ความคิดเห็นที่ 1 ค่าความหนืด คือค่าที่บอกว่า น้ำมันเครื่องจะมี Viscosity index เท่าไหร่ที่ 100องศาเซลเซียส น้ำมันเครื่อง ที่อุณหภูมิ -18 องศา จะบอกความหนืดด้วย W คือตัวหน้า น้ำมันเครื่องที่มี VI ต่ำ ๆ ก็คือ น้ำมันเครื่องที่มีการเปลี่ยนแปลงความหนืดง่ายเมื่ออุณหภูมิเพิ่มขึ้นหรือ ลดลง ครับ งงไหมว่า ผมเขียนเองยังงงเอง เช่นน้ำมัน 0W-40 ที่ -18 องศา จะมีดัชนีความหนืด เท่ากับ 0 คือ ถ้าเอาน้ำมันมาดู มันจะหนืด ๆ เหมือนน้ำผึ้งนั่นแหละครับ ถ้าอยู่ต่างประเทศหนาว ๆจะเห็นได้ชัดครับ ดึงก้านวัดมาทีแทบจะยืดออกมาด้วย แต่ที่อุณหภูมินี้ เวลาสตาร์ทรถปุ๊ป อุณหภูมิเพิ่มนิดเดียว มันก็สามารถเปลี่ยนตัวเองได้รวดเร็วเป็นของเหลวที่หนืดน้อยกว่า เพื่อการหล่อเลี้ยงเครื่องยนต์ด้วย แต่ถ้าเลขน้อย ๆ มาก ๆ ทั้ง หน้า และหลัง เช่น 0W-20 เอามาใช้ในเมืองไทย มันก็มีปัญหาครับ เพราะที่ 20 ฟิลม์น้ำมันจะขาดง่าย เพราะ VI มันต่ำ ทำให้มันเปลี่ยนความหนืดไปได้ง่าย เวลาเกิดการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ ทำให้ Shear stress ต่ำ ค่าน้ำมันเครื่องเท่าไหร่ ก็เปิดคู่มือครับ แต่ในคู่มือจะบอกมาเป็นกราฟ พร้อมช่วงอุณหภูมิใช้งาน หลักการพื้น ๆ คือ ยิ่งร้อน ยิ่งต้องการความหนาของฟิลม์น้ำมันมาก เพราะไม่อย่างนั้นฟิลม์น้ำมันจะขาด เรื่องทำให้เครื่องลื่นขึ้นหรือไม่ อยู่ที่ความลื่น ซึ่งเขาไม่ได้วัดให้เราเหมือน VI ครับ ส่วนคุณบัติการเป้นน้ำมันเครื่องจะมีตัววัดตัวอื่นครับ ซึ่งจะสัมพันธ์กับโครงสร้างของน้ำมันเครื่องเอง และอายุการใช้งาน น้ำมันเครื่องที่ไม่สังเคราะห์ เขาก็เสียโครงสร้างทางโมเลกุลได้ง่ายกว่า ทนShear stress ได้น้อยกว่าด้วย และยัง หมดสภาพการหล่อลื่น เปลี่ยนตัวเองเป็นรูปอื่นได้ง่ายกว่า น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ครับ ถ้าหมดนี่ไม่เข้าใจ รอคนอื่นมาต่อให้แล้วกัน แปลและเรียบเรียงใหม่โดยอ้างจากหนังสือ A textbook of fluid mechanics and hydraulic machines: (in S.I. units) โดย R.K. Bansal ISBN 8170083117 จากคุณ : Crayonz เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 20:41:05 A:101.108.169.204 X: TicketID:158059

ความคิดเห็นที่ 2 ลืม เห็นพูดเรื่องความแรงของรถด้วย มีการทดสอบครับ ใน LAB และ นอก LAB เป็น BLIND TEST เขาสรุปมาแล้วว่า น้ำมันเครื่องที่ได้มาตรฐาน API เกรดเดียวกัน ในช่วง VI 30-50 ไม่สามารถแยกได้ด้วยคนธรรมดาครับ DYNO TEST ก็แทบจะบอกความแตกต่างในการใช้น้ำมันเครื่องที่มี VI ต่างกันเหล่านี้ไม่ได้ แต่การทดลองบอกด้วยว่า VI ที่ 10-20 ซึ่งเป้นความต้องการของ FORD ในอเมริกา จะให้ความแตกต่างจากกลุ่ม 30-50 ในเรื่องของแรงม้า และอัตราสิ้นเปลืองราว ๆ 0.5 -1% ตามสภาวะการขับขี่ครับ ขึ้นอยู่กับยี่ีห้อของน้ำมันเครื่องเองด้วย จากคุณ : Crayonz เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 20:46:18 A:101.108.169.204 X: TicketID:158059

ความคิดเห็นที่ 3 เห็นด้วยทุกคำพูดครับ แต่จะเพิ่มว่า น้ำมันเครื่องให้ใช้ตามเบอร์ที่คู่มือรถแนะนำจะดีที่สุดครับ จากคุณ : modmodmo เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 22:10:53

ความคิดเห็นที่ 4 ผมใช้ ปตท กับคัมรี่คันเก่าครั้งเดียว และแกลลอนเดียวก็ไม่ใช้อีกเลยครับ  ตั้งแต่ปี 07มาซื้อรถกี่คัน ๆ ก็ Valvoline เท่านั้นครับ จากคุณ : sittiporn เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 22:30:34

ความคิดเห็นที่ 5 ///// น้ำมันเครื่องที่ได้มาตรฐาน API เกรดเดียวกัน ในช่วง VI 30-50 ไม่สามารถแยกได้ด้วยคนธรรมดาครับ DYNO TEST ก็แทบจะบอกความแตกต่างในการใช้น้ำมันเครื่องที่มี VI ต่างกันเหล่านี้ไม่ได้ ///// ถ้าคุณคิดว่าแยกไม่ได้จริงๆ  ผมว่าคุณน่าจะลองท้าคนในรัชดาดูก็ได้ สำหรับผมไม่ต้องท้าละกัน  ผมขอเป็นกรรมการให้ เพราะผมไม่ต้องขับ  แค่ชักน้ำมันมาดู  ก็แยกออกง่ายๆเลย สำหรับเบอร์ 30 กับ 50 จากคุณ : ton99 เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 22:53:35

