ความคิดเห็นที่ 1 ปลื้มด้วยคนคับ  จุ๊บๆๆๆ จากคุณ : โนบิตะ.com เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 54 11:05:27

ความคิดเห็นที่ 2 ม๊ะะะะะ     ขอกอดที จากคุณ : JKOONG เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 54 11:08:43

ความคิดเห็นที่ 3 ปลื้มคุณโน๊ตด้วยคนครับ ในฐานะขี่ KSR เหมือนกันครับ แหม.. ไม่ได้เข้า KSR Thailand ซะนานแล้ว ไม่รู้เป็นไงกันบ้าง จากคุณ : nufc_s เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 54 11:18:45

ความคิดเห็นที่ 4 สุดยอดครับ คุณผู้หญิงอิอิ ไม่ค่อยเห็นผู้หญิงขี่ มอเตอร์ เก่งครับ จากคุณ : badboy_tum เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 54 11:22:16

ความคิดเห็นที่ 5 ปลื้มอ่ะ นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่เนี่ย 55+ ขอบคุณคุณ เตี้ย ล่ำ ดำ แก่ และสมาชิกรัชดามากค่ะ ที่แอบปลื้มรถคันเล็กๆ แบบเรา จริงๆ ก็พึ่งเข้ามาสมัครเป็นสมาชิก pantip ได้ไม่ถึงปี อีดำ คือรถและมอไซค์คันแรกในชีวิต ตั้งความฝันไ้ว้ว่าจะพามันไปให้ทั่วไทย(ถ้ามีโอกาส ก็อยากพามันไปทุกจังหวัด) ก็ได้อาศัยเพื่อนฝูงเหละค่ะใครมีทริปไหนก็ขอให้มาชวน ที่ไหนที่ยังไม่เคยไป ก็จะตั้งใจเป็นพิเศษ เลขไมค์ผ่าน หลัก 66666 ไปแล้วที่หัวหินกับทริปชุมพรที่ผ่านมา เมื่อมีโอกาสก็ขอใช้ชีิวิตให้คุ้ม อนาคตอาจจะมีภาระจนไม่ได้วิ่งตามความฝันแล้วก็ได้ จากคุณ : สุ ส า น แ ม่ ม ด เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 54 11:43:37

ความคิดเห็นที่ 6 ผู้หญิงเก่ง ผมผู้ชายแท้ๆ ยังใจไม่กล้าพอที่จะทำเลยอะ นับถือ!!!! จากคุณ : n0ize เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 54 11:48:57 A:223.205.191.120 X: TicketID:280170

ความคิดเห็นที่ 7 อย่าลืม คุณ "ไออิ ปีกทอง" ด้วย อีก 1 คนครับ ^^ จากคุณ : ใต้ร่มเงาขาว-กรมท่า เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 54 11:52:21

ความคิดเห็นที่ 8 ^ ^ อ่าน แล้ว โดน มากครับ   ฝันเดียวกัน ครับ อยากจะพา มอไซด์ ที่เรารัก  ไปให้ทั่วไทย อีดำ ของ คุณ สุ ส า น แ ม่ มด  กับ เจ้าแดง  ของผม  ( คันแรก ในชีวิตที่เป็นชื่อผม เหมือนกัน )  7 ปีแล้ว  ยังร่วมทางกันจน ทุกวันนี้  ^  ^  จากคุณ : เตี้ย ล่ำ ดำ แก่ เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 54 11:53:02

ความคิดเห็นที่ 9 จขกท. ถ้าปลื้มเสาร์ที่ 3 นี้ไปดูคุณสุสานแข่งที่สนาม BRC หลังซีคอนซิครับ จากคุณ : Ride or Die ! เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 54 12:23:28

ความคิดเห็นที่ 10 @แม่มด ว่าแต่เสาร์นี้ลงอะป่าวจ๊ะ จากคุณ : Ride or Die ! เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 54 12:25:03

ความคิดเห็นที่ 11 ชวนไปออกทริปสิแต็ก ...เชียร์ๆ จากคุณ : nasay เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 54 12:58:40

ความคิดเห็นที่ 12 แหมมมมม ทีเราแอบปลื้มอยู่ตั้งนาน ยังไม่รู้ตัวอีกกกกก จากคุณ : PooLuu เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 54 13:02:42

ความคิดเห็นที่ 13 แ่ห่ะ เสาร์นี้ว่าจะไม่แข่งค่ะ ร่างกายไม่พร้อม พักผ่อนไม่เพียงพอมาหลายสัปดาห์ติด ให้โอกาส น้องๆ เลดี้รุ่นใหม่ ได้ลงไปคว้าถ้วยกลับบ้านกันบ้าง (จริงๆ ว่าจะวางมือไม่แข่งละ) แต่ก็ยังจะไปยืนเชียร์ขอบสนามเหมือนเดิมค่ะ ว่าแต่คุณ PooLuu มัวแต่แอบก็ไม่รู้นะสิ่ค๊ะ เห็นมา + คะแนนถูกใจ ให้เรื่อย 55+ จากคุณ : สุ ส า น แ ม่ ม ด เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 54 13:33:34

ความคิดเห็นที่ 14 Save!?! จากคุณ : 11กุมภา (ElevenFeb) เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 54 13:53:55

ความคิดเห็นที่ 15 อ้าว เป็น นักแข่งหรอครับ เนี่ย สุดยอดเลย สงสัย ต้องให้มาสอน วิชา บ้างนะครับ แฮ่ๆ ขี่รถ ปูๆ ปลาๆ มาก =____=' เีดี๋ยว จะตามไปขอลาย เซ็นต์  ว่าแต่ จะทราบได้งัย ว่าคนไหน คือ คุณ  สุ ส า น แก้ไขเมื่อ 31 ส.ค. 54 14:17:09 จากคุณ : เตี้ย ล่ำ ดำ แก่ เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 54 14:14:56

ความคิดเห็นที่ 16 มีคนแอบปลื้มเจ้ ด้วย อิ อิ อิ เลขไมค์ผ่าน หลัก 66666 ไปแล้ว แล้วเลขอื่น ผ่าน หลักสี่หรือยังเจ้ จากคุณ : srich เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 54 14:22:54

ความคิดเห็นที่ 17 ขอบคุณมากค่ะ ที่ปลื้มก้อคงจะอุดมการเดียวกันกับพี่ ๆ ทุกคนค่ะคือเป็นของคู่กายไปแล้วไม่ว่าจะไปไหนรู้สึกว่าราคาที่เราซื้อกับสิ่งที่ได้จากรถคันนี้เทียบกันไม่ได้เลยทั้งประสบการณ์ต่าง ๆ ด้วย รถคันนี้ พาเสาร์ไปในที่ๆ ไม่เคยเห็นไม่เคยไป ตลอดเวลา 4 ปีกว่าที่ผ่านมาแต่ทุกวันนี้ก็ยังคิดอนากขี่ข้ามประเทศแต่ขาดปัจจัยกับเวลา<ถ้ามีสปอนเซอร์>คงดีไม่น้อย แต่เสาร์ก้อแอบปลื้มพี่ผู้หญิงเหมือนกันนะเก่งจังแอบติดตามผลงานอยู่ห่าง ๆ ปล.ว่าแต่รู้ได้เนี๊ยะว่าไมล์เค้าแสนกว่า จากคุณ : bike is my life เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 54 14:30:49

ความคิดเห็นที่ 18 nasay  :   น้าดล  ก็อยากชวน คุณ สุ ส า น ฯ  มาร่วม แจม ทริป ด้วยเหมือนกัน ครับ   คงจะสนุก ดี   แต่ว่า ขี่ KSR คงประสบการณ์เยอะมาก   ทั้งในเรื่องการท่องเที่ยว การขับขี่  การจัดกิจกรรม คงต้องขอ คำแนะนำดีๆ จาก คุณ สุ ส า น บ้าง นะครับ ป.ล. เคย แจม กลุ่ม KSR เขามืออาชีพ ในการ ออกทริป และ ขับขี่ มากๆๆ จากคุณ : เตี้ย ล่ำ ดำ แก่ เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 54 14:31:30

ความคิดเห็นที่ 19 คห 15 จำตรงรองเท้าครับ จากคุณ : add_2495 เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 54 14:36:41

ความคิดเห็นที่ 20 ไม่เคยเห็นหน้าค่าตาน้องทั้งสองคนนี้เลยครับ เห็นแต่ในบอร์ด แต่แอบปลื้มตามเค้าอยู่เหมือนกันนะ อิๆๆ... จากคุณ : แมงกุดจี่ (Mangkoodjee) เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 54 14:50:21

ความคิดเห็นที่ 21 สวัสดีครับ คุณ bike is my life นึกว่า จะไม่เห็นกระทู้เสียแล้ว ^ ^ เชื่อเหมือนกันครับ ว่า                    คุณค่าของรถ ไม่ได้อยู่ที่มูลค่าราคาของมัน  หากแต่อยู่กับ ความผูกพันธ์ที่ได้ร่วมฝ่าฟัน กันมา  ป.ล. เพราะแอบติดตาม อยู่ ห่างๆ ถึงได้รู้ว่า Click เหลือง วิ่งเกินแสนแล้ว ^ ^    ป ป.ล.  แต่งรถได้สวยมากครับ ชอบๆ  ผมดิ ขี่อย่างเดียว ไม่เคยแต่งเค้าเลย  จากคุณ : เตี้ย ล่ำ ดำ แก่ เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 54 14:54:18

ความคิดเห็นที่ 22 อัยยะ เด๋วนี้เจ๊โน๊ตมีแฟนคลับด้วย  555+ จากคุณ : JackTarO เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 54 14:56:50

ความคิดเห็นที่ 23 เข้ามาปลื้มด้วยอีกคน....เหอะ เหอะ จากคุณ : =Razzo= เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 54 15:06:36

ความคิดเห็นที่ 24 มายืนยันความไม่ธรรมดาของสาวผู้นี้  เธอได้ขี่เจ้ามดดำคันนี้ไปถึงประเทศลาวมาแล้ว แต่เรื่องราวผมดองใว้นานมากๆ อิอิ ไม่ได้รีวิวซักที จากคุณ : คนโสตฯไปรษณีย์ เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 54 15:06:50

