ความคิดเห็นที่ 1 บอดี้นี้แต่เครื่อง 1200 จะซดขนาดไหนนะ ส่วนตัว 1400-1500 มีเจ้าที่อยู่แล้วเพียบ ไม่ถูกจริงแทรกยากครับ จากคุณ : Devilot เขียนเมื่อ : 28 ก.ค. 54 22:37:59

ความคิดเห็นที่ 2 อันดับถัดมาคือการเปรียบเทียบกับรุ่นพี่ระดับ C segment ของค่าย Tiida Latio ซึ่งรุ่นนี้นี่เองที่เคยทำตลาดในตลาดสหรัฐ แต่ในวันนี้ ได้ถูกแทนที่ด้วย Almera แทน ด้วยตัวถังที่ใหญ่ และภายในนั่งสบายมากขึ้นกว่าตอนเป็น C segment อีก แต่น้ำหนักเบาลง ส่วน HR16DE เครื่องยนต์ 1600cc ของ Nissan นั้น รับประกัน ความแรงอย่างยิ่ง Almera 1.6 หรือ Versa ในสหรัฐจึงกลายเป็นรถเล็กตัวแรงที่มี ระดับราคาเริ่มต้นถูกมากๆ จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 28 ก.ค. 54 22:40:16

ความคิดเห็นที่ 3 ถัดมาคือรถเก๋งที่ขายดีที่สุดในประเทศไทย Toyota Vios รถที่มีความดีรอบตัวและ ถูกใจคนไทยเป็นอย่างมาก อาจจะไม่เด่นด้านใดด้านหนึ่ง แต่ถือว่าโดยรวมใช้งาน ดีไม่มีปัญหา ฐานล้อของ Almera นั้นอยู่ในระดับ C segment เข้าไปแล้ว พื้นที่การ ใช้งานด้านหลังอยู่ในระดับ C-D segment ถึงขั้นนั้นเลยทีเดียว ในขณะที่ Vios มี พื้นที่ด้านหลังแบบพอดิบพอดีแบบ B car ทั่วไป พื้นด้านหลังของ Vios ไม่มีอุโมง จึงราบเรียบซึ่งเป็นจุดขายของ Toyota ในช่วงเปิดตัวแรกๆ แต่ดูจากภาพแล้ว ดูเหมือนว่าการเปรียบเทียบกันจะทำให้ Vios ดูหน้าสั้นเกินไปซะแล้ว จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 28 ก.ค. 54 22:53:06

ความคิดเห็นที่ 4 กับคู่แข่งสำคัญอีกหนึ่ง Honda City รถระดับ sub-compact sedan ที่มีสมรรถนะ น่ากลัวเป็นอันดับต้นๆ ในระดับเดียวกัน City มีขนาดที่ยาวกว่า Vios ถึง 9.5 เซนติเมตร City จึงมีความยาวใกล้เคียงกับ Almera มากที่สุด เพียงแต่ยังคงใช้ฐานล้อมีขนาด เท่าๆ กับ Vios สำหรับ class นี้ในปัจจุบัน แทบจะพูดได้ว่า ด้านหลังของ City นั่ง สบายที่สุดใน segment จากภาพจะเห็นได้ว่า ถึงจะมีความยาวไล่เลี่ยกัน แต่ ช่วงลำตัวของ Almera ดูมี volume มากกว่า City ซึ่งดูเพรียวบางและดูเล็กลงไปกว่าเดิม จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 28 ก.ค. 54 22:59:07

ความคิดเห็นที่ 5 คงต้องรอทดสอบ  ตัวใหญ่เครื่องเล็ก อาจจะต้องเซ็ตตีนต้นจัดหน่อยไว้ใช้ในเมือง   เกียร์ธรรมดาคงไม่ต้องห่วง แต่รุ่น auto นี่น่าติดตามผล ว่าจะประหยัดขนาดไหน จากคุณ : อาชาสีหมอก_offer เขียนเมื่อ : 28 ก.ค. 54 23:13:10

ความคิดเห็นที่ 6 ถัดมา ลองเทียบดูกับ C segment อีกรุ่นของ Toyota อย่าง Corolla ความยาวทั้งหมดต่างกันอยู่ที่ 11 เซนกว่าๆ ซึ่งอาจจะเป็นช่วงด้านกันชนท้ายของ Corolla ที่โด่งออกมามากทำให้ยาวต่างกันขนาดนั้น ถ้าไม่นับกันชนหลัง และด้วย ขนาดของฐานล้อที่เท่าๆ กัน แทบจะมองเหมือนกับว่า Corolla และ Almera เกือบ ที่จะมีขนาดเท่ากันเลยทีเดียว จึงเป็นที่มาของ idea ที่ว่า หากไม่สนใจเรื่องอัตรา เร่งระดับ eco car แล้วนั้น ซื้อ Almera เท่ากับประหยัดกว่าถึง 3-4 แสนบาทเพราะ Almera มีขนาดเกือบเทียบเท่ากับรถระดับ C segment ถือว่าเป็นการมองข้าม ช็อต B car ด้วยกัน ไปถึง C car เลยทีเดียว แล้วเรื่องอัตราเร่งและอัตราสิ้นเปลืองจะแย่มากรึเปล่ากับตัวถังที่ใหญ่ขนาดนี้ เรื่องนี้ต้องลองพิสูจน์ดูเอาเองครับ ว่า Nissan จะมีวิธีการยังไงในเรื่องนี้ ซึ่งเค้าก็มีการจัดการเรื่องนี้เป็นพิเศษจริงๆ ด้วยครับ จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 28 ก.ค. 54 23:13:36

ความคิดเห็นที่ 7 เมื่อเทียบกับ Honda Civic ก็ยิ่งน่าตกใจ เพราะ Civic มีลำตัวที่เพรียวบางมากกว่า Almera ซะจนทำให้ ความยาวรวม และความยาวฐานล้อที่มีมากกว่าของ Civic ดูไม่ได้ทำให้ Civic ดูใหญ่กว่า Almera มากมายเท่าไหร่นัก (หรือจะมองว่า Almera อ้วนกว่าก็ได้) จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 28 ก.ค. 54 23:40:55

ความคิดเห็นที่ 8 ส่วน All-new Civic 2012 นั้น ปรากฎว่า Honda ทำ Civic ให้ขนาดเล็กลงอีก เล็กน้อยแต่เพิ่มมัดกล้ามมากขึ้น เพียงแต่สิ่งนี้กลับทำให้มิติของ Civic-Almera กลับเข้าใกล้กันมากขึ้น ด้วยความยาวที่ต่างกันเพียง 7 เซน และความกว้างต่างกันเพียง 6 เซนเท่านั้น !!!? หาก Almera จะแพงกว่า March รุ่นละ 30,000~50,000 ขึ้นอยู่กับแต่ละรุ่นแล้วล่ะก็ ก็น่าจะเท่ากับว่ายังไงก็ทำให้ประหยัดในการซื้อรถขนาดใหญ่ๆ คันนึง ได้ไปอีก 2-3 แสนบาทได้จริงๆ โดยขนาดของ All-new Civic มีขนาดเท่าๆ กับ Almera ใน การมองด้วยสายตามากอยู่เหมือนกัน จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 00:10:02

ความคิดเห็นที่ 9 มาถึงการเปรียบเทียบกับ Honda Brio ซึ่งคงจะเป็นตัวสุดท้ายแล้วล่ะครับ จนกว่าจะ นึกออกว่าควรจะเปรียบเทียบกับรุ่นอะไรอีก มีกูรูท่านนึงบอกว่า ดูแล้ว Almera อาจจะสามารถพอที่จะสู้พอฟัดพอเหวี่ยงกับ Brio ได้บ้าง ในขณะที่บางคนบอกว่า Almera น่าจะชนะ Brio ได้เพราะเนื่องจากคนไทยยังคงนิยมรถประเภทซีดานที่เน้นการ ใช้สอย และอนุรักษ์นิยมมากกว่า ราคาของ Brio นั้นเวลานี้อยู่ที่ S M/T 399,900 บาท V M/T 469,500 บาท V CVT 508,500 บาท ส่วน March นั้นอยู่ที่ราคา S M/T 380,000 บาท E M/T 430,000 บาท E CVT 464,000 บาท EL CVT 494,000 บาท V CVT 512,000 บาท VL CVT 542,000 บาท หาก Almera มีราคาแพงกว่า March รุ่นละ 30,000-50,000 บาท ลองบวกราคากลางๆ อย่างเช่น 40,000 บาท เพื่อมองภาพราคาทั้งหมดดู S M/T 420,000 บาท E M/T 470,000 บาท E CVT 504,000 บาท EL CVT 534,000 บาท V CVT 552,000 บาท VL CVT 582,000 บาท เมื่อลองวิเคราะห์ดูในแต่ละรุ่น Almera S M/T 420,000 บาท คือรุ่นที่ ได้ความเร็วแรง ถูกที่สุด แต่ไม่มี option ใดๆ ถือว่าถูกกว่าซื้อ c segment บางรุ่นอย่าง Corolla J M/T 751,000 บาท ที่ไม่มีอะไรเลยเหมือนกัน ประหยัดไปร่วม 330,000 บาท แต่นั่งสบายพอๆ กัน Almera E M/T 470,000 บาท จะเป็นรุ่นที่ปะทะกับ Brio V M/T 469,500 บาท และ March E CVT 464,000 บาท พอดิบพอดี ถ้าเลือก M/T ระหว่าง Almera กับ Brio ก็อยู่ที่ว่าใครชอบเล็ก ชอบใหญ่ ในขณะที่ March E CVT ก็ยังเป็นตัว ขายดีัอันดับต้นๆ ได้ต่อไป Almera E CVT 504,000 บาท จะเป็นอีกรุ่นที่ปะทะกันกับ Brio V CVT 508,500 บาท กัีนตรงๆ ซึ่งต่างก็เป็นรุ่นเกียร์ออโต้รุ่นแรกด้วยกันทั้งคู่ แต่สำหรับ Brio นี่คือรุ่น ท๊อปสุด ไม่มีเหนือกว่านี้อีกแล้ว ส่วน คนที่จะเลือก Almera รุ่นออโต้ รุ่นนี้คือรุ่น ที่จะคุ้มค่าที่สุด เพราะยังไม่แพงถึงระดับรถ 1500cc ทั่วๆ ไป และหากเลือกรุ่น นี้ แทนที่จะเลือกรถใหญ่ๆ เช่น Corolla Altis E A/T ราคา 799,000 บาท ก็ถือ ว่ายังประหยัดได้อีกถึง 295,000 บาท ส่วนรุ่นที่เหลือของ Almera คือ 3 ตัวท๊อปด้านบน (โดย option อ้างอิงจาก March) EL CVT 534,000 บาท - มีจุดเด่นหลักๆ ที่เราสามารถได้ระบบ Push-start V CVT 552,000 บาท - เราจะได้ Air auto แต่ไม่ได้ Push-start, กับได้เพิ่มเรื่องระบบเบรก กับ Airbag คู่ VL CVT 582,000 บาท - ได้ทั้ง Air auto และ Push-start กับได้เพิ่มเรื่องระบบเบรก กับ Airbag คู่ หลักๆ ก็ประมาณนี้ครับ ต้องลองดูว่างานนี้ Almera จะชนะใจคนซื้อได้หรือไม่ และจะมีคนกลุ่มที่ชอบขับรถช้าๆ แต่อยากซื้อรถใหญ่ๆ เพราะกลัวว่าซื้อรถเล็ก จะไม่ปลอดภัย ซึ่ง Almera อาจจะตอบโจทย์คนกลุ่มนั้นได้ โดยปกติ เราจะเห็น อยู่เป็นประจำ ที่รถใหญ่ๆ หรูๆ เครื่องแรงๆ ขับช้ากว่า พวก Vios, City กันจนชิน ตา เพราะคนกลุ่มนั้นอยากได้รถใหญ่ที่ดูดีมีฐานะ แต่ไม่ได้ต้องการมีรถเอาไว้ ซิ่งนั่นเอง และสำหรับคนงบจำกัดหรือเน้นความคุ้มค่าเป็นหลัก Almera ก็ถือว่า มีข้อดีที่สามารถเข้ามาทดแทนที่จะได้ไม่จำเป็นต้องไปซื้อรถเก๋งคันใหญ่ๆ ได้อยู่ในระดับหนึ่งครับ จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 00:41:16