ความคิดเห็นที่ 6 สำหรับเบอร์น้ำมันเครื่อง ถ้าไม่รู้ค่าความหนืด  ตัวเลขหน้า W อย่าไปตัดมันทิ้่ง  ตัดเมื่อไหร่จะไม่รู้ระดับชนชั้นของน้ำมันเลย แต่ถ้าจะเอาให้แน่  ต้องดูที่ค่าความหนืด ค่าความหนืด  บางยี่ห้อบอกครบ  บางยี่ห้อบอกไม่ครบก็ต้องไปคำนวณเอาเอง PTT Performa Racing Synthetic 5W-50 , API SN  (rev 54) Viscosity @40C cSt  107.9  (cal) @100C cSt  18.1 @120C cSt   12.1 (ASTM D341) Viscosity Index  186 Mobil1 0W-40 , API SN  (TH 11) Viscosity @40C cSt  75.0 @100C cSt  13.5 @120C cSt  9.2  (ASTM D341) HTHS, cSt @ 150C  3.8 Viscosity Index  185  (cal = 186) PTT Performa Super Synthetic 0W-30 , API SN-RC , ILSAC GF-5  (rev 53) Viscosity @40C cSt  53.7  (cal) @100C cSt  10.3 @120C cSt  7.1  (ASTM D341) Viscosity Index  185 Petronas Syntium 5000 0W-40 , API SM , ILSAC GF-4 Viscosity @40C cSt  71.4 @100C cSt  12.9 @120C cSt  8.8 (ASTM D341) Viscosity Index  183  (cal = 184) PTT Performa Super Synthetic 0W-40 , API SN , ILSAC GF-4  (rev 54) Viscosity @40C cSt  73.3  (cal) @100C cSt  13.1 @120C cSt   8.9 (ASTM D341) Viscosity Index  183 Shell Helix HX7 5W-40 , API SN  (TH 11) Viscosity @40C cSt  82.5 @100C cSt  14.4 @120C cSt  9.8  (ASTM D341) Viscosity Index  183 (cal) PTT Performa Super Synthetic Hybrid 0W-30 , API SN , ILSAC GF-5  (rev 54) Viscosity @40C cSt  54.1  (cal) @100C cSt  10.2 @120C cSt  7.1  (ASTM D341) Viscosity Index  181 Shell Helix Ultra 5W-30 , ACEA A3/B3/B4  (TH 11) Viscosity @40C cSt  68.2 @100C cSt  12.2 @120C cSt  8.3  (ASTM D341) HTHS, cSt @ 150C  3.50 Viscosity Index  180  (cal = 180) Shell Helix Ultra 5W-40 , API SN  (TH 11) Viscosity @40C cSt  74.4 @100C cSt  13.1 @120C cSt  8.9  (ASTM D341) HTHS, cSt @ 150C  3.68 Viscosity Index  180  (cal = 180) Mobil1 5W-50 , API SN  (TH 11) Viscosity @40C cSt  108 @100C cSt  17.5 @120C cSt   11.7 (ASTM D341) HTHS, cSt @ 150C  4.4 Viscosity Index  180  (cal = 179) Shell Helix Ultra Racing 10W-60 , API SN (TH 11) Viscosity @40C cSt  151 @100C cSt  22.8 @120C cSt  14.9  (ASTM D341) HTHS, cSt @ 150C  5.42 Viscosity Index  177 (cal) PTT Performa Synthetic 5W-30 , API SN  (rev 54) Viscosity @40C cSt   55.3 (cal) @100C cSt  10.2 @120C cSt   7.0 (ASTM D341) Viscosity Index  176 Shell Helix HX7 5W-30 , API SL  (TH 11) Viscosity @40C cSt  67.11 @100C cSt  11.82 @120C cSt  8.1  (ASTM D341) Viscosity Index  175 (cal) Castrol EDGE Sport 0W-40 , API SN  (AU 11) Viscosity @40C cSt  77.5 @100C cSt  13.1 @120C cSt  8.9  (ASTM D341) HTHS, cSt @ 150C  3.6 Viscosity Index  173 (cal) ZIC XQ 5W-40 , API SM Viscosity @40C cSt  81 @100C cSt  13.5 @120C cSt  9.1  (ASTM D341) Viscosity Index  173  (cal = 170) PTT Performa Synthetic 5W-40 , API SN  (rev54) Viscosity @40C cSt   86.1 (cal) @100C cSt  14.3 @120C cSt   9.6 (ASTM D341) Viscosity Index  173  (cal = 174) Mobil1 5W-30 , API SN , ILSAC GF-5  (TH 11) Viscosity @40C cSt  61.7 @100C cSt  11.0 @120C cSt  7.5  (ASTM D341) HTHS, cSt @ 150C  3.1 Viscosity Index  172  (cal = 174) Valvoline SynPower 5W-40 , API SM Viscosity @40C cSt  89.0 @100C cSt  14.5 @120C cSt  9.7  (ASTM D341) Viscosity Index  170  (cal = 171) GE Gold SM 5W-40 , API SM Viscosity @40C cSt  90.98 @100C cSt  14.76 @120C cSt  9.9  (ASTM D341) Viscosity Index  170  (cal = 171) Valvoline SynPower 5W-30 , API SM , ILSAC GF-4 Viscosity @40C cSt  59 @100C cSt  10.5 @120C cSt  7.2  (ASTM D341) Viscosity Index  169  (cal = 171) Total Quartz 9000 5W-40 , API SM Viscosity @40C cSt  82.19 @100C cSt  13.60 @120C cSt  9.1  (ASTM D341) Viscosity Index  169  (cal = 170) ELF EXCELLIUM 5W40 , API SM Viscosity @40C cSt  87.28 @100C cSt  14.22 @120C cSt  9.532  (ASTM D341) Viscosity Index  169  (cal = 170) Castrol Magnatec Professional A5 5W-30 , API SM , ILSAC GF-4  (AU 11) Viscosity @40C cSt  53.5 @100C cSt  9.55 @120C cSt  6.6  (ASTM D341) Viscosity Index  164  (cal = 165) Shell Helix HX7 G 10W-40 , API SN  (TH 11) Viscosity @40C cSt  92.1 @100C cSt  14.4 @120C cSt  9.6  (ASTM D341) Viscosity Index  163 (cal) Shell Helix HX7 10W-40 , API SL  (TH 08) Viscosity @40C cSt  92.1 @100C cSt  14.4 @120C cSt  9.6  (ASTM D341) Viscosity Index  163 (cal) Valvoline Maxlife 10W-40 , API SM , ILSAC GF-4 Viscosity @40C cSt  102 @100C cSt  15 @120C cSt  9.9  (ASTM D341) Viscosity Index  158  (cal = 155) Caltex Havoline Fully Synthetic with Deposit Shield 5W-30 , API SM Viscosity @40C cSt  61 @100C cSt  10.1 @120C cSt   6.8 (ASTM D341) Viscosity Index  153  (cal = 154) Shell Helix HX7 10W-30 , API SL  (TH 08) Viscosity @40C cSt  79.5 @100C cSt  12.3 @120C cSt  8.2  (ASTM D341) Viscosity Index  153 (cal) PTT Performa Gasohol 10W-40 , API SM , ILSAC GF-4  (rev 50) Viscosity @40C cSt  98.3  (cal) @100C cSt  14.5 @120C cSt  9.6  (ASTM D341) Viscosity Index  153 Castrol  Magnatec 10W-40 , API SN  (AU 11) Viscosity @40C cSt  98.8 @100C cSt  14.5 @120C cSt  9.6  (ASTM D341) Viscosity Index  151  (cal = 153) PTT Performa Gasohol 10W-30 , API SM , ILSAC GF-4  (rev 50) Viscosity @40C cSt  75.5  (cal) @100C cSt  11.7 @120C cSt  7.8  (ASTM D341) Viscosity Index  150 PTT Performa NGV 10W-40 , API SM  (rev 50) Viscosity @40C cSt  100.1  (cal) @100C cSt  14.5 @120C cSt  9.5  (ASTM D341) Viscosity Index  150 PTT Performa Semi-Synthetic 10W-40 , API SM  (rev 48) Viscosity @40C cSt  100.4  (cal) @100C cSt  14.4 @120C cSt  9.5  (ASTM D341) Viscosity Index  148 Shell Helix HX5 15W-40 , API SL  (TH 08) Viscosity @40C cSt  105.4 @100C cSt  13.9 @120C cSt  9.0  (ASTM D341) Viscosity Index  132  (cal = 134) แก้ไขเมื่อ 09 ส.ค. 54 22:58:33 จากคุณ : ton99 เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 22:57:41