ความคิดเห็นที่ 25 มาบอกว่าแอบปลื้มเหมือนกันครับ ในฐานะที่ใช้ไอ้ตัวเล็กเหมือนกัน แต่...ดันมีฝันเหมือนกันซ่ะอีก ผมก็ฝันว่าสักวันจะพาไอ้ตัวเล็กไปเที่ยวให้ทั่วไทยเหมือนกันครับ หวังว่าสักวันคุณสุสานแม่มดกับผมจะทำฝันให้เป็นจริงได้นะครับ ^__^ รูปข้างบนทะเบียนหักเหมือนของผมเลย จากคุณ : poshopboy01 เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 54 15:17:44

ความคิดเห็นที่ 26 บังเอิญจัง คุณเสาร์ bike is my life  โน๊ตก็ขี่อีดำมาสี่ปีเหมือนกัน (แต่เลขไมล์หลักแสนแล้วนี่สิ่ เรายังห่างอีกไกล) 2 กันยานี้ ก็ครบ 4 ขวบพอดี ได้มีโอกาสไปต่างประเทศครั้งแรกก็กับอีดำ กับ สหายร่วมทางนี่เหละค่ะ ลาวเหนือจรดอีสานบ้านเรา ตอนไปนี่ปัจจัยพร้อม เวลาพร้อม เพื่อนพร้อม แต่กลับมาโดน(นาย)ด่าเละ ลาพักร้อนไปหลายวันจัด 55+ จากคุณ : สุ ส า น แ ม่ ม ด เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 54 15:17:44

ความคิดเห็นที่ 27 คุณ poshopboy01 ป้ายทะเบียนงอเหมือนกันเลย มุดบ่อยมาก เวลาแบกสัมภาระและต้องตกหลุมบนถนนเนี่ย 555+ ที่กลับมาจากชุมพรนี่ก็มุดล้อไปอีกรอบ ก็ไขป้ายออกมากระทืบให้แบนดังเดิม ข้อดีของป้ายทะเบียนสแตนเลส คือมันดัดกลับมาได้นี่เหละ อิๆ **เสียดายกิ๊ฟหมดแล้ว** แก้ไขเมื่อ 31 ส.ค. 54 15:27:03 จากคุณ : สุ ส า น แ ม่ ม ด เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 54 15:19:37

ความคิดเห็นที่ 28 คนขี่ KSR นี่ไม่ธรรมดา หลายคนมากๆ  เลยนะครับ เท่าที่เคยอ่านทริปมา KSR กับ Vespa นี่เทพมากๆ   กลุ่ม Click ก็ใช่ย่อย เพื่อนผม ขี่ KSR ก็ไปมาหมดแล้ว  ไทย - ลาว - เวียดนาม - มาเลย์เซีย  ด้วย KSR นี่แหล่ะ เพื่อนขี่ KSR อีกคน  ซัดทริปเดียว   เชียงคาน - กัวลาลัมเปอร์ - เชียงคาน  ทริปเดียว เกือบ 5 พันกิโล นี้ยังมาเจอหญิงเก่ง อย่าง คุณ สุ ส า น อีก คุณ bike is my life ก็ด้วยครับ ^ ^ จากคุณ : เตี้ย ล่ำ ดำ แก่ เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 54 15:37:37

ความคิดเห็นที่ 29 รูปข้างบนผมกำลังจะไปเชียงคาน ไป 2 คน 1 คัน Y^Y คือผมชอบไฟท้ายเดิมๆ มันก็เลยต้องมุดอย่างนี้ ตอนนี้ได้รับการแก้ไขแล้ว ไม่กลับมาามุดอีกเลย (กิ๊ฟผมก็หมดไว้พรุ่งนี้ก็แล้วกันครับ) จากคุณ : poshopboy01 เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 54 15:43:57

ความคิดเห็นที่ 30 ติดตรงที่เป็นผู้ ญ นี่เหละ ทำให้ไปไหนมีข้อจำกัดไม่กล้าลุยเดี่ยวกลัวอันตราย ซ่อมรถก็ไม่เป็น แต่โชคดีมากๆที่ได้ KSR คันนี้ ไม่เคยง่องแง๊งให้เห็นเลยสักครั้ง คนถึงไหนรถถึงด้วย ถ้าเกิดมาเป็นผู้ชายนะ ลุยแหลกกก.. จากคุณ : สุ ส า น แ ม่ ม ด เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 54 15:51:08

ความคิดเห็นที่ 31 โฮ้ย คุณโน้ตเนี่ยเป็นแฟนคลับเธอมานานแล้ว แต่ไม่ได้ชอบเพราะรถที่ขี่ร้อก ชอบเพราะกินหนมจีนน้ำยาตีนไก่ตะหาก จากคุณ : รันตี เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 54 16:01:03

ความคิดเห็นที่ 32 จำได้ว่าเคยเห็นกระทู้ของพี่สุสานแม่มดตั้งนานแล้วว่าไปถึงลาวเก่งจังเสาร์ไปได้แค่หนองคายเองค่ะ ไกลสุดแล้วที่เหลือก้อขี่เที่ยวทั่ว ๆ ไปค่ะ จากคุณ : bike is my life เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 54 16:29:25

ความคิดเห็นที่ 33 โห...แข่งรถด้วย สุดยอดเลย...^0^ จากคุณ : Joie_Girl เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 54 16:34:31

ความคิดเห็นที่ 34 ความคิดเห็นที่ 30     ติดตรงที่เป็นผู้ ญ นี่เหละ ทำให้ไปไหนมีข้อจำกัดไม่กล้าลุยเดี่ยวกลัวอันตราย ซ่อมรถก็ไม่เป็น แต่โชคดีมากๆที่ได้ KSR คันนี้ ไม่เคยง่องแง๊งให้เห็นเลยสักครั้ง คนถึงไหนรถถึงด้วย ถ้าเกิดมาเป็นผู้ชายนะ ลุยแหลกกก.. จากคุณ : สุ ส า น แ ม่ ม ด ___________________________________________ ไปไหนมาไหนพกแฟนไปด้วยเลยครับ จะได้อุ่นใจปลอดภัย อิอิ จากคุณ : debta เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 54 17:38:59

ความคิดเห็นที่ 35 แอบอ่าน..อิอิ จากคุณ : dtkman (PAJAKARAT) เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 54 17:50:19

ความคิดเห็นที่ 36 เก่งครับ อึด ทนจริง ๆ เจ้สองคนนี้ bike is my life ตัวเป็น ๆ ยังไม่เคยเจอ เจ้ สุ ส าน แ ม่ มด บอกได้ว่า ตัวจริง น่ารักครับ นิสัยดี (เชียร์ออกนอกหน้า)ฮ่าฮ่า ผมก็ศิษย์เก่าKSRน๊ะเจ้ แต่ไม่อึด ไม่เก่ง เจ็บตรูดมากเวลาขี่ทางไกล จากคุณ : หยอครับ เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 54 17:57:14

ความคิดเห็นที่ 37 ออกทริปลุยกันสุดๆเลยนะครับแต่ละท่าน .. ว่าแต่ ksr ผมรถ 4 เดือนวิ่งแค่ 8 ร้อยโลอยู่เลย ฝนตกบ่อยไม่ค่อยได้ออกไปไหนเลย จากคุณ : ฟางกระจาย เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 54 18:40:37

ความคิดเห็นที่ 38 ดีๆเลยแต็ก อยากเห็นโปรๆขี่กันว่าเป็นไง ขอแค่ผมเอาหนูดีคลานตามสักแป็บนึงก็พอ วันไหนไปเชียร์ที่ขอบสนามโทรชวนด้วย จะได้มีข้ออ้าง ... ฮา จากคุณ : nasay เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 54 19:08:27

ความคิดเห็นที่ 40 เคยเจอพูดคุยกับ คุณสุสานแม่มด รู้สึกได้ทันทีว่า เป็นคนจริงใจกับเพื่อนฝูง เป็นคนรักรถและดูแลรถในแบบมาตราฐานชั้นดีเยี่ยมเลยล่ะคับ บ้างคนมีแต่เงินไม่มีจิตวิญญาณ แต่เธอคือคนที่เจอคำตอบอันแท้จริงของสองล้อ   เสียดายผมอยากไปเที่ยวกับกลุ่มนี้มากมากแต่ เวลาไม่อำนวยเสียที ปกติไม่ชอบขี่รถกับใคร แต่มั่นใจว่าไปกับเธอคงรู้ใจ รถค่ายไหน กี่ซีซี มันไม่เกี่ยว รักชอบและแนวเดียวกัน เท่านั้นก็ใจใจแล้ว แก้ไขเมื่อ 31 ส.ค. 54 23:01:10 จากคุณ : PooLuu เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 54 19:19:01

ความคิดเห็นที่ 41 คนคอเดียวกัน มาชื่นชมด้วยคน ครับ จากคุณ : pk1997 เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 54 20:29:41

ความคิดเห็นที่ 42 PooLuu รู้ละว่าใคร 555+ ดีนะเคยเห็นรูปรถคันนี้ แม้จะเคยเจอกันแค่ครั้งเดียว นั่งคุยกันได้ไม่นานนัก แต่ถูกคอมาก รออยู่นะที่คุยกันไว้ จะได้ขออาศัยร่วมทางด้วยสักครั้ง ขอบคุณสองล้อที่พามาให้ได้พบเพื่อนที่มากขึ้นกว่าเดิม หลายร้อยคนเลย จากคุณ : สุ ส า น แ ม่ ม ด เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 54 20:54:13

ความคิดเห็นที่ 43 ถ้ามีเวลา + โอกาสคงได้ร่วมทริปกันนะคะคุณโน๊ต อยากไปไกล ๆ อีก เหมือนกันเอาแบบรวมแต่ผู้หญิง หน่ะ อิอิ จากคุณ : Play-girl (bike is my life) เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 54 21:08:46

ความคิดเห็นที่ 44 จัดสมนาคุณให้แฟนคลับด้วยภาพนี้ค่ะ จากคุณ : สุ ส า น แ ม่ ม ด เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 54 22:03:11

ความคิดเห็นที่ 45 ยินดีค่ะคุณเสาร์ ไว้หาโอกาสไปอัพเลขไมล์ด้วยกัน อิๆ จากคุณ : สุ ส า น แ ม่ ม ด เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 54 22:05:33