ความคิดเห็นที่ 10 ความใหญ่ มันไม่ใช่ทุกอย่างที่เรียกว่า รถ นะครับ ความใหญ่ มันก็ไม่ใช่จะเป็นตัวตัดสิน ว่าจะซื้อ หรือไม่ซื้อ แต่ แอบบเชียร์ให้ราคาอย่าแพงกว่ามาร์ชมาก เพราะมาร์ชเองก็ไม่ใช่รถถูก ถ้าไปแอบเบียด B CAR มากๆเกรงว่าจะเกิดยาก จากคุณ : 11mm เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 00:55:23 A:182.53.122.51 X: TicketID:306384

ความคิดเห็นที่ 11 หน้าปัดสปีด จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 01:06:01

ความคิดเห็นที่ 12 ภายในสีเบจ จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 01:06:45

ความคิดเห็นที่ 13 ภายในสีดำ (ขอร้องให้มีด้วยเถอะ) จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 01:07:30

ความคิดเห็นที่ 14 สีที่มีขายในบ้านเรา -สีเงิน จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 01:08:59

ความคิดเห็นที่ 15 -สีแดง จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 01:09:59

ความคิดเห็นที่ 16 -สีขาว จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 01:10:44

ความคิดเห็นที่ 17 -สีดำ จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 01:11:34

ความคิดเห็นที่ 18 -สีทอง จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 01:13:13

ความคิดเห็นที่ 19 -และสีเทาดำ จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 01:14:16

ความคิดเห็นที่ 20 ตอบ 11mm ความคิดเห็นที่ 10 เนื่องจากตอนนี้เรายังไม่รู้ข้อมูลอะไรมากมาย ก็มีแต่เพียงมิติตัวถังที่ชัดเจน ที่สุดในเวลานี้ จึงลองเอามาเปรียบเทียบให้ดูก่อนครับ ส่วนรถจะดีหรือไม่ แน่นอน มันต้องลองของจริง Almera อาจจะเป็นรถที่ห่วยที่สุดเลยก็ได้ครับ ถึงเวลานั้นก็คง จะรู้ ส่วนเรื่องราคา คงจะทับตัวล่างของกลุ่ม 1500 cc แน่นอนครับ เพราะขนาดตัวถัง และคุณภาพที่เพิ่มขึ้นทำให้มันเป็นแบบนั้น จะเกิดหรือไม่เกิด อันนี้ก็แล้วแต่ครับ แต่สิ่งที่เห็นจากตอนเปิดตัว March ก็คือ ทาง Nissan บอกไว้ชัดเจนว่า March คือรถที่ไม่ถูก แต่เน้นความคุ้มค่า หลังจากที่เปิดตัวจึงโดนก่นด่ากันไปช่วงนึง แต่ในที่สุด ก็กลับกลายมาเป็นยอมรับกันว่า March คือรถที่คุ้มค่าตามที่พูดจริงๆ ส่วน Almera นั้น เชื่อว่า Nissan น่าจะทำแบบเดิม คือตั้งใจให้เป็น eco car sedan คันแรก ซึ่งเป็นการเปิดตลาดไปในตัว และยังเน้นความคุ้มค่าเป็นหลัก และคงไม่ถูกอีกเช่นเดิม แต่ยังไงก็ีตาม สุดท้ายค่ายต่างๆ ที่ขาย B car อยู่ใน ปัจจุบัน ในอนาคตต้องขยับราคาหนีขึ้นไปแน่นอน เพื่อหลีกทางให้ eco car ตัวเอง ดังนั้นสรุปแล้ว eco car ทุกรุ่นในท้องตลาดนั้น ไม่มีถูกครับ ส่วนรถ 1500cc ปัจจุบันที่มีราคาถูกนั้น เช่น Vios J เป็นต้น เป็นตัวสกัดกั้น รถ eco car ของคู่แข่งในตลาดเฉยๆ เท่านั้น ก็ต้องอยู่ที่ว่า คนซื้อจะเลือกรถสไตล์ไหน หากเป็นวัยรุ่น ก็ต้องเน้นแรงเป็นหลัก ดังนั้นก็ต้องไปทางรถ 1500cc ส่วน Almera นั้น ก็ขายกลุ่ม target กลุ่มอื่นๆ ไป แต่การจูนเกียร์ใหม่ของ Nissan และจากการบอกเล่าหลังจากมีการลองขับภายในมาแล้ว มันไม่ใช่รถอืดนะครับ ก็ต้องลองดูๆ กันไปครับ จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 01:35:08

ความคิดเห็นที่ 21 ฮือออออออๆๆๆๆ แต่ Tiida Latio ของผมถูกฝังสนิทแน่นอน (เพิ่งซื้อได้เดือนกว่าเอง) จากคุณ : หอชาย6 เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 02:03:37 A:223.205.164.251 X: TicketID:322897

ความคิดเห็นที่ 22 ผมก็หมกหมุ่นอยู่กัยอีโค่คาร์เหมือนกันครับ หมกมาสองเดือนกว่าแล้ว อยากเอามาดมแกส ขอบคุณครับ จากคุณ : nn (Narin-nar) เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 05:31:29

ความคิดเห็นที่ 23 ผมกลุ้มใจเรื่องสามสูบครับ ขอเป็นสี่สูบซะเถอะนะจ๊ะ จากคุณ : nn (Narin-nar) เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 05:32:50

ความคิดเห็นที่ 24 แจ่มมากครับ เป็นข้อมูลประกอบให้คนที่กำลังหารถ จากคุณ : mainea เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 07:20:17

ความคิดเห็นที่ 25 ขอบคุณมากครับ ดูแล้วน่าจะนั่งสบายดีนะ  สงสัยวันเปิดตัวต้องลองไปนั่งดูบ้างแล้ว จากคุณ : [Cha] เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 07:24:34

ความคิดเห็นที่ 26 เทียบกับยาริสด้วยครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : nn (Narin-nar) เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 07:30:58

ความคิดเห็นที่ 27 ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ..... ผมเดาว่าถ้ารถรุ่นนี้ตั้งราคาอย่างที่คาดการณ์ไว้จริงๆ จะมียอดขายเยอะแน่ๆ แบบที่ผลิตไม่ทันกันเลยทีเดียว ทั้งๆที่ไม่ใช่รถที่สวยที่สุด แต่ที่เด็ดอยู่ที่ราคาและความคุ้มค่า บวกกับการที่ไร้คู่แข่งโดยตรงไปอย่างน้อยตั้ง 2 ปี แก้ไขเมื่อ 29 ก.ค. 54 07:55:40 จากคุณ : cocino เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 07:33:53

ความคิดเห็นที่ 28 ถ้าเอาตรานิสสันออกเปลี่ยนเป็นตราโตโยต้า กลายเป็นวีออสใหม่โมเดลเชนจ์ได้เลย เหมือนกันมาก จากคุณ : เขียนบน iPad (กวางเจา) เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 08:44:11

ความคิดเห็นที่ 29 #28  ตัว Sunny ออกในจีนตั้งแต่ต้นปีแล้ว  ส่วน Vios ใหม่เพิ่งจะออกมาในต่างประเทศเอง  ค่ายไหนเหมือนหรือลอกแบบใครกันนะ ผมละสงสัยจัง จากคุณ : [Cha] เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 08:52:08

ความคิดเห็นที่ 30 ขอบคุณมากสำหรับข้อมูลครับ ของเขาใหญ่จริงๆ ถ้าตีตั๋วเด็กราคาคงไม่แรงมาก จะเอามาติดแก็สสักหน่อย ลุงแก่แล้วไม่ชอบรถแรง แต่ถ้าวางSR20DETได้ก็ดี จากคุณ : ลำไพล47 (ลำไพล47) เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 09:35:52

ความคิดเห็นที่ 31 vios แปลงร่างเหมือน ALMERA แล้วครับ ค่าย NISSAN คงไม่กังวลเรื่องรถจะขายได้หรือไม่แต่ ทำอย่างไรจะผลิตรถให้ลูกค้าทันต่อความต้องการมากกว่านะ ครับ อย่าลืมเอาเครื่อง 1.6 ลิตรเข้ามาด้วย หรือมีชุดแต่งเพิ่มเรี่ยวแรงให้เครื่อง 1.2ลิตรจะแจ่มสุดๆ เลยครับ เพราะเดิมๆ ก็แรงกว่าเครื่อง 1.6ลิตร 20วาวล์ของค่ายหนึ่งอยู่แล้ว เพราะเขาลองกันแล้ว จากคุณ : กาก้า เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 09:36:01 A:202.151.7.23 X: TicketID:280855

ความคิดเห็นที่ 32 แล้วทางนิสสันยังทำตลาดรถ C segment อย่าง Tiida  อยู่หรือเปล่าครับ  หรือจะยกเลิกไปเลย  แล้วเอาเจ้าอัลมีร่า  มาใส่เครื่องให้ใหญ่ขึ้น?? จากคุณ : นายอิสระ เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 10:22:26