ความคิดเห็นที่ 7 มันไม่ได้มีแค่นี้นะครับ มันมีเรื่องสารเพิ่มคุณภาพอีก ที่ใส่ลงไป ไม่ว่าจะเป็น MAGNESIUM CALCIUM BARIUM PHOSPHORUS ZINC MOLBDENUM ผมไปเจอเว็บอเมริกเว็ลหนึ่้งเกี่ยวกับน้ำมันเครื่อง เขาเอามาทดสอบหาค่าพวกนี้กันด้วย เป็นVOA(Virgin Oil Analysis) คือน้ำมันก่อนใช้ว่ามีสารเพิ้มคุณภาพอะไรบ้าง และอีกอย่างเมื่อใช้นำมันถึงระยะเปลี่ยน หรืออาจจะยังไม่ถึง เขาก็จะวัด UOA(Used Oil Analysis) ก็จะรู้ว่าน้ำมันเมื่อใช้ไปแล้ว มีชิ้นส่วนของเครื่องยนตืที่ศึกลงมาปนกับน้ำมันเครื่องเท่าไหร่ เว็บที่เขาชอบทำกันแบบนี้คือเว็บhttp://www.bobistheoilguy.com ที่อเมริกาครับ(ในส่วนเว็บบอด) คนเยอะพอสมควรเว็บนี้ แล้วก็พูดกันถึงเรื่องกรองน้ำมันด้วย ยี้ห้อต่างๆรุ่นต่างๆ แต่ข้อมูลที่มีในเว็บอาจจะใช้กับบ้านเราไม่ได้ครับ  เพราะน้ำมันเครื่องไม่ได้ผลิตที่เดียวกันbass oilอาจจะคุณภาพต่างกัน  และสูตรอาจจะไม่เหมือนกัน และที่อเมริกาน้ำมันเครื่องสังเคราะห์ถูกกว่าบ้านเรามาก http://www.pantip.com/cafe/ratchada/topic/V10897985/V10897985.html ) แต่ธรรมดา กับกึ่งสังเคราะห์ราคาไม่ต่างกันมากกับประเทศเราครับ ส่วนเรื่อง PTT ราคาถูกว่าเขาพอสมควรเลย แต่สเปคน้ำมันเทพใช้ได้ สเปคที่บอกนี่ดีเท่าพวกแพงๆเลย แต่พอลองใช้ มันไม่ได้เทพตามสเปคครับ แต่เทพตามราคา (ราถูกกว่าเขาพอสมควร) แก้ไขเมื่อ 09 ส.ค. 54 23:44:38 แก้ไขเมื่อ 09 ส.ค. 54 23:30:57 แก้ไขเมื่อ 09 ส.ค. 54 23:30:05 แก้ไขเมื่อ 09 ส.ค. 54 23:29:16 จากคุณ : แน่ข้างเดียว เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 23:26:28

ความคิดเห็นที่ 8 ค่า W ที่ต่ำกว่าก็พอเป็นเครื่องช่วยเลือกน้ำมันได้ครับ เพราะว่าโดยปกติน้ำมันที่มีค่า W ต่ำ base oil ที่นำมาผลิตน้ำมันเครื่องนั้นคุณภาพสูงกว่าตัวที่มีค่า W สูงกว่า น้ำมันที่มีค่า W= 0 โดยมากจะทำจากสารสังเคราะห์แท้ๆ เช่นสาร polyalphaolefin (Group IV) ซึ่งโครงสร้างโมเลกุลจะเหมาะสมกับการนำมาผลิตน้ำมันเครื่อง ส่วนน้ำมันเครื่องสังเคราะห์เบอร์อื่นที่ขายในบ้านเราโดยมากจะเป็นนำน้ำมันดิบมาสังเคราะห์ให้ได้โครงสร้างโมเลกุลเหมือนกับสาร PAO (Group III) แต่ก็ยังไม่ได้คุณสมบัติเทียบเท่า ซะทีเดียวครับ อย่าง vavoline 5w-30 ที่คุณ จขกท ใช้จะเป็นน้ำมัน group III (น้ำมันดิบสังเคราะห์) ผสมกับ PAO ยังไงคุณสมบัติก็สู้ น้ำมันเครื่องที่มี Base oil เป็น PAO แท้ๆ ไม่ได้ครับ ลอง search ดูกระทู้ที่คุณช่างกลหนุ่มตอบไว้ในคลังกระทู้เก่าดูนะครับ อธิบายไว้ค่อนข้างละเอียดทีเดียว จากคุณ : dxxa เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 23:27:53