ความคิดเห็นที่ 46 ปลื้มจ้า จากคุณ : ไออิ (goldwing) เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 54 22:34:36

ความคิดเห็นที่ 47 โอ้โห  คห.44 เกิดเลย เจ๊แม่มด ต้องถือป้ายไฟกะชูสูงๆแล้วกรี๊ดๆๆครั้งแรก ก้อคราวนี้แหละ 5555 จากคุณ : โนบิตะ.com เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 54 23:11:12

ความคิดเห็นที่ 48 สวยอ่ะหุ่นดีด้วย โหวต ๆ จากคุณ : Play-girl (bike is my life) เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 54 23:13:10

ความคิดเห็นที่ 49 จัดเต็ม เลยนะครับ คุณ สุ ส า น แ ม่ ม ด  ^  ^ ชุดแข่งสะด้วย   2 สาวชวนกันเอง สะแล้ว  ไม่ชวน ผม บ้างเลย อุตส่าห์เป็น Fanclub  Y______Y จากคุณ : เตี้ย ล่ำ ดำ แก่ เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 54 23:33:05

ความคิดเห็นที่ 50 ชุดสวยเชียวก๊าาบ ไปไหนอย่าลืมชวนกันนะก๊าาบ จากคุณ : PooLuu เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 54 23:38:14

ความคิดเห็นที่ 52 วันเสาร์เจอกันพี่โน๊ต ^^ จากคุณ : Freedomhighway เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 54 00:20:33

ความคิดเห็นที่ 53 คห 45 ไปด้วย จากคุณ : add_2495 เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 54 08:19:40

ความคิดเห็นที่ 54 คห 53 ถ้าพ่อแอ๊ดหนูให้ไป แต่ถ้าลูกพ่อแอ๊ด หนูไม่ให้ไป 555+ เดี๋ยวก็เปิดทริปแฟนคลับ 2 สาวซะเลยนิ่ 555+ จากคุณ : สุ ส า น แ ม่ ม ด เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 54 08:35:11

ความคิดเห็นที่ 55 11-12  กันยา นี้ มาร่วมทริปกันครับ  ป่าละอู  รออยู่ครับ  อยากสัมผัสตัวเป็นๆครับ.....................อิอิอิอิ จากคุณ : bigside1 เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 54 10:51:03

ความคิดเห็นที่ 56 คุณ bigside1 11 ติดงานแต่งอ่ะค่ะ ไปเป็นแขกรับเชิญ                   12 มันวันจันทร์นะ จากคุณ : สุ ส า น แ ม่ ม ด เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 54 11:15:05

ความคิดเห็นที่ 57 เหมือนเสาเลยได้แค่แขกรับเชิญ จากคุณ : bike is my life เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 54 11:32:03

ความคิดเห็นที่ 58 สอบถาม คุณ สุ ส า น หน่อย อ่ะ ครับ งาน ที่จัดที่ BRC นี่ ขี่ไม่เก่ง ไปขี่ ได้ไหมครับ จะ น่าอายไหม แล้วไอ้ที่ไปเรียนที่ Kawa อ่ะครับ   เขาเรียนกันเมื่อไร บ้าง ครับ ดูได้ที่ไหนหรอครับ จากคุณ : เตี้ย ล่ำ ดำ แก่ เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 54 12:25:35

ความคิดเห็นที่ 59 เราก็ขี่ไม่เก่งค่ะ แค่อาศัยทักษะที่เรียนจากครอสของคาวาฯ นี่เหละ เอามาใช้ในสนาม เพราะไม่ได้กะเอาดีทางด้านแข่งรถ เอาไว้เป็นกิจกรรมฝึกทักษะ หาประสบการณ์ให้ตัวเอง เน้นปลอดภัย ซ้อมก็ไม่ซ้อมถึงเวลาแข่งเลย เพราะต้องทำงาน เค้ามีรุ่นมือใหม่ให้ได้ลงแข่งค่ะ รถก็ฟรีใช้รถของศูนย์ ไม่ต้องลงทุน อิๆ อย่าคิดแข่งเอาเป็นเอาตาย คิดแค่ไปหาประสบการณ์ในสนามดีกว่า ครอสที่คาวาจัด ก็จะมีเรื่อยๆ ไม่ได้ประกาศอ่ะค่ะ จะรู้ล่วงหน้าก็อาทิตย์สองอาทิตย์ก่อนจะมีจัด รู้กันปากต่อปาก หรือไม่ก็คนมาตั้งกระทู้แจ้ง ในบ้านทั้ง 5 ksrthailand dtrackerthailand ninja250thailand er6thailand versysthailand ในรูปนี้ก็เป็นการแข่งสนามแรกในชีวิต (รถเบอร์ 1) เมื่อปี 2008 แล้วก็โดนชนกระเด็นลงไปจุก คลานนับดาวอยู่สักพัก แก้ไขเมื่อ 01 ก.ย. 54 13:19:23 แก้ไขเมื่อ 01 ก.ย. 54 13:16:21 แก้ไขเมื่อ 01 ก.ย. 54 13:15:07 จากคุณ : สุ ส า น แ ม่ ม ด เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 54 13:14:39

ความคิดเห็นที่ 60 แล้ววันเสาร์นี้ เค้ามีรถให้ ลงขี่ด้วยป่าวครับ อยากลองบ้างจัง ^ ^ แล้วต้องทำงัยบ้าง ครับ แนะนำหน่อยครับ ไม่เคยเลย Y____Y แก้ไขเมื่อ 01 ก.ย. 54 14:15:40 แก้ไขเมื่อ 01 ก.ย. 54 14:15:39 จากคุณ : เตี้ย ล่ำ ดำ แก่ เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 54 14:07:57

ความคิดเห็นที่ 61 ขี่ดรีมตามไปห่าง ๆ ครับ จากคุณ : HighwayRider เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 54 15:28:04

ความคิดเห็นที่ 62 ความคิดเห็นที่ 55 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน 11-12  กันยา นี้ มาร่วมทริปกันครับ  ป่าละอู  รออยู่ครับ  อยากสัมผัสตัวเป็นๆครับ.....................อิอิอิอิ จากคุณ : bigside1 เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 54 10:51:03 [แก้ไข] อีตานี่จะสัมผัสด้วย ทาลึ่งจริง ๆ ปรกติเจ้เค้าเป็นคนปักตะใคร้ให้ชาวคาวา 555 จากคุณ : หยอครับ เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 54 17:58:05

ความคิดเห็นที่ 63 ค.ห.44 อยากตัด "คลับ" ออก (หาเรื่องโดนต่อยแล้ว ฮี่ๆๆ) จากคุณ : debta เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 54 19:18:00

ความคิดเห็นที่ 64 #44 เท่มากครับพี่ #13 เป็นอะไรมากไหมครับ จากคุณ : Azzurie Jr. เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 10:26:49

ความคิดเห็นที่ 65 พี่หยอ ก็...ถ้าหนูปักจริงละก็ หึหึ น้ำท่วมยอดดอย แน่ 5555555555+ ความคิดเห็นที่ 64 ไม่เป็นไรมากค่ะ หลังจากภาพนั้นก็ยังเก็บรถกลับมาขี่ใหม่ หัวเข่าแหกแต่ยังไม่รู้ตัว แล้วก็ไปล้มต่ออีกโค้งนึง ก็เลยไม่ขี่ต่อละ อารมณ์เสียกับรถมันพยศเอาไม่อยู่ จากคุณ : สุ ส า น แ ม่ ม ด เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 10:51:14

ความคิดเห็นที่ 66 แล้วก็ไปโรงพยาบาล ได้แผลที่หัวเข่า ตอนแรกคิดว่าถลอกเฉยๆ ที่ไหนได้มันลึกถึงลูกสะบ้า ไปถึงโรงพยาบาล พยาบาลมาบอกอีกแล้วหรอ... เพราะแผลเก่าตอนโดนรถชนก็รักษาไป 3 เดือนเจอกันทุกวันเลยจำกันได้ แล้วหมอคนเดิม ก็ดึงเรากลับไปเป็นคนไข้ต่อ  แผลนี้รักษาไปอีกเดือนนึง แผลเป็นยังไม่หายเลยเนี่ย 55+ จากคุณ : สุ ส า น แ ม่ ม ด เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 10:54:55

ความคิดเห็นที่ 67 เจ๊ใจมาก จัดหนักจริงครับ ส่วนผมก็เคยล้มได้แผลแบบเจ๊นี่ละครับ เข่าซ้ายทุกวันนี้ยังฝากรอยไว้เตือนใจมาเป็นก้อนเชียว เจ๊แผลแบบนี้หายกล้าใส่ขาสั้นไหมครับเนี่ยยย อิอิ ปล.ยังมีหน้ามายิ้มอีกไม่เจ็บเหรอ 555+ จากคุณ : Azzurie Jr. เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 11:50:08

ความคิดเห็นที่ 68 จอมยุทธ ย่อมต้องมีบาดแผลครับ หุหุ ผม มัน ชาวบ้าน   ไม่มีประสบการณ์บ้างเลย Y Y จากคุณ : เตี้ย ล่ำ ดำ แก่ เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 11:59:00

ความคิดเห็นที่ 69 #66     แหม๋ะ...ใจเกินร้อย เจ็บแท้ๆ ยังชูนิ้วยิ้มได้ เยี่ยมเลยแม่คุณเอ้ยยย.... จากคุณ : JKOONG เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 12:02:58

ความคิดเห็นที่ 70 -ตอนนี้เพิ่งจะเริ่มตัดขากางเกง เลยยังยิ้มสู้ได้อยู่  จริงๆมันเจ็บจนน้ำตาไหล ต้องกัดผ้าอ่ะ ตอนที่เค้าปฐมพยาบาลเบื้องต้น ล้างแผลขูดเศษหินออก -ขาสั้นก็ยังใส่ค่ะ วันนี้ก็แอบหวานใส่กระโปรงมาทำงาน แต่ไม่แคร์สื่อ 555+ เสียดายขาอยู่เหมือนกันนะ -แต่ที่เท้าหนักกว่านี้เยอะ แก้ไขเมื่อ 02 ก.ย. 54 13:24:03 จากคุณ : สุ ส า น แ ม่ ม ด เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 13:16:39