ความคิดเห็นที่ 33 C-segment รอดูปีหน้าครับ L12F จากคุณ : HOMY DEMIO sport mpv เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 10:27:18

ความคิดเห็นที่ 34 น่าจจะจับ ทำเครื่อง 1200 1400 1600 ไปเลย แล้ว ตัด Tida ออกไปเลย แหล่มทีเดียว จากคุณ : yolilyn (Yolilyn) เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 10:34:30

ความคิดเห็นที่ 35 ก็ L12F ไงครับที่มาแทน Tiida เอา Ellure มาลดความล้ำลงครับ จากคุณ : HOMY DEMIO sport mpv เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 10:40:50

ความคิดเห็นที่ 36 ลองเทียบดูกับขนาดของ Yaris ให้คุณ nn (Narin-nar) ครับ แปลกดีที่รูปทรงของ Yaris ดูใหญ่ดีเหมือนกัน มีส่วนด้อยกว่าเรื่องความยาว เท่านั้น แต่ดู volume ของ Yaris ใหญ่ดีครับ จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 11:18:31

ความคิดเห็นที่ 37 ลองเอาภาพมาซ้อนกันดูครับ หุ่นของ Yaris คงทำให้หลอกตา เพราะเมื่อซ้อนภาพกัน ทำให้มองเห็นว่า Yaris จะเล็กกว่าเยอะเช่นกัน แก้ไขเมื่อ 29 ก.ค. 54 11:22:24 จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 11:20:57

ความคิดเห็นที่ 38 ซ้อนภาพกับ Corolla Altis ครับ จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 11:37:25

ความคิดเห็นที่ 39 สงสัยเหมือนกันว่า อย่างนี้ Tiida Latio จะโดนเจ้าตัวนี้กลบมั้ย?? จากคุณ : ณ พิชา เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 12:12:34

ความคิดเห็นที่ 40 Tiida Latio จะเลิกผลิตทั่วโลกครับ จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 12:26:10

ความคิดเห็นที่ 41 Almera ด้านท้าย จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 12:26:46

ความคิดเห็นที่ 42 Sunny หรือ Almera ในจีนครับ จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 12:29:32

ความคิดเห็นที่ 43 ที่จีนก็เทียบ Almera กับ Teana เช่นกัน จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 12:30:22

ความคิดเห็นที่ 44 ด้านท้าย น่าจะมี parking sensor ตำแหน่งนี้ เหมือนๆ กับ March รุ่น EL, VL จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 12:31:23

ความคิดเห็นที่ 45 ภายในด้านหน้า จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 12:32:22

ความคิดเห็นที่ 46 ด้านหลัง ของบ้านเราไม่มีพัดลมเป่าแอร์ แบบในภาพ นะครับ จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 12:33:24

ความคิดเห็นที่ 47 นั่งได้สบายๆ ครับ จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 12:33:57

ความคิดเห็นที่ 48 มาจริงนะ  เริ่มกิเลส ทบตัว ก่อมวน หนาอีกแล้ว จากคุณ : สายหนึ่งอยุธยา เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 12:47:13

ความคิดเห็นที่ 49 สำหรับคนที่เน้นประหยัดครับ เทียบกับ Lancer CNG แต่ในรูป Lancer ด้านหน้า-หลังอาจจะหลอกตา ทำให้ดูสั้นกว่า Almera นะครับ หารูปยากมากๆ เลยต้องเอารูปนี้ Lancer ยังยาวกว่า Almera ถึง 17 เซน ระยะฐานล้อเท่าๆ กันตามภาพ คือ 2,600 ครับ จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 13:34:20

ความคิดเห็นที่ 50 เมื่อเทียบกับ Optra CNG ครับ Almera สั้นกว่าเพียง 7 เซนนิดๆ เท่านั้น และ แคบ กว่า 3 เซน จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 13:36:03

ความคิดเห็นที่ 51 ยืนยันว่า Latio ตายแน่ ๆ ครับ จากคุณ : HOMY DEMIO sport mpv เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 17:54:24

ความคิดเห็นที่ 52 แล้ว Tiida ของผม 4 ประตู, Latio จะเอาไรไปสู้เนี่ย สงสัยมีดีกว่าแค่เครื่องยนต์ละมั้ง TT จากคุณ : Gere (NonGGerEKunG) เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 19:10:14

ความคิดเห็นที่ 53 คงทำตลาดแทน latio แหละครับ ถ้าเคาะราคาออกมาสวยๆ ไปได้ดีแน่ ๆ ขอบคุณ คุณเน็ดครับ ขยันทำจัง จากคุณ : dxxa เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 20:36:37

ความคิดเห็นที่ 54 ขอบคุณมากมายเลยครับ จากคุณ : nn (Narin-nar) เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 20:39:36

ความคิดเห็นที่ 55 ขอบคุณครับ ^^~ จากคุณ : Nice PC เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 21:52:40

ความคิดเห็นที่ 56 เยี่ยมมากเลยเน็ตคุง แต่ดูจากข้อมูล เรื่องขนาดตัวรถก็ได้เรื่องอยู่ แต่น้ำหนักที่เบากว่าชาวบ้านเขาเยอะนี่ ท่าทางจะกลวง และป๋องแป๋งเอาการ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับ Yaris เจ้า Almira ตัวใหญ่กว่ามากมาย แต่กลับเบากว่า ถึง 50 กก. ซึ่งถือว่าไม่น้อย คาดการณ์ได้เลยเหมือนกันกับที่เคยรื้อเจ้ามาร์ชดู เจ้า Almira นี่คงต้องถอดคานเหล็กออกไปเพียบ โครงเบาะกลวงสุดขีด ฉนวน และ ยางซับเสียงคงหายเกลี้ยง ทั้งประเด็นเรื่องความปลอดภัย เรื่อง Noise & Vibration เรื่อง Durability ยังเป็นที่น่าสงสัยอีกมาก เหอ ๆ แต่ทว่า งานนี้คงถูกใจลูกค้าประเภทที่เน้นปริมาณแต่ไม่เน้นคุณภาพแน่ ๆ จากคุณ : The Greatest บัตรผ่าน เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 54 23:00:14 A:125.24.72.103 X: TicketID:102965

ความคิดเห็นที่ 57 เรื่อง น้ำหนัก เป็นการคาดการณ์ของผมเองครับ ที่จริงน้ำหนักที่น้อยกว่าคู่แข่งของ March นอกเหนือจากเรื่องถอดอย่างที่ว่าที่จริงก็ต้องใ้ห้เครดิตกับ V platform ด้วยนะ ครับ ข้อมูลล่าสุดที่ได้อ่านมาจากในคลับก็คือ สิ่งที่ไม่มีใน March ตัว Almera จะมีครับ และปลอดภัยกว่า March ประมาณ จัดให้ Almera เป็น B plus จริงๆ ทั้งตัวบอดี้และอุปกรณ์ คุณภาพ วัสดุภายใน คานเหล็กต่างๆ วัสดุซับเสียงจัดมาเต็ม ไม่เหมือน B car ทั่วไปก็เพียงแค่ใช้เครื่อง 1200cc เท่านั้น ต้องรอดูว่าใส่มาเต็มแล้ว น้ำหนักจะเพิ่มขึ้นอีกซักกี่มากน้อย เดี๋ยวพอ Almera เปิดตัวมาก็สามารถลองไปรื้อดูได้ครับ ^ ^ ที่จริงน้ำหนักของซีดานไม่จำเป็นต้องหนักกว่า Hatchback เสมอไปนะครับ อย่างเช่น Vios ยังเบากว่า Yaris ได้อีกเล็กน้อย นั่นคือ น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นจาก March ของ Almera อาจจะเป็นสิ่งที่ขาดหายใน March ที่นิสสันใส่เพิ่มขึ้นมาให้ก็ได้ แก้ไขเมื่อ 30 ก.ค. 54 01:00:27 แก้ไขเมื่อ 30 ก.ค. 54 00:55:23 แก้ไขเมื่อ 30 ก.ค. 54 00:39:24 แก้ไขเมื่อ 30 ก.ค. 54 00:39:04 จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 54 00:26:10

ความคิดเห็นที่ 58 ตัวที่ว่าเป็น B + น่าจะเป็นสเป็กตัวเต็มเครื่อง 1500 ที่ส่งออกมากกว่า ส่วนตัวขายในบ้านเรา ถ้ายังต้องผ่านเกณฑ์ ECO ก็ไม่น่าจะทำอะไรได้มาก สังเกตดี ๆ ว่า เจ้ามาร์ช ที่ตัวโตเท่า ๆ กับ B Car ของเจ้าอื่น ๆ แต่ผ่านเกณฑ์ ECO ได้ ก็เพราะ น้ำหนักที่เบากว่า รถอื่น ๆ ในเซกเมนต์เดียวกันกว่าร้อยกิโลฯ ไม่งั้น ถ้าจัดเต็มมาจริง ๆ รถวิ่งอืดแน่ แต่ถ้าจูนเครื่องให้แรงขึ้น ก็จะไม่ได้ 20 กม/ลิตรอีก ทำเป็นเล่นไป การลดน้ำหนักของมาร์ชนี่มีผลด้าน Safety ด้วยนะ เท่าที่ทราบ ผลทดสอบทั้ง Euro N-CAP หรือ J N-CAP เจ้ามาร์ชจะได้ดาวน้อยกว่า Jazz และ Yaris อยู่ 1 ดวง ทั้งสองสถาบัน ทั้ง ๆ ที่มาร์ชเป็นรถที่ Develop ขึ้นมาทีหลังกว่าเจ้า 2 คันนั้นร่วม 3-4 ปีทีเดียว ซึ่งโดยปกติแล้ว รถที่เกิดที่หลัง จะสามารถพัฒนาให้ ดีกว่ารถที่เกิดก่อนได้สบายมาก ยกเว้นกรณีเดียวที่จงใจ ยอมให้ตรงนี้ด้อยกว่า แต่ไปชูจุดเด่นด้านอื่นแทน ในกรณีนี้ก็น่าจะเป็นเรื่อง ใช้เครื่องเล็กที่ประหยัดน้ำมัน กว่า และยังคงมีความคล่องตัวอยู่ (ช่วงความเร็วต่ำถึงกลางที่ใช้วิ่งในเมืองเป็นหลัก) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร ยกเว้นจะตั้งราคาซะเทียบเท่ากับ B-Car เครื่อง 1500 แท้ ๆ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ออกจะเป็นการเอาเปรียบกันเกินไปหน่อย จากคุณ : The Greatest บัตรผ่าน เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 54 01:26:31 A:125.24.72.103 X: TicketID:102965