ความคิดเห็นที่ 9 เอากระทู้ที่คุณช่างกลหนุ่มตอบไว้มาเพิ่มให้ครับ http://topicstock.pantip.com/ratchada/topicstock/2006/09/V4703925/V4703925.html จากคุณ : dxxa เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 23:43:11

ความคิดเห็นที่ 10 ว่าจะพูดเรื่อง bass oil อยู่เหมือนกันครับ น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ที่อมริกา(ผมมีแต่ข้อมูลของอมเริกา ขออภัยครับ) มีการใช้ bass oil ถึงEster (Group V) เช่นยีห้อ Redline (แทบทุกรุ่นของยีห้อนี้เป็นEster แต่อาจจะไม่100%เพราะมันแพง คือมีการผสม PAOกับEster) และอีกยี้ห้อ(ยี้ห้อนี้ประเทศเราก็มีเยอะและฮิต แต่อาจจะมไม่ฮิตน้ำมันเครื่องรุ่นนี้ของยีห้อนี้ครับ) Motul 300Vผมได้ข้อมูลว่า เจ้าตัวนี้ผสม Esterเยอะพอสมควร ส่วนยีห้อที่ใช้PAOเพียวๆ(น่าจะเพียวๆตามข้อมูลที่ได้มา และใช้แทบทุกรุ่นของยี้ห้อ) คือAmsoil ทั้งสามยี้ห้อที่ผมพูดที่เมริการาคาถูกครับ แต่ถ้าเป็นบ้านเรา 3ยี้หี้อนี้ ถ้าไปถามราคามีอึ้งไป3วิครับ อย่างที่ข้อมูลบอก น้ำมันเครื่องสังเคราะปรเทศเราขายแพงพอสมควร แต่กึ่งสังเคราะห์ กับ ธรรมดา ราคาพอๆกันกับอเมริกา http://www.pantip.com/cafe/ratchada/topic/V10897985/V10897985.html น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ยี้ห้อตลาดทั่วไป(เฉพาะทำขายที่ในอเมริกา) ที่ขายราคาไม่ถูกไม่แพง เช่น Mobil Shell Pennzoil Valvoline Castrol ส่วนใหญ่จะเป็น PAO ผสม Group III แต่ Group IIIคุณภาพใหม่ ซึ่งดีมากมายครับ แก้ไขเมื่อ 09 ส.ค. 54 23:56:53 แก้ไขเมื่อ 09 ส.ค. 54 23:56:07 แก้ไขเมื่อ 09 ส.ค. 54 23:55:36 แก้ไขเมื่อ 09 ส.ค. 54 23:54:22 แก้ไขเมื่อ 09 ส.ค. 54 23:52:35 แก้ไขเมื่อ 09 ส.ค. 54 23:51:19 แก้ไขเมื่อ 09 ส.ค. 54 23:50:11 แก้ไขเมื่อ 09 ส.ค. 54 23:49:44 จากคุณ : แน่ข้างเดียว เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 23:45:59

ความคิดเห็นที่ 11 ลื่นเหลือล้น ทนเหลือหลาย ใช้กาซ ด้วย แนะนำตัวนี้ ครับ เวลลอย 2 อิน 1 ซินเทติค โมลี่ 20W-50 Veloil 2 in 1 Synthetic Moly 20W-50 น้ำมันเครื่องโมลี่กึ่งสังเคราะห์ชนิดพิเศษเวลลอย 2 อิน 1 ซินเทติค โมลี่ 20W-50 เป็นน้ำมันเครื่องที่ถูกพัฒนาขึ้นด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัยและได้ผสมสารโมลิบดีนัม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการหล่อลื่นและเคลือบกระบอกสูบของเครื่องยนต์จึงปกป้องเครื่องยนต์จากแรงเสียดทานได้อย่างดีเยี่ยม มีค่าความหนืดตามมาตรฐาน SAE 20W-50 จึงมีความเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับรถยนต์ที่เริ่มมีอายุการใช้งาน @ มีสารโมลิบดีนัมจึงช่วยปกป้องเครื่องยนต์จากการสึกหรอได้อย่างดีเยี่ยม อีกทั้งช่วยลดแรง เสียดทานจึงช่วยประหยัดค่าเชื้อเพลิง @ ยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์อย่างดีเลิศ @ ช่วยยืดอายุการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง @สามารถใช้ได้กับเครื่องยนต์ที่มีเทอร์โบชาร์ท ระบบหัวฉีดอีเลคทรอนนิคและระบบมัลติวาล์ว อีกทั้งรถยนต์ที่ติดเครื่องฟอกไอเสีย @ มีคุณสมบัติเหนือมาตรฐาน API SL/CF, ACEA A2-96,A3-98,B2-98, Mercedes Benz 229.1&228.1, BMW ,Porche,Volkswagen จากคุณ : ป๋า เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 54 23:46:48 A:183.89.180.130 X: TicketID:110672

ความคิดเห็นที่ 12 คห 5. คุณ ton99 ถ้าคุณต้นแยกได้ว่า VI 30 50 ต่างกัน ด้วยการดึงก้านน้ำมันเครื่องออกมา ผมว่า คุณเข้าใจอะไรผิดแล้ว ไหนลองอธิบายให้ผมฟังสิครับ มันต่างกันอย่างไร ? ดึงมาแล้ว 50 มันต่างกัน 30 ตรงไหน ? ทำไมถึงรู้ว่า 50 ทำไมถึงรู้ว่า 30 ? จากคุณ : Crayonz เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 54 09:29:22 A:101.108.175.88 X: TicketID:158059

ความคิดเห็นที่ 13 ยอมรับตามตรงว่าผมไม่สามารถแยกเบอร์น้ำมันเครื่องได้ออกจริง ๆ นอกจากเติมเองใช้เองถึงรู้ว่าคันไหนเบอร์อะไร รบกวนขอความรู้คุณต้นด้วย จากคุณ : sittiporn เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 54 10:34:12

ความคิดเห็นที่ 14 เออ ดูยังไง สีมันก็เหมือนๆกัน จะดูความหนืด จับดู ดูด้วยตา มันก็แยกไม่เห็นออก ที่บอกว่าแยกออกน่ะเคยทำไหมครับ มันไม่ได้หนืดในลักษณะที่ว่าดูออกถึงความต่างเลยนะ จากคุณ : เทียน่าที่รัก เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 54 11:27:01 A:118.172.212.213 X: TicketID:314888