ความคิดเห็นที่ 71 โอ้ยยยย แผลน่ากลัวมากอ่ะครับ นี่อย่าบอกว่า เป็นแผลมาจาก มอเตอร์ไซด์ จากคุณ : เตี้ย ล่ำ ดำ แก่ เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 13:37:27

ความคิดเห็นที่ 72 โหววววเจ๊ หยั่งกะแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก หรือโดนน้ำกรดแน่ะ ใจไม่รักจริงไม่ได้นะเนี่ย แผลหนักทีเดียว จากคุณ : Azzurie Jr. เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 15:23:38

ความคิดเห็นที่ 73 ใช่ค่ะ ผลจากการที่ใส่แค่รองเท้าผ้าใบขี่มอเตอร์ไซค์มาทำงาน ระหว่างกลับบ้านแล้วโดนรถกะบะหักหลบคันอื่นมาชน ภาพวันนเกิดเหตุมันสยองยิ่งกว่านี้อีก (อยากเอามาให้ชมนะเป็นอุทาหรณ์ แต่กลัวว่าจะไม่ผ่านเซนเซอร์) นี่ภาพแผลตอนหายแล้วและไปล้างแผลที่โรงพยาบาลเป็นครั้งสุดท้าย เวลามีกระทู้เกี่ยวกับรองเท้่าขับขี่ทีไร ถึงทนไม่ได้ที่จะต้องแสดงความคิดเห็นว่ารองเท้ามันสำคัญยังไง จากภาพจินตนาการนะ ตั้งแต่นิ้วโป้งยันส้นเท้า เนื้อเปิดออกหมด จนเห็นกระดูกฝ่าเท้า หนังเท้าห้อยต่องแต่ง ตาตุ่มด้านในแตก หมอศัลฯ จึงดึงหนังเท้ากลับมาเย็บจนเป็นแนวยาวอย่างที่เห็นค่ะ จากคุณ : สุ ส า น แ ม่ ม ด เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 15:34:46

ความคิดเห็นที่ 74 ถึงว่าสิครับ เห็น คุณ สุ ส า น ใส่รองเท้า บูท ตลอด เลย มีที่มาแบบนี้นี่เอง จากคุณ : เตี้ย ล่ำ ดำ แก่ เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 18:41:07

ความคิดเห็นที่ 75 ความคิดเห็นที่ 73 เห็นภาพเลย..... จากคุณ : debta เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 23:19:33

ความคิดเห็นที่ 76 ไม่ต้องเดินแบบกันพอดีเจ๊ ข้าน้อยขอคารวะ อิอิ ขับมอไซด์นี่เนื้อหุ้มเหล็กจริงๆครับ ยิ่งไปเจอรถที่คนขับคันอื่นๆไม่ค่อยระวังนี่อันตรายมาก เบียดมาทีเราก็แย่ แก้ไขเมื่อ 05 ก.ย. 54 18:45:15 จากคุณ : Azzurie Jr. เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 00:08:55

ความคิดเห็นที่ 77 แผลน่ากลัวจังเลยค่ะ ของเสาร์ไม่เป็นแผลแต่กระดูกหัวเข่าแตกทุกวันนี้ฟื้นมาได้ 90% ผ่านมา 4 ปี นั่งเตี้ย ๆ ไม่ได้ คุกเข่าไหว้พระไม่ได้ แต่ก็ไม่เข็ด จากคุณ : Play-girl (bike is my life) เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 14:17:45

ความคิดเห็นที่ 78 เคล็ดลับ วิชาสละยาน ช่วยผมมาหลายรอบแล้ว 555 ยังงัยก็ องค์หญิงทั้งสองก็ถนอมกายไว้หน่อยล๊ะกันครับ จากคุณ : หยอครับ เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 16:32:39

ความคิดเห็นที่ 79 ความคิดเห็นที่ 68 จอมยุทธ ย่อมต้องมีบาดแผลครับ หุหุ ผม มัน ชาวบ้าน   ไม่มีประสบการณ์บ้างเลย Y Y ................................................................................. พี่ก็ชาวบ้านอะน้องแต๊ก แต่แผลเพียบเลย หัวเข่า ข้อศอก แผลเป็นทั้งนั้น เนื่องจากเป็นชาวบ้านที่ขี่รถไม่ค่อยจะเรียบร้อยอ่ะ อิๆ.... จากคุณ : แมงกุดจี่ (Mangkoodjee) เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 54 08:07:36

ความคิดเห็นที่ 80 ความคิดเห็นที่ 65 น้องแม่มด... ตอนล้มนี่ เสื้อเกราะตรงช่วงเอวมันเลิกขึ้นมาเลยใช่มั้ยครับนั่น... ถ้าใช่ คราวหน้าต้องหาทางป้องกันแล้วล่ะครับน่าจะหาอะไรมาคาดกันแถวๆๆช่วงเอวด้วย ไม่งั้น ถ้ามันไถลไปไกลๆ แล้วเนื้อช่วงเอวกับช่วงหลังมันออกมาไถด้วยนี่ คงดูไม่จืดแน่ๆๆเลย... ทีนี้ แผลเป็นทั้งตัวเลยอ๊ะ... จากคุณ : แมงกุดจี่ (Mangkoodjee) เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 54 08:13:49

ความคิดเห็นที่ 81 พี่หนุ่ม ไม่มีประสบการณ์ ของผมหมายถึง ประสบการณ์ การแข่งขันน่ะครับ 555 แต่ประสบการณ์ล้ม แล้วมีแผล ก็ยังไม่เคยมีเหมือนกัน เพราะผม ขี่ช้า  เต่ากัดยาง   หุหุ จากคุณ : เตี้ย ล่ำ ดำ แก่ เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 54 13:40:04

ความคิดเห็นที่ 82 ขอบคุณคุณ แมงกุดจี่  แต่คิดว่าจะไม่แข่งละ แต่ถ้าลงแข่งอีก ก็จะใส่ชุดแบบ คห. ที่ 44 ค่ะ จัดเต็ม ทุกวันนี้ผลของการที่ฝ่าเท้าได้รับบาดเจ็บเหมือนเส้นประสาทมันหายไปจากส่วนที่ต้องตัดเนื้อที่สกปรกออก มันจะเหมือนชาตลอดเวลา เดินเท้าเปล่าถ้าเหยียบเศษหินเล็กๆ มันก็จะจี๊ดทันที ที่สำคัญคือวิ่งไม่ได้ ใครอย่ามาชวนวิ่งแข่งนะยอมแพ้ทันที 55+ เพราะเท้าขวารับน้ำหนักได้ไม่เยอะ ข้อเท้างอได้ไม่เต็มที่ ถ้าผิดจังหวะก็จะเคล็ดทันที จากคุณ : สุ ส า น แ ม่ ม ด เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 54 08:44:11

ความคิดเห็นที่ 83 ใช่ครับ ถ้าจัดเต็มแบบชุดนั้นจะดีกว่ามากเลย... ผมเคยเห็นพวกทีมรถเล็ก อย่างเช่นพวกมีโอ นูโว ที่แปลงเป็นตัว racing แล้วลงแข่งในสนามตามที่ต่างๆเช่นพีระ - ไทยแลนด์ เซอร์กิต เขาก็จัดหนักใส่ชุดแบบ racing เหมือนแข่งขันรถใหญ่ทุกประการเลยนะครับ... ส่วนเท้าและข้อเท้า ก็ขอให้หายไวๆๆนะครับ จะได้กลับมาขีรถได้เหมือนเดิมอีก อาจจะต้องใช้เวลาพักฟื้นสักระยะ ก็น่าจะกลับมาเป็นปกติได้เหมือนเดิม... ส่วนอุบัติเหตุ ใครเลยจะคาดคิด ว่าแค่ขี่รถมาทำงาน ดันมาเจอกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันได้... ปกติเวลาผมเจออุบัติเหตุพวกนี้ ก็มักจะเป็นตอนขี่รถ ไปกลับที่ทำงานนี้เหมือนกัน เป็นช่วงเวลาที่คิดว่าเราขี่รถสบายๆ ไม่ต้องทำความเร็วอะไรมาก เสื้อแจ๊คเก็ต ถุงมือ รองเท้าผ้าใบ ซึ่งก็คิดว่ารัดกุมเพียงพอแล้ว เจอเข้าจิงๆ ของพวกนี้ก็ไปหมดเลย เสื้อก็ขาด กางเกงก็แหว่ง แถมยังเป็นหมูแดงอีก แต่พอเวลาออกทริปที่ใส่ชุดเต็มยศกลับไม่เคยเจออุบัติเหตุเลยแม้แต่ครั้งเดียว ไม่ว่าจะเป็นคันเล็ก หรือคันใหญ่ เฮ้อ ให้มันได้งี้สิน่า.... หลังๆเลยระวังตัวจัด อ่านเกมบนถนนที ก็ต้องมองเผื่อไปถึง 3-4 ช็อตล่วงหน้า จะออกซ้าย-ขวา จะมีรถตามหลังหรือไม่มีก็ตาม ไฟเลี้ยวผมเปิดบอกตลอด จะซง จะแซง ยังต้องแอบอ่านใจรถเก๋ง หรือมอเตอร์ไซด์ที่อยู่ข้างหน้าล่วงหน้าเลย คันไหนเริ่มเอนออกจากเลน ก็แปลว่ามีแนวโน้มจะเปลี่ยนเลนแล้ว ส่วนเขาจะมีมารยาทเปิดไฟเลี้ยวบอกหรือไม่บอกคนข้างหลัง ก็แล้วแต่สำนึกในความปลอดภัยในการใช้รถ ใช้ถนนของเขาจะมีหรือไม่ กระจกส่องข้างก็ต้องคอยเช็คตลอดทั้งซ้าย-ขวา 10 วิฯเช็คกันที เผื่อเห้นรถหลังบ้าพลังวิ่งจี้มาแต่ไกล ก็จะได้หลบให้ทางขาใหญ่เขาไปก่อนเสียแต่เนิ่น จะว่าไปต้องรอบด้านจริงๆๆ ขับขี่รถในเมืองไทยนี่... สุดท้าย ยังไงก็ขอให้น้องแม่มดหายไวๆนะครับ เอาใจช่วย จะได้กลับมาขับขี่รถคู่ใจได้อีกในเร็ววัน Cheer!.... แก้ไขเมื่อ 05 ก.ย. 54 10:36:53 จากคุณ : แมงกุดจี่ (Mangkoodjee) เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 54 10:31:47