ความคิดเห็นที่ 59 ^ บรรยายซะยังกับว่า March ห่วยกว่า Jazz ถึง 1 ขั้น ไปดูคะแนนในแต่ละหัวข้อบ้างหรือเปล่า ?? ผมไปเอามา 3 รุ่น มาให้ดูแล้วกัน Frontal Impact Side Impact Car Side Impact Pole Rear Impact Total Child Pedestrian Safety Assist Micra (4) 12.7 7.7 7.1 2.7 30 / 84% 39 / 79% 21 / 58% 4 / 57% Jazz (5) 11.4 7.8 6.0 2.8 28 / 78% 39 / 79% 22 / 60% 5 / 71% C3 (4) 14.4 8.0 6.5 0.9 30 / 83% 36 / 74% 12 / 33% 3 / 40% คะแนนทั้ง 3 คัน เทียบเท่ากันเกือบหมด ยกเว้นหัวข้อสุดท้าย ไปดูรายละเอียดว่า ทำไมถึงได้คะแนนต่างกัน ซึ่งเป็นเหตุให้ Jazz ได้ 5 ดาว ส่วน Micra กับ C3 ได้แค่ 4 ดาว ปรากฏว่า ที่ Jazz ได้คะแนนเยอะ เพราะมีไฟเตือนคาดเข็มขัดนิรภัย ให้กับทั้ง 3 ตำแหน่ง คือ คนขับ คนนั่งหน้า และผู้โดยสารแถวหลัง แค่เนี้ยที่ต่างกัน ??? โหย...นึกว่า Jazz มันจะเจ๋งกว่าเค้าเยอะ ไปดูคะแนนแต่ละหัวข้อ บางเรื่อง Jazz ได้คะแนนต่ำกว่า March อีก จากคุณ : นึกว่ามันจะสำคัญกว่านี้ ที่แท้ เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 54 07:51:28 A:125.27.96.27 X: TicketID:324497

ความคิดเห็นที่ 60 ^ ^ แล้ว Yaris ล่ะ -------------- ส่วนที่เทียบกับ Jazz มันไม่ใช่ว่าจะดีกว่ากันแค่มีไฟเตือนหรอกนะ Frontal crash Jazz จะดูด้อยในส่วนของ เท้าและ ต่ำกว่าเข่าลงมาเนื่องจากระยะแป้นครัชท์มันเคลื่อนตัวสูง (แล้วรถเกียร์ออโต้ที่ไม่มีแป้นครัชท์ล่ะ) และรูปทรงของแผงหน้าปัดที่มีโอกาส ก่อให้เกิดการบาดเจ็บในส่วนของร่างกายช่วงล่าง March แม้ว่าดูจะปกป้องร่างกายส่วนล่างได้ดีกว่า แต่ Euro N-CAP ก็ comment ว่า มันขึ้นอยู่กับขนาดและตำแหน่งของคนนั่งด้วย ซึ่งโดยรวมแล้ว การปกป้อง ในส่วนของ เข่า กระดูกเชิงกราน และลำตัวยังอยู่ในขั้นแย่ (Marginal) Side Crash ดูจะแย่ในกรณีซัดกับเสาทั้งคู่ โดย Jazz จะแย่กว่าบริเวณชายโครงของของคนในรถ นอกนั้น พอ ๆ กันทั้งคู่ (แต่ต้องไม่ลืมว่าทั้ง 2 คัน มันมี Side Air bag + Cirtain shield airbag ในขณะที่รถบ้านเราไม่มี) Rear Crash อันนี้ น่าสนใจอย่างยิ่ง โดยรวมแล้ว Jazz ทำได้ดีว่า แต่นั่นคือสเปกยุโรปทั้งคู่ แต่พอมาดูเจ้า March ในบ้านเรา กลับไม่ใส่ใจเรื่องนี้ โดยเฉพาะในเบาะหลัง ที่ให้ Head restrain ที่ด้อยกว่าสเปกส่งออก เพราะฉะนั้น ถ้าเอารถบ้านเราไปเทสต์ ผมเชื่อว่า ผลออกมาจะทำให้แย่กว่า Jazz มากกว่าผลจาก Euro N-CAP อันนี้ซะอีก ซึ่งทั้งหมดนี้ ต้องไม่ลืมว่า March มันเกิดหลัง Jazz อยู่ 3 ปีได้ นั่นเท่ากับเป็น เวลาที่เพิ่งจะเริ่ม Project develop March ซึ่ง Chief Engineer ของ Nissan สามารถที่จะกำหนด Policy ที่จะให้ March ออกมาดีกว่า Jazz ได้ แต่เหมือนว่า การตัดสินใจจะไม่ใช่อย่างนั้น กลับเหมือนตั้ง Target ว่า เอาแค่พอประมาณ เน้น ลดต้นทุนเพื่อที่จะมาเล่นเรื่องราคา และ Set target ของกำไรไว้มากพอควร จริง ๆ ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรมันมากนะ เพราะผมเข้าใจเรื่องของการวางตำแหน่งสินค้า และการตั้งราคา อย่างน้อย March ก็ยังถูกกว่า Jazz อยู่หลายตังค์ ซึ่งมันก็อยู่ใน เกณฑ์ สมราคา สมเหตุ สมผล ยกเว้นรุ่นที่ใส่ของเล่นเยอะ ๆ จนราคาใกล้กันมาก เกินไปนั่นแหละ จากคุณ : The Greatest บัตรผ่าน เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 54 08:47:58 A:125.24.33.82 X: TicketID:102965

ความคิดเห็นที่ 61 กลับมาต่อ อ้าว ทำไมที่ผมโพสต์ หัวข้อและคะแนนแต่ละหัวข้อ มันดันติดๆ กันซะงั้น ของ Yaris มีผลคะแนนล่าสุดแค่ปี 2005 น่ะสิ ในขณะที่ หลักเกณฑ์การประเมิน มันเพิ่งเปลี่ยนแปลงใหม่ ตั้งแต่ปี 2008-2009 มั้ง ก็เลยไม่อยากเอามาเทียบกันง่ายๆ แบบนี้ ( และรายละเอียดว่า ก่อนหน้าจะเปลี่ยนเกณฑ์ กับหลังเปลี่ยนเกณฑ์ มันต่างกันยังไงบ้าง ก็ยังไม่ได้ไปอ่าน ) ไว้ Yaris ใหม่ออกขายในยุโรปเมื่อไหร่ เดี๋ยวคะแนนผลทดสอบบนมาตรฐานเดียวกันก็มีออกมา ถึงตอนนั้นค่อยดู ก็ยังทัน ไม่แน่ว่า March อาจออกรุ่นปรับปรุงแก้ไข เพิ่มไฟเตือน Seatbelt จนครบทุกที่นั่ง แค่นี้ ก็ได้คะแนนเพิ่มเป็น 5 ดาวแล้วก็ได้ จากคุณ : กะอีแค่ไฟเตือน Seatbelt เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 54 08:59:20 A:125.27.75.60 X: TicketID:324497

ความคิดเห็นที่ 62 ที่เป็น B plus ก็คือตัวที่จะขายในประเทศเรานี่ล่ะครับ คุณ The Greatest เพราะ Nissan ก็มีความกังวลเรื่องที่มันจะต้องราคาแพงกว่า March เช่นกัน ดังนั้น งานนี้วงในบอกว่าจัดเต็ม ก่อนที่จะคาดการณ์อะไรไปมากกว่านั้น ลองดูตัวเป็นๆ แล้วดูรายละเอียดอีกทีก่อนดีกว่าครับ หรือยิ่งมีคนเอามารื้อได้จริงก็ยิ่งดีเป็นประโยชน์ ในทางข้อมูลดี แต่ถ้ามองตามรูปการและเหตุผลแล้ว Nissan ตอนนี้ไม่ได้มาแนวตัดแหลกๆ เหลือแต่โครง หรือเน้นปริมาณมากกว่าคุณภาพ เพราะ Nissan เองก็เห็นว่า ทั้ง Toyota ที่ นำรถ Indo มาขาย แค่การประกอบไม่ดี ขนาดเป็นจ้าวตลาดก็ยังไปไม่รอด และพวกรถราคาประหยัดทั้งหลาย ทั้ง จีน มาเลย์ ก็ยิ่งไม่น่าสนใจสำหรับลูกค้า คนไทยยุคปัจจุบัน ดังนั้นถ้าจะเป็นผู้นำตลาด eco car ได้จริงตามที่หวังไว้ ก็ต้องมีทั้งคุณภาพและความคุ้มค่า เรื่องการเอาความประหยัดนำหน้าไว้ก่อนไม่ น่าจะมีเหตุผลในการคิดแบบนั้นเท่าไหร่ อีกอย่างท่านประธานบอกเอง ไม่ว่า March หรือ Almera ตัว Nissan นั้นเน้นคุณภาพเป็นหลัก หากคิดมากไปก่อนก็อาจ จะเป็นการกังวลมากเกินไปครับ ถ้ารถไม่มีคุณภาพ แค่ออกขายเดือนสองเดือน เรื่องก็แดงไปทั้งตลาดแล้วครับ ต้องลองดูๆ จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 54 09:21:24

ความคิดเห็นที่ 63 ตอนนี้ผมเดาเรื่องราคาแบบเปรียบเทียบกับรถคู่แข่งอย่างหยาบๆ ดู คิดว่า ถึงจะแพง กว่า March เท่านี้ ก็น่าจะยังพอสู้ได้นะครับ ผมเดาแบบหยาบๆ ว่า S M/T 420,000 E M/T 470,000 E CVT 504,000  -----> รุ่นนี้จะสู้กับ Brio V CVT 508,500 พอดิบพอดี EL CVT 534,000 -----> สู้กับ Vios J A/T 549,000 ให้เลือกระหว่าง Almera ที่มี Pushstart ไฮโซกับ Vios ที่ไม่มีอะไรเลย V CVT 552,000 -----> สู้กับ Vios J A/T ABS 564,000 ซึ่ง Almera จะมี ABS EBD BA พร้อมตรงๆ กับ Vios J ABS พอดีเลย แต่ Almera จะมี Air auto กับ Air bag ทั้งสองลูก ซึ่ง Vios ไม่มีเลย ด้วย VL CVT 582,000 -----> สู้กับ Vios E A/T 609,000 ซึ่ง option แทบไม่ต่างจาก Vios J A/T เลย ส่วน Almera รุ่นนี้ท๊อปสุดๆ ไปแล้ว มี option ทุกอย่างพร้อมเท่าๆ กับรถใหญ่ จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 54 09:43:13