ความคิดเห็นที่ 15 เอ่อ ผมว่าน้ำมันเครื่อง 30,40,50 นี่ดูง่ายจะตายไปครับ งงทำไมถึงแยกกันไม่ออก ง่าย ๆ คุณลองเอานิ้วจิ้มน้ำมันเครื่องของคุณแล้วปล่อยให้มันหยด ถ้ามันหยด ติ๋งๆ ถี่ ๆ เค้าเรียกว่าน้ำมันเครื่องแบบใส ถ้าน้ำมันเครื่องเบอร์สูงกว่านี้อัตรการหยดมันก็จะช้ากว่า ยิ่งสูงก็ยิ่งหนืด ผมว่ามัน make sense จะตายเรื่องการดูน้ำมันเครื่อง 30,40,50 เพราะทางกายภาพมันต่างกันอย่างชัดเจน - 30 เริ่มต้นใสกว่าใครเค้า เมื่อเริ่มใช้งานไปเรื่อยความร้อนสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนเกิน spec เช่นขับรอบจัดเกินไปอะไร มันก็จะใสมากกว่าเดิมจนขาดคุณสมบัติการปกป้องที่ดีได้ ถ้าขับเร็วติดต่อกันอาจจะเห็นอาการเร่งไม่ค่อยออกตอนใช้ความเร็วได้ -40 เริ่มต้นก็จะหนืดกว่า 30 พอสังเกตได้ ต่อเมื่อขับไปซักพักมันก็จะใสขึ้น ถ้าขับปกติอัตรเร่งจะแพ้พวก 30 แต่เมื่อขับเร็ว ๆ ติดต่อกันจะตอบสนองอัตราเร่งที่ความเร็วสูงได้ดีกว่าพวก 30 - 50 เริ่มต้นหนืดว่า 30 แบบชัดเจนมากมาย (คือ 30 อีกนิดมันก็จะใสเป็นน้ำแล้วครับ) เมื่อเริ่มออกตัว อืดอาดกว่า 2 แบบแรกพอสมควรแบบรู้สึกได้ แต่เมื่อขับด้วยรอบจัด ๆ ต่อเนื่องไปซักระยะก็จะเริ่มถึงอุณภูมิการทำงานที่ส่งผลประสิทธิภาพของมัน เพราะน้ำมันจะใสขึ้น ที่อุณภูมิระดับนี้ พวก 30 และ 40 อาจจะตื้อแล้วก็ได้ แต่ที่ความร้อนสูง ๆ เบอร์ 50 ก็จะปกป้องได้ดีกว่า ให้ film น้ำมันที่หนากว่า ทำให้อัตราเร่งที่รอบจัดสามารถทำได้อย่างต่อเนื่อง เรื่องความรู้หรือมาตรฐานต่าง ๆ ที่เขียนมาผมว่ามันก็เป็นความรู้ที่ดีนะครับ แต่ผมอยากให้สรุปกันไปเลยว่าหากจะไปซื้อน้ำมันเครื่องมาใช้ให้มันเหมาะสมกับสภาพรถของเรานี่มันต้องดูอะไรอย่างไรบ้าง เพราะการเอา spec เอาตัวเลขสารพัดมานั่งคำนวนแล้วซื้อมันก็คงจะดูแปลก ๆ คือผมอยากให้จำกัดความไปเลยว่า ตัวเลขที่เห็นนั้นน่ะ สำหรับบ้านเราเมืองเราแล้วควรจะดูที่ตัวไหน จากคุณ : จขกท เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 54 12:21:27 A:58.10.124.85 X: TicketID:228018

ความคิดเห็นที่ 16 15 มันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ ถ้าผมขับรถมาจอดตรงหน้าคุณ ๆ ดึงไม้วัดมาดูตอบได้เลยเหรอ ? จากคุณ : sittiporn เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 54 13:52:32

ความคิดเห็นที่ 17 คำตอบของเจ้าของกระทู้ทำให้ผมรู้ว่า คุณเข้าใจสับสนเรื่อง ความหนืด แรงเสียดทานของน้ำมัน และ VI ผิด VI คือ ตัวบอกความสามารถในการรักษาค่าความหนืด ยิ่งมาก ก็แสดงว่า จะเปลี่ยนความหนืดไปน้อยตามอุณหภูมิ VI มาก แม้ว่าจะมีแนวโน้มว่า หนืดกว่า แต่ก็ไม่ได้แปลว่า น้ำมันที่ถูกจัดให้มี VI เท่ากัน จะหนืดเท่ากัน ก็ไม่แปลกถ้าใครจะเห็น VI 30 ของยี่ห้อหนึ่ง มีค่า ความหนืด เท่ากับ VI 50 ของอีกยี่ห้อหนึ่ง หรือ แม้กระทั่งยี่ห้อเดียวกันเอง แต่คนละสูตร VI 40 เหมือนกัน ใช่ว่าจะดูว่าหนืดเท่ากัน น้ำมันเครื่อง0W-40 จะมีค่า VI เท่ากับ 0 ที่ -18องศาเซลเซียส แต่ที่ อุณหภูมิทำงานช่วง 40 -100 องศาเซลเซียส จะมี VI 40 ไม่ได้บอกว่ามันหนืดเท่าไหร่นะ อ่านดี ๆ ครับ เพราะถ้าคุณดูมันตอนที่ 0 F หรือ-18องศาC VI เป็น 0 น่ะ มันจะดูหนืดเหมือนน้ำผึ้งเลย จะเข้าใจไหมหว่า ต่อนะ มันมีกฎของไหลอยู่ครับ ผมไม่รู้จะพิมพ์สูตรคำนวนอย่างไร ไปอ่านเอาในความเห็นผมบน ๆ มีหนังสือให้อ่าน อ่านดูจะพบว่า VI (ไม่ใช่ความหนืดนะ) มาก Friction จะต่ำ VI น้อย Friction จะสูง เพราะนั่นหมายถึง น้ำมันเครื่อง บาง กับ หนา ยิ่งบาง ยิ่งมีแรงเสียดทานสูง ไปอ่านเอา เรื่องการทดลองเกี่ยวกับแรงม้า แรงบิด ไปหาดูสิครับ ไม่มีใครในโลกบอกหรอกว่า ให้ใช้ VI ต่ำ ๆ เพื่อแรงม้าดี เร่งดี Friction มันเป็นอีกเรื่อง ต้องมีสูตรทางเคมีต่าง ๆ มาปรับปรุง ไม่ใช่ VI หรือถ้าหาเจอ บอกผมหน่อย ถ้าผมผิด ก็ว่ามาแล้วกันครับ ผมจะได้รู้ว่าที่เขาไปเรียน Hydro Mech กันน่ะ มันมั่ว จากคุณ : Crayonz เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 54 14:04:24 A:101.108.175.88 X: TicketID:158059