ความคิดเห็นที่ 84 เดี๋ยวนี้ก็ทำตัวแบบที่พี่หนุ่มว่า แล้วเหมือนกัน ครับ ขี่รถใน กทม  ไม่เสี่ยง   ใครจะมองว่า เราขี่ช้า ไม่คล่อง ก็จริงของเขา จะเปลี่ยนเลน ต้องเปิดไฟเลี้ยว และ มองกระจกหลังตลอด   สังเกตพวกมอไซด์ จะพยายามทำตัวเปลี่ยนเลนกันพริ้วมาก ซิกแซกได้เก่งจริง แต่ผมนี่ ไม่มีแบบนั้นเลย จะเปิดไฟเลี้ยว แล้วก็มองหลัง แล้วค่อยๆ เบนองศา ทีละนิด   แล้วก็จดจำเรื่องไม่ดี ที่ในห้องนี้เค้าด่า มอไซด์  เช่น แซงทางเลี้ยว อะไรพวกนี้ จะไม่ทำ ประสบการณ์อีกอันนึงคือ  ออกไฟแดง  อย่ารีบออก มองซ้าย มองขวา หรือ ปล่อยให้คนอื่นออกไปซักระยะนึงก่อน อีกอย่าง มองไฟแดงไกลๆ  ถ้าเห็นไฟแดง ก็ขี่ช้าๆ ไปเรื่อยๆ   ฮาาาาา  ไม่ต้องเร่งแรง เพื่อไปติดไฟแดง   ทำให้เราขี่รถช้าขึ้นได้อีกโขเลยหล่ะ หุหุ จากคุณ : เตี้ย ล่ำ ดำ แก่ เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 54 11:21:04

ความคิดเห็นที่ 85 เรื่องไฟเขียวออกตัว ก็จริงอย่างน้องแต๊ก ว่ามาครับ... ไฟเขียวปุ๊บ อย่าเพิ่งออกตัว รอเช็คสถานการณ์สัก 1 - 2 วิฯ จนมั่นใจแล้วค่อยออก... พี่เจอประจำครับ 10 ครั้ง เจอฝ่าไฟแดงมาประมาณสัก 4 ครั้ง... 40% นี้ ถือว่าเป็นสถิติที่สูงเอาเรื่องเลยทีเดียว... จะว่าไป คนบางประเภทมันก็แปลกครับ เจอไฟเหลือง แทนที่จะยกคันเร่งแล้วเตรียมหยุด กลายเป็นพอเหลืองกลับเปิดคันเร่งรีบส่งรถไปให้พ้นๆๆแยกเพื่อที่จะไม่ต้องมารอติดไฟแดงเท่านั้นเอง ส่งพ้นก็แล้วไป ไม่พ้นก้กลายเป็นฝ่าไฟแดงอย่างที่เห็น แล้วเรื่องเบรคนี่ก็ไม่ต้องพูดถึงเลย มาเร็วและแรงซะขนาดนั้น เบรคทันก็แปลกแล้วละครับ ร้อยละร้อย ก็ต้องเลยตามเลยกันทั้งนั้น... น่ากลัวครับ.... จากคุณ : แมงกุดจี่ (Mangkoodjee) เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 54 12:50:58

ความคิดเห็นที่ 86 เรื่องอุบัติเหตุนี่เกิดมา 2 ปีแล้วค่ะ ที่เท้าคิดว่ามันคงไม่ดีไปกว่านี้แล้ว เป็นเหมือนกันค่ะเรื่องระมัดระวังมากขึ้น จากที่เคยระมัดระวัง กลับกลายเป็นระวังมากขึ้นอีก เหมือนกับคุณ แมงกุดจี่ เลย ยิ่งช่วงไหน้ต้องแทรกระหว่างรถบัสนะ ยิ่งระวังเป็นพิเศษ   อ้อโน๊ตลืมเล่าให้ฟังใช่มะ ว่าตอนโดนกะบะชน แล้วตัวสไลด์ในวันที่ฝนหยุดตกถนนกำลังแฉะๆ หมาดๆวันนั้นใส่ชุดกันฝนเลยเพิ่มการสไลด์ได้ดียิ่งขึ้น เข้าไปอยู่ใต้ท้องรถบัสรับส่งพนักงานที่กำลังขยับตัวอย่างช้าๆ ในจังหวะไฟเขียว และโชคดีที่ตัวเองมีสติเห็นแล้วว่ากำลังเข้าไปใต้ท้อง เลยเอามือข้างขวา ยึดกับรถไว้ ไม่รู้ว่าตรงไหน รั้งตัวเองไม่ให้กองอยู่กับพื้น คิดอยู่อย่างเดียวถ้ากองอยู่กับพื้นต้องโดนล้อหลังเหยียบแน่ๆ และก็เอามือข้างซ้ายทุบรถให้คนขับได้ยินพร้อมกับแหกปากร้องอะไรไปบ้างไม่รู้ ขอให้เค้าได้ยินและหยุดรถ พี่คนขับรถบัสเล่าให้ฟังว่า เค้าเห็นแล้วว่ามีมอไซค์โดนชนเพราะพี่มองกระจกอยู่ แต่ไม่คิดว่าเรากระเด็นมาอยู่ใต้ท้องรถพี่ เนื่องจากจุดเกิดเหตุมอไซค์เราอยู่ท้ายรถบัสพี่เค้า เค้าเลยคิดว่าเรากระเด็นไปด้านหลังที่รถเค้าบังจนมองไม่เห็้น จนพี่ได้ยินเสียงเราร้อง และคนบนรถก็ตะโกน พี่เลยเบรค ในขณะที่ลากเราออกมาจากใต้ท้องรถบัส ตัวนี่แนบกับล้อแล้วค่ะนิดเดียวจริงๆ ไม่งั้นก็คงโดนล้อหลังรถบัสเหยียบแบบเต็มๆ ขอบคุณหมวกกันน็อคเต็มใบที่รองรับแรงกระแทกหัวเราจากตอนสไลด์หงายตัวไปกับพื้น และถุงมือคู่ใจที่ทำให้เรามีแรงรั้งตัวไว้กับส่วนหนึ่งส่วนใดของรถ ยิ่งเล่ายิ่งน่ากลัวขึ้นทุกที เฮ้อ...อ่านไว้เป็นอุทาหรณ์ค่ะ วันนี้ก็ต้องเผชิญบนถนนอีก ขับขี่ปลอดภัยกันทุกคน แก้ไขเมื่อ 05 ก.ย. 54 17:56:51 จากคุณ : สุ ส า น แ ม่ ม ด เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 54 17:54:47

ความคิดเห็นที่ 87 ประสบการณ์น่ากลัวมากครับ คุณ สุ ส า น บางทีสิ่งที่เรารัก มันก็อันตรายเหมือนกันเนอะ ไม่รู้ว่า จะ โชคร้ายวันไหน   วันนี้ก็ทำได้แค่ว่า  มี ส ติ   ให้ถึงที่สุด นอกนั้นแล้วแต่โชคชะตา นำพาละกัน จากคุณ : เตี้ย ล่ำ ดำ แก่ เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 54 18:54:57

ความคิดเห็นที่ 88 @ _@... เป็นประสบการณ์ที่น่าตกใจมากครับน้องโน้ต โชคยังดีที่มีสติสัมปชัญญะในการแก้สถานการได้รวดเร็วมาก ไม่แน่ใจว่าครั้งนั้นเหตุการณ์ที่ชนเรื่องราวเป็นอย่างไรครับ พอดีไม่ได้ติดตาม ผมกับน้องแต๊กจะได้เก็บเอาไว้เป็นอุธาหรณ์ครับ... จากคุณ : แมงกุดจี่ (Mangkoodjee) เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 54 08:53:33

ความคิดเห็นที่ 89 คุณแมงกุดจี่ เรื่องตอนเกิดเหตุก็ตาม คห.86 อ่ะค่ะ งั้นเล่าต่อจนจบดีกว่าอิๆ จุดเกิดเหตุ ถ.สุขุมวิท หน้าปั้มเชลล์ก่อนถึงปากซอยลาซาลฝั่งขาออก จะกลับบ้านที่ปากน้ำ เราก็ขี่แทรกมาตามช่องว่างในช่องทางที่มอไซค์เค้าขี่ๆกัน ในช่องระหว่างเลนซ้ายสุดที่รถบัสอยู่กับเลนกลางที่กะบะอยู่ ตอนนั้นจังหวะไฟเขียวพอดี รถก็กำลังขยับเคลื่อนตัว กะบะคันที่อยู่เลนกลางก็หักออกขวาแต่แล้วก็หักกลับมาทันที เราเลยตั้งตัวไม่ทัน จากที่ลุงคนขับเล่าแกบอกว่า หักขวาไปแล้วเจอรถผสมปูนที่ก็กำลังออกขวามาเหมือนกันแต่ขึ้นมาก่อนแก แกเลยตกใจหักกลับมาโดยไม่ทันดูฝั่งซ้าย ผลทำให้เราที่ขี่มาโดนชนตรงช่วงซุ้มล้อหน้าของรถกะบะกะแทกกับแฮนด์ด้านขวาของเรา จนเรากระเด็นไปใต้ท้องรถบัส เหตุกา์รณ์ ต่อใน คห.86 หลังจากนั้น พลเมืองดี พร้อมกะบะคู่กรณี ก็มาช่วยกันอุ้มไปหลบที่ปั้มเชลล์บริเวณนั้น ก็รอรถมูลนิธิ (กู้ชีพพิรุณ) พาไปส่งโรงพยาบาลศิครินทร์ ตอนเกิดเหตุน่าจะประมาณ 18.15-18.30 น.  แต่กว่าจะไปถึงโรงพยาบาลก็ 1 ทุ่ม เนื่องจากรถติดมากๆ เส้นสุขุมวิท ทำให้รถมูลนิธิมาไม่ได้ เจ้าหน้าที่จึงต้องเอาน้ำเกลือติดมือมาเบื้องต้น โบกมอเตอร์ไซค์พลเมืองดีมา แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ต้องนั่งรอรถ พอรถมาถึงดันไม่มีอุปกรณ์ที่จะนำเราขึ้นรถได้ ไม่แน่ใจว่าไม่มีอะไร ตอนนั้นเริ่มหน้ามึดสติเริ่มน้อยลงละ เค้าบอกต้องรอรถอีกคันนึง ซึ่งทั้งสองคันพึ่งจะกลับจากส่งเคส ที่โรงพยาบาลอุปกรณ์เลยไม่พอ ไปทานข้าวเที่ยงก่อน เดี๋ยวมาต่อ...แฟนคลับอดใจรอสักครู่ 55+ จากคุณ : สุ ส า น แ ม่ ม ด เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 54 11:58:35