ความคิดเห็นที่ 64 ความเห็นส่วนตัว บอกตามตรงนะ March Sedan ที่จะออกใหม่ ตัวถังใหญ่ขึ้นขนาดนี้ แต่ยังใช้เครื่อง 1,200 cc 3 สูบ เกียร์ CVT กลัวจริงๆ ว่า อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน จะไม่ดีอย่างที่ผู้คนคาดหวัง ซึ่ง ถ้า Nissan ไม่ตระเตรียมแผนการตลาด / ผลทดสอบให้เคลียร์ๆ มาซะตั้งแต่แรก แต่ดันปล่อยให้ผู้คนคาดหวังเอาเองว่า มันจะประหยัด 20 โลลิตร แต่พอซื้อไปใช้จริง วิ่งในเมืองรถติดๆ เหลือแค่ 10 โลลิตร ล่ะก็... รถรุ่นนี้ เดี้ยงแน่ๆ ครับ จากคุณ : ฟันธง เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 54 10:15:29 A:125.27.75.60 X: TicketID:324497

ความคิดเห็นที่ 65 ก็คงต้องดูตอนเปิดตัว เห็นรถคันจริงอย่างที่เน็ตคุงว่าแหละนะ เพียงแต่ ผมประเมินคร่าว ๆ ในแง่ Engineering ของตัวรถน่ะ เพราะมันมีความขัดแย้งกันอยู่ในประเด็นของ ขนาดตัวรถ น้ำหนัก ความปลอดภัย คุณภาพในการขับขี่ ความประหยัดน้ำมัน และราคา เพราะหลาย ๆ อย่างในคุณสมบัติข้างต้นมันไปด้วยกันไม่ได้น่ะครับ เช่น การที่รถคันใหญ่ขึ้น น้ำหนักก็จะเยอะขื้น อัตราเร่งก็จะด้อยลง อัตราการกินน้ำมันสูงขึ้น แต่ถ้ารถคันใหญ่ขึ้น น้ำหนักเท่าเดิม มันก็จะได้เรื่องอัตราเร่งและการกินน้ำมันยังคงเดิม แต่ความปลอดภัย และ คุณภาพการขับขี่ก็จะลดลง แต่ถ้าใช้เทคโนโลยี หรือวัสดุ พิเศษ เข้าไป เพื่อให้รถคันโต แต่น้ำหนักเบา จะได้รักษาอัตราเร่งและการกินน้ำมันที่ดีไว้ ต้นทุนก็จะสูง ไม่สามารถตั้งราคาขายให้ถูกได้ หรือแม้แต่ รถคันโต ยอมปล่อยให้น้ำหนักเป็นไปอย่างที่ควรจะเป็นเพื่อรักษาความแข็งแกร่ง ปลอดภัยเอาไว้ แต่ยอมจูนเครื่องให้มีเรี่ยวแรงดี อัตรากินน้ำมันก็จะเปลืองไม่ผ่านเกณฑ์ Eco car อีก คือผมมองประมาณนี้นะครับถ้านิสสันทำทุกอย่างได้หมด อันนั้นคงเป็นสุดยอด แล้วล่ะ คงต้องดูกันต่อไป นอกจากประเด็นน้ำหนักที่ผมยกตัวอย่างระหว่างคู่ Yaris กับ Almera แล้ว ถ้าเรามองคู่ Civic , Altis กับ Almera ที่เน็ตคุงให้ข้อมูลว่า ขนาดรถไม่ต่างกันมาก แต่ Almera เบากว่า C-secment ทั้ง 2 คันนั้นร่วมสองร้อยกว่า กก. นี่ มันก็ เปรียบเหมือน คุณภาพการขับขี่ ระดับ Civic เทียบกับ Accord หรือ Altis เทียบกับ Camry เลยทีเดียว เพราะคู่นั้นน้ำหนักตัวรถก็ต่างกันประมาณนี้แหละครับ ส่วนในแง่ของ March อันนี้ จากการเปรียบเทียบตัวรถกับ B-Secment ทั่ว ๆ ไป นี่น่าสนใจทีเดียวนะ และหลาย ๆ อย่างก็น่าจะเป็น Trend setting ในอนาคตด้วย เช่น การไม่พ่นสีเก็บในบริเวณใต้ฝากระโปรงหน้าและห้องเครื่อง แผงประตูพลาสติกแข็งล้วน ไม่มี Ornament ใด ๆ ทั้งสิ้น แผงหน้าปัดแบบ Simple ลดช่องเก็บของโดยเฉพาะชนิดที่มีฝาปิด ลดคานกันกระพือที่หลังคาลงจะไม่เหลือสักเส้นเดียว ในขณะที่ Yaris มี 3-4 เส้น (จำได้ไม่แม่น) หรือ Soluna ปี 1997 ยังมีเส้นตรงกลางอยู่ 1 เส้น หรือแม้แต่ RR Bumper seal ก็ไม่มี ปล่อยให้โพลงกันชนหลังโล่ง ๆ ไว้ ซึ่ง แนวโน้มรถ Eco หรือ B-secment (low spec) รุ่นใหม่ ๆ ในอนาคตคงเดินตามแนวนี้ทั้งหมด เพราะดู ๆ แล้ว ลูกค้ารับได้ และไม่ได้ติดใจอะไรพวกนี้ ซึ่งนั่นคงไม่เป็นปัญหา เท่ากับว่า ราคามันก็ไม่ได้ลดลงด้วยนี่สิ ยังคงต้องจ่ายกันในราคาห้าแสนกว่า ๆ เท่า ๆ กับที่เราซื้อ B-Secment 1500 CC ในปัจจุบัน แต่ได้การเก็บรายละเอียดที่ลดลง ซึ่งมันจะมีผลต่อการใช้งานในระยะยาว ๆ คิดแล้ว ผมเสียดายคุณภาพของรถ B-secment ในปัจจุบัน ที่เราหาซื้อได้ในราคาห้าแสนต้น ๆ ในวันนี้น่ะครับ จากคุณ : The Greatest บัตรผ่าน เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 54 10:24:39 A:125.24.33.82 X: TicketID:102965

ความคิดเห็นที่ 66 ของหลายๆ ชิ้นที่ขาดหายไปใน March ต้องลองเอามาชั่งดูครับว่ารวมกันหนัก เท่าไหร่ เพราะ March 1500 cc ที่ขายในต่างประเทศต่างก็น้ำหนักเบาเช่นกัน ตัวเครื่องยนต์ 1200 cc เอง ก็น้ำหนักเบากว่าเครื่องยนต์ใหญ่ๆ ร่วมหลายสิบกิโลอยู่ ส่วน V platform ก็เป็นการลดจำนวนและขนาดของชิ้นส่วนของช่วงล่างลงทำให้ เบาขึ้นอีก ส่วนเรื่องความหนัก-เบาของรถจะมีผลต่อความปลอดภัยตอนที่รถชน ข้อนี้เมื่อรถผลิตออกมาแล้วก็ควรลอง crash test ก่อนถึงจะรู้ว่าปลอดภัยหรือไม่ ตรงส่วนนี้ฝ่าย prototype division ของแต่ละค่ายรถ ต้องผลิตรถ prototype ออก มาหลายสิบคันจนไปถึงหลักร้อยคัน (เช่น IMV ของ Toyota) เพื่อทดสอบจริงๆ ถ้าไม่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัย ก็ต้องทำรถ prototype ขึ้นมาใหม่เรื่อยๆ ซึ่งแต่ละคันก็มีค่าตัว แพงมากๆ ในขณะที่ญี่ปุ่นอิงกับมาตฐานขนาดนี้ รถที่เพิ่งพัฒนาแบบยี่ห้อจีนอาจจะ ไม่ทำเลยก็ได้ แต่เน้นการถอดนั้นถอดนี้ออก เหมือนอย่างที่คุณ The Greatest คอมเม้นต์นะครับ คิดว่า Nissan คงไม่ทำอะไรที่ฆ่าตัวตายขนาดนั้นนะ จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 54 10:53:31

ความคิดเห็นที่ 67 ครับเน็ตคุง ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน แต่รถยนต์ ต้องใช้ทั้งระยะทางและเวลาในการพิสูจน์ครับ จากคุณ : The Greatest บัตรผ่าน เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 54 11:41:55 A:125.24.33.82 X: TicketID:102965

ความคิดเห็นที่ 68 อ่า... ข้อความขึ้นไม่ครบ ต่อครับ ซึ่งถ้า Nissan ทำได้ดีจริง และราคาตั้งได้สมเหตุผล ผมก็คงอุดหนุนด้วย 1 คัน เพียงแต่ก็ยังอดสงสัยในสิ่งที่อยู่ข้างบนนั่นแหละครับ แม้แต่มาร์ชเอง ผมก็ยังคิดว่า นิสสันตั้งราคาเอาเปรียบเกินไปนิด เมื่อเทียบกับการลดโครงสร้างลง แถมยังได้สิทธิภาษีอีก มันเหมือนกับนิสสันได้ 2 เด้ง แต่ตั้งราคาลงมาให้ต่ำกว่า B-Secment 1500 CC แค่ 1 เด้งเท่านั้น อุบไต๋ กำไรเงียบไว้ 1 เด้ง ซึ่งผมคิดว่า B-Secment 1500 CC ที่ขายอยู่ปัจจุบัน ลำพังแค่จับมาลดโครงสร้างและลดขนาดเครื่องยนต์ลง ให้เท่ากับมาร์ช ก็สามารถตั้งราคาขายเท่ามาร์ชในขณะนี้ได้ แล้วถ้ายิ่งได้ลดภาษีดลงไปอีก จากภาษีระดับ B-Secment ไป เป็น ECO มันควรจะถูกกว่าที่เป็นอยู่ในขณะนี้ไงล่ะครับ เพียงแต่ประเด็นนี หลาย ๆ คนคงไม่ได้คิด อาจเป็นเพราะ เห็นว่ารถมันถูกอยู่แล้ว หรือเห็นว่าก็คันมันเท่า ๆ กับ B-Secment 1500 cc ทั่ว ๆ ไปโดยไม่รู้ว่าไส้ในมันหายไปแล้วนะ หรือยิ่งไปกว่านั้นคือ เจอราคาบริโอ้เข้าไปอีก ก็เลยมองข้ามจุดนี้ไป ซึ่งการมองข้ามตรงนี้ มันทำให้ B-Secment 1500 cc เมื่อมีการ model change หรือ minor change ครั้งต่อไป ก็จะจัดตำแหน่งสินค้าเสียใหม่โดยการดันราคาให้ไปเริ่มต้นที่เกือบ ๆ 6 แสน เหมือนอย่างที่ Honda อัพ รุ่นและราคา Jazz ไปไว้ที่ 590,000 ไงล่ะครับ และก็ลองดูราคาเปิดตัวของ City minor change ที่กำลังจะมาถึงเร็ว ๆ นี้ดูสิครับว่า มันจะเป็นไปในทิศทางที่ผมคาดการณ์เอาไว้หรือไม่ เพราะตอนนี้ดูเหมือนว่า ค่ายรถต่าง ๆ กำลังเคลียร์พื้นที่ระดับราคา 5 แสนขึ้นไปไว้ให้กับรถ ECO ไปซะแล้ว จากคุณ : The Greatest บัตรผ่าน เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 54 11:58:58 A:125.24.33.82 X: TicketID:102965