ความคิดเห็นที่ 18 ตกเรื่อง Friction ไป Friction ของ oil กับ Friction ของแหวนลูกสูบกับเสื้อสูบ ก็คนละอันกัน ถ้าใครเคยเรียนสมัยเด็ก ๆ ที่ครูจะเอา หลอดแก้วทรงสูง ใส่น้ำมันเครื่อง ลงไป แล้วหยอดลูกเหล็กกลม จับเวลา ทำการหา Viscosity นะครับ หรือมันก็คือ แรงเสียดทานการไหล แต่เวลาวัตถุ โลหะสองชนิด เสียดทานกัน แล้วมีน้ำมันเครื่องต่างชนิดกัน มาหล่อลื่น ก็จะเรียกว่า แรงเสียดทานกลของวัตถุ จากคุณ : Crayonz เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 54 14:18:08 A:101.108.175.88 X: TicketID:158059

ความคิดเห็นที่ 19 เรื่อง Viscosity Index ผมเข้าใจดีครับ ผมไม่ได้มีประเด็นเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้เลยครับ แรงเสียดทานมากก็ต้องใช้พลังงานในการขับเคลื่อนมาก แรงเสียดทานน้อยก็ใช้พลังงานในการขับเคลื่อนน้อยกว่า หรือพลังงานเท่ากันก็จะไปได้ไกลกว่า เป็นเรื่องทางฟิสิกส์ง่าย ๆ โดยทั่วไปความหนืดของน้ำมันจะลดลงเมื่ออุณภูมิสูงขึ้น เลยเกิดมาตรฐาน VI ขึ้นมา ความหนืดกับโมเลกุลของ base oil และความหนาของ flim เกี่ยวข้องกันอย่างชัดเจน ผมว่าประเด็นนี้เป็นที่เข้าใจกันอย่างแพร่หลายนะครับซึ่งไม่น่าจะเป็นประเด็น แต่ที่มันเป็นประเด็นเลยคือ ทำไมถึงแยกความแตกต่างระหว่างน้ำมันเบอร์ 30,40,50 ไม่ได้ ง่ายที่สุดเลยทำไมส่วนใหญ่จึงแนะนำให้เบอร์ 50 กับรถเครื่องหลวมหรือรอบจัด ? มันเกี่ยวข้องกับความหนืดมั้ย ? หรือต้องทดลองจากห้อง lap จึงจะเห้นความแตกต่าง จริงเหรอ? ความหนืดในทางกายภาพของน้ำมันของเบอร์ 30,40,50 มันเหมือนกันจนกระทั่งต้องทดสอบในห้อง lap เลยจริงหรอ? ทำไมน้ำมันเบอร์ 30 ถึงเป็นไอได้ง่าย ซอกซอนเข้าซอกเล็กซอกน้อยของเครื่องยนต์ได้ทั่วถึงดีกว่าเบอร์ 40 ,50 หรือว่าเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องโกหก และไม่เกี่ยวข้องกับความหนืดและความใส ? อย่าเอาเข้าเรื่องค่า VI เลยนะ เพราะผมว่ามันจบไปแล้ว คุณกำลังอธิบายในเรื่องที่คนส่วนใหญ่เค้าเข้าใจกันอยู่แล้ว เอาเป็นว่า 30.40,50 ในความคิดของคุณเนี่ยมันคืออะไร จะเอามันมาใช้งานในกรณีไหนได้บ้าง ถ้าเครื่องคุณหลวมคุณจะเอาแบบไหน , ถ้าต้องการอัตราเร่งดี ๆ คุณจะเอาแบบไหน อย่ามาบอกนะครับว่าเรื่องพวกนี้ไม่เกี่ยวกับน้ำมันเครื่อง จากคุณ : จขกท เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 54 14:34:25 A:58.10.124.85 X: TicketID:228018

ความคิดเห็นที่ 20 อธิบายไปหมดแล้ว จขกท ยังไม่เข้าใจอีก ผมก็จนปัญญาครับ ที่VI กับ Viscosity มันคนละค่ากันครับ ไม่ใช่ 30 จะดูลื่นกว่า หนืดน้อยกว่า 50 ถ้าอย่างนั้นคุณอธิบาย VI 0 กับ 50 ให้ผมหน่อยสิ ? จากคุณ : Crayonz เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 54 14:43:29 A:101.108.175.88 X: TicketID:158059

ความคิดเห็นที่ 21 เอ่อ Viscosity index ไม่ใช่ VI มันเป็นมาตรฐานโลกไหนอ่ะครับผม ด้วยความเคารพ ผมว่าคุณเข้าใจสิ่งที่ผมสื่อผิดไปหรือเปล่าครับ คุณพยายามโยงเข้าเรื่อง VI ตลอด มันเข้าใจยากหรอ? ค่า VI มาก ความหนืดจะเปลี่ยนแปลงน้อย VI น้อย ความหนืดก็จะเปลี่ยนแปลงไปมาก โดยอยู่บนพื้นฐานของอุณหภูมิที่ใช้ทดสอบ เกรด 30 ,40,50 จะมีค่า VI สูงต่ำสลับกันมันก็ไม่แปลก เพราะขึ้นอยู่กับการออกแบบน้ำมันของบริษัทนั้น ๆ แต่ประเด็นของผมเลยคือ ลักษณะทางกายภาพของน้ำมัน 30,40,50 มันดูไม่ออกเลยหรอ ? ผมถึงอยากฟังทัศนะของคุณเกี่ยวกับเรื่องนี้ รวมถึงสิ่งที่ผมถามก่อนหน้านี้ด้วยอ่ะครับ ผมอยากทราบว่าคุณมีความเข้าใจว่าอย่างไร จากคุณ : จขกท เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 54 15:04:25 A:58.10.124.85 X: TicketID:228018