ความคิดเห็นที่ 90 555++ ยังกับรอเรื่องราวจากคอลัมน์โปรด จากคอลัมนิสต์ยอดนิยม เลย รออ่านแบบใจจดใจจ่อซะงั้น ฮ่าๆๆ... มานั่งอ่านคอมเมนท์ของน้องแต๊กที่บอกว่าต้องระวังตัวเอง เอาไว้ให้มากที่สุด ที่เหลือก็ต้องแล้วแต่โชคชะตา หรือพูด ง่ายๆก็คือ"ดวง" ดีๆๆนี่เอง ซึ่งพี่มานั่งคิด มันก็จริงครับ ต่อ ให้ฝีมือขั้นเทพแค่ไหน หรือต่อให้บ้านๆอย่างธรรมดาสามัญ สุดท้ายรอดหรือไม่รอด ก็ขึ้นอยู่กับดวงอย่างเดียวเลย... เมื่อครู่ก็นั่งอ่านกระทู้เก่ากระทู้นึงจากเว๊ปสตอร์ม อ่านแล้ว รู้สึกดีมาก มีรีวิวรูปภาพประกอบทริปให้ดู เป็นคู่รักคู่หนึ่งกับ ฺBB 1 คันที่ออกท่องเที่ยวด้วยกัน 2 คน แต่ทว่าการไปครั้งนี้ ของทั้งคู่ ไปไม่ถึงจุดหมายปลายทางครับ กลับประสพ อุบัติเหตุเสียก่อน เป็นเหตุให้เสียชีวิตทั้งคู่ ก็ได้เพื่อนๆ พี่ๆ ในกลุ่ม เอารูปจากกล้องที่เก็บมาได้ มาลงรีวิวให้อ่านกัน แทน อ่านแล้วรู้สึกสุขปนเศร้ายังไงก็ไม่รู้เหมือนกันนะ ทั้งๆ ที่เป็นรถที่สมรรถนะดีเยี่ยม ผู้ขับขี่และคนซ้อนแต่งกาย รัดกุม อุปกรณ์เซฟตี้จากแบรนด์ชั้นน้ำตั้งแต่ศรีษะจรดเท้า และประสบการณ์ในการขับขี่ที่ดีเยี่ยม ก็ยังรักษาชีวิตของ คนทั้งคู่เอาไว้ไม่ได้เลย ส่วนนึงก็น่าจะมากจากดวงหรือ โชคชะตา ที่เป็นตัวแปรสุดท้ายด้วย เสียใจด้วยจริงๆครับ ทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน... สำหรับเหตุการณ์แบบน้องโน้ต พี่เคยเจอมาบ่อยครับ ขี่มา ตามช่องว่างระหว่างเลนแบบนี้ล่ะ แล้วจู่ๆๆรถคันที่ขับอยู่ข้างๆ ก็หักรถเปลี่ยนเลนมาเลยดื้อๆ โดยแทบไม่ได้ใส่ใจมองเลย ว่ามีรถอะไรขับขี่อยู่ข้างๆๆบ้างมั้ย (หักแบบว่า หักออกมา เลยนะ) คือถ้ารถอยู่ข้างหน้าเรา แล้วเปลี่ยนเลนเลยกระทัน หันแบบไม่ให้สัญญาณ แบบนี้เราจะเรียกว่าปาด ซึ่งปกติ ถ้า เป็นผู้ขับขี่ที่มีประสบการณ์พอสมควรก็มักจะหลบได้ทันกัน แต่กรณี ที่ขับขี่มาข้างๆๆ คู่กัน ไม่ได้อยู่ข้างหน้า แล้วหักรถ ออกมาหาเราเลยเดี๋ยวนั้น อันนี้สิยากยิ่งกว่า เพราะปกติคน เราเวลาขับขี่รถ โดยส่วนใหญ่มักจะโฟกัสสายตาไปเฉพาะ หนทางที่อยู่เบื้องหน้าหรือจุดมุ่งหมายเป็นหลัก ตาไปตรง ไหน รถไปตรงนั้น แต่ใครเลยจะไปคาดคิด ว่าจู่ๆๆรถที่ตีคู่ กันมา จะมาหักเปลี่ยนเลนกันดื้อๆแบบนี้ได้ ... ในชีวิตนี้เคยเจอเคสแบบนี้มาจังๆๆประมาณ 5-6 ครั้ง เป็น รถใหญ่ซะ 2 ครั้ง ที่เหลือเป็นตอนที่ขี่คันเล็กอยู่ (ทุกครั้งมี คนซ้อนมาด้วยตลอด) แล้วก็โชคดีทุกครั้ง ที่สามารถหัก หลบได้ทันทุกครั้ง และทุกครั้งมุมที่หักหลบ ก็เผอิญดันไม่มีรถวิ่งมาพอดี ก็เลยรอดทุกครั้งไป และก็โชคดีด้วยที่ว่าตัวเองก็ดันเป็นคนที่ประสาทไวเอามากๆคนหนึ่ง เลยหักหลบได้ ตามสัญชาติญาณพอดี พอดิบทุกครั้งไป... แล้วก็ให้บังเอิญที่ว่า เป็นคนที่ไม่ขี้ตกใจเวลาเกิดเหตุฉุก เฉินแบบนี้ ซึ่งก็ดี เพราะทำให้ยังพอมีสติเอาไว้แก้ไข สถานการณ์ได้ดีอยู่ แต่กระนั้นก็ตาม โชคดีก็คงจะไม่มาอยู่ กับเราเสมอไปในทุกๆครั้งหรอก ซึ่งตรงนั้น ก็คงต้องคอย เตื่อนสติตัวเองให้ระมัดระวังสิ่งรอบข้างเอาไว้ให้ดี อย่าได้มี ความประมาทไป... ทุกเหตุการณ์ บอกได้เลยว่าอะดรีนาลินไหลปรู๊ดปร๊าดเลยทุกครั้ง... ครั้งนึงที่เล่นเอาตกใจพอดู ก็ตอนที่ขี่ BB ไปทางสวนผึ้งใน ช่วงดึกของต้นปีนี้ ไปคันเดียว 2 คน ตอนนั้นใช้ความเร็วอยู่ที่ประมาณ 140 ในทางช่วงที่ไปแถวนครปฐม แถวนครชัยศรี ซึ่งตอนนั้นก็ขี่เกาะอยู่ที่เลนกลางและเลนส์ซ้ายมาตลอด บังเอิญระหว่างทางเจอรถบรรทุกคันหนึ่งขวางหน้าอยู่ ก็เลยเช็คกระจกมองข้าง เห็นว่าไม่มีรถตามหลัง ก็เลยแซงขวาขึ้นไป ในขณะที่แซงนั้น จู่ๆด้านข้างด้านขวา เพิ่มรถวอลโวแต่งบ้าพลัง sprint มาขนาบข้างตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ ขวาเลยตันเดี๋ยวนั้น ออกไม่ได้ ซ้ายก็กลับไม่ได้อีก เพราะรถรรทุกขนาบอยู่ ช่วงนั้นชุลมุนมาก เพราะเกิดการปะทะและกระแทกกันโดยไม่คาดคิด ระหว่างรถผม กับรถคันนั้น อยู่ 2-3 ครั้งด้วยกัน (กระแทกแล้วกระดอนออกแล้วกลับไปกระแทกใหม่) ในย่านความเร็วที่ประมาณ 140 -150 เท่าเดิม ดีที่ช่วงนั้นไม่ตกใจ และตั้งสติประคองตัวรถเอาไว้ได้ รถจึงไม่ได้กระเด็นเข้าไปหารถบรรทุก และก็ไม่เสียหลักเวลาปะทะกับวอลโว... ผลจากการปะทะ เมื่อเหตุการณ์ผ่านไป ได้จอดรถที่ข้างทาง เพื่อดูว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ปรากฏว่าเฟรมสไลเดอร์ด้านขวา (กันล้ม) คดงอ ลู่ไปข้างหน้าแบบเสียสภาพ (แต่รถไม่โดน อะไรเลย) ทำให้รู้ว่าผมโดนรถคันนี้เสยมามาจากข้างหลัง ด้วยความเร็วที่สูงกว่า กับไฟเลี้ยวหน้าด้านขวา ที่น๊อตหลุดกระเด็นหายไป (แต่ยังใช้การได้ดีอยู่) ก็เลยต้องใช้สายรัดไนล่อนที่พกติดรถมาด้วย มาร้อยประคองไฟเลี้ยวเอาไว้ โดยอ้อมเชือกขึ้นมาเกี่ยวที่แฮนด์รถแทน... เท่าที่จำได้ รถคันนั้น มันนั่งเปิดทีวีนั่งดูอยู่ในรถ ที่เห็น เพราะว่าขี่ตามไปว่าเจ้าของรถมา ก็เลยเห็น คราวนั้นนี่เป็น อะไรที่หวาดเสียวมาก ยังนึกเลยว่าถ้าไม่มีสติ แล้วเผลอไส รถไปหาสิบล้อ แล้วเกิดกลิ้งขึ้นมาแล้วไหลไปใต้ท้องสิบ ล้อบ้าง ก็คงไม่มีชีวิตมาถึงวันนี้แน่นอน... กลับมาทริปนั้น เลยต้องมาเปลี่ยนกันล้มคู่ใหม่เลย  กลับ กันวอลโวคันนั้นก็คงได้ของฝากจากเฟรมสไลเดอร์เอาไว้ที่ข้างรถ จากหัวจรดหางด้วยเหมือนกันแน่ๆๆเลย ก็ถือว่าแลกกันคนละแผลครับ ตุ๊มๆ ต่อมๆมากคราวนั้น... เป็นประสบการณ์ที่น่าหวาดเสียวมากพอดูเหมือนกัน ดังนั้นทุกวันนี้เวลาขับขี่ 2 ล้อ จึงต้องระมัด ระวังมากขึ้นเป็นพิเศษครับ (ปสก เยอะจิงๆ 55++) เพราะไม่อยากจะเจอเหตุการณ์ดังว่าอีก เพราะอย่างที่เคยบอกครับ ไม่คิดว่าความโชคดีมันจะอยู่คู่กับเราตลอดเวลาหรอก ดังนั้น ระมัดระวังตัวเองเอาไว้ก่อนตลอดจะดีกว่า ้พราะพลาดมาก็ยังพอทำใจได้ว่า เราทำดีที่สุดแล้วน่ะครับ... ปล. ไม่รู้เกี่ยวกันรึเปล่านะ ปกติ ไปไหนมาไหน ผมพกพระประจำตัว ติดตัวไปด้วยตลอดครับ ทั้งห้อยคอ และซุกอยู่ในเสื้อเกราะนะ... จากคุณ : แมงกุดจี่ (Mangkoodjee) เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 54 14:51:19