ความคิดเห็นที่ 69 คุณ NED จขกท ขยันจริง ๆ แหม ถ้าคนที่จะใช้รถ สนใจ เปรียบเทียบ ทำการบ้านแบบนี้ทุกคน คนขายรถคงเอารถไปพัฒนากันได้ดีกว่านี้เยอะครับ เพราะเจอลูกค้าช่างเลือก แต่ปัจจุบันมันไม่ใ่ช่ซะแล้ว ซื้อรถที เหมือนไปง้อบริษัทรถยังงัยไม่รู้สิครับ รอก็นาน อะไหล่ก็ไม่ค่อยมี ของดี ๆ ก็เอาไปขายนอกหมด ขอบคุณ จขกท ครับ จากคุณ : Crayonz เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 54 12:39:23 A:101.108.160.27 X: TicketID:158059

ความคิดเห็นที่ 70 ขอขอบคุณร้อยครั้ง ทุกท่านที่คอมเมนต์ จากคุณ : nn (Narin-nar) เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 54 13:18:46

ความคิดเห็นที่ 71 อันนี้ผมก๊อปมาจาก Thai Almera club ที่ผมไป post ไว้ครับ แต่ผมก็ยอมรับความ คิดเห็นที่แตกต่างของท่านอื่นๆ นะครับ --------------------------------------------------------------------------------- (คำถาม : แล้วถ้า Almera เปิดตัวมาราคาเท่ากับ B segment ค่ายอื่น จะรับได้มั้ย) ตอบโดยคุณ Fabia-----> รับไม่ได้ครับ เหตุผลเพราะรถรุ่นนี้ได้รับสิทธิพิเศษทางภาษี ECO CAR ซึ่งจะถูกกว่า รุ่นอื่นๆในตลาด B segment ราว 8-13 เปอร์เซนต์ การที่จะเอามาขายเท่ากับ B segment ผมถือว่าถูกบริษัทรถเอาเปรียบ ซึ่งการที่ Almera มีขนาดบอดี้ใหญ่โตกว่าคูแข่งในตลาด B segment นั้นมันก็ถูกชดเชยด้วยเครื่องยนต์ที่เล็กกว่าซึ่งมีต้นทุนที่ต่ำกว่า ซึ่งขนาดบอดี้มันจริงก็ไม่ได้ใหญ่กว่า Honda City ซักเท่าไร และเรื่องการสิ้นเปลืองในเรื่องพลังงาน สำหรับเครื่อง 1500 ของค่ายอื่น (H / T) มันก็สูงกว่ามร์ชไม่มากซึ่งอัลมีร่าคงกินมากกว่ามาร์ช มันก็ไม่ได้เป็นจุดขายที่แตกต่างกันมากมาย แต่สำหรับเครื่อง 1500 มันตอบสนองเรื่องสมรรถนะการขับขี่ได้ดีกว่า ถือว่าสำคัญพอกับบอดี้ที่ อัลมีร่า มีเหนือคู่แข่ง สรุปเลย ถ้ารุ่นเริ่มต้นของอัลมีร่าที่มีออฟชั่นเท่ากับ Vios J หรือ City S(ซิตี้มี /abs เป็นมาตรฐานในทุกรุ่น) ในระดับราคาเท่ากัน หรือต่างกันน้อยมากเช่น 2 หมื่น ก็คงไม่ต้องมาคบกับนิสสัน เพราะตัวอื่นในตลาดมีให้เลือกเพียบ -------------------------------------------------------------------------------- ตอบโดย ned-------> อย่าไปยึดติดกับเรื่องระดับภาษีของ eco car ที่น้อยกว่ารถเก๋งทั่วไปเลยครับ ที่ลดให้เยอะๆ แถมไม่ต้องลงทุนอะไรมาก ผมว่าเป็นตัวภาษีสำหรับรถที่เติม E85 ได้มากกว่า เหตุผลเรื่อง สิทธิพิเศษทางภาษี ECO CAR ซึ่งจะถูกกว่า รุ่นอื่นๆในตลาด B segment ราว 8-13 เปอร์เซนต์ อันดับที่ 1 คือต้องมองด้วยว่า Almera และ March ต่างก็เป็น B segment พวกเราต่างก็ไม่รู้ราคารถหน้าโรงงาน ดังนั้นจุดยึดเดียวเท่าที่มีจากปากของคนวงในก็คือ March S M/T 375,000 บาทนั้น เป็นรถรุ่นเดียวที่ Nissan ยอมขายขาดทุน ขอให้ยึดตรงนี้ไว้ก่อน จนกว่าจะมีข้อมูลที่จริงๆ ที่ไม่ได้คิดเองเออเองนะครับ พอมีจุด start แล้ว เรื่องที่ว่า ได้ส่วนลดภาษีเหลือเพียง 17% อะไรนั่น ผมว่าคุณตัดทิ้งไปได้เลยครับ เพราะต่อจากนั้นก็คือการ บวกราคาให้แต่ละรุ่นตามหลักการ ตาม option ตามวิธีทั่วๆ ไปแบบที่รถญี่ปุ่นทั้งตลาดทำกันก็คือ 1) การมีรุ่น M/T ที่มีการตกแต่ง มีอะไรต่างๆ พร้อม เท่าๆ กับเกียร์ อัตโนมัติเพิ่มขึ้นมาหนึ่งรุ่น --->อันนี้อัพราคา 40,000-70,000 แล้วแต่ความกรุณาของแต่ล่ะค่าย 2) ขยับราคาขึ้นมาอีกมีรุ่น A/T ล่างสุด ที่ต่างกับรุ่นก่อนหน้าแค่เกียร์ ----> บวกไป 30,000-45,000 แล้วแต่ค่าย 3) มีรุ่นหรูเพิ่มเติมจาก A/T ----> บวกไปอีก 30,000-40,000 4) มีรุ่นหรูยิ่งกว่าหรู -----> บวกไปอีก 30,000-40,000 5) มีรุ่นท๊อปติดนาวิ ไฮโซเจ๋งเป้ง -------> บวกไปอีก 80,000-150,000 บาท !!!!!?????? กรณีของ Almera, กับ March และกับ Brio นั้นแทบจะไม่มีอะไรแตกต่างไปจากนี้ เพียงแต่ Honda สต๊อป Brio ไว้ที่ข้อ 2  ก็คือ option โคตร low ที่เป็นเกียร์ออโต้ ส่วน Nissan ยังให้ไปต่อ โดยการให้อุปกรณ์ option ต่างๆ ครบมือ เพื่อให้กับคนที่รักชอบรถรุ่นนั้นๆ ให้ถึงที่สุด Nissan จึงทำ March ให้มีต่อไปถึงข้อ 4 คุณ fabia จะรับได้รับไม่ได้ก็แล้วแต่ แต่นี้มันคนละเรื่องกับ เรื่องภาษี 17% ไปไกลโพ้นแล้วครับ และรุ่นท๊อป คนเรานี่ก็แปลก บางทีมันเป็นรุ่นที่มีไว้ให้เฉพาะคนชอบความฟุ่มเฟือยติดหรูๆ หน่อย หรือคนที่รักรุ่นนั้นจริงๆ แต่รุ่นท๊อปก็เป็นตัวเอามาโจมตีว่าราคาแพง เหยียบ segment ที่เหนือกว่า กันตลอดเวลา ที่จริงมันไม่ใช่เรื่องของคนที่ วิจารณ์เลย เพราะตัวเลือกของเค้าก็ชัดเจนอยู่แล้วนั่นคือ รุ่น E ของค่ายทั้งหลาย ซึ่งเป็นรุ่นที่คุ้มค่าที่สุด ซึ่งแต่ละค่ายเค้า ก็ตั้งใจจัดเตรียมไว้ให้ลูกค้าหมู่มากซื้ออยู่แล้ว  ส่วนอีกกรณีก็คือ ไม่มีรุ่นท๊อปไฮโซ แต่มีเสป็กไฮโซไว้ส่งออก คนก็กลับมา โจมตีอีกว่า มี option ดีๆ ทำไมเอาไว้ส่งนอกอย่างเดียว น่าจะมีมาให้เลือกซื้อด้วย ดูสิคนเรา.... ยกตัวอย่างชัดๆ Corolla 2.0 แบบนี้ มีแต่คนด่าว่าราคามันจะถึง Camry 2.0 ก็ราคาที่มันแพงสุดเป็นรุ่นฟุ่มเฟือยแบบแพง เว่อร์ให้คนที่อยากได้จริงๆ ซื้อนี่นา ไม่ได้บังคับให้ซื้อซะหน่อย ที่จริงเราจะไปดู 2.0V Navi ทำไม ทำไมไม่มอง 2.0G ล่ะ 2.0G คือรุ่น 2.0 ของรถระดับ compact ที่ราคาถูกที่สุด พอแบบเนี่ย กลับไม่มีคนมองตรงจุดนี้ ผมล่ะงงจริงๆ.... ถ้าราคา Almera รุ่นบนๆ จะเหยียบย่ำตำแหน่งราคาของ B car 1500 cc รุ่นล่างๆ ผมคิดว่า มันก็แล้วแต่คนแต่ละคนจะเลือก แล้ว ซึ่งระดับราคาที่ไต่ๆ ขึ้นมา จากราคาล่างสุด มันเป็นระบบในการบวกราคาของแต่ละรุ่น ของรถทั้งระบบอยู่แล้ว จะไปว่า มันเพื่ออะไร !???? ถ้าเรามองคุณค่าของรถต่ำ เราก็เลือกอะไรที่มันราคาต่ำที่สุดของรถรุ่นนั้นๆ ไป อย่าง March ก็เล่นแต่รุ่น 380,000 S M/T อย่างเดียวเป็นต้น อีกเรื่องคืออย่ามองว่าภาษี 17% กับเครื่องยนต์ 1200cc จะทำให้ราคาจริงของตัวรถลดลงมากมายก่ายกอง เพราะโดยพื้นฐาน แล้ว ทั้ง A segment , B segment , และ B segment ที่เป็น eco car นั้น มีการลงทุนที่หนักหนาสาหัสเอาเรื่องพอๆ กัน เรียกได้ว่าแทบไม่แตกต่าง นี่ก็เป็นข้อเท็จจริงอีกข้อจากคนวงในที่ผมได้รู้มา ที่จริงถ้าเป็นไปได้ ค่ายรถแต่ละค่ายอยากให้ eco car เหลือภาษีแค่ 5-10% ด้วยซ้ำ จะได้จัดการราคาให้เหลือ 250,000-300,000 ปลายๆ อย่างที่คนบ้านเราไฝ่ฝันกัน มีข้อเท็จจริงอยู่อย่างนึงคือ ยิ่งซื้อรุ่นที่สูงๆ กำไรยิ่งเข้ากระเป๋าค่ายรถยนต์นั้นๆ ส่วนยิ่งซื้อรุ่นต่ำๆ คนซื้อจะได้ผลประโยชน์ คุ้มค่าเงินที่สุด เพียงแต่รุ่นที่สูงขึ้นๆ มานั้น มันเป็นไปตามกลไกตลาดรึเปล่าก็เท่านั้น ไม่ใช่ว่า ตัวเกียร์ M/T ราคาต่างจากเกียร์ A/T 100,000 บาท เป็นต้น อันนี้ก็ชัดเจนว่าไม่ทำตามกลไกตลาด และบริโภคเงินลูกค้าโหดมาก สำหรับการเพิ่มขึ้นของราคา Almera ต่อ March ในแต่ละรุ่น 30,000-50,000 ก็คงต้องมองตามความเห็นสมควรของผู้บริโภคแต่ละคนว่า รับได้รับไม่ได้ อย่างไร เพียงแต่ บอดี้ระัดับ Almera น่าจะตอบโจทย์คนกลุ่มที่ต้องการรถยนต์เพื่อใช้งานแบบเอนกประสงค์ เป็นรถคันเดียว หรือคันแรกของบ้าน เป็นรถครอบครัว ไม่เน้นขับเร็วแรงอะไร แต่ขนคนไปเที่ยวได้ทั้งบ้าน นั่งได้สบายๆ หน้าตาดูดี และมี บุคลิก ซึ่งในรถทั้งหมดระดับ B segment 1500 cc ทุกๆ รุ่นอาจจะไม่มีรุ่นไหนตอบโจทย์ตรงนี้ได้ทั้งหมด ซึ่ง Almera มี ข้อดีในแบบเดียวกับที่รถกลุ่ม C segment มีด้วย ดังนั้นการตอบโจทย์ลูกค้าตรงนี้ได้จะทำให้ลูกค้าประหยัดเงินที่ไม่ต้องไป ซื้อรถใหญ่ระดับ C segment ไปได้อีก 250,000-400,000 บาท ส่วนต่างเท่านี้ แลกกับการที่มีเครื่องยนต์ที่มีความเร็วเพียงระดับ กลางๆ ไว้เน้นใช้งานเท่านี้ผมว่าคุ้ม สำหรับตัวผมเอง อาจจะเจียดเงินซัก 7-8 หมื่นจากส่วนต่างตรงนั้น ไปติดแก๊ส หรือเปลื่ยนเป็นเครื่องใหญ่ๆ ได้อีก ซึ่ง Almera สามารถลงเครื่องที่ใหญ่กว่า 1200cc ได้ถึง 1800cc แบบชัวร์ๆ และอาจได้ ถึง 2000cc ซึ่งก็อาจจะเริ่มเกินตัวไปแล้ว ดังนั้นเรื่องที่ผมจะตำหนิ Nissan ตอนที่ Almera เปิดตัว จะไม่ใช่เรื่องระดับราคาไปแตะ หรือไปข้ามรุ่นทับ B car 1500cc แต่อย่างใด แต่จะเป็นเรื่อง การที่มีการเพิ่มเงินในแต่ละรุ่นตามกลไกตลาดหรือไม่ อย่างเช่น ส่วนต่างเกียร์ M/T กับ A/T มาก กว่า 40,000 บาทเป็นต้น อันนี้ได้ด่าแบบสาดเสียเทเสียแน่นอน ส่วนเรื่องที่รุ่นท๊อปจะไปแตะ 600,000- 650,000 ผมก็ไม่ว่า แต่ option ที่เพิ่มมามันต้องสมเหตุผลตามกลไกตลาด เช่น ใส่เครื่อง 1500cc มานี้ โอเค เพิ่มอีกแสน ผมรับได้เป็นต้น จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 54 19:10:04