ความคิดเห็นที่ 22 ///// ถ้าคุณต้นแยกได้ว่า VI 30 50 ต่างกัน ด้วยการดึงก้านน้ำมันเครื่องออกมา ผมว่า คุณเข้าใจอะไรผิดแล้ว ไหนลองอธิบายให้ผมฟังสิครับ มันต่างกันอย่างไร ? ดึงมาแล้ว 50 มันต่างกัน 30 ตรงไหน ? ทำไมถึงรู้ว่า 50 ทำไมถึงรู้ว่า 30 ? ///// VI ของคุณนี่ คุณเขียนผิด  หรือว่าย่อมาจาก  Viscosity Index เท่าที่ผมเข้าใจความหมายของคุณ  น่าจะหมายถึงเบอร์ท้าย 30 กับ 50 มากกว่า เพราะน้ำมันเครื่องที่มี Viscosity Index 30 กับ 50 ผมไม่เห็นมีขาย ถามว่าแยกกันได้ยังไง  ก็ต้องตอบว่ามันข้นใสต่างกัน สำหรับคุณอาจจะมองแล้วแยกไม่ได้  แต่สำหรับพวกผมไม่ใช่ปัญหาครับ จากคุณ : ton99 เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 54 15:08:38

ความคิดเห็นที่ 23 เรื่องของเรื่อง เท่าที่ลองใช้คือ น้ำมันเครื่องที่เลขน้อยๆ พวกนี้ เวลาขับ มันไม่ค่อยมันส์เท่าไหร่ แรงบิดมันน้อยกว่า แบบรู้สึก ได้ จริงอยู่ว่า เหยียบลื่นขึ้น แต่ ... เวลามีโหลด รอบมันก็ตกง่าย ขึ้นด้วย ยิ่งวิ่งขึ้นเขา ผมว่ายิ่งชัด จากคุณ : สยึมกึ๋ย เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 54 15:10:55

ความคิดเห็นที่ 24 Viscosity index = VI = ดัชนีการเปลี่ยนแปลงความหนืดเมื่ออุณหภูิมิเปลี่ยน มันไม่ได้บอก ความหนืด หรือ Viscosity เฉย ๆ วิธีการคำนวนว่าของเหลวนั้นจะ มี VI เท่าไหร่ เขาทำกันโดยการเปรียบเทียบว่า เมื่อ 40 องศา มีความหนืดเท่าไหร่ และ 100 องศา เปลี่ยนไปมากหรือน้อยเท่าไหร่ ถ้าเปลี่ยนมาก เขาจะให้ VI ต่ำ ถ้าเปลี่ยนน้อย เขาจะให้ VI สูง จากคุณ : Crayonz เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 54 15:11:03 A:101.108.175.88 X: TicketID:158059

ความคิดเห็นที่ 25 ตัวเลข multi grade หรือ single grade เช่น 0w-30 เค้าเรียกว่าค่า S.E.A ครับไม่ใช่ VI จากคุณ : จขกท เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 54 15:13:03 A:58.10.124.85 X: TicketID:228018

ความคิดเห็นที่ 26 ตามที่คุณ ton99 บอกไว้นั่นแหละครับตรงประเด็นสิ่งที่ผมต้องการจะสื่อมากที่สุด เช่นเดียวกับคุณสยึมกึ๋ยเลยครับ ผมถึงพยายามจะบอกว่าจริง ๆ แล้วน้ำมันเครื่องที่เราเลือกใช้มันต้องเหมาะสมกับการใช้งานและขับขี่เป็นประจำของเราด้วย ไม่งั้นมันจะมีหลาย ๆ เกรดทำไม จากคุณ : จขกท เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 54 15:18:36 A:58.10.124.85 X: TicketID:228018

ความคิดเห็นที่ 27 SAE กำหนด VI ครับ เขามีมาตรฐานการคำนวณ จากคุณ : Crayonz เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 54 15:21:50 A:101.108.175.88 X: TicketID:158059

ความคิดเห็นที่ 28 แก้ไขนะครับพิมพ์สลับกันไม่ใช่ S.E.A แต่เป็น S.A.E และค่า S.A.E ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับ VI เลยครับ จากคุณ : จขกท เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 54 15:29:05 A:58.10.124.85 X: TicketID:228018

ความคิดเห็นที่ 29 นี่ผมต้องไป Link จาก SAE .ให้อ่านรึเปล่าครับ ? ที่คุณบอกว่า อะไรหนืด อะไรข้น มันคือ Viscosity ไ่มใช่ Viscosity Index หรือ VI แต่อย่างใด บังเอิญว่า วิธีโง่ ๆ ที่สุดที่นักเคมีคิดได้ในการเพิ่มความหนา สมัยเก่า ๆ เขาทำให้มันข้นครับ เพื่อลดการบางของน้ำมันเครื่อง น้ำมันเครื่องเบอร์ใหญ่ เลยดูข้นกว่า เหนียวกว่า แต่สมัยใหม่ เขาใช้การสังเคราะห์เคมี เพื่อความแข็งแรงทางโครงสร้าง และยังรักษาความหนืดให้ไม่เปลี่ยนแปลงต่ออุณหภูมิได้ โดยไม่ได้ดูข้นขึ้น ที่คุณบอกได้ คงเป็นเรื่อง ความหนืด ไม่ใช่ ค่า VI (Viscosity Index) และมันไม่ได้สัมพันธ์โดยตรงกับ Mechanical Friction ของEngine แต่มันผกผันกัน แต่ก็อีกครับ ปัจจุบันเทคนิการสังเคราะห์น้ำมัน ทำให้น้ำมันนั้น จะลื่น จะหนืด ก็มีแรงเสียดทานทางกลต่ำด้วย จากคุณ : Crayonz เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 54 16:13:23 A:101.108.175.88 X: TicketID:158059

ความคิดเห็นที่ 30 เอ้าดู พิมพ์แล้วก็เพลิน -------------------------------------------------------------- ที่คุณบอกได้ คงเป็นเรื่อง ความหนืด ไม่ใช่ ค่า VI (Viscosity Index) และมันไม่ได้สัมพันธ์โดยตรงกับ Mechanical Friction ของEngine ------------------------------------------------------------------ ไอ้ที่ผกพันกลับคือ บาง กับ หนา ที่เขียนไว้แล้ว บังเอิญว่า ทำให้หนาให้บาง น้ำมันเครื่องเก่า ๆ ยังใช้วิธีที่ทำให้มีผลกับความหนืดด้วยครับ จากคุณ : Crayonz เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 54 16:47:49 A:101.108.175.88 X: TicketID:158059

ความคิดเห็นที่ 31 หยุดเรื่อง VI ได้แล้วครับ คุณไปตอบคำถามผมก่อน ผมอยากรู้ความรู้ของคุณครับ 30,40,50 คุณจะแนะนำให้คนอื่นใช้ คุณจะดูจากอะไรบ้างครับ ทั้งรถเก่า รถใหม่ และรถแรงแต่งซิ่ง ตอบตรงนี้ clear ผมจะต่อเรื่อง VI กับคุณต่อครับ เพราะนอกประเด็นไปไกลมากแล้ว จากคุณ : จขกท เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 54 18:25:33 A:124.122.206.134 X: TicketID:228018