ความคิดเห็นที่ 91 เมื่อสิบกว่าปีก่อน ตอนผมซื้อรถใหม่ๆ ก็ใส่ชุดหนังทุกวัน มีแต่คนขำ ว่าท่าจะบ้า หลังจากอุบัติเหตุครั้งที่สอง ทุกคนที่เห็นสภาพรถผม กับรถจี๊บอดีตทหารคู่กรณีมีแต่คนบอกว่า เจ้าของมอเตอร์ไซค์เผาวัดไหน ตอนนั้นกลางเดือนเมษา ร้อนตับแล่บ แต่ผมใส่ชุดหนังเต็มยศขี่มอเตอร์ไซค์ไปทำงานวันเสาร์ ถ้าไม่ได้ชุดหนังก็คงได้เผาตามที่เขาบอก รองเท้าบู๊ตพื้นหลุด หนังรองเท้าขาดเป็นริ้ว เสื้อหนังขาดทะลุตรงแนวกระดูกสันหลังพอดี กางเกงหนังขาดต้องทิ้ง หมวกกันน๊อคโดนขโมยไปเฉยเลย นอนสลบไปครึ่งวัน ตื่นมา จนป่านนี้ยังจำเหตุการณ์ตอนนั้นไม่ได้เลย รู้ตัวอีกที ตื่นมาในโรงพยาบาล เวลาเห็นคนขี่รถไม่ชอบใส่อุปกรณ์ป้องกันแล้วก็ได้แต่ปลง จากคุณ : SEPULTURA_FROM_HELL เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 54 15:32:09

ความคิดเห็นที่ 92 โห น้าหนึ่ง ไปโดนอีท่าไหนอ๊ะ... นี่ยังไม่นับตอนที่ไปกลิ้งเองที่แม่สอดด้วยใช่ป่ะเนี่ย.... จากคุณ : แมงกุดจี่ (Mangkoodjee) เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 54 17:10:46

ความคิดเห็นที่ 93 อ่านไปใจคิดภาพตาม ใจเต้นตามไปด้วย ดีค่ะประสบการณ์ของแต่ละคนนำมาเล่า ไว้เตือนใจ .....มาว่ากันต่อ ลืมไปช่วงนึง ระหว่างที่ลากตัวออกมาจากใต้ท้องรถบัส มานั่งพิงอยู่ข้างๆรถบัส หันไปมองอีดำลูกรักกองอยู่กับพื้น เราก็หยิบโทรศัพท์มาตั้งใจจะถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐาน แต่ก็คิดอีกใจเอ๊ะ คนมันจะหาว่าเราไม่สำนึกรึเปล่าเนี่ย ก็เลยตัดสินใจโทรหาคนรู้จัก ตามด้วยคน(ที่เคย)รู้ใจ พอไปถึงโรงพยาบาล ก็ทำประวัตินี่นั่น รอเข้าห้องผ่าตัด ระหว่างที่หมอจะฉีดยาสลบด้วยการบล็อคหลัง ก็ยังห่วงสวย บอกหมอว่า หมออย่าเอาเนื้อที่ขาหนูไปแปะแผลนะ เพราะไม่อยากเสียโฉมสองที่ ออกมาจากห้องผ่าตัด ก็ได้เห็นหน้าพ่อเพื่อน เพื่อนๆ น้องๆ ที่พอรู้ข่าวก็ปิดร้าน เลิกงานรีบมามาหาเรากัน นอนอยู่ รพ. 7 วัน เพื่อนที่เคยงอนกันไปหลายคน ก็มาเยี่ยมก็ได้เพื่อนกลับมาครบเหมือนเดิม ก็มาพักฟื้นที่บ้านต่อ โชคร้าย2 อย่างตอนนั้นที่เราเจอคู่กรณีที่ไม่ใส่ใจอะไรเลย กับแฟนที่ทิ้งเราไปตอนที่เราเจ็บ แค่มานอนเฝ้าเป็นเพื่อนไม่กี่วัน ระหว่างนั้นคู่กรณีก็แค่มาเยี่ยมที่โรงพยาบาล หลังจากนั้นก็ไม่เคยมาถามสารทุกข์สุกดิบอีกเลย ตลอดช่วงเวลา 3 เดือนจนแผลปิดสนิท ส่วนตัวเราก็ต้องจัดการกับประกัน ต้องมาล้างแผลที่โรงพยาบาลทุกวันลำบากตรงนี้ต้องไปแท๊กซี่ทุกครั้ง ฝนก็ตกตลอดในช่วงเดือนสิงหากันยาเนี่ย ขาก็เจ็บทำไรก็ลำบากแต่ก็ต้องอดทนช่วยเหลือตัวเอง พอค่อยยังชั่ว ก็ต้องมาเดินเรื่องเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนอีก ซึ่งแน่นอนคู่กรณีไม่ยอมจ่าย บริษัทที่ประกันภัยรถกะบะคู่กรณี ก็ไม่ได้สนใจอะไร ยื่นขอเสนอมาแค่เงินจำนวนเล็กน้อย กับค่าซ่อมรถ ซึ่งแน่นอนเราไม่รับ ตอนที่ตกลงเรียกค่าสินไหม เราก็รู้นะว่าลุงไม่มี เราก็คำนวนเอาแต่ส่วนที่ต้องเสีย ค่า้ใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง เพราะในส่วนของค่ารักษาพยาบาลเราเบิกกับพรบ.+ประกันรถกะบะ + ประกันสังคมของเราเอง ซึ่งตัวเลขค่าสินไหมไม่ได้อะไรมากมาย ตำรวจเจ้าของคดียังว่าเลยทำไมเรียกน้อยจัง แต่ลุงก็ยังบอกว่าไม่มีให้ เจ็บใจมากกับคำพูดที่ลุงว่า "ถ้าห้าพันหมื่นนึงยังพอจะมีให้"  ลุงเห็นแผลหนูมั้ยว่ามันหนักขนาดไหน ที่สำคัญมันเกิดที่เท้า ซึ่งตอนนั้นเราเองยังไม่รู้เลยจะกลับมาเดินไ้ด้ปกติรึเปล่า จึงต้องทำการฟ้องคดีแพ่ง จนเค้าปล่อยเลยมาถึงวันตัดสินคดี ศาลตัดสินจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา แล้วเสียงกุญแจมือก็ดังแกร๊กที่ข้อมือลุง แล้วลุงก็หันมาบอกเราว่า "หนูลุงไปก่อนนะ" เราเสียใจมาก ไม่คิดว่ามันจะต้องถึงขนาดนี้ แต่ลุงไม่เคยคิดช่วยอะไรหนูเลย ศาลก็ให้เราไปยื่นฟ้องในคดีอาญาต่อไป ในระหว่างที่เราหาข้อมูลเตรียมตัวที่จะยื่นฟ้องอาญา ก็มีทนายจากบ.ประกันภัย โทรมาถามว่าเรายื่นฟ้องไปรึยัง โชคดีมาก เพราะเรากำหนดวันเอาไว้แล้ว ว่าจะยื่นฟ้องวันนี้แต่เค้าโทรมาก่อนหน้าไม่กี่วัน ทนายเค้าก็บอกว่าเรื่องเนี้ยมันส่งไปไม่ถึงเค้า เค้ายังต่อว่ากับตัวแทนเลยทำไมเรื่องแค่นี้ถึงปล่อยให้มาถึงขนาดนี้ จริงๆ มันสมควรจ่ายตามที่เราเรียกร้อง ลุงก็จะไม่ต้องถึงกับติดคุก แล้วบริษัทประกันฯ ก็ยินยอมจ่ายค่าสินไหมทดแทนตามที่เราเรียกร้อง โชคดีที่เรายัังกลับมาเดินได้เหมือนเดิม แ้ม้่จะไม่ 100%  ก็ตาม อุปกรณ์ป้องกันใส่ไปเหอะค่ะ มันช่วยหนักให้เป็นเบาได้ นอกเสียจากมันถึงเวลาของเราที่อะไรก็มาฉุดไว้ไม่อยู่ จากคุณ : สุ ส า น แ ม่ ม ด เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 54 17:19:17