ความคิดเห็นที่ 72 คุณเน็ดคุง ผมขอขอบคุณคุณในการหาข้อมูลเปรียบเทียบและรายละเอียดต่างๆมานำเสนอให้แก่พวกเรา คนรักรถทั้งหลายได้แลกเปลี่ยนความรู้กัน  สังเกตจากเนื้อหาที่คุณ review นี้ ผมว่าคุณเป็นคนที่มีความคิดเป็นระบบ และมีเหตุผล อย่างน้อยก็ผมคนหนึ่งละที่ได้รู้จัก Nissan Almera มากขึ้นจากคุณ  ขอชื่นชมครับ.... จากคุณ : BANGKOK-MANILA-JAKARTA เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 54 19:41:28

ความคิดเห็นที่ 73 ขอบคุณครับ ^^ จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 54 20:26:33

ความคิดเห็นที่ 74 "อย่าไปยึดติดกับเรื่องระดับภาษีของ eco car ที่น้อยกว่ารถเก๋งทั่วไปเลยครับ ที่ลดให้เยอะๆ แถมไม่ต้องลงทุนอะไรมาก ผมว่าเป็นตัวภาษีสำหรับรถที่เติม E85 ได้มากกว่า เหตุผลเรื่อง สิทธิพิเศษทางภาษี ECO CAR ซึ่งจะถูกกว่า รุ่นอื่นๆในตลาด B segment ราว 8-13 เปอร์เซนต์ อันดับที่ 1 คือต้องมองด้วยว่า Almera และ March ต่างก็เป็น B segment" ตรงนี้ไงครับเน็ตคุง ที่ผมบอกว่า "คนทั่ว ๆ ไปเห็นว่าก็คันมันเท่า ๆ กับ B-Secment 1500 cc ทั่ว ๆ ไปโดยไม่รู้ว่าไส้ในมันหายไปแล้วนะ" ส่วนเรื่องของการแบ่งรุ่นย่่อยพร้อมกับตั้งราคาตามออปชั่น " การ บวกราคาให้แต่ละรุ่นตามหลักการ ตาม option ตามวิธีทั่วๆ ไปแบบที่รถญี่ปุ่นทั้งตลาดทำกันก็คือ 1) การมีรุ่น M/T ที่มีการตกแต่ง มีอะไรต่างๆ พร้อม เท่าๆ กับเกียร์ อัตโนมัติเพิ่มขึ้นมาหนึ่งรุ่น --->อันนี้อัพราคา 40,000-70,000 แล้วแต่ความกรุณาของแต่ล่ะค่าย 2) ขยับราคาขึ้นมาอีกมีรุ่น A/T ล่างสุด ที่ต่างกับรุ่นก่อนหน้าแค่เกียร์ ----> บวกไป 30,000-45,000 แล้วแต่ค่าย 3) มีรุ่นหรูเพิ่มเติมจาก A/T ----> บวกไปอีก 30,000-40,000 4) มีรุ่นหรูยิ่งกว่าหรู -----> บวกไปอีก 30,000-40,000 5) มีรุ่นท๊อปติดนาวิ ไฮโซเจ๋งเป้ง -------> บวกไปอีก 80,000-150,000 บาท !!!!!?????? " ตรงนี้ผมก็ไม่ติดใจอะไรกับบริษัทรถยนต์หรอกครับ เพราะผมก็เข้าใจตามที่ คุณ ned ตอบมานั่นแหละว่า บริษัทรถยนต์ย่อมต้องการสร้างอิมเมจของรถรุ่นนั้น ๆ ว่า เป็นรถไฮเทค ทันสมัย มีอุปกรณ์เยอะในรุ่นสูง ๆ แม้ว่าราคาจะแพงขึ้นไปอีก แต่ปัญหามันอยู่ตรงที่ คนซื้อรถอย่างพวกเรานี่แหละที่มักจะใฝ่ฝันหาแต่รุ่นท็อป จนบางครั้งอะไรที่มีในรุ่นท็อปบ้าง ตัวเองยังไม่รู้เลย แล้วเลยเป็นสิ่งที่พาให้เราซื้อรถราคาแพงเกิน Secment ของมันไป แล้วในที่สุด สิ่งนี้ก็จะเป็นตัวขยับกระดานราคาทั้งหมดขึ้นไปนั่นแหละครับ ยังไงผมก็ยังยืนยันนะว่า ถ้าเทียบมาร์ชกับ B-Secment 1500 cc ในตลาดที่มีอยู่ทุกวันนี้ ตัวรถมันเองถูกตัดทอนโครงสร้างและรายละเอียดลงไปเยอะพอควร ดังนั้นราคาที่เป็นอยู่นี้ จึงไม่ถือว่า "ถูก" อย่างมากสุดจึงได้แค่ "สมราคา" สำหรับรุ่นที่ไม่เกิน 5 แสนเท่านั้นครับ ถ้าผมจะถอยมาร์ชนะ คงเล็งตัว Auto ต่ำสุดราคา 4.7 แสน นั่นแหละ เพียงแต่ตอนนี้ ผมรู้สึกว่า มันถูกกว่า Vios J/AT แค่ประมาณ 4-5 หมื่นบาท โดยคิดรวมส่วนลด และของแถมแล้ว ถ้าส่วนต่างมันมากกว่านี้ น่าจะตัดสินใจคบหากับมาร์ชได้ง่ายกว่า แล้วนี่ถ้า Almera แพงกว่ามาร์ชสัก 3-5 หมื่นบาท นั่นเท่ากับจะยิ่งทำให้ราคามันชิด กับเจ้าลูกอ๊อดเข้าไปอีกน่ะสิ แต่ยังไงก็ต้องขอบคุณ เน็ตคุง อีกครั้งที่เสาะหาข้อมูล มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่าง จุใจเลยทีเดียว ^_^ จากคุณ : The Greatest บัตรผ่าน เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 54 21:35:15 A:125.24.33.82 X: TicketID:102965

