PANTIP.COM : V10763177 ขี่รถลุยลาวในอดีต......ไปเที่ยวพม่าดีกั่ว{แตกประเด็นจาก V10760089} [มอเตอร์ไซค์]

ความคิดเห็นที่ 3

กลับมาแล้ว........ทำไมรูปมันถึงได้เล็กเป็นสแตมป์อย่างนี้หว่า......น้าหยอยเป็นงงและงง...เอาเหอะ...พอให้รู้ว่าน้าหยอยซ่าขี่รถไปเที่ยวมาจริงๆก็แล้วกัน.................
3บรรทัดให้อ่านกันย้อนหลังก่อนนะครับ........

ประเทศสยามเราในตอนนั้น เห็นว่าเมื่อพม่าเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษไปแล้ว….การที่จะได้รับส่วนแบ่งเมืองทั้งสองที่กล่าวมาก็ไม่เกิดประโยชน์….เพราะไม่มีเหตุผลอะไรที่จะเก็บเอาไว้ทำเสบียงสงครามต่อไปและขี้เกียจปีนเขาตะนาวศรีข้ามไปปกครองอีกต่างหาก

สยามประเทศเราก็เลยตอบขอบคุณอังกฤษไปว่า”ขอบคุณในไมตรี แต่ไทยเราไม่มีความปรารถนาจะได้เมืองทั้งสองเอาไว้…..ขอเชิญท่านจงทำสงครามน้ำลายให้สบายใจเถิด….ไทยจะเอาใจช่วย และจะคอยห้ามปรามอดีตประเทศราชทั้งคู่เอาไว้ให้ดี…..ตามที่ท่านต้องการ…อาเมน…และอมิตตพุทธ”

นี่แหละครับ….ตรงปลายของเมืองพม่าฝ่ายตะวันออก มันมาเกี่ยวพันกับเมืองไทยเราจนถึงเมืองระนอง ก็เพราะเหตุฉะนี้….โอยเหนื่อย

ตานี้ก็กลับมานี่เมืองหงสาวดีของเราต่อนะครับ….ถึงไหนแล้วล่ะ….อ้อ..นึกได้แล้ว….เมืองพะโคหรือหงสาวดีเกิดแผ่นดินงอกนะครับ…..

จนกระทั่งมาถึงประมาณพ.ศ. 2000 เห็นจะได้..สภาพภูมิประเทศก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ….คือแผ่นดินมันงอกออกไป….เมืองหงสาวดีที่เคยติดอยู่กับปากอ่าวเมาะตะมะกลายเป็นเมืองในที่ลุ่ม ส่วนปากอ่าวก็ร่นออกไปจนถึงเมืองสิเรียม….ซึ่งอยู่ที่เมืองย่างกุ้ง…..ห่างจากเมืองหงสาวดีหรือเมืองพะโคแห่งนี้ประมาณ 80 กิโล…

ตรงนี้น้าหยอยก็จะขอแทรกในเรื่องที่แผ่นดินงอกให้คุณเข้าใจขึ้นอีกหน่อยนึงนะครับว่า ในเมืองไทยเรานี่แหละก็มีเรื่องแผ่นดินงอกด้วยเหมือนกัน….ก็จังหวัดนครปฐมนั่นไง

ไม่รู้กี่ร้อยปีมาแล้วครับ ที่จังหวัดนครปฐมของไทยเรานั้น เคยเป็นเมืองท่ามาก่อน….เป็นเมืองที่พ่อค้าชาวอินเดียเคยล่องเรือมาค้าขายกับคนไทยเรานี่แหละ….ทำไปทำมาแผ่นดินมันงอกออกไปเรื่อยๆ จนกระทั่งปากอ่าวร่นไปจนถึงท่าฉลอมในปัจจุบันนี้เอง…

.ถ้าจะนับระยะทางจากนครปฐมไปยังท่าฉลอมก็ประมาณ 60 กิโลเมตรเห็นจะได้….ก็แบบเดียวกับที่เมืองหงสาวดีและปากแม่น้ำสีเรียมนี่แหละ