ความคิดเห็นที่ 94 นี่เป็นเพราะแค่เพียงการเปลี่ยนเลนของรถโดยที่ไม่ได้เช็คกระจกมองข้างทั้งซ้าย ขวา ก่อนของลุงคนขับรถกระบะแค่นั้นเอง ที่ทำให้เกิด consequence ตามขึ้นมามากมายแบบนี้... ก็อย่างที่ผมเคยบอกเอาไว้ตั้งแต่แรกนั่นล่ะครับ ว่าผู้ขับขี่สมัยนี้ ไม่ค่อยจะมีความระมัด ระวังในการใช้รถใช้ถนนกัน ทุกวันนี้ผมก็เจอตลอด รถเก๋ง และสารพัดรถ ที่เวลาเปลี่ยนเลน ไม่นิยมมีการเปิดไฟเลี้ยวใดๆๆแจ้งให้คนข้างหลังทราบทั้งสิ้น จะด้วยเพราะความชุ่ย หรือความเคยชิน หรือเห็นว่ารถหลังคันเล็กกว่า ต้องหาทางหลบเอาเองก็สุดแล้วแต่ แต่ก้เพราะฐานความคิดแบบนี้ มันจึงทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายบนท้องถนนอยู่ทุกวี่ ทุกวัน ดั่งที่เห็นกันอยู่นี่ล่ะครับ... นี่จึงเป็นที่มาที่ ผมยอมทำประกันชั้น 1 เอาไว้สำหรับรถ 2 ล้อทุกคันที่ผมใช้งานอยู่ เบี้ยปีหนึ่งตกปีะเฉลี่ยเกือบ 1 หมื่นบาททุกปี ซึ่งผมก็ยอมจ่ายนะ เพื่อเวลาเกิดเหตุ ก็ตัดปัญหาไปเลย ไม่ว่าจะผิด จะถูก ผมจะเรียกค่าสินไหมจากประกันของรถผมก่อน ส่วนที่เหลือก็ให้ทีม ก.ม. ของประกันของเรา ไปไล่เบี้ยกับทีม ก.ม.ของประกันคู่กรณีแทน กรณีที่คู่กรณีไม่มีประกัน ก็ช่วยเหลือตัวเองไปตามสมควรก็แล้วกัน ผมไม่ขอข้องเกี่ยวด้วยครับ ให้ประกันไปลุยเองทั้งหมด ลอยตัวดีกว่าครับ... และก็ขอบคุณน้องโน้ต ที่ได้เอาปรสพการณ์ดีๆๆมาแชร์แบ่งกันให้เป็นอุธาหรณ์เตือนใจด้วยนะครับ จากคุณ : แมงกุดจี่ (Mangkoodjee) เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 54 08:06:00

ความคิดเห็นที่ 95 ใช่ค่ะ...ขอบคุณคุณแมงกุดจี่เหมือนกัน สำหรับประสบการณ์ที่นำมาแชร์กัน KSR ของโน๊ต ก็ยังทำประกันภัยชั้น 3 (ตอนทำนี่รถมันไม่ใช่รถที่พึ่งถอยมาใหม่เลยได้แค่ชั้น 3) เผื่อเวลาเกิดไปเฉี่ยวชนหรือเกิดอุบัติเหตุจะได้อุ่นใจระดับนึง เบี้ยประกันแค่ปีละพันกว่าบาท ประวัติดีก็ลดเบี้ยให้อีกปีนี้จ่ายแค่แปดร้อยกว่าบาท ที่คุ้มครองให้เราก็มี 1. ความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัยเฉพาะส่วนที่เกินวงเงินสูงสุดตาม พ.ร.บ.   300,000 บาท/คน 2. ความเสียหายต่อทรัพย์สิน 10,000,000 บาท/ครั้ง 3. ความเสียหายส่วนแรก  200,000 บาท/ครั้ง 4.การประกันตัวผู้ขับขี่ 100,000 บาท/ครั้ง จากคุณ : สุ ส า น แ ม่ ม ด เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 54 08:31:35

ความคิดเห็นที่ 96 อ่ะโห  อ่านของแต่ละคน  ผมอยากจะเลิกขี่มอเตอร์ไซด์ เลยนะเนี่ย ผมยังไม่ค่อยตระหนัก ถึง อันตราย ของมอไซด์ สักเท่าไร เพราะยังไม่เคยเจอ จนได้แผล หรือ เจ็บตัว แต่รถยนต์ กับ จักรยาน เกือบตายมาแล้ว หุหุ แต่ตอนนี้ตั้งใจไว้แล้ว ว่า ถ้าจะขี่เร็วๆ ขอในสนามละกัน  ถ้าในถนนปกติ ขอขี่ช้าๆ ไว้ก่อน บอกตรงๆ ว่า ขี่รถใหญ่ เคยเสียวหลายครั้งอยู่  แต่รถเล็ก แทบจะไม่เคยเจอเลย   แปลว่า ความเร็วมันก็มี Factor ต่อความอันตราย อยู่พอสำควรเลย จากคุณ : เตี้ย ล่ำ ดำ แก่ เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 54 11:25:48

ความคิดเห็นที่ 97 555... น้องแต๊ก ใจรักเสียอย่าง ก็ขี่มันต่อเถอะครับ 2 ล้อเนี่ย จะว่าอันตรายมั้ยก้ออันตรายบ้าง จะว่าปลอดภัยมั้ย มันก็พอสมควรนะถ้าขี่เป็น... เพราะเหตุผลเดียวเลย ที่คนที่ไม่เคยขี่ จะไม่เคยรู้เลย ว่าการสัมผัส สายลม แสงแดด โดยตรงกับธรรมชาติ เวลาขี่รถเที่ยวนี่ มันมีความสุขมากน้อยแค่ไหน... วันนั้นที่ไปขี่กับกลุ่ม ZX ที่เขาใหญ่ด้วยกันนี่ แฮปปี้มากเลยครับ ครบทุกบรรยากาศ ตั้งแต่สายลม แสงแดด แถมด้วยสายฝน อิๆๆ... สำคัญ กลุ่มนี้น่ารักมาก ความเร็วกำลังพอดีกันทั้งกลุ่มโดยไม่ได้นัดหมาย Average อยู่ที่ 80 kph ซึ่งกำลังเหมาะกับการขี่กินลมชมวิวเป็นอย่างมากเลย เพลินดีจริงๆ... ส่วนเรื่องความปลอดภัยในการขับขี่ พี่ว่าลองไปขี่รถกับหลายๆกลุ่มดู แต่ละกลุ่ม nature ในการขับขี่จะไม่เหมือนกัน บางกลุ่มแม้ใช้ความเร็วสูง แต่กลับสามารขับขี่กันได้อย่างปลอดภัย และเราสามารถทดลองขี่ไปกับกลุ่มเขาดู เพื่อเรียนรู้ว่า วิธีการขี่รถที่ย่านความเร็วนั้นโดยปลอดภัย มันมีเทคนิคยังไงบ้าง วีธีเกาะไลน์ ดูไลน์ วิธีการแซง การเข้าโค้ง หรือวิธีการให้สัญญาณไฟ และสัญญาณแบบอื่นๆ โดยเล็งๆเอาที่ลีดเดอร์คนที่เก่งๆเอาไว้เป็นตัวอย่าง แอบครูพักลักจำบ้าง ถามเขาตรงๆบ้าง... หรือลองไปขี่กับกลุ่มที่ชอบขี่แบบชิลๆ ว่าถ้าไปกลับกลุ่มที่ความเร็วระดับนี้ เขามีเทคนิคขับขี่ที่ปลอดภัยอย่างไร เวลาเจอกรวด เจอฝน เจอลม มีวีธีหลบกันยังไง ก็เก็บเกี่ยวให้เป็นทุกรูปแบบครับ พี่ว่าก็โอเคอยู่นะครับ... ว่าแต่ อาทิตย์ที่จะถึงนี่ไปป่าละอูกับชาวทะโมนด้วยใช่ไหมครับเนี่ย ควบน้องนินไปด้วยกันหรือเปล่า หรือว่าจะควบคันอื่นไปเอ่ย... ยังไงก็ขอให้ขับขี่ปลอดภัย มีความสนุกสนานกับเพื่อนเก่าและเพื่อนใหม่ที่กำลังจะทำความรู้จักกันด้วยละกันนะครับ... ส่วนพี่ ดูท่าน่าจะไม่ได้ไปนะงานนี้ เพราะคนออกวีซ่ายังเงียบอยู่เลย ฮิๆๆๆ... จากคุณ : แมงกุดจี่ (Mangkoodjee) เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 54 13:35:28

ความคิดเห็นที่ 98 จาก 90#... เอามาลงให้ดูเพิ่ม เฟรมสไลเดอร์ที่โย้ไป ตอนที่ปะทะกะวอลโลในครานั้น... จากคุณ : แมงกุดจี่ (Mangkoodjee) เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 54 10:08:22

ความคิดเห็นที่ 99 เจ๋ย เฉี่ยวขาไปเลยดิเนี่ย พี่ จากคุณ : เตี้ย ล่ำ ดำ แก่ เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 54 10:09:59

ความคิดเห็นที่ 100 อันนี้เป็นไฟเลี้ยวที่โดนกระแทกแล้ว น็อตกระเด็นหลุดไป แก้ปัญหาเฉพาะหน้าแบบนี้ไปก่อน กลับมา กทม ค่อยมาเบิกน๊อตตัวใหม่ที่ 0 พร้อมเปลี่ยนเฟรมสไลเดอร์... จากคุณ : แมงกุดจี่ (Mangkoodjee) เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 54 10:10:41

ความคิดเห็นที่ 101 ถูกครับน้องแต๊ก ตอนนั้นเหตุการณ์มันเกิดขึ้นรวดเร็วมาก จนไม่รู้อะไร ไปเฉี่ยวกับอะไรบ้าง เสียวแข้งขา วูบๆๆวาบๆๆไปหมด... แต่จำได้ว่า มีสีรถวอลโว ติดตุ้มปลายแฮนด์ FZ6 กลับมาด้วยอ๊ะ... จากคุณ : แมงกุดจี่ (Mangkoodjee) เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 54 10:13:13

ความคิดเห็นที่ 102 ในเมื่อทำประกันรถแล้ว ก็อย่าลืมทำประกันชีวิตและประกันอุบัติเหตุเพิ่มเติม  ไปด้วยนะครับ มันมีความสำคัญอันดับต้นๆเมื่อมีเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้น  ขอบคุณที่นำประสบการณ์มาเล่าสู่กันฟังครับ จากคุณ : เขาใหญ่ (tanachitt1) เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 54 12:59:44

ความคิดเห็นที่ 103 แวะเข้ามาอ่าน เรื่องเล่าของพี่โน๊ตครับ สยองมากเลย ได้ความรู้และข้อคิดด้วย ขอบคุณครับ จากคุณ : neo1982 เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 54 11:47:27

ความคิดเห็นที่ 104 แวะ มาแอบอ่านค่ะ เพราะโดนเหมือนกัน อุบัติเหตุ เราระวังไม่ชนใคร เค้าก็อาจจะมาชนเราได้อยู่ดี ระวังตัวกันด้วยนะคะยิ่งรถที่เปลี่ยนเลนส์กระทันหันยิ่งหน้ากลัวค่ะ จากคุณ : Play-girl (bike is my life) เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 54 04:19:21