ความคิดเห็นที่ 75 "คนทั่ว ๆ ไปเห็นว่าก็คันมันเท่า ๆ กับ B-Secment 1500 cc ทั่ว ๆ ไปโดยไม่รู้ว่าไส้ในมันหายไปแล้วนะ" ผมว่าประโยคนี้แรงไปนิดนึงนะครับ  ที่ผมทำงานกับ EVA มาเค้าซื้อรถจากทุกค่ายมา รื้อ ชำแหล่ะ ดูแต่ละ part ๆ ซึ่งแบบนั้น หากเค้าพูดประโยคแบบนี้ผมโอเคด้วยเลย ส่วนตัว ผมเองก็มอง March ที่ E CVT ไม่อยาก มองสูงกว่านั้น ส่วน Almera นั้น ขอมองรุ่น M/T เพราะว่ามันทำให้ผมนึกถึง Sunny B11 1270cc 74 แรงม้า เกียร์ธรรมดา ของคุณแม่ผมสมัยก่อนครับ แต่สมัยนั้น น้ำหนักมัน 800 กิโลกรัมเศษๆ เอง Almera น่าจะทำให้คนเคยใช้ B11 ตื่นเต้น บ้างเหมือนกันครับ เหมือนเพื่อนเก่ากำัลังจะกลับมา เสียดาย ที่ Nissan ไม่ได้ ใช้ชื่อ Sunny แบบในจีน (แต่ชื่อ Almera ก็อาจจะเป็นความคิดที่ถูกต้องของนิสสันไทยก็ได้) แก้ไขเมื่อ 30 ก.ค. 54 22:17:17 จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 54 21:59:12

ความคิดเห็นที่ 76 ขอบคุณคุณ เน็ตคุง มากครับ ได้ข้อมูลเพียบเลย แต่หมดสิทธิได้มาขับเพราะถอยมาร์ชมาก่อนแล้ว ทั้งๆที่รู้ว่ารุ่นนี้จะคลอด แต่ด้วยสภาพรถคนเดิมบวก+ความอยาก ก็ถอยมาร์ชซะเลย อิอิ นั่งอ่านไปเสียดายไป แต่ก็บอกตัวเองว่า มาร์ชไม่ใช้รถคันสุดท้ายในชีวิต คิดแบบนี้ก็ใช้อย่างสบายใจ  กว่าจะถึงเวลาเปลี่ยนใหม่ เทคโนโลยีคงมีใหม่ๆอีกเยอะ ประเด็นความแรงของเครื่อง  อยากถามหลายท่านที่ฟันธงเหลือกำลังว่า อืดบ้าง กินบ้าง  ว่า "เคยขับรึยังครับ??" ชีวิตผม ขับ 120 ก็ยกเท้าแล้วครับ 90-100 เต็มที่ เลี้ยงรอบให้ประหยัดอีกต่างหาก ^^ ประหยัดไหม? คันเดิมแต่ก่อนเติมน้ำมัน 500 ขับได้ไกลไม่ถึง 100 โล มาร์ชเติม 500 ขับในเมือง จอดๆหยุดๆ ได้ 200 โลนิดๆ ส่วนตัวพอใจครับ  ท่านใดคาใจว่าเครื่อง 1200 มันอืดไหม ไปลองครับ แล้วจะรู้ ^______^ จากคุณ : A.J.100 เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 54 22:09:03

ความคิดเห็นที่ 77 "คนทั่ว ๆ ไปเห็นว่าก็คันมันเท่า ๆ กับ B-Secment 1500 cc ทั่ว ๆ ไปโดยไม่รู้ว่าไส้ในมันหายไปแล้วนะ" ผมว่าประโยคนี้แรงไปนิดนึงนะครับ ที่ผมทำงานกับ EVA มาเค้าซื้อรถจากทุกค่ายมา รื้อ ชำแหล่ะ ดูแต่ละ part ๆ ซึ่งแบบนั้น หากเค้าพูดประโยคแบบนี้ผมโอเคด้วยเลย -------- ถ้าแรงไปสำหรับเน็ตคุง ก็คงต้องอภัยไว้ด้วย แต่ที่ผมพูดมาแบบนั้นเพราะส่วนหนึ่งของงานที่ผมทำอยู่ ก็เป็นอย่างที่ เน็ตคุง ว่าไว้นั่นแหละ เลยได้มีโอกาสเห็นในสิ่งที่ คงจะไม่มีลูกค้าคนไหนลงทุนรื้อออกมาดู (Tear down) ยกเว้นอู่ซ่อมรถถึงจะมีโอกาสได้เห็น .... ก็เท่านั้นเอง ปล. ดูเน็ตคุง จะปลื้มรถนี้มากเลย แต่ลูกค้าอย่างเรา ๆ ท่าน ๆ ก็ไม่จำเป็นต้องไปลุ้น อะไรกับมันขนาดนั้นมั๊ง ใจจริงผมน่ะ อยากให้ราคาทั้ง มาร์ช และ Almera ถูกกว่า ที่เป็นอยู่หรือกำลังจะออกขายกว่านี้ซะด้วยซ้ำ มันจะได้เป็นการดึงเพดานราคา เอาไว้ ไม่ให้ราคาของรถทั้ง ECO และ B-Secment 1500cc ลอยสูงขึ้นไปกว่านี้อีก ซึ่งมันก็เป็นผลดีกับลูกค้าอย่างพวกเรา ๆ ไม่ใช่หรือครับ เนอะ ๆ ^__^ จากคุณ : The Greatest บัตรผ่าน เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 54 22:36:19 A:125.24.33.82 X: TicketID:102965

ความคิดเห็นที่ 78 eco car อาจจะเป็นสิ่งใหม่ ที่ทำให้ผมตั้งใจมองดูทุกๆ ครั้งที่มีรุ่นใหม่ออกมาน่ะครับ สิ่งที่ดึุงดูดใจ ที่จริงก็เป็นเรื่องราคาเป็นหลักครับ ถ้า eco car จะแพงเท่าๆ กับ B car แบบรุ่นต่อรุ่น แบบนั้นก็ไม่ไหว ต้องยอมรับว่าสเน่ห์ของ eco car อย่างนึง ก็คือเรื่องของราคาครับ ^^ จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 54 22:55:14

ความคิดเห็นที่ 79 เห็นด้วยในเรื่องราคาอะครับ ทำราคาสูงก็ทำตลาดได้ยาก เพราะต้องผลิตให้ได้ตามกรอบที่กำหนดด้วย ผมว่าตลาดรถเล็ก ประหยัดพลังงาน จะแรงขึ้นเรื่อยๆในระดับโลก ดูจากการเข้ามาลงทุนของค่ายใหญ่ๆ อย่าง นิสสัน หรือ ซูซูกิ ที่วางประเทศไทยเป็นฐานการผลิตหลัก เพื่อส่งออกไปทั่วโลก ล่าสุดกับการเข้ามาตั้งโรงงานผลิตเกียร์ CVT ในไทย น่าจะตอกย้ำถึงทิศทางอุตสาหกรรมยานยนต์ในไทยได้เป็นอย่างดี รถมาตราฐานส่งออก  ผลิตจากสายการผลิตเดียวกัน อาจแตกต่างกันบ้างในเรื่องออฟชั่น เครื่องยนต์ ที่ขายในประเทศ แต่ก็เป็นการยกระดับคุณภาพรถในตลาดให้ผู้บริโภคได้เลือกมากขึ้น ค่ายเจ้าตลาดผมว่าอยากลงมาทำตลาดนี้ใจจะขาดแล้วมั้งครับ อิอิ แต่คงต้องวางแผนกลยุทธกันพอสมควร เพราะรถในมือมีหลายรุ่นเหลือเกิน จากคุณ : A.J.100 เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 54 23:15:40

ความคิดเห็นที่ 80 นั่งไล่อ่าน กว่าจะหมดเล่นเอาเหนื่อย วิเคราะห์ได้ใจหลายจุดมากๆครับ จากคุณ : DejDazzle เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 54 00:37:39

ความคิดเห็นที่ 81 สุดยอดครับ จขกท.  ชื่นชมความขยัน จากคุณ : คุณจริงใจ เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 54 00:39:29

ความคิดเห็นที่ 82 ตัวนี้ผมรอมานาน ... น่าจะเป็นอะไรที่คุ้มค่ามากที่สุด !!! โดยเฉพาะสองรุ่นนี้ถ้าราคาไม่เกินตามที่คุณ จขกท คาดการณ์ไว้ เจอกันแน่ อิอิอิ E CVT @504,000  EL CVT @534,000 ถอยออกมาจับติดแก๊สใส่ถังโดนัส & ระบบดูด น่าจะป็นอะไรที่ประหยัดแบบสุดๆ *** ขอบคุณ จขกท ครับ สำหรับข้อมูลดีๆๆ *** จากคุณ : What Drives U เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 54 21:52:33

ความคิดเห็นที่ 83 เห็นด้วยกับจขกท.นะครับ ตรงที่ว่าตัวท๊อปของรุ่นนั้นๆ ทำมาเพื่อสนองneedเท่าันั้นเอง หาความคุ้มค่าไม่ได้เลยซักนิด ถ้าเทียบกับรถ b class ทั่วๆไป ต้องใจรักรุ่นนั้นจริง ถึงจะกล้าถอย ผมว่าตรงนี้มันเป็นเรื่องที่ลูกค้าอย่างเราๆต้องตัดสนใจเอาเองแล้วหล่ะครับ ว่ามันเหมาะกับเราไหม? คนที่ใจรักก็อาจจะว่าเหมาะแล้ว คนที่ต้องการรถคุ้มๆก็คงมองว่าไม่เหมาะ ซึ่งตรงนี้ผู้ผลิตก็คงไม่ได้หวังอะไรมากนักกับตัวท๊อปสุดเท่าไหร่ คงทำมาเพื่อเผื่อเป็นทางเลือกไว้เฉยๆเท่านั้น คิดเหมือนหลายท่านครับ ที่ว่าmarchที่คุ้มค่าสุดคือรุ่น e mt,e cvt ครับ จากคุณ : pongchay เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 54 10:31:23

ความคิดเห็นที่ 84 เข้ามาดู จากคุณ : *380 Z เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 54 09:40:17

ความคิดเห็นที่ 85 อยากรบกวนให้เทียบกับ ALTIS หน้าหมูให้ดูหน่อยครับ ( ALTIS ปี2001 ) http://www.jpegwallpapers.com/images/wallpapers/Toyota-Corolla-Altis-460824.jpeg จากคุณ : yoknipas (yoknipas) เขียนเมื่อ : วันแม่แห่งชาติ 54 15:10:15

ความคิดเห็นที่ 86 เพิ่งมาอ่าน นี่ครับ จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 54 20:53:32

ความคิดเห็นที่ 87 น้ำหนัก Almera ออกมาแล้ว แต่ยังไม่ official นะครับ น้ำหนักอยู่ที่ 962-1,027 kg ครับ จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 54 20:54:24