เหตุที่รู้ว่าจังหวัดนครปฐมเป็นเมืองท่ามาก่อนก็เพราะว่า ในช่วงที่มีการบูรณะองค์พระปฐมเจดีย์นั้น

….คนงานก่อสร้างได้ขุดลงไปพบเรือสำเภาโบราณจมอยู่….พร้อมด้วยเงินรูปีของอินเดียในยุคโบราณเข้าให้….ประมาณว่าเรือลำนี้เข้ามาเกยตื้น.นี่คือเหตุผลที่ยืนยันได้ว่า ตรงนั้นคือเมืองท่าหรือปากอ่าวของไทยมาแต่โบราณนะครับ…..

หรือจะเอากันให้เวอร์แบบหนังแขกก็ได้นะ…..

ก็จังหวัดปทุมธานี…..ที่วัดเจดีย์หอยนั่นไง…..ตรงนั้นหากจะกล่าวกันว่า เคยเป็นแหล่งเลี้ยงหอยนางรมมาก่อนก็น่าจะไม่ผิดความจริงจนเกินไปนัก…

.เพราะจำนวนเปลือกหอยที่คนเลี้ยงเขากะเทาะเอาเนื้อไปขายนั้น…..มีอยู่หลายสิบตัน….ก็ขนาดว่าขุดเอามาทำเป็นเจดีย์ได้หลายองค์…จนตั้งชื่อวัดว่าวัดเจดีย์หอยได้นั่น.. คุณว่าตรงบริเวณวัดนั้นเคยเป็นอะไรมาก่อนล่ะ….

เอ๊ะ….ไหงผมกลับมาเขียนเรื่องในเมืองไทยได้อีท่าไหนฟะ??…..กลับมาที่เมืองพม่าต่อนะครับ

ส่วนเมืองย่างกุ้ง ก็เริ่มมาจับความเป็นเมืองหลวงเอาตอนที่อังกฤษ เข้ามาตีเมืองพม่าได้ในสมัยพระเจ้าปะดุงในปีพ.ศ. 2330….(กรุงศรีอยุธยาของเราแตกในปีพ.ศ. 2310….แล้วไทยก็ขับไล่พม่าออกไปได้ในปีต่อมา…..ส่วนพม่าก็กลับไปเสียเมืองให้อังกฤษในอีก 20 ปีต่อไป)

อังกฤษ ได้ย้ายเมืองหลวงของพม่า จากหงสาวดี ลงมาที่เมืองย่างกุ้ง….เพราะว่าปากอ่าวเมาะตะมะร่นลงมาอยู่ที่นี่….เมืองย่างกุ้งก็เลยกลายมาเป็นเมืองหลวงและเมืองท่าไปด้วยฝีมือของอังกฤษในยุคหลัง

ในช่วงปีพ.ศ. 2330 ที่ผมบอกว่าอังกฤษตีได้พม่านั้น….อังกฤษได้เมืองย่างกุ้ง….แถมด้วยหงสาวดี..แล้วติดปลายนวมไปด้วยเมืองแปร….ซึ่งอยู่ทางทิศใต้เยื้องไปทางเมืองอินเดียอีกแห่งหนึ่ง
....พอก่อนเด้อ.......ต้องเรียงลำดับสมองหน่อย...กันไม่ให้ข้อมูลคลาดเคลื่อนจนเกินไปนัก.......ใครไม่สนใจเรื่องของประวัติศาตร์ก็ผ่านไปนะครับ....น้าหยอยก็เล่าให้ฟังพอประเทืองปัญญา

รูปนี้น้าหยอยเต๊ะท่าอยู่ที่เมืองท่าขี้เหล็ก......ลืมไปแล้วว่าชื่อวัดอะไร.........ชักจะจำไม่ไหวแล้ว

จากคุณ : น้าหยอย (เคี้ยงโมโต)

เขียนเมื่อ : 2 ก.ค. 54 20:12:48