|  | 
คห.2ความคิดของคุณไม่น่าจะถูกต้องซะทุกอย่างเสมอไปนะครับ
 
 ระบบหัวฉีดใช้ไป2-3ปีก็อาจจะต้องเปลี่ยนอะไหล่ที่สึกหรอไปตามสภาพเหมือนกัน
 แต่เปลี่ยนอุปกรณ์ของหัวฉีดมันมีชิ้นส่วนหลายอย่างที่ราคาดุกว่าโหดกว่าอะไหล่ระบบมิ๊กเซอร์นะครับ
 
 ยกตัวอย่างเช่น
 1.หัวฉีด   มันก็มีอายุการใช้งานเหมือนกัน  บางทีความซวยมาเยือนก็อาจจะเจอรวนก่อนจะถึงเวลา(แล้วดันเฉือกเป็นอีตอนหมดอายุรับประกันซะทุกที
  )  ซึ่งบางยี่ห้อเมื่อตัวหนึ่งตัวใดรวนก็ต้องเปลี่ยนยกชุดใหม่(เพราะว่าเป็นหัวฉีดลักษณะที่เป็นราง)  ราคาทั้งชุดก็แพงเอาเรื่องเหมือนกัน      แต่บางยี่ห้อก็อาจจะเปลี่ยนเฉพาะหัวฉีดที่รวนตัวสองตัวก็ได้(เป็นหัวฉีดแบบแยก)  แต่ราคามันก็เป็นหลัก1000ต่อหัวฉีด 
 2.พวกอุปกรณ์อิเล็คโทรนิคต่างๆเช่นพวกตัวควบคุม ECU. ฯลฯ.    พวกนี้ก็มีโอกาสกลับบ้านเก่าก่อนเวลาอันสมควรก็ได้เมื่อเกิดเคราะห์หามยามซวยเช่นเกิดไฟช๊อตในระบบไฟฟ้าของรถ   หรือ ไปโดนพวกที่ไม่รู้จริงมายุ่งทำให้เกิดอาการรวน      หากเจอแบบนี้กกกกกกกกกกกกกก้หลายเงินเหมือนกันในเวลาเปลี่ยนของใหม่
 
 3......(ขออภัยตอนนี้นึกออกได้แค่นี้   แต่จริงๆมันมีเยอะกว่านี้
  ) 
 
 ซึ่งการใช้ระบบมิ๊กเซอร์มันมีอุปกรณ์น้อยชิ้นกว่า   หลักๆก็มีแค่
 1.ตัวมิ๊กเซอร์  ซึ่งทนปานแรด  บางคันใช้จนเปลี่ยนเครื่องใหม่หลายครั้งตัวมิ๊กเซอร์ก็ยังปรกติอยู่เลย
 2.หม้อต้ม  ก็พอๆกับหม้อต้มของระบบหัวฉีด   ค่าบำรุงรักษาเปลี่ยนผ้าข้างในก็ไม่หนักหนาเท่าไหร่
 3.อุปกรณ์อิเล็คโทรนิคต่างๆเช่นพวกโซลินอยล์,รีเรย์หรือเซนเซอร์บางตัว   ราคาก็แค่หลัก100   ก่อนจะเริ่มรวนมักจะมีอาการเตือน
 4.พวกท่อต่างๆก็ใช้คล้ายๆกันเปลี่ยนใหม่ก็แค่หลัก100
 5.พวกไส้กรอง ก็เหมือนๆกันราคาไม่ได้แรงมากทำความสะอาดซักครั้งสองครั้งก่อนที่จะเปลี่ยนของใหม่ก็ได้
 
 ดังนั้นถึงแม้จะใช้มานาน   แต่เรื่องเปลี่ยนอะไหล่ของระบบมิ๊กเซอร์มันก็ไม่ได้มีราคาแรงมากนัก
 ที่ผมชอบระบบมื๊กเซอร์(ดูด)ก็เพราะการดูแลมันง่าย     และที่ดีที่สุดคือเป็นการฝึกนิสัยเราให้หมั่นเปิดฝากระโปรงรถตรวจดูความเรียบร้อยเป็นประจำ   ที่เพิ่มเติมมาอีกอย่างนึงคือเราได้คอยดูปัญหาอย่างอื่นของเครื่องยนต์ด้วยบ้างนอกจากดูแต่ระบบแก๊ส    การปรับจูนก็ง่ายแค่ไขควงตัวเดียว+ความรู้ทางช่างนิดๆหน่อยๆก็พอแล้ว
 
 จริงๆแล้วการจะอัพเกรดให้เป็นระบบหัวฉีดมันก็เป็นเรื่องที่โอเคในเหตุผลบางอย่างเช่น ต้องการความประหยัด,วิ่งได้ไม่ต่างกับน้ำมัน,ปรับจูนถ้าถูกต้องครั้งเดียวจบ(แต่หากอนาคตเกิดระบบไฟในรถคันนี้รวนก็ต้องกลับมาจูนใหม่เหมือนกัน)และสุดท้ายหลีกเลี่ยง*แบ๊คไฟร์*
 
 เห้อ....เขียนซะยาว  เพียงอยากจะแค่สื่อว่าระบบหัวฉีดก็ไม่ใช่ว่าใช้แล้วยืนยงคงกระพันไม่ต้องมีการเปลี่ยนอะไหล่ตลอดไป
 
 สำหรับเจ้าของกระทู้ไม่ทราบว่ารถที่ใช้มัน4สูบหรือ6สูบละครับ ?
 ถ้าเป็น6สูบการจะอัพ.ให้เป็นหัวฉีดราคามันก็ต้องสูงขึ้นอีกหน่อย   เพราะว่าต้องใช้6หัวฉีดซึ่งมากกว่าชาวบ้านที่เค้าเล่นรถ4สูบ(4หัวฉีด)    หม้อต้มก็ต้องใช้ขนาดพวกรุ่น super ซึ่งราคาสูงกว่าธรรมดาพอสมควร     แต่เรื่องถัง58ลิตรมันไม่เกี่ยวกัน   ใช้ได้ครับ
 มีแค่พวกหม้อต้มและพวกออโตสวิทย์ใช้ของเดิมไม่ได้  ต้องเปลี่ยน
 
 ราคาอัพเกรดหากเป็นรถ4สูบไม่น่าเกิน2หมื่นบาท    เพราะว่าไม่มีค่าถังและค่าแรงเดินท่อแก๊ส     แต่พวกหม้อต้ม,ชุดหัวฉีด,ชุดควบคุมทางไฟฟ้ารวมถึงออโตสวิทย์พวกนี้ต้องซื้อใหม่    รวมๆค่าแรงก็น่าจะอยู่ประมาณที่15000-20000บาทแล้วแต่เลือกยี่ห้อไหนเกรดไหน
 
 ผมก็มั่วๆเอาหน่อยเพราะเคยถามเรื่องอัพเกรดจากร้านที่พอรู้จักกัน   ราคาก็ประมาณนี้ละครับ
 
				 
				
					| จากคุณ | : 
เสือปลาขี้เมา     |  
					| เขียนเมื่อ | : 
11 ก.ค. 54 20:54:18 |  
					|  |  |  |  |