ความคิดเห็นที่ 32 ตกลง VI 30 50 ของคุณมันคืออะไรครับ  คุณต้องชี้แจงตรงนี้ให้ชัดเจนก่อน ไม่งั้นคุยกันงงตายครับ เพราะคนที่อ่าน  เขาเข้าใจกันว่าคุณเขียนไว้ผิด ผมคนนึงที่เข้าใจว่า VI ของคุณ มันไม่ใช่ Viscosity Index เพราะน้ำมันเครื่องที่มี Viscosity Index 30 กับ 50 มันไม่มีในท้่องตลาด มันมีแต่ SAE Viscosity Grade 30 กับ 50 จากคุณ : ton99 เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 54 19:57:20

ความคิดเห็นที่ 33 ผมว่า คุณ crayonz เข้าใจผิดครับ VI คือ Viscousity Index ที่พูดๆกันว่า เบอร์ 30 40 50 คือ Viscousity Viscousity Index คือตัวชี้ว่า  ถ้าร้อน หรือ เย็น "จะเปลี่ยนแปลงยังไง" Viscoucity คือตัวชี้ว่า ที่ อุณหภูมิตามทีกำหนด  น้ำมันมีความข้นใส "แค่ไหน" แก้ไขเมื่อ 10 ส.ค. 54 21:05:39 จากคุณ : ถัง เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 54 21:04:32

ความคิดเห็นที่ 34 ย้อนกลับไปอ่านอีกที == ความคิดเห็นที่ 17   คำตอบของเจ้าของกระทู้ทำให้ผมรู้ว่า คุณเข้าใจสับสนเรื่อง ความหนืด แรงเสียดทานของน้ำมัน และ VI ผิด VI คือ ตัวบอกความสามารถในการรักษาค่าความหนืด ยิ่งมาก ก็แสดงว่า จะเปลี่ยนความหนืดไปน้อยตามอุณหภูมิ VI มาก แม้ว่าจะมีแนวโน้มว่า หนืดกว่า แต่ก็ไม่ได้แปลว่า น้ำมันที่ถูกจัดให้มี VI เท่ากัน จะหนืดเท่ากัน ก็ไม่แปลกถ้าใครจะเห็น VI 30 ของยี่ห้อหนึ่ง มีค่า ความหนืด เท่ากับ VI 50 ของอีกยี่ห้อหนึ่ง หรือ แม้กระทั่งยี่ห้อเดียวกันเอง แต่คนละสูตร VI 40 เหมือนกัน ใช่ว่าจะดูว่าหนืดเท่ากัน == อ่านคห.นี้ ผมว่า คุณ crayonz ก็น่าจะเข้าใจถูกแล้ว เดี๋ยวผมขอนั่งอ่านละเอียดๆ ก่อนละกันครับ ตาลาย ไม่ได้เจอกระทู้ยาวๆ มานาน จากคุณ : ถัง เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 54 21:12:31

ความคิดเห็นที่ 35 ผมขอสรุปอีกครั้งครับผม คือว่ามีบางท่านบอกมาว่าไม่สามารถแยกน้ำมันเบอร์ 30,40,50 ออก ผมเลยสงสัยว่าทำไมถึงแยกไม่ออก ทั้ง ๆ ที่น้ำมันมีลักษณะทางกายภาพต่างกันอย่างชัดเจน จากนั้นมาก็เริ่มเข้าสู่ประเด็น VI กันเลย ซึ่งผมคิดว่าท่านที่สนใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีน้ำมันเครื่องต้องรู้กันอยู่แล้ว ซึ่งผมก็สรุปไปแล้วข้างต้นว่า " VI มาก ความหนืดจะเปลี่ยนแปลงน้อย VI น้อย ความหนืดก็จะเปลี่ยนแปลงไปมาก โดยอยู่บนพื้นฐานของอุณหภูมิที่ใช้ทดสอบ เกรด 30 ,40,50 จะมีค่า VI สูงต่ำสลับกันมันก็ไม่แปลก เพราะขึ้นอยู่กับการออกแบบน้ำมันของบริษัทนั้น ๆ " ซึ่งก็น่าจะจบได้แล้ว แต่ยังไม่จบ ผมก็พยายามอยากจะให้กลับเข้าประเด็น เพราะในส่วนนี้น่าจะเป็นประโยชน์กับคนที่จะเลือกซื้อมากกว่า ประเด็นนั้นก็คือ ค่า S.A.E ตัวเลขที่เขียนบนฉลากนั้นว่าเราควรจะเลือกซื้อให้เหมาะสมกับรถเราอย่างไร และที่ถกกันอีกอันคือการที่มีบางคนบอกว่าไม่สามารถแยกแยะน้ำมัน 30,40,50 ได้ มันก็เลยเกิดคำถามจากผมอีกว่า - น้ำมันเกรด 30 ที่มีคุณสมบัติแทรกซึม หล่อลื่นไปยังส่วนเล็กส่วนน้อยได้ดี และอีกทั้งยังระเหยได้เร็วและง่าย ลักษณะอย่างนี้เป็นเพราะมันใสใช่หรือไม่ - น้ำมันเกรด 50 ในกรณีที่แนะนำให้ใช้กับเครื่องยนต์ที่มีสภาพหลวมก็เพราะน้ำมันเกรดนี้ลักษณะทางกายภาพมีความข้นหนืดสูง จะช่วยไปอุดตามช่องว่างต่าง ๆ ทำให้กำลังอัดสูงขึ้น และช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้สมบูรณ์มากขึ้น มันเป็นเพราะน้ำมันเบอร์ 50 ข้นและหนืดมากว่า 30 ใช่หรือไม่ ถ้าใช่ผมเลยสงสัยว่าทำไมถึงแยกไม่ออก ทั้ง ๆ ที่มันต่างกันอย่างชัดเจน แต่ล่าสุดก็ยังมีการแย้งมาอีกว่าด้วยเทคโนโลยีปัจจุบันทำให้ 30,40,50 มีลักษณะไม่แตกต่างกัน ผมยิ่งงงอย่างหนักหน่วงเพราะเห็นกับตาว่าเบอร์ 30และ50 มันต่างกันมากมาย จากคุณ : จขกท เขียนเมื่อ : 11 ส.ค. 54 00:05:36 A:124.122.206.134 X: TicketID:228018