปี1996 หน้ากระจังเปลี่ยน ภาษาเต๊นท์เรียกหน้าหนู มือจับดำ ขอบไฟท้าย ไฟเลี้ยวดำ  ปีนี้มีเกียร์ออโต้มาขาย ก้าวล้ำนำยี่ห้ออื่น การไม่เปลี่ยนหน้าบ่อย ไม่เปลี่ยนเครื่องบ่อย เป็นข้อดีที่ทำให้อีซูซุ ราคาไม่ตก เพราะบางคนลงทุนแปลงหน้ากระจัง แปลงไฟให้เป็นรุ่นใหม่แล้วขาย คนซื้อก็ไม่รู้ เพราะดูแค่กระจัง ดูแค่หูช้างก็นึกว่าใหม่แล้ว จากคุณ : ยาน้ำแก้ไอตราตะแป๊ะแกล้งตาย เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 54 13:56:20

ความคิดเห็นที่ 52 จำได้ว่ามีรุ่นหรู SLX สีฟ้าสีเดียว บ้านผมอยู่กลางซอย บ้านพี่คนนึงใช้รุ่นนี้ อยู้ท้ายซอย พี่แกขับนิ่ม ในซอย ใช้เกียร์1  กลับบ้านทีไรผมตื่นทุกที เสียงดังพอๆกัยรถไถฟอร์ด 5555 จากคุณ : johnlee เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 54 14:11:26

ความคิดเห็นที่ 53 ช่วยแปะเหล่านั้งฯ ตอบคุณ จอห์นลี เปิดตัวครั้งแรก มันเครื่อง SD25 หรือ TD25 แน่ครับ ตอบ: SD25 มาก่อน TD25 ครับ (TD25 มาปลายปี30 ส่วน SD25 มาปี2529) ส่วนรูปในความคิดเห็นที่ 17 คือ BIG. M ปี 1993 ( หน้าโง่ 925 ) โดยรหัส 925 / 993 / 994 คือรหัสประจำรุ่นของแต่ละตัว อย่างโตโยต้าก็จะประมาณ LN80 / LN85 / LN90 เป็นต้น จากคุณ : t_tanuch เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 54 14:15:21

ความคิดเห็นที่ 54 LN80 LN85 LN90 นี่มันคือตัวไหนครับคุณทีทานู๊ด เรื่องรหัส ผมรู้จักแต่รหัส RN25 อย่าง720ก็นิสสันโปรเฟสชั่นแนล 620ก็ช้างเหยียบ จากคุณ : ยาน้ำแก้ไอตราตะแป๊ะแกล้งตาย เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 54 14:36:31

ความคิดเห็นที่ 55 กระบะ Toyota เริ่มต้นจาก RN10 ครับ (ปี 68 มั้ง) จากนั้นไล่มาเรื่อยๆ (ในวงเล็บคือรุ่นย่อยต่างๆ เช่น ระบบขับเคลื่อน,เกียร์,จำนวนประตู) RN2# (25) RN3# (36) LN4# (46) ม้ากระโดด,ซุปเปอร์สตาร์,กรุงศรีวิไล LN5# (6#) ฮีโร่ LN8# (9#,10#,12#,13#) ไมตี้เอ็กซ์ LN14# (15#,16#,19#) ไทเกอร์ KUN1# (2#,3,) วีโก้ =-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-= อย่างไมตี้นี่ก็มีรุ่นย่อยมากเหมือนกัน โดยอ้างอิงตามรหัส Model เช่น -LN80R-TRMRST  คือ หัวเดียว พวงมาลัยขวา เครื่อง 2L ขับเคลื่อน 2 ล้อ เกียร์ธรรมดา -YN90R-CRMSST คือ เอ็กซ์ตร้าแค๊บ พวงมาลัยขวา เครื่อง 2Y ขับเคลื่อน 2 ล้อ เกียร์ธรรมดา จากคุณ : t_tanuch เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 54 15:48:19

ความคิดเห็นที่ 56 ถอดรหัสดาวินชี่เลยนะ เซียนจริงๆ  เขาไม่ได้ตั้งเล่นๆเลย มีความหมายทั้งนั้น แต่สงสัยอยู่อย่างRN ไฟกลม4ดวง  แล้วไหงจู่ๆเปลี่ยนมาเป็นLN ในตัวม้ากระโดดได้ล่ะครับ ทั้งๆที่มันก็กระบะธรรมดาๆไม่มีแค๊บอะไร ขอบคุณหลายๆครับ ได้ความเข้าใจไปอีกกอง ว่าแต่คุณทีทานู๊ดนี่ขายอะไหล่รถใช่มั้ยครับ คุ้นๆ จากคุณ : ยาน้ำแก้ไอตราตะแป๊ะแกล้งตาย เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 54 16:04:26

ความคิดเห็นที่ 57 ^ รหัสตัวหน้าของ model คือ ซีรี่ย์ของเครื่องครับ ยุค RN30 ยังใช้เครื่อง 12"R" อยู่ แต่พอมาเป็นม้ากระโดด เริ่มเอาเครื่องดีเซลรหัส 1"L" มาลง รหัสเลยเปลี่ยนเป็น LN40 ครับ ส่วนรหัสตัวถัดมา มันบ่งบอก"แบบ" ของรถ ตัว "N" ในที่นี้จึงหมายถึงรถแบบกระบะ ซึ่งก็คือ ตระกูล Hilux นั่นเอง (สังเกตุในความเห็นที่ 55 จะเป็น N ลงท้ายเสมอ แต่อักษรตัวหน้าเปลี่ยนไปเรื่อยๆ) หรืออย่างเช่น "AE101" เครื่องตัวนี้เป็น 4AFE "A" ตระกูลโคโรลล่าคือ "E" ส่วนตัวเลข "101" คือรหัสประจำรุ่น จากคุณ : ยิ่งพิมพ์ยิ่งงง (t_tanuch) เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 54 16:18:23

ความคิดเห็นที่ 58 อ๋ออออ.....เขาเล่นเอารหัสเครื่องมารวมกับตัวรถนี่เอง เข้าใจแล้ว ขอบคุณครับ จากคุณ : ยาน้ำแก้ไอตราตะแป๊ะแกล้งตาย เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 54 16:44:48

ความคิดเห็นที่ 59 ความรู้ทั้งนั้น จากคุณ : MySOUL Is INDEPEnDENT เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 54 21:15:38

ความคิดเห็นที่ 60 อย่างอื่นไม่รู้เหมือนรู้อย่างเดียวของผมวิ่งมา 5 แสนกว่าโลแล้วโดยไม่เคยเปิดฝา จากคุณ : ต้อม เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 54 21:54:21 A:101.109.203.47 X: TicketID:247569

ความคิดเห็นที่ 61 เครื่อง SD25 ตัวนอกที่เขาเอาใส่ในโฟล์ลิฟ นี่ตัวเดียวกับในไทยรึเปล่าครับ จากคุณ : PlufflyMan เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 54 11:50:50